บทสนทนานี้ ผมเขียนขึ้นเพื่อให้กำลังใจกับน้องผู้หญิงคนหนึ่ง รู้จักกันทาง msn เธอทุกข์ใจเพราะความรัก ผมจึงแต่งเป็นบทสนทนาแล้วส่งไปให้เธอ เลยอยากเอามาให้อ่านกันด้วยครับ .................................................. ผึ้ง : พี่คะ ตอนนี้ผึ้งทุกข์ใจมากคะ รักไร้พ่าย : ลองเล่ามาซิว่า ทุกข์ใจเรื่องไร ผึ้ง : ผึ้งเพิ่งเลิกกับแฟนเพราะเราไปกันไม่ได้ ผึ้งทนถึงที่สุดแล้ว เราทะเลาะกันประจำ ผึ้งคิดว่าทางนี้เป็นทางที่ดีที่สุด ผึ้งอยากมีความรักที่สดใส มีความรักที่สมหวัง เป็นแบบที่คนอื่นเขามีความรักแท้ต่อกัน รักไร้พ่าย : เมื่อเธอพลาดรักครั้งนี้ไป แล้วอีกไม่นานก็อาจเจอรักใหม่อีก ก็ได้นะ ผึ้ง : อยากให้เป็นอย่างงั้น รักไร้พ่าย : หากพบรักครั้งใหม่แล้วต้องเป็นแบบนี้อีกหละ เธอจะทำบยังไง ผึ้ง : ฮือๆ ๆ ผึ้งคงต้องเศร้าใจแบบนี้อีกซิคะ รักไร้พ่าย : ที่เธอทุกข์ใจเพราะเธอยังไม่เข้าใจตัวเอง จึงหาชีวิตของตัวเองที่แท้จริงไม่เจอ ผึ้ง : ผึ้งเข้าใจตัวเองดีคะ ผึ้งรู้ว่า ผึ้งต้องการอะไร รักไร้พ่าย : แล้วเธอต้องกาอะไร ผึ้ง : ก็ต้องการความสำเร็จ อยากรวย อยากมีแฟนที่ดีและเข้าใจผึ้ง และอยากมีอนาคตที่มั่นคง ไม่ต้องลำบาก นี่แหละจุดยืนผึ้ง รักไร้พ่าย : นั่นไม่ใช่ชีวิตที่แท้จริง แต่เป็นเป้าหมายชีวิตของคนที่ ยังขาดความเข้าใจชีวิตดีพอ ผึ้ง : อ้าว แล้วคนอื่นๆที่เขาอยากรวย อยากมีแฟนดี คนแบบนี้มีเยอะแยะ เรียกว่า คนทั้งโลกก็อยากได้แบบนี้ แสดงว่าเขายังขาดความเข้าใจชีวิตนะซิคะ รักไร้พ่าย : ถูกต้อง เพราะถ้าหากคนเหล่านั้น รวมถึงเธอด้วยเข้าใจชีวิตดีพอ แล้วทำไมเธอต้องมาทุกข์ใจเพราะความรักด้วย แล้วต้องมาร้องห่มร้องไห้ด้วย ผึ้ง : เอ่อ คือ... รักไร้พ่าย : เธอตอบหน่อยซิว่า เธอเลือกที่จะมีความทุกข์หรือเปล่า ผึ้ง : เปล่าคะ รักไร้พ่าย : แล้วทำไมเธอจึงทุกข์ ผึ้ง : เอ่อ คือ..... รักไร้พ่าย : ถ้าเธอเข้าใจชีวิตดีพอ แล้วเธอจะไปทุกข์ กับสิ่งที่เธอไม่ได้เชื้อเชิญมาได้อย่างไรกัน ผึ้ง : ค่ะ รักไร้พ่าย : เพราะฉะนั้น ต้องมารู้จักกับชีวิตกันก่อน เพราะเธอคือชีวิต คนทั้งหลายในโลกก็คือชีวิต แต่คนส่วนใหญ่ในโลกมีชีวิตที่ไม่เข้าใจชีวิต เขาจึงใช้ชีวิตเพียงเพื่อหา ความสุขให้ตัวเองแบบหลับหูหลับตา เป็นความสุขที่มืดมน ความสุข ที่คนชอบ คือ การมีเงินมากๆ มากมีคนรักที่เข้าใจกัน การมีอายุยืน การมีสุขภาพดี การมีรูปร่างหน้าตาดี การเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง การมีอิสระไม่อยู่ใต้กรอบกฎเกณฑ์ของใคร อยากไปไหนก็ได้ อยากทำอะไรก็ได้ บอกหน่อยซิว่า มีกี่คนที่สามารถมีได้ครบถ้วนตามที่บอกมา ผึ้ง : ก็คงน้อยมาก มั๊งคะ รักไร้พ่าย : บางคนฐานะยากจน แต่มีสุขภาพดี บางคนสุขภาพไม่ดี แต่ร่ำรวย บางคนสวยแต่ผิดหวังเพราะรัก เธอเคยห็นใครมั่งไหมที่พร้อมหมดทุกอย่าง ทั้งเก่ง ทั้งสวย ทั้งรวย และ สมหวังในความรัก แม้จะมีคนเหล่านี้อยู่จริง แต่ความสวย ของเขาอยู่ได้ นานไปตลอดชีวิตไหมหละ ความรวยของเขามั่นคงได้นานแค่ไหน ดังนั้นขั้นแรกของการเข้าใจชีวิตคือ ทุกคนไม่มีใครดีพร้อมหมดไปทุกอย่าง เพระอะไรหรือ ก็เพราะนี่คือชีวิตไง เป็นเรื่องปรกติของทุกชีวิตที่มีความสมบูรณ์อย่างหนึ่ง แต่ต้องบกพร่องอย่างหนึ่ง พวกเขาจึงใช้เวลาทั้งหมดของชีวิตไปกับการค้นหา หรือตามหาอะไร สักอย่างเพื่อมาทำให้ชีวิตมีความสุข แล้วเธอหละ ดูสิ เธอสวยปานนี้ ขณะที่บางคนขี้เหร่ เธอก็เกิดมามีความเป็นอยู่ที่ดี แต่บางคนต้องเร่ขายพวงมาลัยข้างถนน เธอได้เรียนจบมหาลัย ขณะที่บางคนจบแค่ ป 4 เธอฝันอยากจะมีรถขับ แต่บางคนฝันว่าอยากได้นั่ง รถเมลล์ปรับอากาศสักครั้งในชีวิต ถ้าเธอมองชีวิตแบบต้องการเข้าใจชีวิตพื่อดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เธอต้องเข้าใจชีวิต ผึ้ง : แบบไหนคะ รักไร้พ่าย : แบบที่ไม่ใช่เธอเข้าใจอย่างที่เป็นอยู่นี้ เมื่อเข้าใจชีวิตแล้ว ต่อไปก็ต้องรู้ว่า เป้าหมายชีวิตคืออะไร ผึ้ง : แน่นอน เลย เป้าหมายชีวิตคือการได้รับความสุข ใช่ไหมคะ รักไร้พ่าย : ใช่ เพื่อความสุข เพราะไม่มีใครหรอกที่อยากได้ความทุกข์ เธออยากได้เงินมากๆ ได้แฟนดี ได้งานดี เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะเธออยากได้สิ่งเหล่านี้หรอก แต่เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถทำ ให้เธอเกิดความสุขได้ ที่เธอต้องการจริงๆคือความสุข ใช่ไหม ผึ้ง : ใช่คะ รักไร้พ่าย : ถ้าเธอมีเงิน แล้วไม่มีความสุข เธอจะต้องการไหม เธอมีเงินพันล้าน แต่ต้องอยู่เกาะคนเดียว หรือมีเพชร เป็นลังๆ แต่ต้องอยู่ในเมืองร้างคนเดียว เธอเอาไหม ผึ้ง : ไม่เอาหรอกคะ เหงาแย่เลย รักไร้พ่าย : ก็ไหนบอกว่าเป้าหมายชีวิตคือการต้องการเงินเยอะๆไง ผึ้ง : ก็....... แหม รักไร้พ่าย : ถ้าเธอได้อยู่กับแฟน แต่ไม่มีความสุข เธอจะต้องการแฟนนั่นอยู่หรือไม่ ดังนั้นคนทุกคนที่ต้องการความสุข การอยากได้ความสุขไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ที่ผิดเพราะ เกิดจากการการทำตัวไม่สอดคล้องกับปัจจัยที่จะให้ความสุขต่างหาก ผึ้ง : ยังไงหรอคะ รักไร้พ่าย : พูดในแง่สัจธรรม หรือความจริงของทุกสรรพสิ่ง โลกนี้ หรือ ชีวิตคน และสิ่งทั้งหลาย เกิดมาจาก เหตุและผล ผลป็นอย่างไร ก็มาจากเหตุอย่างนั้น เช่น ต้นมะม่วง เกิดจาก ผลมะม่วง มะม่วงคือ ผล และการปลูกเม็ดมะม่วง คือเหตุ ทุกอย่างเกิดจากเหตุและผล นี่คือกฎแห่งธรรมชาติ หรือ สัจธรรม นั่นเอง สัจจะ คือ ความจริง ธรรมะ คือ ธรรมชาติ ความเป็นไปของชีวิต คือ ความเป็นไปของธรรมชาติ หากเราสร้างเหตุ อย่างไร เราต้องได้รับผลอย่างงั้น หรือเรียกว่ากฎแห่งกรรมนั่นเอง คนที่เขาเกิดมามีเงินทองมากมาย หรือ สร้างฐานะจนร่ำรวยได้ นั่นเป็นผล แล้วเหตุ หละ เขาทำอะไร หรือเขาปลูกอะไร เขาจึงได้รับผลเป็นคนรวย เพราะเขาให้เงินคนอื่น บริจาคเงิน ให้แก่คนหรือองค์กรต่างๆ อาจเป็นในอดีต หรือในอดีตชาติที่ผ่านมา และประกอบกับปัจจุบันเขา ขยันทำงาน ซื้อสัตย์ ประหยัด อดทน รู้จักใช้เงิน รู้คุณค่าของเงิน ชาตินี้เขาจึงทำมาค้าขึ้น จึงเป็นคนรวยได้ ผึ้ง : แล้วคนที่ประสบความสำเร็จในความรักหละคะ เขาทำกรรมอะไร มาจึงสมหวังในความรัก รักไร้พ่าย : เพราะเขามองเห็นคุณค่าของความรักนะสิ ผึ้ง : ยังไงเหรอคะ รักไร้พ่าย : คนที่มีรักที่หวานชื่นและอยู่ดัวยกันอย่างปรองดองไม่ระหองระแหงกัน เพราะเขามองความรักเป็นการเอื้ออาทรต่อกัน ปารถนาดีต่อกัน และซื่อสัตย์ต่อคนรัก นั่นคือเหตุ เมื่อสร้างเหตุ อย่างไรผลต้องเป็นตามนั้น คนที่มองคนรักเพราะว่าอยากมีคนรักเพื่อเติมเต็มความเหงาในใจ หรือเพื่อต้องการประโยชน์จากเขา เช่น เราอยากมีแฟนรวย เพราะเราจะได้สุขสบาย ไม่ลำบาก อยากมีคนรักเพราะไม่อยากเหงา แต่ไม่มองคนรักเพื่อมอบความเมตตา ความจริงใจ ความซื่อสัตย์ต่อเขา เพื่อหวังสิ่งดีที่จะเกิดร่วมกัน คนทีผิดหวังในความรักมักเฝ้ารอแต่ว่า คนรักเราจะตอบสนองให้เราอย่างไร จึงจะให้เราพบความสุขได้ เช่น เขาต้องเอาใจเรา ต้องแคร์เรา ต้องง้อเรา ต้องทำตามที่เราต้องการ แต่เมื่อเขาทำไม่ได้ เราจึงเป็นทุกข์และผิดหวัง นี่จึงเป็นเหตุให้คนที่เจ้าชู้ หรือคนที่มองความรักเป็นแค่สิ่งสนองความต้องการของเรา ส่วนใหญ่จึงผิดหวังในรักแท้ มีแต่รักปลอมๆหลอกๆให้กระชุ่มกระชวยเพียงชั่วครู่ แล้วเลิกกันไป ทิ้งไว้แต่ความเจ็บปวด แล้วไปเสาะหารักใหม่ แต่ยังมีทัศนคติและ มุมมองชีวิตแบบเดิมๆ ผลก็ย่อมออกมาเหมือนเดิม ผึ้ง : นั่นแสดงว่าคนที่ เปลี่ยนรักใหม่ แต่มีมุมมองเดิมๆที่ผิดพลาดในเรื่องความรัก จะมีผลแบบเดิมๆ คือผิดหวังซ้ำซ้อน ใช่ไหมคะ รักไร้พ่าย : เธอก็เข้าใจแล้วนี่ ผึ้ง : นั่นแสดงว่า ผึ้งก็เป็นคนไม่ดี ทำไม่ดีเรื่องความรักมา อาจเคยเจ้าชู้ ไม่จริงใจกับคนรัก ไม่เห็นคุณค่าของความรัก จึงมีผลให้ต้องเจ็บปวดเรื่องความรัก เจอคนรักที่ไม่เข้าใจกัน ใช่ไหมคะ รักไร้พ่าย : เธออย่าไปโทษตัวเองเลย เธอคิดว่าเธอเป็นคนเดียวในโลกที่เป็นเช่นนี้หรือ ผึ้ง : ไม่คะ รักไร้พ่าย : คนเกือบทั้งโลกที่เคยมีรัก มักผ่านประสบการณ์แบบนี้มาแล้วทั้งนั้น เพราะนี่คือการเดินทางชีวิต ที่ต้องเรียนรู้ ผ่านประสบกาณ์ผิดๆถูกๆ เพราะเขายังไม่เข้าใจชีวิตที่ดีพอหากเธอปรับเปลี่ยนมุมมองชีวิตจากภายในตัวเธอได้ โดยการเริ่มหันมาเข้าใจชีวิต แล้วชะตาชีวิตเธอจะเปลี่ยนทันที ผึ้ง : แล้วเข้าใจจากไหนคะ รักไร้พ่าย : ก็จากประสบการณ์ของเธอไงหละ จากความทุกข์ที่เกิดจากความรัก แล้วสาวลงไปหาเหตุแห่งทุกข์นั้น เพราะธรมชาติมอบความทุกข์ให้คนเพราะต้อง การบอกให้คนได้เดินทางที่ถูก เพราะคนที่ทุกข์เรื่องใด ย่อมเดินทางผิดหรือสร้างเหตุผิดๆที่เกิดจากมุมมองชีวิตที่คลุมเครือในเรื่องนั้น ผึ้ง : เหรอ คะ รักไร้พ่าย : พี่ไม่ได้ต่อว่า หรือซ้ำเต็มเธอนะ พี่รู้ว่าเธอทุกข์ใจ และต้องการการปลอบโยน แต่พี่อยากให้เธอเข้าใจต้นตอของความทุกข์ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ทุกข์อีกต่อไปเมื่อเจอรักครั้งใหม่ ผึ้ง : ค่ะ รักไร้พ่าย : ตราบใดที่คนเรายังไม่เข้าใจชีวิตดีพอ เขาจะพบความสุขที่แท้ไม่ได้เลย เขาหรือเธอจึงเสาะหาความสุขผ่านปัจจัยภายนอก เช่น จากรูปลักษณ์ตนเอง หรือคนอื่น จากฐานะทางสังคม จากเกียรติยศชื่อเสียง สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่เราคุมไม่ได้ เพราะโลกนี้ล้วนอนิจจัง คือทุกอย่างอยู่ใต้กฎแห่งการเปลี่ยนแปลง ไม่คงที่ นี่คือกฎแห่งธรรมชาติ เราสวย เราหล่อวันนี้ อีกไม่กี่ปีก็ หมดสวยหมดหล่อ แล้ว เรารวยวันนี้ อาจจนในวันพรุ่งนี้ก็ได้ รักในวันนี้อาจกลายเป็นแค้นในวันหน้า ผึ้ง : แล้วจะทำอย่าไรดีดะ รักไร้พ่าย : อย่าเริ่มต้นด้วยการทำ แตให้เริ่มด้วยการเข้าใจก่อน หากเธอเริ่มต้นด้วยการรู้จักตัวเอง แล้วเข้าใจตัวเองดีพอ เธอจะไม่ยึดมั่นกับปัจจัยภายนอกอีกเลย ผึ้ง : หมายความว่า ผึ้งต้องเข้าวัด ปฎิบัติธรรม ปลงทุกอย่าง ละจากทางโลก ไม่สนใจ ความรัก หรือเงินทอง หรือคะ รักไร้พ่าย : ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก การเข้าใจชีวิต ก็คือการเข้าใจธรรมะนั่นเอง เพราะธรรมะ สอนให้เช้าใจชีวิต แต่ชีวิตเธออยู่ไหนหละ ก็อยู่ที่การทำงาน หาความสุข หาเงิน หาแฟนดีๆ ชีวิตอยู่ที่ไหน ธรรมะก็อยุ่ที่นั้นแหละ ไม่ใช่ให้หนีชีวิตโดยไปสร้าง รูปแบบชิวิตใหม่ที่ต่างไปจากเดิม เพื่อจะเข้าใจธรรม หรือเข้าใจชีวิต ไม่ใช่ไปอยู่ตามป่า แล้วละเลิกทุกอย่าง หรือไปอยู่ในกรอบ ที่ตัดขาดจากชีวิตที่เธอคุ้นเคย ผึ้ง : คะ รักไร้พ่าย : การเข้าใจชีวิต คือมองเข้าไปข้างในใจ และพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นที่มีผลให้เราทุกข์จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา เพื่อจะให้รู้เท่าทันกลไกลที่ทำให้เราสุข และทุกข์ในชีวิต ต้นเหตุของความทุกข์เกิดจาก การไม่รู้ชีวิตและยึดมั่นถือมั่น ในปัจจัยภายนอก การรู้จักชีวิตไม่ใช่การเลิกทำงานหา เงิน หรือเลิกกับคนรัก เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นของกลางๆไม่สุข ไม่ทุกข์ด้วยตัวมันเองหรอก แต่ใจเราต่างหากที่ทำให้เกิดสุขและทุกข์จากมุมมองที่มีต่อสิ่งเหล่านี้ ปัจจัยภายนอกเป็นแค่เครื่องล่อ หรือบททดสอบใจเราต่างหาก ว่ารู้จักชีวิตแค่ไหน หากยังไม่รู้จักชีวิตดีพอ ก็จะยึดมั่น กับปัจจัยเหล่านั้นว่าต้องเป็นอย่างงี้ อย่างงั้น หากไม่เป็นไปตามที่เราอยาก หรือที่เรายึด เราก็ทุกข์ หากเป็นไปตามนั้นเราก็สุข นั่นแสดงว่า หากเธอเสาะหารักใหม่เพื่อกลบรอยรักเดิม แต่ยังไม่เข้าใจต้นเหตุที่แท้จริง เธอก็อาจกลับมาทุกข์ใหม่ได้ ผึ้ง : ใช่คะ รักไร้พ่าย : สุขและทุกข์ในใจเราจึงแปรเปลี่ยนไปๆมาๆ เพราะ ด้วยความไม่เข้าใจชีวิตดีพอ สุขและทุกข์เราจึงแขวนไว้กับปัจจัยภายนอกเหล่านี้ หากเธอเข้าใจความแปรปรวนของชีวิตที่ไม่เที่ยงแน่นอน มีสุข แล้วก็มีทุกข์ เหมือนมีกลางวันแล้วก็กลับเป็นกลางคืน แล้วเปลี่ยนเป็นกลางวันใหม่ อาหารที่เรากินเข้าไปที่แสนอร่อย แล้วเปลี่ยนเป็นอึ ที่แสนจะเหม็นในเวลาต่อมา เพราะทุกอย่างที่เราเห็นว่าดีในเวลาหนึ่ง อาจเปลี่ยนเป็นไม่ดีอีกในเวลาต่อมาได้ ผึ้ง : รักที่เคยหวานชื่น กลับกลายเป็นรักที่ขมขื่นในเวลาต่อมา รักไร้พ่าย : นั่นคือความเปลี่ยนแปลง แปรปรวนของชีวิต ด้วยความไม่เข้าใจชีวิต เมื่อเรามีรักแล้ว อยากจะให้เป็นไปตามที่เราอยาก เราจึงบังคับ คนรักให้เป็นไปตามที่เราต้องการ และคนรักเราก็ทำเช่นกัน แต่ไม่มีใครควบคุมใครได้นาน เพราะเขาหรือเราล้วนเป็นปัจจัยภายนอกของกันและกัน เราไม่อาจไปเปลี่ยนปัจจัยภายนอกได้ ผึ้ง : แล้วจะทำอย่างไรละคะ รักไร้พ่าย : สิ่งที่เราทำได้คือเข้าไปเปลี่ยนปัจจัยภายในของเรา คือการยอมรับในสิ่งที่เป็นไป ไม่ไปยึด หรือต่อต้าน หรือบังคับใดๆอีก หากขืนไปบังคับ ทุกข์ก็เกิดอีก นี่คือสาเหตุว่าทำไม่เราต้องเข้าใจชีวิตให้ดีพอ ผึ้ง : เพื่อที่จะไม่เป็นทุกข์ไงคะ รักไร้พ่าย : ถูกต้อง ผึ้ง :แต่ทุกข์ที่กำลังเกิดอยู่ในใจผึ้งนี่หละคะ มันเหมือนไฟสุมทรวง มันอึดอัดอยู่ จะขจัดให้ออกไปได้ยังไงคะ บางทีผึ้งก็ข่มตัวเองไม่ให้คิดถึงมัน แต่มันก็คิดขึ้นมาเอง แล้วก็ทุกข์คะ รักไร้พ่าย : เธอไม่อาจขจัดทุกข์ในใจได้ด้วยการข่ม หรือฝืนมัน เธอจะขจัดทุกข์ได้ด้วยการเข้าใจ อย่างที่ได้บอกมาแต่ต้นแล้ว หากเธอยังไม่เข้าใจ ขอให้ปล่อยให้มันดำเนินไป เพียงแค่เฝ้าดูมัน เหมือนดูดวงจันทร์ ที่เด่นดวงกลางนภา แล้วไม่ช้านาน ก็ลับฟ้าไปเปลี่ยนเป็นกลางวัน เธอเห็นกลางคืนเปลี่ยนเป็นกลางวันอย่างไร ก็เห็นทุกข์ในใจแปรเปลี่ยนไปได้อย่างงั้น ผึ้ง : ฟังดูเหมือนง่าย แต่ก็ทำยากนี่คะ รักไร้พ่าย : ที่ผ่านมาในชีวิต เธอเคยทุกข์ใจอะไรมากๆไหม ผึ้ง :เคยคะ รักไร้พ่าย : เคยทุกข์เพราะสอบไม่ผ่าน หรือสอบเข้าไม่ได้ไหม ผึ้ง :เคยคะ รักไร้พ่าย : แล้วเธอผ่านมาได้ยังไง ผึ้ง : เอ่อ .... นั่นสิคะ รักไร้พ่าย : เธอไม่ต้องไปหาทางที่จะขจัดทุกข์ด้วยวิธีการต่างๆ หากเธอยังไม่เข้าใจชีวิตดีพอ ไม่มีทางเลย ขอถามหน่อยว่า ในห้องนอนของเธอที่มืดมิด เธอจะขจัดความมืดในห้องได้อย่างไร ผึ้ง :ก็เปิดไฟในห้อง รักไร้พ่าย : ฉลาดดีนี่ เธอขจัดความืดด้วยวิธีการที่ตรงข้ามกับความมืด นั่นคือการให้แสงสว่างไปยังความมืดแล้วความมืดจะหายไปเอง เธอไม่ต้องหาวิธีการต่างๆสารพัดเพื่อขจัดความมืดหรอก เหมือนที่เธอจะขจัดทุกข์ที่เกิดจากความรักด้วยการกล่าวโทษเขา หรือโจมตี หรือประชดเขาด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อเธอจะได้รู้สึกดี และเป็นฝ่ายถุก เพราะวิธีนี้เป็นวิธีที่เพิ่มทุกข์ไปอีกเมื่อเธอไปเจอรักใหม่ แล้วเธอจะใช้วิธีการเดิมๆแบบนี้กับเขา ความทุกข์นั้น เกิดจากความไม่เข้าใจชีวิต การไม่เข้าใจชีวิตคือต้นตอของความทุกข์ เมื่อขจัดที่ต้นเหคุ คือ ทำในวิถีทางที่ตรงข้ามกับมัน คือการเข้าใจชีวิตนั่นเองแล้วทุกข์ก็จะหายไป ผึ้ง : โอ ผึ้งเริ่มเข้าใจแล้วคะ รักไร้พ่าย : จงจำไว้ว่า เมื่อทุกข์เกิดขึ้น หากเธอยังไม่เข้าใจในตัวทุกข์ หรือเข้าใจชีวิตแล้ว ทุกข์ย่อมยังคงอยู่ แต่มันมีระยะวลา หรืออายุขัยของมัน เมื่อมันหมดปัจจัยที่ทำให้มันส่งผล มันก็จะดับไปเองได้ การเข้าใจเช่นนี้แหละคือแสงสว่างที่เข้าใจชีวิตได้ในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าเธอจะทุกข์ เพราะเงิน เพราะงาน เพราะรัก หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงปัจจัยภายนอกเท่านั้น หากเข้าไปดูที่ต้นตอของมัน แล้วทุกอย่างจะคลี่คลายได้
ขออนุโมทนาด้วยค่ะ และขอขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆนี้ด้วยค่ะ เหมือนได้พบแสงสว่าง เพราะกำลังมีทุกข์เพราะรักอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ เพราะรู้สึกว่ามันเริ่มหนักก็เลย เริ่มที่จะปล่อยวาง และหันมาทำความเข้าใจกับตัวเองใหม่ว่าแท้จริงแล้วเราต้องการอะไรกันแน่ ตอนนี้ก็มีความสุขขึ้น ด้วยการไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เรารัก ยิ่งพอได้มาอ่านข้อความที่คุณ รักไร้พ่าย เขียนขึ้นมา ยิ่งรู้สึกว่า ใช่แล้ว เรามาถูกทางแล้ว ไม่หลงทางแน่นอนล่ะทีนี้ เพราะเจอป้ายบอกทางแล้วว่า จุดหมายที่เรากำลังจะไป อยู่ไม่ไกลนี่เอง ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
การออกเรือน คือ ทุกข์ แต่ถ้าต้องออกเรือนแล้ว ก็ต้องเข้าใจว่า ทุกอย่าง คือ การทดสอบกำลังใจของเรา โมทนาครับ