นางกากี มาเกิดเป็น?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Sirius Galaxy, 7 ธันวาคม 2015.

  1. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    กากาติชาดก ชาดกว่าด้วยนางกากี

    สรุปชาดก
    พระราชา คืออดีตชาติ พระพุทธเจ้า
    คนธรรพ์ นามว่า นฏกุเวร มาเกิดเป็นภิกษุรูปหนึ่งในสมัยพุทธกาล ผู้มีความกระสันอยากสึก
    พญาครุฑ ไม่ปรากฏ ว่ามาเกิดเป็นอะไรในสมัยพุทธกาล
    นางกากี เป็นมเหสี ของพระราชา( พระโพธิสัตว์) ไม่ปรากฏ ว่ามาเกิดเป็นอะไรในสมัยพุทธกาล

    จากชาดกเรื่องนี้ นำมาศึกษาถอดบทเรียนได้ว่า
    1. ความสวยถือเป็นภัยอย่างหนึ่ง ที่ทำให้บุรุษลุ่มหลง เกิดตัณหา กามราคะ อยากมีเพศสัมพันธ์ ทำให้แก่งแย่ง และผิดศีล5 ข้อกาเม
    2. ทั้งพญาครุฑ และ คนธรรพ์ ล้วนทำผิดศีลข้อ 3 กาเมสุมิจฉาฯ
    3. กากี ถูก พญาครุฑ ฉุดลักลอบมาทำเมีย ทั้งใช้มนต์ และกำลัง จึงตกเป็นเมีย
    4. คนธรรพ์ ใช้อุบายหลอกล่อนางกากี จึงได้ร่วมประเวณีกับนาง
    5. กากี ยังถือว่า นางยังมีบารมีอ่อน หรือบารมีทางด้านศีลยังอ่อน จึงไม่สามารถคุ้มครองตัวเธอได้ รวมทั้งบารมีทางด้านปัญญาที่ไม่สามารถเอาตัวรอดได้ และเป็นเพราะผลของกรรมในอดีตด้วย
    6. ชาตินี้เป็นชาติวัดกำลังใจพระโพธิสัตว์ ว่าจะรังเกียจ ผลักไส หรือเข้าใจ และยอมรับในตัวเธอ และยอมรับในชะตากรรม

    คำถาม
    นางกากี มาเกิดเป็น พระนางพิมพา ใช่หรือไม่?
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถ้ามาเปิดเป็นพระนางพิมมา ก็น่าจะเทศน์บอกไปแล้วครับ ว่าเป็นหรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2015
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    <table height="50" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td vspace="0" hspace="0" bgcolor="white" valign="center" align="center">[​IMG]</td> </tr><tr><td vspace="0" bgcolor="mistyrose" valign="bottom" width="100%" align="center">บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ </td></tr> <tr><td hspace="0" vspace="0" height="1" bgcolor="peachpuff" width="100%">
    </td></tr></tbody></table> <table valign="Bottom" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" vspace="0" width="760" align="center"><tbody><tr><td>[​IMG]</td> <td>[​IMG]</td></tr> <tr><td width="50"> </td><td border="0" width="660">
    <center><big>อรรถกถา กากาติชาดก</big><center class="D">ว่าด้วย นางกากี</center></center> พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันจะสึกรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า วาติ จายํ ตโต คนฺโธ ดังนี้.
    ได้ยินว่า ในกาลนั้น พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอเป็นผู้กระสันจะสึกจริงหรือ? เมื่อภิกษุนั้นทูลรับ จริงพระเจ้าข้า จึงตรัสว่า เพราะเหตุไร เธอจึงกระสันจะสึก. ภิกษุนั้นกราบทูลว่า เพราะอำนาจกิเลส พระเจ้าข้า.
    พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ธรรมดาว่ามาตุคาม ใครๆ รักษาไว้ไม่ได้ ใครๆ ไม่อาจรักษา ก็โบราณก<wbr>บัณฑิตทั้งหลายในกาลก่อน แม้จะให้ยกมาตุคามขึ้นไว้ในวิมานต้นฉิมพลี ในท่ามกลางมหาสุมทร ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
    ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของพระเจ้าพรหมทัตนั้น เจริญวัยแล้ว เมื่อพระราชบิดาสวรรคต ก็ครองราชสมบัติ
    พระอัครมเหสีของพระโพธิสัตว์นั้นพระนามว่ากากาติ ได้มีพระรูปโฉมงดงาม ดุจนางเทพอัปสร.
    นี้เป็นเนื้อความสังเขปในชาดกนี้
    ส่วนเรื่องอดีตโดยพิสดาร จักมีแจ้งใน กุณาลชาดก.
    ก็ในกาลนั้น พระยาครุฑตนหนึ่งแปลงเพศเป็นมนุษย์มาเล่นสกากับพระราชา มีจิตปฏิพัทธ์ในพระนางกากาติอัครมเหสี จึงพาพระนางไปยังสุบรรณภพแล้วร่วม<wbr>อภิรมย์<wbr>อยู่กับพระนาง<wbr>นั้น. พระราชาเมื่อไม่พบเห็นพระเทวี จึงตรัสกะคนธรรพ์ชื่อนฏกุเวรว่า เธอจงค้นหาพระเทวีนั้นดู.
    คนธรรพ์นั้นจึงกำหนดเอาพระยาครุฑนั้น จึงนอนอยู่ในดงตะไคร้น้ำในสระแห่งหนึ่ง ในเวลาครุฑนั้นไปจากสระนั้น ได้เกาะ<wbr>อยู่<wbr>ใน<wbr>ระหว่างปีกไปจนถึงสุบรรณภพ แล้ว<wbr>ออก<wbr>จาก<wbr>ระหว่าง<wbr>ปีก กระทำการเคล้าคลึงด้วยกิเลสกับพระเทวีนั้น แล้วเกาะอยู่ในระหว่างปีกของพระยาครุฑนั้นนั่นแหละกลับมาอีก
    ในเวลาพระยาครุฑเล่นสกากับพระราชา จึงถือพิณของตน มายังสนามเล่นสกา ยืน<wbr>อยู่<wbr>ใน<wbr>ราช<wbr>สำนัก จึงกล่าวคาถาที่ ๑ โดยขับเป็นเพลงขับว่า :-

    หญิงคนรักของเราอยู่ ณ ที่แห่งใด กลิ่นของนางยังหอมฟุ้งมาจากที่แห่งนั้น ใจของเรายินดีในนางใดนางนั้นชื่อกากาติ อยู่ไกลจากที่นี้.

    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า คนฺโธ ได้แก่ กลิ่นแห่งร่างกายของนางนั้นซึ่งลูบไล้ด้วยกลิ่นทิพย์. บทว่า ยตฺถ เม ความว่า หญิงคนรักของเราอยู่ในสุบรรณภพใด อธิบายว่า พระนางทำการเคล้าคลึงกายกับพระยาครุฑนี้ กลิ่นของนางซึ่งติดมากับร่างกายของพระยาครุฑนี้ จึงชื่อว่าฟุ้งมาจากที่นั้น. บทว่า ทูเร อิโต ได้แก่ ในที่ไกลจากที่นี่. หิ อักษรเป็นเพียงนิบาต. บทว่า กากาติ ได้แก่ เทวีพระนามว่ากากาติ. บทว่า ยตฺถ เม ความว่า ใจของเรายินดี คือกำหนัดแล้วเหนือนางใด.

    พระยาครุฑได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
    ท่านข้ามทะเลไปได้อย่างไร ท่านข้ามแม่น้ำเกปุกะไปได้อย่างไร ท่านข้ามทะเลทั้ง ๗ แห่งไปได้อย่างไร ท่านขึ้นต้นงิ้วฉิมพลีได้อย่างไร.

    คำที่เป็นคาถานั้นมีใจความว่า ท่านข้ามทะเลในชมพูทวีปนี้ และแม่น้ำชื่อว่าเกปุกะ ซึ่งถัดจากทะเลนั้นไป และทะเลทั้ง ๗ แห่งซึ่งตั้งอยู่ในระหว่างภูเขาทั้งหลายได้อย่างไร คือข้ามไปได้ด้วยอุบายอะไร และท่านขึ้นต้นฉิมพลีอันเป็นภพของเราซึ่งตั้งอยู่เลยทะเลทั้ง ๗ ได้อย่างไร.

    นฏกุเวรได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-
    เราข้ามทะเลไปได้เพราะท่าน ข้ามแม่น้ำเกปุกะได้เพราะท่าน ข้ามทะเลทั้ง ๗ แห่ง<wbr>ได้เพราะท่าน และขึ้นต้นฉิมพลีได้ก็เพราะท่าน.

    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตยา ความว่า เราเกาะอยู่ในระหว่างปีกของท่านกระทำกิจทั้งปวงนี้ เพราะท่านเป็นตัวเหตุ.

    ลำดับนั้น พระยาครุฑ จึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :-
    น่าติเตียนเราผู้มีกายใหญ่โต น่าติเตียนเราผู้ไม่มีความคิด เพราะว่าเรานำมาบ้าง นำไปบ้างซึ่งชายชู้ของเมีย.

    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ธิรตฺถุ มํ พระยาครุฑ เมื่อจะติเตียนตนเอง จึงกล่าวไว้. บทว่า อเจตนํ ได้แก่ ชื่อว่าผู้ไม่มีความคิด เพราะไม่รู้ความหนักและความเบา เพราะความเป็นผู้มีร่างกายใหญ่โต. บทว่า ยตฺถ แก้เป็น ยสฺมา แปลว่า เพราะเหตุใด ท่าน<wbr>กล่าว<wbr>คำ<wbr>อธิบายไว้ว่า เพราะเหตุที่เรานำคนธรรพ์นี้ผู้เป็นชายชู้ของเมียตนซึ่งเกาะอยู่ในระหว่างปีกมา ชื่อว่านำมา เมื่อนำไปชื่อว่านำไปอยู่ ฉะนั้น น่าติเตียนตัวเรา.

    พระยาครุฑนั้นได้นำพระนางกากาตินั้นไปถวายพระราชา แล้วไม่ได้ไปเล่นสกาอีก.

    พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะ แล้วทรงประชุมชาดกว่า ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กระสันจะสึกดำรงอยู่แล้วในโสดาปัตติผล.
    นฏกุเวรในกาลนั้น ได้เป็นภิกษุผู้กระสันจะสึกในบัดนี้
    ส่วนพระราชาในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.

    จบ อรรถกถากากาติชาดกที่ ๗
    .. อรรถกถา กากาติชาดก ว่าด้วย นางกากี จบ.​
    </td></tr></tbody></table>
     
  5. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    สนใจค่ะ ว่าทำไมเหตุไฉนทรงไม่ตรัสบอกว่าคือใคร
     
  6. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,837
    ค่าพลัง:
    +2,233
    รู้แล้วจะมีประโยชน์สินะคับ
     
  7. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,837
    ค่าพลัง:
    +2,233
    1) ไม่ใช่พระนางพิมพาแน่นอน. .. ถ้าถามว่ารู้ได้งัย?

    ต้องลองไปอ่านบทที่พระนางพิมพาลาพระพุทธเจ้าเข้าพระนิพพานดูครับ แล้วจะรู้
    แม้ไม่บอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สามารถตีความได้


    2) การสงสัยในเรื่องแบบนี้ ระวังตัวด้วยนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2015
  8. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    คำถามกลับ ถ้าท่านเป็นพระราชา ท่านจะทำประการใด
     
  9. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,837
    ค่าพลัง:
    +2,233
    ถ้าถามว่า ถ้าเป็นพระราชาจะทำประการใด นั้นพอตอบได้

    แต่ถ้าถามเลยไปถึงน้ำใจพระโพธิสัตย์นั้น ขอยอมรับว่าไม่อาจเทียบได้ คงเป็นแค่เศษเสี้ยว
     
  10. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,837
    ค่าพลัง:
    +2,233
    ความทุกข์จากการบำเพ็ญบารมี ก็มากแล้ว
    ถ้าทำบาปหาบกรรม ต้องทุกข์เพราะวิบากกรรมซ้ำเติม จะอดทนไหวหรือ?
     
  11. bristol345

    bristol345 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +91
    อย่าดูแค่เรื่องเดียวแล้วตัดสินว่าอะไรเป็นอะไรจนยืดยาวนะครับ ลองไปดู สุสันธีชาดก ดูก็ได้เนื้อเรื่องคล้ายกันมาก แต่มีบางอย่างไม่เหมือน
    http://www.dharma-gateway.com/buddha/chadok-05/chadok-050110.htm
     
  12. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สุสันธีชาดก ว่าด้วยนางผิวหอม

    อดีตชาติพระพุทธเจ้า ในขณะเป็นพระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็นพญาครุฑ แปลงเป็นมาณพหนุ่มเข้าไปเล่นสกากับพระราชาเมืองพาราณสี นามว่า พระเจ้าตัมพราช (ซึ่งเป็นอดีตชาติของพระอานนท์) โดยมีพระนางสุสันธี เป็นพระมเหสี

    วันหนึ่ง พญาครุฑโพธิสัตว์ และพระนางสุสันธี ได้พบเห็นหน้ากัน จากนั้น พญาครุฑโพธิสัตว์ ได้ลักลอบพานางกลับไปยังพิภพของตนและสมสู่นางเป็นภรรยา

    หลังจากนั้น พระเจ้าตัมพราช ได้ให้คนธรรพ์ชื่อว่า อัคคะ ไปทำการสืบ และพาพระนางสุสันธีกลับคืนมา ซึ่งคนธรรพ์ ได้พบพระนางแล้ว ก็สมสู่กับพระนางอีก

    สรุป ทั้งพญาครุฑโพธิสัตว์ และคนธรรพ์ ต่างก็ผิดศีลข้อ กาเมสุมิจฉาฯ

    สรุปประชุมชาดก
    พระเจ้าตัมพราช ได้มาเกิดเป็นพระอานนท์
    พญาครุฑโพธิสัตว์ คือ อดีตชาติพระพุทธเจ้า
    คนธรรพ์ นามว่า อัคคะ ไม่ปรากฏ ว่ามาเกิดเป็นอะไรในสมัยพุทธกาล
    พระนางสุสันธี ไม่ปรากฏ ว่ามาเกิดเป็นอะไรในสมัยพุทธกาล
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    แต่ชาดกสองเรื่องนี้ ทำให้ได้แง่คิดบางประการ

    ทำให้เรามองเห็นภาพของกฎแห่งกรรมได้อย่างหนึ่งว่า....

    ที่เขาบอกว่า "ไม่อยากให้คนอื่นทำอย่างไรกับเรา เราก็อย่าได้ทำนั้นอย่างนั้นกับเขา"

    เวลาที่ตัวเองเจอบ้าง จะได้รับรู้ว่า.....เขารู้สึกอย่างเป็นอย่างไร?

    เวลาวิบากกรรมส่งผล ต้องยอมรับ และชดใช้ โดยมิได้คร่ำครวญแต่อย่างใด

    จะได้เข้าใจว่า..ทุกอย่างล้วนมีเหตุที่มาที่ไป ก็ดีเหมือนกันนะ ให้เป็นแง่คิดดีคะ
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ก็จะได้รู้ไงค่ะ เวลาทำอะไรเพื่อตนเอง สนองกิเลสตัณหาแต่ตัวเอง
    ก็ได้รับผลเช่นกัน ไม่ยกเว้นแม้แต่บุคคลใด
     
  15. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    ผมเป็นผู้หนึ่งที่ปรารถนาพุทธภูมิ แบบวิริยะธิกะ
    เหตุที่นำชาดก 2 เรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพื่อเตือนใจตน สอนใจตน
    และเรื่องก็คล้ายๆกับชีวิตจริงในปัจจุบันของผม
    แต่ผมกลับไม่ค่อยรู้สึกว่าทุกข์มาก รู้สึกเป็นเรื่องธรรมดา
    และยอมรับและเข้าใจในตัวเธอ
    คือ หญิงชายก็เหมือนๆกัน บางชาติเป็นชาย บางชาติเป็นหญิง
    หรือแม้แต่ในชาติเดียวกัน ผ่าตัดแปลงเพศ เปลี่ยนเป็นหญิงเป็นชายได้โดยง่าย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2015
  16. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,837
    ค่าพลัง:
    +2,233

    ชาดกเรื่องนี้ ผิดปกติหลายอย่าง
    1) นาง"สุสันธี" จริงๆ บาลีเขาแปลว่า "เอวงาม" ตรงๆ แต่ชาดกกลับแปลว่า นางผิวหอม

    2) ชาดกเรื่องอื่นๆ ทั่วไป หากพระพุทธเจ้าจะแก้ให้ใคร ท่านจะระลึกชาติ
    เรื่องราวของคนนั้นเพื่อให้เกิดกำลังใจด้วย .. แต่เรื่องนี้กลับไม่มีบุคคลนั้นเกี่ยวเลย

    3) ชาดกเรื่องนี้ พระโพธิสัตว์มีเรื่องทำไม่ดีอยู่ด้วย ซึ่งผิดกฎการสั่งสอน
    เพราะการเล่าเรื่องไม่ดีของตนจะต้องสอนเรื่องโทษของการทำไม่ดี
    แต่เรื่องนี้ กับสอนเรื่องอื่น ซึ่งการทำเช่นนี้ ย่อมยากที่จะสร้างศรัทธาความเลื่อมใสในผู้ฟังได้
     
  17. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    สรรพสัตว์ต่างเวียนว่ายตายเกิดในห้วงทุกข์นี้มาอย่างยาวนาน ต่างเคยเป็นนั่นเป็นนี่กันมามากมาย บางทีเป็นลูกคนนั้น อีกชาติก็มาเป็นลูกคนนี้ เคยเป็นภรรยาของคนนั้นคนนี้ เป็นสามีของใครก็มากมาย แม้แต่พระโพธิสัตว์ของเราก็ไม่ยกเว้น ทรงเกิดเป็นลูกของคนมากมาย เป็นสามีของหญิงมากมาย เป็นบิดาของคนมากมาย ซึ่งสรรพสัตว์ที่มิได้เป็นญาติกันหรือมีสายสัมพันธ์นั้นหาได้ยาก
    ชาดกนี้น่าจะเกิดในยุคต้นของการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ก่อนที่จะได้รับพุทธพยากรณ์จากพระทีปังกรพุทธเจ้า ดังนั้นพระนางพิมพาจึงยังไม่ได้มาเป็นคู่สร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ พระนางกากีและบุคคลอื่นที่ไม่ได้เฉลยว่าคือใคร ก็เพราะต่างไปตามเวรกรรมของตนไม่ได้มาเกิดร่วมยุคหรือร่วมแผ่นดินกับพระโคดมพุทธเจ้า ดังนั้นหากเป็นบุคคลที่ไม่ได้มาเกิดมามนุษย์และร่วมยุคร่วมแผ่นดินกันก็จะไม่รู้ว่าจะกล่าวถึงได้อย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2015
  18. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    เพราะไม่ได้มาเกิดเป็นใครที่อ้างอิงได้ในตอนนั้น
    บอกไปก็ไม่รู้จัก มองไม่เห็น

    การชี้แจงว่าทุกคนในโลกเคยเกิดเป็นอะไรบ้าง ขณะนี้อยู่ที่ไหน มันเสียเวลามหาศาล
     
  19. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    ขออนุโมทนา สาธุ ครับ __/|\__

    ในโลกธาตุสมัยที่เราตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในยุคนั้นสมัยนั้น สัตว์ทั้งหลายต่างมีคู่ครองของตน ยึดมั่นในคู่ครองของตน ไม่ล่วงละเมิดในบุคคลอื่น รักเดียวใจเดียว ไม่สมัยนั้นไม่มีอาชีพโสเภณี หญิงขายบริการ นี้คำอธิฐานของเรา เราอธิฐานเช่นนี้เสมอ
     
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    เรามาวิเคราะห์กรรม และ ผลกรรม จากชาดกทั้งสองเรื่องนี้ได้ไหมค่ะ
    ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นจริง ที่เขาเรียกว่า วงเวียนกรรม แล้วถ้าเกิดกับเรา
    เราจะตัดกระแสวงเวียนนี้ได้อย่างไร

    มนุษย์ในโลกทุกคนนี้ ที่วนเวียนตายและเกิด ไม่รู้จบสิ้น

    ก็เพราะ....มีเหตุ เป็นปัจจัย 3 อย่าง คือ

    กิเลส 》กรรม 》วิบาก》

    ทำให้หมุนวงเป็นวงกลม o ทำผล และ รับผล อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด

    เคยมีพระรูปหนึ่งเล่าว่า ได้ลงไปช่วยพ่อในนรก
    ในนรกเป็นที่กำหลาบนิสัย เพื่อให้เข็ดหลาบจากการทำผิด
    เพื่อให้สำนึก พอโดนลงโทษ ใจก็บอกว่าเข็ดแล้ว ไม่เอาแล้ว
    เพราะตอนนั้นได้รับความทุกข์จากการถูกลงโทษ เลยกลัว
    แต่เมื่อ ได้ทดลองใจใหม่ ว่าจะทำเหมือนเดิมอีกไหม
    ก็มีแรงดึงจากความติดใจ ก็กลับไปทำเหมือนเดิม
    ก็ไม่เข็ดหลาบ

    มันก็เลยเป็น...... วงเวียนกรรม

    เกิดความอยาก 》เกิดการกระทำ 》 จึงรับผล แล้ว.....

    เป็นนิสัย ก็เกิดความอยากอีก 》 เกิดการกระทำ 》แล้วรับผล แล้ว....

    เป็นนิสัย ก็เกิดความอยากอีก 》เกิดการกระทำ 》จึงรับผล

    วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่มีวันจบ.....

    อย่างกรณีการผิดศีลข้อสามมี 4 ประเด็น คือ

    1.เกิดจากกิเลสตัณหาของตน หลงไหลกามราคะ

    2. คู่เวรโกรธแค้นต่างเอาคืนซึ่งกันและกัน

    3. เกิดเป็นกรรมจำไว้ในจิต มีแรงดึงที่ต้องทำซ้ำเพื่อให้ตัดสินใจที่ถูกต้องใหม่

    4. เคยเกิดเป็นผู้ชายมีเมียน้อย เศษกรรมที่เหลือเกิดมาเป็นผู้หญิง
    ก็ตกเป็นเมียน้อยคนอื่นบ้าง

    เพราะมีผลวิบากคือ ทำกรรมในขณะนั้น
    ผลก็คือ ต้องทนทุกข์ในเวลาที่ทำเลย อย่างแน่นอน
    และกรรมที่ทำผิดไว้ผลได้เกิดขึ้นแล้ว
    มีผลแก่จิตใจของผู้อื่น และตัวเองแล้ว
    การได้รับทุกข์ในขณะนั้นเป็นผลเพียงแค่การกระทำเท่านั้น
    แต่วิบากยังไม่ให้ผล คือ การให้ผลต่อไป

    การให้ผล......

    1.มีแรงดึงของกรรมที่จะต้องให้เจอเรื่องราวแบบเดิม ๆ

    2.เคยทำคนอื่นไว้ ตัวเองก็โดนบ้าง

    3.คู่กรรม คู่เวร มาทวงคืน

    การตัดวงจรกรรม...... สามข้อเบื้องต้น ต้องทำอย่างไร

    ตามข้อ1.แก้ไขกรรม แก้ไขการกระทำใหม่ ไม่ทำผิดเหมือนเดิม คือ ไม่ทำผิดซ้ำ

    ตามข้อ 2.ตัดสินใจเอาความถูกต้องเป็นหลัก ไม่ใช้เอาความถูกใจของตัวเอง

    ตามข้อ 3.อภัยอโหสิกรรม เลิกการจองเวร

    ใครอโหสิกรรมได้คนนั้นหมดกรรม

    แต่......

    ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งยังไม่ยอมเลิกรา
    เขาก็ยังมีเวรกรรมอยู่ในจิตใจ
    ก็จะมีแรงดึงของกรรม
    ให้เขาไปพบกับคนที่มีกรรมแบบเดียวกัน
    ได้เจอกัน เพื่อ.....ร่วมก่อกรรมกันต่อไป

    ทีนี้ผลวิบากจากการที่สำนึกผิดแล้ว ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ทำอีกแล้ว
    จะมีเศษผลให้เขาว่าจะต้องรับผลกรรม ที่จะมีคนมาแย่งเขาคืนอีกไหม

    ก็อยู่ที่ว่าเขาตั้งใจไว้ว่าอย่างไร ......

    เลือกคบคนประเภทไหน นิสัยเป็นเช่นไร
    นิสัยเราเป็นเช่นไร ทำตัวเหมาะสมหรือไม่
    และใช้ปัญญาในการจัดการชีวิตอย่างไร


    ใครที่เคยทำผิดศีลข้อ 3 มา ผลกรรมนั้นมากมายนัก
    ยังไม่นับถึงทุกข์ที่ได้รับใน ขณะที่ทำผิดนะคะ
    ยังมีผลข้างเคียงอีกมากมาย โดนคนอื่นเขาแย่งไปบ้าง
    และมีคนไม่ชอบ โดยที่ยังไม่รู้จักกัน โดยไม่ทราบสาเหตุก็มีค่ะ

    ผลกรรมน่ากลัวกว่าที่คิดค่ะ มีผลตามมาข้างหน้าอย่างแน่นอน
    ใครที่เคยทำผิดแล้ว ตั้งใจแล้วว่าจะไม่ทำผิดอีกแล้ว
    แล้วผ่านไปได้ กรรมเรื่องนั้นก็หมดไปค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...