หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม...สอนผีให้รับศีล

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย วิทย์, 29 กรกฎาคม 2005.

  1. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม...สอนผีให้รับศีล<O:p</O:p



    image0K7.jpg


    <O:p</O:p

    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม แห่งวัดอรัญญวิเวกบ้านข่า ตำบลบ้านข่า อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ท่านเป็นศิษย์องค์สำคัญรูปหนึ่งของท่านพระอาจารย์

    </O:p

    หลวงปู่ตื้อเป็นพระสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงต่อองค์มรรคคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นิสัย , จิตใจของท่านเป็นคนจริง คนตรง คิดอย่างไรก็จะพูดเช่นนั้น ไม่นิยมปรุงแต่งถ้อยคำวาจาให้ไพเราะรื่นหู ดังนั้นการแสดงธรรมคำสอนของท่านจึงเผ็ดร้อนไม่มีอ้อมค้อมเยิ่นเย้อ ว่ากันว่าคนหน้าบางหรือมีกิเลสครอบงำอย่างหนา เจอถ้อยคำวาจาของ หลวงปู่ตื้อเข้าถึงกับหูร้อนฉ่า ผิวหน้าผะผ่าวไปเลยทีเดียว<O:p</O:p


    คำพูดของหลวงปู่ตื้อเป็นที่เลื่องลือว่าตรงไปตรงมา จี้จุดเข้าเป้าตรงเผ็ง ถ้าจะให้อุปมาก็คงเปรียบได้ดั่งขวานใหญ่คมกริบที่หวดคมกระหน่ำเข้าผ่าท่อนฟืน เปรี้ยงเดียว ท่อนฟืนถูกผ่าตั้งแต่หัวยันท้าย แยกกระเด็นเป็นสองซีกทันที
    <O:p</O:p

    ปฏิปทาอันโลดโผงผาง และตรงไปตรงมาของท่านนั้นเป็นจริตนิสัยที่ไม่มีการปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น ผิดหรือถูกชั่วหรือดีท่านแยกแยะจนกระจ่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องเทศนาสอนคนด้วยแล้วท่านสอนชนิดเผ็ดร้อนถึงใจทีเดียว หลวงปู่ตื้อมักพูดเสมอว่า
    <O:p</O:p

    “เราเทศน์เรื่องจริง เราไม่เอาใจใคร เอาใจผู้คนก็เท่ากับเลี้ยงกิเลสให้อ้วนพี เรามีความจริงใจ เราไม่ได้เทศน์เอาบุหรี่เกล็ดทองของใคร”
    <O:p</O:p

    เช่นครั้งหนึ่ง หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม มีหมายกำหนดการไปเทศนาและอบรมกรรมฐานที่วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ สานุศิษย์และศรัทธาญาติโยมไปประชุมกันเนืองแน่นเต็มศาลาใหญ่<O:p</O:p


    ในวันนั้นหลวงปู่ตื้อเทศนาแสดงธรรมได้กระจ่างชัด ทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง กระทั่งประโยสาน ท่านชี้ให้เห็นตัวทุกข์ เหตุแห่งความทุกข์และวิธีจะดับทุกข์ได้อย่างไร พร้อมกันนั้นท่านยังอรรถาธิบายถึงความยึดติดยึดมั่นความเป็นตัวตนของกูตัวกูไม่ยอมปล่อยไม่ยอมวาง หากปล่อยวางเสียได้ จิตใจย่อมจะผ่องใสปลอดโปร่ง ความโกรธ ความโลภ ความหลงใดๆก็จะผ่อนคลายเบาบางและถึงขั้นอันตรธานสิ้นไป เหลืออยู่แต่ความเบาสบายในที่สุด<O:p</O:p

    อุบาสก อุบาสิกา ศรัทธาญาติโยมรับฟังแล้วและใช้ความคิดพินิจไตร่ตรองตามข้อธรรมที่ท่านแสดง ต่างบังเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและเห็นจริงตามความเป็นจริง จิตใจเริ่มปล่อยวางจากความเป็นตัวตนของตน ไม่อยากยึดมั่นถือมั่นต่อไปอีก<O:p</O:p

    อุบาสิกาท่านหนึ่ง มีความซาบซึ้งดื่มด่ำในธรรมที่หลวงปู่ตื้อแสดงอย่างยิ่ง เมื่อท่านเทศน์จบลง อุบาสิกาท่านนี้ก็คลานคล้อยเข้าไปเบื้องหน้าธรรมาสน์ที่ท่านนั่งแสดงธรรม พนมมือนมัสการกราบเรียนหลวงปู่ว่า<O:p</O:p

    “หลวงปู่เจ้าคะ อีฉันได้ฟังหลวงปู่เทศนาแล้ว เบากายเบาใจเหลือเกิน อีฉันปล่อยวางได้หมดแล้วเจ้าค่ะ”<O:p</O:p

    “อนุโมทนาด้วยคุณโยม ที่เกิดดวงตาเห็นธรรม”<O:p</O:p

    “อีฉันไม่ยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะหลวงปู่”<O:p</O:p

    หลวงปู่ตื้อนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัดว่า<O:p</O:p

    “อีตอแหล!”<O:p</O:p

    สิ้นคำหลวงปู่ อุบาสิกาท่านนั้นถึงกับหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอาย ต่อว่า หลวงปู่ตื้อเสียงสั่นว่าทำไมท่านจึงมาด่าว่าตนท่ามกลางสาธารณชนเช่นนี้ หลวงปู่ตื้อได้แต่หัวเราะหึๆไม่อธิบายโต้ตอบอะไร ขณะที่คนทั้งศาลาหัวเราะกันครืน<O:p</O:p

    เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า อุบาสิกาปล่อยวางอะไรไม่ได้เลย และยังยึดมั่นตัวตนของตนอย่างเหนียวแน่นครบถ้วน<O:p</O:p

    นี่ละ...คือปฏิปทาโลดโผนโผงผางของหลวงปู่ตื้อ<O:p</O:p

    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม มีเพื่อนสหธรรมมิกที่สนิทกันอย่างมากรูปหนึ่ง ท่านผู้นั้นคือหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ ความสนิทสนมเป็นที่ถูกอัธยาศัยของหลวงปู่ทั้งสองนี้ออกจะเป็นเรื่องแปลกไม่น้อย เนื่องจากจริตนิสัยของแต่ละท่านห่างไกลกันชนิดสุดขั้ว<O:p</O:p

    หลวงปู่ตื้อเป็นคนพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมาและพูดเก่ง แต่หลวงปู่แหวนไม่ชอบพูด วันทั้งวันไม่ได้ยินเสียงพูดของท่านเลยก็ว่าได้ หากไม่มีความจำเป็นท่านจะไม่พูด ทว่าท่านทั้งสองกลับถูกอัธยาศัยกันอย่างยิ่ง<O:p</O:p

    หลวงปู่ตื้อพบกับหลวงปู่แหวนครั้งแรก ขณะที่ท่านทั้งสองเพิ่งจะเริ่มออกจาริกธุดงค์ได้ไม่นานและยังเป็นพระมหานิกายอยู่ ไปพบกันในป่าบนเทือกเขาภูพานโดยต่างฝ่ายต่างมาคนละทิศ หลังจากท่านทั้งสองสนทนาปราศรัยกันพอสมควรจึงทราบจุดประสงค์เหมือนกันอีกว่า ปรารถนาจะไปปราศรัยกันพอสมควรจึงทราบจุดประสงค์เหมือนกันอีกว่า ปรารถนาจะไปฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านพระอาจารย์
    </O:p

    แม้จะเป็นพระใหม่อ่อนพรรษา แต่พระหนุ่มทั้งสองรูปมีส่วนหนึ่งที่เหมือนกันคือ มีความองอาจกล้าหาญที่จะจาริกไปตามป่าเขาแนวไพรเพียงรูปเดียว เพื่อบำเพ็ญธรรมกระทำความเพียรอย่างแน่วแน่ มิได้หวั่นไหวพรั่นพรึงต่อความยากลำบากใดๆทั้งสิ้น
    <O:p</O:p

    เมื่อหลวงปู่ทั้งสองต่างสบอัธยาศัยต่อกันยิ่ง จึงได้ตกลงร่วมทางจาริกไปยังฝั่งลาวด้วยกัน โดยออกจากเขตไทยทางอำเภอเชียงคานข้ามแม่น้ำโขงไปสู่ราชอาณาจักรลาว สมัยนั้นแผ่นดินลาวยังมีป่าอุดมสมบูรณ์ครอบคลุมไปทั่วประเทศ นับเป็นสถานรื่นรมย์ของพระธุดงค์กรรมฐานที่จะท่องเที่ยวจาริกไปเพื่อบำเพ็ญสมณธรรมกระทำความเพียร
    <O:p</O:p

    ก่อนที่จะดำเนินเรื่องของหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโมในลำดับต่อไป ขออนุญาตนำเรื่องราวของท่านและสหธรรมมิกรูปสำคัญคือหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่มาเล่าแทรกไว้ ณ ที่นี้ก่อน เนื่องจากเรื่องดังที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ออกจะเป็นเรื่องแปลกทีเดียว และ เป็นเรื่องซึ่งหลวงปู่ทั้งสองได้ร่วมกันผจญกับวิญญาณมิจฉาทิฐิที่มิรู้ว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก สิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร ดังนี้
    <O:p</O:p

    เหตุการณ์เผชิญวิญญาณซึ่งเป็นประสบการณ์ธุดงค์ของ หลวงปู่ตื้อและหลวงปู่แหวน ที่จะนำมาแสดงครั้งนี้ เกิดขึ้นคราวที่ท่านทั้งสองจาริกธุดงค์ไปยังประเทศลาวและพม่า กระทั่งกลับคืนสู่ประเทศไทยทาง “กอระเรก” เข้ามายังอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก เมื่อถึงแผ่นดินไทยแล้วท่านก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่เนื่องจากทราบข่าวว่าท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโตอยู่ที่เชียงใหม่ เส้นทางซึ่งหลวงปู่ทั้งสองจาริกไปนั้นผ่านป่ามาโดยตลอด ไม่พบหมู่บ้านหรือผู้คนสัญจรแม้แต่คนเดียว
    <O:p</O:p

    ระหว่างทางพบศาลาเก่าๆ หลังหนึ่งปลูกสร้างอยู่กลางป่า แสดงว่าคงมีหมู่บ้านไม่ไกลนัก ศาลาแห่งนี้ชาวบ้านคงปลูกสร้างไว้เพื่อให้เป็นที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทาง หลวงปู่ตื้อกับหลวงปู่แหวนตกลงพักอยู่ที่ศาลานี้โดยแขวนกลดไว้ตรงมุมศาลาคนละฟาก คืนนั้นผ่านไปโดยปกติ เช้ารุ่งขึ้นท่านทั้งสองก็ออกโคจรบิณฑบาตรไปที่หมู่บ้าน ได้อาหารกลับมาที่ศาลาแล้ว พอวางบาตรลงเท่านั้นก็เกิดเรื่องทันที
    <O:p</O:p

    หลวงปู่แหวนซึ่งนั่งอยู่บนพื้นศาลา พลันมีกิริยาอาการผิดปกติขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ท่านเอนตัวไปข้างหน้า เอามือสองข้างยันพื้นกระดานไว้ ขากรรไกรแข็ง น้ำลายไหลยืด หน้าท้องก็แข็งไปหมด หลวงปู่ตื้อเห็นตอนแรกคิดว่าเพื่อน สหธรรมมิกเป็นลมจึงถามไปว่า<O:p</O:p

    “ท่านแหวนเป็นอะไร”
    <O:p</O:p

    หลวงปู่แหวนไม่ตอบ ได้แต่นั่งตัวแข็งน้ำลายไหลไม่หยุด คราวนี้หลวงปู่ตื้อฉุกคิดสงสัยขึ้นมาว่าคงไม่ได้การแน่ ท่านจึงกำหนดจิตเข้าสมาธิพิจารณาดูก็รู้ว่ามีผีบังอาจกระทำฤทธิ์กับหลวงปู่แหวน
    <O:p</O:p

    เมื่อถอนจิตออกจากสมาธิแล้วหลวงปู่ตื้อยังไม่รู้จะกำราบปราบผีด้วยวิธีไหน เนื่องจากขณะนั้นท่านกับหลวงปู่แหวนยังฝึกจิต ไม่ถึงขั้นมีอำนาจกล้าแข็งเท่าไหร่ วิชาอาคมอะไรก็ไม่ได้เรียนมา
    <O:p</O:p

    แต่จะให้หลวงปู่ตื้อยอมพ่ายแพ้ต่อฤทธิ์อำนาจภูตผีวิญญาณง่ายๆ ย่อมมิใช่วิสัยของท่าน หลวงปู่จึงข่มขู่ด่าว่าผีที่กำลังกระทำต่อหลวงปู่แหวนไม่ยั้งกันละ แต่ผีมันไม่กลัวท่านเอาเสียเลย หลวงปู่ตื้อต้องหาอุบายใหม่ จัดแจงหอบ ใบไม้แห้งมากองไว้แล้วจุดไฟ พอไฟลุกท่านก็เอาก้อนดินแห้งใส่เข้าไปเผาจนร้อน แล้วเอาไม้มาทำเป็น ไม้หนีบคีบดินร้อนๆ ขึ้นมา พลางขู่ผีเสียงดังลั่นว่า<O:p</O:p

    “คราวนี้ ถ้าเจ้าไม่ออกจากร่างพระสงฆ์องค์เจ้า ไม่เกรงกลัวบาปกรรมละก้อเราจะเผาเจ้า”
    <O:p</O:p

    ยื่นไม้หนีบก้อนดินร้อนฉ่าไปใกล้ๆ หน้าหลวงปู่แหวนเพื่อข่มขู่ผีที่เข้าสิงท่าน แต่ผีมันก็ยังไม่กลัวอีก ขัดใจขึ้นมาหลวงปู่ตื้อไม่คิดแค่ขู่แล้ว หากเอาจริงๆ<O:p</O:p

    “หากเจ้าไม่ออก เราจะเผาเจ้าด้วยดินจี่นี่ให้ดู”<O:p</O:p

    ว่าแล้วหลวงปู่ตื้อก็เอาดินเผาไฟร้อนฉ่าลางลงบนศีรษะหลวงปู่แหวนจริงๆ ผีเจอเข้าแบบนี้มันถึงได้ยอมออกไป หลวงปู่แหวนจึงกระดุกกระดิกได้ เมื่อรู้ตัวเป็นปกติแล้วหลวงปู่แหวนบอกแก่เพื่อนสหธรรมมิกของท่าน สั้นๆว่า<O:p</O:p

    “มันจะเอาผมตายจริงๆ นะ ท่านตื้อ”
    <O:p</O:p

    เช้าวันนั้น หลังจากฉันเสร็จ ล้างบาตรเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่แหวนก็เก็บอัฐบริขารเพื่อออกจาริกต่อไป แต่หลวงปู่ตื้อไม่ยอมไป ท่านบอกกับหลวงปู่แหวนว่า
    <O:p</O:p

    “ท่านแหวนไปรอข้างหน้านะ ผมจะจัดการกับผีตนนี้สักหน่อย”
    <O:p</O:p

    หลวงปู่แหวนไม่ยอมอยู่ด้วย เก็บอัฐบริขารเสร็จก็เดินล่วงหน้าไปเพียงลำพัง ปล่อยให้หลวงปู่ตื้อรับมือกับผีที่ศาลากลางป่าแต่เพียงรูปเดียว<O:p</O:p

    ตลอดวันนั้นหลวงปู่ตื้อนั่งเจริญสมาธิ เดินจงกรมอยู่ที่ศาลา กลางป่าเป็นปกติ กระทั่งเวลาล่วงเข้าสายัณห์สมัย ท่านก็ทำวัตรสวดมนต์อันเป็นกิจของสงฆ์ จากนั้นจึงเข้าที่ภาวนาภายในกลด กำหนดจิตเข้าสู่สมาธิตามลำดับ เมื่อจิตรวมเป็นหนึ่งเดียวก็บังเกิดแสงโอภาสสว่างไสวไปทั่ว
    <O:p</O:p

    ขณะอยู่ในสมาธิได้เกิดนิมิตเห็นผีผู้หญิงผุดขึ้นมาเบื้องหน้า และผีตนนั้นก็ดิ่งเข้ามาหาหลวงปู่ตื้อด้วยกิริยาไม่น่าไว้วางใจ วิสัยของหลวงปู่ตื้อท่านไม่เคยหวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อสิ่งใดอยู่แล้ว เมื่อเห็นผีตรงรี่เข้ามาหาท่านจึงเพ่งจิตเข้าหยุดมันให้ชะงักงัน แล้วท่านก็ถามว่า “เจ้ามาจากไหน ถึงกล้าล่วงเกินต่อพระภิกษุผู้ทรงศีล”
    <O:p</O:p

    ผีนางนั้นตอบว่า “ฉันตายทั้งกลม ลูกตายในท้อง เขาเอามาฝังไว้ที่นี่”<O:p</O:p

    หลวงปู่ตื้อถามอีกว่า “เจ้าใช่ไหมที่กระทำต่อพระภิกษุ” ผีก็รับว่า “ใช่”<O:p</O:p

    ท่านถามต่อไปอีกว่า “ทำไมบังอาจกระทำเช่นนั้น ไม่รู้หรือว่าเป็นบาปกรรม”<O:p</O:p

    ผีตอบว่า “ฉันชอบพระรูปนั้น ท่านสวยดี ฉันจะเอาพระรูปนั้นไปเป็นผัว”<O:p</O:p

    หลวงปู่ตื้อได้ฟังแล้วก็เกิดความสลดสังเวช พิจารณาเห็นภัยแห่งกามกิเลสซึ่งร้อยรัดมัดตรึงจิตใจของสัตว์โลกให้ตกต่ำดำมืดอยู่กับดำกฤษณา ไม่รู้ดีรู้ชั่วถึงเพียงนี้ ดูเช่นผีตายทั้งกลมนางนี้เอาเถิด ขนาดตายไปผุดเกิดอยู่ในภูมอัน เป็นทุกข์ ก็ยังไม่วายจะเกิดอารมณ์ปฏิพัทธ์รักใคร่พระภิกษุที่ตนพึงใจอย่างหน้ามืดตามัว ไม่กลัวบาปกรรมใดๆทั้งสิ้น
    <O:p</O:p

    หลวงปู่ตื้อเห็นนางผีมีจิตอกุศลเช่นนี้ ท่านจึงว่ากล่าวให้รู้ว่าเจตนาและการกระทำของมัน ที่ล่วงเกินพระภิกษุผู้กำลังบำเพ็ญสมณธรรมเพื่อการหลุดพ้นจากสังสารวัฏเช่นนี้เป็นบาปกรรมอันหนักยิ่ง ตนเองเป็นผีเป็นเปรตได้รับทุกขเวทนาสาหัสอยู่แล้วยังอยากจะตกนรกหมกไหม้หนักเข้าไปกว่าเดิมอีกหรือ หลังจากชี้แจงแสดงเหตุผลให้เห็นถึงบาปบุญคุณโทษแล้ว หลวงปู่ตื้อก็ให้ผีตายทั้งกลมรับศีลไปปฏิบัติรักษา เพื่อจะได้มีโอกาสไปผุดเกิดในภพภูมิอันประเสริฐยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
    <O:p</O:p


    นี่ละคือหลวงปู่ตื้อ แม้แต่ผีท่านก็ยังให้รับศีลจนได้
    <O:p</O:p

    ผีตายทั้งกลมนางนั้นหลังจากได้รับการอบรมมาจากหลวงปู่ตื้อ มิจฉาทิฐิก็ผ่อนคลายลง เริ่มรู้ดีรู้ชั่วมากขึ้นกว่าเดิม ผีสารภาพว่าไม่รู้หลวงปู่แหวนเป็นพระภิกษุ เห็นท่านสวย ผิวขาวผ่องใส ก็เกิดนึกรักอยากจะให้มาอยู่ด้วยกัน แสดงว่าขณะที่ผีตนนั้นเป็นมนุษย์คงไม่รู้จักพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เป็นคนบ้านป่าถิ่นเถื่อนห่างไกลความเจริญอย่างแท้จริง<O:p</O:p

    หลวงปู่ตื้อพักอยู่ที่ศาลาแห่งนี้เป็นเวลาถึง ๑ เดือนเต็ม ๆ ตลอดระยะเวลาเหล่านั้นท่านแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้ผีตายทั้งกลมสม่ำเสมอ และสอนนางผีตนนั้น ให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ กระทั่งจิตวิญญาณอ่อนโยนลง ครั้นเห็นผีเกิดกุศลความดีขึ้นในจิตพอสมควรแล้วจึงสั่งสอนเป็นครั้งสุดท้ายว่า

    <O:p</O:p

    “ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าจงอย่ากระทำล่วงเกินพระธุดงค์ที่จาริกผ่านมาเป็นอันขาด เห็นท่านพบท่านจงอนุโมทนาสงเคราะห์ทุกรูป ทุกองค์ไป”
    <O:p</O:p

    จากนั้นหลวงปู่ตื้อก็เก็บอัฐบริขารจาริกออกจากศาลากลางป่าติดตามหลวงปู่แหวนไปที่เชียงใหม่ เมื่อพบหลวงปู่แหวนแล้วท่านทั้งสองพากันไปกราบนมัสการพระอาจารย์
    </O:p

    <O:p</O:p

    จากหนังสือ “พระเจอผี” โดย นที ลานโพธิ์<O:p</O:p

     
  2. cacalot

    cacalot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2006
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +130
    อนุโมทนา สาธุ ครับ
     
  3. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    ขออนุโมทนาค่ะ
     
  4. Tom_cool9

    Tom_cool9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +202
    อนุโมทนา สาธุครับ
     
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    อนุโมทนา....สาธุครับ
    ว่าแต่ว่า มนุษย์ที่เป็นมิจฉาในปัจจุบันมีมากกว่าและมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าผีมากนัก
    สาธุชนพึงพิจารณาและอยู่ให้ห่างไว้ จะได้ไม่เป็นเหยื่อ

    นอกจากนี้มนุษย์เปรตตามวัดวาอารามก็ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไป
    ยิ่งวัดไหนดังเปรตยิ่งชุกชมเป็นพิเศษ

    ฝากให้พิจารณาด้วย
     
  6. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    ผมศรัทธาหลวงปู่ตื้อมากครับ ได้หนังสือประวัติของท่านมา หนา400-500 หน้า
    และไม่กี่เดือนก่อน ได้มีโอกาสไปทำบุญวัดป่าอาจารย์ตื้อ ที่ แม่ริม เชียงใหม่
    ได้ธรรมจากเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นหลานของท่านครับ
     
  7. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    คาถาหลวงปู่ท่านให้สวดก่อนนอน ของดีของท่าน
    นะนะ พุทโธ นะนะ ธัมโม นะนะสังโฆ นะนะอากะถุโก นะนะพะสีวะลัง เจตัง ปัญจะวะยัง ขะละโต นะโมพุทธายะ สุระสะ พรหมลาโณ ภะ อะระหัง ภะ อะนิจัง ภะ อะนัตตา กามะโก เวภังกาไชยัง ชีวิตัง ชีวิตะพุทธัง พุทธะ กันเจวะ ธัมมัง กันเจวะ สังฆัง ปัญจะมาเล สิจิตเต อิ สะวา สุ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง
     
  8. varanyo

    varanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    925
    ค่าพลัง:
    +3,373
    ขออุนโมทนาครับ...
     
  9. ณัฐภพ

    ณัฐภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +109
    อุนโมทนาครับสาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...