สงสัยเรื่อง อานาปานสติ ครับ

สวัสดีครับ ผมเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกใหม่ ผมมีเรื่องรบกวนอยากให้ผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ คือผมมีความสนใจจะฝึก อานาปานสติครับ แล้วก็ค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เนต แต่ผมเจอความคิดเห็นหนึ่ง เข้าให้ความเห็นว่า
"อานาปานสติ เป็นอารมณ์ของพระพุทธเจ้า และ มหาสาวก ปุถุชนเจริญอานาปานสติ
ได้ยากมาก ถ้าเจริญอานาปานสติผิด สังสารวัฏฏ์ที่ยาวอยู่แล้ว ก็ยิ่งยาวออกไปอีกนับ
ชาติไม่ได้ ควรเริ่มต้นที่ความเข้าใจถูกก่อน คือ การศึกษาแนวทางเจริญสติปัฏฐานค่ะ"
ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าจะฝึกดีไหม เพราะผมเห็นข้อความนี้ทำให้ผมกลัวว่าจะปฎิบัติผิด และจะทำให้ยืด สังสารวัฎฎ์ไปอีก แต่อีกใจหนึ่งผมก็คิดว่า ถ้าทำผิดอย่างมากก็น่าจะเสมอตัวมากกว่า มีคนเห็นข้อความนี้แล้วไม่กล้าให้ลูก ทำ อานาปานสติเลยเพราะกลัวทำผิด ผมขอความกระจ่างด้วยนะครับ
วันนี้ผมขอเอาลิงค์ข้อความที่ผมพบเอามาให้ดูนะครับ เป็นข้อความที่7ครับ มีคนไปอ่านแล้วเข้าใจผิด ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้างผมกลัวเขาจะหลงผิดไปทำให้ปิดกั้นโอกาศการทำดีไปด้วยเพราะกลัวปฎิบัติผิดแล้วเป็นผลร้าย http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=20218

 

จะเปรียบเทียบให้ฟัง

คือ

สมมติว่า ในบรรดา มือถือทั้งหมด อันที่ ดีที่สุด เหมาะแก่ พระราชา คือ iphone4s

เมื่อเป็นแบบนี้

ก็จะมีการกล่าวว่า มือถือที่เลิศที่สุด สำหรับ มหาบุรุษ ก็คือ iphone4s

แต่.....ถามว่า ก็ถ้า คนธรรมดา จะเอา iphone4s มาใช้ รับโทรศัพท์ ได้ไหม

คำตอบ ก็คือ ก็ต้องได้อยู่แล้ว เพราะ มันเบสิก

เพียงแต่ว่า ลูกเล่นอื่นๆ รายละเอียดอื่นๆ ที่เป็นเรื่องของคนที่ละเอียด ปราณีต
คล่องแคล้วเขาจะใช้ไปเกินกว่าจะทำเป็น เครื่องรับโทรศัพท์ ก็ยกให้เป็นเรื่องของ
เขา

***********

ทำนองเดียวกัน อานาปานสติ เป็นกรรมฐานที่มีความละเอียดปราณีตมาก สามารถ
ครอบกรรมฐานที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด ด้วยอานาปานสติเพียงอารมณ์กรรมฐานเดียว

ซึ่ง ความสามารถ หรือ รายละเอียดปลีกย่อยว่า มันครอบคลุมกรรมฐานอื่นได้อย่างไร
นั้น อันนี้ก็เป็นเรื่องของ มหาบุรุษ เขาจะพึงทราบได้

แต่................

หากเรา มุ่งแค่ ประโยชน์ส่วนเดียว คือ เป็นวิหารธรรม เป็นกายคตาสติ เพื่อ กำจัดกิเลส
เนี่ยะ เอาแค่นี่เนี่ยะ ทำชาติเดียวพอ

พระพุทธองค์ตรัสรับรองไว้ว่า ทำชาติเดียว พอ แน่นอน หากไม่ได้ ก็จะเป็นโอปาติกะ
ที่อยู่ในชั้นที่สามารถทำกรรมฐานต่อได้ อีกเพียงชาติหนึง ก็จะสำรเร็จ

สรุปคือ ใช้ชาติที่เป็นมนุษยหนึ่งชาติ และ ใช้ชาติที่เป็นโอปาติกะอีกหนึ่งชาติ ไม่เกินนี้

แต่ถ้า ขยัน ก็สำเร็จได้ในชาติที่เป็น มนุษย์ นี้เลย


ดังนั้น

ข้อความที่คุณไปรับมา ก็ให้ถือว่า ไม่ตรงกับที่ สอบทานได้จาก อานิสงค์ของ
อานาปานสติที่พระพุทธองค์ตรัส คนเป็นบัณฑิต จะพึงทำอย่างไร กับ ข้อความ
ที่ไม่ตรงนั้น ก็ขึ้นกับ ศรัทธา เลยขอรับ

 

ผมขอบคุณนะครับ ที่ท่านมาให้ข้อมูล ผมมีปัญญาน้อยเลยยัง งงๆอยู่บ้าง แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะฝึกต่อไปครับ

 

ปัญหาจริงๆ ที่เกิดขึ้นกับ อานาปานสติ ก็คือ การกล่าวสอนโดยไม่อิงพุทธวัจน

อานาปานสติ จาก สาวกองค์ไหนก็ตาม หากไม่ได้ ยกกล่าวเรียงลำดับตาม พุทธวัจนะ

คำสอนอานาปานสติเหล่านั้น จัดว่า ต้องสอบสวน สอบทาน ให้ดีก่อน

ดังนั้น

หากคุณ สนใจ อานาปานสติ จริงๆ ให้ หา บทสอนที่ พระท่าน นำพุทธวัจนะที่
กล่าวเกี่ยวอานาปานสติ นำบท เสร็จแล้ว ก็อธิบาย อรรถกถา ให้สอดคล้อง
ตามพุทธวัจนะนั้น ว่า มีอุบายอย่างไร ในการยกกรรมฐาน

แต่ถ้า เป็น บทอานาปานสติ กล่าวแต่เพียงบาลี พอจะอธิบาย ก็นู้นนน ผลิก
ไปอธิบายคำบริกรรมบ้าง อธิบายฐานของลมบ้าง อธิบายนิมิตหลากหลายบ้าง
ก็ให้ตั้งสติให้ดีๆ ไม่ต้องสวนหมัด รับฟังไปตามเรื่องตามเวรตามกรรมที่เรามี เสร็จ
แล้วค่อย หาเอาใหม่ เอาที่ พระท่านกล่าวอรรถกถาตรงๆ ไม่ไขว้ไปกรรมฐานอื่น

แค่นี่แหละ ก็จะ ไม่ยาก

แต่หายากหน่อยนะ คนที่อธิบายตรงๆ ไม่เพิ่มเติมเนี่ยะ

ซึ่งจะมีใครบ้าง ก็ขอสงวนนาม และ ให้คุณไปพิจารณาเอาเอง ถ้าหลักการ
ที่ผมกล่าสข้างต้น คุณยังขึ้นใจ ว่า จะพิจารณาคนที่สอนอานาปานสติอย่างไร
ได้ละก้อ ก็ไม่ยาก แถม ยังทำให้ เข้าใจได้รวดเร็วด้วย

เพราะ สิ่งที่ไม่ใช่ ย่อมเป็นครูให้เราอาศัยเห็นได้

และ ครูสอนที่ไม่ใช่เนี่ยะ มีเยอะ หากพลาดอีก ก็ไม่รู้จะกล่าวอย่างไรแล้วหละ

 

ขอบคุณนะครับที่ให้คำแนะนำ ผมอยากพ้นทุกข์เลยพยายามหาวิธีปฎิบัติ ผมเคยเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ มุนทุกข์ทรมานมาก ช่วงนั้นถ้าอยากสบายใจก็จะนั่งสมาธิ ผมขอบคุณมากเลยนะครับ

 

เอ่อ ถ้า ต้อง ลงมือนั่งสมาธิ จึงคลายทุกข์ได้ อันนี้ แนะนำก่อนว่า
นั่นไม่ใช่ลักษณะกรรมฐานอานาปานสติ

อานาปานสติเนี่ยะ หากฝึกได้อย่างถูกต้อง

เพียงอำนาจลมหายใจเข้า หรือ ลมหายใจออก เพียง จังหวะเดียว ก็คลายทุกข์
แบบปลิดทิ้งเลย

ซึ่ง จะไม่ใช่การ อึด อัด ลมหายใจนะ แต่จะเป็น การระลึกลมหายใจเข้า หรือ
ออก ที่สิ้นไปจากตัวเรา ขณะนั้นๆ ตามเห็นความสิ้นไปของลม เพียงจังหวะ
เดียว ความทุกข์จะแทรกไม่ได้ทันที

การต้องไปนั่ง ต้องจัดท่า อันนั้น ช้าไป และ จัดว่าไม่ใช่ อานาปานสติ

ฟังดูยากนะ

แต่จริงๆง่าย ก็มีแค่ "ตามเห็นความสิ้นไปของลม" เนืองๆ เท่านั้นแหละ

 

ฟังยากนะพี่ มีฟังแล้วเอาไปทำ(เข้าใจง่ายอีกนิดไหมครับ)
เดี๋ยวจะกลายเป็น ติดลมไปอีก(เพ่ง)

 

ขอบคุณมากนะครับ ผมจะพยายามศึกษาและปฎิบัติให้ได้ครับ

 

ฮึย จริงหรือนี่

ให้ตามเห็น การสิ้นไปของลม ลมมันสิ้นไปแล้ว แล้วจะเพ่งอะไรหว่า

แต่นะ.........

ยังไง เจ้าของกระทู้ ก็ลองพิจารณา สอบสวน สอบทาน หรือ ทดลอง ก็แล้ว
แต่คุณจะบัญชาจะภาวนาเลยคร้าบ...........

 

อ้อ แล้ว เจ้าของกระทู้ ก็ไม่ต้องไป โพสต่อว่า คนที่บอกว่าอานาปานสติทำให้เนิ่นช้านะครับ

ถ้าไปต่อว่าเขา ก็จัดว่า ไม่ได้ทำ อานาปานสติ แล้ว เหมือนกัน

เพราะ อานาปานสตินั้น อะไรใช่ อะไรไม่ใช่ ก็ จบลงที่ การสิ้นไปของ ลม เพียง
จังหวะเดียว ทั้งหมด หากทำอานาปานสติจริงๆจังๆแล้ว อกุศล แทรกบ่ ได้

ลองสังเกตุดูเลย ว่า สมจริงดัง พุทธวัจนะ หรือเปล่า

 

ต้องลองๆ ว่าจะไปติดเพ่งอะไร หรือไม่

 

ถ้าหาบทสวดอานาปานสติแปล มาสวดได้จะดี
เพราะได้หลักธรรมในเรื่องอานาปนสติจากพุทธวจนที่สามารถปฏิบัติได้ด้วยตัวเราเอง

และควรหาครูบาอาจารย์ วิปัสสนาจารย์ที่มีประสบการณ์เพื่อการสอบทานอารมณ์กันไม่ให้มีวิปัสสนูกิเลสระหว่างปฎิบัติ

หากชอบอ่าน ควรหาหนังสือ อานาปน์ ของท่านพ่อลี ก็สอนแนวปฏิบัติไว้ค่อนข้างละเอียดมากลองค้นคว้าหาอ่านเพิ่มดู จะทำให้เข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น

 

หลวงพ่อฤาษีฯ สอนอานาปานุสสติกรรมฐาน

เอาไปอ่านดูครับ หรืออยากฟังเสียงก็หากุเกิ้ลเอาครับ อาปานุสติ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

 

ขอบคุณนะครับ ที่ให้คำแนะนำ

 

ขอบคุณมากนะครับสำหรับคำแนะนำ และข้อมูล

 

...อาณาปาณสติ.....

แปลว่า ที่ตั้งอันพึงระลึกไว้ ในขอบเขต ของลม แห่งชีวิต............

..จะยากอะไร ตรงไหนเล่าครับ กรรมฐาน นี้เป็นกรรมฐานเย็น ใคร ขยัน ปฏิบัติ ก็ ได้ มาก
เพียงแต่ คนส่วนใหญ่ ปฏิบัติกันผิดทางเอง...คำว่า อาณาปาณ นี้ มาจาก สติปัฎฐาน 4 ที่บรรพพะแรก..
หาก เรียนรู้จริงๆ การปฏิบัติ นี้ พระพุทธองค์ ทรงสอน ให้ ตามรู้ลม ที่เข้าออก ว่า...มีสัณฐาน อย่างไร..ในตัวมันเอง สั้น หรือยาว หหรือ เกิด สุข เกิด สบาย เกิด อึดอัด หรือ เกิด ภาวะอะไรๆ..เมื่อ ลม เข้า หรือ ลมออก...เคล็ด ลับ อยู่ ที่ การ ตามรู้ ลม...

จะมีอะไร ยาก เล่า จะมีอะุไร อันตรายเล่า..การ ไม่ลงมือ ปฏิบัติ สิ อันตรายมากกว่า แน่ๆ..สังสารวัฎ จะยิ่งยาวนานไปอีกมาก หาก ลงมือ ปฏิบัติ อาณาปาณสติ ตามตำรา มากๆสิ สังสารวัฎฎ์ จะสั้นลงๆๆๆ....

มีแต่ พวกเพี้ยนๆ เก่งกว่าตำรา ของพระพุทธเจ้า เอาไป แปล ผิดๆ กัน..ทำเกินคำสอน ไป...

 

การเจริญอานาปานสติไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ และไม่ได้เป็นไปตามข้อความที่คุณบัญชาอ่านมา

อานาปานสติ เป็นกรรมฐานกลาง และเป็นพื้นฐานของกรรมฐานทุกกอง แก้อารมณ์ฟุ้งซ่านได้ เพียงหายใจเข้า พุท หายใจออก โธ ไปเรื่อย ๆ

ไม่ต้องคิดอะไร ดูลมหายใจเข้าออกทั้งวัน ไปพร้อม ๆ กับการดำเนินชีวิตประจำวัน หากทำได้จะเห็นผลของการปฏิบัติ คือ จิตเบากายเบา แก้ความย้ำคิดย้ำทำได้ ทำให้เรามีสติ และไม่เป็นอันตรายทั้งชาตินี้ และชาติหน้าค่ะ

ตามที่ผู้เขียนท่านนั้น ได้กล่าวถึงค่ะ หากมีข้อสงสัย PM มาคุยกันดีกว่าค่ะ

บุญรักษาค่ะ

Numsai

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=b95xPloGyDo&feature=related]อานาปานุสสติกรรมฐาน.mp4 - YouTube[/ame]

 

การฝึกอานาปานสติ นั้น ไม่ได้อยู่ที่คำภาวนา จะภาวนาอะไรก็ได้ เพียงแต่ต้องกำหนดลมหายใจเข้า-ออก บางท่านถนัดพุท-โธ ก็ภาวนาพุท-โธ หรือคำภาวนาอื่น เช่น สัมปัจจิต-ฉามิ หรือ โสตัตตะ-ภิญญา (ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง เคยสอนไว้) การปฏิบัติไม่ว่าภาวนาอะไรก็ตาม..

-ให้ตัดความกังวลทั้งปวง ไม่คิดเรื่องงาน ครอบครัว
-พิจารณาศีล ๕ (ขณะที่กำลังนั่งสมาธิ)ให้บริสุทธิ์
-หายใจเข้า-ออก แรง ๆ 3-4 ครั้ง เพื่อไล่ลมหยาบ จากนั้น หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ หรือคำภาวนาที่ถนัด

หรือ นับ ๑ ถึง ๑๐ คือ หายใจเข้า -ออก นับ ๑ ...

หายใจเข้า-ออก นับ ๒ ...

หายใจเข้าออก นับ ๓ ..

แต่มีข้อแม้ว่า ระหว่างหายใจเข้า-ออก นั้น หากจิตไปคิดเรื่องอื่น ให้กลับมานับ ๑ ใหม่ จนกว่าจะถึง ๑๐ หากนับถึง ๑๐ ได้แล้ว ก็เพิ่มเป็น ๒๐ ๓๐ ไปเรื่อย ๆ จนจิตรวมเป็นหนึ่ง

จากนั้น หากจิตถึงฌาณ ๒ คำภาวนาต่าง ๆ จะหายไปออก โดยรู้สึกว่า มีลมหายใจเข้า-ออกแผ่ว ๆ ตอนนั้น จิตจะเบากายจะเบาค่ะ หากทำไปเรื่อย ๆ จะมีความก้าวหน้าตามลำดับจะรู้สึกว่าไม่หายใจ หรือจิตดับไปเลย นั่นคือ การทรงฌาณ ๔ ในอานาปานสติ

หากต้องการให้กรรมฐานทรงตัว ระหว่างวันก็ต้องกำหนดลมหายใจเข้าออกไป เพื่อให้จิตทรงฌาณ เอาแค่นี้พอหอมปาก หอมคอค่ะ

ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ

Numsai