คุณคือ "ผู้พเนจรจากฟากฟ้า" (Wanderer) หรือ "เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว" (Star Seed) หรือไม่??

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 20 มีนาคม 2010.

แท็ก: แก้ไข
?
  1. คำตอบที่ "ใช่" รวมได้ < 12 คะแนน

    2 vote(s)
    66.7%
  2. คำตอบที่ "ใช่" รวมได้ 12 - 15 คะแนน

    1 vote(s)
    33.3%
  3. คำตอบที่ "ใช่" รวมได้ 1ุ6 - 19 คะแนน

    0 vote(s)
    0.0%
  4. คำตอบที่ "ใช่" รวมได้ 20 คะแนนขึ้นไป

    0 vote(s)
    0.0%
  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อ้างถึงข้อความในกระทู้นี้...

    http://palungjit.org/threads/การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก-เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก-ของมิตรจากต่างพิภพ-และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/page-45

    ที่มีตอนหนึ่งพูดถึง "ผู้พเนจรจากฟากฟ้า" หรือ Wanderer
    ผมเห็นว่ามันน่าสนใจดี ก็เลยลองค้นเรื่องนี้ดู แล้วเอามาแปลแบ่งปันให้อ่านกันหนะนะครับ

    ก่อนอื่น ลองดูเนื้อหาของกระทู้ที่ว่านั้นก่อนนะครับ แล้วค่อยมาเข้าสู่เรื่องนี้กันต่อไป

    ...................................................................................


    ตอนที่ 16:

    บางส่วนของบทสัมภาษณ์ออกอากาศทางรายการวิทยุ Coast to Coast AM
    ของนายเดวิด วิวค็อค (David Wilcock) โดยนาย จอร์จ นูรี่ (George Noory) เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2009

    ที่มา: www.divinecosmos.com (Disclosure Updates and Transcript of Coast Announcement, 10/6!)

    *
    รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 บางรูป เพิ่งลงมาที่โลกเมื่อเร็วๆนี้ แล้วก็ได้ลืมไปแล้วว่าพวกเขาเป็นใคร*

    มนุษย์ทุกคนมี “ตัวตนที่สูงส่งกว่า” ของตัวเองอยู่อีก 1 ตัวตน แต่สำหรับชาวโลกบางคน การจะวิวัฒน์ขึ้นไปถึงจุดนั้นได้ อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายล้านปีในอนาคต

    “ผู้พเนจร” (Wanderer) ในอีกความหมายหนึ่ง ก็คือรูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 ที่อาสาลงมาเกิดในร่างมนุษย์เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อมาช่วยโลกโดยเฉพาะ เนื่องจากว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับโลก ไม่เป็นไปอย่างที่พวกเราคาดหวัง

    ในหนังสือชุด “The Law of One” ได้เปิดเผยว่าในช่วงปี 1981 มี “ผู้พเนจร” ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์แล้ว ประมาณ 65 ล้านชีวิต และจากข้อมูลที่ผมเพิ่งได้รับมา จากการสื่อสารทางโทรจิตที่ชัดเจนมากๆของผมเมื่อเร็วๆนี้ บอกว่า ตอนนี้มีประมาณ 245 ล้านชีวิตแล้ว

    พวกคุณหลายคนที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่ ก็อาจจะเป็นหนึ่งใน “ผู้พเนจร” ด้วยก็ได้ ซึ่งลักษณะเฉพาะที่คุณอาจจะพอจับสังเกตได้ ก็เช่น คุณจะมีปัญหาเกี่ยวกับความมีมารยาสาไถแบบชาวโลก เพราะว่าคุณเพิ่งลงมาถึงโลก เพราะฉะนั้น คุณจะยังใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ คุณจะยังไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับการหลอกลวง, กลอุบาย และการโป้ปดมดเท็จของชาวโลก

    คุณอาจจะกลายเป็นศัตรูตัวร้ายกาจของตัวคุณเอง เพราะการมีพฤติกรรมที่ต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่น หรือขึ้นอยู่กับผู้อื่นตลอดเวลา ซึ่งมันจะทำให้คุณปรารถนาที่จะได้พบกับใครสักคนหนึ่งที่จะมาเป็นคู่หูหรือเป็นคู่ครองของคุณ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับตัวตนที่สูงส่งของคุณเอง ใครบางคนที่คุณจะสามารถเชื่อใจได้ ปฏิบัติตามได้และเชื่อฟังได้อย่างสนิทใจ ใครบางคนที่คุณสามารถขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม

    ไม่มีเรื่องไหนในชีวิตผมที่ทำให้ผมต้องพบกับความยากลำบากมากเท่ากับเรื่อง นี้เลย แม้ว่าผมจะมีสติปัญญาที่ดี แต่ผมก็ยังต้องเจ็บปวดและเป็นทุกข์เพราะมันมาตั้งหลายปี แต่เมื่อผมได้ผ่านพ้นมันมาได้แล้ว และค้นพบวิธีที่จะรักตัวผมเองได้จริงๆแล้ว เพียงแค่นั้น ผมก็ค้นพบความสามารถของตัวเอง เหมือนอย่างที่ผมเขียนไว้ในหนังสือชื่อ

    “การตื่นของเหล่าผู้พเนจร” (Wanderer Awakening)*



    wanderer_awake_jones_web%20orig.jpg
    (Credit the picture from internet)
    ...........................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2021
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    **ข้อความต่อไปนี้เลือกเอาบางส่วนมาแปลจาก คุณคือ “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” (Star Seed) หรือไม่ ??**

    "ผู้ควบคุมภารกิจ รับรู้ว่ากระบวนการของการ ”ตื่นขึ้น” มันมีเคล็ดลับอยู่เล็กน้อย แม้ว่าในรหัสพันธุกรรมของคุณจะถูกใส่รหัสมาให้ตื่นขึ้นเมื่อได้รับการกระตุ้นแล้วก็ตาม แต่คุณก็ยังจะเชื่ออย่างสนิทใจอยู่ว่า..คุณคือมนุษย์โลกคนหนึ่ง "

    จากหนังสือ "E. T. 101" โดย Zoev Jho


    ................................................................................................

    มันเป็นไปได้ไหม๊ว่า คุณเป็นผู้ที่มาจากระบบดวงดาวอื่นๆ แล้วมาเกิดบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้?

    คุณมาที่นี่เพื่อทำภารกิจพิเศษบางอย่าง เพื่อช่วยเหลือดาวเคราะห์โลกดวงนี้ และมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ให้สามารถเปลี่ยนระดับความสั่นสะเทือนไปสู่ระดับที่สูงขึ้น โดยการยกระดับความตระหนักรู้ทางจิตวิญญาณของผู้คนรอบๆตัวคุณให้สูงขึ้นใช่หรือไม่?

    มันอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ ว่าในวันนี้ จะมีผู้คนมากมายบนโลกที่รู้อยู่ข้างในลึกๆว่า
    แท้ที่จริงแล้วพวกเขาอยู่ที่นี่ในฐานะของ “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” (Star Seed)

    คนเหล่านี้โดยทั่วไปแล้วจะเป็นคนที่มีการศึกษา และเป็นที่นับหน้าถือตาของสังคม พวกเขาอาจจะอยู่ในวงการแพทย์, กฎหมาย, ครูบาอาจารย์, หรืออื่นๆที่ทำให้วิถีชีวิต ค่อนข้างออกมาในแนวๆที่ต้องเป็นผู้ให้บริการผู้อื่น

    มีผู้คนหลายล้านคน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการแห่งการตื่นรู้อยู่ และพวกเขาก็กำลังสงสัยอยู่อย่างมากเช่นกันว่า พวกเขามาจากต่างดาวหรือไม่ ??

    มันเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1960 กว่าๆ และเรื่อยมาจนกระทั่ง 20 กว่าปีให้หลัง ที่หนังสือชุดหนึ่งถูกเผยแพร่ออกมา
    หนังสือชุดดังกล่าวนี้ บรรจุข้อมูลที่ได้จากการสื่อสารทางโทรจิตกับผู้ที่ปราศจากรูปกายที่สมถะรูปธรรมหนึ่งนามว่า “รา” ซึ่งหนังสือเล่มแรกของทั้งชุดนี้มีชื่อว่า “The Ra Material”

    ข้อความของ “รา” ได้จุดประเด็นให้เห็นความเป็นไปได้อย่างชัดเจนว่า มีรูปธรรมชีวิตจากต่างดาว (ผู้พเนจรจากฟากฟ้า หรือ Wanderer) จำนวนมากมายในโลก ที่กำลังทยอย “ตื่นขึ้น” อยู่ในขณะนี้จริงๆ

    แต่ถ้าจะให้ระบุจำนวนที่แท้จริงลงไปเลยหละก็ รากล่าวว่า มีประมาณ 65,000,000 คน
    ที่ได้ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์แล้ว นับถึงปี 1960 กว่าๆ

    “ผู้พเนจรจากฟากฟ้า” (Wanderers) คือรูปธรรมชีวิตต่างดาว ที่มีวิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณ และด้านร่างกายสูงมากแล้ว ซึ่งนั่นแหละที่ทำให้พวกเขายื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือรูปธรรมชีวิตอื่นๆในจักรวาล ที่ร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเขาไป ด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา

    ราได้พรรณนาต่อไปอีกว่า รูปธรรมชีวิตเหล่านี้มาจากมิติที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้อย่างไร้ขีดจำกัด และพวกเขาต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือคอยให้ความช่วยเหลือผู้อื่น

    และตอนนี้ ดาวเคราะห์โลกและมนุษย์โลกทั้งหลาย ก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นแล้วเหมือนกัน
    เพราะว่าพวกเรากำลังต้องการความช่วยเหลือครั้งใหญ่

    นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเหล่า “ผู้พเนจรจากฟากฟ้า” (Wanderers)
    หรือ “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” (Star Seeds) ทั้งหลายจึงมาอยู่กับพวกเรา

    พวกเขามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพวกเรา ในการยกระดับความสั่นสะเทือนของพวกเราเอง และของดาวเคราะห์โลกของพวกเราให้สูงขึ้น เพราะฉะนั้น การเปลี่ยนรูปแบบ (Transformation), ที่ได้ถูกพยากรณ์เอาไว้แล้วของช่วงเวลานี้ ก็จะสามารถเกิดขึ้นได้

    การเปลี่ยนรูปแบบ (Transformation) ที่ว่านี้ จะสามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อพวกเราเปลี่ยนระดับความตระหนักรู้ของพวกเรา จากความเห็นแก่ตัวและความยึดติดอยู่กับโลกของวัตถุเพียงอย่างเดียว (over-identification with the material world) มาเป็นความตระหนักรู้ด้านจิตวิญญาณ ซึ่งมีความสมดุลมากกว่าและมีความสำคัญยิ่งกว่า

    หากพวกเราไม่รีบทำซะตั้งแต่ตอนนี้ พวกเราก็อาจจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด จนกว่าพวกเราจะทำให้มันถูกต้องเสีย และดูเหมือนว่าพวกเราจะเคยมาถึงจุดนี้ก่อนหน้านี้แล้วด้วย ในสมัยแอตแลนติส ซึ่งในตอนนั้นผู้คนในสังคมยึดติดอยู่กับโลกของวัตถุ เต็มไปด้วยความโลภ, ความพึงพอใจ และความเอาแต่ใจตัวเอง โดยละทิ้งด้านจิตวิญญาณของตนเองไปเสียสิ้น

    ราวๆปลายยุค 1980 มีหนังสืออีกเล่มหนึ่งถูกพิมพ์ออกเผยแพร่ ชื่อ “E.T.101” แต่ว่าตอนนี้
    เขาเลิกพิมพ์ออกมาขายแล้วเป็นการชั่วคราว แต่อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะลองไปสั่งซื้อได้ที่นี่

    E.T. 101: The Cosmic Instruction Manual: An Emergency Remedial Edition (9780962695803): Diana Luppi, Zoev Jho, Brandt Morgan, James Finnell

    มันเป็นงานเขียนที่เกี่ยวกับเรื่องราวของ “Starseed” ที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งเท่าที่ฉันเคยอ่านมา
    และเนื้อหาของมัน ก็มาจากข้อความที่สื่อสารมาทางโทรจิตจากรูปธรรมชีวิตต่างมิติชั้นสูงทรงภูมิปัญญา เช่นเดียวกันกับกรณีของหนังสือ The Ra Material ฉันว่า มันเป็นคู่มือสำหรับเหล่า Star Seeds ทั้งหลายเลยทีเดียว

    ประเด็นสำคัญที่หนังสือ E. T. 101 เน้นหนักก็คือ ตอนนี้มี Starseeds ที่กำลังอยู่บนโลกนี้จำนวนมากมาย
    ซึ่งพวกเขาได้ตั้งโปรแกรมให้ “ตื่นขึ้น” เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งแห่งกลียุคเช่นนี้แหละ

    เหล่า Starseeds ผู้ที่ตื่นแล้ว มาอยู่ที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือดาวเคราะห์โลกและมนุษย์โลกทั้งหลาย ในการเปลี่ยนระดับขึ้นไปสู่มิติที่มีระดับของความสั่นสะเทือนที่สูงกว่า ซึ่งดูเหมือนว่า มันจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้แหละ

    หนังสือเล่มนี้พรรณนาว่า Starseeds คือเหล่าอาสาสมัครจากระบบดวงดาวอันไกลโพ้น
    ที่ตอบสนองต่อเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่บนดวงดาวต่างๆ ที่กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการแห่งการตื่นรู้สู่ธรรมชาติแห่งจิตวิญญาณที่แท้จริง ซึ่งหนึ่งในดวงดาวที่ว่านี้ ก็คือดาวเคราะห์โลกของเรานี้แหละ

    หลังจากที่ได้ยินเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือแล้ว เหล่าอาสาสมัครแห่ง Starseeds จึงได้เดินทางมาที่โลก และตั้งใจให้ตัวเองลืมว่าตัวเองเป็นใครและมาจากไหน เพราะว่าภาวการณ์สูญเสียความทรงจำชั่วคราวนี้ จะทำให้พวกเขามีคุณสมบัติทุกอย่างที่มีความยึดมั่นถือมั่นเป็นรากฐาน เหมือนอย่างที่มนุษย์โลกธรรมดาคนหนึ่งพึงจะมี

    ในวันนี้ เหล่า Starseeds หลายคนได้ค้นพบแล้วว่า โลกภายนอกและโลกภายในของพวกเขากำลังพลิกกลับด้านและกำลังพลิกกลับหัวกลับหางอยู่ มันจึงช่วยไปจุดชนวนกระบวนการตื่นขึ้นของพวกเขา

    เพราะว่าเหล่า starseeds กำลังค่อยๆจดจำตัวตนที่แท้จริงของตนเอง และภารกิจของตนเองได้มากขึ้นเรื่อยๆ กระแสความคิดที่มีรากฐานมาจากความกลัว ที่พวกเขาได้รับมาตอนมาอยู่ในร่างมนุษย์นั้นก็ค่อยๆถูกเปลี่ยนไปเป็นกระแสความคิดที่มีรากฐานมาจากความรักแทน

    ด้วยเหตุนี้ จิตสำนึกมวลรวมของทั้งโลก จึงได้รับผลกระทบในด้านบวกอย่างมากตามมา
    และนั่นจึงทำให้พวกเรารู้สึกได้ว่า “การเปลี่ยนระดับ” กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้จริงๆ

    *หนังสือ E. T. 101 บอกกับเราว่า*

    “เพราะว่าโปรแกรมเก่าของดาวเคราะห์โลกที่กำลังจะตายนี้ เริ่มถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้ว คุณจึงอาจจะรู้สึกได้ถึงความไม่สะดวกสบาย เช่น รู้สึกว่าโลกทั้งโลกกำลังจะถล่ม เป็นต้น

    มันน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนระดับเช่นนี้ ที่จะจดจำเอาไว้ว่า คุณคือคุรุจากโลกหลากมิติ ผู้มีความเชียวชาญในการเปลี่ยนแปลงโลกที่กำลังจะพังทลายทั้งหลาย และพวกคุณก็ได้เคยทำเช่นนั้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง”

    หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสำหรับผู้ที่ต้องการรู้ว่าตนเองเป็นหนึ่งใน Starseeds เหล่านั้นหรือไม่ควรจะมีไว้ หนังสือเล่มนี้จะบอกด้วยว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นอยู่, และจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในของตนเอง และทำให้ภารกิจของตนเองสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างไร

    แต่ประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เวลาใดที่ชีวิตทั้งชีวิตของคุณพังทลายลง หนังสือเล่มนี้จะนำความหวัง, ความเข้าใจ และคำอธิบายว่าทำไมมาให้คุณ

    มีหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ดีมากเหมือนกัน คือหนังสือชื่อ “From Elsewhere”, โดย Scott Mandelker, Ph.D.

    ถ้าคุณมีความรู้สึก และความตระหนักรู้ลึกๆอยู่ข้างในว่า คุณอาจจะมาจากระบบดวงดาวอื่น จงอย่ากลัว เพราะว่าในช่วงเวลานี้มีผู้คนมากมายบนโลกใบนี้ ที่เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่กล้าหาญแบบนี้เช่นเดียวกับคุณ

    ถ้าคุณมีความหลงใหลในเรื่องราวของดวงดาว, UFO, รูปธรรมชีวิตต่างมิติ, การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ, หรือพบว่าชีวิตของคุณกำลังตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน, หรือมีความรู้สึกว่าจะต้องหาทางช่วยเหลือชาวโลก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างเร่งด่วน, หรือมีอาการเหล่านี้หลายๆอย่างรวมกัน นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่า คุณคือผู้ที่มาจากระบบดวงดาวอื่นจริงๆ

    จงกล้าหาญเถิดเหล่าเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวเอ๋ย พวกคุณได้อดทนเพื่อทดลองเป็นมนุษย์มานานแล้ว และในที่สุดพวกคุณก็เริ่มตื่นขึ้นมาสู่ความเป็นธรรมชาติและภารกิจที่แท้จริงของตนเอง

    แม้ว่าคุณเองก็จะต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อหาเลี้ยงชีพไปวันๆเหมือนชาวโลกคนอื่นๆด้วย แต่คุณก็จะรู้อยู่ข้างในว่า คุณกำลังค่อยๆสลัดทิ้งรูปแบบพฤติกรรมด้านลบและไม่สมบูรณ์แบบทั้งหลายของมนุษย์ทิ้งไปในขณะเดียวกันด้วย นี่คือโอกาสที่ดีและง่ายสำหรับมนุษย์โลก ที่จะทำตามอย่างคุณบ้าง

    แม้ว่าคุณอาจจะยังจำไม่ได้ในตอนนี้ก็ตาม ว่าคุณได้ยินยอมพร้อมใจที่จะมาทำภารกิจช่วยเหลือดาวเคราะห์โลก ในกระบวนการมุ่งสู่แสงสว่างในครั้งนี้ และเพื่อช่วยปลดปล่อยมนุษย์โลกทั้งหลาย ผู้ที่กำลังหลงทาง อยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ นี่คือภารกิจแห่งความรักและความเสียสละของคุณ

    อย่างเช่นที่เคย ที่ฉันกล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อพยายามสร้างแรงบันดาลใจและสะกิดใจให้คุณสงสัยว่า
    “แท้จริงแล้วคุณคือใคร” แต่ว่าท้ายที่สุดแล้ว คุณก็ต้องเป็นผู้ตัดสินใจเอาเอง ลองหาหนังสือที่ฉันใส่รายชื่อไว้ข้างล่างนี้มาศึกษาเพิ่มเติมดูก็ได้

    หนังสืออ้างอิง:

    1).E. T. 101 - by Zoev Jho.
    2). The Ra Material (book 1) - by "Ra"
    3). From Elsewhere - by Scott Mandelker, Ph.D.
    4). We the Arcturians- by Norma Milanovich, Ph.D.
    5). Songs of the Arcturians- by Patricia Pereira
    6). Eagles of the New Dawn- by Patricia Pereira
    7). Songs of Malantor- by Patricia Pereira
    8). Arcturian Songs of the Masters of Light- by Patricia Pereira

    ...................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2021
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    **ข้อความต่อไปนี้เลือกเอาบางส่วนมาแปลจาก The Starseed Community - Frequently Asked Questions**

    *เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Satrseed) คืออะไร?*

    a.jpg
    (Credit the picture from internet)

    คำจำกัดความ:


    เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds) คือกลุ่มของรูปธรรมชีวิตที่วิวัฒน์แล้วจากต่างดาว, ต่างระบบดวงดาว, หรือต่างกาแล็กซี่ ที่เดินทางมาเพื่อทำภารกิจพิเศษบางอย่าง เพื่อช่วยเหลือโลกและมนุษย์ ในการก้าวเข้าสู่ “ยุคทอง” (Golden Age) ณ.ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนยุคนี้

    เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds) จะลงมาเกิดบนดาวเคราะห์โลก ด้วยเงื่อนไขต่างๆ
    ที่ไม่สามารถช่วยตนเองได้ และสูญเสียความทรงจำว่าตัวเองเป็นใคร,มาจากไหน และมาเพื่ออะไร ไปโดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกับเงื่อนไขการลงมาเกิดของชาวโลกตัวจริง

    แต่อย่างไรก็ตาม ในยีนส์ (genes) ของเหล่าเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวเหล่านี้ จะถูกบรรจุ “รหัสแห่งการตื่น” เอาไว้ด้วย เพื่อใช้ “กระตุ้น” ให้พวกเขาตื่นขึ้น ณ.ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของชีวิต ที่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

    “การตื่นขึ้น” (Awakening) ของพวกเขา อาจจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปและช้าๆ
    หรืออาจจะเป็นแบบค่อนข้างปุบปับและฉับพลันทันทีก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ความทรงจำของพวกเขา จะถูกเรียกกลับคืนมามากน้อยต่างกันไปในแต่ละคน ทำให้พวกเขาตระหนักรู้ถึงภารกิจของพวกเขา และเริ่มลงมือทำภารกิจของตนเอง

    ความเชื่อมต่อระหว่างพวกเขากับ “ตัวตนที่สูงส่งกว่า” (Higher Self) ของพวกเขาจะมาช่วยเสริมให้พวกเขามีความเข้มแข็ง และทำให้พวกเขาสามารถใช้ “ความรู้จากภายใน” (inner knowing) ของตนเอง เป็นผู้นำทางได้

    เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds) หลายคน ก็ได้ถูกฝึกฝนจนสามารถ “ขัดเกลากิเลส” ให้เบาบางลงไปได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนพวกเขาสามารถขจัดรูปแบบพฤติกรรมที่มีขีดจำกัด และความกลัวทั้งหลายออกไปได้หมด ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ซึ่งหากเป็นมนุษย์โลกทั่วไปแล้วอาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเลยก็ได้

    ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว (Starseeds) เหล่านี้ ได้เคยทำภารกิจเช่นนี้ บนดาวดวงอื่นๆมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว พวกเขาจึงค่อนข้างจะคุ้นเคยกับกระบวนการและเทคนิคต่างๆ ที่จะนำมาใช้เพื่อยกระดับจิตสำนึกของตนเองให้สูงขึ้นได้

    เพราะฉะนั้น แนวความคิดเกี่ยวกับยานอวกาศ, การท่องอวกาศ, ปรากฏการณ์ทางจิตต่างๆ และเรื่องราวเกี่ยวกับรูปธรรมชีวิตในกาแล็กซี่อื่นๆ จึงเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาและมีเหตุมีผลสำหรับพวกเขา

    (ตัดตอนมาจาก Bil El Masri)
    ......................................................

    **ภารกิจของเหล่า “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” (Star Seeds) คืออะไร?**

    ที่มา:The Starseed Community - Frequently Asked Questions


    เพราะว่าภารกิจของพวกเขาในครั้งนี้ เป็นภารกิจที่ยากลำบากมากที่สุดภารกิจหนึ่ง เพราะต้องมาทำภารกิจในมิติที่หยาบและหนาทึบมากๆอย่างบนดาวเคราะห์โลกแห่งนี้

    เพราะฉะนั้นรูปธรรมชีวิตต่างมิติชั้นสูงส่วนใหญ่ จึงอาจจะไม่อาสาลงมาทำหน้าที่แบบนี้ ที่นี่ เพราะว่ามันมีความเสี่ยงต่อการหลงลืมว่าตนเองเคยเป็นใคร และสูญเสียความเชื่อมโยงกับ “ตัวตนที่สูงส่งกว่า” (Higher Self) อันศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองไป

    แม้ว่าจำนวนโดยรวมของเหล่า Star seeds ทั้งหมด จะเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับประชากรทั้งโลก แต่ว่าภารกิจของพวกเขาก็มีความสำคัญและหลากหลายมาก

    ขั้นแรก, พวกเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในร่างกายเนื้อนี้ และในขณะเดียวกัน ก็ต้องพยายามจดจำให้ได้ว่าตนเองเป็นใครด้วย

    ตอนที่พวกเขาพยายามทำการเชื่อมต่ออยู่นั้น พวกเขาก็จะถูกดึงดูดให้ผ่านเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนรูปแบบ (Transformation process) เพื่อ รวมศูนย์ และเชื่อมต่อกับ “ตัวตนที่สูงส่งกว่า” (Higher Self) ของตัวเองให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    เมื่อใดที่พวกเขาสามารถจดจำได้แล้วว่าพวกเขาเป็นใคร พวกเขาก็จะสามารถช่วยเหลือมนุษย์โลกผู้รู้แจ้งแล้วทั้งหลาย ในการผนึกและเปล่งประกายแสงสว่างให้แก่ดาวแม่ดวงนี้ได้

    มี Star seeds อีกจำนวนหนึ่ง ที่มาที่นี่ตามแผน “การยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือจากเบื้องบน” (Divine Intervention) ของมิติที่สูงๆกว่า

    เพราะว่าดาวเคราะห์ดวงนี้จะไม่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ หากปราศจากการช่วยเหลือจากเบื้อบน ตามพระบัญชาของพระผู้สร้าง

    Star seeds จะเป็นตัวประสานงานเชื่อมต่อระหว่าง “สหพันธ์ระหว่างกาแล็กซี่” (Galactic Federation) กับ “เหล่าคุรุผู้รู้แจ้งระดับสูง” (the Spiritual Hierarchies) เช่น เอลโลฮิม (Elohim) และเทพแห่งกาลเวลา เป็นต้น

    Star seeds ที่ตื่นแล้ว และพร้อมที่จะผนึกและเปล่งประกายแสงสว่างแล้ว จะสามารถทำพิธีกรรม หรือ ทำสมาธิ แล้วเพ่งกระแสจิตไปยังสถานการณ์ใดๆ เพื่อเปลี่ยนให้มันดีขึ้นได้

    **ภารกิจที่แตกต่างกัน**

    โดยทั่วไปแล้ว Star seeds จะมีภารกิจที่แตกต่างกัน
    ต่อไปนี้คือรายการภารกิจที่ฉันทำขึ้นมาเองเท่าที่ฉันพอจะรู้

    1). เป็นผู้ยึดเหนี่ยวและเปล่งพลังงาน (Anchors)


    a-jpg.jpg

    ตามความหมายของคำว่า “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” ก็บอกเป็นนัยอยู่แล้วว่า พวกเรามาที่นี่ ก็เพื่อที่จะ “ปลูกฝัง” พลังงานของดวงดาวบ้านเกิดของพวกเรา ลงมาไว้ที่ดาวเคราะห์โลกดวงนี้

    แต่นี่เป็นเรื่องที่เราไม่ได้ลงมือทำเองโดยตรง หรือบ่อยครั้งเราก็แทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เราได้ทำภารกิจของเราให้สมบูรณ์ไปแล้ว โดยการเพียงแค่มาอยู่ที่นี่และเปล่งกระแสพลังงานของเราออกมาใส่ใน “สนามพลังพันธุสัณฐาน” (Morphogenetic field) ของโลกเฉยๆ ซึ่งตามปกติแล้วระดับพลังงานที่พวกเราเปล่งออกมานั้น ก็จะสูงมากๆ เพราะว่าพวกเรามาจากดวงดาวที่มีวิวัฒนาการสูงมากกว่าโลกแล้วนั่นเอง

    ดังนั้น การมาอยู่ที่นี่ของพวกเรา จึงเป็นการช่วยยกระดับความถี่/พลังงานโดยรวมของดาวเคราะห์โลกขึ้น ซึ่งจะทำให้มนุษย์โลกสามารถวิวัฒน์เข้ามาสู่ระดับคลื่นความถี่นี้ได้ด้วยตนเองง่ายขึ้น

    2). เป็นผู้สร้าง (Builder)


    a-jpg.jpg

    Star seeds กลุ่มนี้คือผู้ที่ลงทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก โดยการสร้างระบบโครงสร้างอะไรใหม่ๆขึ้นในหลายๆพื้นที่ของสังคม

    ไม่ใช่การไปต่อต้านระบบเก่าๆที่มีอยู่แล้ว แต่จะเป็นการสร้างสรรค์ระบบใหม่ขึ้นมา หรือ สร้างระบบทางเลือกใหม่ขึ้นมา ซึ่งอาจจะเป็นองค์กร, กลุ่มคน, ระบบ, วิถีทาง, ที่ดียิ่งกว่า เป็นต้น

    พวกเขาจะมีวิสัยทัศน์ที่แจ่มชัด ว่าจะสามารถพัฒนาสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง หรือว่าจะต้องสร้างสรรค์อะไรขึ้นมาใหม่บ้าง แล้วพวกเขาก็เริ่มลงมือทำด้วยความมุ่งมั่นและเชื่อมั่น


    3). เป็นผู้ดูเฉยๆ (Watchers)

    มี Star seeds จำนวนไม่มากนักที่มาที่นี่เพื่อมาสังเกตการณ์สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญนี้เฉยๆ

    ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่า ดาวเคราะห์บ้านเดิมของพวกเขาต้องการข้อมูลที่กำลังเกิดขึ้นที่นี่เพิ่มเติมก็เป็นได้ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเพื่อมาบันทึกเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเอาไว้ใช้ในอนาคตก็เป็นได้

    4). เป็นผู้นำทาง (Guides)


    a-jpg.jpg

    Star seeds บางคน ก็เกิดมาเพื่อคอยให้ความช่วยเหลือใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ เพื่อให้บุคคลคนนั้นสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของเขาเองได้ โดยการทำหน้าที่เป็นผู้นำทางให้กับเขา Star seeds กลุ่มนี้ บางทีอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าตัวเองกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ โดยการให้ความช่วยเหลือบุคคลคนๆนั้น

    5). เป็นผู้ที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเรียกว่าอะไรดี

    Star seeds บางคน ก็ไม่ได้มาเพื่อช่วยโลกนี้โดยตรง แต่พวกเขามาเพื่อประโยชน์ของดวงบ้านเกิดของพวกเขาเอง ซึ่งแนวคิดนี้ ส่วนใหญ่มาจากนาง Jelaila Starr ผู้ที่อ้างว่าสามารถติดต่อสื่อสารทางโทรจิตกับ “สภาแห่งดาวนิบิรุ” (Nibiruan Council) ได้

    เธอบอกว่า มีบางอารยธรรมบนดาวบางดวง ที่เกิดปัญหาติดขัดเกี่ยวกับวิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณของพวกเขา เพราะว่าพวกเขาแบ่งแยกเป็นฝ่ายแสงสว่างกับฝ่ายมืดมากจนเกินไป หรือพวกเขากำลังมีปัญหาขัดแย้งกันเองภายใน หรือขัดแย้งกับเผ่าพันธุ์อื่น แต่หาทางออกไม่ได้

    พวกเขาก็จะส่งเหล่า Star seeds ลงมายังโลก ซึ่งเมื่อลงมาเกิดบนโลกแล้ว พวกเขาก็จะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง จากนั้น “ผู้นำทาง” ของพวกเขา ก็จะจัดฉากปัญหานั้นๆขึ้นมาให้พวกเขาแก้บนโลก

    เพราะว่ามันเป็นไปได้ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านั้นได้บนโลก และหากพวกเขาแก้ได้แล้ว พวกเขาก็จะนำเอารูปแบบวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ กลับไปใช้กับดาวเคราะห์บ้านเกิดของพวกเขาต่อไป


    .................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Starseed.jpg
      Starseed.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.7 KB
      เปิดดู:
      16,886
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2021
  4. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เป็นไม่เป็นไม่รู้ แต่เคยเห็นแบบนี้


    more [​IMG]
     
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    **คัดเลือกบางส่วนมาแปลจากเวปไซต์ The Starseed Community - Frequently Asked Questions**

    *วิญญาณของคุณมาจากนอกโลกหรือไม่?*


    © 2003 by Richard Boylan, Ph.D. vers071703

    (หมายเหตุ: ชุดคำถามนี้สามารถใช้กับผู้ใหญ่ที่สงสัยว่าตนเองเป็นหนึ่งใน “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” ได้)

    คำชี้แจง:

    ให้วงกลมรอบๆคะแนนที่อยู่ท้ายคำถามแต่ละข้อ ที่คุณตอบว่า “ใช่” แล้วรวมคะแนนทั้งหมดที่ได้มาพิจารณาตามเกณฑ์ข้างล่างนี้

    คะแนน 12 – 15 => อาจจะใช่ “เด็กจากฟากฟ้า” (Star kid)
    คะแนน 16 – 19 => เป็นไปได้มากว่าน่าจะใช่ “เด็กจากฟากฟ้า” (Star kid)
    คะแนน 20 ขึ้นไป => ใช่ “เด็กจากฟากฟ้า” (Star kid) แน่นอน

    a.jpg
    (Credit the picture from internet)

    1). ศรีษะของเด็กมีขนาดใหญ่กว่าศรีษะของเด็กทั่วๆไปในวัยและความสูงเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนบนหรือด้านหน้าของศรีษะ = 1 คะแนน

    2). เด็กมีอุณหภูมิของร่างกายเฉลี่ยต่ำกว่า 97.6 F [หรือ 36.4 องศาเซลเซียส] = 1 คะแนน


    3). ตอนที่เด็กเกิดมีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นหรือปรากฏให้เห็นในห้องคลอดด้วย หรือมีแสงออร่าสว่างๆอยู่รอบๆตัวหรือรอบๆเตียงนอนของเด็ก = 2 คะแนน

    4). เด็กเริ่มพูดได้ชัด ตอนอายุ 6 เดือน (พูดได้เร็วกว่าเด็กอื่นๆโดยเฉลี่ย อย่างน้อย 1 ปี เพราะว่าปกติแล้วเด็กจะเริ่มพูดได้เมื่ออายุ 18 เดือน) = 1 คะแนน

    5). เด็กเริ่มเดินได้เมื่ออายุได้ 6 เดือนกว่าๆ (เดินได้เร็วกว่าเด็กอื่นๆโดยเฉลี่ย
    เพราะว่าปกติแล้วเด็กจะเริ่มเดินได้เมื่ออายุประมาณ 1 ขวบ) = 1 คะแนน

    6). เมื่อเด็กเริ่มพูดได้แล้ว เขาจะพูดเป็นวลีหรือเป็นประโยคได้เลยทันที ไม่ใช่แค่พูดได้แบบทีละคำ = 1 คะแนน


    7). ผู้คนจะสังเกตได้ว่า เด็กจะมีความคิดความอ่านโตกว่าอายุจริงอย่างมาก
    ส่วนใหญ่จะเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่ในร่างเด็กมากกว่า = 1 คะแนน


    8). ในวัยเด็ก เด็กจะแสวงหาแต่อะไรที่ล้ำหน้ากว่ามาทำ และเขาจะเบื่อเกมต่างๆที่ท้าทายไม่พอ
    ที่เด็กในวัยเดียวกันอยากจะเล่น = 1 คะแนน

    9). เด็กจะพูดออกมาให้รู้ว่าเขาระลึกได้ว่าเขามี “พ่อแม่อื่น” ที่อยู่บนดวงดาวดวงใดดวงหนึ่งอีก หรือแสดงออกถึงอาการอยากกลับบ้าน “ที่แท้จริง” ของเขาที่อยู่บนดวงดาวดวงใดดวงหนึ่งในจักรวาล = 2 คะแนน

    10). สายตาของเด็ก จะดูเป็นผู้ใหญ่ และดูฉลาดหลักแหลม / รู้มากกว่าเด็กปกติธรรมดา = 1 คะแนน

    11). ตลอดวัยเด็กของเขา เด็กจะโตเร็วมากกว่าเด็กปกติธรรมดามากๆ ทั้งทางด้านร่างกายและสติปัญญา = 1 คะแนน

    12). เด็กจะมีความอ่อนไหว และรู้สึกท้อถอย หรือรู้สึกหดหู่ กับพฤติกรรมแบบชอบทำลาย,ใจร้าย, โหดร้าย, รุนแรง หรือพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหายของเด็กคนอื่นๆ และเขาก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเด็กคนอื่นๆจึงเป็นแบบนั้น = 1 คะแนน

    13). บางครั้ง เวลาที่เด็กผ่านไปตามท้องถนนที่มีหลอดไฟสีเหลืองๆประเภท (sodium-vapor-plasma) อยู่ ไฟถนนอาจจะดับได้ โดยเฉพาะเวลาที่เด็กมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ขึ้น = 2 คะแนน

    Light-1.jpg
    (Credit the picture from internet)

    14). เด็กแสดงให้เห็นว่า เขาสามารถสื่อสารทางโทรจิตได้ (Mental telepathy) = 1 คะแนน

    15). เด็กสามารถบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคตได้อย่างถูกต้อง หรือสามารถฝันเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงได้ก่อนล่วงหน้าอย่างถูกต้อง มากกว่า 1 ครั้ง (ญาณทัศนะ หรือ Precognition) = 1 คะแนน

    16). เด็กสามารถทำให้วัตถุสิ่งของเคลื่อนที่ได้ โดยใช้พลังจิตเพ่งไปยังวัตถุนั้นๆ เช่น เคยใช้กำหนดทิศทางของลูกบอลในเกม pinball หรือ ในกีฬาเบสบอล หรือโบลลิ่งบอล เป็นต้น = 1 คะแนน

    17). เด็กสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในต่างสถานที่ หรือในอดีต หรือในอนาคตได้อย่างถูกต้อง (ตาทิพย์ หรือ clairvoyance/remote viewing) = 1 คะแนน

    18). เด็กสามารถรับรู้ข้อมูลใหม่ๆได้อย่างทันทีทันใด ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้รับข้อมูลโดยการ “ดาวน์โหลด” ลงมาสู่จิตโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นในขณะที่ยังตื่นอยู่ หรือในขณะหลับก็ตาม = 1 คะแนน

    (แต่ถ้าเด็กบอกว่า ได้รับข้อมูลมาจากผู้มาเยือนจากต่างดาว ให้คะแนน = 2)

    19). เด็กมีความสามารถในการสื่อสารข้ามสายพันธุ์ ทั้งการรู้ว่าสัตว์เหล่านั้น (เช่น สุนัข, ปลาโลมา เป็นต้น) กำลังคิดอะไรอยู่ และสามารถสื่อสารทางจิตกับสัตว์เหล่านั้นได้ และสัตว์เหล่านั้นก็ตอบสนองต่อข้อมูล ที่สื่อสารไปนั้นด้วย = 1 คะแนน

    20). เด็กสามารถรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับบุคคล, สถานที่, เหตุการณ์บางอย่างด้วยสัญชาตญาณได้อย่างถูกต้อง (มีพลังจิต หรือ psychic) = 1 คะแนน

    21). เด็กสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กโทนิกส์บางอย่างได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะเพียงแค่เด็กอยู่ที่นั่นด้วยเฉยๆเท่านั้น (เช่น ทีวีเปลี่ยนช่องเองได้, วิทยุเปิดขึ้นเองได้, นาฬิกาข้อมือตาย, หลอดไฟเปิดหรือปิดเองได้ โดยไม่มีใครไปแตะต้องอะไรมันเลย เป็นต้น) = 1 คะแนน

    22). เด็กยอมรับว่าเคยใช้พลังจิตทำให้พฤติกรรมของคนอื่นเปลี่ยนไป และมันก็ได้ผลด้วย (เช่น ทำให้พ่อแม่ยอมนำขนมหวานชิ้นที่ 2 มาให้ เป็นต้น) = 1 คะแนน

    23. เด็กบอกว่าเคยเห็นผู้มาเยือนที่พ่อแม่และคนอื่นๆมองไม่เห็น หรือเด็กบอกว่าเคยเห็นอะไรบางอย่างแว๊บๆทางหางตา แต่แล้วก็หาบวั๊บไปทันทีถ้าตั้งใจจ้องมองดูตรงๆ (การมองเห็นทะลุมิติ) = 1 คะแนน



    (ยังเหลือคำถามอีกครับ)
    .........................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2021
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    *วิญญาณของคุณมาจากนอกโลกหรือไม่?* (ต่อ)

    24). เด็กสามารถมองเห็นรังสีออร่ารอบๆตัวคน หรือสัตว์ต่างๆได้ = 1 คะแนน


    a-jpg.jpg
    (Credit the picture from internet)


    25). เด็กสามารถเห็นหรือรู้สึกถึง “สี”, “รูปแบบ”, หรือ “เนื้อสัมผัส” ในรังสีออร่าเหล่านั้นได้ ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงสุขภาพ, สภาวะอารมณ์, สภาวะจิตใจ และอื่นๆของคนนั้นๆได้ = 1 คะแนน

    26). เด็กสามารถใช้พลังจิตวินิจฉัยโรคได้ (มองเห็นด้วยพลังสัญชาตญาณ, หรือด้วยการยกมือผ่านเหนือร่างกายของผู้ป่วย) และสามารถบอกตำแหน่งในร่างกายที่เกิดความเจ็บป่วย, บาดเจ็บ, หรือเกิดโรคได้ = 1 คะแนน

    27). เด็กสามารถใช้พลังภายใน (พลังจิต / พลังปราณ / พลังชี่ / พลังจักรวาล) ส่งไปยังตำแหน่งของร่างกายคนหรือสัตว์ที่กำลังต้องการการเยียวยารักษาได้ แล้วคนหรือสัตว์นั้นๆ ก็มีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว = 1 คะแนน

    28). เด็กสามารถทำให้ตัวเอง “หายตัว” ไปได้ ไม่ว่าจะด้วยการใช้พลังจิตย้ายตนเองไปที่อื่น หรือใช้วิธีที่ธรรมดากว่านั้น เช่น ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆตัวไม่สังเกตว่าตัวเองกำลังอยู่ที่นั่นด้วย แต่เมื่อเด็กเลิกทำแบบนั้น คนอื่นๆก็จะมองเห็นเขาทันที = 1 คะแนน

    29). เด็กสามารถทำให้สิ่งของต่างๆ ย้ายตำแหน่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ โดยที่ไม่ได้ไปแตะต้องสัมผัสอะไรมันเลย (Teleportation) หรือสามารถทำให้มันลอยขึ้นจากพื้น และเคลื่อนไหวได้ (Telekenesis) โดยที่ใช้เพียงจิตและความตั้งใจเพียงอย่างเดียว = 2 คะแนน

    30). เด็กสามารถลอยตัวขึ้นมาจากพื้นได้มากกว่า 1 ครั้งขึ้นไป (ไม่ว่าจะเป็นการลอยขึ้นเหนือพื้นเพียงไม่กี่นิ้ว หรือว่าลอยขึ้นสูงมากๆก็ตาม) ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม = 2 คะแนน

    31). เด็กแสดงอากัปกิริยา, ทำพิธีกรรม หรือพิธีการอะไรบางอย่างของตนเอง แล้วสามารถเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยของมนุษย์, สัตว์, พืช หรือสถานที่ใดๆในโลกใบนี้ได้ = 1 คะแนน

    (แต่ถ้าเด็กสามารถทำให้สัตว์, พืช, คน หรือบริเวณพื้นที่ใดๆที่ตายไปแล้วอย่างสมบูรณ์ กลับฟื้นคืนชีวิตมาใหม่อีกครั้งได้ ด้วยการเยียวยารักษานั้นๆ ให้คะแนน = 5)

    32). เด็กสามารถย่นกาลเวลาได้ โดยทำให้เหตุการณ์บางอย่าง เช่น ทำให้การเดินทางโดยรถยนต์ไปถึงจุดหมายเร็วขึ้น (เช่น จากปกติต้องใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ให้เหลือเพียงครึ่งชั่วโมงได้ เป็นต้น โดยที่ใช้ความเร็วเท่าเดิม) = 1 คะแนน

    33). เด็กสามารถยืดกาลเวลาได้ เช่น หน้าปัดนาฬิกาโชว์ว่าเวลาเพิ่งผ่านไปเพียง 15 นาทีเท่านั้น แต่ทุกๆคนกลับรู้สึกว่าเวลามันน่าจะผ่านไปแล้วตั้ง 1 ชั่วโมง เป็นต้น = 1 คะแนน

    34). เด็กสามารถบอกได้ว่าเมื่อไหร่ที่เหตุการณ์บางอย่าง (เช่น แผ่นดินไหว, อุบัติเหตุทางรถยนต์, ไฟไหม้ เป็นต้น) จะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วก็ได้เตือนให้คนอื่นๆได้รู้ แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ = 1 คะแนน

    35). ในบางครั้ง ตอนกลางคืน เด็กจะออกไปที่ไหนสักแห่งคนเดียวอย่างมีสติสัมปชัญญะ, หรือไปด้วยกายทิพย์/ถอดจิตไป (โดยที่กายเนื้อยังนอนอยู่บนเตียง) แล้วกลับมาเล่าให้ฟังว่าได้ไปพบกับอะไรมาบ้าง = 1 คะแนน

    (แต่ถ้าเด็กเล่าว่าได้ไปพบผู้มาเยือนจากต่างดาวมา ให้คะแนน = 2)

    36). ในขณะตื่น เด็กสามารถถอดจิตออกไปยังที่ต่างๆๆได้ ซึ่งผู้คนที่อยู่รอบๆข้างเด็กจะสังเกตเห็นว่าเด็ก “นิ่งไป” เหมือนถูกปิดสวิตซ์ แล้วหลังจากนั้น เด็กก็มีสติกลับมาเหมือนเดิม พร้อมกับประสบการณ์เกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ = 1 คะแนน

    37). เด็กสามารถรับการสื่อสารทางโทรจิตจากรูปธรรมชีวิตชั้นสูงทรงภูมิปัญญาจากนอกโลกได้ และมีความตระหนักรู้ด้วยว่า ผู้ที่สื่อสารมานั้น สื่อสารมาจากดาวดวงไหน = 2 คะแนน

    38). เด็กรายงานว่า มีผู้ที่มาจากดวงดาวดังกล่าวนั้นมาเยือนตน = 1 คะแนน

    39). มีผู้ที่มาจากดวงดาวดังกล่าวนั้น มาเยือนพ่อแม่ของเด็กด้วย = 1 คะแนน

    40). เด็กรายงานว่า ผู้มาเยือนที่มาจากดวงดาวดังกล่าวนั้น คือครอบครัวเดิมของตนเองก่อนหน้านี้ = 2 คะแนน

    41). เด็กเคยมีประสบการณ์อย่างน้อย 1 ครั้ง ในการใช้จิตร่วมกันกับผู้มาเยือนจากดวงดาวดังกล่าว (sharing mental space with a Star Visitor) ซึ่งต้องการที่จะขอยืมใช้ร่างกายและจิตของเด็ก เพื่อหาประสบการณ์ของความเป็นมนุษย์โลก เป็นการชั่วคราว = 1 คะแนน

    42). เด็กสามารถเรียกผู้มาเยือนจากต่างดาว หรือเรียกยานบิน (UFO) ของพวกเขา 1 รูปธรรม/ลำ หรือมากกว่านั้นมาให้ดูได้ ซึ่งพอเรียกแล้วก็พบว่าพวกเขามาปรากฏให้เห็นจริงๆ = 1 คะแนน

    43). เด็กมีความรู้สึกฝังอยู่ในใจลึกๆว่าตัวเองมีภารกิจที่สำคัญอะไรบางอย่างที่จะต้องทำบนโลกใบนี้ แม้ว่าในตอนนี้เด็กจะยังไม่รู้ชัดว่าภารกิจดังกล่าวนั้นคืออะไรก็ตาม = 1 คะแนน

    44). เด็กดำเนินการอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา คล้ายผู้ใหญ่ เพื่อริเริ่มให้เกิดสิ่งดีๆขึ้นในสังคม (เช่น ติดต่อกับวุฒิสมาชิก หรือรายการโทรทัศน์ด้วยตัวเอง เพื่อนำเสนอแผนที่จะทำให้ได้มาซึ่งความสันติสุขในสถานการณ์บางอย่าง เป็นต้น) หรือในกรณีที่เป็นผู้ใหญ่ อาจจะเพื่อเริ่มต้นทำกิจกรรมที่พิเศษบางอย่าง เพื่อเยียวยาโลกใบนี้ก็ได้ = 1 คะแนน

    45). เด็กมีปฏิกิริยาแบบไม่ธรรมดา คือมีความรู้สึกและความทรงจำที่เป็นบวกมากๆ กับภาพเหมือน หรือภาพวาดของผู้มาเยือนจากต่างดาว ที่อยู่ในนิตยสาร หรือในทีวี หรือในภาพยนตร์ต่างๆ = 1 คะแนน

    46). เด็กเมื่ออายุเลย 6 ขวบไปแล้ว แทบจะไม่เคยป่วยเป็นไข้หวัดแบบหนักๆ หรือโรคอื่นๆที่แพร่ระบาดอยู่ในห้องเรียน หรือระแวกบ้านของตนเองเลย (มีภูมิคุ้มกันการติดเชื้อสูงขึ้น) และเด็กสามารถรักษาแผลที่ถูกของมีคมบาด, แผลเปิด, หรืออาการบาดเจ็บแบบอื่นๆได้อย่างรวดเร็วมาก

    หรือเด็กบางคนก็อาจจะเป็นไปในทางตรงข้ามกัน นั่นคือ มีความไวต่อสิ่งปนเปื้อนที่อยู่ในสภาวะแวดล้อมอย่างมาก, ความไวดังกล่าวนี้จะแสดงออกมาในรูปของอาการแพ้แบบต่างๆ

    หรือบางคนก็อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารบางชนิด (เช่น นม เป็นต้น, บางคนก็แพ้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวสาลีทั้งเมล็ด (whole-wheat products), บางคนก็ขยะแขยงการรับประทานเนื้อสัตว์)

    หรือไม่บางคนก็อาจจะเกิดความผิดปกติขึ้น (ที่เรียกว่าโรคแอสเพอร์เจอร์ (Asperger) และ “โรคสมาธิสั้น” (Attention-Deficit Hyperactivity)) ซึ่งบ่งบอกให้ทราบว่าการเชื่อมต่อของระบบประสาทของพวกเขากับระบบประสาทของมนุษย์โลกทั่วไป มีความไม่สอดคล้องต้องกันอยู่ = 1 คะแนน

    47). เด็กมีสีของม่านตา หรือรูปแบบของม่านตา หรือ รูปร่างลักษณะของตาดำ หรือโครงร่างของดวงตาทั้งดวงไม่ปกติธรรมดา = 1 คะแนน

    48). เด็กจะมีความสนใจในเรื่องของจิตวิญญาณ ตามวิถีแห่งธรรมชาติที่ไม่ได้ขึ้นกับลัทธิศาสนาใดๆ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย รวมถึงจะให้ความเคารพต่อดาวเคราะห์โลก ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตและสิ่งที่มีจิตสำนึกชนิดหนึ่ง, เคารพในความศักดิ์สิทธิ์ของทุกสรรพชีวิตไม่ว่าเล็กหรือใหญ่, และมีความตระหนักรู้ว่าชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล = 1 คะแนน

    49). เด็กจะมีความชอบและความสามารถในการนำคริสตัล, หินที่มีพลังงาน, หรือวัสดุต่างๆที่มีพลัง และสามารถเพิ่มพลังจิตได้ มาใช้เพื่อการรักษาเยียวยาผู้ป่วยและอื่นๆ ได้อย่างถูกต้องเอง โดยที่ไม่ต้องมีใครสอน = 1 คะแนน

    50). เด็กจะบ่นอยู่เสมอว่าอยาก “กลับบ้าน” และมีความรู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้กับความหยาบช้าของสังคมมนุษย์ และพฤติกรรมอันหยาบช้าของมนุษย์โลก = 1 คะแนน

    51). เด็กจะถูกดึงดูดความสนใจอย่างแรงกล้าโดยเด็กจากฟากฟ้า (Star kid) คนอื่นๆ และพวกเขาทุกๆคนก็จะถูกดึงดูดความสนใจโดยกันและกัน และก็จะรู้สึกชอบพอซึ่งกันและกันด้วย = 1 คะแนน

    52). ข้อนี้ ให้เลือกให้คะแนนเพียงข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น ระหว่าง 2 ข้อย่อยต่อไปนี้:

    a). เด็กเป็นเด็กที่เรียนเก่งในโรงเรียน, เข้าใจวิชาต่างๆที่เรียนได้ง่ายโดยไม่ต้องเรียนมาก หรือโดยที่ไม่ต้องเรียนเลย แต่เด็กก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับอัตราเร็วของวิธีการสอนในโรงเรียนส่วนใหญ่ และจะรู้สึกสบายกว่าถ้าได้เรียนในสภาวะแวดล้อมที่เหนือขั้นกว่าวัยของตัวเอง (เช่น ถ้าเป็นเด็กประถมก็จะชอบไปเรียนในชั้นมัธยมมากกว่า, ถ้าเป็นเด็กมัธยมก็จะชอบไปเรียนในระดับวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยซะมากกว่า หรือเด็กอาจจะเบื่อโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ (Gifted School) เป็นต้น) = 1 คะแนน

    b). เด็กถูกระบบการศึกษาในโรงเรียนเข้าใจผิด, หรือจัดประเภทผิดว่าป่วยเป็นโรค “สมาธิสั้น” (Attention Deficit Disorder) หรือป่วยเป็นโรค “ความบกพร่องทางการเรียน” (Learning Disability) เพราะว่าเด็กเบื่อหน่าย, เพราะมีความท้าทายไม่เพียงพอ หรือรู้สึกท้อถอยกับอัตราเร็วของการเรียนรู้
    แบบเด็ก “ปกติ” ทั่วไป


    หรือเด็กถูกจัดประเภทผิดว่าป่วยเป็น “โรคสมาธิสั้น” (Hyperactivity Disorder) เพราะว่าเด็กรู้สึกหงุดหงิดกระสับกระส่าย เพราะความเบื่อหน่ายห้องเรียน

    หรือเพราะว่าความคิดของพวกเขากำลังพุ่งตรงไปยังเรื่องที่ท้าทายกว่า หรือเพราะว่าเด็กจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ตนกำลังสนใจอย่างมาก และมุ่งมั่นนานเกินกว่าที่เด็ก “ปกติ” เขาทำกัน

    หรือเด็กถูกจัดประเภทผิดว่าป่วยเป็นโรค “ความบกพร่องทางการเรียน” (Learning Disability) เพราะว่าเขามองเห็น และชี้ให้เห็นความสัมพันธ์กันระหว่างวิชาที่กำลังถูกสอนอยู่ กับวิชาอื่นๆ (เช่น ความสัมพันธ์ของวิชาประวัติศาสตร์-คณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์-ศิลปะ เป็นต้น) ในขณะที่ครูผู้สอนต้องการได้ยินแต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาวิชาที่ตนเองกำลังสอนอยู่เท่านั้น = 1 คะแนน

    53). เด็กเคยมีประสบการณ์ของการ “ถูกประทับร่าง” (Walk-In) หรือบุคลิกลักษณะดั้งเดิม ถูกแทนที่ด้วยบุคลิกลักษณะใหม่ (ที่มาจากนอกโลก) ซึ่งเข้าสวมในร่างเดิมแล้วดำเนินชีวิตต่อไป ความทรงจำเก่าๆทั้งหลายจะยังคงมีอยู่ แต่บุคลิกลักษณะและความสามารถต่างๆเปลี่ยนไปเป็นคนละคน = 1 คะแนน

    54). เด็กมีสนามพลังชีวะแม่เหล็กไฟฟ้า-โฟตอน (bioelectromagnetic-photic field) รอบๆร่างกายที่กว้างใหญ่กว่าปกติมากๆ (เช่น กว้างกว่า 3 ฟิต หรือกว้างกว่า 1 เมตร เป็นต้น) ซึ่งวัดความกว้างนี้ได้โดยการใช้ดาวซิ่งร็อด (dowsing rods) = 1 คะแนน

    a-jpg-jpg.jpg
    (Dawsing rods-Credit the picture from internet))


    <><><><><><><><><><><><><><><><><><>

    หากพบว่ามีเด็กหรือผู้ใหญ่คนไหนที่ได้คะแนนมากกว่า 12 คะแนนขึ้นไป กรุณาแนะนำให้ผู้ปกครองของเขาติดต่อกับ Dr.Richard Boylan ผู้อำนวยการโครงการสตาร์คิด (Star Kids Project) เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Star Kids หรือ Star Seeds และหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับพวกเขาและครอบครัว-เพื่อนฝูงของพวกเขา

    เพื่อให้พวกเขามีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ และเพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตขึ้นมาได้ ด้วยความสะดวกสบายใจ พร้อมกับความสามารถที่เหนือกว่าของพวกเขา

    และเพื่อให้พวกเขาได้พบกับ Star Kids คนอื่นๆและครอบครัว Star Kids อื่นๆด้วย และเพื่อทำให้พวกเขาได้ระลึกรู้ถึงภารกิจของการเป็น Star Kid/Star Seeds ของพวกเขาเอง

    ................................................


    (ชุดคำถามสำหรับผู้ใหญ่ อยู่ในโพสต์ถัดๆไปนะครับ)
    .................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 250px-Na-light.jpg
      250px-Na-light.jpg
      ขนาดไฟล์:
      4.4 KB
      เปิดดู:
      9,969
    • a.jpg
      a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      4.4 KB
      เปิดดู:
      84
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2021
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    **ชุดคำถามสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อดูว่าคุณเป็นหนึ่งใน “ผู้มาเยือนจากนอกโลกที่กำลังหลับใหลอยู่” (The Sleeping ET) หรือไม่?**

    ที่มา: The Extraterrestrial Wanderer

    (ชุดคำถามเหล่านี้ ตัดตอนมาจากหนังสือของ Dr.Scott Mandelker ชื่อ “From Elsewhere” และได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)

    starseed-3-jpg.jpg
    (Credit the picture from internet)

    คุณอาจจะเป็นหนึ่งใน “ผู้พเนจรจากนอกโลก” (ET Wanderer) ก็ได้ ถ้าคุณมีลักษณะดังนี้....

    1). ตอนเป็นเด็ก คุณมักจะเพ้อฝันหรือปล่อยความคิดไปตามอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องราวของรูปธรรมชีวิตต่างพิภพ, UFO, โลกอื่นๆ, การท่องอวกาศ และชีวิตความเป็นอยู่ของดินแดนในฝันอยู่เสมอๆ จนบางทีครอบครัวของคุณยังเคยคิดเลยว่า “คุณออกจะดูเพี้ยนๆอยู่สักหน่อย” แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม

    2). คุณเคยรู้สึกว่าพ่อแม่ของคุณ ไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงของคุณ เพราะว่าครอบครัวที่แท้จริงของคุณอยู่ไกลแสนไกลออกไป และซุกซ่อนอยู่

    บางทีคุณก็เคยคิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวคุณ “มันไม่ได้เป็นอย่างที่มันควรจะเป็น” และมันก็ทำให้คุณหวนระลึกได้ว่า “ชีวิตจริงของคุณอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง..ที่ไกลออกไป” ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ มันอาจจะทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดและซึมเซาอย่างมาก คุณรู้สึกว่า “คุณมาอยู่ในที่ๆไม่ใช่ที่ของคุณ”

    3). คุณเคยมีประสบการณ์อย่างน้อยก็หนึ่งครั้ง เกี่ยวกับ UFO (ไม่ว่าจะเป็นในฝันหรือตอนที่กำลังตื่นอยู่ก็ตาม) ซึ่งทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

    เพราะว่าประสบการณ์เหล่านั้นได้ช่วยไขข้อข้องใจให้กับคุณ, จุดประกายความหวังและความเชื่อมั่นให้กับคุณ, และทำให้ชีวิตของคุณมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายมากขึ้นกว่าเดิม

    นับตั้งแต่นั้นมา คุณก็รู้ว่าคุณได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มันเป็นเหมือนเสียงเรียก ปลุกให้คุณตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ และมันได้ช่วยเปลี่ยนชีวิตของคุณ

    4). โดยธาตุแท้ของคุณแล้ว คุณเป็นคนที่ใจดี, สุภาพอ่อนโยน, ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร, รักสงบ และไม่ก้าวร้าว (บางครั้งอาจจะมีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะไม่มี)

    และในสถานการณ์ใดๆ ที่จะต้องมีใครซักคนยอมเสียสละทำอะไรซักอย่างหนึ่งคนๆนั้นก็มักจะเป็นคุณ เพราะมันเป็นนิสัยที่ชอบเสียสละของคุณอยู่แล้ว

    การกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนแบบมนุษย์โลกทั่วไป, ความรุนแรง และสงครามการสู้รบที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ของผู้คนบนโลกใบนี้ เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมากสำหรับคุณ เพราะว่าคุณจะไม่เข้าใจความโกรธแค้น และความเดือดดาลอะไรแบบนี้เลย

    5). คุณเป็นคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการรู้เท่าทันความชั่วและการใช้เล่ห์เหลี่ยมของคนอื่น บางคนจึงเรียกคุณว่า “คนซื่อบื้อ” (แต่เขาก็พูดถูกนะ)

    เมื่อความชั่วร้ายที่แท้จริง ได้เข้ามาสู่การรับรู้ของจิตใจของคุณ คุณจะล่าถอยไปอยู่ในความหวาดกลัวและขยะแขยง และบางทีคุณอาจจะรู้สึกช็อคที่ได้รู้ว่า “มีคนบางคนที่ทำเรื่องชั่วร้ายขนาดนั้นได้จริงๆ”

    ลึกๆภายในใจแล้ว คุณก็รู้สึกสับสน บางครั้งคุณก็จะมีความรู้สึกลางๆว่า เคยรู้จักโลก ที่ปราศจากความแตกแยกกันแบบบนโลกนี้มาก่อนแล้ว ที่ไหนซักแห่งหนึ่ง

    6). คุณอุทิศชีวิตของคุณเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น (คนในครอบครัว, มิตรสหาย, หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับคุณในสายอาชีพการงาน)

    และคุณก็พยามคิดหาวิธีที่จะทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น แม้ว่ามันอาจจะถูกมองว่าเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาหรือซื่อบื้อก็ตาม แต่คุณก็มีความหวังอยู่ลึกๆและอย่างจริงใจว่ามันอาจจะช่วยทำให้โลกใบนี้ดีขึ้นได้จริงๆ

    และคุณจะรู้สึกผิดหวังและไม่พอใจอย่างมาก เมื่อพบว่าความหวังและความฝันเหล่านั้นมันไม่กลายเป็นจริง

    7). คุณเป็นคนที่ดื้อรั้นมาก ไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ (Scientific temperament)
    แต่คุณก็ดำเนินชีวิตด้วยความความสงบเยือกเย็น, มีเหตุผล, และระมัดระวัง

    กิเลสและตัณหาในแบบของมนุษย์เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดสำหรับคุณ มันจึงทำให้คุณงง จริตและอารมณ์ความรู้สึกทุกชนิดของมนุษย์โลก เป็นสิ่งที่แตกต่างจากธรรมชาติของคุณ

    คุณจะใช้ความคิดในการวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณเสมอ จนคนอื่นๆมักบอกว่าคุณอยู่แต่ในความคิดของตนเอง ซึ่งนั่นก็เป็นความจริง

    (หมายเหตุ: ลักษณะต่อไปนี้ไม่ค่อยมีมากนัก และบางทีวารสารเกี่ยวกับรูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลายอาจจะไม่นำมารวมไว้ด้วยก็ได้ คือ

    “พวกเขาอาจจะเป็นคนขี้สงสัยอย่างมาก” และคนที่ขี้สงสัยอย่างมากเหล่านี้ บางคนก็อาจจะเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะก็ได้)

    8). คุณเป็นคนที่หลงใหลในนิยายวิทยาศาสตร์, วรรณคดี-ละคร-ภาพยนตร์แฟนตาซี (เช่น เรื่อง The Lord of the Rings เป็นต้น) , รวมถึงงานศิลปะที่ออกแนวเพ้อฝัน เป็นอย่างมาก

    ถ้าคุณเลือกได้ คุณก็จะเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ในความฝันของตัวเอง หรือในอดีต หรือในอนาคต มากกว่าในปัจจุบันนี้

    บางครั้งคุณก็รู้สึกว่าชีวิตบนโลกใบนี้ มันช่างน่าเบื่อและไร้ความหมายซะนี่กะไร และคุณก็อยากไปอยู่ในโลกที่สมบูรณ์แบบ และน่าตื่นเต้นมากกว่า ความคิดและความรู้สึกแบบนี้ มีอยู่กับคุณมานานแล้ว

    9). คุณจะมีความสนอกสนใจ และความกระหายใคร่รู้แบบไม่รู้จบ เกี่ยวกับเรื่องราวของ UFO, สิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นๆ – โลกอื่น หรืออารยธรรมอื่นๆบนโลกในยุคโบราณ เช่น ยุคแอตแลนติส (Atlantis) หรือ เลมูเรีย (Lemuria) เป็นต้น

    บางครั้งคุณก็รู้สึกเหมือนกับว่า คุณเคยอยู่ที่นั่นมาก่อนแล้วจริงๆ และอาจจะได้กลับไปอีกในสักวันหนึ่ง และบนชั้นหนังสือของคุณอาจ ก็จะมีหนังสือประเภทนี้อยู่บ้าง

    (จริงๆแล้วคำถามในข้อนี้ เป็นอีกคำถามหนึ่ง ที่ช่วยเผยความลับให้รู้ว่าคุณเป็นผู้ที่มาจากนอกโลกหรือไม่ เพราะว่ามีเพียง “ผู้พเนจรจากฟากฟ้า” (Wanderer) และ “วิญญาณต่างมิติผู้เข้ามาสวมร่าง” (Walk-in) เท่านั้น ที่จะมีความกระหายใคร่รู้อย่างลึกซึ้งแบบไม่รู้จบ เกี่ยวกับโลกอื่นๆ)

    10). คุณเป็นคนที่มีความสนใจอย่างแรงกล้า เกี่ยวกับความลี้ลับของจิตวิญญาณ (Mystic spirituality) (ทั้งในแบบของโลกตะวันออกและโลกตะวันตก) ทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ

    โดยที่ลึกๆข้างในแล้ว คุณรู้สึกว่า คุณเคยมีความสามารถมากกว่านี้ เพียงแต่ว่าคุณอาจจะสูญเสียมันไปเท่านั้น

    คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณไม่จำเป็นต้องไปฝึกฝนอะไรเพิ่ม เพราะว่าคุณมีมันพร้อมอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าคุณอาจจะหลงลืมมันไปแล้วเท่านั้นเอง

    คนอื่นๆอาจจะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย กับสิ่งที่คุณคิดและสนใจอยู่นี้ แต่คุณก็รู้ว่ามันไม่ใช่แค่นั้นหรอก มันต้องมีอะไรอื่นอีก

    11). คุณเป็นคนหนึ่ง ที่สามารถรับการสื่อสารทางโทรจิต กับรูปธรรมชีวิตต่างพิภพ หรือต่างภพภูมิได้ และคุณก็ตระหนักรู้อยู่ว่า เป้าหมายในชีวิตนี้ของคุณ ก็คือเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้อื่น ช่วยเหลือในด้านการเจริญเติบโตและวิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณของพวกเขา

    (ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็แสดงว่า คุณไม่ได้หลับใหลอยู่อีกต่อไปแล้ว คุณคือ “ผู้พเนจรจากฟากฟ้า” แน่นอน!)

    12). คุณรู้สึกว่า บางทีชีวิตทั้งชีวิตของคุณ ช่างรู้สึกแปลกแยกจากคนอื่นๆมากมายเหลือเกิน และดูเหมือนว่า มันไม่เคยเข้ากันได้เอาซะเลย

    บางทีคุณก็อยากจะเหมือนกับคนอื่นๆ คุณพยายามที่สุดแล้วที่จะเป็นเหมือน “คนปกติ” หรือพยายามคิดว่าตัวเองก็เหมือนกันกับคนอื่นๆแล้ว แต่ผลที่ออกมาก็คือ คุณก็ยังรู้สึกว่า ตัวเองแตกต่างจากคนอื่นๆอยู่ดี

    มันเป็นความรู้สึกที่กลัวจริงๆว่า จะไม่สามารถหาที่ๆจะไม่ทำให้คุณรู้สึกแบบนี้อีกได้ บนโลกใบนี้

    (หมายเหตุ: นี่เป็นลักษณะจำเพาะทั่วไปของเหล่า “ผู้พเนจรจากฟากฟ้า” หละ!!)

    .................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Aura_Chakra.jpg
      Aura_Chakra.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.8 KB
      เปิดดู:
      11,545
    • a.jpg
      a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.8 KB
      เปิดดู:
      84
    • a-jpg.jpg
      a-jpg.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.6 KB
      เปิดดู:
      84
    • Dawsing.jpg
      Dawsing.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.6 KB
      เปิดดู:
      55
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2021
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    “วิญญาณต่างมิติผู้เข้ามาสวมร่าง” (Walk-in) คืออะไร??

    ที่มา: The Starseed Community - Frequently Asked Questions

    work-in-jpg.jpg

    **“วิญญาณต่างมิติ ผู้เข้ามาสวมร่าง” (Walk-ins)**

    หมายถึง ผู้ที่มาจากมิติอื่น แล้วเข้ามาอยู่ในร่างของมนุษย์โลกคนใดคนหนึ่ง ที่ได้ทำพันธะสัญญาต่อกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ตอนที่ผู้เป็นร่างทรงยังไม่เกิด Walk-in จะใช้วิธีการนี้เพื่อลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อจะได้ทำภารกิจของตนเองได้ทันทีที่ลงมาถึง

    ภารกิจของพวกเขาทำให้พวกเขา มีความจำเป็นต้องข้ามขั้นตอนของการเกิด และการเจริญเติบโตแบบปกติไป พวกเขาจะลงมาในร่างของผู้ใหญ่เลยโดยตรง

    แต่นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ทุกกรณีไป เพราะว่า Walk-in บางรูปธรรมก็จะเข้ามาในร่างของเด็กก็มี ซึ่งเกิดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ เพราะว่า “วิญญาณ” ของผู้ที่ลงมานั้นจำเป็นต้องมีประสบการณ์ของการเป็นเด็ก และการเจริญเติบโตแบบชาวโลกก่อน เพื่อที่จะได้ใช้มันเป็นส่วนหนึ่งของการวางรากฐานภารกิจของตนเองต่อไป

    Walk-in ในวัยเด็กและวัยที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ปกติแล้วพวกเขาจะยังไม่ตื่นขึ้น จนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

    **ลักษณะที่บ่งชี้ว่าเป็น Walk-in:**

    1). การ Walk-in มักจะเกิดขึ้น ขณะที่เจ้าของร่างได้รับบาดเจ็บปางตายจากสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง เช่น เจ็บไข้ได้ป่วยอย่างรุนแรง หรือประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นต้น

    วิญญาณของผู้ที่ Walk-in เข้ามาในหลายๆกรณี จะเข้ามาตอนที่เจ้าของร่างกำลังประสบกับภาวะใกล้ตาย นี่เป็นวิธีทั่วไปที่พวกเขาใช้เข้ามาในร่างมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามีวิธีนี้เพียงวิธีเดียวเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้ววิญญาณต่างมิติที่เข้ามา จะเข้ามาในขณะที่เจ้าของร่างไม่มีสติ

    2). พวกเขาทั้งหมดจะเลิกหรือลดการติดต่อกับสมาชิกในครอบครัวบางคนอย่างกะทันหัน

    3). ปกติจะเกิดการหย่าร้างภายใน 3 ปี หลังจากที่ถูกวิญญาณต่างมิติเข้าสวมร่างแล้ว

    4). เกิดอาการเจ็บหรือปวดตรงบริเวณคอหรือไหล่อยู่ตลอด ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อนก่อนที่จะถูกเข้าสวมร่าง

    5). สูญเสียการทำงานที่ประสานกันของร่างกาย และความทรงจำคลาดเคลื่อน มีปัญหาในการพูด

    6). เปลี่ยนแปลงรสนิยมอย่างกะทันหัน เช่น รสชาติอาหาร, เสื้อผ้า, เครื่องประดับ


    7). เลิกให้ความสนใจต่อเรื่องอาชีพการงานและงานอดิเรกอย่างกะทันหัน และกลายเป็นคนๆใหม่ที่หันมาให้ความสนใจแต่ด้านของจิตวิญญาณอย่างกะทันหัน

    8). มีความตระหนักรู้อย่างแรงกล้า ว่าพวกเขามีภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ แม้ว่าในขณะนั้นอาจจะยังจำไม่ได้ว่าภารกิจนั้นคืออะไรก็ตาม

    9). วิญญาณต่างมิติบางรูปธรรม ยังมีความทรงจำเกี่ยวกับบ้านเดิมและยานอวกาศของตนเองอยู่

    พวกเขาจำได้แม้กระทั่งว่า ร่างเดิมของพวกเขากำลังถูกเก็บรักษาโดยการแช่แข็งอยู่ ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่าของพวกเรามาก

    10). ปกติเหล่า Walk-in จะมี คริสตัลยีน (Crystal Gene)

    บนโลกมนุษย์เหล่า Walk-ins จะมีภาระหน้าที่ที่ท้าทายมากขึ้นเพิ่มอีกอย่างหนึ่ง เพราะว่า พวกเขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตของพวกเขาอยู่ในมิติอื่นที่สูงกว่าโลก จากนั้นก็จะใช้เวลาช่วงกลางถึงช่วงปลายของชีวิต เพื่อลงมาทำหน้าที่บนโลก เพียงช่วงเวลาสั้นๆ

    ....................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Starseed-3.jpg
      Starseed-3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.8 KB
      เปิดดู:
      74
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2021
  9. shido

    shido เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +230
    ไม่รู้ว่าใช่ป่ะ

    แต่มักรู้สึกว่าตนเองหน้าตาดีขึ้นหลังพระอาทิตย์ตกดิน ยามที่ดวงดาวเริ่มปรากฎ และได้รับคำยืนยันจากนักข่าวสาวในรายการ PRESS TOUR ที่จัดโดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในปี 2537 ซึ่งเราอยู่ด้วยกันในงานตั้งแต่เช้าถึง 4 ทุ่ม เธอพูดว่า " ...หน้าตาคุณตอนกลางคืนดูหล่อกว่าตอนกลางวันมากเลย... "

    ตอนนี้ฝึกลมปราณตอนกลางวันไม่ค่อยขึ้น แต่ตอนกลางคืนกลับขึ้นดีมาก ซึ่งเพิ่งเป็นมาตั้งแต่ สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมานี่เอง

    ไม่รู้เกี่ยวกันป่ะนะ

    :cool:
     
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    **คุณลักษณะเฉพาะของ Star Seeds จากกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiadian)**

    ที่มา: Are You Starseed? - Aliens / Extraterrestrial Articles - The Book Of THoTH, By Ragnarok - Submitted by Annumela

    starseed-4-jpg.jpg
    (Credit the picture from internet)

    Star Seeds คือผู้ที่มีมาจากดาวดวงอื่นๆ ที่ไม่ใช่โลก ซึ่งผมหมายถึง พวกเขาเคยเกิดอยู่บนดาวดวงอื่นๆก่อนแล้ว ก่อนที่จะลงมาเกิดที่ดาวเคราะห์โลกแห่งนี้

    และในช่วงเวลานี้ บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ มีจำนวน Star seeds อยู่มากมาย มากกว่าในช่วงเวลาไหนๆในประวัติศาสตร์ของโลกเลยทีเดียว เพราว่าเหตุผล 2 ประการ ดังนี้:

    1). ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากที่สุดช่วงหนึ่ง ด้านพัฒนาการของดาวเคราะห์โลกใบนี้ ดังนั้น รูปธรรมชีวิตต่างดาวชั้นสูงทรงภูมิปัญญาทั้งหลาย จึงปรารถนาที่จะมาให้ความช่วยเหลือ ในกระบวนการแห่งความก้าวหน้าครั้งนี้ โดยการส่งประชาชนของตนเองลงมาเกิดบนโลกใบนี้ เพื่อช่วยยกระดับพลังงานของดาวเคราะห์โลกขึ้น และเพื่อช่วยเหลือในกระบวนการเปลี่ยนรูปแบบในครั้งนี้

    หลายๆรูปธรรมชีวิต ก็มาจากมิติที่ 5 เพื่อมาทำหน้าที่เดินนำหน้า ให้ชาวโลกคนอื่นๆเดินตามพวกเขาไป

    2). สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับดาวเคราะห์โลกอยู่ในขณะนี้ เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากๆ, อัศจรรย์มากๆ และน่าหลงใหลอย่างมาก จนรูปธรรมชีวิตต่างดาวทั้งหลาย อดใจไม่ไหว และอยากจะมาเห็น และร่วมมีประสบการณ์ด้วย กับปรากฏการณ์การยกระดับจิตสำนึกของมนุษย์โลกในครั้งนี้

    **คุณลักษณะเฉพาะของ Star Seeds จากกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiadian)**


    ที่มา: Are You Starseed? - Aliens / Extraterrestrial Articles - The Book Of THoTH, By Ragnarok - Submitted by Annumela

    **คุณคือ Star Seeds หรือไม่? คุณจะรู้ได้อย่างไร?**

    เพราะว่าคุณมาเกิดในที่ๆมีความหยาบและทึบตันมากๆ แถมยังเต็มไปด้วยความมีอัตตาตัวตนสูงปรี๊ดอีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้ มันจึงเกือบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะจดจำได้จริงๆ

    และนี่คือคุณลักษณะเฉพาะโดยทั่วไปของเหล่า Star Seeds ที่มาจากกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiadian) ถ้าคุณมีคุณลักษณะส่วนใหญ่ตรงตามนี้ มันก็เป็นไปได้ว่าคุณคือ Star seeds จากกลุ่มดาวลูกไก่

    แต่ว่ามันยังมี Star seeds ที่มาจากกลุ่มดาวอื่นๆอีกนะ แต่ก็มีเป็นส่วนน้อย แต่ขอบอกตามตรงว่า ผมไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับพวกเขา ที่จะนำมาทำเป็นรายการแบบนี้ได้ แต่มันก็เป็นไปได้ว่า คุณลักษณะเฉพาะของพวกเขา ก็น่าจะแตกต่างไปจากนี้ อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ:

    1). เกิดหลังปี 1968 (พ.ศ.2511): อาจจะมีบ้างที่เกิดก่อนปีนี้ แต่ว่าปีนี้คือปีที่มีการเริ่มต้นครั้งใหญ่

    2). รู้สึกว่าตัวเองมาจาก “ที่โน่น” (From “out there”): นี่เป็นเรื่องที่ชัดเจนและง่ายที่สุดเรื่องหนึ่ง

    คุณอาจจะมีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า คุณมาจากดาวดวงอื่น, รู้สึกว่าบ้านที่แท้จริงของคุณอยู่ “ที่โน่น” ไม่ใช่ที่นี่ ฉันรู้ว่ามันชัดเจน แต่ทำไมมันถึงได้ดูคลุมเครือแบบนี้ก็ไม่รู้?

    3). รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอก (Outsider):

    คุณอาจจะมีความรู้สึกว่าไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตนี้มากเท่าใดนัก คุณอาจจะสังเกตเห็นว่าพี่น้องคนอื่นๆ หรือเด็กในครอบครัวอื่นๆเขาช่างเป็นคนในครอบครัวของพวกเขาจริงๆ แต่คุณไม่ใช่

    ความรู้สึกแบบว่า “เหมาะสมกับ” “เข้ากันได้ดีกับ” จะยังไม่เกิดขึ้นกับคุณ ตราบใดที่คุณยังไม่ได้เจอ “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว” คนอื่นๆ และเมื่อนั้น คุณก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าเข้าใจแล้ว และรู้สึกมีความสุข

    4). เป็นคนที่ออกแนวชอบอภิปรัชญา หรือต่อต้านศาสนา (Metaphysically oriented or anti-religious):

    คุณจะรู้สึกไม่ค่อยเชื่อถือในหลักคำสอนของศาสนาต่างๆในโลกสักเท่าไหร่นัก คุณอาจจะเคยพยายามอย่างมาก หรือแม้แต่พยายามซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อที่จะยึดมั่นศรัทธา ในระบบความเชื่อของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง หรือมากกว่าหนึ่งศาสนา

    แต่ผลสุดท้าย ระบบความเชื่อเหล่านั้น ก็ยังไม่สามารถทำให้คุณพึงพอใจขึ้นมาได้สักเท่าไหร่เลย

    เพราะฉะนั้น คุณจึงอาจปฏิเสธทั้งหมด หรือเลือกที่จะค้นหาระบบความเชื่ออื่นๆที่ถูกใจคุณมากกว่า หรือคุณอาจจะสร้างระบบความเชื่อของคุณขึ้นมาเองก็เป็นได้

    และคุณอาจจะมีพลังจิต หรือความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์อะไรบางอย่างด้วยก็เป็นได้ เช่น อ่านใจผู้อื่นได้, ตาทิพย์, หูทิพย์ เป็นต้น

    5). ไม่ใส่ใจจำวันที่และเวลา (Not date and time conscious):

    คุณอาจจะเป็นคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการจดจำสิ่งต่างๆ เช่น วันเกิด เป็นต้น คุณอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการรักษาเวลาตามหมายกำหนดการณ์ และอาจจะไปตามนัดก่อนเวลา หรือหลังเวลานัดมากเกินไปอยู่บ่อยๆ วันเวลาที่ยึดถือตามนาฬิกาแบบนี้ มันใช้กับคุณไม่ได้ผลสักเท่าไหร่

    6). ชื่นชอบเทคโนโลยี (Technophile): คุณรักอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัย และสามารถค้นหาวิธีการใช้งานพวกมันได้เองโดยธรรมชาติ โดยที่แทบไม่ต้องอ่านคู่มือการใช้งานเลย

    7). เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (Harmonious): คุณอาจจะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างมีแต่ความรุนแรง, การรบราฆ่าฟันกัน, และความโกรธแค้นชิงชังซึ่งกันและกัน

    คุณอาจจะรู้สึกหรือไม่รู้สึกขัดแย้งในตัวเอง แต่คุณก็จะเลือกที่จะทำให้โลกรอบๆตัวคุณ มีแต่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความสงบสุข

    คุณไม่ได้ต้องการที่จะควบคุมผู้อื่น และคุณก็ปฏิเสธที่จะให้ผู้อื่นมาควบคุมคุณด้วย คุณทนต่อการกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนต่อ สัตว์, เด็ก, สตรี หรือสิ่งอื่นๆไม่ได้

    และหากว่ามันต้องเกิดสงครามขึ้นจริงๆหละก็ ถ้าเป็นไปได้คุณก็จะเลือกที่จะไม่ไปต่อสู้กับเขา แต่จะอยู่อย่างสงบมากกว่า

    8). มีความเสมอภาคและกำกวมทางเพศ (Gender equality and ambiguity):

    คุณอาจจะไม่เข้าใจว่าการเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย มันมีความสำคัญอะไรนักหนา คุณให้เกียรติและให้ความเสมอภาคกันกับคู่ชีวิตของคุณ และคุณก็คาดหวังสิ่งนี้ตอบแทนกลับคืนมาด้วยเช่นกัน

    การต่อสู้เพื่อสิทธิทางเพศ (เช่น การเรียกร้องสิทธิสตรี เป็นต้น - Chayutt) เป็นเรื่องไร้สาระสำหรับคุณ, บางทีคุณอาจจะไม่ใช่คนที่ชอบเฉพาะเพศตรงข้ามเท่านั้นก็ได้ หรือคุณอาจจะเป็นคนที่มีลักษณะของทั้งเพศหญิงและเพศชายอยู่ในคนๆเดียวกันก็ได้

    9). สัตว์และธรรมชาติ (Animals and nature): คุณมีความรักที่ยิ่งใหญ่ต่อทุกๆด้านของธรรมชาติ ทั้ง ไกอา (Gaia), ป่าไม้, ภูเขา, ทะเล, สัตว์ป่า และอื่นๆ

    คุณมีความรู้สึกที่พิเศษลึกๆอยู่ว่า มันต้องมีความสัมพันธ์ที่ลี้ลับอะไรบางอย่างระหว่างปลาโลมา และปลาวาฬ ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกับคุณ ไม่ใช่เป็นแค่สัตว์โลกโง่ๆตัวหนึ่งเท่านั้น

    10). ไม่ใช่คนที่เห็นแก่เงินเป็นใหญ่ (Not money-system oriented):

    ระบบที่เชื่อว่าเงินหมายถึงอำนาจ และโครงสร้างแบบบริษัท หรืออะไรทำนองนี้ ไม่ใช่วิถีทางของคุณเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะอยู่ร่วมกับมันไม่ได้ และก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในระบบนี้ด้วยนะ แต่คุณจะรู้สึกว่าคุณไม่ค่อยสบายใจกับมันสักเท่าไหร่ที่จะต้องมาทำแบบนี้

    คุณไม่ชอบทำงานประจำ และไม่ชอบโครงสร้างการทำงานแบบบริษัทสักเท่าไหร่, คุณเป็นคนประเภทไม่ชอบทำตามกฎระเบียบ และไม่ชอบทำงานในสภาวะแวดล้อมที่เข้มงวด, คุณไม่ค่อยเคารพเชื่อฟังผู้มีอำนาจ จนบางคนต้องพยายามแสดงให้เห็นว่า เขาควรค่าแก่การเคารพนับถือของคุณ

    เมื่อรวมข้อเท็จจริงเรื่องนี้เข้ากับความจริงที่ว่าคุณค่อนข้างจะเป็นคนขี้เบื่อง่าย และคุณยังเป็นลูกจ้างที่แย่มากๆอีกด้วยแล้ว บ่อยครั้ง คุณจึงคิดที่จะถอนตัวซะให้รู้แล้วรู้รอดไป แล้วกลับไปอยู่บ้านนอกทำไร่ไถนา หรือไม่ก็ไปรวมกลุ่มกับแกงค์อันธพาลที่ไหนซักแห่ง หรืออะไรทำนองนั้น ไม่แน่นะ คุณอาจจะทำอย่างนั้นจริงๆก็ได้

    ยังไงก็ตาม คุณก็ยังไม่ชอบแนวความคิดเกี่ยวกับเรื่องเงินอยู่ดี ไม่ชอบมากซะด้วย เพราะว่าแทนที่พวกเขาจะมองคุณค่าของคุณจาก “คุณเป็นใคร” แต่พวกเขากลับมองคุณค่าของคุณจาก “คุณมีเงินมากแค่ไหน” แทน

    ปัญหานี้ค่อยๆถูกสะสมมาตั้งแต่ตอนที่คุณไม่ชอบโรงเรียน (หรือสถานศึกษาใดๆ) เพราะว่าระบบการศึกษาของมนุษย์โลก ใช้วิธีการสอนให้เคารพเชื่อฟัง และสอนโดยการสอนให้จำ แทนที่จะเป็นการเรียนรู้แบบแบ่งปันประสบการณ์ให้ฟัง

    11). ชอบหลีกหนีความจริง (Escapism): คุณชอบที่จะหลีกหนีเข้าไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ และอาจจะสร้าง “โลกในฝัน” ขึ้นมาในความคิดของคุณเอง

    คุณอาจจะถูกดึงให้เข้าไปเกี่ยวพันธ์กับการใช้ยาหลอนประสาท เพื่อให้เกิดจินตนาการได้มากขึ้นด้วย พฤติกรรมด้านลบเหล่านี้ จะเกิดขึ้นเมื่อคุณมีแนวโน้มที่จะถลำลึกแล้ว ว่าโลกนี้ช่างหนักหนาสาหัส และโหดร้ายเหลือเกิน โลกนี้ช่างยากลำบากเหลือเกิน และคุณอาจจะมีแนวโน้มที่จะหันไปหายา,
    แอลกอฮอล์, หรือสิ่งอื่น เพื่อช่วยให้คุณหลบหนีความเป็นจริงที่ปวดร้าวเหล่านี้ได้


    แต่การทำเช่นนั้น จะทำให้คุณล้มเหลวในการต่อสู้ และล้มเหลวในการพัฒนาโลก (อย่างที่คุณตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น) มันจะยิ่งทำให้ปัญหาซับซ้อนมากขึ้นไปอีก และทำให้คุณทำลายตัวเองไปมากยิ่งขึ้นไปอีก

    คุณอาจจะตกอยู่ในความสะเทือนใจถ้าคุณไม่ควบคุมชีวิตและการกระทำของตนเอง, คุณอาจจะเป็นโรคจิตหรือโรคประสาทได้ เพราะว่าความแตกแยกทางจิตวิญญาณ อันเป็นผลมาจากการที่คุณรู้สึกว่าที่นี่ไม่สอดคล้องกับจิตสำนึกแห่งความเป็นหนึ่งเดียว อย่างที่คุณคาดหวัง

    12). ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity): คุณเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มาก และก็รักในงานสร้างสรรค์ของผู้อื่นด้วยไม่ว่าจะเป็นดนตรี, ศิลปะ, สถาปัตยกรรม, ความงาม, การประกอบอาหาร,...อะไรก็แล้วแต่ ล้วนแล้วแต่ทำให้คุณหลงใหลได้ทั้งนั้น

    13). เชื่อง่าย (Easy belief): คุณค่อนข้างจะเป็นคนที่เชื่อเรื่อง UFO และสิ่งมีชีวิตต่างดาว ค่อนข้างง่าย เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคุณ แนวคิดที่ว่า “ทุกอย่างล้วนเป็นหนึ่งเดียว” ก็เป็นแนวคิดที่คุณยอมรับได้แบบสบายๆ

    14). คุณลักษณะทางกายภาพ (Physical attributes): นี่เป็นเพียงข้อสงสัยเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เพราะว่ายังไงเสีย ร่างกายของมนุษย์โลก ก็มาจากการผสมผสานกันของพันธุกรรมจากเผ่าพัน์ธุ์ต่างๆจากดวงดาวหลายๆดวง

    แต่ว่าคุณก็อาจจะนำพาคุณลักษณะทางกายภาพของคุณติดตัวมาด้วยก็ได้ แต่มันก็มีความสำคัญน้อยกว่าคุณลักษณะทางด้านจิตวิญญาณ

    พันธุกรรมของคุณจะกำหนด “แถบแห่งความเป็นไปได้” ขึ้นมา แต่กายทิพย์ของคุณ ก็อาจจะไปดึงดูดให้กายเนื้อของคุณ แสดงคุณลักษณะออกมา ในทิศทางที่ค่อนข้างแตกต่างจากที่มันควรจะเป็น ตามที่รหัสพันธุกรรมของคุณกำหนดไว้เหมือนอย่างที่มันแสดงออกมาในร่างกายของคนปกติคนอื่นๆ

    เพราะฉะนั้น คุณดูแตกต่างจากสมาชิกในครอบครัวของคุณคนอื่นๆ อย่างชัดเจนหรือไม่? เพราะถ้าคุณมาจากกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiadian) คุณก็อาจจะมีคุณลักษณะเฉพาะบางอย่างที่ไม่คาดคิด ดังต่อไปนี้

    ดวงตาเป็นรูปเมล็ดอัลมอนด์ ซึ่งอาจจะใหญ่กว่าดวงตาของคนปกติ, ผมสีทอง, ผิวซีด, ดวงตาสีฟ้า หรือ สีฟ้า-เทา, จมูกแบบชาวโรมัน (ไม่มีความลาดเอียงบนดั้งจมูก, รูปร่างตรง), สูง และ ผอม

    15). ไวต่อแสง (Photo-sensitivity): ดวงตาของคุณอาจจะไวต่อแสงสว่าง เพราะดาวเคราะห์โลกเป็นที่ๆมีแสงสว่างเข้มข้นรุนแรงเป็นพิเศษ คุณจึงอาจจะต้องการความเข้มข้นของแสงสว่างน้อยกว่าคนอื่นๆ

    16). ชอบอยู่ในที่ๆอากาศเย็นๆ (Cold climate adapted): คุณไม่ชอบอยู่ในที่ๆอบอุ่นมากจนเกินไป และพยายามที่จะระบายความร้อนออกในบรรยากาศที่อบอุ่น

    คนอื่นๆอาจจะกำลังเล่นอยู่กลางแสงแดด แต่คุณอาจจะนั่งหลบแดดอยู่แต่ในร่ม แต่ผลที่ตามมาก็คือ คุณจะรู้สึกสบายเมื่ออากาศหนาว ในขณะที่คนอื่นๆต้องไปกองกันอยู่หน้าเครื่องทำความร้อน

    เอาหละครับ..จากทั้งหมด 16 ข้อนี้ ตรงกับคุณกี่ข้อครับ ?? คุณเชื่อหรือไม่ว่าคุณคือ “เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว”??

    .............................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Work-In.jpg
      Work-In.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.3 KB
      เปิดดู:
      76
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2021
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ฝนดาวตก ****

    การแจกจ่าย ผู้ที่จะมาเป็นอรหันต์ไปทั่วโลก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. mawmee

    mawmee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +622
    ขอบคุณสำหรับคำตอบที่สงสัยอยู่ค่ะ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากจริงๆ ติดตามอ่านต่ออยู่ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2010
  13. mib8gdviNz

    mib8gdviNz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +1,524
    เห้ออออ!!~..

    ไม่บอกดีก่า ว่าได้เท่าไร (คิดเข้าข้างตัวเองง่ะ)

    คิคิ~..
     
  14. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    บางข้อ เช่น การพูด หรือก่อนจำความได้ ไม่แน่ใจค่ะ แต่ลองสังเกต ตัวเองดู ได้ 40 กว่าๆ แล้วค๊า ^__________^

    ตอนนี้รับทราบมาว่า พลังที่มาให้อยู่กับเราในตอนนี้ มันทำงานในระดับจิตใต้สำนึก มากๆ

    คือ ถ้าเจตนา จะให้เกิดโดยการอยาก หรือทำเล่นๆ มันจะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าเมื่อไหร่

    มาจากความรู้สึก ว่าจะต้องเอาให้ได้ คือ ไม่ได้อยากใช้เพื่อความสนุก มันมาแล้วก็แรงมาก

    บางที เนียน ขนาดว่า เหตุการณ์จบไป แล้วเพิ่งเจอเฉลย.....-*-
    -----------------------------------
    วันนี้มาของคุณม็อบเสื้อแดงจริงๆ-*-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2012
  15. su_ra

    su_ra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +736
    เรามาที่นี่ก็เพราะความรัก ความห่วงหาอาทร
    เรามาและเลือกที่จะลืมทุกสิ่งและเป็นมนุษย์
    เพื่อที่จะเรียนรู้และเข้าใจบทเรียนของมนุษย์อย่างซาบซึ้ง
    มันเป็นงานที่เรามีความเชี่ยวชาญในการยกระดับ
    และเพิ่มการสั้นสะเทือนขึ้นไปในระดับสูง
    เรามีรูปธรรมหนับแสนที่คอยให้การรับใช้
    กุญแจของการยกระดับการสั่นสะเทือนของพลังงาน
    คือความรัก คือการผ่านบทเรียนแต่ละครั้งจะเกิดการสั่นสะเทือน
    มันเป็นสิ่งที่อยู่ภายในตัวเรา มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหลือเกินกับ
    สิ่งที่เกิดขึ้นในการผ่านบทเรียนในแต่ละครั้ง


    ขอบคุณ คุณชยุตในข้อมูลอย่างซาบซึ้ง
    หนังสือ E. T. 101 คือข้อเท็จจริงครับ....
     
  16. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    โดยส่วนตัว จากที่อ่านเเล้ว ให้เปรียบเทียบเป็นเเบบคนไทย เราอยากใช้คำว่า ดาวดวงอื่น ว่า "สวรรค์" เเละ awakening ที่เเปลว่าการตื่น เราอยากเเปลว่า การระลึกได้หรืออาจจะย้อนไปในอดีตได้ ส่วนการมาช่วยเหลือโลก น่าจะมาหมายถึงการมาเพื่อประคับประคองพระพุทธศาสนา ส่วนประโยชน์น่าจะได้ทั้งเเก่ฝ่ายชาวโลกเเละตัวผู้มาจากภูมิอื่นเองคืออาจจะสะสมบุญจนสามารถไปนิพพานได้

    มีหลายข้อที่ตรง โดยเฉพาะการเข้าไม่ค่อยได้กับสังคมสมัยนี้ รู้สึกว่ามนุษย์สมัยนี้ีมีความโหดร้ายมาก เเละรู้สึกเบื่อหน่ายในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้สึก การคิดถึงพ่อเเม่ที่อยู่บนฟ้านั้นตอนเด็กๆเป็นบ่อย เเละรู้สึกเสมอว่าเกิดมาชาตินี้มีหน้าที่ต้องทำ เเละจำตอนที่กำลังจะลงมาเกิดได้นิดหน่อย สัมผัสพิเศษมีบ้าง ตั้งเเต่เด็กจนโตถูกคนทั่วไปเเม้เเต่คนในครอบครัวมองว่า "เเปลก"
    เเต่ตอนนี้พอจะรู้เเล้วว่าอะไรเป็นอะไร กำลังค่อยๆพัฒนาตัวเองไปทุกวันต้องยกระดับเดี๋ยวไม่ทัน........
     
  17. mib8gdviNz

    mib8gdviNz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +1,524
    มารอ ของผู้ใหญ่ครับ ^^

    ตอนเด็ก ๆ จำไม่ค่อยได้แหะ

    แต่ก็ประมาณ 26 น่ะแหละ หึหึ~..
     
  18. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    ชอบมากครับ บทความได้สาระมากๆ
     
  19. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    ผมเพิ่งถามแม่เมื่อกี้ว่า ผมเป็นลูกแม่รึเปล่า เพราะผมคิดว่ามาจากโลกอื่น แม่บอกว่าผมไม่ได้มาจากโลกอื่นหรอก แต่แม่บอกว่า กรูเก็บมาจากถังขยะ เฮ้อ
     
  20. พชรพรรณ

    พชรพรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +106
    ชอบคุณมากคะ มารอดูผู้ใหญ่คะ อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...