ทำไมฆราวาสผู้บรรลุนิพพานถึงอยู่ได้ภายใน7วัน

พอดีผมอ่านของผู้คนมากมาย ยกย่องตัวเองว่า เป็นพระศรีอาริยะบ้าง เป็นผู้ตรัสรู้เองด้วยตนเองบ้าง เป็นผู้บรรลุนิพพานบ้าง เป็นอะไรต่อมิอะไรที่คนผู้นั้นอยากจะเป็นบ้าง แต่วันนี้ผมจะมาพูดเรื่องบรรลุนิพพาน หากมีฆราวาสมาบอกกับพวกคุณว่า เขาตรัสรู้บรรลุนิพพานแล้ว แล้วเขายังมีชีวิตอยู่อ่ะก็ เขาโกหกพวกคุณแล้วแหละ เพราะว่าหากฆราวาสบรรลุนิพพานแล้วนั้น จะมีชีวิตอยู่บนโลกได้ไม่เกิน 7วัน เพราะว่าตัวของฆราวาสเองนั้น ไม่มีศีลรองรับ ร่างกายไม่สามารถจะดำรงอยู่ได้ ธุาติขันธ์จึงดับไปแล้วจิตเข้านิพพาน แต่ถ้าหากพระสงฆ์บรรลุธรรมจะเป็นพระอรหันต์หรือเข้าสู่นิพพาน จะมีชีวิตอยู่ได้ เพราะว่าท่านมีศีลรองรับ และสามารถโปรดสัตว์นรกทั้งหลายให้พ้นกรรมได้ นี่จึงเป็นความแตกต่างระหว่างฆราวาสกับพระสงฆ์ ผู้บรรลุธรรมเข้าถึงนิพพาน
แต่ถ้าใครอ้างตัวว่าเป็นพระโพธิสัตว์นั้น แต่ทำไหมไม่ไปโปรดสัตว์นรกให้พวกเขาได้พ้นกรรมอ่ะครับ บุคคลที่จะเป็นพระโพธิสัตว์ได้นั้นจิตใจของท่านเต็มเปื่อมไปด้วยเมตตาธรรม คอยช่วยเหลือคนอื่น ไม่เอาคำพูดของคนอื่นมาใส่ใจหรอกครับ สมมติสงฆ์มีเยอะ แต่พระสงฆ์(อริยสงฆ์)มีน้อย ลืมตาเอาตาดู หลับตาเอาจิตดู ท่านมาจากไหนแล้วจะไปไหนต่อ หลงง่าย ขึ้นยาก ตำหนิคนอื่นว่าไม่ดี คนนั้นแหละยิ่งเลวกว่า เป็นผู้ปฎิบัติใฝ่ในธรรม แต่ไม่ถึงแก่นธรรม
นักปฎิบัติต้องไม่พูดมาก ไม่สุงสิงกับใครมากนัก ควรรู้เท่าทันอารมณ์ อย่าหลงในอารมณ์ เราจะแพ้อารมณ์ใจ และอารมณ์กรรม สัจธรรมก็คือสัจธรรม ไม่มีสรรพสัตว์ใดหนีกฎแห่งธรรมพ้นเลยสักตนเดียว...

 

เราเป็นเพียงคนบาป จักตอบธรรมท่าน
............................................................

หนึ่ง ที่คนธรรมดาบรรลุอรหันต์แล้วไม่ตายในเจ็ดวันนั้น
มีในพระไตรปิฏก กล่าวว่า เมื่อได้รับ "อิทธิบาทสี่" จาก
พระพุทธองค์ หรือพระอรหันต์ท่านที่มีบารมีแก่กล้า ซึ่ง
ไม่ใช่แค่คนเดียว ในปัจจุบัน ท่านลองไปถามเอง

หนึ่ง ท่านเว็บสโนว์
สอง ท่านไชย ณ พล
สาม ......

เยอะแยะตาแป๊ะก่าย

สอง ไม่ตายเพราะเมตตาธรรมสูง เช่น พระโพธิสัตว์ต่างๆ
สามารถบรรลุธรรมโดยไม่ห่มเหลืองได้เพราะบารมีสูง เช่น
พระเยซูคริสตร์ และพระสาวกของพระองค์

แม้นเมตตาคนมากๆ สิ่งนี้จะยื้อชีวิตคนไว้ เพื่อให้อยู่ช่วยคน
หากเมตตาคนก่อนที่จะคิดเอาตัวรอด เมื่อนิพพาน ตนจะไม่
ตาย ภายในเจ็ดวัน ท่านลองไปหาชาวคริสตร์เตียน อย่าคิด
ว่าเขาจะไม่อรหันต์ได้นาท่าน เพียงแต่ท่านเคยเจอหรือเปล่า
เท่านั้นเอง


อีกอย่าง พระโพธิสัตว์ไม่ใช่ควายนะจ๊ะ มีปัญญาและเมตตา
ธรรม หากมีแต่เมตตาแล้วไม่มีปัญญา ก็ไม่สามารถดูออก
ได้ว่าสัตว์ตัวไหนโปรดได้บ้าง อย่างนั้นก็โง่แล้ว สัตว์ใน
นรกเนี่ยเทศน์ไปมันก็ไม่ฟังหรอก เหมือนเธอน่ะ จะกินข้าว
หิวๆๆ อยู่จะตายอยู่แล้ว พระพุทธเจ้ามาเธอก็ไม่มีอารมณ์
ฟังหรอกย่ะ


เทศน์ก็ต้องดูคน ดูเวลา ดูบุญวาสนาของคนๆ นั้นด้วยย่ะ

 

ง่ะ คุณคนบาปเป็นผู้ฉิง 555555

 

.......ไม่เกิน 24 ชม.....................

 

คุณไปเอาที่ไหนมา ที่ว่า ถ้า ฆราวาส สำเร็จนิพพาน จะตายภายในเจ็ดวัน
ข้าพเจ้าต่อให้คุณไปถาม ผู้ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ ทั่วโลก ว่า นิพพานเป็นอย่างไร มีลักษณะอย่างไร ข้าพเจ้ารับรองได้เลยว่า ไม่มีผู้ใดตอบได้ ไอ้พวกที่ตอบได้นะ มันพวกอวดอุตริมนุษยธรรม โกหกบ้าง อยากดังบ้าง
แล้วก็อย่ากล่าวว่าเสียดสี หรือส่อเสียดข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้ายกย่องตัวเอง ว่าเป็นศรีอาริยะเมตไตย(กินปูนร้อนท้องนะ)
เพราะข้าพเจ้าท้าให้พวกท่านมาพิสูจน์ได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว
และถ้าหากคุณไปถามผู้ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธทั่วโลก แล้ว ไม่รู้ว่า นิพพานเป็นอย่างไร ข้อความที่ว่า ฆราวาส สำเร็จนิพพานแล้วจะตาย ในเจ็ดวัน ก็ย่อมไปเป็นความจริง เพราะไม่มีใครรู้
แต่ข้าพเจ้าอาจจะรู้ก็ได้ เพราะข้าพเจ้าเคยผ่านความตายมาเมื่อ ปี 2548 นี้เอง

 

ไม่ต้องถึงเจ็ดวันหรอก แค่ วันเดียวก็รับไม่ได้แล้ว

เหมือนเช่นรถจักรยาน รับน้ำหนักของหัวจักรรถไฟ
จักรยานแค่ไม่กี่กิโลกรัม โบกี้ประมาณ สามสิบตัน
ส่วนหัวจักร ดีเซลรางอย่างน้อยเก้าสิบตันเป็นต่ำๆ

แล้วจักรยาน จะเหลือรึ ให้คิด อย่าหลง อย่ามั่วนะ

เฉกเช่น ฆราวาสจะบรรลุนิพพาน เช่นนี้ คงไม่ต่าง

เช่นนั้นแลฯ

 

เท่าที่ผมอ่านพบนะครับ ฆราวาสที่บรรลุอรหันต์ถ้าไม่บวช
จะตายในวันรุ่งขึ้นนะครับ ไม่ช่าย 7 วันหรอกครับ

ส่วนพระโพธิสัตว์ท่านยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์นะครับ
จะเป็นพระอรหันต์ได้ต้องลาพุทธภูมิมาเป็นสาวกภูมิ
หรือ มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านะครับ

 

คุณ telwada คุณ ไหนบอกว่าเป็นพระศรีอาริยะมาเกิดไงครับ แค่เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้เลย จะมาเป็นพระศรีอาริยะได้ไงครับ ถามว่าผมเอามาจากไหนหรอครับ ผมเอามาจากพระไตรปิฎก ดิครับว่างๆใช้สมองของคุณไปนั่งอ่านบ้างนะครับ อีกอย่างผมบวชเรียนมาผมศึกษา ครูบาอาจารย์ท่านก็บอกมา สมัยก่อนมีฆราวาสที่บรรลุพระนิพพานก็มีนะครับ ไม่ใช้ไม่มี ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ
ไม่ว่าจะชนชั้นไหนก็ตามย่อมสำเร็จได้ครับ เพียงแค่ตัด สังโยชน์10 ก็เข้าถึงนิพพานได้ครับ

 

การมุ่งเน้นช่วยเหลือสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในอบายภูมิอันมีนรกเป็นต้นนั้น เป็นปณิธานของ พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ครับ

 

ไม่จริง พระอริยะไม่เกี่ยวกับสิ่งภายนอกที่นุ่งห่ม ถ้าบรรลุแล้ว ศีลท่านสมบูรย์แล้ว แม้ไม่ห่มจีวร จีวรเป็นเพียงรูปแบบภายนอกเท่านั้น

 

ผมได้อ่านแล้วครับ ไม่รู้คุณตั้งกระทู้คิดได้ไงไม่ทราบครับ นับถือครับ มีหลายท่านในที่นี้ตอบได้ดี แต่อีกหลายท่านตอบผิดๆถูกๆครับ ถือว่ากระทู้นี้แสดงความรู้ได้เลยครับ แล้วอีกอย่างครับ พระอริยะยังไม่ใช่พระอรหันต์ครับ ท่านจะนุ่งห่มอะไรก็ไม่เกี่ยวครับ เพราะส่วนมากพระอริยะก็จะบวชกันหมดทุกคนแหละครับ ไม่เคยมีปรากฎว่าใครเป็นพระอริยะแล้วไม่บวชเลยครับ ส่วนเรื่องฆราวาสบรรลุนิพพานนั้น ประมาณไม่เกิน7วันครับตามคัมภีร์บอกไว้ เพราะท่านที่บรรลุไม่มีศีลรองรับครับ ส่วนพระนั้นท่านมีศีล227ข้อ รองรับตัวท่านครับ ท่านจึงสามารถดำรงชีพอยู่ได้ ส่วนพระโพธิสัตว์นั้นท่านไม่แยกชนชั้น ท่านมาเพื่อโปรดชาวโลกอยู่แล้ว อย่างที่คุณ Wit กล่าวมาถูกต้องครับ

 

ตอนแรกคิดผิดไปว่านิพพานไปมีอะไรเลย(เพราะดูการ์ตูนมากไป(ฮา))
มาคิดๆดูคนที่ไม่เคยไปนิพพาน แล้วจะรู้ว่านิพพานมีจริงได้ยังไงสินะครับ...
คิดว่าคนอื่นทำไม่ได้สินะครับ... เพราะอะไรถึงคิดเช่นนั้นในเมื่อทุกสิ่งมันอนิจจัง บางคนเค้าอาจจะทำได้ แต่ไม่ทำก็ได้ครับ...
ปล.ผมไม่ได้บอกว่าผมทำได้นะครับ เพราะขนาดขั้นของฌานยังไม่รู้เลยว่าอันไหนเป็นอันไหน ยังทำไม่ได้ผมก็ไม่อวดไม่มุสาบอกว่าคนอื่นทำไม่ได้เพราะตัวเองมีทิฏฐิ ผมความหลงว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นจึงพูดข่มคนอื่น

 

ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมคิดว่าคงเป็นเพราะเหตุดังต่อไปนี้
1.ศีล
โดยปกติแล้ว ฆราวาสจะถือปฏิบัติกันเพียง ศีล 5 ศีล 8 หรือ ศีล 10 เท่านั้น ซึ่งก็อาจถือได้ว่าศีลดังกล่าวเป็นศีลที่ขจัดกิเลสอย่างหยาบ และอย่างกลาง เท่านั้น ซึ่งหากท่านผู้ใดได้บรรลุถึงซึ่งพระนิพาน ก็ถือว่าท่านผู้นั้นได้ขจัดกิเลสอย่างละเอียดแล้ว ดังนั้นศีลดังกล่าวนี้ย่อมไม่เหมาะกับท่านแน่ เพราะฉะนั้นท่านจึงต้องถือศีลที่เหมาะกับการบรรลุธรรมของท่านคือ ศีล 227 ข้อ หรือหากท่านยังคงจะถือศีลในข้างต้นต่อไปก็ได้ ซึ่งถึงแม้ใจท่านจะยอมรับได้ แต่ว่าธาตุขันธ์ของท่านย่อมไม่สามารถทนได้แน่ ยกตัวอย่างเช่น ตอนเราถือศีล 5 เราสามารถที่จะกินอาหารที่เราชอบได้ทั้งวันเท่าใดก็ได้ แต่เมื่อเราบรรลุธรรมแล้วเราก็จะเข้าใจความจริงที่ว่า อาหารก็เป็นเพียง เพื่อบำรุงธาตุขันธ์ให้ดำรงอยู่ได้เท่านั้น และเมื่อเข้าใจว่าธาตุขันธ์เป็นทุกข์ไม่ใช่ตัวตน ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกินเกินความจำเป็นของร่างกายท่าน ซึ่งท่านก็คงจะทราบเป็นอย่างดีว่ากายท่านมีความจำเป็นต้องการอาหารเพียงใด ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องไปสัมพันธ์กับ สมาธิ และ ปัญญา ด้วย ดังนั้นหากท่าน กินเกินความจำเป็นก็จะก่อให้เกิดความทุกข์ เช่นท้องอืด ซึ่งผู้ที่มีความสงบในจิตที่ดี ก็ย่อมจะทราบดีว่าการอาการเช่นนั้นเป็นเช่นใด ซึ่งอาจเป็นเพราะเมื่อเรามีความสงบทางจิตมาก การใช่พลังงานในกิจกรรมแต่ละอย่างย่อมเป็นไปด้วยสติ และปัญญา จึงทำให้ใช่พลังงานน้อยในการทำกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น
2.สมาธิ
เนื่องจากท่านได้บรรลุพระนิพานซึ่งเป็นธรรมขั้นสูง ท่านย่อมเห็นสรรพสิ่งตามความเป็นจริง ซึ่งก็ทำให้ท่านเป็นผู้มีปัญญามาก ซึ่งเมื่อมีปัญญามาก สมาธิก็ย่อมต้องมากตามไปด้วย และก็ต้องตั้งมั่นอยู่ได้นานด้วย เนื่องจากท่านเป็นผู้ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลายแล้ว ซึ่งหากฆราวาสผู้ใดบรรลุธรรมเช่นนั้น แล้วยังคงใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายแห่งโลก ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเส้นประสาทในสมองของท่านจะตั้งมั่นอยู่ได้นานเท่าใด
3.ปัญญา
สำหรับผู้ที่บรรลุพระนิพานย่อมมีปัญญาเห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง มีสติ สมาธิตั้งมั่นไม่หวั่นไหวในสิ่งใด เพราะรู้แล้ว เข้าใจแล้ว และวางแล้ว เมื่อจิตท่านหลุดพ้นแล้ว หากจิตท่านไม่ต้องการที่จะยึดร่างอันเป็นทุกข์เพื่อกิจอันใดของท่านอีก ท่านย่อมสลัดจิตออกจากสิ่งที่เป็นทุกข์ทั้งสิ้น เข้าสู่แดนพระนิพาน
ดังนั้นจากเหตุผลที่ยกขึ้นมานี้ ก็อาจแยกเป็น อริยมรรคมีองค์ 8 ต่อไป ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไว้ว่า หากยุดใดยังมีผู้ปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ 8 อยู่ ยุคนั้นก็ยังไม่สิ้นพระอรหันต์็ และหากศาสนาใดมีการสอนเรื่องอริยมรรคมีองค์ 8 ศาสนานั้นก็ย่อมมีพระอรหันต์อยู่ ดั่งพระวาจาที่ตรัสกับพราหมณ์สุภัททะก่อนพระปรินิพาน
สำหรับเหตุผลดังกล่าวนี้ ก็เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผม ซึ่งหากผมอ้างอิงคำสอนใดผิด หรือกล่าวสิ่งใดล่วงเกินผู้ใด ก็ขออภัยด้วยครับ

 

พระเยซูไม่ใช่พระอรหันต์หนิ
เป็นพระโพธิสัตว์ เห็นหลวงพ่อบอกว่าตอนนี้ท่านอยู่
ที่สวรรค์ชั้นดุสิต ถ้าเป็นพระอรหันต์ ตายไปต้องไปนิพพาน

พระอริยเจ้า นับตั้งแต่โสดาบันเป็นต้นไปใช่มะคะ
ดังนั้นพระอริยเจ้าก็ต้องนับรวมพระอรหันต์ด้วยใช่มะ
หรือถ้าเข้าใจผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ

เคยอ่านมาจากหนังสือของหลวงพ่อฤาษีฯนะคะ
ว่าถ้าเป็นฆราวาสแล้วบรรลุอรหันต์แล้ว
จะอยู่ได้ไม่เกินเจ็ดวันแต่ส่วนมากก็จะไม่เกิน24ชั่วโมง

อันนี้เป็นแค่ที่จำมาเข้าใจมาเท่านั้นนะคะ
ถ้าจำผิดเข้าใจผิดก็ขออภัยด้วยค่ะ

 

คุณ มารจันทรา เจ้าของกระทู้ ข้าพเจ้าไม่เคยบอกและไม่เคยกล่าว ว่าข้าพเจ้าคือ ศรีอาริย์มาเกิด
ข้าพเจ้าเพียงแต่ได้บอกว่า ข้าพเจ้าคือศรีอาริยะเมตไตยเท่านั้น
และข้าพเจ้าก็บอกแล้วว่าข้าพเจ้าอาจจะรู้ และสามารถพิสูจน์ได้ด้วย
บุคคลประเภท อวดอุตริฯ มีมาก
ถ้าสำเร็จนิพพานฝึกกันได้ง่ายๆ ก็คงเห็น บุคคลต่าง เปล่งฉัพพรรณรังสีกันทั่วเมืองแล้ว
แล้วก็ คำว่า สังโยชน์นั้น มันเป็นเพียงการบอกเล่าและคาดคะเน หรือจะกล่าวว่า เป็นเพียงการเดาก็ว่าได้ ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้บรรลุ โสดาบันได้เลย (เอาแค่โสดาบันก็ไม่มีอยู่แล้ว)
อีกประการที่สำคัญ ฆราวาส หากสามารถสำเร็จ สำเร็จนะ ไม่ใช่บรรลุ หรือจะเอาแค่บรรลุ โสดาบันได้ ก็ต้องประกอบด้วยความรู้ ความสามารถ ในแทบทุกด้าน
ศีล มันเป็นเพียงข้อฝึกตน ขั้นพื้นฐาน ไม่สามารถทำให้บรรลุโสดาบันได้ หมายความว่า ศีลเป็นเพียงการเริ่มต้นของผู้ที่ฝึกปฏิบัติตนเพื่อบรรลุโสดาบัน
จะเป็นฆราวาส หรือ เป็น นักบวช ก็มีค่าเท่ากัน ไม่เกี่ยวว่าถ้าเป็นนักบวชแล้วจะดีกว่า หรือจะได้อภิสิทธิ์จากสวรรค์หรือจากสิ่งที่ลี้ลับมากกว่า
จะฆราวาส หรือนักบวช มันก็มนุษย์ที่มีความโลภ ความโกรธ ความหลง เหมือนกัน
ถึงนักบวชจะมีข้อศีลอยู่ แต่ถ้าไม่พิจารณาข้อศีล มันก็เหมือนกับ มีครก มีสาก แต่ไม่ได้ตำอะไรเลย มันก็ไม่เกิดผลอะไรทั้งสิ้น
ฆราวาสที่ จะสามารถบรรลุโสดาบันได้ อาจจะมี นอกเหนือจากข้าพเจ้าแล้ว อาจจะมี ประมาณ 2 คน
ถ้าเขาไม่พิเรน ฝึกไปอย่างอื่นย่อมไปเป็นอะไร แต่ถ้าขืนไปคิดฝึกสะเปะสะปะ ก็มีโอกาศที่ กลไก การทำงานของสรีระร่างกาย จะผิดปกติ ซึ่งอาจถึงตายได้เหมือนกัน
ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วว่า ข้าพเจ้าก็ผ่านพ้นคอร์ดของความตายอันนั้นมาแล้ว เพราะการฝึกที่ผิดทาง ดูเหมือนจะถูก แต่กลไกของสรีระร่างกาย ทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดอาการ ปอดไม่แลกเปลี่ยนก๊าซ
เกือบตายเพราะหัวใจหยุดเต้น ที่ไม่เป็นอะไร เพราะความรู้และประสบการทางการปฐมพยาบาลขั้นต้น จึงผ่านพ้นมาได้ นอนโรงพยาบาล 7 คืน
พวกคุณไม่ต้องเอาตำราใดใดมาอ้าง ว่าฆราวาสบรรลุหรือสำเร็จนิพพานแล้วจะตาย ไม่จริง
เพราะข้าพเจ้าประสบมาด้วยตัวเอง แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่สามารถเจาะลงไปได้ว่า นิพพานที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ ได้แต่อนุมานเอาจาก หลักการหรือธรรมะ หรือความรู้ และปรากฏการณ์ทางสรีระร่างกายที่เกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้า เป็นเครื่องชี้นำ
และจากเหตุผลที่สำคัญ ว่าจะเป็นนักบวช หรือจะเป็นฆราวาส จะมีศีลหรือไม่มีศีล ก็ไม่สำคัญ มันสำคัญอยู่ที่ความรู้ ความเข้าใจ และวิธีการฝึก
อีกทั้งไม่ใช่ สังโยชน์ สังแยด อะไรของพวกคุณนั้น อย่างแน่นอน
คิดพิจารณาดูก็ได้ ไม่อยากว่าให้ใครนะว่า ปัญญานิ่ม บ้าลัทธิ ไม่ค่อยดีเลยนะคุณ

 

ขอโทษครับ ท่านเป็นผู้เจริญแล้ว ส่วนตัวผมยังเป็นผู้ต่ำด้อย ผมมันต่ำเกินไปไม่อาจจะเข้ารวมพรรคนิกายใหม่ของท่านผู้เจริญได้หรอกครับ เพราะผมมีพรรคของผมแล้ว ผมขอตามรอยพระศาสดาของโลก พระสมณโคดม ดีกว่าครับ นั้นคือพระพุทธเจ้าของเราเองครับ (โทษครับ เชิญท่านไปตั้งนิกายใหม่คนเดียวเถอะครับ ท่านยังไม่ได้ถึงโสดาบันเลยด้วยซ้ำครับ เพราะท่านยังมีความลังเล สงสัยใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์) ผมขอเชิญท่านไปตั้งนิกายใหม่เลยครับ

 

ไม่ไหวเลยครับคุณเทวดา
คุณน่าจะตั้งเว็บใหม่ไปเลยดีกว่าครับ
แล้วขอโทษนะครับแค่คุณไปเรียกคุณเทพจันทราว่าเป็นมารจันทราก็ไม่มีใครเห็นว่าคุณเป็นผู้เจริญหรอกครับ
ขอบคุณคุณเทวดาจริงๆนะครับที่ทำให้ผมสมัครสมาชิกของที่นี่
ปกติอ่านเฉยๆ
แต่ทนบ่ได้เลยกับพฤติกรรมของคุณ
ขอบคุณครับท่านประธาน

 

พระโพธิสัตว์สามารถอรหันต์ได้โดยไม่ไปนิพานนะจ๊ะ
..................................................................


ท่านไปถามคนพวกนี้นะ

1. ท่าน ไชย ณ พล
2. ท่านเว็บสโนว์


นี่คือ "ของจริง" ค่ะ ท้าพิสูจน์ย่ะ อิๆๆๆ


.................................................

ปล. เมื่อไม่ยึดติดเพศ ย่อมสามารถใช้ สมมุติบัญัติ
แห่งเพศ แปลงร่าง แปลงกายเป็นอะไรก็ได้ ฮ่ะๆๆๆ

 

เฮ้อ!!!! นิพพาน นิพพาน นิพพาน หลุดพ้น-ไม่หลุดพ้น เกิด-ตาย เกิด-ตาย อริยบุคคล-ปุถุชน



ศึกษาได้ที่ คิริมานนทสูตร ครับ ท่านจะพบคำตอบได้ครับ