พุทธศิลป์กับพรพุทธาเวทย์ ตอน กำเนิดแห่งพระไพรีพินาศ ตำนาน ร่องรอยที่สูญหายและพุทธานุภาพ

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 23 กันยายน 2015.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    พุทธศิลป์กับพรพุทธาเวทย์ ตอน กำเนิดแห่งพระไพรีพินาศ ตำนาน ร่องรอยที่สูญหายและพุทธานุภาพ
    [​IMG]
    ผู้เขียนได้อ่านงานเขียนของ คุณกฤษฎา พิณศรี จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ซึ่งค้นคว้าเกี่ยวกับ ประวัติความเป็นมาของ "พระไพรีพินาศ"
    ทำให้เห็นแง่มุมอันน่าสนใจทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม และที่มาอันแท้จริงผู้เขียนจึงค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม และจากการศึกษาพบว่า แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ร่องรอยที่มาก็ยังคลุมเครือ ความลี้ลับของผู้สร้าง ผู้นำมาถวาย หรือการพลัดแผ่นดินของงานศิลปรรมอันแปลกตานี้ เกิดขึ้นได้อย่างไรในแผ่นดินสยาม ปัจจุบัน ถ้าจะเอ่ยถึง “พระไพรีพินาศ” คนส่วนใหญ่คงต้องนึกถึงพระกริ่งและเหรียญพระพุทธรูปปางประทานพรซึ่งวัดบวรนิเวศวิหารได้จัดสร้างขึ้นเนื่องในวาระฉลองพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษาของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๖ รวมทั้งพระกริ่งและพระพิมพ์ผงภาพพระพุทธรูปพุทธลักษณะเดียวกันนั้น ซึ่งทางวัดได้จัดสร้างขึ้นในระยะหลังอีกหลายรุ่นโดยจำลองแบบมาจากพระพุทธรูปศิลาองค์หนึ่ง ที่มีผู้นำมาถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งทรงผนวชอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหารตามประวัติที่บันทึกไว้ใน ตำนานวัดบวรนิเวศวิหารได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของพระพุทธรูปองค์นี้ไว้ว่า“ ...พระไพรีพินาศองค์เดิมเป็นพระพุทธรูปศิลาขนาดย่อม หน้าพระเพลา ๑ คืบ ๔ นิ้วสูงตลอดพระรัศมี ๑ ศอก มีเศษไม่ถึงนิ้วเป็นพระพุทธรูปแบบพระธยานิพุทธเจ้า ปางประทานพร สมัยศรีวิชัยเล่ากันว่าพระพุทธรูปนี้ มีผู้นำมาถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เมื่อยังทรงผนวชอยู่ในราว พ.ศ.๒๓๙๑ ได้ถวายพระนามว่า พระไพรีพินาศในหนังสือตำนานวัดบวรฯ บันทึกไว้ว่า“...พระไพรีพินาศใคร่ครวญตามพระนามน่าจะได้เชิญประดิษฐานไว้ในเก๋งน้อยที่สร้างใหม่ ณ ทักษิณชั้นบนแห่งพระเจดีย์ในครั้งนั้น เว้นไว้แต่ได้ประดิษฐานในครั้งยังทรงผนวชเมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๑ ที่เป็นคราวสิ้นเสี้ยนศัตรูครั้งแรก…”ปัจจุบัน พระไพรีพินาศประดิษฐานอยู่ที่ซุ้มเก๋งด้านทิศเหนือของพระเจดีย์ประธานของวัดบวรนิเวศวิหารฯในหนังสือ ศิลปกรรมวัดบวรนิเวศวิหาร ได้กล่าวถึงพระเจดีย์ที่สร้างเก๋งประดิษฐานพระไพรีพินาศไว้ตอนหนึ่งว่า“...พระเจดีย์ไพรีพินาศเป็นพระเจดีย์ศิลา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นบรรจุพระพุทธวจนะ ประดิษฐานอยู่ในคูหาภายในเจดีย์ใหญ่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๗ ระหว่างการซ่อมแซมพระเจดีย์ได้พบกระดาษขาว มีตราแดง ๒ ดวง มีอักษรเขียนว่า พระสถูปเจดีย์ศิลาบัลลังก์องค์นี้จงมีนามพระไพรีพินาศเจดีย์เทอญ อีกหน้าหนึ่งเขียนไว้ว่า เพราะตั้งแต่ได้ทำมาคนไพรีก็วุ่นวายยับเยินไปโดยลำดับ…”ในสาสน์สมเด็จ เล่ม ๒ หน้า ๘๕-๙๐-๑๑๖สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ทูลสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ ตั้งปัญหาถามกระหม่อมว่า พระไพรีพินาศนั้น เป็นพระอะไร มาแต่ไหน ทำไมจึงมาอยู่วัดบวรนิเวศ เหตุใดจึงชื่อว่า ไพรีพินาศเกล้ากระหม่อมหงายท้อง ไม่สามารถตอบได้ อยากรู้เหมือนกัน เคยทูลถามฝ่าพระบาทก็ไม่ทรงทราบเหมือนกันแต่เมื่อหันไปหันมาเห็นกรมหมื่นพงศา จึงลองเข้าจดทูลถามดู ตรัสบอกว่าใครก็ทรงจำชื่อไม่ได้เสียแล้ว เป็นผู้นำมาถวายทูลกระหม่อมเมื่อยังทรงผนวชอยู่ เป็นเวลาติดต่อกับที่หม่อมไกรสรถูกสำเร็จโทษ จึงโปรดตั้งพระนามว่า "พระไพรีพินาศ”พุทธลักษณะของพระไพรีพินาศเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งแบบวัชราสน์ (ขัดสมาธิเพชร)บนปัทมาสน์อันประกอบด้วยกลีบบัวคว่ำและกลีบบัวหงายมีเกสรบัวประดับทรงแสดงวรมุทรา (ปางประทานพร)โดยหงายพระหัตถ์ซ้ายวางบนพระเพลาพระหัตถ์ขวาวางหงายเหนือพระชานุด้านขวาลักษณะทางประติมานวิทยา คือ การแสดงวรมุทราหรือประทานพรนั้นคงมีความหมายถึงพระธยานิพุทธเจ้าประจำทิศใต้ตามคติความเชื่อในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ที่มีชื่อว่ารัตนสัมภวะพระรัตนสัมภวะพุทธะ (ภาษาสันสกฤต: रत्नसंभव, ภาษาญี่ปุ่น: 宝生如来, Hōshō Nyorai, ภาษาจีน: 寳生如來, Baosheng Rulai)เป็นพระธยานิพุทธะ 1 ใน 5 องค์ พระนามหมายถึงพระผู้เป็นต้นกำเนิดแห่งสิ่งมีค่าทั้งมวลประทับอยู่ทางทิศใต้ของพุทธมณฑล พระกายสีเหลืองทองเป็นต้นตระกูลพระโพธิสัตว์ตระกูลรัตนะซึ่งเปรียบได้กับปัญญาอันประเสริฐ เป็นสัญญลักษณ์ของพระรัตนตรัยสัญญลักษณ์ประจำพระองค์คือ จินดามณีหมายถึงการเข้าถึงความรู้แจ้ง มโนวิญญาณธาตุและจิตตรัสรู้ ทรงม้าเป็นพาหนะสำหรับมูลเหตุแห่งการถวายพระนามพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวนี้ว่า"พระไพรีพินาศ” ก็เนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่า
    ทรงได้พระพุทธรูปองค์นี้มาในระยะเวลาติดต่อกับที่ผู้ที่จ้องทำลายพระองค์
    คือกรมหลวงรักษ์รณเรศ หรือหม่อมไกรสร มีเหตุอันที่ทำให้ต้องแพ้ภัยตัวเองกล่าวคือ เมื่อครั้งที่เจ้าฟ้ามงกุฎฯ เสด็จมาประทับจำพรรษาที่วัดบวรนิเวศวิหารได้มีกลุ่มผู้ที่มุ่งจะทำลายพระองค์นำโดยกรมหลวงรักษ์รณเรศ (หม่อมไกรสร)ผู้ซึ่งหมายมั่นจะขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบต่อจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วยเหตุนี้ จึงมีความคิดกำจัดผู้ที่จะเป็นคู่แข่งสำคัญด้วยวิธีการกลั่นแกล้งต่างๆ นานา เป็นต้นว่าเอาข้าวต้มร้อนๆ ใส่บาตรที่พระองค์ทรงถืออยู่ในระหว่างทรงบิณฑบาตเพื่อให้ทรงเกิดทุกขเวทนาซึ่งการกระทำของหม่อมไกรสรที่มีต่อพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎฯ นั้นมีอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆแต่พระองค์ก็หาได้ตอบโต้ไม่ กลับทรงวางพระองค์อยู่ในอุเบกขาธรรมเสมอมาจนกระทั่งวันหนึ่ง มีผู้นำพระพุทธรูปมาถวายพระองค์ได้นำพระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานไว้ในที่อันควรและทรงกระทำการสักการบูชาอยู่เสมอภายหลังจากนั้นไม่นาน หม่อมไกรสรก็มีอันต้องประสบเหตุเภทภัย เนื่องจากกระทำผิดกฎมณเฑียรบาลอย่างร้ายแรง
    จนถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎฯ ทรงเห็นว่าเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ตั้งแต่พระองค์ทรงได้พระพุทธรูปองค์นี้มาไพรีหรือศัตรูก็พินาศย่อยยับลงไปตามลำดับ จึงทรงถวายพระนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพุทธไพรีพินาศ”ภายหลังเมื่อพระองค์ได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบต่อจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ก็ได้ทรงประกอบพระราชพิธี “ผ่องพ้นไพรี”
    อันเป็นพระราชพิธีที่แสดงถึงพระบารมีและบุญญาธิการของพระองค์ที่สามารถผ่านพ้นการจ้องทำลายของเหล่าศัตรูมาด้วยดี โดยมิได้ทรงตอบโต้แต่ประการใด แต่เหล่าศัตรูกลับต้องพ่ายแพ้ภัยของตนเองไปในที่สุด
    สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ไว้ในสาส์นสมเด็จ (เล่ม ๕ ๒๕๑๓, หน้า ๗๔) ว่า “….. เมื่อ ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๙๖ (ปีที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จสมภพ) ความในประกาศ (พระราชพิธีจรบำเพ็ญพระราชกุศลผ่องพ้นไพรี) นั้น กับพระนามพระพุทธรูป บ่งชัดว่าบำเพ็ญพระราชกุศลด้วยพ้นภัยจากหม่อมไกรสร* พระพุทธรูปองค์นี้ทูลกระหม่อมเห็นจะทรงได้ไว้ แต่ยังทรงผนวช ใกล้ๆ กับเวลากำจัดหม่อมไกรสร จึงทรงถือเป็นนิมิตร …..”ด้วยเหตุนี้ รูปจำลองของพระไพรีพินาศซึ่งสร้างขึ้นมาเป็นวัตถุมงคล จึงเป็นที่นิยมชมชอบของนักสะสมพระเครื่องและพุทธศาสนิกชนทั่วไป เนื่องจากเชื่อว่ามีพุทธคุณในทางปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากศัตรูผู้ที่คิดร้าย เฉกเช่นเดียวกับพระไพรีพินาศองค์ที่นำมาเป็นต้นแบบสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังคปรินายกทรงเคยสงสัยว่าพระไพรีพินาศองค์นี้ว่าสร้างจาก อะไรจึงได้ลองถอดแม่พิมพ์และจำลองมาไว้ที่ตำหนักคอยท่าปราโมช 1 องค์ก็พบว่าพระไพรีพินาศเป็นพระพุทธรูปศิลา หน้าตักกว้าง 33 เซนติเมตรและมีความสูงถึงปลายรัศมี 53 เซนติเมตร
    ด้วยเหตุนี้ ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องการพระไพรีพินาศไว้บูชาเพื่อให้ศัตรูที่คิดร้ายพ่ายแพ้ส่วนเรื่องการสร้างพระไพรีพินาศเป็นวัตถุมงคลนั้น
    เริ่มสร้างประมาณปี 2495 ซึ่งส่วนใหญ่ทางวัดเป็นผู้สร้าง พระองค์จะไม่นิยมสร้างวัตถุมงคลแต่การแจกพระของสมเด็จสังฆราชนั้นพระองค์จะไม่แจกเฉพาะพระแต่ทรงแจกธรรมะด้วยทุกครั้งที่พระองค์แจกพระไพรีพินาศหรือว่าอะไรก็แล้วแต่ จะต้องมีหนังสือหรือว่าธรรมะด้วยไม่เคยแจกพระอย่างเดียว
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญสร้างกำแพงแก้ววิหารหลวงพ่อโต-วัดกุฎีทอง-อยุธยา.553352/
     
  2. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ....ขอบคุณ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...