วงเหล้าเขย่าขวัญ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 12 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    "คนอารีฯ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวงเหล้าวัดมะกอก

    เมื่อสมัยหนุ่มผมเคยอยู่หลังแฟลตตำรวจที่สนามเป้า มีบ้านเรือนอยู่ไม่กี่สิบหลังเพราะยังไม่มีถนนตัดผ่าน ส่วนมากเป็นป่าละเมาะค่อนข้างเปลี่ยว แต่เมื่อเราเดินจนชินแล้วก็ไม่มีอะไรน่ากลัว

    ทางออกที่ใกล้ที่สุดคือวัดมะกอก กลางวันคนคึกคัก กลางคืนเดินผ่านป่าช้าทำให้เสียวสันหลังเหมือนกัน แต่ยังไม่เคยโดนผีหลอกซักที

    บางคืนขี้เกียจเดินก็นั่งแท็กซี่เข้าอารีสัมพันธ์ซอย 1 สุดซอยเป็นเพิงขายอาหาร เดินทะลุผ่านดงหญ้าและต้นไม้ร่มครึ้มไม่นานก็ถึงบ้าน ตอนเย็นๆ มีเด็กมาวิ่งเล่นกันเกรียว บ้างก็ใช้หนังสติ๊กยิงนกบ้าง ปีนต้นไม้เล่นบ้าง เห็นแล้วทำให้นึกอยากย้อนเวลาไปเป็นเด็กอีกครั้ง

    ผมมีเพื่อนบ้านใกล้ๆ ชื่อนพ เราสนิทกันมากเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เรียนด้วยกัน โดดเรียนไปดูหนังด้วยกัน โรงใกล้หน่อยก็คือเอเธนส์ แมคเคนน่า เดี๋ยวนี้เหลือแต่ชื่อไปแล้ว

    ขนาดตัดผมเรายังไปร้านเดียวกัน คือเฉลียวบาร์เบอร์ที่ปากซอยวัดมะกอกใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

    มีเพื่อนรุ่นพี่หลายคนชอบไปตั้งวงเหล้ากันในดงไม้หลังวัด เรารุ่นน้องก็ไปดูเขา ไปฟังเขาคุยกัน เลยได้รู้ว่าการตั้งวงเหล้าที่นั่นไม่ต้องเสียเงินมาก ซื้อลาบกับน้ำตกบ้าง แหนมกับส้มตำปูมาแกล้มก็พอแล้ว มีเหล้ากับน้ำแข็งใส่ถังวางอยู่ใกล้ๆ มือ เขาบอกว่าสวรรค์อยู่แค่เอื้อม

    พวกเขามีทั้งคนขับรถ ช่างไม้ช่างปูน กับรับจ้างจิปาถะ ท่าทางออกจะนักเลงแต่คุยสนุกด้วยเรื่องร้อยแปด ทั้งเรื่องบู๊ เรื่องผู้หญิงอย่างว่า จนผมกับเจ้านพติดใจชอบไปนั่งฟังกันเพลิน บางทีก็ช่วยวิ่งซื้อบุหรี่หรือน้ำแข็งที่ร้านหน้าวัดให้ ถ้าไม่มืดค่ำจนเกินไปนัก

    โธ่! ก็กลัวผีน่ะซีครับ

    พวกรุ่นพี่ชวนเราดื่มเหล้าด้วย ตอนแรกก็ทั้งขมทั้งเหม็น แต่ไม่นานก็กลับเดินสะดวก ส่อแววว่าอนาคตคงไม่แคล้วเป็นคอทองแดงเหมือนรุ่นพี่พวกนี้แน่

    คราวนี้เราช่วยออกเงินซื้อน้ำแข็งบ้าง กับแกล้มอย่างละห้าบาท-สิบบาท ไปซื้อบุหรี่ตอนกลางคืนก็ไม่กลัวผีอีกแล้ว เพราะใจคอคึกคัก พวกรุ่นพี่ก็ยิ่งสนับสนุนว่าผีมันกลัวคนกินเหล้า เดี๋ยวจะโดนไล่เตะเอา ถ้าเจอผีผู้หญิงก็จะปล้ำเอามาทำเมียเสียเลย...ว่าแล้วก็หัวเราะกันตึง

    วงเหล้าที่ว่าไม่ได้ตั้งกันทุกคืนนะครับ พวกช่างไม้ที่รับงานไกลๆ ก็มักไปค้างที่นั่น คนขับรถออกต่างจังหวัดก็หายไปทีละ 2-3 คืน ส่วนมากต้องอยู่ครบสี่คนถึงจะตั้งวงเหล้ากัน

    ตอนกลางคืนใช้ก่อไฟกองเล็กๆ จุดยากันยุงเป็นแท่งใส่ถาดยาวๆ มีขดลวดตรงกลางให้สอดได้พอดี ยิ่งหน้าหนาวยิ่งสนุก ผมกับเจ้านพคอยหากิ่งไม้แห้งๆ มาเติมไฟ ฟังเขาเล่าเรื่องผีบ้าง เรื่องสัปดนบ้าง หัวเราะกันครึกครื้นแต่ไม่ได้รบกวนใครเพราะห่างบ้านผู้คน

    คืนหนึ่ง พี่ทอง-ช่างไม้ไปปลูกบ้านถึงแค มาเล่าว่ามีแม่ค้าร้านชำแถวนั้นเป็นม่ายผัวตาย ทั้งสวยทั้งขี้เล่น ใครอยากไปจีบก็แวะไปหาได้ พี่ปั่นคนขับรถกระบะรับจ้างรีบตกลงทันที คนอื่นๆ ก็อยากไปดูคนสวยของพี่ทองเหมือนกัน

    คืนต่อมา เจ้านพมาหาผมที่บ้าน ชวนไปหาอะไรกินกันที่ปากซอยตั้งแต่เย็น..ติดเหล้าติดลมไปจนสามทุ่มกว่าถึงได้เดินเซนิดๆ กลับบ้าน

    เมาแล้วไม่กลัวผีจริงๆ ด้วยครับ หมาจะหอนโหยหวนแค่ไหนก็ไม่สนใจกลับไล่ตะเพิดเอาด้วยซ้ำ จนเข้าทางเดินแคบๆ ที่มีแต่ป่าละเมาะกับต้นไม้อยู่ในความเงียบเชียบ สายลมพัดวู่หวิวเยือกเย็นทำให้เกือบส่างเมา

    เกือบจะเลี้ยวเข้าบ้านอยู่แล้ว พอดีเหลือบเห็นแสงไฟสว่างวูบวาบมาจากที่เราตั้งวงเหล้ากันเป็นประจำ รู้ทันทีว่าพวกรุ่นพี่กลับมาแล้ว เลยชวนกันเดินเข้าไปหาเพื่อร่วมวงด้วย

    พวกเขากำลังดวดเหล้ากันอยู่หน้ากองไฟใต้ร่มไม้ พี่ทองหันมามองพลางหัวเราะร่า ชูแก้วให้เรา

    "มาโว้ย ไอ้น้อง! ดวดเหล้าที่ไหนก็ไม่เข้าไส้เหมือนที่บ้านเรา ถิ่นเราว่ะ"

    ผมกับเจ้านพเข้าร่วมวงทันที..แต่หน้าตาพี่ทองมีเลือดไหลมาจากแผลเบ้อที่หน้าผาก หันไปมองคนอื่นๆ ที่กำลังหัวเราะร่าก็เห็นแหลกยับ เลือดท่วมตัวไปตามๆ กัน!

    "กินเหล้าเถอะน่า" พี่ทองหัวเราะร่วน "ไอ้ปั่นมันว่าไปกินเหล้าที่ไหนก็ไม่สนุกเหมือนที่นี่ พากันบึ่งรถมาจนชนกับสิบล้อ..ตายโหงหมดทั้งคันเลยว่ะ ฮ่าๆๆ"

    ผมผงะหน้า ตาลาย ได้ยินเสียงหัวเราะครืนใหญ่ แล้วรุ่นพี่ทั้งสี่กับกองไฟก็จางหายไปต่อหน้าต่อตา เจ้านพร้องเฮ้ย! กระโดดตัวลอยขึ้นพร้อมๆ กับผม ดูเหมือนเราจะโผเข้าหากันแต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหน พิษเหล้าหายหมดเป็นปลิดทิ้ง

    ความกลัวจุกคอหอยจนร้องไม่ออก รอบๆ ตัวมีแต่ความมืดสลัว..เราวิ่งล้มลุกคลุกคลานมาถึงบ้านผมก่อน เจ้านพอาศัยนอนด้วย..รุ่งขึ้นจึงรู้ข่าวว่าพวกรุ่นพี่ทั้งสี่ตายหมดจริงๆ เราเองก็ไม่ยอมเดินผ่านที่นั่นตอนกลางคืนอีกเลย

    ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก
    ใบหนาด
    - ข่าวสด
     

แชร์หน้านี้

Loading...