เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. ballniceapp

    ballniceapp Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +27
    ขอบพระคุณมากๆครับ มีกำลังใจขึ้นมากเลยครับ ผมและครอบครัวจะปฏิบัติตามที่พี่แนะนำครับ
     
  2. wukecheng

    wukecheng Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +46
    รบกวนคุณ TJS ตอบข้อความให้ผมด้วยนะครับ

    ขอบคุณครับ
     
  3. หญิงท้วม

    หญิงท้วม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2013
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +37
    3.และเรื่องจิตวิปริตนี้ หนูได้น้ำมนต์มา กินไปเวลาอาการทรุดก็พอจะดีขึ้นบ้าง
    และเริ่มออกกำลังกาย พบว่าออกกำลังกายไประยะหนึ่งรู้สึกว่าอาการจิตวิปริตเบาลงเยอะ รู้สึกว่าทรมานน้อยลง อยากรู้ว่าถ้าออกกำลังกายดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอาการจะเบาลงได้มากน้อยแค่ไหนคะ
    4.เคยมีเสียงบอกว่าถ้าอยากหายให้กินขมิ้นแล้วนึกถึงเขา เขาเป็นใครคะ?
    หากเป็นการรบกวนก็ขออภัยด้วยค่ะ
     
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =============

    ขออภัยที่ยังไม่ได้ตอบคำถามให้เลยสักข้อ ติดประชุมเยอะมากครับ คงต้องเป็นสัปดาห์หน้าครับถึงจะว่างครับ

    เบื้องต้น
    อาการวิปริตทางจิต ก็อาศัยกายสืบเนื่อง เพราะเมื่อได้ผ่อนคลายทางกาย จิตก็ผ่อนคลายด้วย จึงทำให้เบาลงครับ

    4 เสียงที่พูดกับคุณเป็นพระสงฆ์แก่ชรารูปหนึ่ง ครับผอมๆ ผิวดำแดง สูง160-165 cm รูปหน้าสี่เหลี่ยมครับ ยังไม่ทราบว่าท่านเป็นใครครับ
     
  5. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    มีปัญหามาให้คุณอีกแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังพยายามฝึกนั่งทำสมาธิในคอม แต่นั่งไม่ได้นานเหมือนการสวดมนต์ ดูลมหายใจเช้าออกก็เหนื่อย นั่งแล้วจะเกิดความอึดอัด ไม่โล่ง บางครั้งก็ตึงที่หน้าผากหรือขมับ บางครั้งก็จะเกิดอาการจุกที่ลิ้นปี่ นั่งนานที่สุดก็ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ต้องเลิก ไม่นิ่งเหมือนการสวดมนต์ แต่เวลาสวดมนต์จิตก็เกาะอยู่กับการสวดมนต์ไม่ปล่อยเลยเหมือนกับเราไม่สามารถจะหลุดพ้นจากความวุ่นวายไปสู่ความสงบได้ แต่ก็พยายามอยู่นะคะพยายามวันละประมาณชั่วโมงในเวลากลางวันเพื่อฝึกสมาธิหน้าคอม หรือเป็นเพราะว่าดิฉันยังมีกรรมที่ทำให้ไม่สามารถหาความสงบได้แท้จริงเหมือนหลอกตัวเองไปวันๆอยากขอคำแนะนำคะ ขอบพระคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 กรกฎาคม 2015
  6. ต้น อิสระ

    ต้น อิสระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +52
    ขอรบกวนคุณ tjs หน่อยครับ ผมส่งคำถามไปใน PM ครับ
    ขอบคุณครับ
     
  7. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    การยึดจึงเกิดปัญหามากมายในตนแต่ละคน ยึดอนัตตาให้เป็นอัตตา เปรียญเสมือนยึดผ้าขาวแต่จะให้ดำให้ได้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ จึงก่อเกิดปัญหาคำถามมากมาย ธรรมชาติเป็นเช่นไรย่อมเป็นเช่นนั้น แค่ยอมรับ และปล่อยให้มันเป็นไป ไม่ฝืน ไม่ยึด จะเบา โปร่ง โล่ง สบาย เป็นบรมสุข สงบ ไม่ดิ้นรน ไม่มีคำถาม ไม่ต้องการคำตอบ ขออวยพรให้ทุกท่านผ่านเรื่องราวต่างๆด้วยดี สมปราถนาที่มุ่งหวังนะครับ ขอให้ท่านtij ทีความสุข สงบ ตามทางที่ท่านเลือกเดินในสายนี้นะครับ เมตตาบารมี จงเกิดแก่ท่านครับ. สาธุ
     
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ====================

    จริต ของคุณเหมาะกับการสวดมนต์มาก ให้เปลี่ยน การสวดมนต์ เป็นภาวนา คือเมื่อเราจะภาวนาก็ให้ เปลี่ยนเป็นมาสวดมนต์ภายในใจ ไม่ต้องออกเสียงและไม่ต้องกล่าวหรือพูดอะไรออกมา ให้นึกเอา เป็นการสวดมนต์ในใจ ลองทำแบบนี้ดูก่อน ถ้าสงบได้ และทำได้ต่อเนื่อง เมื่อนั้นให้เปลี่ยนเป็นการสวดมนต์ในใจแบบพุทโธ หรือแบบอื่นๆ แล้วเปลี่ยนเป็น ปล่อยวางคำบริกรรมทั้งหมด ว่างๆ มันปรากฏได้เองเมื่อถึงเวลานั้นครับ
    ความว่างปรากฏ ความสงบเกิดนั่นเอง

    ลองดูครับ สาธุ

     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    การปฏิบัติธรรมหรือการฝึกอบรมจิต เพื่อละความโลภ โกรธ หลง ตัณหา ราคะ ลดอุปาทาน นั้น แน่นอนว่าคงไม่สามารถทำได้เหมือนกันทุกคน เพราะแต่ละคนมีต้นทุนเดิม วาสนาเดิมที่สั่งสมมาแตกต่างกัน และจึงต้องอาศัยพละกำลัง พละปัจจัยที่แตกต่างกัน

    การปฏิบัติหรือการฝึกอบรมจิต จึงเป็นเรื่องเฉพาะตน เป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน สรรพสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นเครื่องกำหนดให้เป็นไป การปฏิบัติธรรม จึงเป็นหนทางเดียวที่จะแก้ไขกรรมต่างๆให้ดีขึ้นและมีที่สุดคือหลุดพ้นจากบ่วงกรรม

    การปฏิบัติธรรม ต้องอาศัย ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา โดยพื้นฐานคือการฝึกมหาสติ
    เมื่อเราปฏิบัติธรรม สติจึงเป็นเรื่องใหญ่มาก และเมื่อเราสามารถเจริญสติ จนสามารถสร้างสมาธิ เดินกาย จิต เข้าสู่ความสงบได้ เมื่อนั้น หนทางแห่งการปฏิบัติธรรมของท่านก็ถือว่ามาถูกทาง

    อันความสงบ นั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ความสงบนี่เองเป็นบ่อเกิดของปัญญา เป็นบ่อเกิดของสมาธิฌาณและอรูปฌาณ เป็นบ่อเกิดของอภิญญา เป็นบ่อเกิดของญาณทั้งหมดมีที่สุดคืออาสวักขยญาณ คือหลุดพ้นทุกข์ เข้าสู่พระนิพพาน
    ดังนั้นการฝึกอบรมจิต จิตที่อาศัยอยู่โดยสันโดษแล้วด้วยความสงบ จึงเป็นจิตที่เราท่านทั้งหลายควรก้าวไปให้ถึงและรักษาความสงบนี้ไว้ให้สืบเนื่องยิ่งๆขึ้นไปครับ สาธุ
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==================

    ขออนุโมทนาในบุญบารมีที่ท่านสร้างและสั่งสมเช่นกันครับ

    และขอให้ผลบุญ คุณความดี บารมีธรรมทั้งหลายจึงเกิดมีแก่ท่านสำเร็จ สมปราถนาทุกประการด้วยครับ สาธุ
     
  11. leklek23

    leklek23 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +24
    ดิฉันส่งข้อความไปทาง pm. ขอรบกวนคุณก้องด้วยนะคะ
    ขอบพระคุณมากค่ะ
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ปัญหา ในชีวิต คือบทเรียน ของชีวิต ทุกปัญหา มีทางแก้ไข ปัญหาใดที่แก้ไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนวิธีคิดแบบคิดนอกกรอบ หรือเปลี่ยนมุมมอง มันอาจจะเป็นปัญหาที่ไม่ใช่ปัญหา แต่มันอาจจะเป็นความไม่ได้ดังปราถนาหรือเปล่า ให้ทบทวนให้ถี่ถ้วนเพื่อความไม่หลงผิด จะได้คิดหาทางแก้ให้ถูกต้องต่อไป
    หรือหากมันคือปัญหาจริงๆ ก็จง อย่าท้อแท้กับปัญหาที่เข้ามาในชีวิต ปัญหาทุกปัญหา ย่อมมีทั้งส่วนดีและส่วนไม่ดี
    หลายครั้งปัญหาก็เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส ถ้าเราสามารถแก้ไขมันได้ จงเข้มแข็งและไม่ย้อท้อหรือแม้จะท้อแท้บ้าง แต่จงอย่าท้อถอย หรือล้มเลิก
    แต่จงมีสติ และพยายามคิดพยายามแก้ไขปัญหาต่างๆให้จงได้ ปัญหาที่เกิด มันก็มีสองส่วนคือ เกิดจากตัวเราเอง และเกิดจากปัจจัยภายนอกที่ไม่ใช่ตัวเรา ปัญหาต่างๆที่เกิด ไม่ว่าจะเกิดจากส่วนใด มันก็เป็นไปตามปัจจัยทั้งภายนอกและภายในที่ไม่สามารถควบคุมได้
    แท้จริงปัญหาคืออะไร ปัญหาแท้จริงก็คือความไม่สอดคล้องหรือความไม่ได้ดังสิ่งที่ปราถนา หรือเป้าหมายที่ต้องการ มันจึงเกิดเป็นปัญหาขึ้น
    การจะทำทุกสิ่งให้ได้ดังเป้าหมายที่เราต้องการหรือกำหนด จึงต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลปะ ขอให้อดทนและพยายามทำให้เต็มที่ ขอให้กำลังใจทุกๆท่านขอให้ผ่านพ้นอุปสรรค์และปัญหาต่างๆไปได้ด้วยดีครับ ธรรมสวัสดีครับ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    คนเรามีดีมีชั่ว ประดุจน้ำค้างมีชื้นมีแห้ง
    น้ำทะเลมีขึ้นมีลง ประดุจชีวิตคนขึ้นลงไม่แน่นอน
    ภูผายิ่งใหญ่สูงเทียมฟ้าขนาดไหน ยังไม่สูงเท่ายอดหญ้าบนภูผา
    ท้องฟ้ายังมีแปรปรวน จิตใจคนย่อมมีปรวนแปร
    ท้องฟ้ายังมีคลื่นลมและพายุ ชีวิตคนเราจึงย่อมมีอุปสรรค์
    ภูเขาสายน้ำทอดยาวสุดสายตาไม่อาจมองเห็นได้ชัด เพียงเพราะเส้นผมแค่หนึ่งเส้นปิดบัง
    หมอกควันปกคลุมผิวน้ำให้มืดมัวได้ฉันใด อันความชั่วย่อมปกคลุมใจให้มืดมัวได้ฉันนั้น
    ชัยชนะในสงครามไม่ใช่เพราะรบชนะ แต่เป็นเพราะการชนะใจตนคือได้ทำหน้าที่อย่างสมเกียรติยศของตนในการรบแล้วนั่นเอง
    ที่มา จากครั้งหนึ่งที่ได้ชม หนัง สามก๊กครับ
     
  14. ต้น อิสระ

    ต้น อิสระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +52
    ขอขอบพระคุณ คุณ tjs มากครับ
    ผมได้รับคำตอบแล้วครับ
     
  15. leklek23

    leklek23 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +24
    กราบขอบพระคุณ คุณก้องมากๆ ค่ะ
    ดิฉันได้รับคำตอบแล้วค่ะ จะปฏิบัติตามที่คุณก้องแนะนำค่ะ

    ขอรบกวนถามเรื่องบ้านเพิ่มเติม โดยส่งข้อความ PMไปแล้วค่ะ
    ขอบพระคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2015
  16. หญิงท้วม

    หญิงท้วม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2013
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +37
    5.คุณเคยบอกว่าปีนี้ทั้งดีและไม่ดี จะไม่สุขมากนัก หนูพบว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ
    คุณเคยแนะนำให้ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ หนูไม่เข้าใจว่าทำอย่างไรค่ะ ขอให้ช่วยอธิบายได้มั้ยคะ
     
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =================

    การสะเดาะเคราะห์ หมายถึงการแก้ไขกรรมที่ไม่ดีของตนที่กำลังให้ผลแก่ชีวิตของตนในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้

    การแก้ไข หมายความเฉพาะการประคับประคอง ตัดทอน ให้กรรมทุเลาเบาลง นั่นหมายถึงเราไม่สามารถลบหรือกำจัดมันออกไปได้หมด เพราะกรรมมันจะต้องให้ผลตามเหตุปัจจัยของมันเมื่อถึงวาระ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงหลีกหนีได้พ้น

    การแก้ไขหรือสะเดาะห์เคราะห์ จึงหมายถึงการสร้างความดี เพื่อไปค้ำหนุนคำ้ชูให้กรรมที่ไม่ดี ทุเลาเบาลง ทำให้เราได้รับความทุกข์ น้อยลงนั่นเอง

    การทำความดี มีส่วนช่วยให้ชะตาชีวิตดีขึ้นเพราะ
    1 ความดีในปัจจุบัน จะช่วยให้เรามีกำลังใจที่ดีขึ้น
    2 บุญจะช่วยให้เทพพรหม ช่วยรักษา
    3 ผลบุญช่วยให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรมและลงโทษหรือเบียดเบียนเราน้อยลง
    4 เทวดาที่รักษาเรามีพลังบุญเพิ่มขึ้นจึงมีอำนาจในการช่วยเหลือเราได้มากขึ้น
    5 ผลบุญแห่งความดีช่วยเปลี่ยนแปลงหรือเข้ามาแทรกทำให้กรรมเก่าไม่ดีบางส่วนไม่สามารถเข้ามาแทรกแทรงให้ผล ได้

    เป็นต้น

    การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา จึงหมายถึงการทำความดี การทำความดีเพื่อแก้ไข นั้น จะแก้ไขได้ดี ก็ย่อมต้องทำความดีให้มากหรือให้สมแก่เหตุ
    ปกติ ย่อมหมายรวมว่า
    1ให้ทำบุญทาน ปล่อยปลาปล่อยสัตว์ให้ทานชีวิตสัตว์ เหมือนให้เขาได้หลุดพ้นทุกข์ ตลอดจนการไม่ทานเนื้อวัว สัตว์ใหญ่ หรือการถือมังสะวิรัติ และเจ ย่อมส่งผลให้ตนหลุดพ้นทุกข์นั้นๆ
    2 ให้ทานผู้พิการ คนแก่เด็ก ที่ลำบาก ให้เขาพ้นทุกข์ชั่วขณะ มีผลคือให้เราพ้นทุกข์ชั่วขณะ
    3 ให้ทำบุญให้ทานศพไร้ญาติ เพื่อช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากขัดสน มีผลให้เรา ไม่ขัดสน จะมั่งมีศรีสุข
    4ให้ถือศีล ผลคือให้เรารอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง
    5ให้ถวายพระพุทธรูป ผลคือ เจ้ากรรมอโหสิกรรม และพ่ายแพ้ต่ออำนาจของพุทธคุณ และทำให้เรามีกายใจที่ไม่มืดบอด มีแสงสว่างมีราศรีงดงาม
    6 ให้ถวายผ้าป่า หรือกฐิน เพราะมีผลคือ โภคทรัพย์ทิพยสมบัติจะบังเกิดแก่เจ้ากรรมและเทวดา มีผลให้ตนมั่งมีธนสารสมบัติทุกประการ
    7ให้สวดมนต์ เพราะเจ้ากรรมไม่กล้าเบียดเบียน เจ้ากรรมและเทวดาร่วมอนูโมทนาและอโหสิกรรมและยินดี
    8 ให้ภาวนา เพราะเกิดแสงสว่างภายในเจ้ากรรมอโหสิกรรมอนุโมทนาเทพพรหมต่างอำนวยพร อนุโมทนายินดี มีผลคือยกกาย จิต สูงขึ้นไม่ตกต่ำ มีปัญญาหรือกรรม ชนะกรรมหลุดพ้นทุกข์โดยสิ้นซาก ภาวนามีกำลังมากหนุนส่งกายจิต หลุดพ้นห่างไกลกรรมเก่าที่ไม่ดีในที่สุดครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2015
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    การแก้ไขกรรม หากท่านพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็จะทราบว่า แท้จริงคือการทำความดีนานาวิธี นั่นเอง ท่านอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เงินทองอะไรมากมาย แต่สิ่งที่ท่านต้องใช้ให้มาก คือการมีดวงตา มีจิตใจ ที่ดี สำนึกในบาปกรรม มุ่งมั่นในการทำความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ผลแห่งความดีย่อมให้ผลที่ดีแก่ผู้ทำดีเสมอไม่เป็นอื่นครับ
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ขออนุญาตินำมาเผยแผ่เป็นธรรมทานครับ สาธุ
    =======================
    ถามเรื่องการอุทิศบุญหน่อยค่ะ ได้ดูและฟัง จากหลาย ๆท่าน เรื่องการอุทิศบุญ
    บางคนบอกว่า เราสามารถเบิกบุญมาอุทิศได้ตลอดเวลา ทั้งวัน แจกจ่ายให้ทั่วได้ บุญไม่มีหมด เหมือนเรามีเทียนแล้วต่อแสงเทียนให้คนอื่นสว่างไปทั่ว เทียนเราก็ยังไม่ดับไป
    วรรคนี้ขออธิบายว่า มันก็จริง คนเราทุกคนต่างเวียนว่ายตายเกิดมานับครั้งไม่ถ้วน ได้สั่งสมทั้บุญและบาปมามากมาย บุญที่สร้างไว้มากมายจึงถูกเก็บไว้ในทิพย์วิมานของตน ปัญหาคือ เราจะเบิกบุญ เหมือนเบิกเงินในธนาคารได้ไหม ขออธิบายว่า มันทำได้ ตามเงื่อนไขของมัน ทุกอย่างมีกฏของธรรมชาติของมันเสมอ
    1 บุญกุศลที่เราจดจำได้ในชาตินี้ที่เราทำไว้ เมื่อเราระลึกนึกถึงเมื่อเรา ปิติสุขเกิดพลังบุญย่อมเกิดทันที ย่อมแผ่อุทิศให้ได้ทันทีไม่มีจำกัด
    2 บุญกุศลใดๆที่เราจำไม่ได้นึกไม่ออก แล้วจะพูดแบบรวมนึกเอาเอง แล้วปิติสุขมันจะเกิดได้อย่างไร แล้วจะเอาพลังบุญที่ไหนไปแผ่อุทิศให้ผู้อื่น มันเหมือนหลอกตนเอง หลอกคนอื่น เมื่อไม่มีอะไรมายืนยัน แม้ตนเองยังยืนยันอะไรไม่ได้นึกไม่ออก ใครที่ไหนเขาจะให้ถอนบุญ เบิกบุญออกมาละ การแผ่อุทิศบุญจึงทำไม่ได้
    3จากข้อ2 ให้เปลี่ยนวิธี คือในยามฉุกเฉินนี้ เมื่อเรานึกอะไรจำอะไรไม่ได้ แต่เรามั่นใจว่าเราต้องได้เคยสร้างบุญกุศลความดี เมื่อเป็นแบบนี้ ให้ขออำนาจพระศรีรัตนตรัยให้ช่วยเบิกบุญ ทำให้เกิดอานุภาพเปิดทิพยสมบัติ และด้วยอานุภาพแห่งพระศรีรัตนตรัย ก็จะเกิดกำลังใจ เกิดกำลังบุญในอดีตปรากฏเป็นแสงสว่างทันที เมื่อนั้นเมื่อจิตมีกำลัง บุญปรากฏเพราะเชื่อมั่นในอานุภาพแห่งพระศรีรัตนะ เมื่อนั้นพลังแห่งบุญก็ปรากฏ ย่อมสามารถอุทิศออกไปให้จิตวิญญาณอื่นๆทั้งหลายได้ทันทีครับ

    แต่อีกคนบอกว่า อุทิศบุญให้ทำภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่ทำบุญและให้อุทิศให้เฉพาะเจาะจง ไม่ให้กระจาย เพราะบุญมีจำกัดเหมือนข้าวจานเดียว แบ่งเยอะ จะไม่อิ่ม
    แล้วก็เบิกบุญก็เหมือนการเบิกเงินในธนาคาร มีหมดไป
    ==========
    ความจริงก็คล้ายๆแต่ไม่เหมือน คือบุญเมื่อเราทำไว้แล้ว เมื่อเราระลึกถึง ความปิติสุขย่อมบังเกิด นั่นแหละคือพลังบุญ ให้เรารีบอุทิศออกไปได้ทันที ตามที่อธิบายมาข้างบน ดังนั้นไม่ว่าจะนานแค่ไหน ถ้าเราจำได้เรารู้แจ้งในความดีที่เราทำมันจึงเป็นกำลังของจิตที่ยิ่งใหญ่ที่ฝังลึกอยู่ในจิตเรา จะเบิกจะเอาออกมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ไม่มีวันหมด
    แต่ปัญหาคือ บุญอันใดก็ตามที่ตนนึกไม่ได้ จำไม่ได้ไม่รู้ในความดีงามที่ตนเคยทำไว้ การจะดึงบุญส่วนนี้มาจึงไม่สามารถทำได้ทันที เพราะจิตไม่มีกำลัง แต่เมื่อใดที่เราขออำนาจของพระศรีรัตนตรัย เมื่อนั้นก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องรู้หรือนึกได้ เมื่อนั้นจิตอาศัยพลังจากคุณพระศรีรัตนตรัย เมื่อนั้นจึงเกิดอานุภาพปิติสุขพลังบุญย่อมปรากฏจึงสามารถแผ่อุทิศบุญได้

    กรณีการอาศัยขออำนาจของพระศรีรัตนตรัย จิตต้องมีพลังเป็นพื้นฐานคือ กำลังศีลและภาวนา หากท่านมีจิตใจไม่สะอาดผิดศีล ไม่มีสมาธิ ท่านก็ไม่สามารถขออำนาจพระศรีรัตนตรัยเบิกบุญเหล่านั้นได้ เพราะจิตท่านต่ำนั่นเอง ต้องระวังเรื่องนี้ด้วย


    ที่ดิฉันทำอยู่ทุกวันนี้ คือ ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โปรดบันดาลบุญข้าพเจ้า ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ทำเรื่อย ๆทั้งวันเมื่อนึกได้
    ไม่ทราบว่าถูกหรือเปล่าค่ะ
    =============
    กรณีแบบนี้ เป็นลักษณะการแผ่พลังบุญ เท่าที่เรามีสติระลึกได้ ถือว่าดีมากครับ คือระลึกถึงเสมอ ปราถนาให้เขาพ้นทุกข์ ด้วยจิตที่ดีงามเช่นนี้ย่อมเกิดเป็นกำลังบุญเพราะเจตนาดี เมื่อนั้นเขาก็จะได้รับเสมอ เหมือนแสงไฟที่ติดๆดับๆ แต่ถ้าติดถี่ๆก็จะสว่างได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง ย่อมยังประโยชน์สุขให้แก่ผู้อื่นได้
    อนึ่งบุญกุศล ความดีมีมากมายเหลือเกินถ้าท่านเจตนาทำไว้ดีแล้ว เช่นการทำอาหารให้คนในครอบครัวรับประทานก็เป็นบุญ การทำงานเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาผู้อื่นก็เป็นบุญ การทำงานทำหน้าที่ต่างๆทำให้ผู้อื่นสุขสบายก็เป็นบุญ การดูแลบิดารมารดาป้อนข้าวป้อนน้ำก็เป็นมหาบุญ เยอะแยะมากมาย ทุกความดีที่ท่านทำแล้ว มีอานิสงค์คือปิติสุขคือบุญ ย่อมแผ่อุทิศให้ผู้อื่นได้เสมอครับ




     
  20. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    คุณtis คะ ช่วงนี้ดิฉันพยายามทำสมาธิปล่อยวางเพื่อต้องการให้ตนเองต้องหลุดพ้นจากความทุกข์ แต่มันเหมือนว่ายิ่งปล่อยวางปัญหามันรุมเร้าเข้ามาอยู่เรื่อยๆทำให้บางครั้งต้องหยุดสวดมนต์เพราะกำลังใจมันผ่อ มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ดิฉันทุกข์มาก คือดิฉันมีหนี้ที่น้องยืมมาให้ที่จะต้องใช้ให้ได้ไม่เกินสิ้นปี แต่ก็หาทางไหนไม่ได้นอกจากขายสวนประกาศขายมานานแล้วก็เหมือนจะมีคนมาซื้อแล้วก็เงียบไป จากเมื่อก่อนดิฉันเคยช่วยเหลือน้องคนนี้มาเมื่อยามเขาลำบาก โดยไม่มีการใช้คืนซึ่งดิฉันไม่เรียกคืนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดิฉันแย่เขาเข้ามาช่วย ดิฉันก็รู้ว่าเขาเอาของคนอื่นมา แต่ตอนนี้คำพูดคำจาเขาทำให้ดิฉันกลายเป็นคนไม่ดีสำหรับเขา คุณทิศว่าดิฉันจะหาให้เขาทันภายในเดือนนี้หรือไม่คะ แต่เรื่องดอกก็จ่ายทุกเดือนอยู่แล้ว แต่เขาจะเอาเงินต้นคืน มันทำให้นอนไม่หลับแม้จะสวดมนต์อยู่ทุกวันต้องพึ่งยานอนหลับ ดิฉันพยายามไม่ทำให้จิตว่างบางครั้งก็สวดอิติปิโสไปเรื่อยๆ แต่พอนึกว่าเราต้องพยายามหาใช้คืนเขาให้ได้มันก็เครียด คุณคืดว่าดิฉันพอจะมีโอกาสได้หลุดพ้นหนี้สินก้อนนี้ไหมคะขอขอบพระคุณคุณล่วงหน้านะคะ ดิฉันไม่รู้จะระบายกับใครขอโทษด้วยนะคะที่รบกวน
    เห็นคุณทิศสามารถหยั่งรู้ณาญได้ช่วยดูให้ดิฉันหน่อยนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...