รวมโอวาทพระอริยสงฆ์

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย อภิราม, 13 กันยายน 2010.

  1. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    คำสอนพระพุทธเจ้า

    [​IMG]


    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงช้อนเอาฝุ่นเล็กน้อยไว้ที่ปลายเล็บ
    แล้วทรงถามเหล่าภิกษุทั้งหลายว่า
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายเข้าใจอย่างไร
    ฝุ่นที่เราช้อนขึ้นมากับฝุ่นบนแผ่นดินนี้อย่างไหนมากกว่ากัน"

    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า "ฝุ่นเล็กน้อยที่พระองค์ทรงช้อนไว้ในปลายเล็บ
    มีประมาณน้อยอย่างนับไม่ได้ เมื่อเทียบกับแผ่นดินใหญ่พระเจ้าข้า"

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เช่นเดียวกัน สัตว์ที่กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีน้อย
    โดยที่กลับมาเกิดเป็นอย่างอื่นมีมากกว่า.."

    "..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ที่จุติ(เคลื่อนจากภพ-ตาย)ในมนุษย์แล้ว
    กลับมาเกิดในพวกมนุษย์มีน้อย โดยที่แท้สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว
    ไปเกิดในนรก ในกำเนิดเดรัจฉาน เป็นเปรตมีมากกว่า
    สัตว์ที่จุติจากนรก หรือกำเนิดจากเดรัจฉานหรือเปรต
    จะกลับไปเกิดในพวกมนุษย์ หรือในพวกเทวดามีน้อย
    ไปเกิดในนรกเป็นเดรัจฉานเป็นเปรตมีมากกว่า.."

    _____________________________
    ที่มา: จากหนังสือโอวาทพระอริยสงฆ์ แก้กรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2010
  2. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
    วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

    [​IMG]

    " ไม่มีอะไร "

    "มาไม่มีอะไร ไปไม่มีอะไร มีอยู่ก็แต่จิตใจและวิญญาณ
    ท่านทำดีก็เสวยกรรมดี ทำไม่ดีก็ตกนรกไป
    ท่านอย่านึกว่าท่านตายแล้วสูญเปล่า
    ท่านทั้งหลายจะพบกันในโลกวิญญาณอีก

    หนี้สินที่ท่านสร้างขึ้นในโลกมนุษย์ ก็จะชดใช้กันในโลกวิญญาณ
    ใช้ไม่หมดก็ต้องไปเกิด ไม่อย่างนั้น
    จะไม่เรียกว่า เวียนว่ายตายเกิด โลกนี้กลมไม่มีสิ้นภพสิ้นชาติ
    โปรดพิจารณาตัวท่านเมื่อไม่มีสิ่งใดปกปิดเถิด"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2010
  3. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด)
    วัดช้างให้ จ.ปัตตานี

    [​IMG]

    พูดมาก เสียมาก
    พูดน้อย เสียน้อย
    ไม่พูด ไม่เสีย
    นิ่งเสีย โพธิสัตว์

    "มนุษย์ผู้ใดเห็นแก่งานส่วนตัว
    มนุษย์ผู้นั้นจะไม่มีงานทำในไม่ช้า
    มนุษย์ผู้ใดเห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว
    มนุษย์ผู้นั้นจะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
    มนุษย์ผู้ใดเห็นแก่นอนมาก
    มนุษย์ผู้นั้นจะไม่ได้นอนในไม่ช้า"

    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา (๓จบ)<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  4. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ
    วัดหิรัญญาราม (วัดวังตะโก) จ.พิจิตร

    [​IMG]

    "การศึกษากรรมฐานควรทำให้แจ้งและถูกต้องตามหลักธรรมวินัย
    เพราะเมื่อคิดผิดสอนผิด พิจารณาด้วยสัญญาผิดๆก็จะทำให้เสียเวลา
    ทั้งยังเป็นผู้ทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้าอีกด้วย"

    "กรรมเก่าของเราเคยทำไว้อย่างไร ก็ตายด้วยโรคเก่านั้น"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2010
  5. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    สมเด็จพระวันรัต (ทับ พุทธสิริ)
    วัดโสมนัสวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

    [​IMG]

    "เพ่งอัฐิเป็นกรรมฐาน

    เยี่ยมป่าช้าหาอรรถธรรม

    พิจารณาความ เกิด แก่ เจ็บ ตาย"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  6. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่มั่น ภูริทัตตะเถระ
    วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร

    [​IMG]

    "ผู้ปฏิบัติพึงใช้อุบายปัญญาฟังธรรมเทศนาทุกเมื่อ
    ถึงจะอยู่คนเดียวก็ตาม คืออาศัยการสำเหนียก
    กำหนดพิจารณาธรรมอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน

    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เป็นรูปธรรมที่มีปรากฏอยู่
    รูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ(สัมผัส) ก็มีปรากฏอยู่
    ได้เห็นอยู่ ได้ยินอยู่ ได้สูดดม ลิ้มเลีย และสัมผัสอยู่ จิตใจเล่า ก็มีอยู่
    ความคิดนึกรู้สึกในอารมณ์ต่างๆ ทั้งดี และร้ายก็มีอยู่

    ความเสื่อม ความเจริญ ทั้งภายนอกภายในก็มีธรรมชาติอันมีอยู่
    โดยธรรมดาเขาแสดงความจริง คือความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
    ให้ปรากฏอยู่ทุกเมื่อ เช่น ใบไม้มันสีเหลืองหล่นร่วงลงมาจากต้น
    ก็แสดงความไม่เที่ยงให้เห็นดังนี้เป็นต้น

    เมื่อผู้ปฏิบัติมาพินิจพิจารณาด้วยสติปัญญา โดยอุบายนี้อยู่เสมอแล้ว
    ชื่อว่าได้ฟังธรรมอยู่ทุกเมื่อ ทั้งกลางวันและกลางคืนแลฯ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  7. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล
    วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

    [​IMG]

    "การให้ทานอันใดๆ ก็ให้กันมามากแล้ว ย่อมมีผลอานิสงส์มากเหมือนกัน
    แต่ยังสู้ผู้เข้ามาบวชเป็นตาผ้าขาว เป็นแม่ชีแล้วรักษาศีลอุโบสถไม่ได้
    มีอานิสงส์มากกว่าการให้ทานนั้นเสียอีก
    ถ้าใครอยากได้บุญมากๆ ได้ไปสวรรค์
    ไปพระนิพพาน เพื่อการพ้นทุกข์แล้วละก็
    ควรบวชเป็นตาผ้าขาว เป็นแม่ชีรักษาศีลอุโบสถเสียในวันนี้..

    การปฏิบัติสมาธิภาวนานั้น เป็นชื่อแห่งความเพียร
    ที่ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายในบวรพระพุทธศาสนา
    ได้ถือเป็นข้อปฏิบัติชอบเป็นอย่างยิ่ง
    ธรรมะที่จะนำมนุษย์ให้พ้นทุกข์นี้ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา เท่านั้น"

    "กรรมนี้แหละจะจำแนกสัตว์ให้เป็นไปต่างๆนานา ทำให้เลว ให้ดี
    ให้ชั่ว ให้ประเสริฐ ก็เป็นผลของกรรมที่ทำไว้ทั้งสิ้น
    เราเกิดเป็นมนุษย์มีความสูงศักดิ์มาก แต่อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ
    มนุษย์ของเราจะต่ำลงกว่าสัตว์ และจะเลวกว่าสัตว์อีกมาก
    เวลาตกนรก จะตกหลุมที่ร้อนกว่าสัตว์มาก
    อย่าพากันทำ ให้พากันละบาปและบำเพ็ญบุญ
    อย่าให้เสียชีวิตลมหายใจไปเปล่า ที่ได้มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  8. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
    (พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์)
    วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

    [​IMG]

    "คนที่กำลังจะตายนั้น ถ้าจิตไปเกาะยึดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
    วิญญาณที่ออกจากร่างไปก็วนเวียนไปเกาะอยู่กับสิ่งนั้น
    เหมือนกับผลไม้ที่ห้อยอยู่กับกิ่งบนต้นของมัน ถ้ากิ่งมันเอนไปอยู่ตรงที่ดี
    ผลของมันก็หล่นลงมางอกตรงที่ที่ดี ถ้ากิ่งมันเอนไปอยู่ตรงที่ที่ไม่ดี
    ผลที่หล่นลงมาก็จะงอกตรงที่ที่ไม่ดีนั้น

    คนที่ไม่มีสมาธิ จิตใจมีนิวรณ์ความกังวล ห่วงลูกห่วงหลาน
    ห่วงคนโน้นคนนี้ เวลาตายวิญญาณก็ไปเกาะอยู่ที่ลูกที่หลาน
    บางคนกลับไปเกิดเป็นลูกของลูกตัวเองก็มี
    บางคนที่พ่อแม่ทิ้งมรดกที่สวนไร่นาไว้ให้ ก็เป็นห่วงสมบัติของตน
    พอตายไปก็ไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในสวนในนาก็มี
    บางคนก็ไปเกิดเป็นผีสางนางไม้เฝ้าทุ่งนาป่าเขาก็มี พวกนี้เป็นพวก
    สัมภเวสี คือ วิญญาณลอยไปเที่ยวหาที่เกาะ
    ถ้าจิตของเราตั้งอยู่ในบุญกุศล เราก็จะมีสุคติเป็นที่ไป
    ถ้าจิตของเราตั้งอยู่ในบาปอกุศล วิญญาณของเราก็จะต้องไปสู่ทุคติ
    ไม่ได้ไปเกิดในโลกที่ดี โลกที่ดีนั้น คือ โลกที่ไม่มีภัย เป็นโลกแห่งเทวบุตร
    เทวดานางฟ้า ไม่มีความทุกข์ภัยใดๆ ในโลกของเทวดานั้นมีแต่เกิดกับตาย
    ไม่มีแก่ไม่มีเจ็บ โลกมนุษย์มีทั้ง เกิด แก่ เจ็บ ตาย
    โลกนิพพานไม่มีทั้งเกิด ไม่มีทั้งตาย"

    "ทุกคนต้องการความสุขไม่ต้องการความทุกข์ แต่อะไรเล่า
    เป็นความสุขที่แท้จริงของตัวเรา คิดว่ากินนี่แหละก็พยายามหามาให้มันกิน
    พอกินมากก็อึดอัด คิดว่านอน ก็นอนจนหลังแข็งไม่สบายอีก
    คิดว่าเงินทองทรัพย์สมบัติก็ไปหามาใช้จนเต็มที่ ก็ยังไม่สุขอีก
    แล้วอะไรเล่าที่เป็นความสุขที่แท้จริง ?
    ความสุขที่แท้จริงนั้นย่อมเกิดจากบุญกุศล
    คือความสงบที่เกิดขึ้นในจิตใจ พ้นทุกข์โทษความดิ้นรน
    ไม่มีกระสับกระส่ายเดือดร้อนกระวนกระวาย เพราะฉะนั้น
    จงพากันตั้งใจประกอบบุญกุศล เพื่อจะเป็นทางที่พ้นไปจากโลกนี้
    นั่นแหละจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2010
  9. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงพ่อสด จนฺทสโร
    (พระมงคลเทพมุนี)
    วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร

    [​IMG]

    "ว่าในด้านภาวนา กายนี้มีซ้อนกันเป็นชั้นๆ
    มีกายทิพย์ซ้อนอยู่ในกายมนุษย์ กายรูปพรหมซ้อนอยู่ในกายทิพย์
    กายอรูปพรหมซ้อนอยู่ในกายรูปพรหม
    กายธรรมซ้อนอยู่ในกายอรูปพรหม คนเราที่ว่าตายนั้น คือ
    กายทิพย์กับกายมนุษย์หลุดพรากออกจากกัน
    เหมือนมะขามกระเทาะล่อนจากเปลือก
    ฉะนั้น กายทิพย์ก็หลุดจากกายมนุษย์ไป"

    "สุขในณานอะไรจะไปสู้ในภพนี่ไม่มีสุขเท่าถึงดอก
    สุขในณานนะ สุขลืมสมบัตินั่นแหละ สมบัติกษัตริย์ก็ไม่อยากได้
    สุขในณานนะ สุขนักหนาทีเดียว เต็มส่วนความสุขก็หนึ่ง
    เฉยวิเวกวังเวงเปลี่ยวเปล่า เรามาคนเดียว ไปคนเดียวหมดทั้งสากลโลก
    คนทั้งหลายไปคนเดียวทั้งนั้นไม่มีคู่สองเลย จะเห็นว่าลูกสักคนหนึ่งก็ไม่มี
    สามีสักคนหนึ่งก็ไม่มี ภรรยาสักคนหนึ่งก็ไม่มี
    ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างตาย ต่างคนต่างเกิด
    เป็นอย่างนี้ ปล่อยหมด ไม่ว่าอะไรไม่ยึดถือทีเดียว
    เรือกสวนนาไร่ ตึกร้านบ้านช่อง ก่อนเราเกิดเขาก็มีอยู่อย่างนี้
    หญิงชายเขาก็มีกันอยู่อย่างนี้ เราเกิดแล้วก็มีอยู่อย่างนี้
    เราตายไปแล้วมันก็มีอยู่อย่างนี้
    เห็นดิ่งลงไปทีเดียวเข้าปฐมณานเข้าแล้วเห็นดิ่งลงไปเช่นนี้"

    "การปฏิบัติไม่หยุดไม่ถึงพระ ตัวหยุดนี่แหละเป็นตัวสำเร็จ
    พระรัตนตรัยเป็นแก้วจริงๆ หรือเปรียบด้วยแก้ว
    ถ้าเป็นทางปริยัติเข้าใจตามอักขระแล้ว
    เป็นอันเปรียบด้วยแก้ว ถ้าเป็นทางปฏิบัติแล้ว เป็นแก้วจริงๆ
    ภาวนํ ภาเวติ ทำให้จริง ให้หยุด ให้นิ่ง ทำให้มี ให้เป็นขึ้น
    กี่ร้อย กี่พันคน ก็นอนหลับสบาย กี่คนๆ ก็สงบนิ่ง เมื่อสงบนิ่งแล้ว
    มีคนสักเท่าไหร่ ก็ไม่รกหูรกตา ไม่รำคาญไม่เดือดร้อน
    เป็นสุขสำราญเบิกบานใจเป็นนิจ นี่เขาเรียกว่า ภาวนา
    ทำให้ใจหยุดสงบ ในการบำเพ็ญภาวนาความเพียรเป็นข้อสำคัญยิ่ง
    ต้องทำเสมอ ทำเนืองๆในทุกอิริยาบถ ไม่ว่า นั่ง นอน เดิน ยืน
    และทำเรื่อยไป อย่าหยุด อย่าละ อย่าทอดทิ้ง อย่าท้อแท้ มุ่งรุดหน้าเรื่อยไป
    ผลจะเกิดวันหนึ่ง ไม่ต้องสงสัย ผลเกิดอย่างไรท่านรู้ได้ตัวของท่านเองฯ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2010
  10. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]

    กราบ อนุโมทนา สาธุ...ค่ะ
     
  11. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท)
    วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร ยศเส กรุงเทพมหานคร

    [​IMG]

    "ควรพวกเราทั้งหลายคิดดูให้เห็นโทษและคุณแห่งความตายเสียให้ชัด
    ผู้มีปัญญาไม่ควรประมาทความตาย ให้เห็นว่าเป็นสมบัติสำหรับตัวเรา
    เราจะต้องการในกาลอันสมควร ไม่ควรจะเกลียด ไม่ควรจะกลัว
    สังขารทั้งหลายคือ สัตว์ที่เกิดมาในไตรภพจะหลีกพ้นจากความตาย ไม่มีเลย"

    "เมื่อมีความเกิดเป็นเบื้องต้นแล้ว ย่อมมีความตายเป็นเบื้องปลายทุกคน
    นัยหนึ่ง ให้เอาความเกิดความตายซึ่งมีประจำทุกวันเป็นเครื่องหมาย
    เมื่อพิจารณาถึงความตาย ก็ต้องพิจารณาถึงความป่วยไข้
    และความแก่ชรา เพราะเป็นเหตุเป็นผลกัน
    ให้พิจารณาถึงพยาธิความป่วยไข้ว่า พยาธิ ธมฺโมมหิ พยาธิ อนตีโต
    เรามีความป่วยไข้เป็นธรรมดา จะข้ามล่วงพ้นไปจากความป่วยไข้หาได้ไม่
    ถ้าแลพิจารณาเป็นความชราอันเป็นปัจจุบันได้ก็ยิ่งประเสริฐ"

    "ความระงับสังขารทั้งหลายนั้น ท่านมิได้หมายถึงความตาย"

    "ท่านหมายถึงวิปัสสนาญาณและอาสวักขยญาณ คือปัญญารู้เท่าสังขาร
    รู้ความสิ้นไปแห่งอาสวะ เป็นชื่อของพระนิพพานเป็นสุดยอดแห่งความสุข"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  12. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงพ่อปาน โสนันโท
    (พระครูวิหารกิจจานุการ)
    วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา

    [​IMG]

    "ในชีวิตฉันไม่เคยฆ่าสัตว์เลย ตัวเล็กตัวใหญ่ก็ตาม
    ถ้าฆ่าโดยเจตนาแล้วไม่เคยทำ แม้ยุงก็ไม่เคยตบ"

    "ในงานศพ ที่มาไหว้ศพน่ะ เขามาไหว้สัจจธรรมของพระพุทธเจ้านะ
    คือ ท่านตรัสว่า ร่างกายของคนน่ะมันเป็นอนิจจัง..ไม่เที่ยง
    เวลาอยู่เป็นทุกข์ในที่สุดก็อนัตตาคือตาย ใครบังคับบัญชาไม่ได้
    เวลากราบทีแรก เขานึกถึงพระพุทธเจ้าว่าทรงเทศน์ไว้ถูก เทศน์ไว้ตรง
    ข้าพระพุทธเจ้าขอยอมรับนับถือเป็นมรณานุสสติกรรมฐาน
    กราบครั้งที่๒ เขานึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์จากพระโอษฐ์
    เหมือนดอกมะลิแก้ว แพรวพราวไปด้วยความจริงอันประเสริฐ
    ทำบุคคลทั้งหลายไม่ให้เมามัน และทำให้เข้าถึงความสุข
    กราบครั้งที่๓ นึกถึงพระสงฆ์พระอริยสงฆ์ทั้งหลายที่ท่านร้อยกรองพระธรรมวินัย
    ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ แล้วไม่ปล่อยให้อันตรธานสูญไปรวบรวมเข้าไว้
    นี้กราบความดีของพระ๓ พระนะ เขาไม่ได้กราบผีกราบศพ"

    "ถึงแม้ว่าเราจะมีคาถาอาคมของดีอะไรก็ตาม เราก็ต้องตาย
    ก่อนตายควรเลือกทางเดินเอา อย่างน้อยที่สุด
    เราควรไปสวรรค์ชั้นกามาวจรให้ได้
    ขอให้ทุกคนนะเวลาก่อนหลับ ให้นึกถึงความดีที่ตนเคยกระทำไว้
    ทรัพย์สินที่สละเป็นวิหารทาน ธรรมทานสังฆทานเลี้ยงพระ
    นึกถึงศีลที่ตนเคยรักษา เทศน์ที่ตนเคยฟังแล้วหมั่นภาวนาถึง
    พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระพุทโธ ธัมโม สังโฆ
    แล้วจะรู้ว่าฉันหวังดีกับลูกหลานเพียงใด
    คนไหนทำดีมากไม่ได้ ก็ให้สร้างความดี ๒ อย่างที่ฉันต้องการ
    ๑.อย่าดื่มสุราเมรัย ๒.อย่าลักขโมย อย่าเป็นโจร"

    "เมื่อจะเจริญกรรมฐาน ให้ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร๔ ให้เป็นณานสมาธิแน่วแน่
    ให้แผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล แล้วจึงพิจารณาตามอารมณ์วิปัสสนาหรือภาวนาตามแบบสมถะ
    ทุกคนตายแล้วจงไปสวรรค์ จงไปพรหมโลก จงไปนิพพาน"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  13. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
    วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

    [​IMG]

    "คนเรามันรักสุข เกลียดทุกข์นี่ หนักก็หนักอยู่ตรงนี้แหละ ไม่รับความจริง"

    "เราเกิดมา นินทา สรรเสริญก็ดี อย่าไปรับเอามาหมักไว้ในใจ
    ปล่อยผ่านไปเสีย ความรัก ความชัง ความโลภ ความหลง
    เกิดขึ้นก็เพราะกิเลสมันเสวนากันอยู่
    จาโค ปฏินิสฺสคฺโค สละคืนถอนออกจากใจนี้เสีย
    ตัณหาทั้งหลายก็ไหลมาจากเหตุ ให้ละวางเสียให้หมด
    ให้ตั้งอยู่ในศีล ในทาน ในการบำเพ็ญกุศล ละบาปเสียให้หมด
    ทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจ ที่ทุจริตละเสียให้หมด
    รักษากาย วาจา ใจ ที่สุจริตไว้"

    "เมื่อนำทุจริตออกหมดแล้ว จะเหลือแต่สุจริตธรรมตั้งอยู่ในศีล
    กายก็เป็นศีล วาจาก็เป็นศีล ใจก็เป็นศีล
    เป็นธรรมเป็นมรรคเป็นผลขึ้นในจิตใจ
    สุจริตธรรมตั้งอยู่แล้วจิตก็เบาสบาย"

    "อดีตเป็นธรรมเมา อนาคตเป็นธรรมเมา จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน
    รู้ในปัจจุบัน ละในปัจจุบัน ตัดตัณหา ตัดกิเลส ตัดมานะ ทิฏฐิ
    ตัดความยึดมั่นถือมั่นของตนให้เสร็จลงก็สงบได้"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  14. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
    วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร

    [​IMG]

    "อำนาจของกรรมใหญ่ยิ่งที่สุดในโลก ไม่มีอำนาจใดอาจทำลายได้
    แม้อำนาจของกรรมดีก็ไม่อาจทำลายอำนาจของกรรมชั่ว
    และ อำนาจของกรรมชั่วก็ไม่อาจทำลายอำนาจของกรรมดี
    อย่างมากที่สุดที่มีอยู่คือ อำนาจของกรรมดีแม้ทำให้มากให้สม่ำเสมอ
    ในภพภูมินี้ ก็อาจจะทำให้อำนาจของกรรมชั่วที่ได้ทำมาแล้วตามมาถึงยาก

    ธรรมสำคัญประการหนึ่งที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ คือเมตตาธรรม
    ใครทั้งหลายก็สรรเสริญบรรดาผู้มีเมตตาธรรม ในขณะเดียวกัน
    ก็มีผู้ต้องเป็นทุกข์เพราะมีเมตตา ด้วยหลงเข้าใจว่า
    เมื่อมีเมตตามีความสงสารก็ต้องมีใจไม่เป็นสุข ซึ่งที่จริงหาถูกต้องไม่

    มีเมตตาต่อเขาผู้เป็นทุกข์นั้นดีนัก แต่ อย่าลืมเมตตาตน
    ตนเองปล่อยให้ใจตัวเองเป็นทุกข์เพราะเมตตาเขา
    ไม่มีอำนาจใดจะไปสู้กับอำนาจธรรมของใครได้
    เมื่อเชื่อในเรื่องอำนาจกรรมเช่นนี้
    ใจที่มีเมตตาก็จะเป็นการมีเมตตาอย่างถูกต้องอย่างมีปัญญา
    ไม่พาใจตนเองไปสู่ความเร่าร้อนด้วยเมตตาที่ไม่ถูกต้อง"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  15. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    (พระราชพรหมยาน)
    วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี

    [​IMG]

    หลวงพ่อสอนลูกทุกๆคน
    "จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายังไม่เป็นพระอรหันต์เพียงใด
    ในเวลานั้นก็ชื่อว่าเรายังไม่เป็นคนดี
    เราจะพยายามเก็บความชั่วทุกอย่างที่มันขังอยู่ในจิต ทำลายให้มันตายสนิท
    อย่าให้เกิดขึ้นมา เมื่อกิเลส คือ ความชั่วตายหมด
    ชื่อว่าจิตว่างจากความชั่ว จงทรงไว้แต่ความดี และก็ว่างจากความทุกข์
    จะทรงไว้แต่เพียงความสุขอย่างเดียว หวังว่าลูกรักของพ่อคงจำไว้"

    "ขึ้นชื่อว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ว่าความตายเป็นของเที่ยง
    ก่อนที่เราจะตายจงคิดว่าเราจะตายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
    และไม่มีการตายต่อไป นั่นคือพระนิพพาน
    พ่อมั่นใจในกำลังใจและความดีของลูกว่า
    พระนิพพานสมบัติจะไม่ขาดไปจากกำลังจิตของลูก
    และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ลูกของพ่อต้องทำได้แน่นอน
    นี่เป็นความหวังของพ่อ
    แต่ทว่าถ้าลูกรักของพ่อลืมความดีนี้เมื่อไหร่
    จิตใจไปพัวพันอยู่ในราคะก็ดี ความหลงก็ดี
    เป็นอันว่าลูกกับพ่อต้องแยกทางเดินกัน
    ไม่ใช่พ่อโกรธลูก แต่ว่าเวลาตายจริงๆ เราตามกันไม่ไหว"

    "ในสายตาของคนอื่นเขาอาจจะเห็นว่าลูกเลว แต่ขอลูกทั้งหลายจงคิดว่า
    นั่นเป็นเรื่องความรู้สึกนึกคิดของบุคคลแต่ละคน
    แต่พ่อเองมีความรู้สึกว่า คนจะดีหรือเลว มันขึ้นอยู่กับกฏของกรรม
    ก่อนที่เราจะเกิดมานี่ เราทำทั้ง กรรมดี และ กรรมชั่ว
    ขณะใดถ้ากรรมที่เป็น อกุศล มันให้ผล ขณะนั้นลูกของพ่อ
    ก็อาจจะมีความคิดผิด พูดผิดกระทำผิดไปได้เป็นของธรรมดา
    แต่ขณะใดกรรมที่เป็น กุศลกรรม ให้ผล บรรดาลูกรักของพ่อก็จะทำถูก
    คิดถูก พูดถูกอยู่เสมอ เรื่องนี้ถึงแม้ว่าตัวของพ่อเองก็ประสบมามาก
    จึงไม่มีความรู้สึกเมื่อลูกรักบางท่าน บางคน คิดพลาด พูดพลาด
    กระทำพลาดไป ถือว่านั่นเป็นกฏของกรรม
    เดิมที่เราทำมาแล้วไม่ดี ในชาตินี้เราก็มาแก้ตัวใหม่
    พยายามทำความดีเสียทุกอย่างเพื่อเป็นการหักล้างความชั่วเดิม
    เพื่อผลที่เราจะพึงได้ต่อไป นั่นก็คือพระนิพพาน"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  16. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่ชอบ ฐานฺสโม
    วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย

    [​IMG]

    "อวิชชามันพาให้เกิด เมื่อถึงจะต้องตายก็ขอปลดอวิชชาไว้ข้างหลัง
    ให้เข้าป่าเข้าดงไป เราไม่ต้องการอีกต่อไป
    ขอให้เชื่อจิตเชื่อธรรมนั้นเถิด เป็นเอกในโลกทั้งสามนี้แน่นอน"

    "ให้พิจารณาความตาย นั่งก็ตาย นอนก็ตาย ยืนก็ตาย เดินก็ตาย"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  17. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
    (พระราชวุฒาจารย์)
    วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์

    [​IMG]

    "จิตนี้คือพุทโธ จิตนี้คือธรรม เป็นสภาวะพิเศษที่ไม่ไป ไม่มา
    เป็นความบริสุทธิ์ล้วนๆ จิตนี้เหนือความดีและความชั่วทั้งปวง
    ซึ่งไม่อาจจัดเป็นลักษณะรูปหรือนามได้ หลักธรรมที่แท้จริงคือจิต
    จิตของเราทุกคนนั้นแหละคือหลักธรรมสูงสุดที่อยู่ในจิตใจเรา
    นอกจากนั้นแล้ว มันไม่มีหลักธรรมใดๆเลย"

    "จิตนี้แหละคือหลักธรรม ซึ่งนอกไปจากนั้นแล้วก็ไม่ใช่จิต
    แต่จิตนั้นโดยตัวมันเองก็ไม่ใช่จิต ดังที่ท่านปรารภว่า
    จิตนั้นมิใช่จิตดังนี้ นั่นแหละย่อมหมายถึง สิ่งบางสิ่งซึ่งมีอยู่จริง
    ขอให้เลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น
    เมื่อนั้น เราอาจกล่าวได้ว่าคลองแห่งคำพูดได้ถูกตัดขาดไปแล้ว
    พิษของจิตก็ได้ถูกถอนขึ้นจนหมดสิ้น
    จิตในจิตก็จะเหลือแต่ความบริสุทธิ์ซึ่งมีอยู่ประจำอยู่แล้วในทุกคน

    คติประจำใจ = "..อย่าส่งจิตออกนอก.."

    ปริศนาธรรม = "..หยุดคิด หยุดนึก.."

    ธรรมะ = "จงเข้าไปสู่สิ่งสงบเงียบให้ได้ลึกซึ้ง โดยการลืมต่อสิ่งนี้ด้วยตัวเราเอง"

    สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรานี้แหละ(สติ) คือสิ่งๆนั้นในอัตราที่เต็มที่ทั้งหมดทั้งสิ้น
    และสมบูรณ์ถึงที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรนอกไปจากนี้เลย.."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  18. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวัณโณ
    (พระราชสังวราภิมณฑ์)
    วัดประดู่ฉิมพลี เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

    [​IMG]

    "ทางไปสู่ความไม่เกิด..เอ้อ แล้วทำไมจึงจะพ้นจากขันธ์๕ เหล่านั้นนะ
    ก็พระท่านว่าไม่เกิดแหละดี ไม่เกิดเป็นตัวเหตุ ไม่เกิด..เออ
    ไม่เกิดนี่ แล้วทำอย่างไรจึงจะไม่เกิด ทานบ้าง ศีลบ้าง ภาวนาบ้าง
    ปัญญาบ้างและอื่นๆ ทานให้แก่ใครไม่ทราบที่เรียกว่าทำทาน"

    ท่านทำทานของท่านจบแล้วหรือยัง ?

    ท่านรักษาศีลของท่านจบแล้วหรือยัง ?

    ท่านเจริญสมาธิของท่านแล้วหรือยัง ?

    ปัญญาของท่านเกิดขึ้นแล้วหรือยัง ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  19. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่หลุย จันทสาโร
    วัดถ้ำผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย

    [​IMG]

    "อย่าส่งจิตออกไปข้างนอก ให้ดูอยู่ที่กายให้รื้อค้นร่างกายนี้ให้ชัดแจ้ง
    ให้รู้ว่าก็เพราะร่างกายมันมีอยู่ จึงทำให้เกิดทุกข์
    ก็ร่างกายนี้แหละที่ทำลายความสงบสุข มันทำให้เกิด
    เป็นรังโรคหนอนอย่างใหญ่หลวง และไม่เลือกว่าร่างกายของใคร
    ถ้าพิจารณามองให้เห็น ตัดให้ขาดจากร่างกายนี้จริงๆแล้ว
    จะพบกับความสงบสุขถาวรตลอดไป การเกิดเป็นคนต้องรู้จักหน้าที่ของตน
    เป็นคนมีความคิด หัดภาวนา อย่านอนอย่างวัวอย่างควาย
    สัตว์ประเภทนั้นมันนอนอย่างเดียว ไม่ภาวนา เราต้องไม่ประมาท"

    "พวกที่เป็นพระสงฆ์องค์สามเณรก็ควรฝึกหัดภาวนา อย่าอยู่โดยเปล่าประโยชน์
    กินข้าวปลาของชาวบ้านแล้ว อย่าขี้ทิ้งเปล่า ข้าวเม็ด น้ำหยด
    ต้องทดแทนบุญคุณของเขาให้ได้ ทำภาวนาให้ถึงที่สุด
    จะได้สงบกาย สงบวาจา สงบใจ ตามสติกำลังของตนๆ"

    "ผู้ที่ไม่ได้ทำบุญไว้แต่ชาติก่อน ความสมหวังแห่งผู้นั้นไม่มี
    ย่อมคลาดแคล้วแห่งสมบัติหลายประการ ทำนาข้าวตายค้าขายขาดทุน
    หาคนค้ำจุนไม่ค่อยได้ คนนั้นป่วยไข้ไปหาหมอก็ขัดข้องรักษาไม่ได้
    ให้ตกอับทุกหน้าที่ ตกลงคนนั้นต้องกอดเข่าเจ่าจุก
    เพราะไม่ได้ทำบุญไว้แต่ชาติปางก่อน ไม่ชวนให้คนอื่นเมตตา"

    "ที่พวกเราได้พากันเกิดมาในโลกนี้ ล้วนมีชาติทุกข์
    ชราทุกข์ พยาธิทุกข์ และมรณะทุกข์ประจำชาติที่เกิดมา
    เพราะฉะนั้น ขอคณะอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย
    จงพากันให้ทาน รักษาศีลบำเพ็ญภาวนา ให้เต็มไม้เต็มมือ
    เพื่อความสุขในอนาคตข้างหน้า เป็นอริยทรัพย์ที่ติดตามตนของเราไปได้"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  20. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    พ่อท่านคล้าย จันทสุวัณโณ
    (พระครูพิศิษฐ์อรรถการ)
    วัดพระธาตุน้อย(วัดจันดี) อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช

    [​IMG]

    "คนเราเกิดมาย่อมมีดีและมีชั่ว อันเป็นของคู่กัน
    สิ่งหนึ่งที่จะต้องกระทำให้เกิดขึ้นแก่ตนเอง
    เพื่อประเทศชาติญาติวงศาคณาญาติร่วมโลก
    จะอยู่ได้อย่างเป็นปกติสุข ก็ต้องมีการรู้จักรับผิดชอบชั่วดี
    ใครมีหน้าที่อะไรก็ของใครของมัน อีกอย่างหนึ่ง
    ทุกคนเกิดมาในโลกนี้แล้ว ทุกคนก็มีโอกาสทำชั่วได้
    ก็ควรหาโอกาสเสริมสร้างความดีเอาไว้บ้าง"

    ..ท่านพระครูกราย อาจารย์ของอาตมา (ฉัน) เคยพูดไว้อีกว่า..

    "พระสงฆ์ทั้งหลายนั้น ถ้าบวชเข้ามาก็เพื่อสร้างความดีมีศีลมีภาวนา
    ทำให้เกิดสติปัญญา คนทำความชั่วนั้นก็เพราะไม่มีสติ
    ไม่มีปัญญา จึงเป็นเหตุให้ไปก่อทุกข์ภัยมาสู่ตนเอง
    พระอาจารย์ฝ่ายกรรมฐานทั้งหลาย และอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ
    ท่านสร้างความดีทั้งสิ้น ดังนั้นเราทั้งหลายก็ควรทำความดีกันได้แล้ว"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...