คาโนปิค"

อวัยวะภายในที่ล้วงออกมา จะแยกกันล้างทําความสะอาด แล้วคลุกกับสารนาตรอนภายในภาชนะคล้ายตุ่มเล็กๆ เพื่อซับน้ำให้แห้ง หลังจากแห้งสนิทแล้วก็จะเทยางเหนียวเรซินร้อนๆลงไป จากนั้นก็ห่อด้วยผ้าลินินยาวหลายหลา แล้วใส่ลงไปในภาชนะคล้ายตุ่มหรือแจกันที่มีฝาปิดมิดชิด 4 ขวด (รูปภาพด้านบน) ภาชนะดังกล่าวนี้ นักโบราณคดีเรียกว่า "ภาชนะคาโนปิค" คําว่า "คาโนปิค" มาจากคำว่า "คาโนปัซ (Canopus)" หมายถึง เมืองท่าแห่งหนึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งปากแม่น้ำไนล์ เชื่อกันว่า เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่บวงสรวงเทพโอซิริส ซึ่งมีรูปปั้นเป็นรูปแจกันขนาดใหญ่ และมีฝาแกะสลักเป็นรูปเศียรเทพโอซิริสปิดไว้อย่างมิดชิด ตั้งไว้เป็นสัญลักษณ์แทนเทพโอซิริส ต่อมาจึงเรียกชื่อว่า เป็นต่มหรือแจกันคาโนปิค ตามปกติมักจะปั้นด้วยดินเหนียวสีดํา หินปูน หินแข็ง หรือหินต่างๆที่มีค่าหรือมีราคาแพง คาโนปิคแบ่งออกเป็น 4 ชนิด แต่ละชนิดจะมีฝาแกะสลักเป็นเศียรโอรสทั้งสี่ของเทพฮอรัสองค์ใดองค์หนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นผู้พิทักษ์รักษาอวัยวะภายในของผู้ตาย การจัดวางอวัยวะภายในจะต้องวางเป็นระเบียบ เช่น ลําไส้อ่อนและลําไส้ใหญ่ จะวางพับหักเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก แล้วใส่ในคาโนปิคที่มีฝาปิดเป็นรูปหัวสุนัขแต่มีใบหน้าเป็นลิงทะโมน ซึ่งหมายถึงเทพฮาปิ ตับ มักจะวางตามยาวตามภาชนะคาโนปิค ที่มีฝาเป็นรูปของเหยี่ยว ซึ่งหมายถึงเทพเคบีซีนัฟ กระเพาะอาหาร ใส่ไว้ในคาโนปิคที่มีฝาเป็นรูปศีรษะมนุษย์ หมายถึง เทพแอมเซ็ท และปอด ใส่ไว้ในภาชนะคาโนปิค ที่มีฝาเป็นรูปหัวสุนัขจิ้งจอก ซึ่งหมายถึงเทพดัวมูเท็ฟ เมื่อบรรจุอวัยวะภายในศพเรียบร้อยแล้ว ก็จะปิดฝาให้แน่นโดยใช้ปูนปลาสเตอร์ แล้วนําไปใส่ไว้ภายในภาชนะคล้ายกับหีบสี่เหลี่ยมขนาดเล็กที่วางหรือฝังไว้ภายในห้องเก็บศพ ซึ่งสร้างขึ้นโดยเฉพาะ