แก้ไขตรงไหนก่อน .....หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ เวลามีสิ่งมากระทบให้ต้องเกิดความขุ่นมัว ไม่ว่าเรื่องงานหรือเรื่องใดๆก็ตาม มีข้อระวังซึ่งต้องคอยเตือนตัวเองว่า อย่ารีบร้อนไปแก้ไขเหตุการณ์ให้เป็นไปตามปรารถนา หากแต่ ต้องหยุดสักครู่ เพื่อหันกลับมาแก้ไขใจที่ขุ่นมัวนั้นเสียก่อน ไม่อย่างนั้นการแก้ภายนอกก็ทำบนพื้นฐานใจที่มีอคติ ไม่เป็นกลาง ไม่ตั้งอยู่บนความปรารถนาดี ไม่ตั้งอยู่บนความเห็นชอบของการยอมรับในความจริง ของกระบวนการแห่งเหตุปัจจัย ดังนั้นหลวงปู่เน้นย้ำว่า.....ให้หมั่นดูจิต รักษาจิต...... สวัสดีครับพี่เต้ ช่วงนี้ติดทำโครงงานครับผม ....^___^..
[IMG] จิตตื่นจากวังวนพ้นทุกข์ไกล ชั่วดีไซร้รู้แจ้งจบลบด้วยปัญญา แม้จะเบิกบานยิ้มหน้าระรื่น แต่อกขื่นตรมพิกนหนอ แม้จะเก่งกาจกล้าหาญพอ แต่นั่นหนอภายในยังหวั่นเกรง ไหวไหวอ่อนเปลี้ยเพลียจิต ภายในปิดหวั่นหวั่นนั้นฉนัย ยังดิ้นพล่านลนลานร้อนดั่งไฟ เพราะสิ่งไรบางข้อที่ยังปิดบัง
ไม่มีประโยชน์อะไรกับความห่วงใยที่ให้ไป เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ สุดท้าย....ก้อไม่เหลืออะไรเหมือนดังที่เคยเป็นมา
หลวงปู่ดู่ไม่ให้กราบพระจนลืมพ่อแม่..หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ หลวงปู่จะเมตตาสั่งสอนหลาย ๆ คนที่มากราบท่านในวันแรกว่า พวกแกอย่าเอาแต่เที่ยวกราบพระที่นั่นที่นี่จนลืมพระที่บ้านนะ ทำบุญกับพ่อแม่ก็เหมือนกับทำบุญกับพระอรหันต์ หลวงปู่มีเรื่องเล่ามากมายที่ยืนยันว่าคุณของพ่อแม่คุ้มครองเราได้จริง ๆ เรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจที่สำคัญมาก ไม่ให้เรามองข้ามพระที่อยู่ใกล้เราที่สุด ไม่พูด ไม่ทำ ในทางที่จะทำให้ท่านไม่สบายใจ ให้ความสำคัญกับท่านเป็นลำดับต้น ๆ แน่นอนว่าท่านอาจไม่ใช่พระอรหันต์ (ผู้หมดกิเลส) แต่หลวงปู่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็ยืนยันว่าการทำบุญกับท่านจะได้อานิสงส์ เหมือนทำกับพระอรหันต์ การ ปฏิบัติดีต่อพ่อแม่ของเราจึงเป็นตัววัดการปฏิบัติธรรมที่ดีอีกตัวหนึ่ง ว่าเราก้าวหน้าขึ้นไหม มิใช่วัดจากการไปกราบพระมาได้มากน้อยแค่ไหน .......สวัสดีตอนหัวค่ำครับ...^___^......พี่เต้
[IMG] ด้วยดวงตาซื่อใสช่างไหวหวาม ดูงดงามเพราพริ้มอิ่มเอิบฝัน ระคนเศร้าหม่นรื้นทุกคืนวัน ลือเจ้านั้นลื้มสิ้นรสแห่งธรรม ใครกันหนอหลอกด้วยเล่ห์เสน่หา ช่างนำพาพิษร้ายเข้าทำลายฉัน สร้างรอยบาปกรรมสาปซ้ำนั้น หยาดน้ำอันซึมออกตาเปื้อนบ่ควรใจ ว่างวานใกล้ธรรมสักนิดจะพ้นหมอง อย่าเกี่ยวข้องกามาพาผ่านฝัน หยุดพิษร้ายแห่งรักพ้นชีวัน อนันยิ่งจริงแท้รสแห่งพระสัทธรรม
เมตตาเป็นความรักที่ประกอบด้วยธรรมะ เป็นความรักที่สม่ำเสมอในสรรพสัตว์ทั้งหลาย ชีวิตของเราพร้อมที่จะแตกดับไปเมื่อไรก็ได้ เราจะมัวเสียเวลาที่จะไปทะเลาะเบาะแว้งกับผู้อื่นทำไม ถ้าเราเข้าถึงธรรมแล้วไม่มีเวลา ไม่มีเวลาที่จะไปโกรธแม้แต่ชั่วโมงเดียว เพราะชีวิตเรามันสั้นเกินไป่ เราพร้อมที่จะให้ความรัก ให้ความรักโดยไม่หวังอะไรตอบแทน กลับคืนมา เขาจะรักหรือไม่รัก เรื่องของเขา รักของพุทธะเป็นรักอันยิ่งใหญ่ มิใช่เพียงรักที่ต้องการในความรักเพื่อแก้ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวหรือว่างเปล่าในใจ ของตัวเองเยี่ยงผู้คนทั่วไป เราท่านผู้เป็นสหายเอย เราอยากให้ท่านทั้งหลายมีรักอันยิ่งใหญ่เยี่ยงดั่งรักแห่งพุทธา
ปัญญาทางโลก ไม่มีศีลเป็นตัวคุม จึงเป็นปัญญาแบบมือใครยาว สาวได้สาวเอา หรือปัญญาแบบตัวใครตัวมันไม่ต้องคำนึงหรือนึกถึงศีลธรรม แบบคนฉลาดที่ขาดศีลธรรมเอาเปรียบคนที่โง่กว่าตน จึงเป็นการกระทำที่เบียดเบียนผู้อื่นอยู่เสมอ ทำให้โลกวุ่นวาย มีปัญหาอยู่เสมอ ส่วนปัญญาทางธรรมในพระพุทธศาสนามีข้อบังคับ หรือข้อบ่งชี้ชัดเจนว่า จะต้องเป็นปัญญาที่เกิดจากสมาธิ อันมีศีลเป็นเครื่องควบคุม จึงจะเป็นสัมมาปัญญา หรือปัญญาที่ถูกต้องตามพุทธ หรือจะพูดว่าปัญญาทางโลกเป็นเพียงแค่สัญญาหรือความจำก็ได้