นิมิตรที่เกิดขึ้นคืออะไรคะ

ท่าทางสติผมกะอยู่กักายตลอด
มันไม่ฟุ้งไปไหนหลอกครับ
บากที่ผมคุยไม่ตรงประเต้น
เพราะเตื่อนตัวเองเฉยๆ

 

ทีรับเข้ามากะเอาไว้ปรุงจิตตัวเองไปนะครับ

 

ที่ปล่อยออกกะไว้เตือนตัวเอง
ในปัจจัยที่รับมา

 

ร่อน ร่อน เริ่มฟุ้งละร่อน..

ไปนอนเหอะ พรุ่งนี้ค่อยเข้ามา..

 

ปะนอน..

ไปจริงล่ะทีนี้..

เพราะมีอะไรมาสะกิดถึงต้องกลับเข้ามา..

ฝานดีเด้อ..

 

สิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน อันนี้ก็เกินกำลังของชา สิ่งที่คุณเจ๊ฉวีแนะนำก็มีเหตุผลอยู่ การปฏิบัติด้วยการทดลองย้ายสายไปเรื่อยๆอันไหนว่าดีก็ตามกันไป ก็ทำให้หลงทางได้อยู่เหมือนกัน การปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็ควรศึกษาให้ลึกซึ้งและแจ่มแจ้ง ก็ขึ้นอยู่กับแนวทางการปฏิบัติของแต่ละคน ก็ขอให้คุณกระร่อนเจริญในธรรมนะคะ

 

มันกะเป็นธรรมอันเดียวกันหมดละครับ
จะสายไหน
กำจัดกิเลสตัวเองไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง
ใครกิเลสมากกะทุกข์มาก
กิเลสน้อยกะทุกข์น้อย

 

ฉวี อีรุงตุงนัง

 

ของมันเสื่อมได้นาครับ ผมว่าอะไรที่มันเสื่อมได้อย่าไปยินดีมาก มันจะเป็นวิปัสนูกิเลส ของผมก็เสื่อมๆไปหลายอย่างละ...เสียดาย

 

นั่นคือ กสินแสงสว่าง ก็คือ การเพ่งแสงสว่าง นั่นเอง
เป็นของเก่าที่ติดตัวมาตั้งแต่ใน อดีตชาติ

ให้ฝึกกสินแสงสว่าง ก่อนอย่างอื่น
แล้วจะมีของเก่าตามมา ให้ใช้งานได้

 

สัญญาณความเป็นแม่มันจะอีลุงตุงนังหน่อย
ต้องขอตังบ่นเสร็รจจ่ายตังด้วย55

 

ดีนะที่ไม่ใช่สัญญาความเป็นมนุษย์...ป้าาา

 

อะไรที่มันนไม่เที่ยงก็เป็นของธรรมดา เหมือนมารในใจคนที่ยั่วยุให้เกิดกิเลสอย่างหยาบรู้ไม่เท่าทันก็หลงวนเวียนเอาง่ายๆ ชาอยากรู้ว่านิมิตรที่เกิดขึ้นคืออะไร และจะปฏิบัติต่อไปยังไง ก็ขอบคุณที่เตืือนนะคะ

 

ก็นี่ไง ที่ ฉวี เขาทัก

ติตอยู่ที่ รูป

หลับตาเห็นแต่ สีเลือดช้ำเนื้อช้ำ อันเกิดจาก
บีบบี้กล้ามเนื้อ ลูกกะตา เพราะ อยากเห็น
ภาพให้ชัดๆ

แทนที่จะ สบายๆ หลับตา แล้ว เออะ สติช

สติช ปรากฏได้ไงเมื่อหลับตา

ก็จะแยกได้ระหว่า อายตนะ ตา กระทบ รูป

กับ มยาตนะ ใจ ที่กระทบ ธรรมารมณ์

แสงสว่าง รูป ต้องใช้แสงอย่างน้อย พระจันทร์

แสงสว่าง มโนยาตนะ ใช้แค่ จิตเป็นกุศล
อ่อน ควรแก่การงาน ทาน ศีล มี ก็เห็นแล้ว

ไม่ใช่ไปเมา วิสุกะทิมรรค สร้าง ดวงประฐม
เฮียอะไร เด่นดวง แล้วค่อยมุด ไปทำนั่น
เสกหนี้ คุยหนี้ เสวนานั้น

 

ทิ้งทวนด้วยการแกล้งให้คนคิด มึนๆไป เพื่อ...

 

อาการคล้ายคนงอล

 

จะเรียกว่านิมิตก็ได้
เมื่อก่อนผมฝึกอานาฯ
ฝึกสติรู้ลมหายใจเข้าออก
ประมาณปี38 มันก็มีนิมิตประเภท
ดวงสว่างเกิดขึ้น เป็นดวงจันทร์บ้าง
ดวงอาทิตย์ใกล้ตกดินบ้าง
แล้วแต่มันจะเป็น และเป็นเอง..

 

แนะนำอ่านหนังสือวิถีจิตหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
วัดป่าสาละวัน โคราช ครับ
ท่านอธิบายไว้ค่อยข้างละเอียด

ผมก็ได้อ่านหนังสือท่านนี้แหละทำให้หายสงสัย
และทราบวิธีภาวนาต่อยอดไปอีก

หรือหาฟังยูทูปก็ได้ ยุคนี้สะดวก
หลักภาวนา วิถีจิต. สมาธินิมิต

 

ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนาแห่ง ปัญญา

หลักการนี้ ต้อง จำให้แม่นๆ

หลักการแม่นแล้ว จะเห็นเลย พวก ลอกอาการครูบาอาจารย์
ฟัง ยูตูบ เพื่อ หูลู่ เอาอย่าง ปากเปราะ เลาะไปเรื่อย มันจะอย่างนึง

แต่ถ้า หลักการแม่น ไม่ต้องฟังใคร ทั้งนั้น

เพราะ ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนาแห่งปัญญา

ทุกวลี ทุกขั้นตอน พระศาสดา สอน หนทางเดียว
กิจเดียว รสเดียว ตลอดสายการปฏิบัติ

ง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่มีอะไร กำไว้ในมือ แอบซ่อน
เป็นความลับ ปากขะมุบขะมิบ

นะ

นิมิต พุทธ เกิดจากเหตุ คือ ความเพียร ในการ
ละกิเลส ตัณหา อุปทาน สถาณเดียว

พอละกิเลส ตัณหา อุปทาน ได้แล้ว สามัญผล
ที่เกิดจาก ปัจจัย จะต้อง ปรากฏ ไม่ปรากฏไม่ได้
เพราะ เหตุ ทำไว้แล้ว

เมื่อ นิมิต เป็นสิ่งเกิดจาก เหตุ อาการ สงสัยว่า
นิมิต เกิดมาทำ เฮีย อะไร จะไม่ปรากฏ เป็นสิ่ง
ถ่วงจิต ให้ต้องไปหา ยูตูบ เพื่อ ลอกสภาวะครู

นิมิตปรากฏ จบลงที่ เหตุ ได้ปรารภแล้ว กิจควรทำ
ได้ทำแล้ว เหตุของการเกิดนิมิตอย่างนี้ ด้วยกิจ
อื่นไม่มีอีก

นิมิตดับ ฉันทะจะดับ

พออาศัย เห็นนิมิตดับ เพื่อเห็น ฉันทะดับ
จะเกิด วิมังสา

วิริยะ จิตตะ มันจะ คอมโบ้ ในตัวอยู่แล้ว
แต่ วิมังสา นี่ ต้องเอามา ตรวจทาน

ถ้า วิมังสา ไม่เกิด มันจะเกิดคำถาม นิมิต
มาทำเฮียอะไร!!

แต่ถ้า วิมังสาเกิด นอกจากจะไม่ถาม
คราวหน้า ยัง ผั๊วะ ไปที่ ภาพนิมิตได้เลย
ไม่ต้องไป มะงุมมะงาหรา บริกรรม รอ
จังหวะ รอส้มหล่น จะหน่วงปั๊ป ปรากฏเลย

เว้นแต่ จะเป็น นิมิต ภายนอก(ธรรมภายนอก)
คือ มีสิ่งอื่นเป็นเหตุ ก็จะอีกเรื่องหนึ่ง หน่วง
ไม่มา แต่พอจูนจิตตรงกันปั๊ป อะจึ๋ย!!!
อันนี้โดยส่วนตัว จะเอา สันติ ยันเปรี้ยง
ไปเลย จะมาทำเฮียอะไร หนา สันติ!!!
คนจะภาวนา

ถ้าไม่ไป ก็ต้องมีเหตุอื่น ก็ค่อยว่ากันอีก
ที แต่ถ้า จิตผู้ภาวนาขณะนั้น ยังลูกผีลูก
คน ก็บอกศาลา ให้ไปหาคนอื่น ไม่เช่น
นั้น จมน้ำตายทั้งคู่ เสียเวลาภาวนา
ทำนิพพานให้แจ้ง

 

อิอิ การภาวนา ครูบาอาจารย์
จำเป็น ไม่งั้นก็ไม่ต้องมีพระศาสดาสิ..

ยกเว้นมันทำตัวเองเป็นศาสดาเสียเอง
รู้เอง สัตรู้เอง..แบบเล่าปัง..อิอิ