เรื่องเด่น บารมีของเราพร่องตรงส่วนไหน ?

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 23 มีนาคม 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,529
    ค่าพลัง:
    +26,367
    004.jpg
    มีคนถามอาตมาว่า รู้ตัวอยู่ว่ามีหน้าที่ต้องทำอะไร แต่ไม่มีกำลังใจที่จะไปขวนขวายทำ อยากทราบว่าขาดตกบกพร่องอะไรตรงไหน ? ซึ่งคาดว่าพวกเราหลายคนก็เป็นเช่นนี้ การที่เรารู้ว่าตนเองต้องทำอะไร แต่ไม่มีอารมณ์ที่จะไปทำ มีความขวนขวายน้อย เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุที่หนึ่ง ก็คือ เข้าถึงมรรคถึงผลแล้ว ไม่เห็นสาระแก่นสารในสิ่งที่ตนเองต้องไปทำ จึงหมดความอยากที่จะทำในสิ่งนั้น ๆ

    ส่วนสาเหตุที่สอง ก็คือ กำลังใจของเรายังไม่เพียงพอ ยังตกเป็นทาสของกิเลสอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้น สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เราต้องปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา กิเลสรู้ว่าถ้าเราปฏิบัติสิ่งทั้งหลายเหล่านี้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง เราก็จะหลุดพ้นไปจากเงื้อมมือของเขาไปได้ ดังนั้น...เขาก็จะดลใจให้เราขี้เกียจ ไม่มีอารมณ์ที่จะปฏิบัติ ก็แปลว่าในส่วนที่บกพร่องมากที่สุดของเราก็คือสมาธิ จึงไม่มีกำลังพอที่จะต่อต้านอำนาจของกิเลสได้

    ดังนั้น ถ้าผู้ใดเกิดอารมณ์ในลักษณะอย่างนี้ ให้หันมาเร่งในเรื่องของสมาธิภาวนาเข้าไว้ ถ้าหากว่าเราภาวนาจนกำลังใจทรงตัว คราวนี้ก็จะมีความพากเพียรบากบั่นไม่ย่อท้อ ตั้งหน้าตั้งตาทำในสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายที่เป็นหน้าที่การงานของเราให้สำเร็จลง ด้วยเห็นว่าเรามีชีวิตอยู่ในวันนี้เพียงวันเดียวเท่านั้น ในเมื่อเรามีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวเท่านั้น เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เพื่อถึงเวลาจะได้จากไปอย่างสง่างามที่สุด อยู่คนเขาก็เกรงใจ ไปคนเขาก็คิดถึง

    เมื่อเป็นดังนั้นก็จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มสติเต็มกำลัง ซึ่งบุคคลที่เข้ามาถึงตรงจุดนี้ก็จะโดนนินทาในลักษณะที่ว่า จะบ้างานไปถึงไหน ? แต่ความจริงแล้วท่านทั้งหลายเหล่านี้ ทำในลักษณะทิ้งทวน ทำในลักษณะงานชิ้นสุดท้าย เป็นงานครั้งสุดท้าย จึงต้องทำให้ดีที่สุด ให้เต็มกำลังที่สุด ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้ากำลังใจของท่านยังไม่พอ พูดไปบางทีก็ฟังไม่เข้าหู

    ในส่วนของการปฏิบัตินั้น เราต้องสร้างเสริมสติ โดยเฉพาะอานาปานสติ คือการระลึกถึงลมหายใจเข้าออก ถ้าอานาปานสติคล่องตัว ก็จะเกิดกำลังจากสมาธิ เมื่อสมาธิทรงตัว จิตใจสงบแนบแน่น ปัญญาก็เกิดได้ง่าย เมื่อสติระลึกรู้ว่า ทางนี้เป็นหนทางที่ผิด ก็จะใช้สมาธิระงับยับยั้งไม่ให้ก้าวไปยังหนทางนั้น และใช้ปัญญาตรึกตรองดูว่า แล้วหนทางที่ถูกเป็นอย่างไร ? เมื่อเห็นว่าหนทางที่ถูกนั้นเป็นทางใดแน่ ก็จะมุ่งตรงไปยังทางนั้น

    ดังนั้น...ในสิ่งที่ผู้ถามถามว่า รู้อยู่ว่าต้องทำหน้าที่อะไร แต่ว่าไม่มีกำลังใจที่จะไปทำ ก็คาดว่าจะเป็นในอย่างที่ ๒ ก็คือปล่อยให้กิเลสมีอำนาจมากกว่า เรียกว่าแต่ละวันหายใจทิ้งไปเปล่า ๆ โดยไม่ได้กำหนดสติตามดูตามรู้ในลมหายใจเข้าออกของตนจนมั่นคงเพียงพอ ถ้าลักษณะอย่างนี้ก็จะต้องแพ้กิเลสไปเรื่อย ๆ และอาจจะหมดกำลังใจที่อยากจะทำความดีไปเลย

    เพราะฉะนั้น...ท่านทั้งหลายที่เข้ามาปฏิบัติธรรม คงจะเคยได้ยินอาตมาพูดหลายครั้งแล้วว่า คำตอบแทบทุกประการจากการปฏิบัติธรรมนั้น อยู่ที่ตัวสมาธิแทบทั้งสิ้น ยกเว้นช่วงสุดท้ายที่ต้องใช้ปัญญาในการตัดกิเลส แต่ก็ยังต้องอาศัยกำลังจากสมาธิช่วยตัดกิเลสอยู่ดี พวกเราจึงไม่ควรทิ้งอานาปานสติอย่างเด็ดขาด เพราะอานาปานสติหรือว่าลมหายใจเข้าออก เป็นพื้นฐานใหญ่ของกองกรรมฐานทั้งปวง เป็นกำลังช่วยกดกิเลสให้นิ่ง บั่นทอนกำลังกิเลสให้น้อยลง และช่วยให้เราตัดละกิเลสได้ง่ายขึ้น

    เมื่อทราบถึงสาเหตุแล้ว ก็ให้เร่งปฏิบัติในอานาปานสติให้จริงจังกว่านี้ เพื่อที่จิตจะได้มีกำลังต่อต้านกระแสกิเลสได้ ไม่ไหลไปตามอารมณ์ใจใฝ่ต่ำอย่างเดียว

    ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันเสาร์ที่ ๑๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘

    ที่มา : www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...