มีใครพอทราบจะประวัติหลวงพ่อช่อ(ฤาษีลิงขาว) บ้างครับ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย KBANANAG, 30 ตุลาคม 2006.

  1. KBANANAG

    KBANANAG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +1,051
    มีใครพอทราบจะประวัติหลวงพ่อช่อ(ฤาษีลิงขาว) บ้างครับ อยู่ที่วัดฤกษ์บุญมี เป็นสหมิกธรรมกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำรึเปล่าครับ
     
  2. มหัศฤทธิ์

    มหัศฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +855
    รู้แต่ว่า ครูบาอาจารย์ท่านมิให้อยู่ในเมืองครับ คือให้อยู่แต่ในป่า ถ้าจะโปรดศรัทธาแก่ญาติโยมก็จะพิจารณาด้วยตัวท่านเองครับ
    เพราะท่านมีฤทธิ์มาก
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ..สาธุ...
     
  3. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    555555555นี่เค้า"ลิง"คนละ"ฝูง" อุ้ยยยย..เมื่อตอนที่หลวงพ่อพระราชพรหมยังอยู่ ก็มีคนถามกันมากในเรื่องนี้ หลวงพ่อบอก"ลิงคนละฝูง" ยังเคยเชิญมาเลย...แต่ก็ไม่เห็น"มา" ..........ก็แปลกดี
     
  4. อมตะ

    อมตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +413
    ใช้แล้วครับ...องค์หลวงพ่อท่านเคยยืนยันว่า...ลิงคนละฝูง...เพราะฉนั้นอย่าไปสนใจเลยครับ..องค์หลวงพ่อลิงขาวจริงๆๆท่านต้องอยู่ป่าตามคำสั่งครูบาอาจารย์ครับ
     
  5. น้องเจ

    น้องเจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +137
    ขอตอบในฐานะศิษย์หลวงปู่ช่อ ที่ได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดมานานกระทั่งท่านละสังขารไป ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินท่านกล่าวอ้างพาดพิงถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำในทางที่ไม่ดี หรือเพื่อประโยชน์ส่วนตนแต่อย่างใดเลย และไม่ได้อวดอ้างคุณวิเศษอันใดเพื่อลาภสักการะทั้งสิ้น ท่านเป็นพระปฏิบัติดีรูปหนึ่งที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ แม้เรื่องฉายา ฤาษีลิงขาวก็ตาม เกิดมาจากพระรูปหนึ่งที่จังหวัดสุพรรณบุรีกล่าวว่าเป็นชื่อท่านเท่านั้น อง๕หลวงปู้เองไม่ได้พูดป่าวประกาศกับใครเลยว่าฉันเป็นฤาษีลิงขาวนะ
    หลวงปู่ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ปานจริง ได้เรียนวิชาความรู้จากหลวงปู่ปานมามากและได้ใช้วิชชาสงเคราะห์ลูกหลานมาตลอด มีความเมตตาสูงยิ่ง โดยเฉพาะพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ซึ่งจะจัดขึ้นปีละครั้งตอนงานบุญประจำปี มีผู้ร่วมพิธีมากมาย ผู้ที่มีครรภ์ที่ได้เข้าพิธีเมื่อคลอดออกมาแล้วปรากฎเป็นรอยยันต์สีแดงบนกระหม่อมของเด็กให้เห็นมีคนอยู่ในเหตุการณ์รับรู้เรื่องนี้มากมาย
    ดังนั้นแต่ละท่านไม่ได้เข้าไปสัมผัส หรือรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องด้วยตนเองแล้ว อย่าว่ากล่าวอันใดออกไปที่จะเป็นการปรามาสสงฆ์โดยประมาทเลยจะเป็นบาปกรรมเปล่าๆ โดยเฉพาะบางคำพูดนั้น เป็นการเฉพาะของครูบาอาจารย์ท่านจะใช้คำพูดถึงกัน ซึ่งอยู่ในวิสัยที่จะทำได้ แต่พวกเรามนุษย์เดินดินยังเป็นปุถุชน อย่าได้อาจเอื้อมไปพูดตามครูบาอาจารย์ท่านเลยจะเป็นบาปกรรมโดยไม่รู้ตัว
     
  6. apisab

    apisab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,083
    ค่าพลัง:
    +1,704
    อ่านประวัติหลวงพ่อปาน โสนันโท

    หลวงพ่อท่านบอกให้พวกฉันเป็นฤาษี ตัวฉันเองปกติท่านเรียกว่าลิงดำ ฉันเลยตั้งชื่อฉันว่า ฤาษีลิงดำ เพื่อนฉันเจ้าสวัสดิ์มันออกป่าไปแล้ว ท่านเรียกว่าไอ้ลิงขาว เพื่อนอีกตนหนึ่งคือเจ้าน้อม ท่านเรียกว่า ได้ลิงเล็ก รวมความแล้วฉัน ๓ คนไม่ใช่พระและไม่ใช่คน เป็นลิงหมดทั้ง ๓ ตัว

    ส่วนหลวงพ่อช่อ จะเป็นฤาษีลิงขาว ที่เป็นเพื่อนหลวงพ่อฤาษีลิงดำหรือไม่นั้นผมไม่ทราบครับ
     
  7. PCO

    PCO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +3,626
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 361761" vAlign=top><TD class=alt1 align=middle width=125>อมตะ</TD><TD class=alt2>ใช้แล้วครับ...องค์หลวงพ่อท่านเคยยืนยันว่า...ลิงคนละฝูง...เพราะฉนั้นอย่าไปสนใจเลยครับ..องค์หลวงพ่อลิงขาวจริงๆๆท่านต้องอยู่ป่าตามคำสั่งครูบาอาจารย์ครับ</TD></TR></TBODY></TABLE>


    ใช่เป็นลิงคนละฝูง อันนี้หลวงพ่อก็เคยบอกกับผมเอง
    ขอเล่าให้ฟังนิดหนึ่ง ในแง่มุมของผมที่รู้มาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อนะครับ
    ต้นปี2529ผมเป็นชีปะขาวได้ติดตามพระรูปหนึ่งมาจากทางเหนือตั้งใจว่าจะไป
    เรียนวิชาอาคมบางอย่างที่อำเภอ สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ตอนกลับผ่านตัว
    อำเภอก็เห็นประกาศเป่ายันต์เกราะเพชรโดยพระครูปลัดช่อ(ฤษีลิงขาว)วัด
    กลางฤกษบุญมีเป็นเจ้าพิธี

    สดุดใจก็เลยแวะเข้าไปร่วมในพิธี วัดที่ทำพิธีอยู่ตัวอำเภอสามชุก
    จำชื่อวัดไม่ได้ ในพิธีก็มีรูปหลวงปู่ปานบานใหญ่แต่เป็นรูปที่หลวงปู่มีหนวด
    พิธีกรรมก็คล้ายกันกับที่วัดท่าซุง ผมก็ดูอะไรของเรื่อยเฉื่อย ไม่รู้สึกอะไร
    พอจบพิธีไม่มีคนแล้วก็เลยเข้าไปคุยกับท่านแล้วก็ส่งหนังสือ
    ที่มีหน้าปกเป็นรูปของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านรับแล้วท่านก็เฉย
    ท่ายเฉยผมก็เฉยมั่ง ต่างก็เฉยเลยไม่มีอะไรเล่าต่อ
    ทีนี้เมื่อผมออกจากวัดผมก็มาแวะที่วัดท่าซุง โดยก่อนถึงวัดท่าซุงอาศัยรถเขา
    เมื่อมาถึงจังหวัดชัยนาทมันไม่รู้เป็นไงมันนึกอยากจะแวะขึ้นมาเฉยๆก็แวะเข้าไป
    และพักค้างคืนหนึ่งคืนที่วัดโพธิภาวนาราม มารู้ในตอนหลังว่าพระเดชพระคุณ
    หลวงพ่อมาถึงหลักชัย จบกิจอันยาวนานหนักหนาจนนับไม่ได้นั้นตรงนี้เอง ผ่าน
    ตรงนี้ทีไรน้ำตามันคอยจะใหลทุกทีไป แล้วจะเล่าให้ฟังในวันหน้าว่าผมคิดจะ
    ทำอะไรถ้าหากผมมีอำนาจวาสนาบ้าง

    เมื่อมาถึงวัดท่าซุงหลวงพ่อท่านลงรับแขกอยู่แล้วเข้าไปกราบท่าน ขณะนั้นมี
    คนนั่งอยู่ประมาณสักยี่สิบคนกำลังถามถึงหลวงพ่อทั้งสองที่อยู่ป่าพอดี เมื่อ
    กราบท่านครบสามวาระ ท่านก็ทักทายว่า ไงปะขาวสบายดีหรือลูก ก็กล้มหน้าตอบท่านว่าขอรับ ท่านก็พูดต่อเลยว่าใหนลองเล่าให้พวกนี้เขาฟังหน่อยไปพบ
    ฤษีลิงขาวมาหรือ คนกลุ่มนั้นก็สนใจมาก ก็เล่าเรื่องที่ไปพบเจอต่างๆให้ฟัง
    เมื่อจบแล้วผมก็ถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า หลวงพ่อครับองค์ที่อยู่ข้าง
    นอกเวลานี้ ใช่องค์เดียวกันกับที่อยู่ในป่าหรือปล่าวครับ ท่านยิ้มแล้วท่าน
    ก็บอกว่า ไม่ใช่เป็นลิงคนละฝูง
    ท่านก็เมตตาพูดต่ออีกว่าใครก็เป่าได้นะ ถ้าหากว่าเขาเรียนมา
    แต่ ผลนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ท่านว่าอย่างนี้

    พูดเรื่องนี้แล้วก็ขอพูดเรื่องยันต์เกราะเพชรด้วยเลย เพราะความที่ผมเป็น
    คนที่ชอบในคาถาอาคมมาแต่เดิม ทีนี้พอมีโอกาสได้เป็นนักบวชคาถาอาคม
    ต่างๆนี่ถ้าไม่ใช่เป็นของที่หลวงปู่ปานบอกไว้และไม่ใช่ที่หลวงพ่อบอกไว้นี่อะไร
    ก็แล้วแต่ทิ้งหมด ก็คิดว่าทำไงเราจึงจะเรียนของหลวงพ่อได้หมด แม้กระทั่ง
    ยันต์เกราะเพชร ก็ค้างคาใจอยู่ตลอด มันไม่คิดเจียมตัวเอาซะเลยนี่ ที่นี้ก็มีวัน
    หนึ่งในงานเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดท่าซุงนี่แหละจำไม่ได้ว่าครั้งที่เท่าไร ก็มา
    ช่วยงานที่วัดท่าซุงตอนนั้นเป็นนักบวชเมื่อพิธีกรรมในรอบแรกเสร็จคนก็รีบเข้า
    แถวทำบุญถวายสังฆทานกับหลวงพ่อผมก็อยู่ไม่ไกลกับหลวงพ่อ เสียงหลวง
    พ่อดังๆมาจากลำโพงดังทั่วศาลาสิบสองไร่ว่า คนที่จะเป่ายันต์เกราะเพชรแล้ว
    มีผลตามหลวงปู่ปานนี่ ผู้ที่เป่าต้องมีคุณธรรมสองอย่าง คือ
    หนึ่งจะต้องเป็นพระโพธิสัตว์บารมีเต็มทรงสมาบัติแปดขึ้นไป
    สองจะต้องเป็นพระอรหัน วิชชาสามทรงสมาบัติแปดขึ้นไป
    นอกนั้นเป่าได้แต่ไม่มีผล
    พอได้ฟังก็คิดในใจว่าโธ่พระอรหันวิชชาสามทรงสมาบัติแปด ตามตำราก็คือ
    พระอรหันปฏิสัมภิญาณน่ะซิครับหลวงพ่อ แล้วผมนี่มันถึงอนุบาลหนึ่งหรือ
    ปล่าวก็ไม่รู้ ก็คิดต่อไปว่าหลวงพ่อครับวันหนี่งในอนาคต ขอให้เกล้ากระผมจง
    ทำได้มีผลเหมือนอย่างหลวงพ่อบ้างนะขอรับก็มีเสียงดังมาอีกว่า ใช่ ไอ้เรา
    อุตสาห์แอบคิดค่อยๆท่านนั่งรับแขกคนทำบุญแน่นเบียดเสียดขนาดนั้นยังแอบ
    ได้ยินเราคิดอีก ก็ยกมือไหว้ไปทางท่านก็ไม่เห็นท่านสนใจมาทางเราซักหน่อย
    ผมก็กล้มหน้ายิ้มกลัวคนข้างๆจะว่าเราบ้านั่งยิ้มคนเดียว คิดว่านี่แหละหนาปฏิสัมภิทาญาณของพ่อ ยังจะแถมมาอีกว่า เออซิวะ นั่นยังรู้อีกทีนี้เลยยิ้ม
    อย่างเดียวไม่กล้าคิดอะไรอีก

    ก็เมื่อหลวงพ่อบอกว่าคนละฝูงผมก็ไม่ยอมออกนอกฝูง เลยไม่รู้ว่าฝูงอื่น
    เป็นอย่างไร ผมเองก็เคยถูกหลวงพ่อกระเซ้าว่าคุณก็เอากับเขาบ้างซิเป็นลิง
    แดงเห็นห่มจีวรสีออกแดงๆ ชอบเป็นลิงไม่ใช่หรือ ท่านว่าอย่างนั้น
    ที่จริงพระธรรมยุติจีวรจะสีเหลืองหม่นๆเรียกว่าสีแก่นขนุน แต่วันนั้นไปหาท่าน
    ห่มจีวรสีมันออกจะแดงไป ยังคลึ้มๆมาจนทุกวันนี้ ว่าถ้าเราเข้าป่าเป็นลิงแดง
    ตามที่หลวงพ่อเรียกนี่ก็หมายความว่าเราคงจะทรงอภิญญาสมาบัติได้แน่ใน
    ชาตินี้ แหมตอนนั้นมันคลึ้มบอกไม่ถูก ทีนี้ก็มีคนคอยจะคิดว่าเราคงจะได้
    อะไรบ้างเพราะเห็นว่าชอบเหลือเกินไอ้เรื่อง มุดน้ำดำดินเหาะเหินหายตัว
    อะไรต่างๆนี่ ก็พยายามนะ หายตัวน่ะยังทำไม่ได้แต่หายหัวนี่คล่องมาก
    ทำได้ตั้งแต่เด็กๆ เวลาใครหาไม่เจอนี่เมื่อเจอหน้าเมื่อไรก็จะพูดกันว่าหายหัว
    ไปใหนมา แหนเรื่องหายหัวนี่คล่องมากไม่ต้องเข้าฌาณสลับกสิณถอยหน้า
    ถอยหลังฌาณให้ยุ่งเลย เอานะจบละ
     
  8. ปองจัง

    ปองจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +369
    หลวงพ่อ สวัสดิ์ จันทร์แสงศรี วัดป่าเรไร จ.นนทบุรี ท่านมรณะภาพแล้วครับ

    หลวงปู่บุญศรี อินทวันโณ วัดใหม่ศรีสุทธาวาส จ.อุทัยธานี ท่านก็มรณะภาพแล้ว เช่นกันครับ

    ทั้งสองท่านเป็นพระสุปฏิปันโน ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ครับ

    ถ้าอยากรู้จักท่านมากกว่านี้ก็ลองไปค้นคว้า ตามแกะรอย ดูก็แล้วกันนะครับ

    อีกอย่างนะครับ พระที่อยู่ในป่านานๆหลายสิบปีจนแก่จนเฒ่าตามคำสั่งครูบาอาจารย์นั้น

    ด้วยเวลาที่เนิ่นนาน ป่าที่เคยรกชัฏจนรถเข้าไม่ถึง ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ได้นะครับ

    จากเดินป่าก็ เป็นทางเกวียน ทางลูกรัง ทางราดยาง หน้าวัดที่เคยหันหน้าออกแม่น้ำ ก็ยังต้องเปลี่ยนเป็นหลังวัดเลย เพราะใช้รถแทนเรือแล้ว

    ทุกวันนี้ความเจริญมันเข้าไปถึงทุกหนทุกแห่งแล้วจ้า ป่าหายากแล้ว....

    (bb-flower
     
  9. Lukkrok

    Lukkrok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,123
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (วีระ) กับ หลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ช่อ) รู้จักกันดี

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (วีระ) กับ หลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ช่อ) รู้จักกันดี เพราะทั้งสององค์เป็นเด็กบ้านสาลี จ.สุพรรณบุรีด้วยกันทั้งสององค์
    โยมแม่เล็ก ร่มวงษ์ มารดาของหลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ช่อ) เลี้ยงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (วีระ) มา กินนมแม่เล็ก ด้วยกันทั้งคู่ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (วีระ) อายุมากกว่า หลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ช่อ) 1 ปี

    สมัยเด็กๆหลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ช่อ) จะเล่นกับเด็กชายเวก (ต่อมาคือพระมหาเวก วัดดาวดึงฯ กรุงเทพฯ) ซึ่งเด็กชายเวกก็คือน้องชายของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (วีระ)

    ต้องทำความเข้าใจประวัตินิดนึง เด็กๆมักจะซนหลวงปู่ปานจึงมักเรียกเด็กๆว่าไอ้ลิง และเติมลักษณะของเด็กเข้าไปเช่น ผิวขาวเรียก ไอ้ลิงขาว ตัวเล็กเรียกไอ้ลิงเล็ก ส่วนเด็กผู้หญิงท่านเรียก อีหมา ดังนั้นเราจะได้ยิน ลิงเล็ก ลิงดำ ลิงขาว ลิงเตี้ยเป็นต้น

    ดังนั้นลิงดำมีมากกว่าหนึ่ง ลิงขาวมีมากกว่าหนึ่ง

    ตอนที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (วีระ) ท่านบวชนั้น อีกสององค์ที่เป็นเพื่อนท่าน หลวงปู่ปานก็เรียกลิงขาว ลิงเล็ก สององค์นี้ท่านให้เข้าป่า

    ส่วนลิงขาว ลิงเล็ก ที่เป็นฤาษีลิงขาว กับฤาษีลิงเล็ก ในตำนาน คือ หลวงพ่อฤาษีลิงขาว(ช่อ อภินันโท) วัดฤกษ์บุญมีหรือวัดช่องลม องค์เดียวกัน หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก (นวล) วัดโพธิ์ ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ

    ลิงคนละฝูง ท่านหมายถึงเพื่อนคนละกลุ่มเท่านั้น
     
  10. กิดากร

    กิดากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +1,039
    มีรูปไหมครับ ได้ยินชื่อมานานแล้ว อยากเห็นรูป.
     
  11. Lukkrok

    Lukkrok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,123
    ประวัติย่อ หลวงปู่ฤาษีลิงขาว (ช่อ อภินันโท)

    [​IMG]
    พระครูสุวรรณสิทธิการย์ หรือ
    หลวงปู่ฤาษีลิงขาว (ช่อ อภินันโท) วัดช่องลม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
    หลวงปู่ฤาษีลิงข่าว (ช่อ อภินันโท) วัดฤกษ์บุญมี อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
    เป็นองค์เดียวกัน

    เกิดพ.ศ. 2461 ปีมะเมีย ณ บ้านสาลี อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี บิดาชื่อ เชื่อม มารดา ชื่อ เล็ก ร่มวงษ์

    เริ่มพบหลวงปู่ปาน
    โยมแม่เล็กเป็นคนส่งข้าวส่งน้ำให้หลวงปู่ปาน และเมื่อวัดบางนมโคมีงานต่างๆ โยมแม่เล็กจะมาช่วยทำครัวงานวัดเป็นประจำ เมื่อวัยเด็กเด็กชายช่อได้ติดตามมารดาที่ไปช่วยแม่ทำครัว ณ วัดบางนมโค เพื่อจัดงานประจำปี และเมื่อไปที่วัดมักจะเล่นกับเด็กที่วัดบางนมโคเด็กชายช่อมีผิวขาว น่ารัก ฉลาด เป็นที่ถูกใจหลวงปู่ปาน หลวงปู่ท่านจึงบอกโยมมารดาท่าน (โยมเล็ก) เพื่อขอให้เด็กชายช่อมาอยู่ที่วัดบางนมโคเพื่อเรียนหนังสือ

    หลวงปู่ปานได้มอบเด็กชายช่อให้อยู่ในความดูแลของ หลวงพ่อเล็ก เกสโร เด็กชายช่อเป็นเด็กฉลาด และใฝ่รู้ จึงได้ร่ำเรียนสรรพวิชาต่างๆ ทั้งกรรมฐาน อักขระวิธี เลข ยันต์ ตำราต่างๆ จากทั้งหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อเล็ก ตั้งแต่เล็กจนโต และสิ่งหนึ่งที่ชำนาญคือ แพทย์แผนโบราณยาและสมุนไพรต่างๆ สมุฎฐานของโรค รากฐานของพืชสมุนไพรทุกชนิด เด็กชายช่อสามารถจดจำได้หมด คนสมัยก่อนจะทราบว่าหลวงปู่ปานท่านเก่งเรื่องแพทย์แผนโบราณมากและยาที่ท่านทำท่านจะใช้อาคมเสกยาด้วย ก่อนจ่ายให้คนป่วยทาน


    อุปสมบท
    เมื่ออายุครบเกณฑ์บวช หลวงปู่ปานได้รับเป็นธุระเรื่องบวชให้ทั้งหมด เด็กชายช่อจึงได้อุปสมบทบวชในบวรพุทธศานา เมื่อ กรกฎาคม พ.ศ. 2481 โดยมี
    พระครูพิทักษ์ธรรมคุณ วัดช่องลม เป็นอุปัชฌาย์
    หลวงพ่อปานกับหลวงพ่อเล็ก เกสโร วัดบางนมโค เป็นคู่สวด ได้รับฉายาว่า อภินันโท
    โดยขณะนั้นหลวงปู่ปานได้มาเป็นประธานการสร้างอุโบสถ วัดสาลี และ ศาลาการเปรียญ วัดช่องลม จ.สุพรรณบุรี จึงให้มาบวชที่วัดช่องลม


    หลวงปู่ช่อบวชอยู่ที่วัดช่องลม และจำพรรษาอยู่ 3 พรรษาก่อนลาสิกขาออกมาเป็นแพทย์แผนโบราณช่วงหนึ่งก่อนจะอุปสมบทใหม่ และเป็นหลวงปู่ (ช่อ อภินันโท) วัดฤกษ์บุญมี จ.สุพรรณบุรี อย่างที่เรารู้จักกัน

    หลวงปู่ช่อได้เรียนวิชาความรู้จากหลวงปู่ปานและหลวงพ่อเล็กมามาก เนื่องจากเป็นคนฉลาด และอยู่กับท่านทั้งสองมาเป็นเวลานาน คือตั้งแต่เล็กอยู่ที่วัดบางนมโค มิใช่เป็น การไปเรียนสั้นๆเพียงบางวิชาระยะสั้นๆ จึงถือว่าท่านสืบทอดตำหรับวิชาจากหลวงปู่ปานแบบสมบูรณ์ และท่านได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาสงเคราะห์ลูกหลานมาโดยตลอด มีความเมตตาสูงยิ่ง



    การเป่ายันต์เกราะเพชร ของหลวงปู่ช่อ
    พิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ของหลวงปู่ช่อนั้น จะเป็นการเป่ายันต์เกราะเพชรแบบเต็มสูตรตามแบบ ของหลวงปู่ปาน ซึ่งจะต่างจากที่เราเห็นทั่วไป โดยหลวงปู่ช่อจะจัดขึ้นปีละครั้งตอนงานบุญประจำปีที่วัด และจะจัดในวันอื่นเป็นคราวๆไป มีผู้ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ผู้ที่เข้าร่วมพิธีจะมีประสพการกันมากเรื่องการรู้สึกคันตามร่างกาย และผู้ที่มีครรภ์ที่ได้เข้าพิธีไปแล้วเมื่อคลอดออกมาแล้วปรากฎเป็นรอยยันต์ สีแดงบน กระหม่อมของบุตรให้เห็น คนอยู่ในเหตุการณ์รับรู้เรื่องนี้มากมาย

    หมายเหตุ:
    หลวงปู่ช่อ เมื่อครั้งยังเป็นเด็กชายช่อ เมื่อท่านมายังวัดบางนมโคท่านมักจะมาเล่นกับเพื่อนกลุ่มเดียวกัน โดยมีคนหนึ่งนั้นชือ เด็กชายเวก (ต่อมาคือพระครูพิศาลวุฒิธรรม หรือพระมหาเวก วัดดาวดึงษาราม กรุงเทพฯ) โดยเด็กชายเวกเป็นน้องชายของมหาวีระ หรือหลวงปู่ฤาษีลิงดำ เด็กจากบ้านสาลีเหมือนกัน


     
  12. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222

    เป็นคนละองค์กับ สหธรรมิกของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงครับ


    หลวงพ่ออีกสององค์ ในอดีตท่านเคยรับราชการเป็นทหารเรือมาเหมือนกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงครับ แต่อยู่คนละเหล่า

    ดังที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ได้เมตตาเล่าไว้ในประวัติก่อนที่องค์ท่านจะมาบวชกับพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดบางนมโคครับ


    และในขณะเดียวกัน พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านก็เคยเอ่ยถึงประโยค "ปล่องเหลี่ยม งูดิน พิณสามสาย"

    ปล่องเหลี่ยม
    เป็นสัญลักษณ์แทน ปล่องควันที่อยู่ในโรงงานช่างแสงของกองทัพเรือ ก็คือสัญลักษณ์ตัวแทนของ กรมอู่ทหารเรือ


    งูดิน เป็นสัญลักษณ์แทน เครื่องหมายของแพทย์ ก็คือตัวแทนของ กรมแพทย์ทหารเรือ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงเคยรับราชการมาก่อนบวช โดยการบรรจุของน้าชายของท่าน (พลเรือตรีหลวงสุวิชาญแพทย์ : อั๋น สุวรรณภาณุ)

    พิณสามสาย เป็นสัญลักษณ์แทน กรมดุริยางค์กองทัพเรือครับ

    ทั้งสามกรมนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่าได้สร้างวีรกรรมไว้เยอะพอสมควร ซึ่งผมคิดว่าท่านหมายถึงตัวท่านและหลวงพ่ออีกสององค์ในสมัยก่อนบวชครับ

    เพราะฉะนั้น ที่มีท่านอื่น ๆ บอกว่าหลวงพ่อองค์นั้น ๆ เป็นหลวงพ่ออีกสององค์ ถ้ายึดเอาตามหลักฐานที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้บันทึกและพิมพ์ออกมา จึงสรุปได้ว่า หลวงพ่อองค์นั้น ๆ ไม่ใช่ สหธรรมิกที่บวชพระ ณ วัดบางนมโค โดยการอุปัชฌาย์ของหลวงปู่พระครูรัตนาภิรมย์(วัดบ้านแพน) ในคราวเดียวกับของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงแน่นอนครับ


    หมายเหตุ

    ๑...ในการบวชที่วัดบางนมโคนั้น จริง ๆ แล้วยังมีเพื่อนของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่เป็นทหารเรือตามไปบวชอีกท่านหนึ่งคือ คุณหลวงประธานถ่องวิจัย (จำชื่อและนามสกุลไม่ได้แล้ว)


    เรื่องตรงนี้สามารถหาอ่านได้จากหนังสือประวัติพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดบางนมโค ครับ


    ๒.. ถ้าอ่านในหนังสือ "เรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ" ตอนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านไปแจกของที่ จ.สุโขทัย ท่านจะบอกไว้ชัดเจนว่า หลวงพ่ออีกสององค์ มาหาท่านยังที่พัก ซึ่งขณะนั้นอยู่ในเขตป่า เพราะฉะนั้น เป็นไปไม่ได้ที่หลวงพ่ออีกสององค์จะออกมาจากป่า แม้ว่าป่าจะหมดไปก็ตามทีครับ


    เรื่องหลวงพ่อทั้งสององค์นี้ มีความพยายามจะทำให้เกิดความสับสนอยู่ประจำสม่ำเสมอครับ ทั้ง ๆ ที่หลักฐานต่าง ๆ ก็ชัดเจนมาก แต่ก็ยังคงมีความพยายามทำให้เกิดความสับสนในหมู่ของลูกหลานหลวงพ่อรุ่นใหม่ ๆ ที่ยังไม่ทราบเนื้อหาที่ชัดเจน จึงอยากฝากให้ลูกหลานพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงรุ่นใหม่ พยายามศึกษาและอ่านหนังสือของท่านให้มาก ๆ ก่อนจะตัดสินใจเชื่อประเด็นต่าง ๆ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2010
  13. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    หลวงพ่อบุญมี วัดมารวิชัย หลวงพ่อหวล วัดพิกุลคลองบางเชือกหนัง หลวงพ่อพระครูปัญญาโสภิต วัดสร้อยทอง
    ทุกองค์ก็เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ปานและหลวงพ่อทุกองค์ก็จัดงานเป่ายันต์เกราะเพชร ขอพวกเราทั้งหลายอย่ามีวิวาทะกันเลยครับ
     
  14. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ผมคิดว่า ที่หลาย ๆ ท่านออกมากล่าว ไม่ได้ต้องการมีวิวาทะอะไรกันหรอกครับ เมื่อมีท่านสมาชิกสงสัยมา ท่านที่รู้ก็ควรจะต้องบอกเรื่องราวว่าอะไรเป็นอะไร

    ส่วนที่ท่านองค์ไหนจะจัดพิธีอย่างไร ผมไม่คิดว่าเป็นประเด็นหลักของหัวข้อนี้นะครับ คนละประเด็นครับ

    เท่าที่ไปค้นเพิ่มเติมมา หลวงพ่ออีกสององค์ที่เป็นสหธรรมิกกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น ในบางคราวพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านก็จะบันทึกชื่อไว้ว่า "ฤๅษีโพธิวัตร และ ฤๅษีพนมไพร" อย่างเช่นตอนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านกลับจากการไปเทศน์ที่ดาวดึงส์ลงมายังข้างตุ่มน้ำ(หนังสือประวัติพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดบางนมโค) เป็นต้น

    หรือแม้แต่ตอนที่เจอกับเจ้าลาวลองวิชาที่เขาวงพระจันทร์นั่นก็อีกกรณีหนึ่ง

    ในบางที พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านก็เคยบันทึกไว้ว่า พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดบางนมโค ก็เคยเรียกหลวงพ่ออีกสององค์ว่า "คุณสวัสดิ์ และ คุณน้อม"



    และนอกจากนี้ ก็ยังมีคำสอนของหลวงพ่อฤๅษีโพธิวัตร ท่านก็ได้สอนในเรื่องของ "บทพิสูจน์นักบุญ

    "

    ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ได้พิมพ์แจกจ่ายให้ลูกหลานได้อ่านกัน ในเว็บพลังจิตเอง ก็เคยลงไว้แล้วหลายวาระ เช่น

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D-%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A4%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3.260508/

    หรือ

    http://palungjit.org/threads/บทพิสูจน์นักบุญ-หลวงพ่อฤษีโพธิวัตร-หลวงพ่อฤษีลิงเล็ก.200124/

    เป็นต้น


    ประวัติคำสอนนี้ ท่านบอกไว้ชัดเจนว่า


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]เป็นหนังสือที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้พิมพ์แจกในงานกฐิน ณ วัดสะพาน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙ จึงคัดลอกข้อความทั้งหมดมาให้อ่านกันดังนี้[/FONT]


    บทพิสูจน์นักบุญ ของท่านฤๅษีโพธิวัตร กลางดงดิบ จังหวัดกาญจนบุรี


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2010
  15. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ๑. เมื่อพบกันในระยะแรก "จงย่อตัวลง" (คือถ่อมปฏิปทาที่ทรงอยู่นั้น) พยายามยกย่องสรรเสริญท่านด้วยถ้อยคำ "สัมโมทนียคาถา" คือชมเชยในปฏิปทาของท่าน แล้วคอยสังเกตุว่า ท่านผู้นั้นจะพอใจในคำสรรเสริญเยินยอนั้นหรือไม่ ถ้าเห็นว่าท่านผู้นั้นพอใจในคำสรรเสริญเยินยอนั้น จนออกนอกหน้า ควรวงเล็บไว้พลางก่อนว่า "หมอนี่ ถ้าจะดีไม่แท้" เพราะยังติดในสรรเสริญที่เป็นโลกธรรม เป็น มนุษย์บ้ายอคบยาก

    ๒. เพื่อความแน่ใจในปฏิปทาที่แท้จริง ในบางโอกาสควรหาทาง "ตักเตือนโดยธรรม ควรตักเตือนบ่อยๆ" เพื่อให้มองเห็น โทสะ ของตนเอง ควรใช้ลีลาในการตักเตือนทั้ง แบบขู่ และ แบบปลอบ ถ้าเป็นคนดีมีใจเป็นนักบุญจริง จะยอมรับคำตักเตือนทุกระยะ แต่ถ้าเป็น "นักบุญจอมปลอม" แล้วไม่ช้าก็จะแสดงความไม่พอใจให้ปรากฏ เท่านี้ก็พอจะเห็นเขี้ยวชาติภูมิได้บ้างเฉพาะบางราย

    ๓. ถ้าแบบตักเตือนเค้นเอาความจริงไม่ได้ ต่อไปควร"ขยายปฏิปทา" ตามความสามารถที่มีอยู่ขึ้น เอาเพียงชั้นที่เห็นว่า พอจะ "ไล่เลี่ยกัน" ออกมาใช้ จงสังเกตุความพอใจและปฏิกิริยาแสดงออกของเขา หากเขาดีจริงก็ไม่ปรากฏกิริยาใดๆ เกิดขึ้น ถ้าความเลวสิงใจ แต่เก็บซ่อนไว้ด้วยกลมายาแล้ว เขาจะเริ่มการมึนชา หรือมีการซึมเซาให้ปรากฏ ควรสังเกตุไว้

    ๔. เมื่อเห็นว่าดีอยู่ หรือซึมเซาไปก็ตาม เพื่อเค้นเอาความแน่ชัดให้แจ่มแจ้ง ควรขยับ "ขยายปฏิปทาที่เหนือกว่า" ออกมาใช้ให้เห็นชัด หากท่านผู้นั้น แสดงความยินดีด้วยความจริงใจ พลอยโมทนาและสนับสนุนด้วยใจจริง และสม่ำเสมอแล้ว ก็ควรวันทนาด้วยความเคารพ เพราะแม้อายุกาลผ่านวัยน้อยกว่า หรือมีคุณธรรมบางประการหย่อนกว่าก็ตาม แต่ท่านผู้นั้นก็มี "พรหมวิหาร" ควรแก่การบูชา

    หากท่านผู้นั้น เป็นนักบุญจอมปลอม เมื่อโดนไม้หลังเข้าอย่างนั้น เท่าที่เคยพิสูจน์มา ไม่ช้าเขี้ยวก็งอกออกนอกปาก สำรากถ้อยคำที่ไม่เป็นธรรมออกมาให้ปรากฏ กล่าววาจาเสียดสี ถากถาง ด้วยถ้อยคำที่ที่เป็นดิรัจฉานคาถา กระทบกกระแทก แดกดัน เปรียบเปรยนานาประการ บางโอกาสเป็นศิษย์เคยเรียนอรรถธรรม เคยได้รับความช่วยเหลือมา ก็ลืมความดีของเราผู้มีคุณเสียสิ้น แสดงความอกตัญญูให้ปรากฏ เป็นการขยายความเลวทรามออกให้ปรากกชัด

    ตามแนวที่นำมาเล่าไว้นี้ เคยพิสูจน์นักพรตผู้วิเศษมาหลายสิบรายแล้ว ที่ท่านดีจริงแล้วก็เอาอะไรท่านไม่ได้เลย แต่ที่เป็นพวกจอมปลอมแล้วไม่เกิน ๒ พ.ศ. เขี้ยวก็งอกออกนอกปาก แสดงความเป็น "อบายบุคคล" ให้ปรากฏชัด

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๑ หน้า ๒๕
    ---------------------------------------------------------------------------------
    ---------------------------------------------------------------------------------

    สังเกตไ้ด้ว่า ท่านเขียนไว้ว่า กลางดงดิบ กาญจนบุรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ก็แสดงว่า นับตั้งแต่พรรษาที่ ๑๐ เป็นต้นมา (ท่านบวชพร้อมพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ : นับตามใบสุทธิ) ท่านก็ไม่ได้ขัดคำสั่งของพระอุปัชฌาย์ของท่านที่ให้ไปอยู่ป่าแต่อย่างใด

    เพราะฉะนั้น ที่มีบางท่านบอกว่า เมื่อเวลาผ่านไป มีความเจริญเข้าถึง ท่านก็น่าจะไปอยู่จำวัดที่วัดใดวัดหนึ่งนั้น ความจริงที่เห็นจากเอกสาร ก็คงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่า จริง ๆ แล้วเรื่องเป็นอย่างไร


    ดังนั้น เรื่องนี้ก็ควรจะสรุปจบกันได้เสียทีนะครับ ไม่ควรจะต้องมีความพยายามทำให้สับสนกันอีกต่อไป
    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2010
  16. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    ก็คงไม่ใช้หลงประดงประเด็นอะไรหรอกครับ หากจะหลงก็คงเป็นกระทู้หลงทาง
    ขอทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ก่อนนอนอย่าลืมขอขมาพระรัตนตรัย หวาดเสียววะ
     
  17. seahero

    seahero เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +602
    การเป่ายันต์เกราะเพชร ของหลวงปู่ช่อ
    พิธี เป่ายันต์เกราะเพชร ของหลวงปู่ช่อนั้น จะเป็นการเป่ายันต์เกราะเพชรแบบเต็มสูตรตามแบบ ของหลวงปู่ปาน ซึ่งจะต่างจากที่เราเห็นทั่วไป โดยหลวงปู่ช่อจะจัดขึ้นปีละครั้งตอนงานบุญประจำปีที่ วัด และจะจัดในวันอื่นเป็นคราวๆไป มีผู้ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ผู้ที่เข้าร่วมพิธีจะมีประสพการกันมากเรื่องการรู้สึกคันตามร่างกาย และผู้ที่มีครรภ์ที่ได้เข้าพิธีไปแล้วเมื่อคลอดออกมาแล้วปรากฎเป็นรอยยันต์ สีแดงบน กระหม่อมของบุตรให้เห็น คนอยู่ในเหตุการณ์รับรู้เรื่องนี้มากมาย

    หมายเหตุ:
    หลวง ปู่ช่อ เมื่อครั้งยังเป็นเด็กชายช่อ เมื่อท่านมายังวัดบางนมโคท่านมักจะมาเล่นกับเพื่อนกลุ่มเดียวกัน โดยมีคนหนึ่งนั้นชือ เด็กชายเวก (ต่อมาคือพระครูพิศาลวุฒิธรรม หรือพระมหาเวก วัดดาวดึงษาราม กรุงเทพฯ) โดยเด็กชายเวกเป็นน้องชายของมหาวีระ หรือหลวงปู่ฤาษีลิงดำ เด็กจากบ้านสาลีเหมือนกัน

    -------------------------------------------------
    ผมว่าไม่ใช่ครับ เพราะว่าตามแบบหลวงปู่ปานแท้ๆต้องเป่าเฉพาะในวันเสาร์ 5 เท่านั้นครับ วันอื่นนอกนี้ต่อให้เป็นวันฤกษ์ดีแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้ และการเป่าแต่ละครั้งผู้ที่เป่าไม่ใช่ผู้ทำพิธีแต่เป็นพระที่ท่านมาสงเคราะห์ เพราะฉนั้นการเป่าแต่ละครั้งก็ต้องขึ้นอยู่กับพระท่าน ส่วนเรื่องที่ว่าท่านเป็นเพื่อนกับหลวงตาหรือเปล่านั้นผมคิดว่าไม่ใช่แน่ๆ เพราะพึ่งอ่านเจอมาสดๆ จากข้อความนี้จากหนังสือธุดงค์ของหลวงตาครับ

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ตอนนั้นขอยอมรับว่า ไม่เข้าใจเรื่องนิพพานจริง ๆ แต่ 2 องค์นั่นเขาไม่มีอะไร ปั๊บเขาจับพระนิพพานเป็นอารมณ์ มันต่างกันตั้งเยอะ ทั้ง 2 องค์ท่านเก่งกว่าตั้งเยอะ ลิงขาวกับลิงเล็ก (แต่ลิงขาวตัวจริงนะ ไม่ใช่ลิงขาวปลอม ๆ ลิงขาวที่เป็นช่อดอกไม้นั่นไม่ใช่มันคนละตัว) ถ้าลิงขาวจริง ๆ ท่านเก่ง ท่านเป็นพระอริยเจ้า คือ อย่างที่ลุงวิบอกท่าน ท่านตัดสังโยชน์ 3 ได้แล้ว (ลิงขาว กับลิงเล็ก) นั่นหมายถึงเป็น พระโสดาบัน หรือสกิทาคามี ท่านบอกว่า ได้โสดาบันอย่างหยาบ ก็หมายถึง อย่างต้น ก็ยังดีกว่าเราเยอะ อาตมายังไม่ได้อะไรเลย อย่าลืมนะ อย่างนี้ยังอยู่ในขั้นเลวนะ ญาติโยมนะ ยังเลวอยู่ ยังมีนิวรณ์ 5 อยู่ แต่ว่าที่อยู่ได้เพราะอดกลั้น[/FONT]

    ถ้าอยากอ่านเต็มๆ ไปอ่านที่นี่ครับ >>> http://sites.google.com/site/sphrathewtheph/Home-26-3

    ส่วนหลวงปู่ช่อนั้นท่านจะเป็นพระดีหรือพระไม่ดีผมไม่ทราบและก็ไม่คิดอยากทราบเพราะดีก็เรื่องของท่านไม่ดีก็เรื่องของท่าน ส่วนข้อความที่เอามาอ้างนี้ไม่ได้มีเจตนาเพื่อต้องการกล่าวหาหรือหลบหลู่ท่านหลวงปู่ช่อแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการให้ท่านที่สงสัยได้ทราบทั่วกันเท่านั้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 มกราคม 2011
  18. chopper1972

    chopper1972 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +13,151
    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ตอนนั้นขอยอมรับว่า ไม่เข้าใจเรื่องนิพพานจริง ๆ แต่ 2 องค์นั่นเขาไม่มีอะไร ปั๊บเขาจับพระนิพพานเป็นอารมณ์ มันต่างกันตั้งเยอะ ทั้ง 2 องค์ท่านเก่งกว่าตั้งเยอะ ลิงขาวกับลิงเล็ก (แต่ลิงขาวตัวจริงนะ ไม่ใช่ลิงขาวปลอม ๆ ลิงขาวที่เป็นช่อดอกไม้นั่นไม่ใช่มันคนละตัว) ถ้าลิงขาวจริง ๆ ท่านเก่ง ท่านเป็นพระอริยเจ้า คือ อย่างที่ลุงวิบอกท่าน ท่านตัดสังโยชน์ 3 ได้แล้ว (ลิงขาว กับลิงเล็ก) นั่นหมายถึงเป็น พระโสดาบัน หรือสกิทาคามี ท่านบอกว่า ได้โสดาบันอย่างหยาบ ก็หมายถึง อย่างต้น ก็ยังดีกว่าเราเยอะ อาตมายังไม่ได้อะไรเลย อย่าลืมนะ อย่างนี้ยังอยู่ในขั้นเลวนะ ญาติโยมนะ ยังเลวอยู่ ยังมีนิวรณ์ 5 อยู่ แต่ว่าที่อยู่ได้เพราะอดกลั้น
    **
    เคยอ่านเจอเช่นกันครับ จากหนังสือหลวงพ่อธุดงค์(พระราชพรหมยาน) มิได้ปรามาสว่าหลวงพ่อช่อนะครับ เพียงแต่อยากจะกล่าวว่า"เป็นคนละองค์" ครับ
    [/FONT]
     
  19. Lukkrok

    Lukkrok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,123
    ขอบคุณทุกความเห็นตามข้อมูลที่แต่ละท่านมี แต่มีบางประเด็นที่จะขออธิบายเพิ่มเติม คาดว่ามีประโยชน์สำหรับทุกท่าน

    ประเด็นที่ 1. หลวงพ่อฤาษีลิงขาว(ช่อ) เป็นองค์เดียวกับที่บวชพร้อมกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(วีระ) หรือไม่?
    ตอบ ไม่ใช่ครับ ที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ก็บอกไว้แล้วแต่ขอสรุปอีกครั้งหนึ่ง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(วีระ) บวชพร้อมกับอีก 2 องค์ที่เป็นทหารเรือด้วยกัน บวชเมื่อพ.ศ.2480 แต่หลวงพ่อฤาษีลิงขาว(ช่อ) บวช พ.ศ. 2481 จึงไม่ใช่รูปเดียวกัน หลวงพ่อที่เป็นทหารเรือที่บวชพร้อมหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(วีระ) นั้นท่านออกป่าครับ

    ประเด็นที่ 2. หลวงพ่อฤาษีลิงขาว(ช่อ) เป็นเพื่อนกับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(วีระ) หรือไม่?
    ตอบ ไม่ใช่ครับ ที่เขียนไว้แล้วข้างบนบอกว่ารู้จักกัน ถ้าถามว่าเป็นเพื่อนหรือไม่ ผมว่าไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นมากกว่าเพื่อน
    คำถาม - ​​​ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะ เด็กชายช่อ เด็กชายวีระ และเด็กชายเวก ทั้งสามคนเป็นคนบ้านสาลี บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี โดยทั้งสามถูกเลี้ยงมาโดยแม่เล็ก ร่มวงษ์ มารดาของเด็กชายช่อ กินนมแม่เล็กมาด้วยกัน แล้วควรจะเรียกว่าอะไร


    คำถาม​​ - แล้วความหมายของข้อความจากหนังสือต่างๆทำไมจึงดูเหมือนไม่รู้จักกัน มีความหมายอะไร? เช่น

    จากหนังสือธุดงค์
    ... ตอนนั้นขอยอมรับว่า ไม่เข้าใจเรื่องนิพพานจริง ๆ แต่ 2 องค์นั่นเขาไม่มีอะไร ปั๊บเขาจับพระนิพพานเป็นอารมณ์ มันต่างกันตั้งเยอะ ทั้ง 2 องค์ท่านเก่งกว่าตั้งเยอะ ลิงขาวกับลิงเล็ก (แต่ลิงขาวตัวจริงนะ ไม่ใช่ลิงขาวปลอม ๆ ลิงขาวที่เป็นช่อดอกไม้นั่นไม่ใช่มันคนละตัว) ถ้าลิงขาวจริง ๆ ...

    จากหนังสืออ่านเล่น เล่มที่ ๒๑ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ
    ...งานวัดหนองกุย....
    ... การเป่ายันต์เกราะเพชรตั้ง ๓ องค์ นี่จะเป่ากันอย่างไร ฤาษีลิงขาวอยู่ข้างหน้า ฤาษีลิงดำรอง แล้วเณรเล็กรอง ถ้าว่ากันทางโลกแล้ว ทางอาวุโสก็ไม่ถูกต้อง อาตมามีอาวุโสมากกว่าฤาษีลิงขาว ฤาษีลิงขาวนี่ก็คนละฝูง ไม่ใช่ฝูงเดียวกัน ไม่รู้ว่าท่านเกิดมาจากป่าไหน แต่ลิงขาวที่เป็นเพื่อนอาตมานั่นยังอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ ยังอยู่ในป่า ไม่ได้ออกมา แต่ลิงขาวองค์ที่เป่ายันต์เกราะเพชรนี่คนละฝูง แต่ว่าขึ้นชื่อว่าความสามารถ บรรดาท่านพุทธบริษัทจะเหยียดหยามกันไม่ได้ และความสามารถของท่านอาจจะมี และ ก็ต้องมีด้วย ถ้าไม่มี ท่านก็ทำไม่ได้ ถือว่าในเมื่อไม่ใช่วันเสาร์ห้า อาตมาก็ต้องไม่ไปถ้าไปก็เสียแน่นอน...."

    ตอบ เวลาที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (วีระ) ท่านกล่าวทุกครั้งจะพูดถึง หลวงพ่อสามองค์ที่บวชพร้อมกันในปี พ.ศ. 2480 ที่เป็นทหารเรือด้วยกัน ดังนั้น
    "ลิงขาวตัวจริงนะ ไม่ใช่ลิงขาวปลอม ๆ ลิงขาวที่เป็นช่อดอกไม้นั่นไม่ใช่มันคนละตัว" หมายถึง หลวงพ่อช่อ ไม่ใช่ ลิงขาวที่บวชพร้อมกัน
    "ลิงคนละฝูง ไม่ใช่ฝูงเดียวกัน" หมายถึง บวชกันคนละกลุ่ม
    "ไม่รู้ว่าท่านเกิดจากป่าไหน" หมายถึง บวชคนละวัด เพราะ
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (วีระ) บวช ณ วัดบางนมโค พ.ศ. 2480 พระครูรัตนาภิรมย์ วัดบ้านแพน เป็นอุปัชฌาย์ หลวงพ่อปานกับหลวงพ่อเล็ก เกสโร วัดบางนมโค เป็นคู่สวด
    หลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ช่อ) บวช ณ วัดช่องลม พ.ศ. 2481 พระครูพิทักษ์ธรรมคุณ วัดช่องลม เป็นอุปัชฌาย์ หลวงพ่อปานกับหลวงพ่อเล็ก เกสโร วัดบางนมโค เป็นคู่สวด


    แล้วทำไมหลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ช่อ) เมื่ออายุครบเกณฑ์บวชจึงไปบวชที่วัดช่องลมทั้งๆที่อยู่กับหลวงปู่ปานตั้งแต่เด็กที่วัดโดยอยู่ในความดูแลของหลวงพ่อเล็กโดยท่านขอแม่เล็กให้มาอยู่ที่วัด ก็เพราะขณะนั้นหลวงปู่ปานได้มาเป็นประธานการสร้างอุโบสถ วัดสาลี และ ศาลาการเปรียญ วัดช่องลม จ.สุพรรณบุรี จึงให้มาบวชที่วัดช่องลมโดยหลวงปู่ปานได้รับเป็นธุระเรื่องบวชให้ทั้งหมด

    คำถาม​​ - แล้วทำไม่มีลิงขาวมากกว่าหนึ่ง?
    ตอบ เด็กๆมักจะซนหลวงปู่ปานจึงมักเรียกเด็กๆว่าไอ้ลิง และเติมลักษณะของเด็กเข้าไปเช่น ผิวขาวเรียก ไอ้ลิงขาว ตัวเล็กเรียกไอ้ลิงเล็ก ส่วนเด็กผู้หญิงท่านเรียก อีหมา ดังนั้นเราจะได้ยิน ลิงเล็ก ลิงดำ ลิงขาว ลิงเตี้ยเป็นต้น ดังนั้นลิงดำมีมากกว่าหนึ่ง ลิงขาวมีมากกว่าหนึ่ง

    คำถาม​​ - แล้วหลวงพ่อฤาษลิงดำ (วีระ) ท่านยอมรับหลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ช่อ) หรือไม่?
    ตอบ ยอมรับ เพราะจากข้อความข้างบน "แต่ว่าขึ้นชื่อว่าความสามารถ บรรดาท่านพุทธบริษัทจะเหยียดหยามกันไม่ได้ และความสามารถของท่านอาจจะมี และ ก็ต้องมีด้วย ถ้าไม่มี ท่านก็ทำไม่ได้ "
    และที่สำคัญคือ เกจิเมืองสุพรรณฯ พระครูป่วน วัดหนองบัวทอง จ.สุพรรณบุรี นิมนต์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (วีระ) ไปทำการเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดท่านรับนิมนต์แล้ว แต่เมื่อถึงวันงานท่านอาพาธเข้าโรงพยาบาล จึงได้เขียนจดหมายให้พระครูป่วน ถือไปให้ หลวงพ่อฤาษีลิงขาว (ช่อ) เมื่อนำไปให้หลวงพ่อช่อก็เฉยๆ ไม่ว่าอะไรแต่ก็ไม่ไป ไปนิมนต์หลายครั้งก็ยังเฉย จนเมื่อค่ำแล้วจะถึงเวลาเป่าแล้วท่านก็เดินทางไปเป่าทันเวลา วัดไม่เสียคำพูดว่าจะมีพิธีขึ้น ข้อความในจดหมายก็คือ


    ถึงพระครูปลัดช่อ (ฤาษีลิงขาว)
    ...... ใจความโดยสรุปว่า ได้รับนิมนต์แต่ไม่สามารถไปได้เนื่องจากอาพาธขอให้ไปสงเคราะห์แทน
    ลงชื่อ พระราชพรหมญาณ


    ถ้าไม่รู้จัก...ถ้าไม่ยอมรับว่าเป็นฤาษีลิงขาว...ถ้าไม่ยอมรับในความสามารถ คงจะไม่เขียนจดหมายให้พระครูป่วน ถือไปหาหลวงพ่อช่อเพื่อนิมนต์ไปเป่ายันต์แทนท่าน

    ปัจจุบัน พระครูป่วน คือ พระครูธรรมสารรักษา เจ้าคณะอำเภอด่านช้าง เจ้าอาวาสวัดบรรหารแจ่มใส จ.สุพรรณบุรี

    คำถาม​​ - ทำไมจึงดูเหมือนทั้งคู่หมางเมิน ห่างเหิน เหมือนกับว่าไม่รู้จักกัน
    ตอบ มีสาเหตุอยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องของท่านทั้งสองซึ่งถือว่าเป็นเรื่องในครอบครัว ไม่ควรนำมาเล่า ถ้าถามหลวงปุ่ช่อ ท่านจะเฉยแต่จะรู้ได้จากคนรอบข้างเช่น พระมหาเวก วัดดาวดึงฯ (น้องชายหลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พระครูวิจิตรสาธุวัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ พระนักเทศน์ชื่อดังซึ่งเป็นเพื่อนเทศน์กันมากับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (วีระ) เมื่อครั้งยังเป็นมหาวีระและเป็นเพื่อนกับพระมหาเวก จากครอบครัวท่าน หรือบุคคลต่าๆที่อยู่ร่วมสมัย ฯลฯ แต่สุดท้ายเมื่อเขียนจดหมายให้ไปเป่ายันต์เกราะเพชรแทน หลวงปู่ช่อดูเฉยๆไม่พูด เหมือนจะไม่ไป แต่สุดท้ายท่านก็ไปเป่าแทนให้ ผมว่าลึกๆในใจทั้งสองท่านคือพี่น้องกันแต่มีเหตุบางอย่างเท่านั้น เราอย่าไปรู้เลยแค่เข้าใจก็พอ

    คำถาม​​ - การเป่าแต่ละครั้งผู้ที่เป่าไม่ใช่ผู้ทำพิธีแต่เป็นพระที่ท่านมาสงเคราะห์?
    ตอบ ก็เพราะผู้ที่เป่ายันต์เกราะเพชรได้มีอยู่ไม่กี่คนโดยมากวัดต่างๆก็นิมนต์ให้องค์ที่เป่าได้ไปสงเคราะห์(เป่า)ที่วัดนั้น หลวงปู่ปานก็จัดงานที่วัดบางนมโค ลูกศิษย์ที่เป่ายันต์ได้ก็เป่าที่วัดตัวเองทั้งนั้น

    เรื่องราวในอดีตยังมีอีกเยอะครับที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ผู้รู้ก็ไม่ค่อยบอก หนังสือเพียงอย่างเดียวไม่สามารถบอกเรื่องราวต่างๆได้หมดหรอกครับ เรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อปานกับลูกศิษย์ท่านองค์ต่างๆ คนอยุธยา กับ สุพรรณบุรี จะรู้ดี โดยเฉพาะที่อายุมากหน่อย ลองหาข้อมูลดูครับ

    ส่วนเรืองเป่าเสาร์ ๕ หรือ เป่าเต็มสูตรตามหลวงปู่ปานนั้นมีคำตอบ ไว้จะมาแชร์ข้อมูลครับเรื่องมันยาว
     
  20. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    นับถือ นับถือ สรุปที่ชัดเจนเข้าใจ มีเหตุมีผล บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น win-win ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...