จิตแท้ "ไม่ตาย"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xtrem, 28 มีนาคม 2016.

  1. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    สังเกตเอานะ กิเลสอัตตา ถ้าอยู่กับความจริงไม่ได้
    ยอมรับความจริงไม่ได้ อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องจะเอา
    มรรคเอาผลนิพพานอะไร คนปรารถนามรรคผล
    นิพพาน ต้องจริงใจ ยอมรับความจริงให้เป็นก่อน
    เพราะเรื่องการตรัสรู้ธรรมเป็นเรื่องของการบรรลุ
    ความจริงทั้งสิ้น การโกหกตัวเองจึงเปล่าประโยชน์
    เป็นเรื่องหลงในอัตตาสักกายทิฏฐิไปเท่านั้น ศีลไม่มี
    คนพูดปดทั้งๆที่รู้ ความชั่วอย่างอื่นที่จะทำไม่ได้เป็น
    ไม่มี คนหลงมีอัตตามากย่อมเจ็บปวดมากเป็นทุกข์
    มากเป็นธรรมดา ทุกข์โทษเหล่านี้ พึงระลึกรู้บ่อยๆ
    ค่อยๆถอนความเห็นผิด จึงเดินอยู่บนหนทางมรรค
     
  2. thontho

    thontho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +612
    รู้จนไม่รู้คือ.....รู้
     
  3. อณูธาตุ

    อณูธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +195
    เรื่องของธรรมชาติอันสูงสุด ธาตุรู้ เป็นสิ่งที่ ไม่เกิดไม่ดับ คงฟ้า คงดิน คงจักรวาล เป็นสิ่งเชื่อมโยงกัน ทั่วทั้งจักรวาล ไม่มีจุดเริ่มต้นไม่มีจุดปลายทางจึงไม่มีสภาวะแห่งกาลเวลาเกิดขึ้น สัตว์ทั้งหลายอาศัยธาตุรู้เป็นแกน ปรุงแต่ง(สังขาร) เป็นจิตวิญญาณ(ใจ)มีการเกิดดับ มีลักษณะเฉพาะตน เพราะมีการปรุงแต่ง ย้อนอดีต มีจุดเริ่มต้น มีจุดหมายปลายทาง จึงเกิดสภาวะกาลเวลาเกิด ท่านที่หยั่งถึงสภาวะไร้กาลเวลาได้คงเข้าใจได้ ใช่ไหม ท่านจริงนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2016
  4. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    เรื่อง "ใจดวงนี้ ไม่เคยตาย"
    "ตายเกิดมากี่กัปกี่กัลป์แล้วไม่รู้ มีแต่หลงเชื่อกิเลสว่าตายแล้วสูญๆ มันสูญยังไง ถ้ามันสูญแล้วเอาอะไรมาเกิดในโลกอันนี้"
    วิชาของกิเลสที่จะกลบความจริงๆ คือใจดวงนี้ ให้ว่าตายแล้วสูญๆ ไปเท่านั้น ทั้งๆ ที่เจ้าของเป็นนักเกิดนักตายมันก็ปฏิเสธในเจ้าของว่าตายแล้วสูญๆ เพราะกิเลสพาปฏิเสธเนื่องจากเราหลงตามมันเราก็ไม่รู้ เกิดกี่กัปกี่กัลป์ก็ปฏิเสธมาอย่างนั้น ว่าตายแล้วสูญ ๆ มันสูญยังไงพิจารณาซิ ถ้ามันสูญแล้วอะไรมีในโลกนี้ได้ ก็มันสูญไปหมดแล้ว แล้วเวลาเต็มโลกไหม ตั้งแต่กัปไหนกัลป์ใดมันก็มีอยู่นี้ คนตาบอดนี้ชนปั๋ง ๆ เลย เพราะชนของมีอยู่นั้นเอง มันสูญไปไหน หัวใจดวงนี้ยิ่งเลิศเลอไม่มีคำว่าสูญ แม้ตกนรกอเวจีกี่กัปกี่กัลป์ ก็ทนทุกข์ทรมานยอมรับกรรมที่ตนได้ทำไว้แล้ว แต่จะให้ฉิบหายไม่มี ยอมรับกรรม
    พอพ้นจากนั้นกรรมเบาเข้า ๆ ออกมา ก็จิตดวงนี้ออกมา ได้สร้างบุญสร้างกุศลหนุนกำลัง ๆ ขึ้นไป ใจดวงนี้ก็ค่อยดีดออก ๆ ความสุขหนุนไป ๆ หนุนไปจนกระทั่งพ้นจากทุกข์ เพราะอำนาจแห่งธรรม ไม่ใช่อำนาจกิเลสนะ พาสัตว์โลกให้พ้นจากความทุกข์เป็นเรื่องของธรรมทั้งนั้น พ้นจากทุกข์ไปแล้วจิตดวงนี้ท่านเรียกว่าอมตะ อมตจิต คือจิตที่ไม่ตาย ที่นี่ไม่ตายล้วน ๆ แต่ก่อนว่าไม่ตาย แต่กิเลสมันเข้าแฝงก็ต้องเข้าร่างนั้นร่างนี้
    พอกิเลสตัวพาแฝงพาให้เกิดภพนั้นภพนี้หมดไปเท่านั้น จิตดวงนี้เป็นจิตที่บริสุทธิ์เต็มที่ ท่านเรียกว่าอมตจิต อมตธรรม หรืออมตมหานิพพานคือใจดวงนี้ ที่ไม่ตายนี้แล ถึงขั้นนี้แล้วไม่ตาย เรียกว่าเที่ยงโดยถ่ายเดียว อย่างท่านว่านิพพานเที่ยงคือจิตดวงนี้ไม่มีสมมุติตัวเป็นอนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เข้าไปแทรก ปัดออกหมดแล้วเป็น อมตจิต อมตธรรมขึ้นมา ไตรลักษณ์ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เข้าไปยุ่งไม่ได้ เพราะเหล่านี้เป็นสมมุติ นั่นละท่านว่าจิตเที่ยง จิตถึงนิพพานเป็นอมตจิต นี่เรียนวิชาจิตตภาวนาเข้าไปถึงนี้จะไม่ต้องทูลถาม นอกจากกราบพระพุทธเจ้าอย่างราบ เหอ พระพุทธเจ้ารู้อย่างนี้ละหนอ นั่นเห็นไหมล่ะ

    ถามอะไรของอย่างเดียวกัน สอนเข้าไปหาจุดเดียวกัน ๆ พอไปเจอแล้วถามท่านหาอะไร สนฺทิฏฺฐิโก ผู้ปฏิบัติผู้ก้าวเดินนั้นแหละ จะไปเจอสิ่งที่ต้องการด้วยตัวเอง พระพุทธเจ้าสอนไว้แล้วอย่างนี้ทั้งนั้น ขอให้พี่น้องทั้งหลายรู้เนื้อรู้ตัวนะ อย่าเพลินกับกิเลสจนเกินเนื้อเกินตัวมันจะจมไปเรื่อย ๆ นะ เห่อกับนั้นเห่อกับนี้ เห่อกับเขาเห่อกับเรา เห่อกับเมืองนั้นเห่อกับเมืองนี้ หัวใจเป็นไฟไม่ดู ดูตัวนี้เมืองไหนก็เป็นไฟด้วยกันนั่นแหละ เมืองกิเลสครอบหัวใจอยู่แล้วจะหาความสุขความเจริญไม่ได้ มีแต่กิเลสมันยกยอสรรเสริญ ปั้นขึ้นมา ๆ หลอกกันว่าเมืองนั้นเจริญ เมืองนี้เจริญ มันเจริญที่ไหน เอาธรรมจับปุ๊บมันเห็นหมดนี่ว่าไง ไม่งั้นจะเป็น โลกวิทู ของศาสดาเหรอ ท่านเห็นอย่างนั้นท่านจะไปสงสัยกับอะไร ตาธรรมจับปุ๊บเห็นหมด พากันตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัตินะ
    มันจะตายกองกันอยู่นี้กี่กัปกี่กัลป์ทั้ง ๆ ที่กิเลสมันหลอกว่าตายแล้วสูญอยู่นั้นแหละ จะตายอยู่นั้นตลอดไปนะถ้าไม่เชื่อธรรมพระพุทธเจ้า ศาสดาองค์เอกพูดคำไหนออกมาเป็นที่ตายใจได้เชื่อใจได้ เรียกว่าภาษาธรรม ธรรมหนึ่ง ความรู้ที่ออกมาจากธรรมหนึ่ง ภาษาของธรรมหนึ่ง ออกมาแง่ไหนตายใจได้เลย ๆ แต่เป็นเรื่องของกิเลสแล้วจมไปได้ทั้งนั้น มันจะต้องหลอกลวงต้มตุ๋น นิ่มนวลอ่อนหวาน ไพเราะเพราะพริ้ง กล้วย ๓ สวนสู้ความหวานของกิเลสไม่ได้นะ มันหลอกสัตว์โลก หลอกจนกระทั่งจมไปทั้งบ้านทั้งเรือนทั้งประเทศเขตแดน มีแต่กิเลสหลอกทั้งนั้น ธรรมท่านไม่หลอกนะ
    (เทศนาธรรมโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)


    อันนี้เป็นธรรมเทศนาบางตอน ของครูบาอาจารย์หลวงตา ส่วนใครจะย้อนแย้งตะแคงปากพูด ก็ตัวใครตัวมัน กรรมของใคร ของมัน แต่เราเชื่อครูบาอาจารย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2016
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ....................ยก มาทั้งหมด ก็ จบเรื่อง คง ไม่มีใครเข้าใจผิด ....ยกเว้นผู้ยกมา จะ อ่าน ไม่เข้าใจ......เนื้อหา ทรอปปิค ของ สิ่งที่หลวงตาเทศน์ คืออะไร?.............ท่านสอนเรื่อง กิ้เลสตัณหา ธรรมดา สอนไม่ให้ประมาท...ในเรื่อง การหลง โลก หลง ใหลกิเลส ธรรมดา...ไม่ให้ประมาท ต่อ อกุศลธรรมทั้งหลาย....แต่ ผู้ยก มา ตัดต่อ ซะ ไป เรื่องอื่น เลย:cool:
     
  6. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    จะหากิน ข่มขู่ กับปัจจัตตังของคนอื่นเนี่ยเหรอ?
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    แล้วต้องรู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้หรือไม่ฮะ
     
  8. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    รูมันลึก หรือ แขนเรามันสั้น หืม คนร้อยทั้งร้อย มันว่า รูมันลึกหมด ไอ้ที่จะบอกว่าแขนตัวเองสั้นไม่มี โน้น มันไปโทษปัจจัยภายนอกโน้น มันก็ว่าเอามาแปะให้งงทำไม ไม่ได้รู้เรื่องว่าที่งงนะใครงง ธรรมมัน งง หรือ ตัวเอง งง นี้และกิเลสมันสุ่มอยู่ อวิชชามันสุ่มหัวอยู่ เที่ยวเพ่งโทษผู้อื่น ใช้ได้ที่ไหน.

     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ...............ผมอ่านแล้ว เข้าใจนะ ว่า หลวงตา ท่านเทศน์ เรื่องอะไร?....แต่ บอกได้เลย ว่า หัวข้อ กท นี้ ยกมา เน้น ผิดประเด็นที่หลวง ตาเทศน์ ถ้า อ่านหนังสือ แตกนะ:cool:.............เอาละ ผมจะไม่เถียงในประเด็นนี้ แต่ มี คำพระที่ว่า.....เพราะมีโลกสมุทัย(เหตุเกิด) ความเชื่อที่ว่า ตายแล้วสูญจึงไม่มี ...........เพราะมี โลกนิโรธอยู่(ความดับ) ความเชื่อเรื่องตายแล้วเกิด จึงไม่มี แท้ จริง ปฎิจสมุปันธรรม(ปฎิจสมุปบาท) นั้น แหละ ที่พระท่านสอน จึงหมดปัญหาเรื่อง สัสตทิฐฐิ และ อุจเฉจทิฐฐิ...และทิฐฐิ 62 (ปรารภขันธิื ในอดีต และ อนาคต).....หรือสักายทืิฐฐิ20 (เรามีในขันธิ์แต่ละขันธิ์ และในแต่ละขันธิ์ มีในเรา) เป็นต้นนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2016
  10. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    ตอบ... ใช่บางส่วนจ้า... รู้ไม่สิ้นสุด จนไม่เหลือแม้ตัวรู้ รู้แบบบริสุทธิ์เหมือนเป็นเนื้อเดียวกับธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ ประมาณนี้แล...
     
  11. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +248
    กระผมขอท้าพิสูจน์ความจริงเลย
    ข้ามตายข้ามเวทนาใหญ่ให้ได้ เป็นพยานตนเองเลย อะไรดับ อะไรไม่ดับ
    ข้ามไม่ได้อย่ามาโม้ เหม็นขี้ฟัน รสแกงยังไม่เคยชิมเลย หลอกตัวเอง
     
  12. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +248
    ทัพพีล้วนๆ กิกิ
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .....อิอิ น่าจะรู้ สิ ว่า ตัวเองกำลังทำอะไร....เอาอะไรมาเผยแผ่...หรือ เอามาทำไม.....ถ้า ไม่รู้ตัวก่อนทำ..นี่ ถือ ว่า ไม่มี สติ นะ ...
    ..:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2016
  14. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ถ้าดูให้ดี ก็จะเห็นว่า ทั้งหมดทั้งมวลที่ตั้งกระทู้แปะ
    ธรรม ก็มาจากความที่ตนเองยังลังเลสงสัย ยังขาด
    ความมั่นใจนั่นเอง พอเวลาความไม่มั่นใจเกิด จิตมัน
    ขาดที่พึ่ง กำหนดรู้ไม่ทัน ก็ไปแสวงหาธรรมเอาจาก
    ภายนอกมาตอบโจทย์แก้ทุกข์ในใจให้ตนเอง เรียก
    ว่าใช้ธรรมภายนอกเป็นพี่เลี้ยงเป็นที่พึ่งสร้างความ
    มั่นใจให้ตนเอง เพราะยังพึ่งตนเองไม่ได้ มองออกไหม

    ทีนี้ความมั่นใจอันนั้นมันมาจากอะไร ตอบให้ก็ได้
    มาจากการยึดมั่นถือมั่นในธรรมภายนอกเป็นสรณะ
    ยังไม่มีธรรมในใจเป็นที่พึ่งเป็นพยานเลย ดังนั้น
    ที่เอามาแปะๆๆ ต้องบอกว่าเป็นอำนาจของความ
    หลง ถือมงคลตื่นข่าว ใครเขาว่าดีก็ดีตามเขาไป
    แค่นั้นเอง ส่วนจะดีจริงหรือไม่จริงตรงนั้นเป็นเรื่อง
    ปัตจัตตังไปแล้ว เป็นเรื่องของผลเฉพาะบุคคล ให้เอาตนเองเป็นเครื่องพิสูจน์สถานเดียวก็พอ
     
  15. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    จะเกิดแก่เจ็บตาย เกิดตายเกิดตายกี่ชาติก็ไม่เกี่ยว
    ไม่สะทกสะท้าน เมื่ออุปาทานความหลงหยิบจับฉวย
    ในขันธ์ในเวทนาไม่มี ดับ (ชั่วคราว) ตัวกูผู้ทุกข์กับ
    ความเป็นไปของสังขารร่างกาย เป็นคนละส่วนกัน
    ไม่ยึดก็ไม่สะทกสะท้าน เกิดตายเป็นเรื่องธรรมดา
    ปัตจัตตัง จะเข้าใจเหรอ พิสูจน์เอาเอง อย่าตื่นข่าว
    ตื่นปรากฎการณ์ล่ะ แค่รู้ก็พอ
     
  16. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    หลวงตาเทศนาถูกแล้ว แต่ท่านเทศหลังจากจิตท่านพ้นอำนาจของอุปทานไปแล้ว เปนจิตเดิมก่อนขันธ์นี้จะสร้างเครื่องมือในการรับรุ้ หูตา จมูก ลิ้น กายใจ จนเกิดเป็นเวทนา แล้วเข้าไปยึดมั่นถือมั่น จนถอนตัวสู่ตอนที่จิตไม่มีอุปทานที่เดิมไม่ได้ เปนที่มาเรื่องจิตแท้ที่หลวงตาเทศนาไว้ ถ้าคนอ่านไม่เข้าใจจะคิดไปว่าหลวงตาบอกว่าจิตเที่ยง ขัดกับคำของพระพุทธเจ้าเอาได้
     
  17. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ก่อนจะไปถึงจิตแท้ไม่ตาย ตรงที่ไม่มีอุปาทานอย่างหลวงตาเทศนาไว้ เราต้องพิสูจนให้เหนตามจริงว่า ขันธ์ห้านี้ไม่เที่ยงเปนทุกข์ ให้ได้ก่อนว่าเปนจริงตามนั้นไหม
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    [๔๔๒] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุรูปหนึ่งมาแล้วตรัสว่า
    ดูกรภิกษุ เธอจงมา เธอจงเรียกสาติภิกษุ ผู้เกวัฏฏบุตร ตามคำของเราว่า
    ดูกรท่านสาติ พระศาสดารับสั่งให้หาท่าน ภิกษุนั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
    จึงเข้าไปหาสาติภิกษุ แล้วบอกว่า ดูกรท่านสาติพระศาสดารับสั่งให้หาท่าน.

    สาติภิกษุรับคำภิกษุนั้นแล้ว จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับถวาย
    อภิวาทแล้วจึงนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.

    พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรสาติ ได้ยินว่า เธอมีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่าเราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ
    ย่อมท่องเที่ยว แล่นไปไม่ใช่อื่น ดังนี้ จริงหรือ?

    สาติภิกษุทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่
    พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้แหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป ไม่ใช่อื่น ดังนี้ จริง.

    พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรสาติ วิญญาณนั้นเป็นอย่างไร?

    สาติภิกษุทูลว่า สภาวะที่พูดได้ รับรู้ได้ ย่อมเสวยวิบากของกรรมทั้งหลาย ทั้งส่วนดีทั้งส่วนชั่วในที่นั้นๆ นั่นเป็นวิญญาณ.

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโมฆบุรุษ เธอรู้ธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแก่ใครเล่า
    ดูกรโมฆบุรุษ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น เรากล่าวแล้วโดยปริยายเป็นอเนก
    มิใช่หรือ ความเกิดแห่งวิญญาณ เว้นจากปัจจัย มิได้มี


    ดูกรโมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่เราด้วยขุดตนเสียด้วย จะประสพบาปมิใช่บุญมากด้วย เพราะทิฏฐิที่ตนถือชั่วแล้ว

    ดูกรโมฆบุรุษก็ความเห็นนั้นของเธอ จักเป็นไปเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์
    ตลอดกาลนาน.


    ******************************************************



    จาก คำแถลงของพระพุทธองค์ ที่กล่าวว่า " วิญญาณเว้นจากปัจจัย มิได้มี "

    ตรงนี้หมายถึงว่า ต่อให้ภาวนาจนสำเร็จอรหันต์ วิญญาณก็ต้องเกิด ดับ
    อยู่วันยันค่ำ ไม่มีใครเข้าไปแทรกแซง ให้ นามรูป หายไปจาก โลก ได้

    ปัจจัยที่ทำให้เกิด วิญญาณ มันจึงมี ของมันตลอด

    วิญญาณ ก็เลย เกิด ดับ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อยู่วันยันค่ำ

    พระเสขะ พระขีณาสพ ก็เพียงแต่ " กำหนดรู้ความไม่รู้ " หรือ
    "กำหนดรู้อวิชชา" จนไม่เผลอสติ เกิดสัญญาวิปลาส ไปเห็น
    ว่า " วิญญาณ " เที่ยง

    วิญญาณ เป็นเพียง ธาตุ บางประการ ที่ต้องอาศัย ปัจจัย ในการเกิด ดับ

    ปัจจัยในการเกิดวิญญาณ คือ นามรูป



    วิญญาณเที่ยง จิตเที่ยง รหัสพ่อรหัสแม่ มันไปคว้า นามรูป เป็นตนของมันหรือไง !?

    นามรูป บ้านใคร เที่ยง



    ดังนั้น หลวงตามหาบัว ท่านพูดธรรมปฏิบัติ เน้นในส่วน กำจัด อวิชชา บางกันฑ์
    ท่านเรียก "จิตอวิชชา(ใช้อยู่คนเดียว ศิษย์ไม่นิยมใช้ตาม ถือเป็น วิทยานิพนท์ส่วนตัว)"

    หลวงตามหาบัว เน้น กำจัดอวิชชา แล้วก็กล่าวว่า ขันธ์ก็เกิดตามปรกติ คือ ไม่มี
    ใครไปหยุด หรือ ห้าม หรือ ทำให้ "ปัจจัย(นามรูป)" ให้อันตรธานหายไปได้

    เมื่อ ปัจจัยในการเกิด วิญญาณ มีอยู่ ทำให้หายไปไม่ได้ วิญญาณ ก็เกิด ดับ
    ไปตาม ปัจจัยการนั้น จนกว่า จะ อนุปาทิเสนิพพาน ละขันธ์ ปรินิพพาน
    [ อย่าลืมนะ นามรูป ก็ยังคงอยู่ของมันอย่างนั้น วิญญาณ จึงมี ปัจจัยเกิดไป
    ตามเดิม แต่ ไม่ใช่ "นิพพานธาตุ" ]

    แล้ว ใครเอา จิต (วิญญาณ) ไปบัญญัตเป็น "นิพพาน" ก็เท่ากับ กระทืบ
    พุทธโอษฐ์ ในส่วน นิพพานเป็น อสังขตธาตุ ( ธาตุที่ไม่ได้เกิดจาก ปัจจัยการ )

    เพียงแต่ หากชำระกิเลส ชำระอาสวะ สิ้นแล้ว ก็อนุโลม ให้พูดว่า จิตเป็นนิพพาน
    สำหรับบางท่าน ที่ ละนิสัย ละอาสวะไม่ได้หมด ( อาสวะ บางอย่าง ไม่ได้เจือ
    กิเลส เป็นเพียง ความด้อยทาง นิรุติปัญญาของสาวก ที่ กำหนดสมาธิในการ
    กล่าวธรรมไม่ได้ตลอด ...เพราะมี พระสัพพัญญุตาญาณ เท่านั้น ที่มี ฐานะ )

    ก็เหมือน เคส หลวงปู่ตื้อ ที่ ศิษยานุศิษย์ จะ สับเรื่องเข้ามา อธิบาย ธรรม
    ที่ผิดแผลกแหวกแนว แต่ไม่ได้มีกิเลส เป็น ปาปมุตติ

    เคสหลวงปู่ตื้อ คือ " ฉันอาหารทันที ที่หิว " แต่ท่านไม่บาป ไม่ได้ทำเพราะกิเลส

    หลวงตามหาบัว ท่านจะ " พูดจิตแท้ไม่เกิดไม่ตาย " ก็เหมือน กับ หลวงปู่ตื้อ รักษา
    วินัยในการ " ฉัน " อาหารเมื่อหิว ไม่ได้ [ ตามประวัติการภาวนา หลวงตา ไปติด
    จิตที่ไปเห็นอะไรทะลุทะลวง อยู่ 6ปี หรือไงนี่แหละ คือ ท่าน ติดตัวจิตอวิชชา เป็นการส่วนตัว
    ของท่านกว่าจะผ่าน หลวงปู่มั่นก็มรณะภาพ ปรินิพพานไปแล้ว ไม่มี มาแสดงนิมิตสอน อะไรได้อีก
    ท่านต้อง ภาวนาของท่านคนเดียว จน บรรลุด้วยความเพียร ลำแข้งของตน จึงไม่แปลกที่ท่าน
    เอะอะเอะอะ ก็ จิตอย่างงั้น จิตอย่างงี้ ......พอคนถามว่า นิพพานคืออะไร ท่านก็เลยต้องพูดว่า นิพพานคือนิพพาน ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2016
  19. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    นานา จิต ตัง นะครับ ว่ากันไป ถ้าคนรู้ธรรมตามธรรมจริงไม่มีแย้ง ไอ้ที่แย้งนี่คือรู้ไม่จริง ทีนี้ก็งง เอาธรรมพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาแปะทำไมให้ ตัวเอง งง มันว่าไปนั้น ยึดอยู่แต่ทิฎฐิความรู้ของตน ก็อ้างปัจจังตังไปเรื่อย ธรรมภายนอกมั้ง ธรรมภายในบ้าง มีแต่เรื่องเพ่งโทษคอยจับผิด ไอ้นี่มันอย่างนั้น ไอ้นี่มันอย่างนี้ หนักเข้ายัดข้อหาให้เราอีก เราก็ขำ แต่อโหสิให้นะครับ มันเป็นเรื่อง นา นา จิต ตัง
     
  20. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    https://www.youtube.com/watch?v=Rf_MHD0xrmA
     

แชร์หน้านี้

Loading...