ผีขี้เมาที่ท่ามะกา

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 29 มกราคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    ผมมีอาชีพค้าขายอยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนภรรยาเป็นพยาบาลอยู่ที่ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ตอนเย็นวันศุกร์เธอจะขับรถมาช่วยงานที่ร้านจนถึงเช้ามืดวันจันทร์จึงจะขับรถกลับไป บางทีงานที่ร้านไม่ค่อยยุ่งนัก กับโชคดีที่มีลูกจ้างไว้ใจได้ ผมก็จะเป็นฝ่ายขับรถไปหาเธอเอง ถือโอกาสพักผ่อนด้วยครับ

    เมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน ผมเกิดไปติดใจที่ดินริมแม่น้ำแถวนั้นเข้า เห็นแล้วดูสงบร่มรื่นน่าเย็นตาเย็นใจดี เลยไปติดต่อเขาเช่าที่ปลูกกระท่อมน้อยไว้พักร้อน ถือว่าเป็นรีสอร์ตคนเบี้ยน้อยหอยเล็กก็แล้วกัน

    แถวๆ นั้นมีบ้านเล็กเรือนน้อยปลูกอยู่คับคั่ง บางคนเรียกสลัม แต่ใจผมอยากเรียกชุมชนมากกว่า ผู้คนก็อัธยาศัยดี เรื่องลักเล็กขโมยนี้มีบ้างตามแบบชุมชนทั่วไป

    แม่น้ำสายนั้นเท่าที่รู้จากภรรยาคือ แควใหญ่มาบรรจบกับแควน้อยที่ท่าม่วง แล้วมีเขื่อนวชิราลงกรณ์ แม่น้ำไหลผ่านวัดหวายเหนียว วัดดงสัก เรียกกันว่าแม่กลองบ้าง แควใหญ่บ้าง แต่พอเข้า อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรีก็คือแม่น้ำแม่กลองไปถึง จ.สมุทรสงคราม จนกระทั่งออกอ่าวไทย

    ผมรู้จักกับขี้เมาประจำตำบลคนหนึ่งชื่อลุงฉิ่ง อายุ 50 เศษ ผอมสูง ผิวดำ ผมขาวโพลน ดูเผินๆ เหมือนคนอายุเกือบ 70 ภรรยาบอกว่าแกเป็นมะเร็งปอดขั้นที่ 3 ไม่รู้ว่าจะกระจายไปตามต่อมน้ำเหลืองหรือยัง บอกให้มารักษาตัวตามโครงการบัตรทอง 30 บาท ก็ไม่ยอมมา เพราะห้ามกินเหล้าในโรงพยาบาล

    ลุงฉิ่งอาศัยอยู่กับลูกสาวสองคนพ่อลูก ลูกสาวชื่อชบา เป็นสาวโรงงานในละแวกนั้น ทำงานเป็นกะไม่แน่นอน เคยปรับทุกข์ว่าอยากให้พ่อเลิกเหล้าไปรักษาตัวเสียที แต่พูดยังไงพ่อก็ไม่ฟัง

    ผมเลยบอกตรงๆ ว่าไม้แก่ดัดยาก ปล่อยให้แก่หาความสุขก่อนตายเถอะ!

    ลุงฉิ่งเคยทำงานรับจ้างสารพัด แต่เมื่อเจ็บไข้นานเข้าก็หมดแรง มาอาสาดูแลกระท่อมกับดายหญ้าบ้าง ได้เงินก็เอาไปซื้อเหล้าที่ร้านชำมากิน เมามายเข้าก็ร้องเพลงจนหลับใหลอยู่ในบ้าน

    นับวันอาการก็ทรุดลงทุกที แต่อารามอยากสุราทำให้แข็งใจมาทำงาน โดยเฉพาะวันที่รู้ว่าเราจะไปนอนค้างที่กระท่อมริมน้ำ

    บางครั้งนึกสงสารก็ซื้อเหล้าขาวให้แกทั้งขวด จะได้ไม่ต้องพยุงสังขารไปที่ร้าน ปรากฏว่าลุงฉิ่งเล่นยกขวดขึ้นกรอกใส่ปากพลั่กๆ เหมือนดื่มน้ำ ภรรยาก็ตำหนิผมว่าทำแบบนี้เหมือนเร่งวันตายให้แก่แท้ๆ

    คิดแล้วก็เห็นจริง ผมเลยไปซื้อเหล้าฝากไว้ที่ร้านทั้งขวด กำชับเจ้าของร้านว่าถ้าลุงฉิ่งมาขอให้รินไม่เกิน 2 แก้วเล็กเท่านั้น อาเฮียก็รับคำ

    เมื่อลุงฉิ่งกะลิ้มกะเหลี่ยเข้ามาหา ผมก็บอกว่าซื้อเหล้าไว้ให้แล้ว ภรรยาก็ให้มันทอดถั่วทอดไป ก่อนนั้นเคยซื้อข้าวราดหน้าบ้าง ก๋วยเตี๋ยวผัดบ้าง แต่ลุงฉิ่งได้เหล้าแล้วก็แทบจะไม่แเตะต้องอาหารเลย

    ตอนแรกๆ เจ้าของร้านก็รักษาสัญญาดีหรอก รินให้แกไม่เกิน 2 แก้ว ลุงฉิ่งซดรวดเคียวหมด อ้อนวอนขอเพิ่มอีกอาเฮียก็ไม่ให้ จนแกบ่นด่างึมงำแทบไม่ขาดปาก..บางวันได้เงินจากลูกสาวก็มาซื้อเหล้ากินเอง ไม่ง้อเหล้าที่ผมซื้อฝากไว้..เมาแล้วก็พูดคุยอะไรพึมพำกับตัวเอง ถือว่าเป็นขี้เมาที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร

    ต่อมา เมื่อขาดเงินก็ไปขอตื๊อจนเจ้าของร้านใจอ่อนรินเพิ่มเป็น 3-4 แก้ว ผมรู้ว่าเหล้าหมดก็ซื้อฝากไว้ให้ตามเคย

    วันเกิดเหตุ ผมบึ่งรถไปรับภรรยากินข้าวตอนค่ำวันศุกร์ ขากลับผ่านร้านนั้นก็ถามถึงเหล้าที่ฝากไว้ว่าเกือบหมดหรือยัง? ได้รับคำตอบว่าลุงฉิ่งเพิ่งมาขอยกไปทั้งขวดเมื่อตอนบ่าย พอไม่ให้ก็โวยวายว่าเป็นเหล้าของแก เพราะผมจ่ายเงินให้แล้ว อาเฮียไม่มีสิทธิ์จะเก็บเหล้าเอาไว้ ไม่งั้นถือว่าโกงลูกค้า..เลยต้องให้ไปเพื่อตัดรำคาญ

    เมื่อไปถึงบ้านพักราว 3 ทุ่มเศษ ปรากฏว่าลุงฉิ่งนุ่งโสร่งเก่าๆ ตัวเดียวยืนยิ้มระรื่นอยู่ใต้ต้นสัก เอ่ยปากขอเงินกินเหล้า! ภรรยาผมจึงดุเอาว่าไปเอามาดื่มจนหมดขวดแล้วยังไม่พออีกหรือ? อยากตายเร็วๆ หรือไง?

    แกก้มหน้านิ่งเหมือนสำนึกตัวได้ กลิ่นเหล้าโรงโชยกรุ่น ผมเลยไล่ให้แกไปนอน พรุ่งนี้ค่อยมาพูดกัน ลุงฉิ่งก็หมุนตัวกลับเดินหงอยๆ ลับไปในความมืด

    สักพักใหญ่ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงหวีดร้องโหยหวนดังมาจากบ้านลุงฉิ่ง..ผมกับภรรยารีบวิ่งไปดูก็ตกตะลึง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

    ชบากำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ พ่อที่นอนอยู่บนเสื้อน้ำมันขาดๆ มีทั้งกลิ่นเหล้าระคนกลิ่นอับๆ ในห้องคับแคบนั้น เธอเล่าว่าเพิ่งเลิกงานกลับมาก็เห็นพ่อนอนตายอยู่ที่นี่แล้ว

    แสงไฟจากเพดานส่องให้เห็นร่างผู้ตายนอนลืมตาโพลง มีมดดำไต่ยั้วเยี้ยอยู่ตามปากจมูกและนัยน์ตา..ภรรยาผมพึมพำว่าสภาพศพคงจะตายมาตั้งแต่ตอนเย็นแล้วอย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมง!

    จะว่าผมตาฝาดเพราะดื่มเบียร์ก่อนอาหาร แต่ภรรยาผมก็เป็นคนดุแกแท้ๆ จนแกเดินก้มหน้าจากไป..ผมเลยต้องให้เธอเป็นฝ่ายขับรถเข้ากรุงเทพฯ อยู่เดือนเศษ เพราะกลัวว่าจะเห็นลุงฉิ่งมาขอเหล้าอีกน่ะซีครับ คราวนี้มีหวังช็อกตายกันทั้งสองคนแน่ๆ เลย

    ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก
    ใบหนาด
    - ข่าวสด
     

แชร์หน้านี้

Loading...