พลุระเบิดตรุษจีนสุพรรณ กับอาถรรพ์ศาลหลักเมือง

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 27 มกราคม 2012.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    ชาวบ้านลือ! เหตุพลุระเบิดสุพรรณบุรีอาถรรพ์มังกร


    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

    ชาวบ้านวิจารณ์เหตุการณ์พลุระเบิด ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณฯ เกิดจากอาถรรพ์มังกร เชื่อจุดที่มีก่อสร้างตัวมังกร เจ้าที่แรง และอาจมีการขอขมาไม่ถูกต้อง

    หลังจากเกิดเหตุการณ์พลุระเบิดที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรีในวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 รายบาดเจ็บอีกกว่ามากมาย หลังเกิดเหตุชาวบ้านได้วิจารณ์กันต่าง ๆ นานาถึงสาเหตุการเกิดครั้งนี้ว่า อาจเป็นอาถรรพ์ของรูปปั้นมังกรยักษ์ ซึ่งมีทั้งในทางที่ดีและไม่ดี โดยบางส่วนเชื่อว่า ที่รอดมาได้ก็เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นอกจากจะเป็นเจ้าพ่อหลักเมืองแล้วยังมีรูปปั้นมังกรยักษ์ช่วยปกป้องไว้ เนื่องจากบริเวณที่จุดพลุอยู่ด้านหลังมังกร เมื่อเกิดระเบิดขึ้น ร่างของมังกรจึงได้บังไว้ ไม่ให้ได้รับอันตราย

    อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในทางตรงกันข้ามว่า จุดที่มีก่อสร้างตัวมังกร เจ้าที่แรง และอาจมีการขอขมาไม่ถูกต้องก็เป็นได้ เพราะช่วงที่ดำเนินการก่อสร้าง ได้เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้รูปปั้นช่วงหัวมังกรมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2550 ทำให้คนงานก่อสร้างได้รับบาดเจ็บ และครั้งที่ 2 เดือนธันวาคม ปี 2550 ไฟลุกไหม้ขณะคนงานกำลังอ๊อกเหล็กเชื่อมบริเวณหัวมังกรเช่นกันแต่สามารถดับไฟทัน และจนกระทั่งเหตุการณ์ล่าสุด ตรงกับปีมังกรพอดี

    นอกจากนี้ ยังมีการวิจารณ์กันอีกว่า ในวันที่ 16 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งมีการจัดงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์และงานกาชาดประจำปี 2555 ถือเป็นงานเทิดพระเกียรติพระนเรศวรมหาราชที่ทรงกอบกู้เอกราชให้ชาติไทย แต่มีการให้ความสำคัญน้อยกว่างานตรุษจีน จึงอาจเป็นอาถรรพ์ได้เช่นกัน

    ด้านนายเสมอ งิ้วงาม หรือที่รู้จักกันนามป๋อง พระเครื่อง เซียนพระชื่อดังชาวสุพรรณบุรี เชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมีจริง เมื่อเกิดเรื่องรุนแรงขนาดนี้ อาจเป็นการแสดงให้รู้ว่าไม่พอใจ เพราะการก่อสร้างมังกรอาจจะโดดเด่นและบดบังทัศนียภาพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และก่อนหน้านี้ก็มีการส่งสัญญานมาแล้วกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ถึง 2 ครั้งด้วยกัน

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    [​IMG]


    �������Դ �ؾ�ó ���Ǿ������Դ����ؾ�ó���� �������ҹ���ɨչ�ؾ�ó
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2012
  2. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    ขอบคุณครับ..................:cool:
     
  3. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พลุระเบิดตรุษจีนสุพรรณ กับอาถรรพ์ศาลหลักเมือง/ปิ่น บุตรี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ปิ่น บุตรี</TD><TD class=date vAlign=center align=left>26 มกราคม 2555 19:14 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT><IFRAME style="WIDTH: 110px; HEIGHT: 20px" class="twitter-share-button twitter-count-horizontal" title="Twitter Tweet Button" src="http://platform.twitter.com/widgets/tweet_button.1326407570.html#_=1327648902921&_version=2&count=horizontal&enableNewSizing=false&id=twitter-widget-0&lang=en&original_referer=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FTravel%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000011989&size=m&text=%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%20%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%2F%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%20%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FTravel%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000011989&via=ASTVTravel" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME>

    Share5
    <SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js" gapi_processed="true"> {lang: 'th'}</SCRIPT><IFRAME style="POSITION: static; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; WIDTH: 90px; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 20px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=I1_1327648904671 title=+1 tabIndex=-1 marginHeight=0 src="https://plusone.google.com/_/+1/fastbutton?url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FTravel%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000011989&size=medium&count=true&annotation=&hl=th&jsh=m%3B%2F_%2Fapps-static%2F_%2Fjs%2Fwidget%2F__features__%2Frt%3Dj%2Fver%3DQ52LBYHicpk.th.%2Fsv%3D1%2Fam%3D!btQqDgonkFGIHk0RyA%2Fd%3D1%2F#id=I1_1327648904671&parent=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&rpctoken=909029378&_methods=onPlusOne%2C_ready%2C_close%2C_open%2C_resizeMe%2C_renderstart" frameBorder=0 width="100%" allowTransparency name=I1_1327648904671 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME>

    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 35px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrshort.aspx?NewsID=9550000011989&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ศาลหลักเมืองสุพรรณ(ก่อนตรุษจีน)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> วันปีใหม่จีนหรือวันตรุษจีนผ่านพ้นไปแล้ว

    แต่ควันหลงวันตรุษจีนยังคงอยู่ โดยเฉพาะกับเรื่องเศร้าๆของงานตรุษจีนสุพรรณบุรีที่จัดขึ้น ณ อุทยานมังกรสวรรค์ ศาลหลักเมืองสุพรรณบุรี ที่เกิดอุบัติเหตุพลุระเบิด สะเก็ดพลุกระเด็นไปตกใส่บ้านเรือนบริเวณใกล้เคียงจนเกิดไฟไหม้บ้านเรือนวอดกว่า 60 หลัง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ศพ และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

    สำหรับการจัดใหญ่งานตรุษจีนสุพรรณในปีนี้(และช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา) เป็นที่รู้กันดีว่า โต้โผหลักเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “มังกรเติ้ง”นายบรรหาร ศิลปอาชา สมาชิกบ้านเลขที่ 109 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่พรรคการเมืองของมังกรเติ้ง ได้เข้ามาดูกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หลังจากนั้นสุพรรณก็บูมเรื่องเทศกาลงานประเพณีในระดับบิ๊กอีเวนต์ขึ้นมาแบบผิดหูผิดตา ทั้งงานเคาท์ดาวน์ปีใหม่ สงกรานต์ และตรุษจีนของสุพรรณ ในช่วงหลังมานี้ทััง 3 งาน จะต้องติดโผ 1 ใน 10 พื้นที่ไฮไลท์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)มาโดยตลอด ในขณะที่งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษานั้น เดี๋ยวนี้สุพรรณเขาก็จัดใหญ่ในระดับน้องๆอุบล โดยมีการไปซื้อตัวช่างทำเทียนเก่งๆจากภาคอีสานมาเป็นตัวช่วยในการสร้างงานประเพณีที่ไม่ได้เป็นเอกลักษณ์ของสุพรรณ จนคนสุพรรณหลายคนบ่นมาว่า พะนะทั่น อย่ามัวแต่เพลินกับการไปฉกเอาประเพณีของบ้านอื่นเมืองอื่นมาจนหลงลืมในวัฒนธรรมประเพณีอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์อันดีงามของชาวสุพรรณไป ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้น นายบรรหารได้เปิดเผยถึงวินาทีเฉียดตายว่า ที่รอดชีวิตมาได้เพราะได้มังกรสวรรค์ช่วยไว้(ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์มังกรสวรรค์ช่วยบังสะเก็ดระเบิด)

    ในขณะที่ชาวสุพรรณจำนวนหนึ่งก็มีเรื่องเล่าขานตามความเชื่อแบบไทยๆตามมาสมทบหลังเหตุการณ์ ว่าด้วยเรื่องของอาถรรพ์ของศาลหลักเมืองสุพรรณบุรี ที่ชาวสุพรรณนอกจากจะให้ความเคารพศรัทธามากเช่นเดียวกับวัดป่าเลไลย์แล้ว พวกเขา(ส่วนหนึ่ง)ยังเชื่อกันว่าเจ้าที่ที่นี่แรงนัก

    ศาลหลักเมืองแบบจีน

    ศาลหลักเมืองสุพรรณบุรีหรือศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณ ถือเป็นศาลหลักเมืองที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมากแห่งหนึ่ง เพราะเป็นศาลหลักเมืองศิลปกรรมจีนที่น่าจะมีเพียงไม่กี่แห่งในเมืองไทย หรืออาจจะมีที่นี่ที่เดียวก็เป็นได้

    ศาลหลักเมืองสุพรรณ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาในแบบงานศิลปกรรมไทย มีเทวรูปเคารพภายในศาล ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมใหม่สร้างเป็นศาลในศิลปกรรมจีน

    จากนั้นในปี พ.ศ. 2478 กรมศิลปกรได้ขึ้นทะเบียนศาลหลักเมืองสุพรรณเป็นโบราณสถานเช่นเดียวกับ สิ่งก่อสร้างสำคัญอื่นๆรวม 12 แห่ง อาทิ วัดหอยโข่ง วัดผึ้ง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วัดหลวง เป็นต้น

    ครั้นพอถึงในปี พ.ศ. 2507 จังหวัดสุพรรณบุรีได้ทำการบูรณะศาลหลักเมืองครั้งใหญ่ ภายใต้การนำของนายบรรหาร ศิลปอาชาและนายพัฒน์ บุณยรัตพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีในสมัยนั้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พิพิธภัณฑ์มังกรทอง </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> จากนั้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้นายบรรหารได้เป็นโต้โผให้จัดสร้างอาคารรูปทรงมังกรยักษ์ขึ้นใกล้ๆกับศาลหลักเมือง จัดทำเป็น"พิพิธภัณฑ์มังกรทอง"(พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร) ที่ผมได้แต่ผ่านไปผ่านมา ยังไม่เคยเข้าไปเที่ยวข้างในสักทีเพราะค่าเข้าชมนั้นแพงลากเลือดเอาเรื่อง งานนี้จึงขอเพียงยืนดูห่างๆอยู่ภายนอกแค่นั้นเป็นพอ ซึ่งถ้ามีการลดค่าเข้าชมลงมาในราคาที่สมน้ำสมเนื้อ ผมเชื่อว่าน่าจะมีคนเข้าไปชมในพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกรอีกมากโข และนั่นก็จะทำให้คนทั่วไปได้รับรู้เรื่องราวของลูกหลานพันธุ์มังกรมากยิ่งขึ้น เพราะนี่ควรเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้ ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับตัวเอง

    สำหรับเหตุที่สร้างหลักเมืองสุพรรณสร้างด้วยรูปแบบของงานศิลปกรรมจีนนั้น เนื่องจากมีชาวจีนในสุพรรณให้ความเคารพศรัทธาต่อศาลหลักเมืองแห่งนี้เป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่ที่พวกเขาเดินทางจากโพ้นทะเลเข้ามาทางแม่น้ำท่าจีน มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในสุพรรณบุรีแห่งนี้ โดยหนึ่งในชาวจีนแห่งเมืองสุพรรณที่ยืนยันถึงความมีศรัทธาต่อศาลแห่งนี้ก็คือนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่มีข้อมูลระบุว่าในสมัยการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2507 นายบรรหารที่มีเงินทั้งเนื้อทั้งตัวอยู่ 150,000 บาทได้บริจาคเงินเป็นจำนวน 80,000 บาท เพื่อใช้ในการบูรณะศาล

    ส่วนนี่จะกลายเป็นอานิสงส์ผลบุญหนุนส่งให้นายบรรหารร่ำรวยจนมีเงินมีทองมากถึงพันล้าน หมื่นล้าน อย่างในทุกวันนี้หรือเปล่า เรื่องนี้แต่ละคนคงต้องไปพินิจวิเคราะห์ต่อกันเอาเอง

    ห้ามเจ้านายมิให้เสด็จไปเมืองสุพรรณบุรี

    ศาลหลักเมืองสุพรรณปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวสำคัญของสุพรรณบุรี เพราะมีทั้งภาพความเก่าขลัง ศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าพ่อ และภาพอันอลังการของมังกรยักษ์ตั้งอยู่เคียงคู่กัน

    ศาลแห่งนี้มี “ปูนเถ้าก๋ง” เทพเจ้าโบราณ 2 องค์ที่ชาวสุพรรณเชื่อว่าท่านได้คุ้มครองชาวเมืองให้มีอยู่ดีกินดี มีความมั่นคง ปลอดภัย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เปลวเพลิงเผาผลาญในงานตรุษจีน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากนี้ชาวสุพรรณหลายคนยังเชื่อว่าเจ้าที่ที่ศาลหลักเมืองสุพรรณนั้นแรงดังที่ผมได้กล่าวมาแล้ว โดยเรื่องนี้ผมขอหยิบยกหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร จากบทความเรื่อง “ห้ามเจ้านายมิให้เสด็จไปเมืองสุพรรณบุรี” คติความเชื่อที่ถูกลบล้าง โดยสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ โดยศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย ที่คัดเนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ “นิทานโบราณคดี” ของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มานำเสนอในหนังสือศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 32 ฉบับเดือน กรกฎาคม 2554 มีความว่า...

    “....ฉันก็นึกอยากไปอยู่แล้ว แต่ว่าไม่เป็นบ้านะ...” เป็นพระราชดำรัส ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอบคำกราบบังคมทูลเชิญเสด็จประพาสเมืองสุพรรณบุรีของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เหตุที่ทรงตอบเช่นนั้นก็สืบเนื่องมาจากคติความเชื่อที่ว่า “...ห้ามเจ้านายมิให้เสด็จไปเมืองสุพรรณบุรี...”

    สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ทรงเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่จัดการปกครองหัวเมือง จึงต้องเสด็จไปตรวจหัวเมืองต่างๆ ด้วยพระองค์เอง ในปี พ.ศ.2435 ได้เสด็จตรวจเมืองพิษณุโลก สวรรคโลก สุโขทัย เมืองตาก แล้วเสด็จกลับทางเมืองกำแพงเพชร เมื่อเสด็จมาถึงเมืองอ่างทอง ทรงหยุดพัก 2 วัน โปรดสั่งเจ้าเมืองและกรมการเมืองให้เตรียมหาม้าพาหนะกับคนหาบหามสิ่งของสัมภาระเพื่อเดินทางบกไปสุพรรณบุรี ครั้งนั้นพระยาอินทรวิชิต เจ้าเมืองอ่างทองซึ่งสนิทสนมคุ้นเคยกับสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ได้พยายามขัดขวางมิให้เสด็จโดยอ้างว่า การเดินทางจากอ่างทองไปสุพรรณบุรีนั้นยากลำบาก หนทางไกลไม่มีที่พักแรม ท้องทุ่งที่จะเดินทางไปบางส่วนแห้งแล้ง ร้อนจัด บางแห่งยังเต็มไปด้วยโคลนตม เฉอะแฉะ แต่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ไม่ทรงล้มเลิกความตั้งพระทัย เพราะทรงเคยผ่านความยากลำบากในการเดินทางมามาก จึงมีพระดำริว่าน่าจะสามารถเดินทางไปถึงเมืองสุพรรณบุรีได้โดยไม่ยากนัก

    ในที่สุด พระยาอินทรวิชิตก็สารภาพว่าที่พยายามขัดขวางไม่ให้เสด็จไปเมืองสุพรรณบุรี เพราะเกรงว่าอันตรายอันเนื่องจากคติความเชื่อมาแต่โบราณว่า “ห้ามเจ้านายมิให้เสด็จไปเมืองสุพรรณบุรี” เมื่อทรงซักถามถึงสาเหตุพระยาอินทรวิชิต ก็ไม่สามารถทูลตอบได้ เพียงแต่ทูลย้ำว่าเป็นคติความเชื่อกันมาแต่โบราณว่า เพราะเทพารักษ์หลักเมืองสุพรรณบุรีไม่ชอบเจ้านาย แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จึงทรงอธิบายถึงพระดำริของพระองค์ว่า

    “...ฉันคิดว่าเทพารักษ์ที่มีฤทธิเดชถึงสามารถจะให้ร้ายดีแก่ผู้อื่นได้ จะต้องได้สร้างบารมีมาแต่ชาติปางก่อน ผลบุญจึงบันดาลให้มาเป็นเทพารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ถึงปานนั้น ก็การสร้างบารมีนั้นจำต้องประกอบด้วยศีลธรรมความดี ถ้าปราศจากศีลธรรมก็หาอาจจะเป็นเทพารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ไ ด้ไม่ เพราะฉะนั้นฉันเห็นว่า เทพารักษ์หลักเมืองสุพรรณบุรี คงอยู่ในศีลธรรม รู้ว่าฉันไปเมืองสุพรรณเพื่อจะทำนุบำรุงบ้านเมืองให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน คงจะกลับยินดีอนุโมทนาด้วยเสียอีก...”

    การเดินทางจากอ่างทองไปยังสุพรรณบุรีในสมัยนั้นค่อนข้างลำบาก ต้องนั่งเรือข้ามลำน้ำน้อยขึ้นมาที่เมืองวิเศษชัยชาญ แล้วจึงขี่ม้าต่อ ท้องที่ระหว่างเมืองอ่างทองกับเมืองสุพรรณบุรี ส่วนมากเป็นท้องทุ่ง บางแห่งก็แห้งแล้ง อย่างที่เรียกกันว่าย่านสาวร้องไห้ หมายความว่า ในฤดูแล้ง ผืนแผ่นดินแห้งผาก คนเดินทางหาน้ำกินไม่ได้ หาที่ร่มพักไม้ได้ บางแห่งก็เป็นที่ลุ่มเฉอะแฉะม้าต้องลุยเลนลุยโคลน สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ทรงเล่าถึงการเดินทางครั้งนั้นว่า “...ทางจากเมืองอ่างทองไปเมืองสุพรรณบุรีเป็นทางไกล และในเวลานั้นยังไปลำบากสมดังพระอ่างทองว่า ขี่ม้าไปตั้งแต่เช้าจนเย็นรู้สึกเพลีย ถึงออกปากถามคนขี่ม้านำทางว่า เมื่อไรจึงจะถึงหลายหนจนจวนพลบค่ำจึงไปถึงทำเนียบที่พัก ณ เมืองสุพรรณบุรี...”

    และที่เมืองสุพรรณบุรีนี้เอง ทรงต้องพบกับเรื่องแปลกๆ 2 เรื่อง เรื่องแรก คือ พระยาสุนทรสงครามเจ้าเมืองสุพรรณบุรีเก็บทรัพย์สมบัติหนีออกจากเมืองสุพรรณบุรีไปก่อนที่จะเสด็จถุง ซึ่งทรงทราบถึงสาเหตุภายหลังว่า พระยาสุนทรสงครามประพฤติผิดคิดมิชิอบด้วยการรีดไถ่ กดขี่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำความเดือนร้อนให้แก่ราษฎร เพราะราษฎรมายื่นเรื่องราวกล่าวโทษพระยาสุนทรฯ มากมายหลายราย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ร่องรอยหลังไฟไหม้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เรื่องที่ทรงแปลกพระทัยอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องที่เมืองสุพรรณบุรี มีศาลเจ้าเป็นจำนวนมาก ดังที่ทรงเล่าว่า “...ที่ในบริเวณเมืองจะไปทางไหนแลเห็นศาลเจ้าไม่ขาดสาย เป็นศาลขนาดย่อมๆ ทำด้วยไม้แก่นมุงกระเบื้องก็มี ทำแต่ตัวไม้ไผ่มุงจากก็มี...สังเกตเพียงที่จวนเจ้าเมืองมีศาลเจ้ารายรอบถึง 4 ศาล...”

    จากข้อสังเกตดังกล่าว ทรงสันนิษฐานว่า ชาวเมืองสุพรรณบุรีส่วนใหญ่น่าจะนับถือและกลัวเกรงเจ้าผีเป็นนิสัยสืบกันมาแต่ช้านาน ถ้าเชื่อว่าแห่งใดเป็นที่มีผีสิงอยู่ก็จะต้องมีการทำพิธีเอาใจผี เช่น ปลูกศาลให้ผีสิงสถิตและเซ่นไหว้ด้วยของที่เชื่อว่าผีชอบ เพื่อผีจะได้พอใจไม่ทำร้ายหรือทำความเดือดร้อนให้

    นอกจากเรื่องแปลกดังกล่าวแล้วยังมีเรื่องที่ทรงพอพระทัย นั่นคือการได้ความรู้เกี่ยวกับโบราณคดีและวรรณคดี โดยเฉพาะสถานที่ในเมืองนี้ เป็นสถานที่ที่ปรากฏในวรรณคดีสำคัญของไทยเรื่องหนึ่งคือ ขุนช้างขุนแผน ไม่ว่าจะตำบลท่าสิบเบี้ยบ้านพ่อแม่ขุนช้าง ตำบลท่าพี่เลี้ยงบ้าน พ่อแม่ขุนแผน เป็นต้น ดังที่ทรงเล่าว่า “...ตำบลบ้านและวัดเหล่านั้นยังอยู่จนทุกวันนี้ ฉันได้เคยไปถึงทุกแห่ง...”

    การเสด็จตรวจเมืองสุพรรณบุรีของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ครั้งนั้น นอกจากจะทำให้ทรงรู้เรื่องราวความเป็นไปของทั้งเจ้าเมืองและราษฎรในสุพรรณบุรีแล้ว ยังเป็นการลบล้างคติความเชื่อเก่าแก่ที่ว่าห้ามมิให้เจ้านายเสด็จไปเมืองสุพรรณบุรีกลับอย่างปลอดภัยไม่มีสิ่งร้ายเกิดขึ้นก็มีเจ้านายเริ่มเสด็จไปเที่ยวเมืองสุพรรณบุรีบ้าง

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสนพระทัยเรื่องการตั้งมณฑลเทศาภิบาลอันเป็นงานหลักของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เพราะนับเป็นการปรับเปลี่ยนการปกครองส่วนภูมิภาคได้สะดวกและเป็นเอกภาพ โดยแบ่ง ๗๑ จังหวัดเป็นมณฑลได้ 8 มณฑลแต่ละมณฑลขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์โดยผ่านกระทรวงมหาดไทย จึงมีพระราชประสงค์จะเสด็จทอดพระเนตรผลงานการปกครองหัวเมืองที่จัดใหม่ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ต้องทรงคิดหาสถานที่เสด็จประพาสถวายทุกปี ในปีหนึ่งทรงกราบบังคมทูลเสด็จ ประพาสเมืองสุพรรณบุรี จึงมีพระราชดำรัสว่า “...ฉันก็นึกอยากไปอยู่แล้ว แต่ว่าไม่เป็นบ้านะ...” สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ จึงทรงกราบทูลว่า “...ข้าพระพุทธเจ้าไปเมืองสุพรรณหลายปีแล้ว ก็ยังรับราชการสนองพระเดชพระคุณอยู่ได้...” จึงทรงพระสรวลและตรัสว่า “ไปซิ”

    จึงเป็นอันว่าคติความเชื่อโบราณที่ว่า ห้ามเจ้านายมิให้เสด็จไปเมืองสุพรรณบุรี เหตุผลเพราะเทพารักษ์หลักเมืองสุพรรณบุรีไม่ชอบเจ้านาย อันเป็นเหตุให้เมืองสุพรรณบุรีกลายเป็นเมืองที่ห่างพระเนตรพระกรรณ เจ้าเมืองทุกคน พยายามรักษาคติความเชื่อนี้ไว้และถือเป็นโอกาสประพฤติผิดคิดมิชอบฉ้อราษฎร์บังหลวง

    คติความเชื่อดังกล่าวถูกลบล้างด้วยความกล้าหาญ และความตั้งพระทัยแน่วแน่ในการที่จะทำนุบำรุงเมืองสุพรรณบุรีให้เจริญรุ่งเรืองของเจ้านาย 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ...

    ครับ จากบทความดังกล่าวถือเป็นการสนับสนุนต่อความเชื่อของชาวเมืองสุพรรณส่วนหนึ่งที่เชื่อว่าเจ้าที่ที่ศาลหลักเมืองที่นี่แรง ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์พลุระเบิดในวันตรุษจีนที่ผ่านมาจนมีคนบาดเจ็บล้มตาย บ้านเรือนถูกเผาวอดวาย มันก็ยิ่งทำให้เกิดเรื่องเล่าแบบไทยๆตามความเชื่อส่วนบุคคลแบบนี้ขึ้นมาจากชาวสุพรรณจำนวนหนึ่ง ซึ่งใครหลายคนมีความเชื่อว่า เหตุการณ์เศร้าสลดครั้งนี้อาจจะมาจากการที่ใครบางคนไปกระทำการที่ไม่ให้เกียรติหรือกระทำสิ่งที่มิบังควรต่อศาลเจ้าพ่อหลักเมืองก็เป็นได้

    ส่วนกับเรื่องจริงที่ไม่อิงความเชื่อนั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ตำรวจจะต้องสืบสาวหาสาเหตุและหาผู้รับผิดชอบ อีกทั้งยั้งเป็นอุทาหรณ์ต่อการจัดงานทั้งหลายในเมืองไทยว่า ต้องไม่ประมาทด้วยประการทั้งปวง เพราะถ้าหากเกิดพลาดพลั้งเพียงนิดเดียว มันอาจทำลายเทศกาลแห่งความรื่นเริงให้การเป็นโศกนาฏกรรมเพียงชั่วข้ามคืน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. suatop

    suatop สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +2
  5. เตเต้ 2006

    เตเต้ 2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +141
    ผมว่านะครับสาเหตุที่แท้จริงน่าจะมาจากการสร้าง ผู้สร้าง สร้างในสิ่งที่ควรสร้างมากกว่า คุณบรรหารจะมีบารมีขนาดไหน พิพิธภัณท์ลูกหลานมังกรที่คุณสร้าง ตามหลักแล้วเขาให้ใช้มั่งกรได้แค่ 4 เล็บ แต่นี่เล่นซะ 5 เล็บ แค่นี้ก้อนับว่าผิดอย่างยิ่งยวดแล้วครับ
     
  6. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    ทำอะไรตามใจตัวเองไม่ดีคะ ทำให้มันถูกต้องที่สุด คือสิ่งที่ดีคะ มันจะได้ไม่เดือดร้อนใจกายแก้ไขทีหลังเพราะมัน ขึ้ด สถานที่มันไม่เหมาะในการสร้างมังกร มังกรต้องอยู่ที่โล่งๆและตั้งดูเด่นตระหง่าน สง่างามคะบุญรักษาคะ
     
  7. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    มนุษย์มักซัดทอดความผิดพลาดให้สิ่งนอกตัว
     
  8. ธุลี-ดิน

    ธุลี-ดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2012
    โพสต์:
    12,650
    ค่าพลัง:
    +12,202
    น่าจะเป็นเรื่องของความประมาทของคนมากกว่าครับ
     
  9. ทิพย์ปทุโม

    ทิพย์ปทุโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +2,471
    <meta http-equiv="CONTENT-TYPE" content="text/html; charset=utf-8"> <title></title> <meta name="GENERATOR" content="OpenOffice.org 3.1 (Linux)"> <style type="text/css"> <!-- @page { margin: 2cm } P { margin-bottom: 0.21cm } --> </style> พวกเธอจงเป็นผู้มีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ[FONT=Times New Roman, serif]: [/FONT]มีธรรมเป็นประทีบ มีธรรมเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่น
    เป็นสรณะ อยู่เถิด”
    มหา[FONT=Times New Roman, serif]. [/FONT]ที[FONT=Times New Roman, serif]. [/FONT]๑๐[FONT=Times New Roman, serif]/[/FONT]๑๑๘[FONT=Times New Roman, serif]/[/FONT]๙๓ [FONT=Times New Roman, serif]([/FONT][FONT=Times New Roman, serif]/[/FONT]๓๕๘[FONT=Times New Roman, serif])[/FONT]
     
  10. deneta

    deneta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,712
    ค่าพลัง:
    +5,723
    พอดีพองามเหมาะสมที่สุด
     
  11. heroparttime

    heroparttime สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2012
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +18
    ขอให้คนเจ็บหายเร็วๆๆน่ะครับ
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="477"><colgroup><col width="477"></colgroup><tbody><tr height="17"> <td class="xl24" style="height:12.75pt; width:358pt" height="17" width="477" align="left">งาน parttime</td> </tr></tbody></table>
     
  12. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ฝากนี่ให้พี่เตี้ยด้วยครับ
    โทษฐานที่อุดทางพญามังกรไม่ให้ลงทะเล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2012
  13. luckylight

    luckylight Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +33
    ได้อ่านเรื่องราวสมัยก่อนแล้วทำให้นึกถึงคำพูดของตากับยายที่ท่านเคยเล่าให้ฟังเมื่อสมัยเด็ก ๆ ซึ่งเป็นเรื่องเล่ามาตั้งแต่รุ่นทวดของทวดสืบต่อกันจนถึงรุ่นยายและรุ่นแม่ของเรามาอีกทีนะ (เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลนะคะ)

    ว่าสมัยก่อนก่อนที่จะมีการตั้งเมืองหลวง แต่จำไม่ได้แล้วว่าตั้งแต่สมัยไหน อาจจะสมัยกรุงธนบุรี หรือไม่ก็รัตนโกสินทร์ ว่าสมัยนั้นกษัตริย์ของไทย เคยมาที่เมืองสุพรรณฯ แล้วมากราบไหว้ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และเคยพูดกับเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรีไว้ว่า จะมาตั้งเมืองหลวงที่สุพรรณบุรี แต่หลังจากนั้นก็ไม่มา และไปตั้งเมืองหลวงที่อื่นแทน ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานกษัตริย์ไทยพระองค์นั้นก็สวรรคต และหากใครเสด็จมาก็จะมีอันเป็นไปอีก

    ซึ่งเรื่องที่เราเล่ามานี้เป็นเรื่องที่ยายเคยเล่าให้ฟังตอนเด็ก ๆ อีกทีนะคะ ก็ไม่รู้ว่าจะจริงมากน้อยขนาดไหน ซึ่งเราเคยถามว่าในหลวงเคยเสด็จมาสุพรรณฯ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร ยายก็บอกว่า เมื่อครั้งที่ในหลวงกับพระราชินีเสด็จมาสุพรรณฯ ครั้งนั้นต้องไปกราบไหว้ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองก่อนอื่นใดเลย
    นี่คือความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณค่ะ อยากเล่าให้ฟังถึงคำบอกเล่าของปู่ย่าตายายให้ทราบค่ะ :)
     
  14. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    คนที่ว่ามังกรบ้าหรือเปล่าครับ เรื่องมันอยู่พลุที่แต่ไปโทษมังกร บ้าเปล่า
     
  15. oon_dee

    oon_dee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +24
  16. วงค์สิงห์

    วงค์สิงห์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +10
    ผิดพลาดไปก็แก้ไขกันนะครับ
    ขอให้คนเจ็บหายไวๆๆนะครับ
     
  17. apple_lin

    apple_lin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +704
    เหตุการณ์พลุระเบิดที่น่ากลัวมากเลยคะ่ .. แต่เพิ่งเคยอ่านประวัติศาลหลักเมืองสุพรรณ ขอบคุณนะคะ..
     
  18. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    ขอร่วมแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยครับ........
     

แชร์หน้านี้

Loading...