ตายแล้วฟื้นเพราะผีสิงร่าง

เรื่องนี้ขอโพสต์เพื่อเรียนรู้ไม่มีเจตนาสร้างเวรกรรมหรือซ้ำเติมผู้ใดทั้งสิ้นหากพลาดพลั้งไปขออโหสิกรรมไว้นะที่นี้ด้วยครับ
เมื่อประมาณเดือนกันยายนปี56 เรื่องมีอยู่ว่าป้าของผมท่านเป็นโรคหลายโรคแล้วเข้าโรงพยาบาล แล้วทางญาติที่ไปเฝ้าก็โทรมาบอกว่าป้าตายแล้วตอนสัก5ทุ่ม ทางผมก็เตรียมตัวไปกัน พอประมาณตี4โทรมาบอกว่าป้าได้กลับมาหายใจอีกครั้งแต่หมอก็บอกว่าป้าไม่มีสติแล้วถ้าถอดสายออกซิเจนก็คือตาย พวกผมก็ไปรับป้าออกจากรพ.หมอได้บอกว่าต้องไปสิ้นลมกลางทางแน่ ก็ลงบันทึกไปแบบนั้นแต่กลับไปถึงบ้านก็ยังอยู่ในสภาพเดิมคือหายใจแต่ไม่มีสติ เป็นแบบนี้อยู่เป็นอาทิตย์
วันแรกผมไปถึงก็จัดสวดมนต์ไหว้พระทันทีตอนไหว้พระก็ไม่คิดอะไรไหว้ตามปกติที่ไปต่างถิ่น แล้วอธิษฐานอันเชิญบารมีพระพุทธเจ้ามาประทับเพื่อคุ้มครองทั้งบ้าน
พอเข้านอนผมก็ฝันว่าได้สู้กับอสูรผีร้ายอะไรสักอย่างเยอะพอดู แต่มันสู้แพ้ผม ต้องแพ้สิเพราะสวดมนต์ก่อนนอน ตื่นมาก็ไม่คิดไรมากแต่ก็แปลกที่ว่าปกติสวดมนต์แผ่เมตตาแล้วทุกครั้งจะไม่มีอะไรมาฝันแบบนี้เลยก็ไม่สนใจไรมาก ทำกิจเสร็จก็ไปหาป้าที่นอนไม่ได้สติก่อนไปจับป้าเราก็สวดนโมแล้วเข้าไปจับกะจะบอกกระซิบให้ป้าให้ท่องพุทธโธไว้นะป้าเพื่อท่านจะได้ยินตายจะได้ไปสู่สุคติ(ดูสภาพบวมขนาดนั้นไม่รอดแน่นอน)พอผมเข้าไปจับแขนป้าแกก็ขยับแขนหนีผม เราก็แปลกใจยังพยายามจับก็ขยับแขนหนีมีเสียงร้องเบาๆด้วยเราก็ได้แต่สงสัย แต่ก็กระซิบบอกตามตั้งใจไว้ อยู่สักสองวันก็กลับมาบ้าน แล้วสักสี่ห้าวันป้าก็ตายแต่เราทำงานเลยไม่ได้ไปเผา วันเผาแกก็มาเรียกผมถึงบ้านนะสองครั้ง ผมก็แปลกที่แรกนึกว่าแม่เรียกแต่ทำไมเรียกด้วยชื่อนี้งงแต่ไม่บอกแม่เพราะแม่กลัวผีมาก ตามจริงท่านตายตั้งแต่รพ.แล้วเพราะป้าออกไปเยี่ยมไปลาญาติต่างจังหวัดแล้ว พวกคุณเชื่อหรือไม่ว่าป้าไปรวมงานที่ต่างจังหวัดจนญาติทางโน้นที่ไม่รู้ข่าวมาก่อนว่าตาย เขาแปลกใจว่าป้าไปหาพวกเขาได้ยังไงทั้งที่ไม่ได้บอกเขาเลยโทรมาถามย่าชีผม ก็ตกใจกันไป ผ่านวันเผามาเกือบๆ6เดือนก็ได้รู้ความจริงว่าที่แท้ป้าผมโดนคุณไสย กว่าจะรู้เพราะของที่เขาทำใส่คือให้ทำลายญาติที่ไปอยู่บ้านนั้นให้หมด คนแรกที่ตายไปก่อนคือลุงผมแต่ไม่มีใครรู้ป้าผมก็ไม่รู้ มารู้เรื่องเพราะของมันพยายามที่จะเข้าย่าชีของผมที่บวชมาเกือบๆ30ปี คือว่ามันกระโดดชนย่าชีผมเลยนะของอะเป็นหุ่นฟางผูกใส่กับตะปู
มันคงเข้าไม่ได้เพราะศีลบารมีของย่าชีก็เลยรู้กันว่าโดนของเลยไปหาหมอดูท่านเลยยืนยันว่าโดนของจริงๆ หมอดูก็เป็นญาติๆผมนี่ละแกร้องไห้เลยว่าทำไหมมาหาท่านช้าจังถ้ามาไวป่านนี้ป้าคงไม่ตาย(เรื่องเวรกรรมอะไรมันจะมาห้ามได้)ที่ทำใส่ก็ญาติฝ่ายลุงผมนั้นละเขาอยากได้ที่ดินของลุงแค่นั้นเอง(คนเราก็นะ) ที่ผมสงสัยว่าทำไมป้ายกแขนหนีผมก็ถึงบางอ้อที่แท้เป็นวิญญาณปอบเข้าไปสิง(ก็ผมพุทธโธก่อนจับแบบนั้นผีร้ายก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา)มารู้ทีหลังว่าแถวบ้านนั้นตายไม่มีสาเหตุกันเยอะเลย หมอดูเลยเอาของไปแก้ให้ก็หาย ผมก็ถูกหางเลขมาด้วยคือตอนวันพระมันจะแข็งมากๆถ้านอนไม่สวดมนต์อย่าหวังจะได้นอนวันแรกที่เจอยังจำได้เข้านอนหัวถึงหมอนครึ่งหลับครึ่งตื่นมันก็เปิดมุ้งผมโดดมาใส่ผมเลยโห้น่ากลัวนะถัาคนไม่แข็งพอนี่ร้องตายรูปร่างเป็นอสูรตาใหญ่เล็บยาว ผมก็รู้ละผมก็ไม่สู้ทำไรได้ทำไปผมก็นึกถึงพระพุทธเจ้าท่าเดียวเลยไม่สนใจสักพักก็หายไปเอง ถ้าวันไหนผมไม่ได้ไหว้พระสวดมนต์สู้กันทั้งคืนก็มีสรุปคือมาหาทุกๆวันพระเลยละ มาหาเรายังกับเราอยากเจอ ฮ่าๆๆ ตอนแรกผมก็ไม่รู้นะว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้มารู้ก็พร้อมกับรู้เรื่องโดนคุณไสยนั้นละ ตั้งแต่หมอธรรมไปทำพิธีแก้ก็หายไปเลย
แถวๆนั้นมีเรื่องคนตายแล้วฟื้นมาแบบไม่มีสติเยอะครับผมเลยสรุปว่าคนพวกนั้นคงโดนผีเข้าสิงหรือยึดร่างแบบป้าผมแน่เลย

 

แวะมาอ่านค่ะ คนที่ไม่เคยเจอกับตัวจะไม่มีวันเข้าใจหรอกค่ะ เราก็เคยพบสิ่งเร้นลับอยู่บ้างเหมือนกันค่ะ

 

อ่านแล้วพอจะเข้าใจครับ ดีนะครับที่ตอนนี้คุณพอมีสติปัญญาทางธรรมมากพอที่จะทำให้เข้าใจ
เรื่องทำนองนี้ภายหลังด้วยตัวเองได้ ส่วนหนึ่งคงมาจากการรู้จักอฐิษฐานขอบารมีพระพุทธฯ
ปกติแล้วพวกอสูรกายกึ่งสัตว์นี้ ถ้าเราไม่พอมีอะไรพอตัวเค้าจะไม่มายุ่งหรือมาปรากฏให้เห็นได้
แม้ขณะหลังจากที่เรานอนๆอยู่แล้วลืมตาด้วยครับ ทั่วๆไปมันยากที่จะพูดให้คนเชื่อด้วยครับ
พวกนี้มันมักจะมาจะมาหลังจากที่เรามีประสบการณ์ทางจิตแบบสัมผัสเห็นอะไรได้มากมาย
พิศดารมาก่อนหน้านี้แล้วพอสมควรด้วยหละครับ และอสูรกายกึ่งสัตว์พวกนี้ ต่อให้อุทิศส่วนกุศล
ยังไงๆเค้าก็ไม่รับ ไม่สนเพราะเค้าคิดว่าที่เค้าเป็นอยู่ดีอยู่แล้ว
สบายอยู่แล้ว ซึ่งมันเป็นวิบากกรรมจากตอน
ที่เป็นคนมีวิชามาก่อนแต่เป็นพวกมีทิฐิมานะสูง
ชอบเน้นแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงมาก่อนในอดีต
และถ้ามาให้เราเห็นได้คือ เน้นการจ้องทำร้ายเราและ
เห็นได้แบบพึ่งลืมตาด้วยนะครับที่พูด เรียกง่ายๆว่าเห็นกันแบบจะๆ
วิธีป้องกันมี ๓ กรณี
๑.จับลงหม้อแล้วฝั่งไว้ใช้กรณีนี้กับพวกที่พาลไม่เว้นพระฯ
ไม่เว้นฆารวาที่ปฎิบัติธรรมลามปามไปกวนแม้กระทั้งในเขตวัดต่างๆ
หรือขังหรือมัดไว้ ตามแต่วิธี ซึ่งหมอธรรมบางคนจะพอทำได้ตามแต่แนวทางตน
๒.ขอบารมีพระพุทธหรือครูบาร์อาจารย์แบบคุณ แต่ว่าจะต้องทำใจหน่อยว่า
จะต้องเจออีกหลายครั้งหน่อยจนกว่าเค้าจะเห็นว่าเราดีพอ
เค้าถึงจะไม่มายุ่งด้วยอีกครับ
๓.การใช้กำลังใจตัวเองจากผลของมนต์คาถา
แต่กรณีต้องดูออกและชัวว่าไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรที่เกี่ยวข้องกันมา
เพื่อขอส่วนบุญหรือเป็นญาตเรามาก่อนในอดีตชาติ
หรือเป็นเทพเทวดาหรือพวกเทวปบุตรมารที่ปลอมมา
เพื่อทดสอบกำลังใจนักปฏิบัติ พวกนี้สามารถแยกได้
จากกำลังสติทางธรรมครับ
ไม่งั้นคาถาจะไม่ได้ผลและเค้าจะจับตัวเราได้
และก็ควรใช้พิจารณาร่วมกับข้อ ๒ ด้วยครับ
กรณีสุดท้ายคือพวกทีใช้ฤิทธิ์จากกสิณได้และมีอาวุธพิเศษ พวกนี้ไม่ต้องแนะนำ
แต่ตั้งทั้งนี้ทั้งนั้นทั่วๆไปไม่ต้องกังวลครับ โอกาสจะเจออย่างนี้ได้ทั่วๆไปจะยากครับ
พวกนี้นิสัยเกรียนๆ ถ้าเห็นว่าเรามีดีก็จะเข้ามา ถ้าสู้ไม่ได้
ก็จะข่มหาว่าก๊ากวะ หากสูสีก็ขอไฝว้ อีกจั๊กกะหน่อย
ถ้าแน่พอ จบก็คือจบ ไม่มีหยุมหยิม เพราะแม้จะเกรียน
แต่ก็มีความเป็นสุภาพบุรุษพอตัวพอ.
แต่ถ้าเราดีพอ เค้าก็จะมองเราว่าไม่ใช่กลุ่มที่เค้าควรยุ่ง ประมานนี้ครับ
ปล.ถือว่าเล่าเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับ

 

แถวไหนอะ จะได้ไม่ไปเฉียด ยังไม่เก่งเหมือนคุณ 32485.....ตัวเลขทำไมเยอะจัง สาธุคะ พระพุทธเจ้าดีที่สุดๆๆๆๆๆ

 

สาธุ ขอบคุณที่นำมาแบ่งปัน
อ่านแล้วพบว่า เนื้อหาได้กล่าวถึงเรื่องคุณไสย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งสมัยนี้มีเเยอะมากค่ะ และน่ากลัวด้วย