ภาพบรรยากาศประชาชนแห่กราบหลวงพ่อโสธร ณ.ท้องสนามหลวง

พิธีอัญเชิญหลวงพ่อโสธรองค์จำลองขนาดหน้าตัก 108 นิ้ว จาก จ.ฉะเชิงเทรา ล่องผ่านแม่น้ำบางปะกงและแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อมาประดิษฐานบริเวณท้องสนามหลวง ให้พุทธศาสนิกชนได้มาเคารพสักการะและเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ระหว่างวันที่ 27 ม.ค.-5 ก.พ. นี้

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. หลังจากที่ขบวนแห่หลวงพ่อโสธรองค์จำลองได้มาหยุดที่ท่าน้ำหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ได้มีประชาชนที่ทราบข่าวมาร่วมกราบไหว้สักการะและบริจาคเงินกันเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งในเวลา 11.09 น. ขบวนได้เคลื่อนออกจากท่าน้ำไปยังท่าราชวงศ์ กรุงเทพฯต่อไป ท่ามกลางเสียงประทัดดังลั่นกว่าหมื่นนัด

ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่ท่าน้ำราชวงศ์ ขบวนแห่หลวงพ่อโสธรจำลอง ได้เคลื่อนมาที่บริเวณท่าน้ำแต่ไม่สามารถเข้าเทียบได้เนื่องจากมีการจราจรทางน้ำค่อนข้างหนาแน่น ทางผู้จัดขบวนแห่จึงได้เคลื่อนไปรอที่บริเวณท่าน้ำหวังหลี ใ กล้วัดทองธรรมชาติ ถนนเชียงใหม่ แขวงและเขตคลองสาน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับท่าน้ำราชวงศ์ อย่างไรก็ตามได้มีพุทธศาสนิกชนที่ทราบข่าวการมาของขบวนแห่ ได้มาขอกราบไหว้สักการะองค์พระกันเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องนำไม้กระดานมาเป็นสะพานเชื่อมระหว่างท่าน้ำกับขบวนแห่ให้คนเดินข้ามไปกราบไหว้ ทั้งนี้ขบวนแห่ได้เคลื่อนเข้าไปเทียบที่ท่าน้ำราชวงศ์ในเวลา 20.00 น. เพื่อให้พุทธศาสนิก ชนได้กราบไหว้บูชาต่อไป

หลวงพ่อโสธรจำลองจะถูกอัญเชิญมาตั้งประดิษฐสถานที่สนามหลวงในวันที่ 27 ม.ค.-5 ก.พ.นี้ หลังจากนั้นจะมีคณะสงฆ์มาประกอบพิธีกรรมปลุกเสกและทำการเบิกเนตร จนกระทั่งในวันที่ 6 ก.พ. จะอัญเชิญหลวงพ่อโสธรจำลองไปตั้งประดิษฐานที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เขตวังน้อย จ.พระนคร ศรีอยุธยา.

ปล.ข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

........................................
ประวัติหลวงพ่อพระพุทธโสธร

​

พระพุทธโสธร หรือเรียกกันสามัญทั่วไปว่า "หลวงพ่อโสธร"เป็นพระทรงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์เป็นมิ่งขวัญของชาวแปดริ้วและเป็นที่รู้จักเคารพบชูาของ ประชาชนทั่วประเทศ หลวงพ่อโสธร เป็นพระรูปปางสมาธิหน้าตักกว้าง ๓ ศอก ๕ นิ้ว เป็นพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทองพระเนตรเนื้อแบบสมัยลานช้าง หรือเรียกกันสามัญว่า พระลาวพระพุทธรูปแบบนี้นิยมสร้างกันมากที่เมือง หลวงพระบางอินโดจีนและภาคอิสานของประเทศไทย ประดิษฐานอยู่ใน พระอุโบสถวัดโสธร อำเภอเมืองจังหวัดฉะเชิงเทรา

ตำนานหรือประวัติของหลวงพ่อโสธรนี้หาหลักฐานยืนยันแน่นอนไม่ได้เป็นเพียงคำบอกเล่าสืบๆกันมาประวัติที่เกี่ยวกับวัดโสธรเท่านั้น หลวงพ่อโสธรมาประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรนานเท่าใด สมัย พ.ศ. ใด ไม่มีใครทราบแน่นอน

พอจะมีเค้าตามคำบอกเล่าอันเกี่ยวโยง ถึงหลวงพ่อวัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงครามตามประวัติหลวงพ่อวัดบ้านแหลมกับหลวงพ่อวัดโสธรลอยน้ำมาด้วยกัน และเป็นพี่น้องกันและชาวบ้านแหลมได้อัญเชิญหลวงพ่อวัดบ้านแหลมขึ้นจากน้ำ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๓จึงคาดคะเนว่าหลวงพ่อ ก็มาประดิษฐานอยู่ทีวัดโสธรราวพ.ศ. ๒๓๑๓หรือก่อนนั้นก็ไม่นานนัก

ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อโสธรนี้มีผู้เล่าสืบๆกันมาหลายกระแสได้สอบถามผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนซึ่งท่านผู้นั้นได้รับฟังจากบรรพบุรุษเล่าให้ฟังต้องกันว่า หลวงพ่อโสธรลอยน้ำมามีคำปรารถว่าล่วงกาลนานมาแล้วยังมีพระพี่น้องชายสามองค์อยู่ทางเมืองเหนือมีอิทธิปาฏิหาริย์แสดงฤทธิ์ได้ ได้อภินิหารล่องลอยตามแม่น้ำมาจากทิศเหนือเพื่อให้คนทางทิศใต้ได้เห็นในที่สุดมาผุดขึ้นที่แม่น้ำบางปะกงที่ตำบลสัมปทวนและแสดงปาฏิหารย์ลอยน้ำและ ทวนน้ำได้ทั้งสามองค์ ประชาชนชาวสัมปทวนได้พบเห็นจึงช่วยกันเอาเชือกพรวน มนิลาลงไปผูกมัดที่องค์พระพุทธรูปทั้งสามองค์นั้นแล้วช่วยกันฉุดลากขึ้นฝั่งด้วยจำนวนผู้คนประมาณ ๕๐๐ คน ก็ฉุดขึ้นไม่ได้เชือกขาดไม่สำเร็จตามความประสงค์ พากันเลิกไปครั้นแล้วพระพุทธรูปหล่อทั้งสามองค์ก็จมน้ำหายไปสถานที่พระสามองค์ลอยน้ำและทวนน้ำได้นี้เลยให้ชื่อว่า"สามพระทวน"ต่อมา เรียกว่า"สัมปทวน"ได้แก่แม่น้ำหน้าวัดสัมปทวน อ.เมือง แปดริ้วทุกวันนี้

ต่อจากนั้นพระทั้งสามองค์ก็ลอยตามแม่น้ำบางปะกงเลยผ่านหน้าวัดโสธรไปถึงคุ้งน้ำใต้วัดโสธร แสดงฤทธิ์ผุดขึ้นให้ชาวบ้านบางนั้นเห็นชาวบ้านได้ช่วยกันฉุดขึ้นฝั่งทำนองเดียวกับชาว สัมปทวน แต่ก็ไม่สำเร็จจึงเรียกหมู่บ้านและคลองนั้นว่า" บางพระ "มาจนทุกวันนี้

จากนั้นพระพุทธรูปทั้งสามองค์ก็ได้แผลงฤทธิ์ลอยทวนน้ำวนอยู่ที่หัวเลี้ยวตรงกองพันทหารช่างที่ ๒ จังหวัดฉะเชิงเทราและแสดงปาฏิหาริย์จะเข้าไปในคลองเล็กๆ ตรงข้ามกอง พันทหารช่างนั้นสถานที่พระลอยวนอยู่นั้นเรียกกันว่า " แหลมหัววน"และคลองนั้น ก็ได้นามว่าคลองสองพี่น้อง (สองพี่สองน้อง)หลังจากนั้นองค์พี่ใหญ่ได้แสดงอิทธิปาฏิหารย์ไปลอยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนสามเสนประชาชนประมาณสามแสนคนช่วยกันฉุดอาราธนาขั้นฝั่งก็ไม่สำเร็จแล้วล่องเลยไปผุดขึ้นที่ลำน้ำแม่กลอง จ.สมุทรสงครามประชาชนชาวประมงอาราธนาขึ้นประดิษฐานอยู่ทีวัดบ้านแหลม

ทุกวันนี้เป็นที่บูชานับถือกันว่าเป็นพระศักดิสิทธิ์เท่าๆ กับหลวงพ่อโสธรส่วนองค์สุดท้องล่องลอยไปผุดขึ้นที่วัดบางพลี จังหวัดสมุทรปราการและชาวบางพลีได้อัญเชิญประดิษฐานอยู่ที่วัดบางพลีใหญ่ในอำเภอบางพลีก็ปรากฏว่ามีผู้คนเคารพนับถือมาก พระพุทธรูปหล่อองค์กลาง นั้นคือหลวงพ่อโสธรเมื่อลอยตามน้ำมาจากหัววนดังกล่าวแล้วมาผุดขึ้นที่ท่าหน้าวัดโสธร กล่าวกันว่าประชาชนจำนวนมากทำการบวงสรวงแล้วเอาด้ายสายสิญน์คล้องกับพระหัตถ์หลวงพ่อโสธรอัญเชิญขึ้นมาบนฝั่งนำไปประดิษฐานในวิหารสำเร็จตามความประสงค์ แล้วก็จัดให้มีการฉลองสมโภชและให้นามหลวงพ่อว่า" หลวงพ่อโสธร"

 

องค์หลวงพ่อโสธรจริง ในสมัยที่ได้มาเดิมนั้นเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ปางสมาธิเพ็ชรหน้าตักกว้างศอกเศษทรงสวยงาม ต่อมาพระสงฆ์ในวัดเห็นว่ากาลต่อไปภายภาคหน้า ฝูงชนที่มีตัณหาและโลภะแรงกล้า มีอัธยาศัยเป็นบาปลามก หมดศรัทธาหาความเลื่อมใสมิได้จักนำเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียไม่เป็นการปลอดภัยจึงพอกปูนเสริมให้ใหญ่หุ้มองค์จริงไว้ภายในดังปรากฎในปัจจุบันนี้

สถานที่ตั้งวัดโสธรตั้งอยู่ในสมัยแรกนั้น ทางบกเป็นป่า หมู่บ้านมีน้อยคมนาคมไม่สะดวก เมื่อหลวงพ่อมาประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรแล้วประชาชนชาวเรือรู้จักนับถือกันมากเพราะการไปมาสะดวกกว่าทางบกมี เรือไปมาไม่ขาดชาวเรือค้าขายนับถือว่าถ้าบอกขอต่อหลวงพ่อโสธรแล้วสินค้าก็จะซื้อง่ายขายคล่องเป็นเทน้ำเทท่า เรือแพที่ผ่านไปมาในแม่น้ำพอถึงตรงโบสถ์หลวงพ่อโสธรก็วักน้ำเอาน้ำในแม่น้ำซึ่งนับถือว่าเป็นน้ำมนต์หลวงพ่อดื่มบ้างลูบศีรษะบ้างล้างหน้าและประพรมเรือและสินค้าในเรือ ดังได้เห็นกันอยู่ทุกวันนี้

ส่วนทางบกประชาชนรู้จักนับถือยังไม่แพร่หลาย เพราะการคมนาคมไม่สะดวกผู้ใดเจ็บป่วยก็มาขอความคุ้มครองจากหลวงพ่อโสธร และได้ผลสมความปรารถนาเป็นส่วนมากกิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธรได้แผ่ไพศาล ไปในถิ่นต่างๆ

มูลเหตุที่มีงานสมโภชน์ขึ้นนั้นเล่ากันว่าสมัยหนึ่งบ้านโสธรเกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ฝนแล้ง ข้าวกล้าในนาผลไม้ในสวนเหี่ยวแห้ง สัตว์พาหนะเกิดโรคระบาดผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่เป็นโรคฝีดาษทั้งสัตว์ล้มเจ็บลงตามกัน ผู้คนอพยพหนีไปได้ก็ทิ้งบ้านเรือนทรัพย์สมบัติหนีเอาตัวรอดผู้ป่วยไปไม่ไหวก็นอนรอวันเป็นวันตายของตนอยู่ ในกาลครั้นนั้นยังมีบุรุษหัวหน้าครอบ ครัวหนึ่งได้เกิดโรคนี้เมื่อไม่มีคนเป็นที่พุ่งก็หันหน้าเข้าหาพระสรณะที่พึ่งเอายาดีจากหลวงพ่อ มา ๓ อย่างคือ ขี้ธูป ดอกไม้เหี่ยวแห้งที่บูชาแล้ว และ อธิษฐานหยดเทียนขอน้ำมนต์จากหลวงพ่อแกเอามาต้นกินทาอาบทั่วสรรพางค์กายปรากฎว่าได้ผลสมความปรารถนาโรคหายปกติ ด้วยความดีใจที่โรคหายสมประสงค์จึงจัดให้มีการสมโภชแก้บนถวายหลวงพ่อ

แต่นั้นมากิติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อก็แพร่สพัดไปในถิ่นต่างๆกว้างขวางมากขึ้นจนเป็นเลื่องลือว่าศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดปรารถนาสิ่งใดที่ชอบธรรมท่านก็ประสิทธิ์ ประสาทให้สมประสงค์การสมโภชน์และแก้บนจึงมีขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมามีพระบรมราชวินิจฉัยเกี่ยวกับหลวงพ่อโสธรของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เมื่อคราวเสด็จประพาสเมืองฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๔๕๑ ไว้ดังนี้"กลับมาแวะวัดโสธร ซึ่งกรมหลวงดำรง คิดจะแปลว่ายะโสธรจะให้เกี่ยวข้องแก่การที่ได้สร้างเมื่อเสด็จกลับจากไปตีเขมรแผ่นดินพระบรมไตรโลกนารถหรือเมื่อใดนั้น แต่เป็นที่สงสัยด้วยเห็นไม่ถนัดพระพุทธรูปทำด้วยศิลาแลงทั้งนั้น องค์ที่สำคัญว่าเป็นหมดดีนั้นคือองค์ที่อยู่กลางดูรูปตักและเอวงามกลายไปเป็นฝีมือผู้ที่ไปปั้นว่าลอยน้ำมาก็เป็นความจริง เพราะเป็นศิลาคงจะไม่ได้ทำในที่นี้"

อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของหลงพ่อโสธร มีมาเหลือที่จะเล่าสู่กันฟังให้หมดได้เพราะหลวงพ่อโสธรเป็นต้นโพธิ์ต้นไทร อันใหญ่ให้สรรพสัตว์ได้พำนักอาศัยหลวงพ่อเป็นร่มใหญ่กางกั้นสรรพภัยอันตรายความเดือดร้อนรำเค็ญให้สรรพสัตว์อยู่เย็นเป็นสุข เป็นแพทย์วิเศษพยาบาลผู้อาพาธให้หายขาดเป็นสรณะที่พึ่งพิงของหมู่บริษัทผู้ถูกภัยคุกคามเป็นนิธิบ่อบุญกุศลของทายกทายิกาให้ใฝ่ หาบุญกุศล เป็นหมอดูพยากรณ์ทายโชคชะตาวาสนาทั้งอดีตอนาคตและปัจจุบัน ให้ทุกท่านผู้ต้องการทราบ หลวงพ่อเป็นสัพพัญญูสำเร็จทุกวิชาทุกอย่างทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นบรมครูของเทวดาและมนุษย์ไม่มีผู้ใดยิ่งไปกว่าหลวงพ่อโสธร

..............................................................................................................................

 

เช้าวันนี้ เวลา 07.00 น. ข้าพเจ้าพร้อมด้วย บิดา มารดา ได้ไปนมัสการหลวงพ่อโสธร ที่ท้องสนามหลวง บรรยกาศตอนเช้านั้น คนยังไม่มาก แต่เท่าที่สังเกตุดูประชาชนที่มีจิตศรัธราก็เริ่มทยอยมากันแต่เช้า เนื่องจากอากาศยังไม่ร้อนมาก และรถไม่เยอะยังสามารถหาที่จอดรถได้ แต่ช่วงสายและบ่ายคนจะเยอะค่ะ

และนี่คือภาพบรรยากาศค่ะ


รูปนี้ถ่ายจากสถานที่ที่ยกพื้น เพื่อให้ประชาชนจุดธูป เทียน บูชาหลวงพ่อ





ผู้มีจิตศรัธรา เดินประทักษิณ สักการะหลวงพ่อ




มุมมองจากด้านบนที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อ

หลังจากปิดทองแล้วก็เดินลงมาค่ะ

 

ภาพระยะไกลค่ะ มองเห็นพื้นไม้ยกสูงเพื่อให้ประชาชนจุด ธูป เทียน กราบหลวงพ่อ


หากมองจากมุมนี้มีเต๊นท์ดอกไม้ ธูป เทียน (จะมีแผ่นทองคำเปลวแท้ 100% ให้ด้วย 1 แผ่นค่ะ สำหรับปิดทองที่องค์หลวงพ่อ)


ซุ้มวัตถุมงคลนั้น ผู้มีจิตศรัธรามุงกันแน่นเลยค่ะ
และเท่าที่สังเกตุดูนั้น วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมจะเป็นรุ่น อัญเชิญหลวงพ่อโสธร ค่ะ


ดังนั้น จึงขอเรียนเชิญเพื่อนๆพี่ๆ ทุกท่าน หากอยู่ในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดหากไม่ไกลนัก ขอเชิญมากราบสักการะขอพรจากหลวงพ่อ เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่เพื่อนๆ ค่ะ

 

หลังจากนั้น ข้าพเจ้าได้เข้าไปที่วัดมหาธาตุ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ได้ยินเสียงสวดมนต์ทำวัตรเช้า ดังมาจากโบสถ์ เดินขึ้นไป

ปรากฎว่ามีพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน มาร่วมสวดมนต์ทำวัตรกันมาก เนื่องจากวันนี้เป็นวันพระนั่นเอง จึงเก็บภาพมาให้ชมความงามของโบสถ์ที่บูรณะไปแล้วบางส่วนแต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ค่ะ ทางวัดยังต้องการกระเบื้องปูหลังคา ช่อฟ้า และอื่นๆ อีกค่ะ ยังต้องใช้ปัจจัยค่อนข้างมากค่ะ เพราะวัดมหาธาตุเป็นวัดใหญ่ เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาด้วยค่ะ เป็นสถานที่ศึกษาของพระสงฆ์และสามเณรที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยค่ะ

 

หลังจากฟังเทศน์และได้ร่วมทำบุญเกี่ยวกับวิหารทานแล้ว ก็เดินออกมาเพื่อไปทางถนนท่าพระจันทร์ก็เห็นเด็กๆ เห็นเด็กหญิง นุ่งกระโปรงสีชมพู ส่วนเด็กชายก็ใส่ชุดสีขาว ที่เสื้อติดกระดุมทุกเม็ดและติดหูกระต่ายด้วยดูเรียบร้อยมากๆ ก็สงสัยว่าเป็นนักเรียนที่ไหนกัน ได้ความว่า เป็นนักเรียนของโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ของวัดมหาธาตุแห่งนี้นี่เอง ดังภาพต่อไปนี้














หลังจากเด็กๆ ขึ้นเรียนแล้ว ผู้ปกครองก็ฟังธรรม นั่งสมาธิกัน

ข้าพเจ้าสอบถามผู้ปกครองเด็กคนหนึ่ง แจ้งว่า ให้ลูกมาเรียนที่นี่ เพราะต้องการให้เด็กมีภูมิคุ้มกันจากสภาพสังคมที่เลวร้ายในปัจจุบัน เพราะมีสิ่งเดียวที่จะเป็น
เกราะคุ้มครองเด็กได้ดีที่สุด นั่นคือ ธรรมะของพระพุทธเจ้า

ฟังดังนั้นแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าการขัดเกลาจิตใจเด็กแต่เล็ก ถือว่าเป็นสิ่งควรทำโดยเร่งด่วน เพราะสภาพสังคมปัจจุบันมีแต่สิ่งที่ยั่วยุกิเลส ชักนำไปในทางที่เสื่อม หากทุกครอบครัวที่มีเด็กๆ พอจะโตหน่อยประมาณสัก ป.1 หรือ ป.2 และ ผู้ปกครองสนับสนุนเด็กยอมสละเวลาวันหยุดเพื่อพาบุตรหลานมาเรียนที่นี่ ดีกว่าไปเดินห้างสรรพสินค้า คงเป็นสิ่งทีดีแน่ๆ

สอบถามคร่าวๆ ได้ความว่า เข้าแถวตอน 8 โมง พระครูอบรมเรื่องเกี่ยวกับมารยาทไทย ต่อจากนั้น 9 โมง เข้าเรียนเกี่ยวกับศาสนา พุทธประวัติ ถึง 11.20 น. พัก ต่อจากนั้นช่วงบ่ายมีทั้งวิชารำไทย ดนตรีไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน แล้วแต่จะเลือกเรียน อย่างใดอย่างหนึ่ง ค่าเรียนก็ถูกมากค่ะ 300 บาท

หากเพื่อนๆ พี่ๆ ต้องการข้อมูลเพิ่ม ให้ดูที่ลิ้งค์นี้ค่ะ

http://www.mcu.ac.th/site/office/coll_index.php

 

ธรรมะสวัสดี

ยินดีและขออนุโมทนากับผู้ที่ได้ร่วมอัญเชิญหลวงโสธรไปที่ท้องสนามหลวง
(bb-flower หยกขาวลางานไปไม่ได้ เสียดายจัง แต่วันอาทิตย์29นี้ไม่พลาด แล้วเจอกันนะเพื่อนๆ...

 

หลวงพ่อครับ ลูกอยากทราบว่าทำไมต้องสร้างองค์จำลองขนาดมโหรานใหญ่โตขนาดนี้ ใหญ่กว่าองค์จริงของหลวงพ่อมากๆ แล้วก็แห่กันมาแบบนี้ หลวงพ่ออยู่ที่วัดเราก็มีคนมากราบกันมากมาย คนที่ศรัทธาในหลวงพ่อไม่ว่าอยู่ไกลแค่ไหนก็แห่แหนกันมาหาหลวงพ่อกันที่นี่ทั้งหมดทั้งสิ้น หลวงพ่อครับหลวงพ่อเบื่ออยู่ที่วัดที่แปดริ้วแล้วเหรอครับ ทำไมหลวงพ่อต้องทำแบบนี้ด้วยละครับ หรือพวกเขาทำๆ กันเองครับ ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึง ทำเพื่อเงินหรือครับ แล้วความศักสิทธิ์ของหลวงพ่อมาอยู่ที่นี่ด้วยไหมครับ ผมอยากทราบ ผมคิดว่าไม่ถูกที่เอาหลวงพ่อที่ผมเคารพมาหากินกันแบบนี้

 

ถ้าเสด็จไปสนามหลวงเพื่อโปรดสัตย์จริง ขออนุโมธนาด้วยความเคารพ แต่ถ้าเพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่นหาปัจจัย ก็ให้รู้สึกตะขดตะขวงใจ และเชื่อว่าท่านคงจะแสดงปาฐิหารย์ให้เห็น จากลูกศิยย์หลวงพ่อ

 

ถ้าเสด็จไปสนามหลวงเพื่อโปรดสัตว์จริง ขออนุโมธนาด้วยความเคารพ แต่ถ้าเพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่นหาปัจจัย ก็ให้รู้สึกตะขดตะขวงใจ และเชื่อว่าท่านคงจะแสดงปาฐิหารย์ให้เห็น จากลูกศิยย์หลวงพ่อ

 

ถ้าเสด็จไปสนามหลวงเพื่อโปรดสัตว์จริง ขออนุโมธนาด้วยความเคารพ แต่ถ้าเพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่นหาปัจจัย ก็ให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจ และเชื่อว่าท่านคงจะแสดงปาฐิหารย์ให้เห็น จากลูกศิยย์หลวงพ่อ
<!-- / message -->

 

วันนี้ที่บ้านก็ไปกราบหลวงพ่อโสธรกัน แต่ไปที่วัดที่ฉะเชิงเทราเลย อยากไปด้วยมากๆแต่ติดงาน เสียดายจัง

 

ขออนุโมทนาด้วยครับ...

 

กราบขอบพระคุณ คุณ khomeraya ด้วยครับ

 

กราบขอบพระคุณ คุณ khomeraya ด้วยครับ

 

โมทนา สาธุ

 

ระวังอย่าได้ไปเช่าวัตถุมงคลหลวงพ่อโสธรมา เพราะเป็นพวกเดียวกันกับชุดที่สร้างเหรียญนามสกุล หลวงพ่อโสธร ชื่อบริษัทไดมอนด์ฮิลของไอ้เลวสิทธิกร บุญฉิม
ลองอ่านบทความจากนสพ.ข่าวสด
นายธีรยุทธ พึ่งเทียร ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ฝ่ายกิจการทั่วไป กล่าวถึงกรณีอัญเชิญและพิธีสมโภชพระพุทธโสธร (องค์จำลอง) จากวัดโสธรฯ จ.ฉะเชิงเทรา มาประดิษฐานไว้ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงเป็นการชั่วคราว เพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ก่อนนำไปประดิษฐานเป็นการถาวรที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ตามที่มีชื่อของนายสิทธิกร บุญฉิม นักสร้างพระชื่อดัง และกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม ร่วมอยู่ในคณะกรรมการโครงการอัญเชิญพระพุทธโสธร (องค์จำลอง) ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลกลุ่มเดียวกันที่เคยร่วมกับมจร.สร้างเหรียญพระพุทธโสธร รุ่นสลักนามสกุล เพื่อหาทุนสร้างหอประชุม (ธรรมบริการ) 48 พรรษามหาวชิราลงกรณ์ มูลค่า 200 ล้านบาท โดยมอบหมายให้นายสิทธิกร เป็นประธานหาทุนจัดสร้าง เมื่อช่วงเดือนเม.ย. 2547 โดยมีการทำสัญญาว่านายสิทธิกรจะต้องมอบเงินจำนวน 200 ล้านบาทให้กับมจร.เพื่อนำไปสร้างหอประชุม แต่เมื่อถึงวันมอบเงิน นายสิทธิกรกลับมอบเช็คจำนวน 100 ล้านบาท พร้อมเหรียญพระพุทธโสธรอีกประมาณ 60,000 เหรียญ และจนถึงปัจจุบัน มจร.ยังไม่ได้รับเงินอีก 100 ล้านบาทจากนายสิทธิกรแต่อย่างใด

"ทางมหาวิทยาลัยไม่ติดใจ และจะดำเนินการหาทุนเอง แต่ในการจัดพิธีอัญเชิญหลวงพ่อพระพุทธโสธร(องค์จำลอง) นั้น ทางมหาวิทยาลัยจะไม่ยินยอม ให้คณะกรรมการโครงการอัญเชิญพระพุทธโสธร(องค์จำลอง) หรือกลุ่มคนที่สนับสนุน และเกี่ยวข้องกับนายสิทธิกร นำชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเข้าไปเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวอีก ส่วนการที่จะนำพระพุทธโสธร (องค์จำลอง) ไปประดิษฐานไว้ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณฯ วิทยาเขตวังน้อย ทางมจร.ไม่ขัดข้อง แต่ถ้าเป็นการเฉลิมฉลองหรือหาเงินโดยใช้วิธีการเฉลิมฉลองพระพุทธรูป มหาวิทยาลัยไม่สนับสนุน และไม่อนุญาตให้นำชื่อไปร่วมจัดฉลอง" นายธีรยุทธกล่าว

 

สาธุ...ในจิตที่เป็นกุศล