เรื่องเด่น คณะพระธรรมฑูตไทย เยือน ภูฏาน เข้าถวายพระพร "รินโปเชลามะน้อย" หลานชายกษัตริย์จิ๊กมี วัย ๓ พรรษา ผู้ระลึกชาติ!!

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 27 มิถุนายน 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    คณะพระธรรมฑูตไทย เยือน ภูฏาน เข้าถวายพระพร "รินโปเชลามะน้อย" หลานชายกษัตริย์จิ๊กมี วัย ๓ พรรษา ผู้ระลึกชาติ!!

    761_9563.jpg


    วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๐๐ น. พระพรหมสิทธิ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พร้อมด้วยคณะพระธรรมทูตไทย มหาเถรานุเถระมี พระธรรมโพธิวงศ์ หัวหน้าพระธรรมทูตไทยสายอินเดีย-เนปาล พระวิสุทธิศาสนวิเทศ ผู้ช่วยเลขานุการประธาน สนง.กำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ วัดสระเกศ เป็นต้น ปฏิบัติศาสนกิจ เข้าถวายพระพร พร้อมเจริญศาสนสัมพันธ์ พุทธเถรวาท - พุทธตันตรยาน ณ พระตำหนัก พระราชอุทยานทิมพู เมืองทิมพู (Thimphu) ประเทศภูฏาน(Bhutan)

    19430138_1559693707405642_7618670125525953186_n.jpg

    ในโอกาสนี้ สมเด็จพระราชินีอาชิ เชริง เป็ม วังชุก พร้อมด้วยพระธิดา และรินโปเชลามะน้อย เจ้าชายราชวงศ์ภูฏาน ที่มีพระชันษา ๓ ปี ซึ่งสามารถระลึกชาติได้ ประทานพระวโรกาส ให้คณะพระธรรมทูต ในนามคณะสงฆ์ไทย นำโดย พระพรหมสิทธิ กรรมการมหาเถรสมาคม เข้าถวายพระพร

    19554407_1559693730738973_4197116409369925754_n.jpg

    โดย รินโปเช องค์ลามะน้อย เจ้าชายพระองค์นี้ เป็นพระโอรสของเจ้าหญิง พระธิดาของสมเด็จพระราชินีอาชิ เชริง เป็ม วังชุก พระมเหสีองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระมาตุจฉาเจ้า (เสด็จป้า) ของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม "กษัตริย์จิกมี" กษัตริย์รัชกาลที่ 5 แห่งราชอาณาจักรภูฏาน จึงถือเป็นประวัติศาสตร์สำคัญ เรื่องน่าปิติยินดียิ่ง ที่มี ท่านรินโปเช องค์ลามะน้อย ซึ่งได้กลับชาติมาเกิด ในสายกษัตริย์ ราชวงศ์ภูฏาน ซึ่งหาได้ยาก และยังได้ทรงผนวชในพระพุทธศาสนาตันตรยาน (นิกายดรุกปะกัคยุ)

    19424105_1559693704072309_2504786272548057752_n.jpg

    พระอัยยิกา (ยาย) พร้อมด้วย เจ้าชายลามะน้อย ได้เคยเสด็จฯ เยือนที่มหาวิทยาลัยนาลันทา ประเทศอินเดียทรงเล่าว่า

    รินโปเช องค์ลามะน้อยทรงจำได้ว่า เคยเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา ประเทศอินเดีย เมื่อ ๘๒๔ ปีก่อน และทรงจำสถานที่ต่างๆ ได้แม่นยำ แม้แต่ห้องเรียนของพระองค์เอง จึงเป็นเหตุอัศจรรย์ยิ่งนัก ทรงปฏิสันถาร กับคณะสงฆ์ และคณะบุคคล อย่างอบอุ่น ถือเป็นนิมิตหมาย อันเป็นมหามงคลยิ่ง ที่รินโปเช องค์ลามะน้อย เจ้าชายแห่งราชวงศ์ภูฏาน จักได้เป็นกำลังสำคัญแห่งพระพุทธศาสนาทั้งเถรวาท-ตันตรยาน เพื่อสร้างความร่มเย็นให้แก่พุทธศาสนิกชน และสันติภาพแห่งโลก


    เรื่องราวของลามะน้อย “รินโปเช” ระลึกชาติ เป็นเรื่องฮือฮาเมื่อเดือนมกราคม ปี2560 เมื่อลามะน้อยสามารถระลึกได้ว่าชาติที่แล้วเป็นอดีตพระลามะที่ภูฐาน ดำรงตำแหน่งสูงเป็น Lotsawa กลับชาติมาเกิด พระลามะผู้ใหญ่ได้นำไปพิสูจน์ตามธรรมเนียมโบราณแล้ว ก็ทูลขอมาให้เป็นพระลามะเป็นเวลาเป็นปีแล้ว จนถือเป็นข่าวใหญ่อีกที่อินเดียเมื่อได้ไปเยี่ยมวิทยาลัยนาลันทา เมื่อ 1 มกราคมที่ผ่านมา เพราะสามารถจำบริเวณห้องเรียนที่เคยเรียนเคยสอนได้

    44lama(1).jpg

    ทั้งนี้ ในเรื่องของการระลึกชาติ นักจิตวิทยาส่วนหนึ่งเชื่อว่า เป็นเพราะจิตใต้สำนึก ที่ถูกบรรจุไว้ที่สมองซีกขวา ซึ่งเก็บความรู้สึกต่างๆในวัยเด็กไว้และค่อยๆ ปล่อยพลังออกมาเรื่อยๆ ตลอดชีวิต



    แต่ในทางพุทธศาสนาบอกว่าจิตส่วนลึกจริงๆ ที่เรียกว่าจิตไร้สำนึก หรือ “ภวังคจิต” มีความรู้สึกที่ถูกเก็บไว้ข้ามภพข้ามชาติมานับร้อยนับพันภพชาติ และค่อยๆ ปล่อยพลังออกมาเช่นกัน แต่ไม่ว่า จะในทางจิตวิทยาหรือทางพุทธศาสนา สมองซีกขวา ก็คือทางผ่าน ของการใช้พลังจิตใต้สำนึกหรือจิตไร้สำนึก



    การกำหนดจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ในผู้บรรลุญาน จะพบว่า ความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้มาจากวัยเด็กทั้งหมด มีส่วนที่ฝังอยู่ในจิตส่วนลึกซึ่งข้ามภพชาติมาจริงๆ และสามารถย้อนระลึกความทรงจำได้หลายภพหลายชาติ ดังนั้นการระลึกชาติได้จึงเป็นไปได้สุงในผู้ที่ได้ฝึกสมาธิวิปัสสนามาเป็นอย่างดี





    เนื่องจากความรู้สึก เป็นสิ่งที่อยู่เหนือกว่าสถานที่และกาลเวลา ( space – time ) การกำหนดสติเฝ้าดูความรู้สึก ตามหลักสติปัฏฐาน 4 เมื่อเกิดปัญญาญานจะหยั่งรู้ว่า ความรู้สึกบางอย่างถูกฝังมาจากหลายชาติภพ เพียงเมื่อระลึกได้ มันจะผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในภพปัจจุบัน โดยมิได้จางหายไปตามกาลเวลา ความรู้สึกเมื่อร้อยปีก่อน หรือพันปีก่อน ความเข้มข้นเท่ากัน ความลับนี้พระพุทธองค์ทรงค้นพบ


    คำสอนทางพระพุทธศาสนาจึงเน้นย้ำไปที่การทำความเข้าใจเรื่องความรู้สึก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผัสสะ(การรับสัมผัส) เวทนา(ความรู้สึกชอบ) ตัณหา(ความรู้สึกอยาก) อุปาทาน(ตัวกู ของกู) เมื่อกำหนดสติได้ไวพอที่จะจับความรู้สึก จะพบว่า ความรู้สึกต่างๆที่ผุดขึ้นมาในใจ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มีเหตุและปัจจัย ทำให้เกิด เพียงแต่ ลืมไปหมดแล้วว่าเพราะอะไร







    หลายคนอาจเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว สมองซีกขวา กับ จิตวิญญาณ คือส่วนเดียวกันใช่หรือไม่ สำหรับในทางการแพทย์ที่ไม่เชื่อเรื่องของการเกิดใหม่ อาจจะบอกเช่นนั้น แต่ความจริงแล้ว สมองซีกขวา คือประตูที่จะเปิดเข้าสู่จิตไร้สำนึก (Unconscious mind) เปรียบได้กับภวังคจิตในทางพุทธศาสนานั่นเอง จิตส่วนนี้มีฐานข้อมูลร่วมกับจิตจักรวาล ดังนั้นแม้จะตาย สมองเสียไปแล้ว ความรู้สึกส่วนนี้จะยังคงอยู่ในอีกมิติ และเมื่อไปเกิดใหม่ ก็จะแสดงผลอีกครั้ง



    เด็กวัย 1-8 ขวบจะใช้สมองซีกขวาถึง 80 - 95% และค่อยๆลดลงเหลือเพียง 5 - 10% ในวัยผู้ใหญ่ ทำให้คนเราเมื่อเติบโตขึ้น จะจำเรื่องราวต่างๆในช่วง 1-8 ขวบไม่ค่อยได้ ความจริงแล้วความทรงจำเหล่านั้นไม่ได้หายไปไหน มันยังคงฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก นอกจากนั้น มีการวิจัยพบว่า คนที่ระลึกชาติได้ ส่วนใหญ่เมื่อผ่านพ้นวัยสิบขวบ ความสามารถในการระลึกชาติจะลดลง นั่นก็เพราะว่าสมองซีกซ้ายเริ่มมีอิทธิพลเหนือสมองซีกขวา ทำให้ความสามารถในการหยั่งรู้ลดลง







    ข้อมูล/ภาพ : พระวิสุทธิศาสนวิเทศ วัดสระเกศ รายงานและภาพ จากเมืองทิมพู ประเทศภูฏาน : วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

    และ ข้อมูลจาก หนังสือ “เดอะท้อปซีเคร็ด” โดย ทันตแพทย์สม สุจิรา


    เรียบเรียงโดย

    จินต์จุฑา เจนสระคู : สำนักข่าวทีนิวส์


    -------------------------
    http://www.tnews.co.th/index.php/contents/331381
     

แชร์หน้านี้

Loading...