นิมิต

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 25 มิถุนายน 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,491
    คนเราเวลานอนหลับแล้วถ้าฝันเห็นในสิ่งต่างๆ ซึ่งพิสูจน์ได้ภายหลังว่าสิ่งที่เห็นในฝันมีอยู่จริง “สุบินนิมิต” แต่ในขณะเดียวกัน “การทำสมาธิ” ก็อาจทำให้เห็นสิ่งต่างๆ ได้เช่นเห็นแสงสว่างเป็นสีต่างๆ เห็นภาพบ้านเรือน ผู้คน เวียงวัง พระสงฆ์ เทพเทวดาหรือเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งในอดีตและในอนาคต การเห็นเหล่านี้จัดว่าเป็น “สมาธินิมิต”
    [​IMG]
    กล่าวกันว่าการนั่งสมาธิและได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน “นิมิต” นั้นจะชัดเจนกว่าความฝัน เพราะความฝันเมื่อตื่นแล้วเราจะลืม แต่นิมิตนั้นจะติดตาจำได้แม่นยำ กรณีนี้ในวงการแพทย์อาจลงความเห็นว่า เป็นภาพหลอนจากจิตที่ปรุงแต่งขึ้นเอง แต่ผู้ที่ฝึกสมาธิแกกล้ายืนยันว่าคนที่มีจิตใจปกติมีจิตสงบมากและมีสติอยู่กับตัวทุกขณะเวลานั่งสมาธิจะสามารถเห็นภาพหรือเหตุการณ์บางอย่างในสมาธิได้ และถึงแม้ว่าการรู้เห็นใน “จิต” จะเป็นผลพลอยได้จากการบำเพ็ญสมาธิ แต่ก็ไม่อาจเกิดขึ้นกับทุกคนเสมอไป และเมื่อเกิดกับใครก็ตาม จงอย่าไปยึดมั่นถือมั่นเพราะจะทำให้ติดอยู่แค่ “โลกียญาน” เท่านั้น!
    “นิมิต” จะเกิดที่จิตเมื่อสมาธิเริ่มเข้าสู่ความสงบ เราจะเห็นได้ขณะที่หลับตาอยู่โดยอาจได้ยินเสียงหรือเห็นเป็นภาพ บางคนเมื่อนั่งจนสมาธิจิตสงบ สัญญา ความทรงจำเก่าๆ ที่อาจเคยรู้เห็นมาแล้วก็จะมาปรากฏเป็นภาพให้เห็นอีก ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้ตั้งใจจะเห็นเช่นนั้น แต่เกิดขึ้นเพราะเป็นการนิมิตเตือนให้รู้จาก “สิ่งศักดิ์สิทธิ์”
    อยากจะเล่าประสบการณ์ของหญิงสาวผู้หนึ่งเกี่ยวกับสื่อสัมผัสจากสมาธิของเธอ...คุณรัศมี บุญบรรจง มีอาชีพทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ แถวย่านพระราม 6 “นิมิตประหลาด” ที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำสมาธิ โดยส่วนตัวแล้วคุณรัศมีสนใจการปฏิบัติธรรมมานาน และที่สนใจทางด้านนี้นั้นเธอบอกว่าไม่ใช่สาเหตุมาจากความทุกข์ดังที่หลายคนเป็น แต่สนใจเพราะชอบและมีความสุขจากการได้ปฏิบัติ
    “คือจริงๆ แล้วไม่เชิงว่าทุกข์ถึงได้หันมาสนใจด้านนี้ เพราะปกติจะไหว้พระและชอบด้านนี้อยู่แล้ว ก็ค่อยๆ เรียนรู้ บังเอิญว่าได้ไปฝึกสมาธิก็เริ่มศึกษาเรื่อยๆ พอไปทำบุญที่วัดโน้นวัดนี้ก็ได้เจอคนนั่งสมาธิก็พลอยนั่งไปกับเขา จึงค่อยรู้ขึ้น นั่งสมาธิครั้งแรกเมื่ออายุ 20 ปีต้นๆ ที่วัดวิเวกสันติธรรม หัวหิน คือมีญาติของพี่เขาชวนไปบวชพราหมณ์ ที่นั่นก็จะมีแม่ชีสอนการนั่งสมาธิโดยใช้หลักพุทโธ”
    “ระหว่างที่บวชก็นั่งสมาธิอยู่ทุกวันก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จนมาวันหนึ่งวันนั้นระหว่างที่นั่งก็นึกถึงน้าคนที่เสียไป คือจู่ๆ เขาก็นอนหลับตายไปเฉยๆ ก็อธิฐานจิตให้บุญกุศลนี้ถึงน้าด้วย ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าต้นไม้ที่หน้ากุฏินั้นเขย่า ซึ่งพอได้ยินต้องรีบบอกว่า อุ้ย...ไม่ต้องเขย่าหรอก...กลัว คือไม่ต้องมาให้เรารู้หรอก บุญกุศลที่เราทำนี้เราก็ให้ ก็สวดมนต์ สัพเพ สัตตา ให้เขาก็เหมือนรู้น่ะ ต้นไม้ก็เลิกเขย่าไป เขาคงได้รับบุญส่วนนั้น...
    จากนั้นก็เริ่มทำสมาธิต่อไปได้ซักพักเมื่อจิตว่างเป็นสมาธิ จู่ๆ ก็เห็นภาพในสมาธิเป็นพานวางไว้ มีพวงมาลัยวางพาดดาบบนพาน ดาบสวยมากอยู่ในฝักเป็นด้ามยาว และมีง้าวตั้งอยู่ข้างๆ ชูสูงขึ้น ก็เพ่งอยู่ตั้งนาน ว่าเอ๊ะ...เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับของพวกนี้แล้วทำไมเราเห็น ก็นึกว่าเป็นภาพหลอนตา แต่เห็นอยู่ตั้งนานก็ไม่ยอมหาย และยังมีความรู้สึกว่าขณะที่นั่งมันเหมือนกับมีคนมานั่งล้อมรอบ โดยที่เป็นคนๆ เดียวกันแล้วเขาเกล้าผมมวยใส่ชุดขาว ซึ่งระหว่างที่อยู่ในสมาธิแม้ว่าร่างเราจะทื่อๆ แต่จิตเราจะรู้และเมื่อเห็นอะไรก็จะไม่ตกใจ”
    [​IMG]
    การสัมผัสนิมิตในสมาธิของคุณรัศมีเธอไม่ได้แค่พบเห็นภาพในนิมิตเพียงครั้งเดียว ในเวลาต่อมาเมื่อเธอนั่งสมาธิอีกเธอกลับเห็นภาพสตรีผู้หนึ่งนั่งอยู่บนคอช้างและถูกฟันพาดจากช่วงคอเฉียงลงมาจนล้มตายบนคอช้าง เลือดท่วมตัว ภาพดังกล่าวคุณรัศมีไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรและเธอเองก็ไม่ได้ลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเท่าใดนัก เธอจึงไม่ทราบว่าภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพเหตุการณ์ของพระวีรสตรีสูงศักดิ์องค์หนึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่เคยถูกฟันด้วยพระแสงของง้าวจนองค์ขาดสะพายแล่งสิ้นพระชนม์บนคอช้าง จนมาทราบความจริงจากหลวงพ่อ พระป่าซึ่งเป็นพระปฏิบัติรูปหนึ่งที่วัดเขากระปุก จ.เพชรบุรี ว่าเธอเองเคยเกิดในแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา
    “คือตอนแรกพอนั่งแล้วเห็นอย่างนี้ก็สงสัย คิดเหมือนกันว่าทำไมสิ่งเหล่านี้ต้องมาให้เราสัมผัส วันหนึ่งได้มีโอกาสไปที่วัดเขากระปุก ซึ่งวัดนี้เป็นวัดที่สงบเป็นป่าดี หลวงพ่อท่านสอนดี ไปถึงที่นั่นก็เลยถามหลวงพ่อดูว่า นั่งแล้วเห็นอย่างนี้นะ ซึ่งเห็นเป็นดาบแล้วมีเหล็กแหลมๆ ไม่รู้หรอกว่าอะไรหลวงพ่อก็บอกเขาเรียกว่า “ง้าว” ก็เพิ่งรู้ว่า “ง้าว” นี่หน้าตาเป็นอย่างนี้เหรอ เพราะเราไม่เคยเห็นไม่เคยยุ่งกับของพวกนี้ หลวงพ่อท่านก็นั่งดูให้แล้วบอกว่า นั่นคือนิมิตจาก “สมเด็จพระสุริโยไท” แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเรามีอะไรเกี่ยวข้องกับท่าน ทำไมเราต้องสัมผัสและท่านต้องการมาสื่ออะไร ทำให้ตอนนั้นจากที่ไม่เคยรู้พระประวัติความเป็นมาของพระองค์ท่านเลยก็ทำให้อยากค้นหาว่าท่านเป็นใคร เป็นมายังไงจริงๆ แล้วตัวเองเป็นคนแข็งอยู่ข้างในไงคะ ทีแรกฟังแล้วก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็มีบางครั้งที่เคยนั่งแล้วเห็นอะไรว๊อบๆ แว๊บๆ คล้ายพวกวังอะไรอย่างนี้ แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเพราะไม่ได้เห็นนาน อาจเป็นเพราะจิตเราปรุงแต่งเองหรือเปล่า บางครั้งอาจเห็นภาพหลอน แต่นิมิตที่เห็นภาพโดนฟันขาดสะพายแล่งคือพันพาดผ่านคอขณะที่นั่งอยู่บนคอช้างเป็นภาพที่ติดตามมากจริงๆ และพอเห็นแล้วเหมือนจิตลึกๆ มันอาลัยอาวรณ์ อยากจะร้องไห้ มันบอกไม่ถูก”
    จากข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์ “พระสุริโยไท” คือสตรีผู้สูงศักดิ์ในราชสำนักอยุธยาพระองค์เป็นพระมเหสีของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ที่ได้สร้างวีรกรรมที่สำคัญไว้โดยทรงไสช้างเข้าขวางช้างศึกของพระเจ้าแปรเพื่อช่วยพระราชสวามีจึงถูกพระเจ้าแปรฟันจนสิ้นพระชนม์บนคอช้าง
    การยกทัพลงมาตีกรุงศรีอยุธยาของพระเจ้าตะเบงชะเวตี้มีผลสืบมาจากที่พม่าเคยเสียทีแก่ไทยครั้งสงครามชิงเมืองเชียงกราน พม่าจึงคิดจะแก้แค้นในครั้งนี้เพราะรู้ข่าวว่าทางฝ่ายกรุงศรีอยุธยาเพิ่งมีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินใหม่โดยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ขึ้นเป็นกษัตริย์จึงคิดว่าไทยกำลังอ่อนแอจึงถือโอกาสมาตีไทย โดยจัดทัพมาเป็นทัพใหญ่มีกำลังประมาณ 3 แสนคนแบ่งกำลังทัพใหญ่ออกเป็น 3 กองทัพมี พระเจ้าแปรเป็นกองกลาง บุเรงนองเป็นปีกซ้าย พระเจ้าตะเบงชะเวตี้เป็นอีกขวาแล้วให้ฝ่ายกองกลางของพระเจ้าแปรเป็นฝ่ายตั้งรับ มีกองทหารม้าออกไปล่อกองทัพกรุงศรีอยุธยาให้ออกมา
    เมื่อกองทัพกรุงศรีอยุธยาออกไปพระสุริโยไทรู้สึกว่าศึกครั้งนี้ฝ่ายศัตรูมีกำลังมากจึงมีความห่วงใยในพระราชสวามีและเหล่าทหารหาญจึงได้ปลอมองค์เป็นบุรุษทรงช้างพระที่นั่งตามเสด็จไปในกองทัพของพระมหาจักรพรรดิ์ ระหว่างการรบสมเด็จพระสุริโยไทเห็นพระสวามีไสช้างพระที่นั่งเข้าชนกับช้างพระเจ้าแปรทัพหน้าของพม่า เมื่อพระมหาจักรพรรดิ์เสียทีแก่พระเจ้าแปร เห็นช้างพระเจ้าแปรกำลังไล่พระราชสวามีมาก็เกรงว่าจะได้รับอันตราย พระองค์จึงได้ไสช้างพระที่นั่งเข้าขวางศัตรูอย่างรวดเร็ว จึงถูกพระเจ้าแปรแม่ทัพหน้าของพม่าฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระองค์ขาดสะพานแล่งสิ้นพระชนม์บนคอช้าง ณ บริเวณทุ่งภูเขาทอง สนามรบครั้งกรุงศรีอยุธยา
    [​IMG]

    พระศพของพระองค์ถูกนำกลับสู่พระนครและจากการสูญเสียครั้งนี้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ทรงเสียพระทัยมากจึงดำริให้สร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ตรงที่พระราชทานเพลิงศพเรียกว่า “พระเจดีย์ศรีสุริโยไท” ซึ่งพระเจดีย์แห่งนี้ในปี พ.ศ.2533 ได้มีการค้นพบพระบรมสารีริกธาตุภายในแกนยอดองค์เจดีย์ และบริเวณรอบเจดีย์ศรีสุริโยไทนี้เมื่อครั้งบ้านเมืองยังดีเคยใช้ที่นี่เป็น “วังหลัง”และเป็น “สวนหลวง” แต่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งหน่วยงานของกรมศิลปากร

    จากพระประวัติที่กล่าวมาจะเห็นว่า “พระสุริโยไท” ทรงมีน้ำพระทัยเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ พระองค์ทรงสละชีวิตกลางศึกเพื่อพระราชสวามีและประเทศชาติ นับว่าเป็นยอดวีรสตรีที่กล้าหาญแห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นแบบฉบับอันดียิ่งแก่วีรสตรีไทยในยุคต่อๆ มา



    ที่มา : นิตยสารหญิงไทย
    ฉบับที่ 620 ปีที่ 26
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2006
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,491
    เหตุการณ์ในนิมิตจากสมาธิที่คุณรัศมี บุญบรรจง ได้สัมผัสอาจทำให้หลายท่านที่ยังไม่เคยนั่งสมาธิสนใจอยากจะลองฝึกนั่งดูบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณรัศมีก็ได้ให้ความเห็นว่า

    [​IMG]

     
  3. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,526
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,015
    เรื่องของนิมิตนี่ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริงเราก็ไม่ควรไปยึดติดจริง ๆ ครับไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นกิเลสไป ถ้าไปยึดติดมาก ๆ แบบเคยนั่งแล้วเห็นแล้วเดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้ว การทำสมาธิของเราจะไม่ก้าวหน้าและเผลอ ๆ อาจทำให้เราเป็นบ้าและเสียสติได้ ตรงนี้ต้องระวังมาก ๆ ครับสำหรับคนที่ทำสมาธิทุกคน ฝากไว้ด้วยครับ
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,073
    ค่าพลัง:
    +70,223
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,073
    ค่าพลัง:
    +70,223
    ธรรมดาของ "คน " ....ชินที่จะโทษปัจจัยภายนอก ( เช่นนิมิต หรือตัวถูกรู้ เป็นต้น)
    ไม่ย้อนกลับมาดูแก่นภายในคือจิตตน
    หากมีสติ และสัมปชัญญะ ที่ฝึกจนชิน และเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
    จะไม่โทษสิ่งใดภายนอกจิต ...มีแต่จะสำนึกว่า ตนยังฝึกสติ-สัมปชัญญะไม่พอ
    แล้วเพียรเจริญต่อไป จนเป็นมรรค เป็นผล ในเส้นทางอริยมรรคมีองค์แปด
     

แชร์หน้านี้

Loading...