ผู้หญิงบรรลุธรรมยากกว่าผู้ชาย..

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ลุงไชย, 29 กุมภาพันธ์ 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    [​IMG]

    หญิง-ชาย ใครว่าเท่าเทียม

    ฐิติขวัญ เหลี่ยมศิริวัตฒนา ลูกศิษย์เจ้าปัญหา กับอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร ผู้เปี่ยมประสบการณ์ทั้งทางโลกและทางธรรม จะสนทนากันเรื่องสิทธิสตรีว่า แท้จริงแล้วในทางธรรม ผู้หญิงจะเท่าเทียมกับผู้ชายได้หรือไม่ และการเรียกร้องสิทธิสตรีที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกนั้น แท้จริงแล้วที่ถูกต้อง ควรทำแค่ไหน อย่างไร

    อาจารย์คะ การเกิดเป็นผู้หญิงนั้น เห็นได้ชัดว่าต้องใช้ชีวิตอย่างมีข้อจำกัดมากกว่าผู้ชาย ในทางธรรมแล้ว เพศหญิงไม่เท่าเทียมกับเพศชายจริงไหมคะ

    จริงลูก ถ้าหมายถึงโลกิยธรรมเพราะตามธรรมชาติแล้ว เพศหญิงกับเพศชายนั้นไม่เท่าเทียมกัน เพราะผู้หญิงอยู่ในเพศที่ไม่ปลอดภัย มีสภาวะของจิตอ่อนไหว มีสรีระบอบบาง และรับสิ่งกระทบมาปรุงอารมณ์ได้มากกว่าเพศชาย จึงเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายได้ง่าย ทำให้ต้องมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตมากกว่า ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติศีลของภิกษุณีสงฆ์ไว้ถึง 311 ข้อ ในขณะที่ศีลของภิกษุสงฆ์ทรงบัญญัติไว้เพียง 227 ข้อ เท่านั้น

    ทำไมล่ะค่ะอาจารย์
    เพราะจิตที่อยู่ในร่างกายของเพศหญิงนั้นต้องอาศัยศีลมากกว่า ถึงจะคุมจิตมิให้หวั่นไหวได้เท่าเทียมกับจิตที่อยู่ในร่างของเพศชาย

    หมายความว่าจิตของผู้หญิงมีความแน่วแน่และมีพลังน้อยกว่าผู้ชายหรือคะ

    ไม่ใช่ลูก ตัวจิตเองนั้นมีศักยภาพเท่าเทียมกัน แต่ร่างของเพศหญิงเป็นร่างที่เปิดโอกาสให้จิตรับสิ่งกระทบมากกว่าร่างของเพศชาย จึงต้องอาศัยศีลมากกว่าในการควบคุมกาย วาจา ใจ ของเพศหญิงให้บริสุทธิ์ แต่เมื่อบรรลุอรหัตผลแล้ว จิตของทั้งเพศชายและเพศหญิงจะมีศักยภาพเท่ากัน

    ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า ผู้หญิงบรรลุธรรมยากกว่าผู้ชายใช่ไหมคะ

    ยากกว่า เพราะจิตอยู่ในร่างที่รับสิ่งกระทบมากกว่า

    อย่างนี้การเกิดเป็นผู้ชายก็นับว่าโชคดีกว่าการเกิดเป็นผู้หญิงจริงๆ น่ะสิคะ

    ใช่ลูก โชคดีกว่าในด้านการพัฒนาจิตให้เข้าถึงธรรม เพราะการอยู่ในเพศหญิงนั้นมีข้อจำกัดมาก เช่น ถึงแม้จะเก่งแค่ไหนก็ตาม แต่การดำรงชีพแต่เพียงผู้เดียวสำหรับผู้หญิงเป็นเรื่องอันตราย ดูอย่างพระอุบลวรรณาสิ แม้จะบรรลุอรหัตผลแล้ว แต่ก็ยังถูกนันทมาณพข่มขืน เพราะท่านไปปฏิบัติธรรมอยู่แต่เพียงผู้เดียวที่กุฏิในป่าอัมพวัน ด้วยเหตุนี้ ในพระวินัยจึงระบุไว้ว่า ภิกษุณีห้ามอยู่วัดโดยไม่มีภิกษุสงฆ์อยู่ด้วย เพราะจะไม่ปลอดภัย นี่เป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าต้องบัญญัติศีลอีกหลายๆข้อสำหรับภิกษุณีสงฆ์ เช่นภิกษุณีสงฆ์แม้จะบวชมานานเท่าไร หรือบรรลุธรรมขั้นไหนก็ตาม ยังต้องกราบไหว้พระภิกษุที่บวชแม้เพียงวันเดียว ฯลฯ นี่เป็นกุศโลบายย้ำเตือนเพศหญิงให้รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ให้อัตตานำหน้าจนคิดว่าฉันอยู่ได้ด้วยตัวเอง เพราะไม่ว่าใครจะมีความเห็นอย่างไรก็ตาม ตามธรรมชาติที่แท้จริงแล้ว การเกิดเป็นผู้หญิงไม่เท่าเทียมกับการเกิดเป็นผู้ชาย

    ถ้าอย่างนั้นการออกมาเรียกร้องสิทธิสตรีที่ทำกันอยู่ทั่วโลก ก็เป็นสิ่งที่ผิดนะสิคะ

    การเรียกร้องสิทธิสตรีให้เท่าเทียมกับผู้ชาย เป็นสิ่งที่คนทางโลกเขาทำกัน โดยไม่ดูความถูกต้องในทางธรรม เรื่องอย่างนี้ในทางโลกอาจจะเรียกร้องให้เกิดการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันได้ แต่ในทางธรรมแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้

    เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ผู้หญิงทั้งหลายความจะอยากเกิดเป็นผู้ชายหรือเปล่าค่ะ

    ไม่จำเป็น เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับความปรารถนาของแต่ละคน เพราะไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็มีศักยภาพที่จะบรรลุธรรมได้เหมือนกัน เพียงแต่ก่อนที่จะบรรลุนั้น ความเสมอภาคทางร่างกายมีต่างกัน แต่ความเสมอภาคทางจิตใจเมื่อบรรลุธรรมแล้วมีเหมือนกัน

    กรรมอะไรทำให้คนเราเกิดเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ

    หนึ่ง คือ การประพฤติ สอง คือ ความปรารถนา เหมือนในครั้งพุทธกาล เจ้าหญิงโคปกาเกิดเป็นผู้หญิงแล้วรู้สึกว่าเป็นเพศที่มีภาระและปัญหามาก จึงอธิษฐานขอเกิดเป็นผู้ชาย แล้วทำเหตุให้ถูกตรง ในที่สุดจึงไปเกิดเป็นโคปกเทพบุตรอยู่บนสวรรค์
    การทำเหตุให้ถูกตรงสำหรับการไปเกิดเป็นผู้ชาย ก็คือการประพฤติจริยธรรมของการเป็นผู้หญิงให้ถูกตรงตามธรรมเช่น ทำตัวเป็นลูกสาวที่ดี เป็นภรรยาที่ดี เป็นแม่ที่ดี นอกจากนั้นก็ต้องทำจิตให้มีลักษณะแบบผู้ชาย เช่น ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เพราะถ้าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ นั่นคือลักษณะนิสัยที่จะทำให้ไปเกิดเป็นผู้หญิงต่อไปอีก

    อาจารย์คะ ถ้าผู้หญิงมีศักยภาพที่จะบรรลุธรรมได้ไม่ต่างจากผู้ชาย แล้วทำไมปัจจุบันนี้การบวชเป็นภิกษุณี จึงเป็นสิ่งที่เป็นประเด็นปัญหาในบ้านเมืองเราล่ะคะ

    อาจารย์ต้องเท้าความอดีตก่อนว่า ในครั้งพุทธกาล พุทธบริษัท 4 นั้นประกอบไปด้วยภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา
    ภิกษุณีรูปแรกของพระพุทธศาสนาคือ พระมหาปชาบดีโคตรมี ซึ่งเป็นพระมาตุจฉาหรือพระน้านางของพระพุทธเจ้า แต่กว่าจะได้บวช พระพุทธเจ้าทรงไม่อนุญาตอยู่ถึง ๒ ครั้งจนกระทั่งในครั้งที่ ๓ พระนางมหาปชาบดีโคตรมีทรงปลงผมและนุ่งผ้าย้อมฝาด แล้วเดินเท้าเปล่าจากรุงกบิลพัสดุ์มายืนร้องไห้อยู่หน้ากุฏาคารศาลาที่แคว้นวัชชี พระอานนท์ออกไปเห็นเข้าจึงไปถามไถ่ดู เมื่อได้ความแล้วจึงรับอาสาไปจัดการให้และเข้าไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า เมื่อผู้หญิงปฏิบัติธรรมแล้วจะบรรลุธรรมได้ไหม เมื่อพระพุทธเจ้าทรงตอบว่าได้ พระอานนท์จึงทูลถามต่อว่า แล้วเหตุใดจึงทรงไม่อนุญาตให้พระนางมหาปชาบดีโคตรมีบวช ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าจึงทรงอนุญาตให้ผู้หญิงบวชได้ โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องประพฤติครุธรรม ๘ ประการ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติเพื่อวัดใจผู้บวชที่เป็นหญิงว่ามีความมั่นคงต่อพระพุทธศาสนาจริงๆ

    ทำไมพระพุทธเจ้าถึงไม่ทรงอนุญาตให้ผู้หญิงบวชได้ตั้งแต่แรกคะอาจารย์

    เพราะทรงเกรงว่า หากรับเพศหญิงที่ไม่มีความมั่นคงในพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนาเข้ามาเป็นนักบวชแล้ว อาจเกิดข้อครหาที่จะเป็นอันตรายร้ายแรงต่อการประพฤติพรหมจรรย์ของภิกษุได้ เนื่องจากในสมัยพุทธกาลไม่เคยมีศาสนาใดอนุญาตให้ผู้หญิงเข้ามาเป็นนักบวชมาก่อน ด้วยเหตุนี้เมื่อทรงอนุญาตแล้วจึงทรงบัญญัติไว้ด้วยว่า การบวชเป็นภิก ษุณีนั้นต้องบวชด้วยสงฆ์สองฝ่าย คือทั้งฝ่ายภิกษุณีสงฆ์และฝ่ายภิกษุสงฆ์

    ทุกวันนี้ประเทศที่ปฏิบัติตามพระวินัยข้อนี้ได้ มีเหลืออยู่เพียงประเทศศรีลังกา ด้วยเหตุนี้ภิกษุณีในประเทศไทยของเราจึงต้องไปบวชมาจากประเทศศรีลังกา แล้วค่อยกลับมาเป็นภิกษุณีสงฆ์อยู่ที่บ้านเรา แต่อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีพระราชบัญญัติเกี่ยวกับภิกษุณีสงฆ์ในประเทศไทย

    แล้วอย่างนี้ในฐานะชาวพุทธ เราควรจะเห็นด้วยกับการมีภิกษุณีในเมืองไทยไหมคะ

    ขึ้นอยู่กับสภาวะความรู้แจ้งของจิต หากจิตของเรามีปัญญาเห็นแจ้งแล้ว เราย่อมรู้ว่าไม่ว่าจิตจะอยู่ในเพศชายหรือหญิงก็สามารถบรรลุธรรมได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นจิตจึงไม่มีเพศด้วยเหตุนี้ผู้รู้จริงจึงเห็นด้วยกับการอนุญาตให้ผู้หญิงบวช เพราะรู้ว่าการบวชเป็นเรื่องของจิตที่มีศักยภาพในการบรรลุธรรมได้เท่าเทียมกัน ส่วนใครจะเห็นด้วยหรือไม่ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล เข้าใจนะลูก

    เข้าใจแล้วค่ะอาจารย์


    ครุธรรม 8 ประการ (โดยสรุป) ได้แก่

    1. ภิกษุณีต้องกราบไหว้ภิกษุ แม้มีอายุพรรษาน้อยกว่าเสมอ

    2. ภิกษุณีต้องจำพรรษาในวัดที่มีภิกษุอยู่ด้วยเสมอ

    3. ภิกษุรีต้องเป็นฝ่ายรับการสั่งสอนจากภิกษุเสมอ

    4. ภิกษุต้องปวารณาในสงฆ์ทั้งสองฝ่าย คือ ทั้งภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์

    5. เมื่อต้องอาบัติสังฆาทิเสส (อาบัติหนักรองจากปาราชิก) จะต้องประพฤติมานัตต์ (การเข้าปริวาสกรรม-การอยู่ในบริเวณที่กำจัดและปฏิบัติธรรมเป็นเวลาต่อเนื่อง เพื่อลดละกิเลส) ตลอดปักษ์ในสงฆ์ทั้งสองฝ่าย

    6. ภิกษุณีต้องเป็นผู้ศึกษาธรรมและรักษาศีล 6 ข้อ (เพิ่มข้อห้ามกินยามวิกาลจากศีล 5) เป็นเวลา 2 ปี ก่อนจะได้รับการบวชโดยสงฆ์ทั้งสองฝ่ายคือ ทั้งภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์

    7. ห้ามมิให้ภิกษุณีด่าว่าภิกษุสงฆ์ไม่ว่าในกรณีใดๆ

    8. ห้ามมิให้ภิกษุณีว่ากล่าวสั่งสอนภิกษุ

    ทั้งหมดนี้เป็นธรรมที่ภิกษุณีพึงสักการะ นับถือ เคารพ บูชาและไม่ก้าวล่วงจนตลอดชีวิต ..
    ...................................................................................................
    ที่มา ���и��� ..˭ԧ-��� ���������������
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    การกดขึ่ทางเพศในอินเดียยุคนั้นรุนแรงมาก เช่น หญิงต้องเสียสินสอดให้ฝ่ายชาย จนผู้หญิงถูกเผาถูกฆ่าเพราะฝ่ายชายต้องการสินสอดแพงๆ ทุกวันนี้ รัฐบาลจะมีออกกฏหมายห้ามฝ่ายหญิงเสียสินสอดแล้ว แต่ธรรมเนียมซึ่งเขายึดถือกันมานาน กฎหมายก็เอาไม่อยู่

    ธรรมเนียมที่ยังคงฝังรากลึกในสังคมอินเดีย
     
  3. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    ไปฟัง ดร.สนอง บรรยายธรรม ท่านว่าเจอโสดาบันที่โทรมาหาส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ทั้งที่ผู้หญิงเข้าวัดปฎิบัติธรรมมากกว่าผู้ชาย มันก็แปลก ดูที่เข้าวัดสิส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งนั้น ผมเห็นแม่และน้าสาว เข้าวัดปฏิบัติธรรมแล้ว จึงรู้ว่าผู้หญิงเชื่อคนง่ายและมีความละเอียดอ่อนมาก ตรงๆคือ คิดมาก ปรุงแต่งมาก ทำสุดตัวนั้งสมาธิ10 ชั้วโมง นั้งรถไปทำบุญที่วัด เป็น10 ช.ม ของผมนั้ง 15 นาที ฟังธรรมจบครั้งเดียวเขาบอกพี่ได้โสดาบันแล้วขอจองผ้าไตรไว้ ไปถามดร.สนอง ท่านบอกว่าอย่าทำอะไรที่มันเลวทรามอย่างที่คิดละกัน จบแล้วครับ กิเลสตัดได้บางอย่างบ้างอย่างมันก็ยังตัดไม่ได้ เขียนมาเล่าให้ฟังครับก็กระดากเหมือนกัน แต่เดี๋ยวก็ตายจากกันแล้ว เลยไม่ต้องคิดมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มีนาคม 2012
  4. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    โมทนา สาธุคะ อันนี้เห็นกะตัวเองมาแล้ว บางทีการศึกษา เป็นการให้โอกาส หญิงชายเท่าเทียม แต่ ถ้ามันเป็นการ เสมอ จนไม่มีเกียติให้กันเลย มันก็ น่าสงสาร เพราะยังใง ชายก็มีบางอย่างที่แตกต่าง จริงๆ
     
  5. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
    อ้าวยังไง เมื่อก่อนยังเห็น ทีมพระไตรปิฏก มากล่าวว่า
    ผู้หญิงบรรลุธรรมง่ายกว่าผู้ชาย อยู่เลย

    -0-

     
  6. AVATAAR

    AVATAAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +603
    .


    แล้วแต่อินทรีย์และบุญบารมีที่สั่งสมมา...ไม่แยกเพศและไม่จำกัดความเร็ว


    .
     
  7. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    ดูจากแต่ละท่านที่เสร็จกิจแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นเพศชาย
    เพศหญิงก็มีบ้าง แต่น้อยกว่า...
     
  8. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก...
     
  9. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    เพศหญิง เป็นเพศแม่ซึ่งมีบุญคุณอย่างใหญ่หลวงกับพวกเรา
    ถ้าไม่มีเพศหญิง(เพศแม่)ก็ไม่มีตัวเรา ให้เป็นตัวเป็นตนอยู่ทุกวันนี้..

    เจตตนาที่ยกหัวข้อธรรมนี้มา ก็เพื่อให้เห็นความจริงอีกแง่มุมหนึ่ง..
     
  10. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48
    ทีมพระไตรปิฏกบอกว่า

    ผู้หญิงเข้าถึงธรรมง่ายกว่าผู้ชาย
     
  11. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48

    ใช่แล้วครับ ผู้หญิงแท้จริงเป็นผู้ประเสริฐครับ

    สิ่งที่ผู้หญิงทำไปทั้งหมดก็เกิดจากจากการใตร่ตรองถี่ถ้วนดีแล้ว
    ผู้หญิงเป็นเพศที่มีเหตุผลเหนืออารมณ์ทั้งปวง
    ผู้เป็นสตรี ถือเป็นเพศแม่ เป็นเพศที่สูง ส่วนเพศชายถือเป็นเพศที่ต่ำ
    กล่าวคือ "รกโลก"

    ผู้หญิงด้วยความที่เป็นผู้ให้กำเนิดเท่ากับผู้สร้าง
    เมื่อตายไป ย่อมไปกำเนิดในสวรคค์ชั้นสูงสุด เหนือพรหมทั้งหมาย
    ส่วนบุรุษก็เป็นได้อย่างมากก็ เป็นเทพบุตรไป บำเรอ นางอัปสรครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2012
  12. tannaka

    tannaka สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +1
    จะยังไงขอให้เป็นคนดีก็พอครับ อนุโมธนาบุญด้วยครับ ผมอายุ17 ยังอยากบวชเลย
     
  13. OMG_WTF

    OMG_WTF Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +48

    ใช่ครับ เกิดเป็นชายนั้นแสนจะสบาย

    เหล่าบุรุษทั้งหลายควร หมั่นสร้างความดีเพื่อ จะได้เกิดเป็นสตรี
    บุรุษนั้นเป็นเพศที่มี กรรมหนัก อยากจะเตือนเหล่าบุรษ
    ว่า ให้หมั่นสร้างควมดีเอาไว้ และไปเกิดเป็นเหล่าสตรี
    เพศอันเป็นผู้ประเสริฐ สูงสุดเหนือเพศใดๆ
     
  14. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    แต่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย จะต้องเป็นผู้ชายเท่านั้นเพราะเป็นเพศที่สามารถบำเพ็ญกรรมบท10 คือจะต้องไปหาที่ตรัสรู้ โดยลำพังซึ่งเพศหญิงจะทำไม่ได้ เพราะร่างกายไม่อำนวยฟังมาจากดร.สนอง ท่านพูดให้ฟังครับชาตินี้ เป็นชาติสุดท้ายของท่านที่เป็นมนุษย์ ไปหาท่านได้ที่พรหมชั้นอนาคามีครับ ท่านบอกว่าท่านจะไปช่วยงานอยู่ที่นั้น อีกไม่นานผมจะไปหาท่านที่นั้นครับแล้วไปเจอกันนะครับ อ.จตุพร พระพิฆเนตรบอกว่าผมอยู่แถวนั้น และตายแล้วก็จะกลับไปที่นั้นให้ทำโสดาบันให้ได้ จะได้ไม่ขาดทุนที่ลงมา แต่ก็งงอยู่เพราะคุณซันบอกพี่ได้แล้วนะโสดาบัน เป็นคนของพุทธศาสนาเหมืนคุณซันและอ.จตุพร 100 คนจะมีสัก1คน พูดเหมือนกันเลย เป็นปลื่มอยู่ในใจ จะได้รู้ว่าที่เราคิดอยู่ไม่ผิด ไม่แน่ใจครับแต่รู้ พูดกับไครเขาก็ว่าบ้า พูดไม่ได้ ปรึกษาไครก็ไม่ได้ ทั้งสองท่านบอกว่ามาเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาให้บวช อนาคตจะได้สร้างพระและสอนคนให้ศาสนาดำรงอยู่ต่อ คุณซันมาพิทักษ์และดำรงค์ อนาคตจะบวชตลอดชีวิต อ.จตุพรบอกว่า มาเพื่่อสร้างองค์พระพิฆเนตร และหอพระไตรปิฏกที่ จ.เชียงราย ฟังสนุกๆครับ จากที่ได้สนทนาครับ รู้กับไม่รู้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มีนาคม 2012
  15. AVATAAR

    AVATAAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +603


    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาครับ



    .
     
  16. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    ผู้หญิงบรรลุธรรมยากกว่าผู้ชาย..

    ตัว sun dog ก็เป็นหญิง พูดอะไรไม่สะดวก
    ทุกวันนี้เห็นสตรีมีแต่ความรู้สึกผิดและการขอขมา ตนควรมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่อิตถินทริยังทั้งหลาย ทั้งที่อยู่ในร่างหญิงและอยู่ในร่างชาย หากไม่มีวิญญาณใดเลยที่ยอมเสียสละเป็นสตรี พวกเราคงไม่มีโอกาสเกิดมาบำเพ็ญบารมีในจักรวาลนี้

    อันว่าอิตถินทริยังหรืออินทรีย์สตรีนั้น มีอยู่ในร่างพวกเราทุกคน ทั้งหญิงและชาย แม้อิตถินทริยังมีวิบากเรื่องศีลบารมีแต่ก็มีธรรมชาติเอื้ออำนวยในการเจริญปัญญาบารมีเป็นอย่างยิ่ง หากสามารถเริ่มจากปัญญาบารมีได้ เข้าใจว่าคงบรรลุธรรมได้ไม่ยากครับ
     
  17. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    โดยธรรมชาติ อิตถินทริยัง มีลักษณะกระจายตัวและพริ้วไหว สามารถเอาธุระกับหลากหลายเรื่องได้ในเวลาเดียวกันโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม เช่น ทำกับข้าว+โทรศัพท์+ดูทีวี ในเวลาเดียวกัน ในขณะที่กำลังทะเลาะกันอยู่เรื่องหนึ่งก็สามารถคิดอีกเรื่องหนึ่งไปด้วยและนำมาเชื่อมโยงกันได้แตกแขนงไปไม่รู้จบ คุณสมบัตินี้เอื้อประโยชน์อย่างยิ่งในการเจริญปัญญาบารมี ขอเพียงสามารถนำสติมาใช้คู่กับปัญญาได้ อิตถินทริยังจะชำแหละปัญหาได้รอบด้านครับ
     
  18. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    อินทรีย์สตรีมักมีทักษะในการใช้ภาษา
    การปฏิบัติธรรมของอินทรีย์สตรีจึงมีภาษาเป็นสื่อ
    "วิพากษ์วิธี" หรือการถกธรรมะจึงเป็นเครื่องมือที่เข้าถึงใจสตรีได้โดยง่าย
    แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นวิธีที่สร้างความบิดเบือนในธรรมให้แก่สตรีได้โดยง่ายเช่นกัน

    หากท่านใดมีทักษะในการใช้ภาษาได้ตรงแล้ว เข้าใจว่าการโปรดสตรีคงไม่ลำบากมากนัก ขอรับ
     
  19. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    เรื่องเพศเป็นเรื่องที่อ่อนไหว ผมพิจารณาไม่ละเอียดในทุกๆด้านของเนื้อหาในกระทู้
    การนำเสนออย่างไม่รอบคอบ อาจจะกระทบจิตใจของบางท่านได้ (แม้จะเล็กน้อยก็ไม่ควรมี)
    ต้องขออภัยผู้หญิงทุกท่านด้วยครับ จะพยายามระมัดระวังให้มากกว่านี้...

    อนุโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยครับ
     
  20. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ไม่ว่าจะมองกัน ในด้านใด ผู้หญิงก็ไม่มีทางจะเท่าเทียมผู้ชายได้ อย่าพยายามเลย..
    เหตุผล..ธรรมชาติสร้างผู้หญิงให้เป็นผู้หญิงน่ะ..
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...