หลวงปู่บุดดาพยากรณ์หลวงปู่ดู่ และเรื่องราวของ “ภูเขาบุญ”

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 9 ตุลาคม 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    [​IMG]


    [​IMG]



    กระแสแห่งโพธิญาณ

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    (คาถาบูชานะโมโพธิสัตโต พรหมปัญโญ)


    หลวงปู่ดู่กับหลวงปู่บุดดา

    ครั้งหลวงปู่บุดดาไปเยี่ยมอาการอาพาธหลวงปู่ดู่

    ครั้งหนึ่งเมื่อหลวงปู่บุดดาท่านไปเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงปู่ดู่
    หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรีได้กล่าวกับท่านไว้ว่า


    “วันนี้ผมนำมงกุฎพระพุทธเจ้ามามอบให้คุณ นิมนต์อยู่ต่อเถิด ถ้าไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร ที่คุณปรารถนานั้นน่ะ สำเร็จแน่ ต่อไปคุณจะได้เป็นพระพุทธเจ้า”

    ปกติหลวงปู่บุดดาท่านมักจะพกกระป๋องแป้งติดตัวอยู่เสมอเพื่อประทานให้แก่ญาติโยมที่ไปกราบนมัสการ เมื่อหลวงปู่บุดดาและหลวงพ่อต่างกราบกันและกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหลวงปู่บุดดาท่านได้ประทานแป้งใส่มือหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ดู่ท่านรับมาแล้วนำมาทาบนศรีษะ

    มีญาติโยมที่นั่งอยู่ด้วยเรียนถามหลวงปู่ดู่ว่า ทำไมจึงนำแป้งไปทาบนศรีษะ

    ท่านตอบว่า

    "ของพระอรหันต์ให้ แกจะให้เอาไปทาที่ไหนละจึงจะสมควร เดี๋ยวจะกลายเป็นความไม่เคารพ นอกจากบนหัวของเรา"

    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ พระอริยะสงฆ์เป็นสรณะที่พึ่งคนโบราณจึงถือว่าพระรัตนตรัยอยู่เหนือเศียรเหนือเกล้าด้วยเหตุผลฉะนี้

    เมตตาหลวงปู่ / หลวงปู่ครั้งครูบาบุญชุ่มมานมัสการเหตุเพราะมีภิกษุรูปหนึ่งไปสอนท่านในสมาธิท่านจึงตามมาจนเจอเข้ากับหลวงปู่ดู่
    และได้ทราบว่าเเท้จริงแล้วเป็นท่านนั้นเอง


    เรื่องราวภูเขาบุญประสปการ์ณ ท่าน พ.ธรรมรังษีครั้งไปนมัสการหลวงปู่ดู่

    วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ไปเที่ยว วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นครั้งแรกในชีวิต ราวปี พ.ศ. 2538 ได้ไปประสบพบเห็นในสิ่งที่เหลือเชื่อ เหนือคำบรรยายสุดที่จะเอ่ยอ้างได้หมดจะขอเล่าสั้น ๆ ไว้ดังนี้ ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้เข้าไปในเขตของวัดสายตาของข้าพเจ้าก็ได้เหลือบไปเห็นสิ่ง ๆ หนึ่งซึ่งกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือวัดสะแก มีลักษณะเป็นพระเจดีย์สีทองสว่างไสว ลอยเด่นเป็นสง่าอยู่อย่างใหญ่โตมโหฬารคล้ายกับพระธาตุดอยสุเทพอย่างไรอย่างนั้น

    (ใครที่เคยไปเห็น คงจะพอนึกออก) แต่ข้าพเจ้าก็เงียบไว้ไม่ได้บอกใครที่ไปด้วยกันในวันนั้น กลัวเขาจะหาว่า บ้า! นั่นเอง ภายหลังได้เจอกับอาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์ ศิษย์ก้นกุฏิของหลวงปู่ดู่ จึงได้ถามท่าน ท่านก็เฉลยให้ฟังว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นนั้นมีอยู่จริง เรียกว่า “ภูเขาบุญ” หลวงปู่ท่านทำเอาไว้ เพื่อให้เทวดา มาร พรหม และสัมภเวสีทั้งหลาย รวมทั้งวิญญาณต่าง ๆ จะได้มานมัสการกราบไหว้เพื่อบังเกิดบุญกุศลโดยทั่วกัน ทั้งยังอธิษฐานให้อยู่ค้ำจุนพระพุทธศาสนาสืบต่อไปตราบสิ้นพุทธันดรอีกด้วย นับเป็นความมหัศจรรย์ล้ำลึกที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนาโดยแท้ในเรื่องของ “พลังจิต” และที่สำคัญ ตาของข้าพเจ้าไม่ได้ฝาดไป หมายถึง ข้าพเจ้าเห็นด้วยตาเนื้อจริง ๆ ไม่ได้หลับตาเห็นแต่ประการใด


    พ.ธรรมรังษี

    ความจริงเรื่องความลึกลับซ่อนเร้นในพระพุทธศาสนานั้น มิใช่ว่าเพิ่งจะเกิดมีขึ้นมาก็หาไม่ แต่มีมานานแล้วนานนับเป็นกัปเป็นกัลป์เป็นแสนโกฏิอสงไขยเลยทีเดียว นับแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ จำนวนมากมายหลายแสนล้านพระองค์ที่จะนับจะประมาณมิได้ “อจินไตย 4” ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ ได้แก่

    1. พุทธวิสัย เรื่องราวแห่งผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ภาวะแห่งพระโพธิสัตว์ และรวมไปถึงอำนาจแห่งพระสัพพัญญุตญาณอันยิ่งใหญ่ไพศาล และพระมหาบารมีแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐเลิศล้ำทั่วแดนไตรโลกธาตุอันมนุษยโลก เทวโลก มารโลก ตลอดถึง พรหมโลก ต่างก็กราบไหว้บูชาสักการะซึ่งพระพุทธคุณอันหาประมาณมิได้ เป็น “อัปมาโณ” ถือเป็นสรณะที่พึ่งอันประเสริฐสูงสุดของมงคลจักรวาลนี้เลยทีเดียว

    2. ฌานวิสัย ความลึกลับซ่อนเร้นในเรื่องของ “ฌานสมาบัติ” และ “ญาณสมาธิ” รวมทั้งท่านผู้ที่ได้อภิญญาทั้ง โลกียะและโลกุตระ หรือ วิชชา 8 ประการ ที่ทรงไว้ซึ่งความสุขุมลุ่มลึกคัมภีรภาพละเอียดอ่อน และมีความวิจิตรพิสดารมาก ตามลำดับขั้นของจิตที่ทรงฌานและเต็มไปด้วยอภินิหาร คือ อำนาจของจิต ( Mind’s Potential or Will power )

    3. กรรมวิสัย ความละเอียดลึกล้ำ ในเรื่องของ “กรรมวิบาก” ที่มีผลจำแนกแตกต่างให้สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรม

    4. โลกวิสัย ความพิสดารในเรื่องราวของ “โลก” ทั้งของมนุษย์ เทวดา มาร พรหม และ สรรพสัตว์ ล้วนมีความแตกต่างกันออกไปทั่วแสนโกฏิจักรวาลทั้ง 4 เรื่อง 4 รสนี้ ต่างก็มีความวิจิตรพิสดารมาก ยากที่บุคคลธรรมดาจะทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ เพราะเป็นเรื่องที่พระพุทธศาสนาจัดว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรนำมาคิด จึงเรียกว่า “อจินไตย” แปลว่า ไม่ จินไตย คือ จินตนา แปลว่า ความคิด คือ ไม่ให้นำมาคิด นั่นเอง ผู้ใดนำมาคิด พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า จะเป็นผู้มีส่วนแห่งความบ้าเป็นแน่แท้



    http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=9

    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  2. ประทีปแก้ว

    ประทีปแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    3,506
    ค่าพลัง:
    +8,329
    [​IMG]

    กราบอนุโมทนาเป็นอย่างสูงค่ะ
    ---------------------------------------
    * คนเจ้าปัญญา ย่อมบริหารอารมณ์
    สร้างอารมณ์ที่ควรสร้าง
    เสพอารมณ์ที่ควรเสพ
    ควบคุมอารมณ์ทีควรควบคุม
    รักษาอารมณ์ที่ควรรักษา
    สลายอารมณ์ที่ควรสลาย
    เขาจึงเป็นนายของอารมณ์โดยสมบูรณ์ *
     
  3. kim9

    kim9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +2,179
    พ.ธรรมรังษี
    ท่านก็อยู่ใน เว๊ปพลังจิต นี่แหละครับ
    ส่วนมากท่าน จะอยู่ในหมวด พระเครื่อง
    ตอนนี้ท่าน เป็นฆราวาส แล้วนะครับ
    เพราะท่านมีภาระทางโลก < บิดามารดา>
    Username ที่ พ.ธรรมรังษี ใช้ก็คือ Phon007 ครับ
    กราบ สาธุั กับบทความ ที่ทรงคุณค่าเช่นนี้ด้วยนะครับ
     
  4. Note_nt

    Note_nt Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +88
    จากบันทึกการสนทนาไม่มีพยากรณ์ครับถามพระที่ติดตามมากับหลวงปู่บุดดา(อยู่ด้วยตอนสนทนาตลอด)ท่านบอกไม่ได้พยากรณ์ ถ้าพยากรณ์จริงเรื่องสำคัญขนาดนี้ใครจะลืม น่าจะมาจากพวกขายพระหวังอัพราคา ส่วนตัวพระสงฆ์นับถือหลวงปู่ดู่ที่ 1ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...