เพจ คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง, 17 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 กันยายน 2017
  2. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้วัตถุทานจะบริสุทธิ์ดี เจตนาในการทำทานจะบริสุทธิ์ดี จะทำให้ทานนั้นมีผลมากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับเนื้อนาบุญเป็นลำดับต่อไปนี้ คือ

    ๑ . ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าใ…ห้ทานดังกล่าวแก่มนุษย์ แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมเลยก็ตาม ทั้งนี้เพราะสัตว์ย่อมมีวาสนาบารมีน้อยกว่ามนุษย์และสัตว์ไม่ใช่เนื้อนาบุญที่ดี

    ๒ . ให้ทานแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมวินัย แม้จะให้มากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๓ . ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้มีศีล ๘ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๔ . ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่ผู้มีศีล ๑๐ คือสามเณรในพุทธศาสนา แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๕ . ถวายทานแก่สามเณรซึ่งมีศีล ๑๐ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระสมมุติสงฆ์ ซึ่งมีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อ
    พระด้วยกันก็มีคุณธรรมแตกต่างกัน จึงเป็นเนื้อนาบุญที่ต่างกัน บุคคลที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนามีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสเรียกว่าเป็น ” พระ ” แต่เป็นเพียงพระสมมุติเท่านั้น เรียกกันว่า ” สมมุติสงฆ์ ” พระที่แท้จริงนั้น หมายถึงบุคคลที่บรรลุคุณธรรมตั้งแต่พระโสดาปัตติผลเป็นพระโสดาบันเป็นต้นไป ไม่ว่าท่านผู้นั้นจะได้บวชหรือเป็นฆราวาสก็ตาม นับว่าเป็น ” พระ ” ทั้งสิ้น และพระด้วยกันก็มีคุณธรรมต่างกันหลายระดับชั้น จากน้อยไปหามากดังนี้คือ ” พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธมเจ้า ” และย่อมเป็นเนื้อนาบุญที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

    ๖ . ถวายทานแก่พระสมมุติสงฆ์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่ – พระโสดาบัน แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ( ความจริงยังมีการแยกเป็นพระโสดาปัตติมรรคและพระโสดาปัตติผล ฯลฯ เป็นลำดับไปจนถึงพระอรหัตผล แต่ในที่นี้จะกล่าวแต่เพียงย่นย่อพอให้ได้ความเท่านั้น )

    ๗ . ถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระสกิทาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๘ . ถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอนาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๙ . ถวายทานแก่พระอนาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอรหันต์ แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๑๐ . ถวายทานแก่พระอรหันต์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๑๑ . ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแด่พระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๑๒ . ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายสังฆทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๑๓ . การถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่า ” การถวายวิหารทาน ” แม้จะได้กระทำแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ” วิหารทาน ได้แก่การสร้างหรือร่วมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาโรงธรรม ศาลาท่าน้ำ ศาลาที่พักอาศัยคนเดินทางอันเป็นสาธารณะประโยชน์ที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ” อนึ่ง การสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์หรือสิ่งที่ประชาชนใประโยชน์ร่วมกัน แม้จะไม่เกี่ยวเนื่องกับกิจในพระพุทธศาสนา เช่น ” โรงพยาบาล โรงเรียน บ่อน้ำ แท็งก์น้ำ ศาลาป้ายรถยนต์โดยสารประจำทาง สุสาน เมรุเผาศพ ” ก็ได้บุญมากในทำนองเดียวกัน

    ๑๔ . การถวายวิหารทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ( ๑๐๐ หลัง ) ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ ” ธรรมทาน ” แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ” การให้ธรรมทานก็คือการเทศน์ การสอนธรรมะแก่ผู้อื่นที่ยังไม่รู้ให้รู้ได้ ที่รู้อยู่แล้วให้รู้ยิ่งๆขึ้น ให้ได้เข้าใจมรรค ผล นิพพาน ให้ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิได้กลับใจเป็นสัมมาทิฐิ ชักจูงผู้คนให้เข้าปฏิบัติธรรม รวมตลอดถึงการพิมพ์การแจกหนังสือธรรมะ ”

    ๑๕ . การให้ธรรมทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ ” อภัยทาน ” แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้อภัยทานก็คือ ” การไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรู ” ซึ่งได้บุญกุศลแรงและสูงมากในฝ่ายทาน เพราะเป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อ ” ละโทสะกิเลส ” และเป็นการเจริญ ” เมตตาพรหมวิหารธรรม ” อันเป็นพรหมวิหารข้อหนึ่งในพรหมวิหาร ๔ ให้เกิดขึ้น อันพรหมวิหาร ๔ นั้น เป็นคุณธรรมที่เป็นองค์ธรรมของโยคีบุคคลที่บำเพ็ญฌานและวิปัสสนา ผู้ที่ทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ย่อมเป็นผู้ทรงฌาน ซึ่งเมื่อเมตตาพรหมวิหารธรรมได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อใด ก็ย่อมละเสียได้ซึ่ง ” พยาบาท ” ผู้นั้นจึงจะสามารถให้อภัยทานได้ การให้อภัยทานจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยากเย็น จึงจัดเป็นทานที่สูงกว่าการให้ทานทั้งปวง
    อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้ทานอื่น ๆ ทั้งมวล ผลบุญนั้นก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า ” ฝ่ายศีล ” เพราะเป็นการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน

    10154340_504314123013669_8744042294159286888_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  3. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1504369803_753_hqdefault.jpg

    http://youtu.be/tQWzwfuBWJI
    (วีดีโอ ) ตอบปัญหาทางธรรมและการปฏิบัติธรรม ที่ บ้านสายลม – โดย พระเดชพระคุณ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) แห่ง วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อ.เมือง จ.อุ…
    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1504369564_165_hqdefault.jpg

    http://youtu.be/2ZmlZItUcks
    (วีดีโอ ) ตอบปัญหาทางธรรมและการปฏิบัติธรรม ที่ บ้านสายลม – โดย พระเดชพระคุณ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) แห่ง วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อ.เมือง จ.อุ…
    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  5. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    1504369323_638_hqdefault.jpg

    http://youtu.be/sFMBeprhGPs
    (วีดีโอ ) ตอบปัญหาทางธรรมและการปฏิบัติธรรม ที่ บ้านสายลม – โดย พระเดชพระคุณ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) แห่ง วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อ.เมือง จ.อุ…

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  6. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    การโมทนา” เขาแปลว่า ยินดีด้วย
    ต้องยินดีด้วยความจริงใจนะ
    สักแต่ว่า สาธุ มันไม่ได้อะไร

    คำว่า “สาธุ” ไม่จำเป็นต้องออกเสียง
    ไม่จำเป็นต้องยกมือไหว้ก็ได้…
    เอาใจยินดีใช้ได้เลย

    และการแสดงความยินดีมันก็คือ “มุทิตา”
    เป็นตัวหนึ่งใน พรหมวิหาร ๔ นี่บุญตัวใหญ่
    ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า

    “จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา”
    ถ้าก่อนตายจิตผ่องใสก็ไปสู่สุคติ
    หมายถึง สวรรค์ ก็ได้ พรหมก็ได้
    นิพพานก็ได้ สุดแล้วแต่กำลังใจเรา

    และการโมทนานี่ทำให้ชุ่มชื่นใจ ใช่ไหม
    เขาทำดีเรายินดีด้วย ยินดีกับความดีของเขา
    ไม่ช้าเราก็ดีตามเขา เพราะเราเห็นเขาดี
    เราก็ชอบดีใช่ไหม แต่อย่าไปชอบดีเฉย ๆ นะ
    ต้องทำดีด้วยนะ ทำบุญด้วยตนเองบ้าง

    10007407_504318946346520_8887956983193778695_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  7. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ~ ทำกรรมฐานได้ผลดีบ้าง-เลวบ้าง อย่ากลุ้มใจ เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยง และอย่าเอาผลการปฏิบัติในแต่ละวัน แต่ละเวลาไปวัดกัน มันจักทำให้ท้อถอย เพราะจิตมักจะติดดี คือยึดผลของการปฏิบัติมาเป็นมาตรฐานของการวัด ซึ่งมันไม่ถูก เพราะขึ้นอยู่กับสุขภาพของร่างกาย ซึ่งแปรปรวนอยู่เป็นปกติ ขึ้นอยู่กับสภาพของจิต ซึ่งมีอารมณ์แปรปรวนอยู่เป็นปกติ นี่เป็นเพราะตัวอุเบกขายังอ่อนกำลังอยู่ หรือสังขารุเบกขาญาณยังอ่อนไปนั่นเอง ~

    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๕ หน้า ๗๙
    รวบรวมโดย : พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

    485565_504601349651613_7985786568034187609_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  8. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
  9. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    maxresdefault.jpg

    http://youtu.be/iE8PBr8coUQท้าวมหาพรหมในชั้นสุทธาวาสทั้ง ๕ ได้ลงมาประกาศแก่ชาวโลกว่า นับแต่นี้ไปอีกแสนปี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ผู้ที่ปรารถนาจะพบพระองค์ต้องรักษาศีล …
    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  10. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    พระจนไปสวรรค์
    มาตอนนี้ขอเหาะตามท่านมหาโมคคัลลาน์บ้าง คืนหนึ่งท่านไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท่านเห็นเทพบุตรคนหนึ่งมีนางเทพอัปสรเป็นบริวารห้อมล้อมมากมาย วิมานก็สวยสดงดงาม สวยกว่าวิมานของนางเทพธิดามนุษย์ขี้เหนียวมาก รัศมีกายก็สว่างมากมายยิ่งนัก หาเทวดาที่สว่างเท่านั้นยาก จึงขนานนามท่านผู้นี้ว่า อเณกวรรณเทพบุตร เมื่อพบแล้วท่านถามว่า เมื่อเป็นมนุษย์ทำบุญอะไรไว้จึงมีบุญญาธิการขนาดนี้ ท่านเทพบุตรตอบว่า เมื่อเป็นมนุษย์ผมเป็นสาวกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า สุเมธ ผมเป็นปุถุชนยังไม่ได้ตรัสรู้มรรคผลบวชอยู่ ๗ พรรษา เมื่อพระศาสดานิพพานแล้ว ได้ไหว้พระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุเป็นปกติ มีความเลื่อมใสพระบรมธาตุของพระองค์เท่ากับพระพุทธเจ้า ไม่มีการให้ทานเพราะจน ไม่มีอะไรจะให้ แต่ชักชวนคนอื่นให้ทานและชักชวนให้คนอื่นบูชาพระบรมธาตุ โดยแนะนำว่าได้ยินหรือรู้มาว่า คนที่บูชาพระบรมธาตุตายแล้วไปสวรรค์ การทำบุญเพียงเท่านี้เป็นเหตุให้ผมได้อานิสงส์ตามที่พระคุณเจ้าเห็นอยู่นี้ครับ ไม่มีคำอธิบาย เพราะพระสูตรอธิบายหมดแล้ว
    หนังสืออ่านเล่น เล่มที่ 1 โดย.. ส. สังข์สุวรรณ

    10176196_505506712894410_3604867802157330819_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  11. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ท่านพระยายม ฝากหลวงพ่อ มาบอกกับลูกหลาน ว่าเวลาทำบุญ ให้
    บอกท่านเป็นพยาน และโมทนาด้วย เกิดเวลาตายนึกถึงบุญไม่ออก
    ไปผ่านสำนักท่าน ท่านจะบอกว่าทำบุญอะไรไว้บ้าง แล้วส่งให้ไป
    สวรรค์ก่อน
    ถึงนรกแล้ว ก็ไปสำนักของพระยายม แกนั่งพุงปลิ้น ก็คุ้นเคยกับท่านดี เราก็ถามว่า เคยเป็นเพือนกันมาก่อนไม่ใช่หรือ เขาก็เลยอ้างตัวเองว่า็เป็นพี่เมีย(สมัยเป็นมนุษย์) ลงอีแบบนี้เราก็เลยเบ่งมันเลย(เป็นญาติกับพระยายม)
    ถามว่า”วันนี้ไม่ไปจุฬามณีหรือ”ก็บอกว่า”ไป แต่เดียวนั่งคุยกันก่อน
    ซิ” เขาก็เลยหยิบบัญชีนรกออกมาปึกหนึ่ง วันนี้เป็นวันส่งบัญชี
    อยากจะรู้เรื่องขึ้นมา เขาหยิบขึ้นมาให้ดู แกพูดอย่างปวดหัว
    แกบอกว่า “ดูซิท่าน คนทั้งโลกนะ บัญชีคนทำบุญจริงๆ วันนี้นะชั่ว7
    วัน มันไม่ถึงล้านคน คนทั้งโลกนะ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย”แล้ว
    แกก็หยิบบัญชีคนทำผิดขึ้นมาปึกเบ่อเร่อ บอกว่า “นี่แน่ะดูซิท่าน
    นี่นะเัป็นบัญชีคนทำบาปทั้งนั้น แต่ไอ้ที่บาปผสมบุญ(หมายความว่า
    ทำบาปบ้าง ทำบุญบ้าง)แต่้ไอ้ที่บาปจริงๆมันมาก
    แล้วแกก็เลยสั่งบอกว่า ไอ้ท่านนี่มันลืมเรื่อยนะ
    ถาม “ทำไม”
    ผมเคยสั่งท่านแล้วนะ ใำ้ห้บอกลูกหลาน เวลาทำบุญอุทิศส่วนกุศล
    บอกผมบ้าง ให้ผมเป็นพยาน
    ถามว่า”เพื่ออะไร”
    บอก”อ้าว เขาบอกให้ผมเป็นพยาน แล้วแดนนี้มันเป็นแดนกันคนลง
    นรก ไม่ใช่เอาลงนรก กันไว้ แล้วเวลาใครพลัดลงมาละก็ ผมจะได้
    บอกว่าเขาทำบุญ เขาเคยบอกให้ผมโมทนานะ จำได้ เขามีความดี
    อยู่ ควรให้ผลของความดีก่อน ก็เัลยไล่เปิดขึ้นมาเสียก่อน
    (ไปสวรรค์ก่อน) นี่มันเท่านี้แหละ ไอ้ท่ีานก็ลืมเรื่อย”
    ก็เลยบอกเขาว่า”ไอ้เมืองนรกนี่มันมีการคอรัปชั่น เล่นพวกเล่นพ้อง
    เหมือนกันเรอะ” ท่านบอกว่า”เหอะ ไม่เล่นหรอก ใครบอกข้า(โมท
    นา)ข้าก็จำทั้งนั้นแหละ ช่วยทั้งนั้น แต่ว่าถ้าไม่บอก ก็ไม่ช่วย
    (ถึงเป็น)ลูกหลานข้า ก็ไล่มันลงไปตามกรรม
    สนทนาธรรม เล่ม 8

    10258732_505507312894350_4991027352230688053_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    วิธิฝึกตาทิพย์แบบสั้นๆ ง่ายๆ
    *********************
    ฝึกทิพยจักษุญาณแบบโบราณ

    ท่านวางแบบของท่านไว้ว่า ให้จัดธูป 7 ดอก เทียนหนัก 1 บาท 7 เล่ม ดอกไม้ 7 กระทง ข้าวตอก 7 กระทง บาตรใส่น้ำเต็ม 1 ใบ ท่านให้ภาวนาด้วยคาถานี้ตามแต่จะสบาย

    คาถาภาวนา

    นะมะพะทะ พุทโธ โลกทีปัง อาโลกกสิณัง วิโสธายิ

    ธัมโม โลกทีปัง อาโลกกสิณัง วิโสธายิ

    สังโฆ โลกทีปัง อาโลกกสิณัง วิโสธายิ

    เมื่อภาวนาจนจุใจแล้ว ท่านให้เอาน้ำมนต์ในบาตรนั้นอาบทุกๆ วัน ตามตำราท่านว่าทำอย่างนี้ 7 วัน ของท่านได้ทิพยจักษุญาณ จงรักษาสมาธิให้ดี ดูของท่านแล้วก็อาโลกกสิณดีๆ นั่นเอง ถ้าว่าคาถาเป็นนกแก้วนกขุนทองไม่มีหวังแน่ ต้องตั้งอารมณ์ตามแบบกสิณ มีหวังแน่ตามที่ท่านบอกไว้

    ———————————

    จาก “คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน”
    โดย พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)

    10253953_506395682805513_4244316874527534111_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  13. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    เวลาไหนที่เราฝึกหัด อิริยาบถ เดินไปข้างหน้า ถอยมาข้างหลัง แบบเดินธรรมดา อิริยาบถนี่พระพุทธเจ้าต้องการอย่างเดียว อย่างเราเดินไปบิณฑบาต เดินไปทำธุระ ทำกิจการงานทุกอย่าง ให้รู้อยู่ว่าเวลานี้เราทำอะไร ให้ถืออารมณ์ปกติ เราเดินธรรมดา นี่เราก้าวเท้าซ้าย เราก้าวเท้าขวา ก้าวไปข้างหน้า หรือถอยมาข้างหลัง เหลียวซ้าย หรือเหลียวขวา ใช้สติเข้าควบคุม ทีนี้ก็อย่าลืมนะ เราต้องมี โพชฌงค์ ประจำใจ แล้วก็มี อานาปานุสสติ ประจำอยู่ตลอดเวลา อย่าทิ้งนะแม้แต่พระพุทธเจ้ายังไม่ทิ้ง ถ้าพวกคุณทิ้ง อานาปานุสสติ แสดงว่าพวกคุณดีกว่าพระพุทธเจ้า
    ท่านผู้ใดปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าไม่สามารถจะทำจิตปลงให้ตกในด้าน กายคตานุสสติกรรมฐาน ทำจิตเป็นเอกัคตารมณ์ มีอารมณ์อย่างเดียว เห็นว่าร่างกายของเราก็สกปรก ร่างกายคนอื่นก็สกปรก เป็นของไม่น่ารัก ถ้าไม่สามารถผ่านกรรมฐานบทนี้ไปได้ ความเป็น พระอนาคามี ไม่ปรากฏแก่ท่านแน่ ๆ
    อ้างอิงจากหนังสือโอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุงเล่ม ๑

    10169205_506396156138799_8419029963657077774_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    “.. เพราะความดีของลูกของพ่อทุกคน ทั้งลูกหญิงลูกชาย ตลอดจนกระทั่งลูกที่เป็นพระและเณร เป็นคนดีทั้งหมด ภาระทุกอย่างที่พ่อหนักอยู่ เป็นอันว่าทุกคนก็ ช่วยกันแบกและแบกจนกระทั่งพ่อคาดไม่ถึง เป็นอันว่าความดีของลูกมันเกินกว่าที่พ่อจะพรรณนาถึงความดี ..

    คำว่าเหนื่อยเพื่อลูกจึงไม่มีสำหรับพ่อ มันเหนือความเหนื่อย และเหนือความเบื่อหน่ายของพ่อ ถึงแม้พ่อจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็ตาม ไม่มีความสำคัญ เพราะว่าพ่อเห็นว่า ชีวิตของพ่อไม่มีความสำคัญไปกว่าความดีของลูก ลูกของพ่อทุกคนมีความดี พึงดี ลูกทุกคนรักพ่อ ลูกทุกคนยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อพ่อ ลูกทุกคนพยายามสละผลประโยชน์ทุกอย่างเพื่อพ่อ ความดีของลูกอย่างนี้เป็นปัจจัยให้พ่อรักลูกทุกคนยิ่งกว่าชีวิตของพ่อ ..

    ฉะนั้น ขอบรรดาลูกทุกคน จงรักษาความดีของลูกไว้ เหมือนเกลือรักษาความเค็ม ชีวิตและร่างกายของพ่อไม่มีความสำคัญ ถ้าห่วงมันมากเท่าไร ประโยชน์ที่ลูกจะพึงได้ ก็จะน้อยไปเท่านั้น เพราะวันเวลาที่เราพึงจะต้องตาย เราห้ามมันไม่ได้ มันมีเวลาแน่นอน พ่อไม่อยากจะจากลูกไป พ่อรักลูกทุกคนมาก พ่อสงสารลูกทุกคน เห็นน้ำใจของลูก แต่ลูกรัก ขันธ์ ๕ พ่อห้ามมันไม่ได้ ..

    ฉะนั้น สิ่งใดก็ตามถ้าเป็นประโยชน์แก่ลูก พ่อจะทำทุกอย่างเพื่อลูกของพ่อ และพ่อจะไม่ห่วงใยอาลัยในชีวิตของพ่อ ถึงแม้ว่าเลือดและเนื้อของพ่อ จะเหือดแห้งไปก็ตามทีหรือว่าชีวิตนทรีย์ของพ่อจะสลายไปก็ตาม พ่อทำทุกอย่างได้เพื่อลูก ..”

    หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    10245460_507210796057335_8214050283686738643_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  15. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    รักษาอารมณ์ให้เห็นความไม่เที่ยงของสังขาร
    โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
    ให้พยายามพิจารณาใคร่ครวญเสมอ ๆ ว่า
    สังขารนี้มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้นแล้ว
    ต่อไปก็แตกสลายทำลายไปหมด
    ไม่มีสังขารประเภทใดเหลืออยู่
    พยายามหาเหตุผลในคำสอนนี้ให้เห็นชัด
    ดูตัวอย่างคนที่เกิดแล้วตาย
    ของที่มีขึ้นแล้วแตกทำลาย
    ดูแล้วคิดทบทวนมาหาตน
    และคนที่รักและไม่รัก
    ของที่มีชีวิตและไม่มี
    คิดว่านี่ไม่ช้าก็ต้องตาย
    พิจารณาทบทวนอย่างนี้จนอารมณ์เห็นเป็นปกติ
    ได้อะไรมา เห็นอะไรก็ตาม แม้แต่เห็นเด็กเกิดใหม่
    อารมณ์ใจก็คิดว่า นี่ไม่ช้ามันก็พัง ไม่ช้ามันก็ทำลาย
    แม้แต่ร่างกายเรา ไม่ช้ามันก็สิ้นลมปราณ
    อะไรที่ไหน ที่เราคิดว่ามันจะยั่งยืนถาวรตลอดกาลไม่มี
    รักษาอารมณ์ให้เป็นอย่างนี้

    224800_507213982723683_8903135808855811571_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ทาน ศีล ภาวนา
    ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง จะถึงนิพพานไม่ได้
    ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    ทานนั้นเป็นปัจจัยตัดโลภะ ความโลภ เป็นก้าวหนึ่งที่จะถึงนิพพาน ศีลเป็นเหตุตัดโทสะ ความโกรธ เป็นก้าวที่สองที่จะทำให้ถึงนิพพาน ภาวนาเป็นตัวตัดกิเลสตัวสำคัญทั้งใหญ่และเล็ก เป็นปัจจัยให้กิเลสหมดจริง เข้าถึงนิพพานแน่นอน แล้วทั้ง ๓ อย่างนี้ จะถืออะไรสำคัญกว่ากันไม่ได้เลย ต้องถือว่าสำคัญเท่ากัน ถ้าเราขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง เราจะถึงนิพพานไม่ได้

    1184845_507214862723595_336836008999035739_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  17. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    เรื่อง อย่าทำ

    “อย่าทำอารมณ์ให้วุ่นวาย อย่าใจน้อย อย่าคิดมาก จงคิดไว้เสมอว่า เราต้องตาย อย่าห่วงคนอื่น มากเกินกว่ากฎของกรรม จงนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก อย่าทะเยอทะยานเรื่อง ยศศักดิ์ ถึงเวลามันได้ ถึงเวลามันมี ทำใจสบาย จะมีความสุข เรื่องลูกก็ขอให้ตั้งอารมณ์ไว้ ในฐานะพ่อแม่ที่ดี แต่อย่าดิ้นรนเกินพอดี จะเป็นทางตัดนิพพานให้ไกลออกไป”

    คำสอน พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    1926879_508030615975353_455589950376175129_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  18. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    ด้านสมาธิก็ฝึกซ้อมไว้เป็นปกติ เวลาฝึกซ้อมไม่ต้องไปนั่งหลับตา หลับตามันไม่เก่ง ลืมตาอยู่อย่างนี้แหละให้จิตมันทรงสมาธิ ลืมตาอยู่อย่างนี้แหละให้จิตมันทรงตัว ยอมรับนับถือกฎของธรรมดาและความเป็นจริง เห็นอะไรเข้าตายหมด เห็นคน คนตาย เห็นสัตว์ สัตว์ตาย เห็นวัตถุธาตุ วัตถุธาตุพัง แล้วก็นึกถึงว่า เราจะต้องตายเหมือนกัน นี่ต้องถอยหน้าถอยหลังจะก้าวไปแต่ข้างหน้า แล้วก็ไม่เหลียวหลัง ท่านทั้งหลายที่ระงับความวุ่นวายของจิตไม่ได้นั้นน่ะ เขาเรียกว่า สีลัพพตปรามาส เป็นผู้ลูบคลำในศีล จิตตปรามาส ลูบคลำในสมาธิ ปัญญาปรามาส ลูบคลำใน วิปัสสนาญาณ ทำเท่าไร เท่าไรก็ไม่พ้นความวุ่นวายของจิต มีอารมณ์หุนหันพลันแล่น โฉงเฉงโวยวาย ปราศจากเหตุผล คนประเภทนี้ทำกี่แสนกัปก็ลงนรก เพราะสักแต่ว่าปฏิบัติ ไม่รู้จักพิจารณาจิตตัวเองว่า ดีหรือชั่ว

    จาก โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุงเล่ม ๑

    1010218_510182872426794_5784151055279761122_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  19. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    สมเด็จองค์ปฐมทรงตรัสสอน
    ปกิณกะธรรม เล่มที่ ๑๐

    ทำจิตให้เหมือนดูหนัง ดูละครผ่านไปแล้วก็ผ่านเลย หรือทำจิตให้เหมือนกระจกเงา อะไรผ่านเข้ามาก็เห็นหมด แต่เมื่อเลยไปแล้วกระจกเงาก็มิได้ยึดภาพเหล่านั้นไว้เลย

    ให้ยอมรับนับถือกฎของกรรม อย่าไปตำหนิใครว่าเลวหรือชั่ว นั่นเป็นเพราะอกุศลเข้าครอบงำจิต จึงทำไปตามอำนาจของกรรมที่เป็นอกุศล

    อย่าลืม คนดีเขาไม่ด่าคน ไม่เสียดสีคน ไม่นินทาคน จิตเราไม่ดีเองที่ไปเก็บเอาคำสรรเสริญคำนินทา หรือกรรมของผู้อื่นมายึดถือว่าเป็นเราเป็นของเรา

    ร่างกายเป็นเครื่องผูกสัตว์ให้หลงยึดเป็นอัตตาตัวตน เป็นบ่วงล่อให้จิตของสัตว์โลกหลงติดอยู่ในรูปในนามนี้ แม้กระทั่งหลงอยู่ในกายพรหม เทวดา นางฟ้า ก็ยังเป็นอุปาทานขันธ์๕ อยู่ดี

    ให้ดูอารมณ์ที่เกิด – ดับ จักทุกข์ก็ดี จักสุขก็ดี มันไม่มีอะไรเที่ยง

    จำไว้โลกแก้ไม่ได้ ให้แก้ที่จิตของตนเอง เพื่อให้พ้นไปเสียจากโลก

    จิตมีสภาพเกาะติด จึงต้องใช้ปัญญาหาต้นเหตุให้พบ จึงจักแก้ได้(ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)

    พิจารณาธรรมทั้งหลายที่เข้ามากระทบ คือ อายตนะทั้ง ๖ ทุกเรื่องล้วนทำให้เกิดทุกข์ หากเอามาเป็นกรรมฐาน จักได้ประโยชน์จากการกระทบนั้นอย่างมหาศาล

    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
    ภาพจาก วัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา

    10253907_510186292426452_715745954827458801_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  20. ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง

    ศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    4,338
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +121
    รวมพระคาถาหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    พระคาถาจะมีผล ผู้ท่องจะต้องมีศรัทธา มีศีลบริสุทธิ์
    มีสมาธิตั้งแต่ปฐมฌาน ขึ้นไป คือให้ท่องบ่อยๆ จนจิตเป็นฌาน

    1. พระพุทธคาถา…
    สัมมาสัมพุทธัสสะ พระอะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ
    สวดทุกคืน คืนละ 7 จบ
    อานุภาพคาถามีดังนี้
    1. ศัตรูจะพินาศไปเองเมื่อคิดประทุษร้าย
    2. จะเกิดผลในด้านมงคลทุกประการตามที่ปรารถนา
    3. จะสามารถเห็นได้แจ่มแจ้งด้วยญาณ เห็นได้ชัดเจนทุกประการ
    และทุกขณะที่ประสงค์จะเห็น
    4. เป่าให้ศิษย์ผู้เรียนทิพยจักขุญาณ และเรียนไปปรโลกได้
    มีญาณเครื่องเห็นแจ่มใส

    2. คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า
    ตั้งนะโมฯ 3 จบก่อนแล้ว นมัสการสรณคมณ์
    (พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆังสรณัง คัจฉามิ)
    แล้วให้สมาทานศีล 5 (ปาณา ฯลฯ สุราเมระยะฯ )
    แล้วจึงท่อง พุทธะ มะ อะ อุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
    วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ
    พุทธัสสะ สวาโหม
    สวดเช้าเย็น ครั้งละ 9 จบ จะทำให้มีความคล่องตัวในความเป็นอยู่
    เงินไม่ขาดมือ.

    3. คาถาอภิญญารวม
    โสตัตตะภิญญา

    4. คาถารวมจิต
    อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง

    5. คาถาปราโมทย์
    ปราโมทย์

    6. คาถาพระนิพพานนิมิต
    นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ นิพพานจิตตา

    7. คาถาขีณาสวานิตยา และนิพพานสุขัง
    ขีณาสวานิตยา และนิพพานสุขัง

    8. คาถาเรียกจิตคน
    จิตตะ มหาจิตตัง ปิยัง มะมะ (เรียกจิตคนสำหรับเทศน์ อบรม สนทนา ทำให้ใจคนน้อมมาหา)

    9. คาถาสนองกลับผู้กระทำไสยศาสตร์
    สัมปจิตฉามิ

    10. คาถาป้องกันคุณไสย และกันยาพิษ ยาสั่ง
    เมสัมมุขา สัพพาหะระติ เตสัมมุขา

    11. คาถากำบังตัว
    สัมปะติจฉามิ

    12. คาถากันฟ้าผ่า
    อากาเสจะ พุทธทิปังกะโร นะโมพุทธายะ

    13. คาถาสมเด็จพระพุทธกัสสป
    ๑ พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ ศัตรูทั้งหลาย วินาศสันติ
    ๒ พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ โรคภัยทั้งหลาย วินาศสันติ
    ๓ ฆะเตสิ ฆะเตสิ กิงกะระณัง ฆะเตสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ
    หลวงพ่อบอกคาถาบทนี้ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๒๐ คาถาบทนี้
    ท้าวเวสสุวัณให้มา ท่านบอกว่าให้สวดมนต์ไว้ทุกคืน ก่อนอื่นให้
    ระลึกถึงบารมีของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์
    อันมีสมเด็จพระพุทธกัสสปทรงเป็นประธาน เพราะท่านเป็น
    เจ้าของถาถานี้
    พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ ศัตรูทั้งหลาย วินาศสันติ
    พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ โรคภัยทั้งหลาย วินาศสันติ
    ในบรรทัดที่ ๒ นี้รักษาโรค ท่านบอกว่าเสกน้ำให้กิน
    เสกอะไรให้กิน เสกข้าวให้กินก็ได้นะ
    แม้แต่ยาพิษมันก็สลายตัว อีกบทหนึ่งเป็นของพระพุทธเจ้า
    องค์ปัจจุบัน
    ฆะเตสิ ฆะเตสิ กิงกะระณัง ฆะเตสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ
    ทั้งสามบทนี้ท่านให้สวดพร้อมกันเลย เวลาฉันข้าวก็เสก
    กลางคืนก็ให้ภาวนาไว้นะ ภาวนาไว้สักครู เช้าเย็นอะไรนี่นะ
    ท่านบอกว่าศัตรูจะพินาศไปเอง สำหรับบทหลัง
    ศัตรูทำอะไรไม่ได้ จะทำอะไรแล้วเราจะต้องรู้อยู่เสมอ
    บทกลางนะทำลายโรคได้
    ทำลายโรคนี่ดีใช่ไหม เสกข้าวนะ ข้าวที่เราจะฉัน
    เสกทั้งหมด และคนอื่นกินก็เป็นยาไปหมด
    ให้เป็นยาสำรับคนอื่นด้วยนะ ดีไหม ถ้าเห็นว่าดี ถ้าคุณจะ
    ให้รักษานี่นะ ถ้าจะใช้รักษาโรค
    คุณจะต้องหาดอกบัวมา ๓ ดอก ธูป ๕ ดอก เทียน ๑ เล่ม
    บูชาขอต่อพระพุทธรูป
    (ผมเข้าใจว่า ถ้าไม่นำสิ่งที่ให้นำมาผลกรรมของโรคนั้น
    จะตกที่คนรักษา)
    ถ้าใครต้องการจะให้เรารักษา ต้องบังคับให้เขาเอาดอกบัว
    มา ๓ ดอกนะ ธูป ๕ เทียน ๑ เสกน้ำมนต์ เสกอะไร อะไรให้กิน
    ก็ได้ นั่งทำก็ได้ นอนก็ได้ ภาวนาให้เป็นฌาน
    เป็นฌานในกรรมฐานภายในตัวเสร็จ อย่าลืมนะ พระพุทธ
    พระธรรม พระสงฆ์ ก็ได้ผลเท่ากันเป็นฌาน

    14. คาถาพระอินทร์
    สหัสสเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ
    (ใช้กับการเรียน ให้อ่านหนังสือแล้วจำได้ ทำข้อสอบได้)

    15. พระคาถาเงินล้าน

    ตั้งนโม 3 จบ

    สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม

    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ(คาถาปัดอุปสรรค)

    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม(คาถาเงินแสน)

    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม(คาถาลาภไม่ขาดสาย)

    มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)

    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง

    วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ

    มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม(คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)

    สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)

    เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤๅๆ (คาถามหาลาภ)

    (บูชากี่จบก็ได้ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด ข้อความอธิบายในวงเล็บไม่ต้องสวด)
    (พรหมา-อ่านว่า พรม-มา)
    (สวาโหม-อ่านว่า สะ-หวา-โหม)

    พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

    หลวงพ่อได้คาถาบทเหล่านี้โดยตรงจากองค์สมเด็จฯ ตั้งแต่ปี 2517 เป็นเวลา 4 ปี
    จึงจะได้ครบถ้วน ท่านบอกว่า คาถาที่ได้จากกรรมฐาน เขาจะไม่บอกใคร
    เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2527 เวลา 23.59 น. องค์สมเด็จฯ ได้อนุญาตให้ลูกหลาน
    และพุทธบริษัทใช้ได้เป็นสาธารณะ เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่
    อีกทั้งการก่อสร้างของวัดท่าซุง จะต้องเร่งรัดให้เสร็จทันฉลองวัดในปี 2532
    จึงจำเป็นที่จะต้องใช้คาถาเหล่านี้ช่วย เพื่อพุทธบริษัท และลูกหลานของหลวงพ่อ
    มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

    คาถา”นาสังสิโม” หลวงพ่อให้ท่องเพิ่มเติมเมื่อปี 2532

    คาถา”เพ็งๆพาๆหาๆฤาๆ” พระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกหลวงพ่อ เมื่อ พฤศจิกายน 2533
    เป็นภาษาโบราณ แต่เทียบกับภาษาไทยอ่านได้อย่างนี้ เป็น”คาถามหาลาภ” มีผลยิ่งใหญ่มาก

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤษี วัดท่าซุง)

    10296572_511742685604146_4994545199693100970_n.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...