**ร้านศิวิไลพระเครื่อง** วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง เกจิคณาจารย์ภาคเหนือ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ศิวิไล, 25 พฤษภาคม 2013.

  1. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 7211

    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อตุ๊เจ้าป่า วัดดาวดึงษ์หงษาราม จ.อ่างทองปี2518


    ประวัติหลวงพ่อตุ๊เจ้าป่า พระครูวิจิตรสรนาถ

    หลวงพ่อตุ๊เจ้าป่า นามเดิมชื่อ ทองหล่อ นามสกุล เฉยบุญเรือง บิดาชื่อ จ.ส.ต. ใหญ่ มารดาชื่อ เดิม เกิดที่ตำบล โพสะ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง อุปสมบทเมื่อวันที่ 8 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2492 ณ อุโบสถวัดกลาง ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เมื่อบวชแล้วได้ศึกษาพระธรรมวินัยตนสอบได้นักธรรมชั้นโท ต่อมาได้ออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมไปทั่วประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน และได้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัด ดาวดึงส์หงษาราม ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ช่วงระยะ หนึ่งต่อมาพระเดชพระคุณพระวรณามุฯ (หลวงตาละมัย) ได้ขอนิมนต์มาช่วยพัฒนาวัดพระยายมราชแห่งนี้ สำหรับที่มาของฉายานามว่า ตุ๊เจ้าป่า นั้น หลวงพ่อ เคยเล่าให้ฟังว่าได้มาจากตอนที่ไปธุดงค์ทางเหนือ คนทาง เหนือนั้นเรียกพระว่าตุ๊เจ้า สำหรับคำว่าตุ๊เจ้าป่า ก็แปลว่า พระป่านั้นเอง ตลอดแนวทางแห่งปฏิปทาของหลวงพ่อตุ๊เจ้าป่านั้นเป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธาแก่ บรรดาลูกศิษย์ลูกหายิ่ง พระครูวิจิตรสรนาท หรือ หลวงพ่อตุ๊เจ้าป่า อดีตเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ ไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2550


    ราคา 850 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_89.jpg Clip_90.jpg Clip_92.jpg Clip_91.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2021
  2. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 7212

    ประคำ ๑๐๘ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี


    เนื้อกรามช้าง หลวงพ่อท่านจัดสร้างหลังจากที่สร้างอุโบสถ วัดท่าซุง เสร็จได้ไม่นาน ราวๆ ปี ๒๕๒..กว่าๆ ลูกประคำที่หลวงพ่อท่านสร้างจะมีอยู่หลายแบบ มีทั้งเม็ดเล็กและเม็ดใหญ่ ประคำนี้ดีใช้ภาวนาทำกรรมฐาน ท่านบอกให้ทำเป็นกรรมฐานจะเกิดผลมากและยิ่งใหญ่ คือทิพจักขุญาณ ให้อาราธนาทุกวันควบคู่กับการภาวนาพระคาถาเงินล้านไปด้วย จะมีความคล่องตัว จะบังเกิดให้เห็นทันตา และยังป้องกันอันตรายต่างเหมือนพระเครื่องทุกประการ ควรอธิษฐานว่า "ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ และเป็นเมตตามหานิยมแล้ว ยังมีนัยเพื่อให้เป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ

    สวยเดิม ๆ ครับ


    บูชาแล้วครับ

    Clip_93.jpg Clip_94.jpg Clip_95.jpg Clip_96.jpg Clip_98.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2021
  3. ryuma9

    ryuma9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    1,496
    ค่าพลัง:
    +1,263
    รายการเหรียญกรมหลวงชุมพร โอนตังแล้วครับ ที่อยู่แจ้งทางpm
     
  4. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รับทราบขอบคุณครับ
     
  5. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 7209

    ปรกนิราศภัย รุ่นแรก ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน ปี 2520 เนื้อทองระฆัง

    สร้างเมื่อปี พ.ศ.2520 สร้างโดย คุณหมอ สมสุข คงอุไร และคณะศิษย์รัศมีพรหม โพธิโก ออกให้ทำบุญพร้อมเหรียญรุ่นแรกของท่านครูบาขันแก้ว
    เนื้อทองระฆัง ส(เป็นเนื้อเดียวกันกับเหรียญรุ่นแรก เนื้อทองระฆัง)ทองระฆังหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
    พิธีพุทธาภิเษก โดย
    1.ครูบา อินทะจักรรักษา (พระสุธรรมญาณเถระ) วัดน้ำบ่อหลวง
    2.ครูบา พรหมมา พรหมจักรโก(พระสุพรหมญาณเถระ) วัดพระบาทตากผ้า
    3.ครูบา ขันแก้ว อุตฺตโม(พระครูอุดม ขันติธรรม) วัดสันพระเจ้าแดง
    #สวยเดิมๆ หายากสุด ๆ #มาพร้อมบัตรรับรองพระแท้ครับ


    ราคา 3900 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    ปรกครูบาขันแก้ว 2.3 a.jpg ปรกครูบาขันแก้ว 2.3 b.jpg ปรกครูบาขันแก้ว 2.3 c.jpg ปรกครูบาขันแก้ว 2.3 d.jpg ปรกครูบาขันแก้ว 2.3 e.jpg

    ครูบาขันแก้ว วัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง)ถือเป็นพระเกจิล้านนาอีกท่านหนึ่งที่เป็นทั้งนักพัฒนา นักเทศน์ และยังมีฝีมือทางด้านศิลปะ ขณะครูบาขันแก้ว พรรษาที่ ๘ อายุ ๓๐ ปีตรงกับพ.ศ. ๒๔๗๑ ครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาจาริกธุดงค์มาบูรณะพระเจดีย์ และพระวิหารที่ “ดอยห้างบาตร” ครูบาศรีวิชัยได้เห็นฝีมือความสามารถทางช่างและอินทรีย์ที่ผ่องใสจากการปฏิบัติธรรม จึงได้มอบหมายให้ดูแลการบูรณะพระเจดีย์และพระวิหารแทน ก่อนที่ครูบาศรีวิชัยจะได้จาริกธุดงค์ต่อไป ได้ให้พรครูบาขันแก้ว อุตตโม ว่า
    “ให้ตุ๊น้องจงปฏิบัติธรรมจนไม่หวั่น ไหวในโลกธรรม ๘”
    พระครูอุดมขันติธรรม (ครูบาขันแก้วอุตตโม) อดีตเจ้าอาวาส วัดสันป่ายาง (สันพระเจ้าแดง) เกิดเมื่อวันอังคาร ที่ ๑๔ พ.ย.๒๔๔๒ ตรงกับวันขึ้น ๑๒ ค่ำเดือน ๑๒ (เดือนยี่เหนือ) ปีกุนที่ ต.ห้วยยาบ อ.เมือง จ.ลำพูน มีนามเดิมว่า ขันแก้ว นามสกุล อิกำเหนิด บิดาชื่อ นายอินตา อิกำเหนิด มารดาชื่อ นางสม อิกำเหนิด ท่านครูบามีพี่น้องเกิดท้องเดียวกัน ๕ คน เป็นน้องหญิง ๓ คน น้องชาย ๑ คน คือ
    ๑. พระครูอุดมขันติธรรม(ครูบาขันแก้ว อุตตโม)
    ๒. ด.ญ.อุ่น อิกำเหนิด (ถึงแก่กรรมตั้งแต่ยังเยาว์)
    ๓. นางบัวเขียว อิกำเหนิด (ถึงแก่กรรม)
    ๔. นายก๋อง อิกำเหนิด (ถึงแก่กรรมแต่มีบุตรหลานสืบสกุลอยู่ในปัจจุบันนี้)
    ๕. นางทา อิกำเหนิด (ถึงแก่กรรม)
    โยมปู่ครูบาขันแก้ว ได้อพยพครอบครัวมาจาก ต.เวียงยอง อ.เมือง จ.ลำพูนมาอยู่ ต.ห้วยไซก่อน แล้วจึงได้อพยพย้ายครอบครัวลงมาอยู่ที่ ต.ห้วยยาบ ตั้งรกรากใกล้กับวัดป่ายาง(สันพระเจ้าแดง) ซึ่งเป็นวัดร้าง และได้เป็นหัวหน้าบูรณะ ซ่อมแซมก่อสร้างจนเป็นวัดขึ้นมาตราบจนทุกวันนี้
    พระครูอุดมขันติธรรม (ครูบาขันแก้ว อุตตโม) ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๓ ปี ณ วัดป่ายาง อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ ๒๑ ปี ณ วัดต้นปิน ต.บ้านธิ อ.เมือง จ.ลำพูน โดยมีพระอธิการแก้ว (ครูบาอินทจักโก) วัดป่าลานเป็นพระอุปัชณาย์ ได้ฉายาว่า “อุตตโม” พรรษาที่ ๔ อายุได้ ๒๕ ปี ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ จ.ลำพูนให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดป่ายาง เมื่อพ.ศ.๒๔๖๘
    พรรษาที่ ๖ อายุได้ ๒๗ ปี ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลห้วยยาบและเป็นผู้รักษาการเจ้าคณะตำบลบ้านธิอีกตำแหน่ง ปกครองดูแลวัดทั้ง ๒ ตำบลถึง ๖๘ วัด พรรษาที่ ๓๒ อายุได้ ๕๓ ปี ได้รับสมณศักดิ์พระครูชั้นประทวนและในพรรษานี้ได้ไปบำเพ็ญมหากุศล มหาวิบากญาณรัมปยุต ๑๓ และมหากิริยาจิตเข้า “อภิสัญญาณโรธ”กับครูบาชุ่มโพธิโก ณ “ดอยห้างบาตร” เมื่อบำเพ็ญทุกข์กิริยาเพื่อให้เกิด “วิปัสสนาญาณ” ได้ “ธรรมจักษุ” (ดวงตาเห็นธรรม) ๗ วัน ๗ คืน ใน ๔ อิริยาบถ พรรษาที่ ๔๙ อายุได้ ๗๐ ปี ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอุดมขันติธรรม”
    ในปีพ.ศ.๒๕๒๑ และปีพ.ศ.๒๕๒๓ ครูบาขันแก้วได้เมตตาต่อคณะศิษย์วัดมีพรหมโพธิโก แสดงมหากิริยาจิต กำหนด “สุขวิปัสสก” ด้วยโสมนัสสหคตังญาณ สมปยุตตัง อสังขาริกัง ให้เกิด ”ปัญญาวิมุตติ” ได้”ธรรมจักษ์” ประหารกิเลสด้วย “สมุทจเฉทประหาร” และกำหนดมหากิริยาจิตแสดง “นิพพานัสส รจังฉิกิริยา” (การทำให้แจ้งในพระนิพพาน) ด้วยอารมณ์การได้ “มงกฎพระเจ้า” ดวงตาของครูบาขันแก้ว อุตตโม ได้เปลี่ยนสีจากสีเนื้อลูกลำไย เป็น “สีฟ้าเข้มทั้งดวงตา” แสดงถึงกิริยาของผู้หมดกิเลสเป็นการเปิดภูมิปัญญาในโลกุตรภูมิ เบื้องต้นและโลกุตระภูมิสูงสุด พระเมตตาคุณที่ได้แสดงมหากิริยาจิตในการโปรดสัตว์ทั้งสองครั้งนี้ ยากที่จะลืมเลือนได้
    หลวงปู่ขันแก้ว เป็นเพื่อนรักของหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย และก็ได้มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการบำเพ็ญกุศลช่วยงานศพอยู่ทุกคืนน่าจะนิมนต์มาท่านมาร่วมด้วย จะเคยปลุกเสกหรือไม่เคยปลุกเสกไม่สำคัญ คณะกรรมการวัดก็เลยนิมนต์ หลวงปู่ครูบาขันแก้ว มาร่วมพิธีด้วยแสดงความมหัศจรรย์นั่งเคี้ยวเมี่ยงในงานพุทธาภิเษก
    พิธีปลุกเสกได้เริ่มในตอนกลางคืนวันที่ 18 ก.พ. 2520 เวลา19.50น หลวงปู่ขันแก้ว ได้นั่งอยู่ในตำแหน่งที่หันหน้าเข้าหาพระประธาน หลวงปู่อีก3 องค์คือ หลวงปู่อินทรจักร วัดน้ำบ่อหลวง ท่านเจ้าคุณญาณ วัดมหาวัน หลวงปู่ท่านเจ้าคุณพระธรรมโมลี วัดพระธาตุหริภุญไชย นั่งหลับตาแผ่อำนาจจิตปลุกเสก แต่หลวงปู่ขันแก้วกับนั่งลืมตาเคี้ยวเมี่ยงอยู่เบิกตากว้างมองดูเฉยๆๆ ชาวบ้านวัดวังมุ่ยเริ่มมีปฎิกริยาพึมพำพูดกันว่าใครหนอนิมนต์ตุ๊เจ้าที่ปลุกเสกไม่เป็นมาร่วมพีธี ทำเอาเจ้าคณะตำบลประตูป่าเข้ามาพูดกับคุณพ่อสมสุขว่า โยมหมอใครไปนิมนต์ตุ๊ลุงองค์นี้มา พวกที่ชมและชาวบ้านในพีธีบ่นว่าไปเอาพระที่ไหนมา ดูซินั่งลืมตาเคี้ยวเมี่ยงไม่เห็นปลุกเสกอะไรเลย คุณพ่อบอกว่าผมนิมนต์มาเองขอให้รอดูประเดี๋ยว
    คุณพ่อยังนึกอยู่ว่านั่งเบิกตาอย่างนี้เคยเห็นที่ไหน หลวงปู่ขันแก้วนั่งลืมตาอยู่เกือบ15 นาที่ ประกายตากร้าวแข็ง ส่วนองค์อื่นท่านนั่งหลับตาตามความถนัดของท่าน ส่งกระแสจิตออกมาปลุกเสก หลวงปู่ขันแก้ว ปลุกเสกด้วย เมตตาเจโตวิมุติ หลวงปู่เริ่มเปลี่ยนอิริยาบถ โดยนั่งห้อยเท้า ตาของท่านเริ่มเป็นประกายกล้า ขณะนั้นช่างภาพก็ถ่ายรูปในอิริยาบถนั้น ทันที่ที่แสงไฟแฟลชสว่างจ้านัยน์ตาของหลวงปู่ขันแก้วก็มิได้กระพริบ ช่างภาพอีกหลายคนก็เข้าไปถ่ายแสงไฟสว่างจ้าแต่นัยต์ตาของหลวงปู่ก็อยู่อย่างปกติคือลืมตาอย่างนั้นไม่กระพริบเลย หลังจากนั้นช่างภาพหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นก็เข้าไปถ่ายซึ่งไฟแฟล็ชแรงกว่ามากก็เข้าไปถ่ายผลปรากฎ ตาของหลวงปู่ขันแก้วก็ไม่กระพริบเป็นเวลานาน คนธรรมดาไม่สามารถทำได้อย่างแน่ เปิดภูมิปัญญาโลกุตระด้วยมหากริยาจิต
    คุณพ่อเข้าใจทันที ที่นึกว่าเคยเห็นที่ไหนก็นึกออกว่าเคยเห็น หลวงปู่พรหม ถาวโร แห่งวัดช่องแค ท่านปลุกเสก พระแสงแฟล็ช ถ่ายรูปไม่ทำให้ นัยน์ตา ท่านกระพริบและท่านก็นั่งลืมตาปลุกเสกความจริงแล้วหลวงปู่ขันแก้วไม่ได้มีเจตนาจะแสดงอภินิหารหรืออวดเป็นเพียงการนั่งปลุกเสกของผู้สำเร็จอานาปานสติกรรมฐาน คือสมาธิแบบลืมตาและนั่งหายใจออก หายใจเข้าจนได้ดวงตาเห็นธรรมและใจหมดอาสวะกิเลสเป็นแบบสมาธิที่ถูกต้องของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีหลักฐานแสดงในอานาปาสติสูตรจากหนังสืองานพระศพของหลวงปู่ขันแก้วที่คุณพ่อสมสุข
    พระอริยะสงฆ์ผู้ที่จารึกว่า พระผู้อุดมด้วยวิชชา และวิมุตฺติ มีไว้บูชาติดตัว ติดบ้านร่มเย็นเป็นสุข กันภัยที่จะเกิดขึ้นทั้งปวงครับ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2021
  6. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 7210

    จอบม้าเสพนาง ครูบาบุดดา วัดหนองบัวคำ ฝังตะกรุด 3ดอก


    หลวงปู่ครูบาบุดดา วัดหนองวัวคำ จ.ลำพูน ท่านเป็นศิษย์ของ ครูบาวัง วัดบ้านเด่น ต้นตำรับ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองเหนือ ท่านเป็นศิษย์ของ ครูบาวัง วัดบ้านเด่น ต้นตำรับตำนาน วิชา "ม้าเสพนาง" จึงขอสืบทอดให้ขลังเหมือนของครู จอบม้าคู่นาง เป็นเมตตามหาเสน่ห์แก่ผู้พกบูชา ทำจากผงปัถมัง ผงมหาเสน่ห์ ผู้ใดพกแล้ว จะทำให้ตนเองดูดีมีเสน่ห์ ชายใดเห็นเป็นต้องเข้าหา หญิงใดเห็นก็อยากพูดคุยด้วย เพื่อนฝูงรักใคร่จนไม่อยากจากไปไหน มีข้อแม้ว่าอย่าด่า อย่าพูดจาหยาบคาย คนจะยิ่งรักยิ่งหลง
    จอบม้าคู่นาง (จอบ เกือกม้า ใช้เร็ว ผลไว ถากได้ ถางได้ ฟันดี)
    เป็นเรื่อง Talk of the town ยุคนี้ไปแล้วสำหรับ "ม้าคู่นาง" เสกมีฤทธิ์ที่สุด ต้องของครูบาบุดดา เพราะท่านสืบทอดมาจากครูบาวัง วัดบ้านเด่น สร้างกี่รุ่นก็มีประสบการณ์ มีอานุภาพทางเมตตา มหาเสน่ห์ อย่างโดดเด่น ต่อไปในภายหน้าจะหาม้าคู่นางอย่างหลวงปู่ไม่ได้อีก
    ล่าสุด หลวงปู่ได้สร้างม้าคู่นาง เป็นลอยองค์รูปทรงจอบเป็นตัวครั้งแรก หลวงปู่ครูบาท่านบอกเองว่า "ยะจะนี้ แหม ยากนัก สูงกว่ารูปภาพ ผ้ายันต์ ขึ้นมาหน่อย เพราะต้องขึ้นมโนภาพ ตั้งอารมณ์ให้รัก เมตตา เสน่ห์หา แผ่ไปทั่วจักรวาล ครอบคลุมโลกธาตุทั้งหมดถึงจะได้"
    เหตุที่หลวงปู่ตั้งใจสร้างเป็นรูปทรงจอบแบบเดียวกับที่ใช้ขุดดิน ถางหญ้า เพราะให้ม้าฯ เครื่องรางมหาเสน่ห์ชั้นยอดนี้ ไปถากถางใจของเพศเดียวกัน และเพศตรงข้าม ซึ่งตั้งใจอธิษฐานเอาเองเฉพาะตัว
    ม้าคู่นางรุ่นนี้พิเศษมาก เพราะท่านค้นหามวลสารหลายสิบปี เป็นมวลสารชั้นยอดทั้งนั้น อาทิ ขี้ผึ้งร้างรัง (เคล็ดลับรักไม่ร้างลา) ตานีตายทั้งกลม อย่าตกใจ หลวงปู่ให้เอา ต้นกล้วยตานีที่กำลังออกปลี หรืออกลูก ๙ ตำบล (แรงรักไม่มีวันเลิกรา) กะลาแฝด ว่านไก่ดำไก่แดง ดอกตะไคร้ ว่านช้างผสมโขลง ว่านจูงนาง ว่านนางกวัก ดอกกาฝากรัก กาฝากมะยม กาฝากคูณ กาฝากรักซ้อน รากรักซ้อนรังนกสาริกาตายคารัง ไม้ไก่กุ๊ก ว่านจูงนางสาวหลง เสน่ห์จันทร์ นางล้อม พรานหลง เครือเถาวัลย์หลง ว่านห้าร้อยนางดอกทอง สาริกาลิ้นทอง มหาโชคมหาลาภ ว่านนางตาม ว่านนะหน้าทอง ว่านเสน่หฦขุนแผน น้ำมันช้างตกมัน น้ำมันพญาเทครัว ไข่มุกทะเล ทรายเงินทรายทอง
    ลักษณะเกือกม้ามีดีตรงที่ตอนใช้ เดินไปไหนไม่มีอุปสรรค มีเสียงดังกังวาน เราผกม้าคู่นางองค์นี้ไป เข้าที่ไหนก็ใช้ได้ ไม่เสื่อม มีชื่อเสียงยศศักดิ์ฟุ้งกระจายไปหมด ฝังตะกรุดที่ลงหัวใจ "นา หัตวา" คนรักทั่วเรือน และโรยผงครกแตก บ้านแม่ม่าย (เคล็ดว่า ได้เงินได้ทอง ได้กิน จนครกแตก มีเข้ามาจนล้น) ฝังเม็ดมะกล่ำตาแดง (มีสีดำ แดง กินกัน) ตำราเหนือ บอกว่า แทนพระอาทิตย์ (สีแดง) ให้ความร้อนแรง ให้พลัง ให้ความอบอุ่น ให้ความสุข และสีดำ แทนพระราหู เกื้อหนุนดวงให้สดใสดีอยู่เสมอ ไม่ให้ดวงตก
    ใครมีไว้บูชา หญิงเห็นหญิงรัก ชายเห็นชายรัก มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น เกิดเมตตารักใคร่ จะโดดเด่นในเรื่องเมตตามหาเสน่ห์ สมหวังในเรื่องความรัก ชีวิตครอบครัวมีความสุข ความเจริญ เดินทางไปแห่งหนตำบลใด จะมีคนให้ความอนุเคราะห์อุ้มชู ไม่อดอยากยากไร้ มีคนอยากคุยอยากรู้จักด้วย มีเสน่ห์ดีนักแล ของดีสร้างน้อย .
    หลวงปู่ครูบาบุดดา วัดหนองวัวคำ จ.ลำพูน ท่านเป็นศิษย์ของ ครูบาวัง วัดบ้านเด่น ต้นตำรับ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองเหนือ ท่านเป็นศิษย์ของ ครูบาวัง วัดบ้านเด่น ต้นตำรับตำนาน วิชา "ม้าเสพนาง" จึงขอสืบทอดให้ขลังเหมือนของครู จอบม้าคู่นาง เป็นเมตตามหาเสน่ห์แก่ผู้พกบูชา ทำจากผงปัถมัง ผงมหาเสน่ห์ ผู้ใดพกแล้ว จะทำให้ตนเองดูดีมีเสน่ห์ ชายใดเห็นเป็นต้องเข้าหา หญิงใดเห็นก็อยากพูดคุยด้วย เพื่อนฝูงรักใคร่จนไม่อยากจากไปไหน มีข้อแม้ว่าอย่าด่า อย่าพูดจาหยาบคาย คนจะยิ่งรักยิ่งหลง
    จอบม้าคู่นาง (จอบ เกือกม้า ใช้เร็ว ผลไว ถากได้ ถางได้ ฟันดี)
    เป็นเรื่อง Talk of the town ยุคนี้ไปแล้วสำหรับ "ม้าคู่นาง" เสกมีฤทธิ์ที่สุด ต้องของครูบาบุดดา เพราะท่านสืบทอดมาจากครูบาวัง วัดบ้านเด่น สร้างกี่รุ่นก็มีประสบการณ์ มีอานุภาพทางเมตตา มหาเสน่ห์ อย่างโดดเด่น ต่อไปในภายหน้าจะหาม้าคู่นางอย่างหลวงปู่ไม่ได้อีก
    ล่าสุด หลวงปู่ได้สร้างม้าคู่นาง เป็นลอยองค์รูปทรงจอบเป็นตัวครั้งแรก หลวงปู่ครูบาท่านบอกเองว่า "ยะจะนี้ แหม ยากนัก สูงกว่ารูปภาพ ผ้ายันต์ ขึ้นมาหน่อย เพราะต้องขึ้นมโนภาพ ตั้งอารมณ์ให้รัก เมตตา เสน่ห์หา แผ่ไปทั่วจักรวาล ครอบคลุมโลกธาตุทั้งหมดถึงจะได้"
    เหตุที่หลวงปู่ตั้งใจสร้างเป็นรูปทรงจอบแบบเดียวกับที่ใช้ขุดดิน ถางหญ้า เพราะให้ม้าฯ เครื่องรางมหาเสน่ห์ชั้นยอดนี้ ไปถากถางใจของเพศเดียวกัน และเพศตรงข้าม ซึ่งตั้งใจอธิษฐานเอาเองเฉพาะตัว
    ม้าคู่นางรุ่นนี้พิเศษมาก เพราะท่านค้นหามวลสารหลายสิบปี เป็นมวลสารชั้นยอดทั้งนั้น อาทิ ขี้ผึ้งร้างรัง (เคล็ดลับรักไม่ร้างลา) ตานีตายทั้งกลม อย่าตกใจ หลวงปู่ให้เอา ต้นกล้วยตานีที่กำลังออกปลี หรืออกลูก ๙ ตำบล (แรงรักไม่มีวันเลิกรา) กะลาแฝด ว่านไก่ดำไก่แดง ดอกตะไคร้ ว่านช้างผสมโขลง ว่านจูงนาง ว่านนางกวัก ดอกกาฝากรัก กาฝากมะยม กาฝากคูณ กาฝากรักซ้อน รากรักซ้อนรังนกสาริกาตายคารัง ไม้ไก่กุ๊ก ว่านจูงนางสาวหลง เสน่ห์จันทร์ นางล้อม พรานหลง เครือเถาวัลย์หลง ว่านห้าร้อยนางดอกทอง สาริกาลิ้นทอง มหาโชคมหาลาภ ว่านนางตาม ว่านนะหน้าทอง ว่านเสน่หฦขุนแผน น้ำมันช้างตกมัน น้ำมันพญาเทครัว ไข่มุกทะเล ทรายเงินทรายทอง
    ลักษณะเกือกม้ามีดีตรงที่ตอนใช้ เดินไปไหนไม่มีอุปสรรค มีเสียงดังกังวาน เราผกม้าคู่นางองค์นี้ไป เข้าที่ไหนก็ใช้ได้ ไม่เสื่อม มีชื่อเสียงยศศักดิ์ฟุ้งกระจายไปหมด ฝังตะกรุดที่ลงหัวใจ "นา หัตวา" คนรักทั่วเรือน และโรยผงครกแตก บ้านแม่ม่าย (เคล็ดว่า ได้เงินได้ทอง ได้กิน จนครกแตก มีเข้ามาจนล้น) ฝังเม็ดมะกล่ำตาแดง (มีสีดำ แดง กินกัน) ตำราเหนือ บอกว่า แทนพระอาทิตย์ (สีแดง) ให้ความร้อนแรง ให้พลัง ให้ความอบอุ่น ให้ความสุข และสีดำ แทนพระราหู เกื้อหนุนดวงให้สดใสดีอยู่เสมอ ไม่ให้ดวงตก
    ใครมีไว้บูชา หญิงเห็นหญิงรัก ชายเห็นชายรัก มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น เกิดเมตตารักใคร่ จะโดดเด่นในเรื่องเมตตามหาเสน่ห์ สมหวังในเรื่องความรัก ชีวิตครอบครัวมีความสุข ความเจริญ เดินทางไปแห่งหนตำบลใด จะมีคนให้ความอนุเคราะห์อุ้มชู ไม่อดอยากยากไร้ มีคนอยากคุยอยากรู้จักด้วย มีเสน่ห์ดีนักแล ของดีสร้างน้อย .


    ท่านสืบทอดวิชาของครูบาอาจารย์รุ่นเก่าสร้างไว้ได้อย่างเข้มขลังยิ่งนัก ครูบาบุดดาอายุ92ปี ท่านเป็นศิษย์ของ ครูบาวัง วัดบ้านเด่น จึงสืบทอดวิชาม้าเสพนางของได้ขลังเหมือนของครู แม้รูปลักษณ์ภายนอกอาจแลดูพิสดารแต่เพราะเป็นวิชามหาเสน่ห์ด้านนี้โดยเฉพาะ พกได้ทั้งหญิงและชาย หรือเพศตรงข้าม เป็นเมตตามหาเสน่ห์แก่ผู้พกบูชา ทำจากผงปัถมัง ผงมหาเสน่ห์ ผู้ใดพกแล้ว จะทำให้ตนเองดูดีมีเสน่ห์ ชายใดเห็นเป็นต้องเข้าหา หญิงใดเห็นก็อยาก พูดคุยด้วย เพื่อนฝูงรักใคร่จนไม่อยากจากไปไหน มีข้อแม้ว่าอย่าด่า อย่าพูดจาหยาบคาย คนจะยิ่งรักยิ่งหลง ครูบาบุดดา ท่านเคยทำผ้ายันต์แล้ว ขลังขนาดแรงมากอย่าให้ตกถึงมือหนุ่มคนไหนเลย เป็นได้ควงผู้หญิงสาวสวยทุกรายไป "วิชาม้าคู่นาง" เป็นวิชาใช้สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ เนื่องจากทางให้ผลทางเสน่ห์รุนแรงมาก ผู้ชายจะไปเที่ยวหาสาว หากได้พกติดตัวไปด้วยต้องได้พบรัก ใครตามหาเครื่องรางที่แรงด้วย เรื่องคู่รัก...เรื่องจีบสาว...ไม่ควรพลาด ผู้ใช้ควรใช้อย่างมีศีลธรรม นำไปใช้ในทางที่ดี กับผู้ที่ยังไม่มีเจ้าของ เลี้ยงดู และดูแลเขาด้วยความรัก

    สวย เดิม ๆ นาน ๆ เจอสักองค์ครับ เลี่ยมพลาสติกกันน้ำ พร้อมใช้


    คุณ MATTH บูชาแล้วครับ

    Clip_78.jpg Clip_79.jpg Clip_80.jpg Clip_81.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2021
  7. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 7211

    ปรอทกินทองครูบาศรีอ่อง วัดบรรพตสถิต จ.ลำปางอันดับหนึ่งเครื่องรางแปรธาตุล้านนาไทย ขนาด 1. 5ซม


    ท่านเป็นชาวพม่า ท่านพำนักอยู่วัด บรรพตสถิตย์ ต.พระบาท จ.ลำปาง ...ท่านจะนำเอาปรอทไปแช่ในนพิษหลากชนิดแล้วเสกให้ปรอทฆ่าพิษตามตำรา จากนั้นนำปรอทที่ได้มาทำพิธีทางไสยเวทย์โบราณ โดยท่านใช้ทองคำล่อให้ปรอทกินทอง(ทองคำแท้) อิ่มตัว หากเป็นเงินบริสุทธิ์ก็จะออกมาเป็นปรอทกินเงิน จากนั้นนำไปเทในกองทราย แล้ว แล้วได้ในกองทราย แล้วจึงจะได้ปรอท กินเงิน-กินทอง

    พุทธคุณ...
    1.ช่วยขับพิษในร่างกายได้
    2.กันสิ่งอัปมงคล
    3.เสริมธาตุในร่างกาย

    อนุภาพ :
    1.แคล้วคลาด
    2.กันภูตผีปีศาจร้าย
    3.ป้องกันยาพิษเข้าต่างๆเข้าร่างกาย
    4.เสริมดวง ดวงขึ้นจะสุกใส ดวงตกจะหมองคล้ำ
    5.รักษาและปรับสมดุลธาตุในร่างกาย

    "คาถาบูชา จิเจรุนิ กัณหะเนหะ"และ มั่น ท่องนโม 3 จบ. และว่าด้วย สัมมาสัสพุทโธ 9จบ. และอธิฐานขอให้โรคทุเลาลง

    การสร้างเตามีอยู่ 2ยุคสมัย ด้วยกัน ยุคแรกๆหลวงพ่อจะไม่ตัดแต่งและขัดให้สวยงาม ยุคหลัง ตัดแต่งและขัดสวยงาม คนชอบใจกันเพราะเกิดความสวยงามน่าสวมใส่ จะยุคสมัยๆไหน ปรอทสำเร็จท่านไม่เป็นสองรองจากใคร เพราะว่าเกิดปาฎิหารหลายอย่าง ที่มองเห็นเด่นชัดมากที่สุดก็ คือ ทุกชิ้นงาน จะมีปรอทและยาพิษผุดออกมาด้านนอก ยาพิษมีสีคล้ำดำน้ำตาล ส่วนปรอทจะมีสีขาวเป็นลักษณไขออกมาชิ้นงาน .

    ข้อมูลท้องถิ่น พื้นบ้านชาวไทยใหญ่ และชาวล้านนา

    ขนาดใหญ่ 1.5 ซม. สวยเดิม ๆ ครับ


    บูชาแล้วครับ

    Clip_95.jpg Clip_96.jpg Clip_97.jpg Clip_98.jpg Clip_100.jpg

    https://www.youtube.com/embed/4jJdQ...flk4y9dctm7xx-i3oPikSKo-zekcU3OvTY4XPTS3oNQe0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2021
  8. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 7212

    เหรียญต่ออายุครูบาวัง วัดบ้านเด่น ปี 2511 บล็อกนิยมไม่มีกลาก


    เหรียญต่ออายุ ครูบาวัง วัดบ้านเด่น จ.ตาก สร้างปี 2511 เหรียญรุ่นนี้จัดสร้างคราวทำบุญครบรอบ 77 ปีหลวงพ่อครูบาวัง เป็นการสืบชะตาทำบุญต่ออายุแบบล้านนาโบราณ หลังจากที่หลวงพ่อครูบาวังท่าน ออกจากนิโรธสมาบัติพระกรรมฐานที่ท่านนั่งถึง 7 วัน 7 คืน นอกจากนี้เหรียญรุ่นนี้มีความพิเศษตรงที่ด้านหลังของเหรียญเป็นการวางอักขระยันต์ เก้ากุ่ม เอาไว้ ซึ่งเป็นอักขระยันต์ครูของล้านนาที่มีพุทธคุณครอบคลุมทุกด้าน
    เหรียญรุ่นนี้ถือเป็นเหรียญประสบการณ์ของหลวงปู่เลยก็ว่าได้ มีการบันทึกลงในสมุดงานฌาปณกิจศพของหลวงปู่ว่า ตชด.ทำการปะทะกับกองกำลังข้าศึก เพื่อนๆที่อยู่หน่วยลาดตระเวนเสียชีวิตกันหมดเพราะถูกข้าศึกระดมยิงไล่ต้อน มีตชด.อยู่สองนายที่หนีเอาตัวรอดมาได้ ตชด.ท่านหนึ่งพกตะกรุดของหลวงปู่ อีกท่านหนึ่งพกเหรียญรุ่นนี้ครับ อย่าว่าแต่เหรียญรุ่นนี้เลยครับ รุ่นอื่นที่หลวงปู่ท่านรังสรรค์ไว้ก็ก่อเกิดประสบการณ์มากมายนับครั้งไม่ถ้วน ยันต์ด้านหลังเหรียญในภาพเป็นยันต์ที่หลวงปู่ฯและคณาจารย์ล้านนาไว้ใช้ลงจารตะกรุดเก้ากลุ่มครับ จะว่าไปเหรียญรุ่นนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นแล้วนะครับ เหรียญนี้ถือว่าสภาพสวยมาก

    กิตติศัพท์ของครูบาวังขจรขจายไปทั่วประเทศครับ ขนาดจอมพล ถนอม กิตติขจร ยังเป็นลูกศิษย์ท่าน


    ราคา 999 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_82.jpg Clip_83.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2021
  9. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 7213

    เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อแขก วัดสันป่าลาน จ.ตาก ปี 2502 กะไหล่ทอง (หลังยันต์ตุ๊กตานิยม) สวยเดิม ๆ


    เหรียญรุ่น1สร้างปี พ.ศ. 2502 อายุ 54 ปี เป็นเหรียญรูปไข่ มี 2 แบบ คือ แบบของผู้ชายของผู้หญิง ประกอบด้วยเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง เนื้อทองแดงกะไหล่เงิน และเนื้อทองแดง ถ้าเป็นของผู้ชายด้านหลังเหรียญเป็นยันต์ราหูถ้าเป็นของผู้หญิงด้านหลังเหรียญจะเป็นยันต์รูปนางกวัก หลวงพ่อได้ทำการแผ่อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว พุทธคุณโดดเด่นเมตตามหานิยมสูงมาก คงกะพันชาตรี มหาอุด อีกทั้งป้องกันคุณไสยเป็นเยี่ยม

    เหรียญรุ่น 1 สร้างเมื่อหลวงพ่ออายุได้ 54 ปี ลักษณะรูปเหรียญด้านหน้าเหมือนเหรียญหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. ปี พ.ศ. 2500 เข้าใจว่า จัดสร้างโรงงานเดียวกัน โดยคณะศิษย์เดียวกัน

    จัดเป็นเหรียญยุคเก่าของเมืองตากหาชมได้ยากมาก


    บูชาแล้วครับ

    Clip_86.jpg Clip_87.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2021
  10. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 7214

    เหรียญรุ่นแรกครูบาอินทวงศ์ ปี 2511 กะไหล่ทอง
    วัดอินทขิล อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ผิวไฟสวย ๆ


    ครูบาอินทวงศ์เป็นพระปฏิบัติดีอย่างยิ่งรูปหนึ่งของสายเหนือ เป็นพระผู้เฒ่าซึ่งเป็นที่เคารพของหมู่พระภาคเหนือหลายรูป ท่านเกิดร่วมยุคกับครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน ถือได้ว่าเป็นผู้รัตตัญญูภาพที่ทรงศีลและอภิญญาอย่างยอดเยี่ยมของเมืองลำพูนครับ


    บูชาแล้วครับ

    Clip_84.jpg Clip_85.jpg

    clip_15-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2021
  11. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 7215

    ล็อกเก็ตหลวงพ่อดาบส สุมโน


    หลวงพ่อดาบส ท่านเป็นพระอริยะเจ้า เป็นพระบุญฤทธิ์ และ อิทธิฤทธิ์ เป็นพระสุปฏิปันโนที่ควรแก่การสักการะ กราบไหว้ เมื่อท่านมรณภาพแล้วขนาดหัวใจของท่าน ยังเผาไม่ไหม้ แถมยังแปรสภาพเป็นพระธาตุ สีเขียวมรกตครูบาอาจารย์หลายท่าน ให้ความยกย่อง บางท่านให้ศิษย์ไปกราบไว้ ไปทำบุญ ไปเรียนวิชากับท่าน

    “หลวงพ่อดาบส สุมโน
    ” เดิมชื่อ “สง่า” นามสกุล “เจริญจิตต์”
    เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ กัน ยายน ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ พ.ศ.๒๔๖๗ ปีชวด ตำบลบางกระไชย อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี
    เป็นลูกคนที่ ๖ ในจำนวนทั้งหมด ๘ คน
    บิดาชื่อ “นายเถียน” มารดาชื่อ “นางเวียง”
    ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๗๔ ขณะอายุได้ ๗ ปี มารดาก็ถึงแก่กรรมและต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๗๘ อายุได้ ๑๑ ปี “เด็กชายสง่า” ก็ต้องสูญเสียบิดาบังเกิดเกล้าไปอีกคน จึงอยู่ภายใต้การดูแลของ “คุณป้า” และเริ่มเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาที่ ๑ โรงเรียนวัดบางกระไชย จบชั้นประถมปีที่ ๔ เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๘

    ครั้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๕ อายุได้ ๑๘ ปี “คุณป้า” ได้นำ “เด็กชายสง่า” ไปบรรพชาที่ “วัดจันทนาราม จังหวัดจันทบุรี” เพื่อเรียนปริยัติธรรมซึ่งต่อมาสามารถ สอบได้ทั้ง “นักธรรมตรี” และ “นักธรรมโท”

    ในปี พ.ศ.๒๔๘๗ อายุครบ ๒๐ ปี “สามเณรสง่า” จึงอุปสมบทเป็น “พระภิกษุ” โดยมีท่าน “เจ้าคุณอมรโมลี” เป็นอุปัชฌาย์ได้ฉายาว่า “สุมโน” กระทั่งปี พ.ศ.๒๔๘๙ อันเป็นพรรษาที่ ๔ “พระภิกษุสง่า สุมโน” ได้กราบลา “พระอุปัชฌาย์” เพื่อเดินทางไปศึกษา “ภาษาบาลี” กับท่าน “เจ้าคุณรัชมงคลมุณี” วัดหนองบัว จังหวัดระยอง ต่อมาในปี

    พ.ศ.๒๔๙๐ ด้วยจิตที่มุ่งมั่นจะปฏิบัติธรรม แสวงหาธรรม จึงออกเดินธุดงค์ไป “จังหวัดเชียงใหม่” ตามเส้นทาง “อำเภอดอยสะเก็ด” สู่ “ถ้ำเชียงดาว” อำเภอเชียงดาวได้ธุดงค์พลัดเข้ามาสู่เขตพื้นที่ของ “อำเภอพร้าว” ในปี ๒๔๙๐ ถึง ๒๔๙๔ จึงพำนักและปฏิบัติธรรมใน “ป่าช้า” ของตำบลเวียง อำเภอพร้าว หรือ “วัดป่าเลไลย์” เป็นเวลาถึง ๔ ปี

    ปี พ.ศ.๒๔๙๔ “พระภิกษุสง่า สุมโน” เดินทางมาพำนักที่ “วัดเจดีย์หลวง” จัง หวัดเชียงใหม่ โดยปฏิบัติธรรมกับ “เจ้าคุณวินัยโกศล” (จันทร์ กุสโล) หรือ “พระพุทธพจนวราภรณ์” แล้วจึงออกจาก “วัดเจดีย์หลวง” ธุดงค์ไปตามเส้นทางสู่ “อำเภอดอยสะเก็ด” อีกครั้งพร้อมลัดเลาะไปตามป่าเขาถึง “ดอยพระเจ้าหล่าย” วันนั้นเป็น วันอาทิตย์ที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๔ ตรงกับแรม ๖ ค่ำ เดือนยี่เวลา ๑๗.๐๐ น. “พระภิกษุสง่า สุมโน” จึงตั้งสัจจะอธิษฐาน ณ ดอยพระเจ้าหล่าย ขอสละเพศบรรพชิตขอลาสิกขาบทจากการเป็น “พระภิกษุสงฆ์” โดยหันมาถือการครองเพศเป็น “ดาบส” ที่มีเพียง ผ้าอังสะและผ้าสบง เพียงสองผืนหุ้มห่อร่างกายไว ้จากนั้นจึงครองเพศเป็น “ดาบส” และปฏิบัติธรรมอยู่บน “ดอยพระเจ้าหล่าย” โดยมิได้ฉันทั้งอาหาร และน้ำถึง “๓ วัน ๓ คืน” จากนั้นจึงเดินทางลงจากดอยเพื่อธุดงค์ไปจังหวัด ต่างๆ ทั้ง แพร่ ลำปาง น่าน ยะลา ชุมพร และท้ายสุดปฏิบัติธรรมที่ “อาศรมไผ่มรกต” ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย จนมรณภาพ เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๓๔ สิริอายุได้ ๗๖ ปี

    “หลวงพ่อดาบส สุมโน” นับเป็น “ผู้บำเพ็ญเพียร” ด้วยศีลาจารวัตร บริสุทธิ์ผุดผ่องจนได้พบแสงสว่างแห่งธรรมเจิดจ้า และธรรม ที่ท่านแสดงให้บรรดาศิษย์ได้ยังความสุข ความสงบ ความร่มเย็น ให้เกิดขึ้นในจิตใจของผู้ที่เคยฟังธรรมจากท่านจึงนับได้ว่าท่านเป็น “ประทีปธรรม” แห่งภาคเหนือที่ยังคงอยู่ในความทรงจำ และในจิตใจ ของประชาชนตลอดไป


    ราคา 700 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    Clip_93.jpg Clip_94.jpg Clip_103.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2021
  12. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 7216

    พระพรหม 4 หน้า หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี


    พระพรหม 4 หน้า หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี เนื้อเมฆพัตร ประมาณ ปี 2484
    พุทธคุณเด่นทางด้าน เมตตามหานิยม, เสริมเรื่องการงานการเงิน, ค้าขายร่ำรวย, คุ้มครองป้องกัน ครอบจักรวาล
    สภาพสวยสมบูรณ์ เดิม แท้ๆ.. หายากแล้ว น่าเก็บสะสมมาก ๆ..
    หลวงพ่ออี๋ ท่านได้สร้างพระเครื่องรางต่าง ๆ ไว้มาก รวมทั้งปลัดขิกที่มีชื่อ ทั้งตะกรุด เสื้อยันต์ เหรียญ พระปิดตา "พระสาม" และ "พระสี่" (พรหมสี่หน้า) กล่าวกันว่าในระยะ พ.ศ. 2483-86 นั้น หลวงพ่ออี๋ก็มีของดีเกรียงไกรออกสู่สงครามอินโดจีนไปก็มาก ชื่อเสียงของท่านดังขนานไปกับหลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกทีเดียว พระเครื่องรางของขลังของหลวงพ่ออี๋มีสร้างออกมามากแบบเอาใน พ.ศ. 2484 และตาม พ.ศ. นี้เอง "พระสาม" และ "พระสี่" หรือ พระพรหมสี่หน้า ก็ได้กำเนิดตามออกมาด้วย พระทั้ง 2 พิมพ์เป็นพระเนื้อเมฆพัด องค์หนึ่งทำเป็นพระ 3 หน้าพระทับนั่งบนฐานบัวกลีบ (3 หน้า 3 องค์) ส่วนพระสี่หรือพรหมสี่หน้าก็ทำเป็นพระประทับนั่งบนฐานเขียงเหมือนกันทั้ง 4 หน้า (4 หน้า 4 องค์) ด้านพุทธคุณมีทั้งแคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี
    - คงไม่ต้องอธิบายถึงกิตติศัพท์ของหลวงปู่ให้มากมายนัก หลวงปู่เป็นที่รู้จักของคนสะสมพระเครื่องทุกชนชั้น ยิ่งในยุคสงครามอินโดจีนด้วยแล้ว คงไม่มีใครปฏิเสธ หลวงพ่อจาด, หลวงพ่อจง, หลวงพ่อคง, หลวงปู่อี๋ อย่างแน่นอน
    - พระพรหมที่หลวงปู่สร้างมีทั้ง 3 หน้า และ 4 หน้า ขึ้นชื่อเป็นพระเครื่องที่หลวงปู่ปลุกเสกแล้ว บูชาสบายใจได้หายห่วงครับ
    - พระองค์นี้เป็นพระพรหมสี่หน้า เนื้อเมฆพัตร สภาพสวยเดิมครับ
    ประวัติ วัดสัตหีบ หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในนาม " วัดหลวงพ่ออี๋ " ก็เพราะว่า หลวงพ่ออี๋ เป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นโดยตั้งอยู่เลขที่ 333 หมู่ 1 ถนนชายทะเล ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยวัดถูกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ 2442 นายขำ และ นางเอียง ทองขำได้ขอพระราชทานอธิบดีเป็นที่ดินว่างเปล่าเป็นป่าไม้ที่ไม่มีเจ้าของอนุญาติให้สร้างวัด ด้านเหนือติดทางเกวียน ด้านใต้ติดทะเลและด้านตะวันตกติดป่า ด้านตะวันออกติดที่ดินบ้านสัตหีบ โดยในปัจจุบันวัดนี้มีเนื้อที่จำนวน 30 ไร่ 28 ตารางวา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาอุโบสถหลังแรกเมื่อวันที่ 21 กันยายน ร.ศ. 138 พ.ศ.2463 เนื้อที่ได้รับพระราชทาน กว้าง 2 เส้น ยาว 3 เส้น
    เจ้าอาวาสวัดสัตหีบ 1. พระครูวรเวทมุนี ( หลวงพ่ออี๋ พุทธสโร ) พ.ศ.2442 - พ.ศ.2489 รวม 47 ปี 2. พระครูศรีสัตตคุณ ( พ.ม.เกษม สนตุสสโก ) พ.ศ.2489 - พ.ศ.2496 รวม 7 ปี 3. พระครูศรีสัตตคุณ ( บัญญัติ โกมุทโท ) พ.ศ.2496 - พ.ศ.2527 รวม 31 ปี 4. พระครูวิบูลธรรมบาล ( เหล็ง ธมมปาโล ) พ.ศ.2527 - จนถึงปัจจุบัน

    ประวัติ ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๐๘ ณ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โยมบิดาชื่อ ขำ ทองขำ โยมมารดาชื่อ เอียง ทองขำ หลวงพ่ออี๋เป็นบุตรชายคนโต ได้รับการศึกษา และอบรมสั่งสอนให้เป็นกุลบุตรที่ดี เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้อง บิดาของท่านรับราชการ ตำแหน่งที่ชาวบ้านในสมัยนั้นเรียกว่า นายกอง
    ในปี ๒๔๓๓ ท่านมีอายุ ๒๕ ปี ได้บรรพชาอุปสมบท ณ วัดอ่างศิลานอก โดยมี พระอาจารย์จั่น จันทสโร วัดเสม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทิม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์แดง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “พุทธสโร ภิกขุ” แปลว่า “ผู้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า”
    หลังจากบวชเป็นพระภิกษุแล้ว หลวงพ่ออี๋ได้อยู่เรียนวิชาการและศึกษาพระธรรมกับพระอาจารย์แดง วัดอ่างศิลานอก ซึ่งเป็นพระเถระที่มีภูมิธรรมสูง ทั้งยังมีวิชาอาคม แก้อาถรรพณ์คุณไสย ตลอดถึงการสักยันต์
    พระอาจารย์จั่น พระอาจารย์แดง และพระอาจารย์เหมือน ได้สอนศาสตร์วิชาต่างๆ ให้แก่หลวงพ่ออี๋ ลูกศิษย์ของท่าน จนหมดสิ้น เป็นเวลา ๖ พรรษาเต็มๆ
    การที่หลวงพ่ออี๋ท่านมุมานะศึกษาเล่าเรียน จุดประสงค์ก็เพื่อจะนำมาสงเคราะห์ญาติโยม ชาวบ้านผู้เดือดร้อนโดยทั่วไป
    ช่วง พ.ศ.๒๔๕๐-๒๔๕๑ หลวงพ่ออี๋ โยมบิดา ตลอดถึงชาวบ้าน ได้ร่วมกันสร้างวัด โดยไปหาไม้สวยๆ ในบริเวณใกล้เคียงมาทำเสา ทำฝา และหาดินเหนียวที่บางปะกง เอาไปเผาทำกระเบื้องมุงหลังคา
    การสร้างวัดของท่าน ไม่ถึง ๕ ปีก็แล้วเสร็จ เว้นอุโบสถ วิหาร และศาลาการเปรียญ ซึ่งได้มีการสร้างในเวลาต่อมา วัดที่สร้างขึ้นนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ใน พ.ศ.๒๔๖๓
    หลวงพ่ออี๋เริ่มอาพาธ ด้วยอาการฝีที่คอตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ.2489 จนเมื่อพอถึงวันที่ 20กันยายน พ.ศ.2489 ตรงกับแรม 10 ค่ำเดือน 10 ปีจอเวลา 21.05 น.หลวงพ่ออี๋ท่านมรณะภาพสิริรวมอายุของท่านได้ 82 ปี 57 พรรษา แม้เวลาจะผ่านไปนานจนถึงในปัจจุบันชื่อเสียงของท่านก็ยังเป็นที่บอกกล่าวเล่าขานกันสืบต่อมา และบารมีของท่านและวัดสัตหีบ (วัดหลวงพ่ออี๋) ก็ยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน.
    ปีที่หลวงพ่ออี๋ท่านสร้างวัดนั้น กิตติศัพท์ของท่านได้ขจรขจายอย่างกว้างไกล ในด้านความศักดิ์สิทธิ์ และอภินิหาร ผู้คนพากันหลั่งไหลไปกราบท่านมากมาย มีทั้งที่ต้องการฟังธรรมะ และการปฏิบัติสมาธิกับท่าน บางคนต้องการวัตถุมงคล ก็ได้สมความปรารถนาทุกประการ
    ต่อมาท่านได้ออกรุกขมูลอยู่เป็นประจำ เหมือนครูบาอาจารย์ของท่าน และนี่เองเป็นมูลเหตุในการสร้าง ปลัดขิก ของท่าน
    วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม
    วัตถุมงคล เช่น ปลักขิก ตะกรุด ผ้ายันต์ เสื้อยันต์สีแดง และสีขาว รูปถ่าย และเหรียญ เป็นต้น
    เหรียญรุ่นแรก ปี 2473 สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสหล่อพระประธานประจำพระอุโบสถของวัดสัตหีบ มี 2 ชนิด คือ เหรียญรูปไข่ (แจกผู้ชาย) และเหรียญทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ (แจกผู้หญิง) มีเนื้อเงิน และทองแดง
    เหรียญรุ่นสร้างโรงเรียน ปี 2483 มี 2 พิมพ์ คือ เหรียญรูปไข่ และเหรียญกลม พุทธคุณในเหรียญ2รุ่นนี้เด่นทาง เมตตามหานิยม
    ใน พ.ศ. 2484 "พระสาม" และ "พระสี่" หรือ พระพรหมสี่หน้าพระทั้ง 2 พิมพ์เป็นพระเนื้อเมฆพัด 2พิมพิ์นี้
    พุทธคุณมีทั้งแคล้วคลาด, เมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี


    คุณ shaj บูชาแล้วครับ

    Clip_90.jpg Clip_91.jpg Clip_92.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2021
  13. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 7217

    เหรียญหน้าเสือ หลวงพ่อสุด หรือเรียกว่าเหรียญเสือบิน ปี2520


    เป็น รุ่นที่ตี๋ใหญ่ใช้ติดตัวประจำ เป็นเหรียญที่มีรูปแบบการสร้างสวยงาม บรรยายตามภาพ เหรียญสวยๆแบนี้หายากแล้วครับ เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่มีประสบการณ์ ผู้นิยมเสือหลวงพ่อต้องหาไว้ครอบครองเนื่องจากใช้แล้วมีประสบการณ์มากมาย เกิดขึ้น ยอดพระเกจิอาจารย์แห่ง จ.สมุทรสาคร ในสมัยก่อนจอมโจรที่มีชื่อเสียงอย่างเช่น ตี๋ใหญ่ ยังถวายตัวเป็นเป็นศิษย์และได้ใช้บูชาตะกรุดของหลวงพ่อสุดติดตัวอยู่ตลอด เวลา ในวันที่ตี๋ใหญ่ถูกยิงเสียชีวิตนั้นว่ากันว่า วันนั้นตี๋ใหญ่ได้ทำตะกรุดหาย และได้เดินทางไปขอตะกรุดใหม่ที่วัดกาหลง แต่หลวงพ่อไม่อยู่ ขณะที่เดินทางออกมาจากวัดก็ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต วัตถุมงคลที่หลวงพ่อสุดอธิษฐานจิตปลุกเสกจะมีพุทธคุณสูงทางด้านมหาอุตม์ คงกระพันชาตรี เป็นสุดยอดของดีที่มีคนเสาะแสวงหาไว้บูชาเพื่อหวังพึ่งพุทธคุณ ท่านเป็นหนึ่งในพระเกจิ ที่รวมพิธีปลุกเสกพระ 25 ศตวรรตด้วย ร่างของท่านไม่เน่าเปื่อย ครั้นเผาไฟก็ไม่ไหม้ เป็นหนึ่งในสุดยอดพระอาจารย์แห่งลุ่มน้ำแม่กลองอีกรูป สุดยอดยันต์หลวงพ่อสุด วัดกาหลง


    คุณ ryuma9 บูชาแล้วครับ

    Clip_88.jpg Clip_89.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2021
  14. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,243
    ค่าพลัง:
    +6,456
    ขอจองครับ
     
  15. ryuma9

    ryuma9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    1,496
    ค่าพลัง:
    +1,263
    จองครับ
     
  16. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รับทราบการจอง ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รับทราบการจองขอบคุณครับ
     
  18. MATHS

    MATHS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    783
    ค่าพลัง:
    +908
    ขอจองครับ
     
  19. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    ขอบพระคุณครับพี่
     
  20. ศิวิไล

    ศิวิไล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    15,921
    ค่าพลัง:
    +1,340
    รายการที่ 7218

    พระรอดวัดมหาวัน 1200 ปี เนื้อนวะโลหะ ปี 28 สวย คม ชัด

    พิธีพุทธาภิเศกเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2528 ณ วัดมหาวัน

    โดยมีเกจิผู้ทรงวิทยาคม 9 รูป อธิษฐานจิต ดังนี้

    พระธรรมโมลี เจ้าคณะภาค 7 วัดพระธาตุหริภุญชัย
    พระเทพวิริยาภรณ์ รองเจ้าคณะภาค 6 วัดพระบาทมิ่งเมือง จ.แพร่
    หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    หลวงปู่หล้า วัดป่าตึง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
    ครูบาสุรินทร์ วัดศรีเตี้ย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน
    ครูบามูล วัดต้นผึ้ง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
    ครูบาชัยวงค์ วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน
    และพระอาจารย์ไพบูลย์ วัดป่า จ.พะเยา
    พระดีพิธีใหญ่ครับ

    ราคา 2350 บาท สนใจสอบถามได้ครับ 086-1936900

    พระรอด 1200 ปี นวะ a.jpg พระรอด 1200 ปี นวะ b.jpg พระรอด 1200 ปี นวะ c.jpg


    Clip_82.jpg Clip_83.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2021

แชร์หน้านี้

Loading...