ตัวอย่างของ เทวดา ที่ยังเป็นมิจฉาทิฐิ . . .

;aa8

 

เรื่องเทวดาผู้เป็นมิจฉาทิฐิเรื่องแรก ขอยกตัวอย่างจากประวัติพระอาจารณ์มั่น
เล่าโดยหลวงตาพระมหาบัว เล่าต่อโดย ข้าพเจ้า . . .

 

เรื่องเกิดขึ้นขณะพระอาจารณ์มั่น ปฏิบัติธรรมอยู่ ณ.ถ้ำสาริกา . . .ตอนที่หลวงปู่ไปถึงที่ถ้ำสาริกาพวกชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นต่างพากันทัดทาน ไม่ไห้หลวงปู่มั่นขึ้นไปที่ถ้ำสาริกา เพราะที่นั่น มีผีหลวงอยู่ซึ่งดุร้ายมากพวกชาวบ้านเล่าไห้หลวงปู่มั่นฟังว่า เคยมีพระขึ้นไปอยู่ที่ถ้ำแล้วหลายองค์ ก็อยู่ไม่ได้และมีพระ
ตายไปแล้วถึง 4 องค์ด้วยกัน ส่วนที่ไม่ตายก็หนีหายไปไม่กลับมาอีกเลย . . .

 

หลวงปู่มั่นท่านฟังแล้วจึงบอกกับชาวบ้านอย่างถ่อมตนว่า อืม เรื่องที่ท่านเล่ามานั้นมันน่ากลัวจริงๆ แต่อาตมาตั้งใจแล้วยังไงๆ ขอไห้ช่วยนำทางขึ้นไปส่งหน่อยเถอะ ถ้าเห็นท่าว่าไม่ปลอดภัย
ก็จะรีบกลับลงมาทันที

 

ขณะที่พักที่ถ้ำสาริกาแห่งนี้ในระยะเดือนแรกๆ ท่านรู้สึกปรกติดี จิตใจสงบ ไม่มีอะไรพลุกพล่าน พอดีคืนต่อๆมา ท่านรู้สึกว่าโรคเจ็บท้องที่เคยเป็นประจำชักกำเริบ และมีอาการรุนแรงขึ้นตามลำดับ ท่านได้หวนคิดถึงคำที่ชาวบ้าพูดกันว่า มีพระมาตายที่นี่ 4 รูปแล้ว
ท่านจึงคิดว่าท่านอาจเป็นรูปที่ 5 ก็ได้ ถ้าไม่หายจากโรค เมื่อฉันยาแล้ว โรคก็ยังไม่หยุดกำเริบ
ในที่สุดท่านตัดสินใจใช้ธรรมโอสถรักษา จะหายก็หายจะตายก็ตาย จากนั้นท่านจึงพิจารณาถึงทุกขเวทนาด้วยปัญญาอย่างไม่หยุดยั้ง จนในที่สุดโรคก็หาย ความฟุ้งซ่านภายในใจก็ดับกลายเป็นความสงบ จิตสว่างออกไปจากร่างกาย ปรากฏเห็นบุรุษคนหนึ่งมีรูปร่างใหญ่โต ถือตะบองเหล็กเดินเข้ามาหาท่าน พูดกับท่านว่าจะตีท่านให้จมลงดิน ถ้าไม่หนีไป ท่านก็ถามไปว่าท่านผิดอะไรถึงจะมาตีท่าน
เขาก็บอกว่า เขารักษาภูเขาลูกนี้มานานแล้ว ใครมาใหญ่กว่าเขาเป็นไม่ได้
ท่านก็บอกว่า ท่านเป็นพระมาบำเพ็ญธรรมเพื่อมาปราบกิเลส ไม่ได้มาทำร้ายใคร และถามบุรุษผู้นั้นไปว่าแล้วท่านมีอำนาจ เหนือกิเลสเหนือธรรมหรือไม่
บุรุษนั้นอึ้งยืนนิ่งแล้วตอบว่า ปล่าวเลยท่าน . . .
แล้วท่านก็เทศนา สั่งสอนบุรุษลึกลับคนนนั้น จนเกิดความเลื่อมใส จากร่างที่เห็นไหญ่โตก็กลายเป็นเทพเทวดา เทวดานั้นบอกกับท่านว่า ขอไห้ท่านยกโทษไห้ด้วย ที่ทำไปเพราะศักศรีไม่ได้ตั้งใจ แค่เห็นท่านก็กลัวท่านแล้ว
เขาบอกว่าเขาเป็นหัวหน้าเทวดา ดูแลรักษาถ้ำและป่าแถวนี้ แล้ววันต่อๆมาเทวดานั้นก็พาพวกพ้องมาฟังธรรมกับท่านพระอาจารณ์มั่นแทบทุกคืน
จบ------------------------------------------------------
ท่านอาจารณ์มั่นท่านบรรลุธรรมที่ถ้ำแห่งนี้และถือว่าถ้ำนี้เป็นสถานที่ที่เป็นมงคลอย่างยิ่ง

และเทวดาท่านนั้นตอนนี้ก็คงเป็นเทวดาสัมมาทิฐิแล้วครับ

 

ยังมีตัวอย่างของเทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิอีก เป็นเรื่องในสมัยพุทธกาล . . .

 

รอติดตามอ่านต่อครับ อนุโืมทนา

 

ไม่ต้อง งง หรอกครับ ผมก็มองไม่เห็น นั่นหนะ ตัวอย่างเทวดาไง
เราเลยยังมองไม่เห็น ต้องไห้พวกที่มีตาทิพย์มามองถึงเห็นเทวดาในกระทู้ข้างบนนั้น . . .

 

ผมจำได้เรื่องนึ่ง ในสมัยพุทธกาล หรือก่อนนั้นมีดาบสคนหนึ่ง . . .
ไม่แน่ใจ ว่าพระพุทธเจ้าของเราหรือปล่าว ที่ปฏิติบัติธรรมในเพศของดาบส จนมีบุญบารมีมาก ขนาดที่ว่าเมื่อตายลง จะไปจุติเป็นเทพระดับบิ๊ก จำไม่ได้อีกหละว่า พระอิน หรือท้าวสักกะ หรืออะไร แต่ระดับนั้น เอาเป็นว่าถ้าดาบสตายลงจะไปจุติเป็นเทพผู้ยิ่งไหญ่บนสวรรค์
แทนองค์เดิม
แต่ก่อนที่ดาบสจะตาย ที่นั่งของเทพองค์นั้นก็ร้อนเหมือนไฟ เป็นลางบอกเหตุว่า กำลังจะมีผู้มาจุติแทน เทพองค์นั้นตรวจดูแล้วก็ทราบว่า ดาบสผู้หนึ่ง บำเพ็ญพรตมานาน มีบุญมากกำลังจะตาย และมาจุติเป็นเทพผู้ยิ่งไหญ่แทนท่าน
เทพท่านนั้น จึงคิดหาวิธี (ต้องขออภัย ผมจำได้ไม่ละเอียด)คือ ไห้นางอัปสร เทพธิดาบริวารของท่าน ลงมาหาดาบสนั้น และไช้เสน่ห์หา ทำไห้ดาบสผู้ไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องสตรีมาตลอดชีวิต
ต้องตบะแตก จนหมดสติไปนานหลาย100ปี(ในตอนนั้นมนุษย์มีอายุเป็น10000ปี)
ที่หมดสติไปเพราะตกตะลึงในความงามของนางอัปสรนั่นเอง