มือถือแชะ! กดติดวิญญาณ นัยน์ตาปริศนาโผล่จ้อง

<CENTER></CENTER>มือถือแชะ! กดติดวิญญาณ นัยน์ตาปริศนาโผล่จ้อง

ภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์



เกิดภาพปริศนาชวนขนลุกกับ น.ส.วัลลภา เที่ยงแท้ อายุ 28 ปี แม่ค้าสาวชวนเพื่อนชาวไต้หวันเดินซื้อของแถวอาคารใบหยกย่านประตูน้ำ ก่อนกลับถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกด้วยโทษศัพท์มือถือ แล้วเก็บใส่คอมพ์ไว้จนน้องสาวมาเปิดดูพบใบหน้าเด็กโผล่ขึ้นมาในภาพ ดวงตาเศร้าสร้อยกำลังจ้องมองมาที่กล้อง ทุกคนเห็นถึงกับขนลุก เพราะหาคำตอบไม่ได้ว่าเป็นใบหน้าใคร

โดย น.ส.วัลลภา เล่าว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา ตอนช่วงบ่าย ๆ ได้พาเพื่อนชาวไต้หวัน 6 คน ไปเดินซื้อสินค้าเสื้อผ้าต่าง ๆ ที่อาคารใบหยก 1 ถนนราชปรารภ จนเย็นประมาณ 17.00 น. ก่อนที่จะกลับ ได้ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก ด้วยกล้องในโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโซนี่ อีริคสัน รุ่น Z800 จำนวน 6 ภาพ ก็ไม่มีสิ่งผิดปกติอะไร เมื่อกลับถึงบ้านก็เอารูปลงคอมพ์ไว้ ก็ยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติ

จนเมื่อเย็นวันนี้ น.ส.ภัทรภร เที่ยงแท้ อายุ 21 ปี น้องสาว ได้มาเปิดภาพดู ก็เห็นภาพหน้าเด็กติดอยู่ที่กระจกด้านหลังภาพที่ถ่าย มองเห็นลูกนัยน์ตาอย่างชัดเจน กำลังจ้องมองมาที่กล้องด้วยสายตาที่เศร้าสร้อยและวิงวอน ซึ่งทุกคนที่มาดูภาพถึงกับขนลุกซู่ และหาเหตุผลไม่ได้ว่าเป็นใบหน้าใคร จึงส่งอีเมลภาพดังกล่าวไปให้เพื่อนที่ไต้หวันดู ทุกคนก็เกิดความฉงนเช่นเดียวกัน จึงอยากให้สื่อมวลชนมาพิสูจน์ภาพดังกล่าว

"ภาพหน้าเด็กที่เห็นปรากฏเป็นลูกนัยน์ตา 2 ดวงนั้น เกิดจากอะไรกันแน่ จะเป็นไปได้หรือไม่ ว่าเป็นดวงวิญญาณของเด็กที่วนเวียนอยู่แถว ๆ นั้นมาปรากฏให้เห็นในภาพ ซึ่งดิฉันก็ไปที่ตึกใบหยกบ่อย ๆ เพื่อไปซื้อเสื้อผ้ามาขาย แต่ไม่เคยถ่ายภาพไว้สักที เพิ่งมีครั้งนี้ที่ถ่ายภาพและเกิดภาพดังกล่าวขึ้น" น.ส.วัลลภา กล่าวด้วยใบหน้าฉงน และอยากได้คำตอบ <CENTER>
อ่านข่าวข้อมูลทั้งหมดคลิกที่นี่ค่ะ
<TABLE width=400 border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=200>
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

 

หลอดไฟกลมฝังเพดานครับ ไม่รู้ว่าดูยังไงให้เป็นลูกตาผีไปได้

 

ใช่ เราก้อเห้นเป็นหลอดไฟที่ห้องข้างบนนั้น หน้าต่างเป็นกระจกอ่ะ

 

บทเฉลยแห่งเรื่องราว

<b>ไขภาพนัยน์ตาปริศนา ที่แท้แค่ 'โคมไฟ'</b>

<b>'ดาวไลท์' ฝังเพดานอาคารใบหยก ชาวบ้านแห่พิสูจน์</b>

<center><img src=http://db.dailynews.co.th/news_img/64408_1.jpg></center>

กดติดวิญญาณอาคารใบหยก ชาวบ้านเเห่ไปพิสูจน์ตรึม ไขปริศนาที่เเท้เป็นเงาของโคมไฟดาวไลท์ที่ติดอยู่บนเพดานสะท้อนกับกระจกด้านข้าง ทำให้มองเหมือนลูกตาคนล่องลอยอยู่ในอากาศ พ่อค้า-เเม่ค้า เฮดีใจ พื้นที่กลายเป็นจุดสนใจลูกค้าหลั่งใหลมาซื้อของต้องหันขวับไปดูทุกราย ขณะที่อีกฝ่ายบ่นอุบอุตสาห์เดินทางมาไกลกลับไม่เจออาถรรพ์เเต่อย่างใด

กรณี น.ส.วัลลภา เที่ยงแท้ นำภาพถ่ายปริศนาที่ถ่ายจากกล้องในโทรศัพท์มือถือขณะเดินซื้อเสื้อผ้าที่อาคารใบหยก 1 ถนนราชปรารภมาพิสูจน์ เป็นภาพหน้าเด็กติดอยู่ที่กระจกหลังภาพที่ถ่าย กำลังจ้องมองมาที่กล้องเห็นลูกนัยน์ตาชัดเจน โดยที่สายตาของเด็กน้อยบ่งบอกถึงความเศร้าสร้อยทุกข์ระทมอย่างมาก ทุกคนเมื่อเห็นภาพดังกล่าวต่างก็ขนหัวลุกไปตาม ๆ กัน บางรายเชื่อว่าเป็นภูตผีวิญญาณ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการสะท้อนของกระจก หรือไม่ก็เป็นเรื่องของเเสงเงา อย่างไรก็ตามยังไม่มีการพิสูจน์เเน่ชัดได้ว่าวัตถุที่เห็นเป็นอะไรกันเเน่

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องเร้นลับที่ทุกคนให้ความสนใจ วันที่ 29 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณหน้าอาคารใบหยก 1 ถนนราชปรารภ ซึ่งเป็นที่ น.ส.วัลลภา บันทึกภาพใบหน้าปริศนาไว้ได้ พบพ่อค้า-เเม่ค้าที่ขายของ อยู่ในอาคารดังกล่าวรวมไปถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยเเละชาวต่างประเทศที่มาจับจ่ายซื้อของต่างพากันถือหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ออกมายืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเต็มไปหมดบรรยากาศเป็นไปอย่างครึกครื้น

นายธีระพงษ์ เขียวอ่อน อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 14 ต.หนองเเวง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด พ่อค้าขายเสื้อผ้าใกล้จุดที่พบภาพปริศนาเปิดเผยว่า ตนเห็นข่าวเมื่อเช้าก็ตกใจมาก เพราะที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับร้านตน จึงรีบมาดูพร้อมนำรูปจาก น.ส.พ.มาประกอบ จากการดูอย่างละเอียดพบว่าน่าเป็นเงาสะท้อนของหลอดไฟที่ติดอยู่เหนือเพดานตรงทางเดินลงชั้นใต้ดินมากกว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องอาถรรพณ์วิญญาณเเต่อย่างใด อย่างไรก็ตามจุดที่เห็นภาพปริศนาเคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกระโดดฆ่าตัวตายสังเวยมาเเล้ว 2 ศพ ซึ่งไม่เคยมีการเสียชีวิตของเด็กเเต่อย่างใด

ด้านนายวิธวินท์ ธนะสมบูรณ์ อายุ 43 ปี ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารใบหยก 1 กล่าวว่า เมื่อเช้าเข้ามาที่ทำงานก็ยังไม่รู้เรื่อง มาตกใจก็ตอนมีโทรศัพท์เข้ามาสอบถามจนสายเเทบไหม้ถึงเหตุอาถรรพณ์ดังกล่าว เพื่อความกระจ่างตนจึงให้พนักงานไปถ่ายรูปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ภาพปริศนาวิญญาณที่เข้าใจนั้น เเท้จริงเป็นเงาของโคมไฟดาวไลต์ที่ติดอยู่บนเพดานสะท้อนกับกระจกด้านข้างทำให้มองเเล้วเหมือนลูกตาคนลอยอยู่ ซึ่งหากสังเกตดี ๆ ก็เห็นมุมสะท้อน เเต่อย่างว่าตนเห็นรูปครั้งเเรกยังขนหัวลุกเหมือนกัน คาดว่าคนถ่ายรูปคงไม่ได้สังเกต อีกทั้งเป็นจังหวะของมุมกล้องด้วยเลยถ่ายออกมาเเล้วมองเป็นรูปดวงตาวิญญาณเด็กดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ทุกคนทราบว่าภาพวิญญาณที่เห็นตอนเเรกที่เเท้เป็นเพียงหลอดไฟที่สะท้อนกับกระจก บางคนถึงกับหัวเราะร่า บอกเพียงว่าเเปลกดีเหมือนกันอีกหน่อยใครผ่านไปผ่านมาคงต้องหันมามองตาผีเด็กที่ลอยอยู่ข้างกระจกเเน่นอน กลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้ขายของดียิ่งขึ้น ขณะที่บางคนบ่นอุบเนื่องจากอุตส่าห์เดินทางมาไกลกลับไม่เห็นวิญญาณอย่างที่ตั้งใจไว้.


<a href="http://www.dailynews.co.th/today/each.asp?newsid=64408">เดลินิวส์</a>

 

ตลกง่ะ...ที่แท้ก็แค่หลอดไฟ เหอๆๆๆ

 

ตอนแรกเรามองเห็นเป็นดวงตาจริงๆด้วยล่ะ ตอนที่บอกว่าเป็นหลอดไฟก็ยังดูเหมือนตาจริงๆเลย

ยังคิดว่าต้องมีคนทำภาพขึ้นมาหลอกแหงๆ.
แต่นี่เขาไม่ได้ทำภาพหลอก แต่ตัวภาพเองที่หลอกตาเราให้เข้าใจผิดได้

เสียรู้ซะแล้วเรา ฮาๆ

 

จริงค่ะ คุณ neomagic
นี่แหละ คือเหตุผลที่หยิบยกประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ขึ้นมา
เพราะบังเอิญไปพ้องกับที่หลวงปูดุลย์กล่าวไว้ว่า

สิ่งที่เห็นนั้นเขาเห็นจริง แต่สิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่จริง

เพราะฉะนั้นถ้าใครบอกว่าเห็นอะไรก็โปรดเชื่อเถอะว่า
สิ่งที่เขาเห็นเขาเห็นจริง แต่สิ่งที่เห็นจะเป็นจริงหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง

 

ตอนแรกก็นึกเหมือนกับ Neomagic เหมือนกันเลย