องค์เทพ เทวดา

องค์เทพ เทวดา สามารถให้คุณกับมนุษย์ หรือช่วยดลบันดาลให้มนุษย์ ได้รับสิ่งที่ขอได้จริงหรือ ในเมื่อมนุษย์ต้องอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม ขอคําแนะนำด้วยครับ

 

ท่านจะช่วยผู้ที่บุญบารมีถึงพร้อมแล้ว สมควรได้ในสิ่งใด ท่านจะดลใจผู้ที่เกี่ยวข้องให้
แต่ไม่นอกเหนือกฎแห่งกรรม หากกรรมหนักยังบังอยู่ ไม่มีใครช่วยได้

เร่งสร้างบุญกุศล บารมีเข้าไว้ แล้วจะมีเทวดา ที่พร้อมจะคอยช่วยเหลืออีกเยอะ เพราะการช่วยเหลือผู้ที่มีบุญบารมี ในทางกุศล ก็เป็นการสร้างบุญของพวกเขาเหมือนกัน

 

คำสอนหลวงพ่อโต ยังอยู่ชัวฟ้าดินสลายนะ
บุญเราไม่เคยสร้าง....ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า ".......!
" ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีตนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอดเพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว....เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว...แล้วเจ้าจะมีอะไรในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้...แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง...! "
" จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้...ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่...จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า..."
คำเทศนาของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒจารย์( โต ) พรหมรังษี ( สร้างความดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด )
กราบหลวงพ่อโตคะ สาธุ สาธุ สาธุ คะ

 

หากตนไม่เคย"ทำเหตุปัจจัย"(กุศลกรรม)เพื่อให้ได้รับ"ผล"(กุศลวิบาก)ที่ตนหวัง อย่าว่าแต่เทวดาพรหมมารเลย แม้พระพุทธเจ้าผู้ทรงมี"อิทธิฤทธิ์"ยิ่งกว่าเทพเทวดาทั้งหมด ก็ยังไม่ทรงอาจเสกเป่าอะไรๆให้ใครได้อะไรๆได้เลย..ถ้าว่าพระองค์ทำได้แล้วไซร้ พระองค์ผู้ทรงมีเมตตายิ่งกว่าใครๆคงทรงเสกเป่าให้ทุกคนร่ำรวยเท่ากันหมดแล้ว..แต่ไม่ปรากฏเคยมีเหตุการณ์ทำนองนี้ในพระไตรปิฎกเลย..

ดังนั้น การที่ใครจะคิดว่าเทวดาสามารถเสกเป่าอะไรๆให้ใครๆได้โดยปราศจากเหตุผลแห่งกรรมมาเกี่ยวข้องแล้ว ย่อมเป็นความเข้าใจผิดและเห็นผิดอย่างเดียวเท่านั้น...จึงพึงทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ดี..มิฉะนั้นอาจพลาดพลั้ง ตกไปสู่ลัทธิ"พระผู้เป็นใหญ่บันดาล" ได้โดยง่ายดาย ..นะครับ

 

ไม่ได้

ไม่ได้ สร้างเอง ทําเอง ก็ รับไปเอง

 

ช่วยได้บ้างหากมีเหตุจำเป็น รวมถึงบุญเรามีพอ ไม่น้อยเกินไปขอหยิบยืมจากเทพเทวดาสักหน่อยก็พอได้

 

...ในสายผมเท่าที่รู้
กรณีที่ 1.องค์เทพ(บางองค์)สามารถช่วยเรื่องกรรมได้ แต่ตัวเค้าเองบุญบารมีที่สร้างไว้ก็จะถูกลดลงไปด้วย
กรณีที่ 2.เมื่อเวลาข้างหน้าเราจะมีทุกข์(ไม่บอกว่าเรื่องอะไร) เค้าก็จะบอกหรือเตือนให้เราระวัง(สายผมจะครอบออกมาบอกหรือมีเสียงให้ได้ยิน)
กรณีที่ 3.องค์เทพ(บางองค์)ไม่สามารถช่วยเรื่องกรรมได้ แต่เมื่อพ้นกรรมได้ระยะเวลาหนึ่ง ดวงเราจะเริ่มดีเค้าก็จะสามารถช่วยเสริมให้ได้

 

สร้างบุญของเราเองสิ ทำเยอะๆ เทวดาท่านก็ได้อนุโมทนาด้วย เกิดเป็นบุญสัมพันธ์กัน

เมื่อใดที่เทวดาท่านเห็นว่า เราจะได้รับผลท่านจะช่วยให้เร็วขึ้น หรือมากขึ้นได้

ยกตัวอย่าง ปฐมอุบาสิกา หรืออุบาสกคนแรกในพระพุทธศาสนา หมายถึง ตปุสสะ กับภัลลิกะ ซึ่งถึงสรณะ ๒ คือ พระพุทธเจ้าและพระธรรม ทั้งสองเป็นพ่อค้าที่นำกองเกวียนเดินทางมาจากทุกกลชนบท มาถึงแขวงเมืองอุรุเวลาเสนานิคม เทวดาที่มีกรรมบุญสัมพันธ์กันมา ดลใจให้ทั้งสองได้พบพระพุทธเจ้าขณะประทับอยู่ ณ ภายใต้ต้นไม้ราชาตนะ ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา ในกาลนั้นเป็นสัปดาห์ที่ ๗ ที่พระพุทธเจ้าประทับเสวยวิมุตติสุข (สุขเกิดแต่ความหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะและปวงทุกข์) ภายหลังจากตรัสรู้ ตปุสสะ กับภัลลิกะเข้ามาถวายสัตตุผงสัตตุก้อน (ข้าวตูเสบียงเดินทาง) เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสร็จการเสวยแล้ว พ่อค้าทั้งสองได้กราบทุลแสดงตนเป็นอุบาสกด้วยความเลื่อมใสขอถึงพระผู้มีภาคเจ้ากับพระธรรม ว่าเป็นสรณะตลอดชีวิต ด้วยเวลานั้นยังไม่มีพระสงฆ์ปฐม อุบาสกทั้งสองนี้จึงเป็นอุบาสกประเภท "เทวาจิก" คือเปล่งวาจาขอถึงพระพุทธเจ้า และพระธรรมทั้งสองเป็นที่พึ่งที่ระลึก

 

เห็นด้วยเลยค่ะ ถ้ากรรมหนักอยู่ ยังไงก็ต้องรับ แต่ท่านจะช่วยในบางเรื่อง ที่ สามารถเลี่ยงได้ ผ่อนให้หนักเป็นเบา เพราะเรายังต้องอยู่ใต้กฎแห่งกรรม แต่เราก็ต้องทำเองด้วย รอขออย่างเดียวคงทำไม่ได้ สำคัญต้องแบ่งบุญให้ท่านด้วย