**** มุมพระหลากหลาย แบ่งกันไปบูชา ****

พระเครื่อง และวัตถุมงคลที่มี ทั้งได้รับมรดกมา และเช่าหาบูชามาทั้งจากที่วัด และ จากบุคคลที่เชื่อถือได้ แต่ไม่สามารถบูชาได้ทุกองค์ น่าเสียดายที่จะเก็บไว้ สู้แบ่งให้ผู้ที่สนใจไปบูชาดีกว่าครับ

เมื่อลงชื่อจองแล้ว รบกวนโอนเงินภายใน 7 วันนะครับ และแจ้งชื่อที่อยู่เข้า PM ได้เลยครับ เพื่อผมจะได้ส่งพระไปให้ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ครับ


ทุกองค์ขอเพิ่มค่าจัดส่งในประเทศ 50 บาท นะ ครับ แต่ถ้าหลายองค์ อาจมีเพิ่มนิดหน่อยครับ






เลขที่บัญชี ไทยพาณิชย์ 3232425781

ชื่อบัญชี ชินโชติ ไกรศรี

หรือ ติดต่อเบอร์โทร 089-4877277

 

พระผงญาณวิลาส หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ

พระผงญาณวิลาศ (หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ) ได้ใช้เวลารวบรวมผงต่าง ๆ และนำเข้าพิธี พุทธาภิเษกตามวัดต่าง ๆ ทั่วทุกภาคประมาณ ๒๕๐ ก่วาวัด ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ตลอดมาจนถึงปัจจุปันนี้ รวมเวลา ๒๕ ปี ( ถึงวันที่ออกหนังสือฉบับนี้ ) เพื่อให้เป็นพระผง ที่สมบูรณ์แบบสุดยอด แห่งยุครัตนโกสิทธิ์ และทางวัด เขาบันไดอิฐ ได้จัดมอบให้เป็นสมบัติพิพธภัณฑ์สถาน แห่งชาติ ใว้เพื่ออนุชนรุ่นหลังได้ชมและศึกษาต่อไป ทางวัได้สร้างขึ้น ๓ เนื้อ ดังนี้ คือ. ๑ เนื้อว่าน ๑๐๘ เกษร (สีเหลือง) ๒. เนื้อชันหมาก (สีแดง) ๓ เนื้อแร่ดีบุก -ผงใบลาน ( สีดำ)
การสร้างพระผงญาณวิลาศสร้างขึ้นจากผงต่างๆดังนี้

1.ผงสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) จากวัดระฆังผงวัดใหม่อมตรส (บางขุนพรหม) วัดอินทรวิหารเฉพาะวัดอินทร์นี้นอกจากพระผงสมเด็จที่หักป่นแล้วยังได้ปูนที่เป็นส่วนอุณาโลมหลวงพ่อโตจากที่มีการกระเทาะของเก่าออกเพื่อซ่อมใหม่(สมัยพล.ต.เผ่า ศรียานนท์)

2.ผงกรุวัดเงิน(คลองเตย)

3.ผงกรุวัดสามปลื้ม(วัดจักรวรรดิราชาวาส)

4.ผงพระหลวงปู่พริ้งวัดบางปะกอก ธนบุรี ซึ่งเป็นอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรฯ

5.ผงพระหลวงพ่อทวดวัดช้างไห้ จ.ปัตตานี

6.ผงพระหลวงปู่เทียนวัดโบสถ์ จ.ปทุมธานี

7.ผงพระที่พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต สร้างพระภูธรวดี

8.ผงดินที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนาและปรินิพพาน ใบพระศรีมหาโพธิ์ ผงมหาราช ผงพุทธคุณ ผงปฐมัง ผงตรีนิสิงเหและผงอิธิเจ

9.ทองที่ปิดหลักเมือง ตามเมืองสำคัญ ๆ ทั่วราชอาณาจักรไทย

10.เศษทองซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 ได้ทรงเททองไว้ตามวัดต่างๆ รวม 9 วัดคือ วัดบวรนิเวศ , วัดมกุฏ , วัดราชบพิตร , วัดพระเชตุพน , วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่, วัดป่าเลไลย์ จ.สุพรรณบุรี , วัดเทวสัฆาราม จ.กาญจนบุรี ซึ่งสร้างพระพุทธรูป ภปร.เป็นครั้งแรก เมื่อพ.ศ.2506 และฉนวนพระกริ่งต่างๆ ที่ได้รวบรวมไว้เป็นจำนวนมาก

11.ทรายจากพระราชวังไกลกังวลพระราชนิเวศมฤคทายวัน

12.ดินใจกลางเมืองที่เป็นมงคล รวม 9 เมือง คือ ชัยภูมิ ชัยนาท ชัยบาดาล พิชัย เด่นชัย ไชยยา มหาชัย นครชัยศรีและหริภุญชัย

13.ดินโปร่ง 7 โปร่งของเมืองกาญจนบุรี ที่มีปีศาจแรง และสัตว์ร้ายชอบกิน คือ โปร่งนางาม โปร่งสามพรานโปร่งพรานเฒ่า โปร่งเขาบาง โปร่งแม่แฉลบ และโปร่งศรีสวัสดิ์

14.เหล็กยอดปราสาท 7 ยอดเหล็กยอดเจดีย์ 7 ยอด เหล็กบ่อน้ำพี้ เหล็กตะปูหัวเห็ดเหล็กครึ่งปั้นลม เหล็กหลักประตู และเหล็กสลักเพชร ทองคำขาวบริสุทธิ์(24 K) ที่ขุดได้จาดวัดดงศักดิ์จังหวัดกาญจนบุรี

15.น้ำพระพุทธมนต์ในพิธีพุทธาภิเษกจากวัดต่างๆรวม109 วัด เทียนชัยจากวัดต่างๆ รวม 109 วัด

16.ไม้ที่เป็นมงคลเช่น ชมภู่ มะขาม มะยม กาหลง รักซ้อน กาฝากชมภู่กาฝากกาหลง กาฝากรักซ้อน ใบหนาดไม้และรากชัยพฤกษ์ ขนุน พยุง ว่าน 108 เกษร 108ฯลฯ

พระผงญาณวิลาสจัดสร้างอยู่ 3 รูปแบบ

1. รูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านหน้าเป็นรูปพุทธปฏิมา นั่งสมาธิบนฐานสามชั้น เช่น สมเด็จของสมเด็จพุฒาจารย์(โต)วัดระฆัง แต่ด้านหลังมียันต์ของหลวงพ่อแดง นอกจากนี้ยังมี "พิมพ์คะแนน" ที่มีขนาดเล็กลงมาทำขึ้นสำหรับคั่นเวลานับจำนวนพิมพ์ใหญ่ได้ครบทุก 100 องค์

2. รูปแบบสามเหลี่ยมหน้าจั่วอย่างพระนางพญา พิษณุโลก

3. รูปแบบองค์พระภควัม(ปิดตา)

ท่านเจ้าคุณนรรัตน (วัดเทพศิรินทร์ จ.พระนคร )ได้ปลุกเสกให้เป็นพิเศษ รวม ๒ ครั้ง เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๑๓ และ ๕ ธ.ค. ๒๕๑๓
พระพุทธคุณของพระผงญาณวิลาศ พระผงญาณวิลาศ นี้ มีพุทธานุภาพแรงทุกด้าน คือ. เมตตา,มหานิยม ,แคล้วคลาดชนะศัตรู ,มีโชคลาภ ,มหาอุด ,อยู่ยงคงกระพัน, นะจังงัง, คุ้มกันภัยอันตราย , ปกป้องอัคคีภัย , และเกิดสวัสดิมงคล แล้วแต่ท่านจะตั้งจิตอธิษฐานจะสมความปรารถนาทุกประการ



เปิดให้บูชา 3,000 บาท

 

เหรียญหลวงพ่อโสธร เนื้อเงิน ออกวัดโพรงอากาศ หลวงพ่อสมชาย ปลุกเสก

หลวงพ่อสมชาย พุทธสโร พระเกจิบางน้ำเปรี้ยว

เครดิต คอลัมน์ มงคลข่าวสด



หากเอ่ยนาม "หลวงพ่อแจ๋ ติสสโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เฉลิมรักษ์ คลอง 10 อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา บรรดาเซียนพระและนักสะสมนิยมวัตถุมงคลยุคเก่า ต่างรู้จักกิตติศัพท์เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเหรียญนางกวัก ที่หลวงพ่อแจ๋เป็นเจ้าตำรับการสร้าง

ปัจจุบันมีค่านิยมเช่าบูชาสูงถึงหลักแสน แถมยังหายากยิ่ง

หลวงพ่อแจ๋เป็นศิษย์สืบสายพุทธาคมของหลวงปู่ไข่ อินทสโร วัดบพิตรพิมุข (เชิงเลน) กรุงเทพฯ เจ้าตำรับพระปิดตาอันลือลั่น

ปัจจุบันศิษย์เอกเพียงหนึ่งเดียวที่สืบทอดวิทยาคมของหลวงพ่อแจ๋ คือ "หลวงพ่อสมชาย พุทธสโร" อายุ 67 พรรษา 45 เจ้าอาวาสวัดโพรงอากาศ ต.โพรงอากาศ อ.บาง น้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา

ท่านเป็นพระเกจินักพัฒนา เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน ด้วยสืบสายพุทธาคมหลวงปู่ไข่ สืบสานผ่านหลวงพ่อแจ๋

พื้นเพหลวงพ่อสมชายเป็นชาวบางน้ำเปรี้ยวโดยกำเนิด เกิดในสกุลไทยเจริญ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2488 โยมบิดา-มารดา ชื่อ กำนันผาด ไทยเจริญ และ นางจำปี ไทยเจริญ มีพี่น้องร่วมบิดา 6 คน ท่านเป็นคนสุดท้อง ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย

เมื่อเจริญวัยได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนบางน้ำ เปรี้ยววิทยา จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันชื่อดังหลายคน อาทิ นายอุดร ขจรเวหา อดีตอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร, พล.อ.ธานี เกิดแก้ว และนายสุชล วัฒนวานิช อดีตผู้อำนวยการโรงยาสูบ ฯลฯ

หลังจากเรียนหนังสือจบเข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ที่ว่าการอำเภอบางน้ำเปรี้ยวได้ 3 ปี บิดา-มารดาอยากให้บวชทดแทนบุญคุณ จึงเข้าพิธีอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.2510 มี พระครูรัตนสุนทร (กวย) วัดบางน้ำเปรี้ยว เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูศิริเกตุวรคุณ (เลี่ยม) วัดเกตุสโมสร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูจารุวรรณ (จ้อย) วัดบางน้ำเปรี้ยว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า พุทธสโร

ระหว่างอุปสมบทได้คอยอยู่รับใช้พระอุปัชฌาย์ที่วัดบางน้ำเปรี้ยวได้ 7 วัน จึงย้ายไปจำพรรษาที่วัดโพธิ์เฉลิมรักษ์ (คลอง 20) เพื่อศึกษาวิชาความรู้กับหลวงพ่อแจ๋ ที่เลื่อมใสศรัทธามาตั้งแต่ก่อนบวช

ก่อนบวชนั้นบิดาเคยพาไปฝากเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อแจ๋ ได้รับการเป่ากระหม่อมและมอบตะกรุดโทนให้ 1 ดอก นอกจากนี้ เมื่อครั้งเป็นวัยรุ่นไฟแรงชอบตีรันฟันแทงกับนักเลงในถิ่นและต่างถิ่น โดนนักเลงดีฟันแทงไม่ระคายผิวหนังจนโด่งดังทั่วย่านบางน้ำเปรี้ยว แต่ด้วยเรื่องราวยกพวกตีกันเป็นประจำจนพ่อแม่เห็นว่าอนาคตไม่สดใสแน่ จึงขอร้องให้บวช

ขณะจำพรรษาอยู่วัดโพธิ์เฉลิมรักษ์ ท่านตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นเอก จากนั้นจึงหันไปศึกษาพุทธาคมจนสามารถจารอักขระเลขยันต์ได้คล่องแคล่ว เขียนยันต์ได้งดงามเป็นที่ไว้วางใจจากหลวงพ่อแจ๋ มอบหมายให้จารตะกรุดแทน

ที่สำคัญท่านได้ศึกษาวิทยาคมที่หลวงพ่อแจ๋ได้ศึกษามากับหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน จนหมดสิ้น ทั้งวิชาจากพระครูญาณรังสีมุนีวงษ์ (ทำ) วัดสัมปทวน ก็เรียนจนทะลุปรุโปร่ง

ศึกษาวิทยาคมกับหลวงพ่อแจ๋นาน 6 ปี จึงเดินทางไปขอเรียนวิชาจากหลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว ได้รับวิชาตกทอดมาจากหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก และหลวงพ่อถึก วัดสนามช้าง ได้แก่วิชาปลัดขิกและนะเก้ายอด ก่อนไปศึกษาพุทธาคมกับพระครูกิตตินนทคุณ (กี๋) วัดหูช้าง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี, หลวงปู่ถิร วัดป่าเลไลยก์, หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช, หลวงพ่อสีหมอก วัดวังตะโก

จากนั้นจึงธุดงค์รอนแรมไปในภาคเหนือ เพื่อศึกษาและฝึกฝนพุทธาคมจนได้พบกับ พระครูสันติวรญาณ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร) พระป่าสายหลวงปู่มั่นที่วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

อยู่จำพรรษาฝึกฝนวิปัสสนากรรมฐาน ก่อนธุดงค์กลับมาวัดโพธิ์เฉลิมรักษ์ช่วยงานพระครูโพธิวรานุรักษ์ (ไพบูลย์) เจ้าอาวาส และเป็นศิษย์หลวงพ่อแจ๋รุ่นพี่ พัฒนาวัดโพธิ์เฉลิมรักษ์จนเจริญรุ่งเรือง

ในปี พ.ศ.2519 หลวงพ่อสมชายธุดงค์มาปักกลดบริเวณตำบลโพรงอากาศ นายจันทร์และนางแฉล้ม ประดิษฐ์วงศ์ (ศิริสุข) เจ้าของที่ดิน เกิดความศรัทธาจึงถวายที่ดิน 7 ไร่ ให้สร้างวัด พร้อมทั้งถวายที่ดินเพิ่มให้อีก 8 ไร่ รวมทั้งสิ้น 15 ไร่

นอกจากนี้ ท่านได้สละที่ดินส่วนตัวของท่านที่เป็นมรดกตกทอดมาจากโยมพ่อขายไปทั้งหมด แล้วนำเงินมาซื้อที่ดินเพิ่มจนมีที่ดินทั้งหมด 48 ไร่ จากนั้นจึงเริ่มงานก่อสร้างต่างๆ ระหว่างเริ่มก่อสร้างวัดท่านได้รับนิมนต์ไปประเทศอินเดียเพื่อนมัสการสังเวชนียสถาน 5 ตำบล กับพระครูประกาศสมาธิคุณ วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ และหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี

คราวนั้นได้นำผ้าป่าไปทอดถวายวัดไทยที่เมืองสารนาถ เพื่อสร้างโบสถ์ได้ปัจจัยจำนวน 76,000 ดอลลาร์ หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับประเทศไทย

หลวงพ่อสมชายเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง พูดจริง ทำจริง ใครที่ได้เข้ามากราบนมัสการสนทนาพูดคุยจะได้ข้อธรรมมากมาย ด้วยท่านจะให้คำแนะนำสั่งสอน และชี้ทางแก้ไขทุกข์ทางกายและทางใจ โดยท่านจะนั่งต้อนรับญาติโยมบริเวณชั้นล่างอุโบสถ ตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนกระทั่งถึง 2 ทุ่มทุกวัน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

อีกทั้งปัจจัยเงินทองที่ได้มาจากการบริจาคของญาติโยม หรือจากการทำบุญบูชาวัตถุมงคล ท่านจะนำไปใช้สร้างวัดโพรงอากาศจนหมดสิ้น แม้ท่านจะชอบเก็บตัวเงียบ แต่งานปลุกเสกวัตถุมงคลเจ้าภาพจะต้องส่งใบฎีกานิมนต์หลวงพ่อสมชายเข้าร่วมนั่งปรกแทบทุกครั้ง ด้วยเชื่อในพลังจิตอันเข้มขลังที่มีอยู่ในตัวท่าน

ผลงานชิ้นสำคัญของหลวงพ่อสมชาย คือ อุโบสถมหาเจดีย์ ซึ่งเป็นอุโบสถที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน จ.ฉะเชิงเทรา มีเสาโบสถ์ขนาด 3 คนโอบ จำนวนถึง 196 ต้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของวัดโพรงอากาศที่โดดเด่นสะดุดตา เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2535 ปัจจุบันงานก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ และขาดปัจจัยจำนวนมาก

หลวงพ่อสมชายได้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นต่างๆ โดยสืบสานตำรา และรูปแบบของหลวงพ่อแจ๋

วัตถุมงคลยอดนิยมของหลวงพ่อสมชาย อาทิ พระปิดตา เนื้อผงคลุกรัก รุ่นแรก สร้างตามตำรับหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน, เหรียญนางกวัก รุ่นแรก และรุ่น 2 พิมพ์ทรงเดียวกับของหลวงพ่อแจ๋, เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ปลัดขิก ฯลฯ

ล่าสุดได้จัดสร้างวัตถุมงคลพระกริ่งพุทธสโร และเหรียญรูปเหมือนฉลองอายุวัฒนมงคล 68 ปี เพื่อนำรายได้สมทบทุนก่อสร้างอุโบสถมหาเจดีย์ให้แล้วเสร็จ

วัดโพรงอากาศแม้จะไม่ใช่วัดที่เก่าแก่หรือมีชื่อเสียง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลวงพ่อสมชายเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างความเจริญก้าวหน้า

ด้วยท่านตั้งปณิธานไว้แล้วว่า ตลอดชีวิตในสมณเพศจะช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนา พัฒนาจิตใจผู้คนให้เข้าถึงพระธรรมคำสอนอย่างเต็มความสามารถ

เป็นพระสุปฏิปันโนอีกรูปในฉะเชิงเทรา



เปิดให้บูชา 1,400 บาท

 

วันนี้ช่วงเย็น มี พระหลวงพ่อแจ๋ วัดโพธ์เฉลิมรักษ์ และ หลวงพ่อสมชาย วัดโพรงอากาศ ซึ่งดังด้าน นางกวัก มานำเสนอ ครับ

 

สมัยนั้นใครได้รับวัตถุมงคลจากมือ หลวงพ่อแจ๋ ติสฺสโร แล้ว มักจะกล่าวกันว่า รับกับมือแจ๋ แจ๋วแน่นอน เป็นคำพูดที่เล่าลือเลื่อง สืบเนื่องมาจนทุกวันนี้ หลวงพ่อแจ๋ วัดโพธิ์เฉลิมรักษ์ องค์นี้ไม่ธรรมดา เป็นเกจิอาจารย์ขลังโด่งดังแต่อดีตในเมืองฉะเชิงเทรา นับเป็นศิษย์สายตรงของ หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน แถมด้วยเป็นศิษย์เอก พระครูญาณรังษีมุนีวงษา (ทำ) วัดสัมปทวน (นอก) หรือ พระครูญาณ ผู้เป็นเจ้าตำรับการสร้างพระปิดตาผงคลุกรักอันโด่งดัง ค่านิยมหลักล้าน แม้แต่ หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก เกจิรุ่นพี่ยังยกย่อง หลวงพ่อแจ๋ ในฐานะเกจิรุ่นน้องว่า มีวิชาอาคมแก่กล้าน่าศรัทธาเลื่อมใสยิ่งนัก หลวงพ่อแจ๋ มีวิชาเท่าไรต่อมาก็ถ่ายทอดต่อให้ หลวงพ่อสมชาย วัดโพรงอากาศ ศิษย์เอกเอาไว้ครบถ้วน ใครไม่ทันไปหา หลวงพ่อแจ๋ เพราะท่านมรณภาพไปแล้ว ก็สามารถไปหาหลวงพ่อสมชายได้สบายมาก เพราะท่านยังมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้ วิชาอาคมต่างๆ ของเกจิอาจารย์สายเมืองแปดริ้วนั้นไม่เป็นรองใคร นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีเกจิอาจารย์โด่งดังอีกมากมาย เช่น หลวงปู่จีน วัดท่าลาด และ หลวงพ่อคง วัดซำป่างาม เป็นต้น

หลวงพ่อแจ๋ ติสฺสโร องค์นี้เป็นเกจิขลังมาก ท่านเกิดเมื่อวันพุธ เดือน ๘ ปีมะโรง ตรงกับปี พ.ศ.๒๔๓๒ ณ ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นบุตร พ่อนนท์-แม่เปรม โพธิ์ทอง มีพี่น้องทั้งหมดสามคน ในวัยเด็กท่านได้เรียนหนังสือกับ พระอาจารย์เที่ยง และ พระอาจารย์ทอง ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาที่วัดเมือง อยู่ได้ระยะหนึ่งแล้วกลับมาช่วยงานทางบ้านประมาณ ๒-๓ ปี จึงได้กลับไปบรรพชาเป็นสามเณรอยู่กับหลวงอาทั้งสองอีกครั้ง ตอนนี้เองที่ หลวงพ่อแจ๋ ขณะเป็นสามเณรมีจิตใจฝักใฝ่ในเรื่องคาถาอาคม จึงได้ไปศึกษาพุทธาคมกับ หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน ซึ่งขณะนั้นได้เดินทางมาเป็นครูสอนกรรมฐานอยู่ที่วัดโสธร ซึ่งแต่เดิมเรียกว่า วัดเสาธงหัก มีจิตใจศรัทธา หลวงปู่ไข่ มาก จึงได้รับการถ่ายทอดวิชาพุทธาคมต่างๆ ไว้มาก เพราะหลวงปู่ไข่นั้นแต่เดิมเป็นคนจังหวัดฉะเชิงเทราเช่นเดียวกัน

ต่อมา หลวงพ่อแจ๋ ได้ลาสิกขาบทจากสามเณร และเข้ารับราชการทหารอยู่สองปี จึงได้ลาออก จากนั้น หลวงพ่อแจ๋ จึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดนครเนื่องเขต (ต้นตาล) เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๔๕๕ มี พระครูคณานุกิจ วัดแหลมบน (สายชล ณ รังษี) เป็นพระอุปัชฌาย์

ภายหลังได้ย้ายมาจำพรรษา ณ วัดโพธิ์เฉลิมรักษ์ อ.บางน้ำเปรี้ยว และได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทนอาจารย์พรหม? หลวงพ่อแจ๋ ได้ทำหน้าที่ทะนุบำรุงและพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง รวมถึงได้มีส่วนช่วยเหลือพัฒนาวัดคลอง ๑๙ อีกวัดหนึ่ง
จนเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๑๕ เวลา ๑๙.๔๕ น. หลวงพ่อแจ๋ได้มรณภาพลง สิริรวมอายุได้ ๘๓ ปี พรรษา ๖๑

เหรียญรุ่นสุดท้าย หลวงพ่อแจ๋ วัดโพธิ์เฉลิมรักษ์ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา พ.ศ.2516 เหรียญรุ่นสุดท้าย หลวงพ่อแจ๋ วัดโพธิ์เฉลิมรักษ์ พ.ศ.2516 เหรียญหลวงพ่อโสธร ปี 2537 ของวัดโพรงอากาศ เหรียญหลวงพ่อโสธร ปี 2537 ของวัดโพรงอากาศ

อภินิหาร หลวงพ่อแจ๋ ติสฺสโร หลวงพ่อแจ๋ ผู้แก่กล้าพุทธาคมมีอภินิหารมากมาย บรรดาลูกศิษย์ลูกหาต่างประจักษ์แจ้ง โดยเฉพาะวัตถุมงคลของท่าน ผู้ที่มีติดตัวล้วนรอดพ้นภัยนานาประการมาอย่างปาฏิหาริย์ เล่ากันมามากจนถึงทุกวันนี้ ใครมีของท่านไว้ล้วนปลอดภัยตลอดเวลา หลวงพ่อสมชาย พุทธสโร วัดโพรงอากาศ ศิษย์เอกของท่านเล่าให้ฟังว่า เคยประสบเหตุการณ์ด้วยตนเองมาแล้ว เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2538 เวลา 03.00 น. คนร้ายแปดคนเข้าใจว่าท่านเก็บเงินไว้ให้ช่างสร้างโบสถ์จำนวนมาก ทั้งที่เงินเหล่านั้นช่างเอาไปก่อนแล้ว ได้บุกเข้าไปในกุฏิขณะท่านจำวัดอยู่ในกลดซึ่งแขวนไว้กลางกุฏิ คนร้ายปลดกลดลงแล้วรุมทำร้ายท่าน ยิงด้วยปืนหลายกระบอกหลายนัดไม่ออก แทงด้วยเหล็กขูดชาฟหลายอันไม่เข้า จึงเอาไม้และกระโถนลายครามทุบท่านเหมือน ปิดประตูตีแมว เสียงดังลั่นกุฏิ พระสุริยา กัลยาโณ พระผู้ช่วยงานหลวงพ่อสมชายที่พักอยู่ใกล้กันตื่นขึ้นวิ่งเข้าไปช่วย โดนคนร้ายยิงสวนออกมาโดนเต็มที่ล้มลงขาดใจตาย คนร้ายหันปืนกระบอกนั้นยิงหลวงพ่อสมชายอีกแต่ไม่ออก จึงคว้าย่ามหลวงพ่อหนีกันไป เพราะมีพระจำนวนมากตื่นวิ่งเข้าไปช่วย พบว่าหลวงพ่อสมชายไม่เป็นอะไรเลย ฟกช้ำดำเขียวจากการโดนทุบ มีเหล็กขูดชาฟหลายอันตกอยู่ในที่เกิดเหตุ หลวงพ่อสมชายเล่าว่า ขณะนั้นนึกอะไรไม่ออก ได้แต่นึกถึง หลวงพ่อแจ๋ และภาวนาคาถาที่ หลวงพ่อแจ๋ ให้ไว้ว่า อิกะวิติ จีวรที่ครองอยู่โดนแทงขาดรุ่งริ่ง เมื่อถอดออกพบเหรียญพระพุทธโสธรที่ หลวงพ่อสมชาย สร้างและปลุกเสกเองเมื่อปี พ.ศ.2537 ติดอยู่ในอังสะเพียงเหรียญเดียว (ขณะนี้เหรียญรุ่นนี้ยังเหลืออยู่ที่วัดอีกเล็กน้อย เป็นข่าวดีของท่านผู้อ่าน) หลวงพ่อสมชายเชื่อว่าคงเป็นด้วยบารมีความศักดิ์สิทธิ์ของ หลวงพ่อแจ๋ ช่วยปกป้องคุ้มครองชีวิตท่านไว้ คืนนั้นเองชาวบ้านออกมาช่วยกันตามล่าโจร จับได้ 1 คน ต่อมาภายหลังจับได้ครบทั้ง 8 คน ล้วนเป็นโจรมืออาชีพทั้งสิ้น

ความเข้มขลังของ หลวงพ่อแจ๋ ติสฺสโร นั้น นับได้ว่าอยู่ในระดับแนวหน้า เพราะท่านมีครูบาอาจารย์เก่งกล้าอย่างน้อยก็สององค์คือ หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน และ พระครูญาณ วัดสัมปทวน จึงทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ ของวัตถุมงคลของท่านสามารถปกป้องคุ้มครองป้องกันผู้มีไว้ติดตัวได้ แม้วันนี้ท่านมรณภาพไปนานถึง 39 ปีแล้ว แต่ก็มีลูกศิษย์เอกได้รับการถ่ายทอดพุทธาคมเอาไว้ มีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าท่าน ให้เป็นที่พึ่งของผู้ศรัทธาเลื่อมใสได้คือ หลวงพ่อสมชาย วัดโพรงอากาศ ซึ่งมีศีลาจารวัตรเคร่งครัดน่าเคารพเลื่อมใสยิ่ง ท่านมีเมตตาสูง ใครไปพบท่าน ก็ได้รับแต่ความอิ่มเอมใจ ชื่นใจกลับไปทุกราย ถ้าท่านมีโอกาสผ่านไปก็ลองไปกราบท่านดูสักครั้ง รับรองว่าจะต้องมีครั้งสอง ครั้งสามต่อไปแน่นอน ไม่เชื่อก็ลองดูได้

( ที่มา : ย่อจาก ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1087 เดือนกุมภาพันธ์ 2555 หลวงพ่อแจ๋ แจ๋วแน่นอน วัดโพธิ์เฉลิมรักษ์ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา? ภาพและเรื่องโดย สุธน ศรีหิรัญ )

 

เหรียญหลวงพ่อแจ๋ ปี 2516 เนื้อทองแดงรมดำ

พุทธคุณ ครบครัน เมตตามหานิยม โชคลาภ มหาอุตม์ คงกระพัน

เหรียญนี้ หลวงพ่อสมชาย จารให้ด้วยครับ

เปิดให้บูชา 2,000 บาท

 

พระบางรุ่นของหลวงพ่อแจ๋ แพงมากนะครับ โดยเฉพาะ นางกวักนี่ พ่อค้าแม่ค้าหวงมาก ครับ

ของหลวงพ่อสมชายก็ใช้ดีเช่นกัน จนบางคนเอาไปเล่นหากันเป็น หลวงพ่อแจ๋เลยทีเดียว

 

ลูกอม เนื้อขาว มีห่วง หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

เปิดให้บูชา 2,000 บาท

 

เสือเนื้อไม้ยา หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่


เปิดให้บูชา 2,000 บาท

 

พระปางสมาธิ ปรกโพธ์ วัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี


เปิดให้บูชา ตาม PM ครับ

 

สมเด็จสะดุ้งกลับวัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี เอวใหญ่




เปิดให้บูชา 1,200 บาท ลดสุดๆ

 

พรุ่งนี้ จะมีมาลงเพิ่มเติมนะครับ

 

เหรียญหันข้างเนื้อขันลงหิน หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้

พระครูอดุลยวิริยกิจ (หลวงพ่อเอื้อน อตฺตมโน) อายุ 72 ปี เจ้าอาวาสวัดวังแดงใต้ ตำบลวังแดง

อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2483 โยมบิดาชื่อ นายเจริญ โยมมารดาชื่อ นางสง่า พันธุมิตร อาชีพชาวนา หลวงพ่อเอื้อน ฯ ท่านเรียนจบแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็ออกมาช่วย โยมบิดา โยมมารดาทำนามาตลอด ท่านมีจิตใจเมตตาอารี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นตลอดมา จนย่างเข้าวัยรุ่นท่านได้เรียนวิชาไสยเวทย์จากโยมบิดา (ศิษย์เอกหลวงพ่อเสน วัดบึง) เมื่อท่านอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ก็ได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2505 ณ พระอุโบสถวัดบึง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระครูอาทร สุตตคุณ วัดศักดิ์ เป็นพระอุปัชฌาจารย์ พระอาจารย์เขียน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์จาย เป็นพระอนุศาสนาจารย์ ได้รับฉายาว่า อตฺตมโน หลวงพ่อเอื้อน ฯ ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมสอบได้นักธรรมตรี และนักธรรมโท ส่วนวิชาไสยเวทย์หลวงพ่อเอื้อน ฯ ท่านเก่งตั้งแต่เป็นฆราวาส ทั้งด้านเมตตามหานิยม ตะกรุดคงกระพัน วิชาค่ายกลครอบจักรวาล ต่อมาหลวงพ่อเอื้อน ฯ ได้กราบพลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เรียนวิชาทำตะกรุดทุกชนิดจนหมดสิ้นเป็นเวลา 7 ปี ตะกรุดของหลวงพ่อตาบฯ หลวงพ่อเอื้อน ฯ ท่านจารทั้งหมด ต่อมาชาวบ้านได้นิมนต์ให้หลวงพ่อเอื้อน ฯ เป็นเจ้าอาวาสวัดวังแดงใต้ เมื่อหลวงพ่อตาบ ฯ ท่านได้มรณภาพลง

หลวงพ่อเอื้อนท่านได้พัฒนาวัดวังแดงใต้จนเจริญรุ่งเรือง และได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูอดุลวิริยกิจ และท่านยังมุ่งมั่นพัฒนาวัดวังแดงใต้จนเจริญรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบันนี้ วัตถุมงคลที่ท่านสร้าง เช่น ตะกรุดหลายชนิด มีดหมอ


เปิดให้บูชา 1,000 บาท

 

กลับมาแล้วครับ สักครู่ จะลงพระเพิ่มเติมครับ

 

พระพิฆเนศ หลัง พ่อแก่ หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เนื้อ ๓ กษัตริย์ กรอบทองไมครอนวัด



เปิดให้บูชา 600 บาท

 

เหรียญร.5 หลัง ร.9 ออกวัดทุ่งลาดหญ้า



เปิดให้บูชา 900 บาท

 

จริงๆ ได้มาหลายองค์นะครับ แต่ดูแล้ว ที่เหลือ ไม่น่าจะแท้ เลยเก็บไว้ดูเล่นดีกว่า

 

วันนี้ปรับราคาลงหลายองค์อยู่ครับ

 

สนใจแจ้งได้ครับ ถ้าลดได้ จะลดให้เลยครับ

 

เหรียญจตุรพิธพรชัย หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง

เหรียญจตุรพิธพรชัย หลวงพ่อหน่าย อินฺทสิโล วัดบ้านแจ้ง จ.พระนครศรีอยุธยา ปี ๒๕๑๘ เนื้อทองแดง ที่ระลึกในงานปฎิสังขรณ์วัดเขาใหญ่ จ.สุพรรณบุรี หนึ่งในพระดี-พิธีใหญ่ ที่มีนายเรียน นุ่มดี ผู้เป็นประธานดำเนินงาน ได้อาราธนานิมนต์พระคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในยุคนั้นเข้าร่วมในพิธีจำนวนหลายๆ รูป อาทิเช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี,พระครูประสาทวิทยาคม(หลวงพ่อนอ) วัดกลาง,พระรักขิตวันมุนี(หลวงพ่อถิร) วัดป่าเรไรย์,หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู,หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม,หลวงพ่อออด วัดบ้านช้าง,หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง,หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ฯลฯ
เหรียญจตุรพิธพรชัย ๙ พระอาจารย์
เหรียญจตุรพิธพรชัย ๙ พระอาจารย์ คือ การจัดสร้างเหรียญพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณทางเวทมนต์คาถา 9 รูปพร้อมๆกัน แล้วจัดพิธีพุทธาภิเษกที่วัดรัตนชัย เมืองกรุงเก่า เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๑๘
การจัดสร้างวัตถุมงคลจตุรพิธพรชัยครั้งนั้น นายเรียน นุ่มดี ผู้เป็นประธานดำเนินงาน ได้มีวิริยะอุตสาหะเป็นอย่างมาก ท่านเป็นผู้เสียสละทั้งกำลังทุนทรัพย์และกำลังกายมิได้เห็นแก่ความเหนี่อยอยาก
โดยเฉพาะอาราธนา พระอาจารย์เจ้าผู้ทรงพุทธาคมขลังตามวัดต่างๆ ซึ่งเป็นผู้เลื่องลือชื่อเสียงในสมัยนั้น มาร่วมพิธีพุทธภิเษก มีการประชุมปรึกษาและกลั่นกรองกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน
พระคณาจารย์ผู้เป็นเจ้าของวัตถุมงคล
๑.หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
๒.หลวงปู่สี ฉนฺ ทสิริ อายุ ๑๒๕ ปี วัดเขาถ้ำบุญนาค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
๓.พระครูประสาธน์ วิทยาคม (หลวงพ่อนอ) วัดกลาง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
๔.พระครูสันทัศธรรมคุณ (หลวงพ่อออด) วัดบ้านช้าง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
๕.พระรักขิตวันมุนี (หลวงพ่อถิร) วัดป่าเลไลยก์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
๖.พระครูประสาทวรคุณ (หลวงพ่อพริ้ง) วัดโบสถ์โก่งธนู อ.เมือง จ.ลพบุรี
๗.พระครูกวย (หลวงพ่อกวย) วัดโฆสิตาราม อ.สรรค์บุรี จ.ชัยนาท
๘.หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
๙.พระราชสุวรรณโสภณ วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา
๑๐.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี

เปิดให้บูชา 2,000 บาท