"เจดีย์ร้างที่บ้านวังสิงคำห์"

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 22 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    เมื่อปี พ.ศ.2488 ปลายสงครามโลกครั้งที่2 ผมรู้จักหมอผีชื่อดังผู้หนึ่ง อยู่บ้านเด่น อำเภอเมืองเชียงใหม่ ชื่ออาจารย์จันทร์ ผู้ขมังเวทย์ ทรงคุณวิชาไสยเวทย์สารพัด ได้เล่าให้ผมฟังถึงการที่เคยได้รับลายแทงบอกที่ซ่อนขุมทรัพย์ฉบับหนึ่ง ซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยในสมัยอยุธยา ที่เคยฝังไว้เมื่อคราวเสียกรุง ระบุถึงที่ซ่อนทรัพย์สินเงินทองที่ฝังไว้ไต้ฐานเจดีย์ร้าง ที่หมู่บ้านวังสิงค์คำ ริมฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นบ้านคหบดีชาวคริสเตียนผู้หนึ่ง ภายในบริเวณบ้านซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 4ไร่ มีเจดีย์ร้างเก่าแก่สูงประมาณ4เมตร และมีตึกสีแดงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างหลังเจดีย์ สถานที่นี้เป็นวัดร้าง ไม่ค่อยมีใครกล้ามาอาศัยอยู่ เพราะลือกันว่า " ผีกั่น " เฮี้ยนมากๆ วันพระวันโกน จะมีเสียงร้องโหยหวนมากจากตึกอยู่เนืองๆ อยู่มาวันหนึ่ง อาจารย์จันทร์ ก็ชวนบริวารลูกศิษย์ไปลักขุดตามแผนที่ลายแทงในเวลาค่อนดึก ก่อนไปก็ได้จัดการอุ่นเครื่องเลี้ยงฉลองด้วย แม่โขง เมื่อพรองไปแล้ว 1 ขวดกลม ขบวนนักขุดก็เริ่มดำเนินการขนหมูเห็ดเป็ดไก่ เครื่องเซ่นสังเวยใส่รถสามล้อ ถีบตรงไปที่เจดีย์ร้างดังกล่าว เมื่อถึงอาจารย์จันทร์ก็จุดธูปเทียนบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง แล้วจอมขมังเวทย์หมอผีชื่อดังก็เริ่มร่ายเวทมนตร์สยบผี โดยไม่ลืมวนด้ายสายสิญจน์ล้อมรอบตัวทุกคน อาจารย์เล่าด้วยขวัญที่ยังระทึกอยู่ไม่หายว่า เวลาค่อนข้างดึกของคืนนั้นเยือกเย็นและวังเวงอย่างบอกไม่ถูก ลมเย็นหอบหนึ่งกระโชกพัดมากระทบกายอย่างแรงจนแสงไฟจากเทียนพิธีดับ เสียงหมาหอนเยือกเย็นแว่วรับกันเป็นทอดๆ ขณะนั้นเอง ใต้ฐานเจดีย์ ที่เขานั่งทับทำพิธีก็มีเสียงกึกๆ กักๆ ดังจากซ้ายไปขวา คล้ายเกิดการเคลื่อนย้ายสิ่งของหนักๆด้วยคนหลายคน เสียงบริกรรมเวทมนตร์ก็ละล่ำละลักดังกระชั้นถี่ ฉับพลันนั้นเอง อาจารย์จันทร์ก็กระชากดายลงอาคมปักไปตรงบริเวณเสียงที่ดังลั่นขึกๆ อยู่ใต้ดิน โดยปักล้อมรอบเอาไว้ทั้งสี่ทิศเพื่อสกัดกั้นผีเฝ้าขุมทรัพย์มิให้ขนย้ายสิ่งของหลบหนี ทันใดนั้น บนยอดเจดีย์ก็มีเสียงร้องครวญครางราวกับได้รับความเจ็บปวด อาจารย์รีบยกจอบหมายจะขุดบริเวณที่ใช้ดาบปักล้อมไว้ข้างฐานเจดีย์ ขณะยกจอบเงี้อง่าจะขุด อาจารย์จันทร์ก็ล้มหงายหลังอย่างแรง เหมือนมีมือปีศาจมากระชาก พวกเขาก็แตกฮือวิ่งเผ่นกระเจิงออกนอกรั้วโดยไม่มีใครสั่งใคร หมอผีเองก็เผ่นกระโจนตามกันออกมาชนิดตัวใครตัวมัน อาจารย์จันทร์เล่าว่า พวกเขาเป็นไข้หัวโกร๋นกันไปหลายวันโดยไม่ได้นัดหมายกันเลย แล้วก็เข็ดไม่ยอมเป็นนักธรณีวิทยานอกระบบขุดสมบัติลายแทงกันอีก ถึงจะมีสมบัติมากมายแค่ไหนก็จะไม่ขอแตะต้องอีกชั่วชีวิต ข้อสังเกต ในบรรดานักขุดทั้งหลาย มีอยู่คนหนึ่งได้ขุดสมบัติจนร่ำรวย โดยสามารถตั้งโรงเลื่อยได้ แต่แล้วโรงเลื่อยก็ถูกไฟไหม้ไม่รู้สาเหตุ ครอบครัวได้รับความวิบัติต่างๆนาๆเป็นที่โจษขานกันในเมืองเชียงใหม่มาจนกระทั่งบัดนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...