ติดตามสถานะการณ์

Jean M. Henning ได้แชร์รูปภาพของ วาทะเด็ด ประเทศไทย



อาหารกลางวันแตกต่างกันขนาดไหน
ระหว่าง เด็กชาวโรฮีนจา กับ เด็กไทย ผู้รับได้กินดีอยู่ดี แต่ผู้ให้กลับไม่มีอะไรจะกิน
ได้โปรดอย่า " มนุษยธรรม " กับผู้อื่นมากไป จนลืมเด็กไทยในถิ่นทุรกันดาร

 

เพื่อนท่านใดที่โพสท์ข่าว บังยี" โดนจับ ลบโพสต์นั้นทิ้ง และอย่าแชร์ต่อครับ

"บังยี" ยันไม่โดนจับ ฟ้องสื่อบิดเบือน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤษภาคม 2558 14:17 น.




"บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยันผ่าน ไทยรัฐทีวี ว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ ตำรวจบุกรวบ 6 เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฟีฟา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา(27 พ.ค.) พร้อมขู่ผู้ที่เสนอข่าวว่าตนถูกจับ

หลังจากที่มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสากล บุกจับกุมเจ้าหน้าที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟา) จำนวน 6 ราย ในข้อหาเป็นผู้ต้องสงสัยการคอร์รัปชัน พร้อมเตรียมส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ล่าสุด "Thairath_News" ได้ทวิตข้อความเมื่อเวลา 14.20 น. ตามเวลาไทย ว่า ไม่โดน! นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยันกับทีมข่าวไทยรัฐ ไม่ได้โดนจับที่สวิตเซอร์แลนด์ ตามที่เป็นข่าว และ 'บังยี' บอกทีมข่าวไทยรัฐทีวีว่า ตัวเองไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับใครที่เสนอข่าวว่าตนถูกจับและไม่ตรวจสอบ จะดำเนินการฟ้องร้อง

 

สุดระทึก! สิงคโปร์แอร์ไลน์ส “เครื่องดับกลางอากาศ” พาผู้โดยสารทิ้งดิ่ง “13,000 ฟุต” ก่อนนักบินกู้สถานการณ์ทัน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤษภาคม 2558 13:34 น.



@เครื่องบินแอร์บัส A330-300 ของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ส (แฟ้มภาพ)

เอเอฟพี – เครื่องบินแอร์บัส A330-300 ของสิงคโปร์แอร์ไลน์ส เผชิญปัญหาเครื่องยนต์ทั้งคู่ดับกลางอากาศระหว่างเดินทางสู่นครเซี่ยงไฮ้ ส่งผลให้เครื่องลดระดับลงมาถึง 13,000 ฟุต ก่อนที่นักบินจะสามารถกู้สถานการณ์ได้ทันและพาผู้โดยสารถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ขณะที่สิงคโปร์แอร์ไลน์สได้ตั้งทีมสอบสวนเพื่อหาต้นตอของเหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งนี้แล้ว

สิงคโปร์แอร์ไลน์ส แถลงในวันนี้(27 พ.ค.)ว่า เครื่องบินแอร์บัส A330-300 ซึ่งพาผู้โดยสาร 182 คนและลูกเรือ 12 คนเดินทางไปยังเซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 23 พ.ค. เผชิญสภาพอากาศเลวร้ายขณะบินอยู่ที่ความสูง 39,000 ฟุต หลังออกจากสนามบินนานาชาติชางงีไปแล้วประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง

“เครื่องยนต์ทั้งคู่เกิดดับลงชั่วคราว นักบินผู้ควบคุมจึงปฏิบัติตามขั้นตอนฉุกเฉิน จนสามารถกู้เครื่องยนต์ให้กลับมาทำงานตามปกติได้”

“เที่ยวบินดังกล่าวได้เดินทางต่อไปจนถึงนครเซี่ยงไฮ้ และลงจอดอย่างปลอดภัยเมื่อเวลา 22.56 น. ตามเวลาท้องถิ่น”

สายการบินระบุว่า เครื่องยนต์โรลส์รอยซ์ทั้ง 2 ตัวของแอร์บัสลำนี้ “ถูกตรวจสอบทันทีที่ไปถึงเซี่ยงไฮ้ แต่ไม่พบความผิดปกติใดๆ... ขณะนี้เราได้ขอคำปรึกษาจากผู้ผลิตเครื่องยนต์โรลส์รอยซ์ และแอร์บัสแล้ว”

เว็บไซต์ติดตามเที่ยวบิน Flightradar24 ได้ทวีตข่าวเมื่อค่ำวานนี้ (26) ว่า เที่ยวบิน SQ836 “ประสบปัญหาเครื่องยนต์ดับทั้งคู่ ทำให้เครื่องบินทิ้งดิ่งลงมา 13,000 ฟุต ก่อนที่เครื่องยนต์จะกลับมาเดินเป็นปกติ” และต่อมาได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า เครื่องยนต์ดับระหว่าง “บินฝ่าพายุลูกใหญ่... ขณะอยู่ที่ความสูงสำหรับการเดินทางตามปกติ (cruise altitude)” โดยจุดเกิดเหตุอยู่นอกชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของจีน

สิงคโปร์แอร์ไลน์สซึ่งเป็นสายการบินใหญ่อันดับ 3 ของเอเชียตามมูลค่าตลาด มีฝูงบินแอร์บัส A330-300 อยู่ทั้งสิ้น 29 ลำในปัจจุบัน และยังมีเครื่องบินรุ่นซูเปอร์จัมโบ้อย่าง แอร์บัส A380-800 อีก 19 ลำ

 

อิสราเอลใช้มิสไซล์ถล่มกาซ่าหลังจากโดนจรวดโจมตีทางใต้ของประเทศ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤษภาคม 2558 14:13 น.



เอเอฟพี – กองทัพอากาศอิสราเอลใช้จรวด 4 ลูกโจมตีเป้าหมายกลุ่มติดอาวุธที่ฉนวนกาซ่าในช่วงเช้าวันพุธ(27) ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่โดนโจมตีทางใต้ของอิสราเอล

เป้าหมายการโจมตีของอิสราเอลอยู่ที่ค่ายฝึกกลุ่มติดอาวุธในราฟาห์ (Rafah) คานยูนิส (Khan Yunis) และกาซ่า พยานในเหตุการณ์ที่ฉนวนกาซ่าเผย อย่างไรก็ตามยังไม่ปรากฏถึงการสูญเสีย

ทั้งนี้เอเอฟพีรายงานว่า ในช่วงดึกวันอังคาร(26) มีจรวดยิงออกมาจากฝั่งกาซ่าข้ามไปยังทางใต้ของอิสราเอล แต่ไม่ปรากฏรายงานความเสียหาย

ซึ่งทางกองทัพอิสราเอลรายงานว่า การโจมตีของกองทัพยิวในเช้าวานนี้(26)ตรงเข้าเป้าหมายฐานของกลุ่มติดอาวุธ 4 แห่ง รวมไปถึงบริเวณฉนวนกาซ่า เพื่อตอบโต้กับสิ่งที่ติดอาวุธปาเลสไตน์ได้ทำไว้ “จากความจริงที่ดินแดนฮามาสถูกใช้เป็นที่ตั้งโจมตีอิสราเอลนั้นถือเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ และจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม” โฆษกกองทัพอิสราเอลแถลง

อย่างไรก็ตาม กลุ่มติดอาวุธฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซ่าโดยพฤตินัยยังไม่ออกมาประกาศความรับผิดชอบในเรื่องนี้

การโจมตีในคืนวันอังคาร(26)จากฉนวนกาซ่าถือเป็นการยิงครั้งที่ 3 นับตั้งแต่มีสัญญาหยุดยิงเกิดขึ้นหลังจากมีการปะทะมาอย่างต่อเนื่องนานราว 50 วันในช่วงหน้าร้อนปี 2014 ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 2,200 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือนชาวกาซา และในส่วนอิสราเอลมีผู้เสียชีวิต 73 คน ส่วนใหญ่เป็นทหาร

 

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียเตรียมจัดซ้อมรบ Indra Navy-2015 ร่วมกับอินเดียในเอเซีย 1-4 มิ.ย.58



------------
ช่วงนี้ประเทศมหาอำนาจเขาขยันซ้อมรบแข่งกันจริงๆ มาดูอีกแห่งหนึ่งบ้าง เมื่อวานนี้สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่าโฆษกมณฑลทหารตะวันออกของรัสเซียแถลงข่าวว่ารัสเซียกับอินเดียจะจัดซ้อมรบทางทะเลร่วมกันประจำปี 2015 ภายใต้ปฏิบัติการ "Indra Navy-2015" ในพื้นที่ Vladivostok ทะเลญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนจีน-เกาหลีเหนือ-รัสเซีย ระหว่างวันที่ 1-4 มิถุนายนนี้
ปฏิบัติการซ้อมรบระหว่างรัสเซียกับอินเดียได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2003 โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว รัสเซียกับอินเดียก็ได้จัดซ้อมรบ Indra-2014 ขึ้นที่ทะเลญี่ปุ่นเช่นกัน โดยการซ้อมรบดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติงานร่วมกันทางทะเลของกองทัพทั้งสองประเทศ และเพื่อศักยภาพในการรับมือกับภัยคุกคามทางทะเลให้กับทั้งสองประเทศด้วย
รายงานบอกว่าระหว่างซ้อมรบนี้กองเรือรบของรัสเซียกับของอินเดียจะมีการฝึกซ้อมประลองยุทธ์กันด้วย รวมถึงการฝึกยิงปืนใหญ่และขีปนาวุธ และการนำเฮลิค็อปเตอร์ลงจอดบนดาดฟ้าด้วย
The Eyes
28/05/2558
----------
Russia, India to Conduct Joint Naval Drills / Sputnik International
Russia Proposes India to Increase Scale of Joint Military Drills / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
ผบ.ทอ.ของสหรัฐฯกล่าวว่ากองทัพอากาศของรัสเซียกับจีนกำลังจะแซงหน้าสหรัฐฯภายใน 3-5 ปีนี้



------------
เมื่อวันที่ 26 พ.ค.58 ที่ผ่านมา สำนักข่าว sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า นายพล Mark Welsh ผู้บัญชาการกองทัพอากาศของสหรัฐฯได้กล่าวในระหว่างเยี่ยมฐานทัพอากาศที่ Langley ของสหรัฐฯอย่างเป็นทางการว่า "จีนกับรัสเซียถือว่าเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในหลายประเทศที่จะมีเครื่องบินรบสมรรถนะสูงในภายใน 3-5 ปีข้างหน้านี้ เมื่อหลายสิบประเทศทั่วโลกเริ่มหันมานิยมใช้เครื่องบินรบระดับ top-end fighters ของรัสเซียกับของจีนมากขึ้นในอนาคต สหรัฐฯใช้เวลาเกือบสามเท่าของจีนและเจ็ดเท่าของรัสเซีย (ถึงจะตามทัน?)"
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของรายงานว่า มีภัยคุกคามทางสงครามที่กำลังจะมาถึงระหว่างสองประเทศ เว้นเสียแต่กรุงวอชิงตันจะหยุดออกมาเรียกร้องให้กรุงปักกิ่งหยุดโครงการก่อสร้าง (สนามบิน) ในทะเลจีนใต้
บทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์ The Global Times ซึ่งอยู่ในเครือของหนังสือพิมพ์ People’s Daily ของรัฐบาลจีนกล่าวว่า "หากสหรัฐฯกำหนดเส้นตายเอาไว้ว่าจีนจะต้องหยุดกิจกรรมของตน ดังนั้นสงครามระหว่างสหรัฐฯกับจีนในทะเลจีนใต้เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (a US-China war is inevitable in the South China Sea)"
ไหนๆก็พูดถึงเรื่องจีนกับสหรัฐฯแล้ว ถ้าขาดรัสเซียไปรสชาติคงจะกร่อยไปสักนิด ดังนั้นขอเพิ่มอีกข่าวหนึ่งนะครับ วันที่ 27 พ.ค.58 Sputnik news พาดหัวข่าวเรื่องหนึ่งว่า "นายกฯเมดเวเดฟ: รัสเซียทบทวนความสัมพันธ์กับอียูและสหรัฐฯท่ามกลางความร่วมมือกับจีน" (คำว่า "ทบทวน/พิจารณาตรวจสอบ" ในที่นี้สื่อฯเขาใช้คำว่า "review" ซึ่งในทางการเมืองหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้วให้ความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะเป็นบวกสักเท่าไรนัก ไม่ใช่ทบทวนเพื่อทำให้ดีขึ้นหรือกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น แต่หมายถึงทบทวนว่าจะเอายังไงดีกับมันหว่า? ประมาณนี้อ่ะ)
ตามรายงานข่าว นายกฯ Medvedev ของรัสเซียกล่าวในที่ประชุม international law forum ที่กรุงเซ้นต์ปีเตอร์สเบิร์กว่า กรุงมอสโคว์มุ่งพัฒนาความสัมพันธ์กับกรุงปักกิ่งและเริ่มดำเนินการเชื่อมต่อโครงการเส้นทางสายไหมของจีนเข้ากับโครงการเขตการค้าเสรียูเรเซียของรัสเซีย
Medvedev กล่าวตอนหนึ่งว่า "นี่ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่เป็นบวก และมันทำให้เรามีการทบทวนว่าความสัมพันธ์ของพวกเรากับกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆว่าควรจะเป็นอย่างไร ตั้งแต่ปีที่แล้วซึ่งเต็มไปด้วยมุมมองทางกฎหมายที่เกี่ยวกับชีวิตภายใต้สิ่งที่เรียกว่าแซงชั่น"
ในช่วงที่สหรัฐฯและยุโรปแซงชั่นรัสเซียนั้น กรุงมอสโคว์ได้ก้าวขึ้นมากระชับความสัมพันธ์กับกรุงปักกิ่งทั้งด้านพลังงาน การป้องกันประเทศ โดยทั้งสองประเทศได้ลงนามข้อตกลงในเรื่องพลังงานที่มีมูลค่ามหาศาล และจัดการฝึกซ้อมทางกองทัพร่วมกันด้วย นายกฯรัสเซียกล่าวว่าการที่รัสเซียจะขยายหรือจะยกเลิกแซงชั่นต่อตะวันตกนั้นขึ้นอยู่ทิศทางที่เหมาะสมที่ตะวันตกได้ทำต่อรัสเซีย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมาสำนักงานข่าวสารข้อมูลรัฐสภาของจีนได้เผยแพร่เอกสารยาวประมาณ 9,000 คำซึ่งมีเนื้อโดยย่อพูดถึงการกำหนดยุทธศาสตร์ทางทหารของจีนเกี่ยวกับความการป้องกันประเทศเพื่อรักษาความปลอดภัยการพัฒนาโดยสันติของจีน โดยอนุญาตให้จีนสามารถกำหนดนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระและพร้อมที่จะเผชิญกับภัยคุกคามทั่วโลกได้ ซึ่งรวมถึงลัทธิการใช้อำนาจเป็นใหญ่ (hegemonism) และลัทธิการแทรกแซงสมัยใหม่ (neo-interventionism) ด้วย
แม้จีนจะไม่ได้เอ่ยถึงประเทศใดที่จัดอยู่ในคำนิยามของทั้งสองคำนี้ แต่สังเกตได้จากท่าทีที่ก้าวร้าวและยั่วยุของอเมริกาในทะเลจีนใต้ โดยสรหัฐฯพยายามยุแหย่ให้บางประเทศในเอเซียเกิดความผิดใจกันกับจีนอยู่บ่อยๆ รวมทั้งสิ่งที่จีนเรียกว่า "ปฏิวัติสีกองกำลังต่อต้านจีน" ซึ่งมีความพยายามเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในจีนและดินแดนใต้การปกครองของจีนอย่างฮ่งกงและไต้หวัน จีนมองว่าสิ่งเหล่านี้คือการท้าทายต่อความมั่นคงของชาติและความมีเสถียรภาพของสังคมในประเทศจีนด้วย ดังนั้นทั้งสองคำนี้จึงน่าจะเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างไปยังสหรัฐฯ อียู และญี่ปุ่นด้วย และเมื่อเร็วๆนี้ก็มีข่าวจากทางจีนว่า จีนกำลังจะขยายบทบาททางกองทัพของตนเข้าสู่น่านน้ำสากลด้วย เหตุผลก็คงจะคล้ายๆกับของสหรัฐฯที่มีอยู่ทั่วมหาสมุทรในทุกมุมโลกว่าเพื่อความมั่นคงและปลอดภัยจากภัยคุกคามสารพัดอย่างที่สหรัฐฯจะยกมาเป็นข้ออ้างในการขยายอิทธิพลทางการทหารของตนซึ่งมีมากกว่าของฮิตเลอร์ในอดีตหลายเท่านัก งานนี้จีนก็เลยเล่นเกลือจิ้มเกลือดูบ้าง
The Eyes
28/05/2558
----------
Russia, China Air Military Influence to Exceed US in Future / Sputnik International
Medvedev: Russia Reviews Relations With EU, US Amid Cooperation With China / Sputnik International
China Maps Out 'Active Defense' Military Strategy Aimed Against Hegemonism / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช

อียิปต์ขอเข้าร่วม EEU กับรัสเซีย



------------
เมื่อวานนี้พึ่งรายงานข่าวไปว่าเวียตนามเข้าร่วมเป็นสมาชิกในเขตการค้าเสรียูเรเซียที่นำโดยรัสเซียและอีก 4 ประเทศ วันนี้ (27 พ.ค.58) รัสเซียมีข่าวดีมาบอกอีกแล้วว่า ทางรัฐบาลของอียิปต์ได้ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการถึงรัสเซียเพื่อขอเข้าร่วมในเขตการค้าเสรี Eurasian Economic Union (EEU) เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งประเทศด้วย
โดยนาย Denis Manturov รมว.อุตสาหกรรมและการค้าของรัสเซียแถลงข่าวต่อสถานีโทรทัศน์ Rossiya-24 ของรัสเซียวันนี้เองว่า "รัสเซียได้รับคำร้องขออย่างเป็นทางการจากอียิปต์แล้ว วันนี้พวกเราได้รับสำเนาคำร้องขอดังกล่าวเพื่อที่จะศึกษาและให้ความช่วยเหลืออียิปต์ตามคำร้องขอที่ได้ยื่นมานั้น โดยทางรัสเซียก็มีความสนใจด้วยเช่นกัน"
จำได้ว่าตอนที่นายกฯ ดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซียเดินทางมาเข้าพบรัฐบาลไทยและได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในทุกด้านนั้น ทางรัสเซียได้จีบไทยให้เข้าร่วมเขตเศรษฐกิจพิเศษยูเรเซียด้วยเช่นกัน ส่วนทางไทยบอกว่ากำลังศึกษาอยู่ แต่ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ทำไมเวียตนามถึงเข้าร่วม EEU กับรัสเซีย? เวียตนามนั้นถือว่าเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของรัสเซียรายหนึ่งทีเดียว แต่รู้สึกว่าจะน้อยกว่าไทยอยู่นะ ส่วนมากรัสเซียจะไปลงทุนในเวียตนามและเวียตนามจะซื้ออาวุธจากรัสเซีย ถ้าซื้ออย่างเดียวก็จะทำให้เวียตนามขาดดุลการค้ากับรัสเซียได้ ดังนั้นการเข้าร่วมใน EEU ย่อมเปิดโอกาสให้เวียตนามสามารถระบายสินค้าการเกษตรเช่นข้าว ซึ่งเป็นคู่แข่งกับไทยเข้าไปสู่กลุ่มประเทศยูเรเซียทั้ง 5 ประเทศได้ง่ายขึ้น
ในส่วนของเศรษฐกิจนั้น เวียตนามคบทั้งกลุ่มอเมริกาคือ Trans-Pacific Partnership (TPP) และก็คบกับรัสเซียใน EEU ด้วย เห็นได้ชัดว่าการดำเนินนโยบายด้านการค้าต่างประเทศของเวียตนามก็คล้ายกับของไทยคือไม่เลือกคบฝ่ายในฝ่ายหนึ่งมากเกินไป เป็นการถ่วงดุลอำนาจของชาติมหาอำนาจไปในตัว แต่สิ่งที่เวียตนามน่าจะต้องระวังให้มากก็คือเรื่องสินค้า GMO จากสหรัฐฯนี่แหละ เพราะในอียูและอีกหลายประเทศมีการต่อต้านเรื่องนี้กันมาก แต่ยังไม่เห็นมีประเทศไหนต่อต้าน EEU ของรัสเซียเลย
ส่วนความสัมพันธ์ในแง่เศรษฐกิจและการค้าการลงทุนระหว่างรัสเซียกับอียิปต์นั้น ตอนนี้บอกได้เลยว่าแน่นปึ๊กรัสเซียขายอาวุธหลายรายการให้อียิปต์ รวมทั้งได้โครงการขยายคลองซุเอซ (Suez Canal) ในอียิปต์ด้วย ในขณะเดียวกันทางรัสเซียก็สั่งซื้ออาหารและสินค้าการเกษตรจากอิยิปต์เพิ่มขึ้นในช่วงที่รัสเซียถูกสหรัฐฯและตะวันตกแซงชั่นและรัสเซียก็แซงชั่นประเทศเหล่านั้นกลับแล้วหันไปสั่งซื้อจากอียิปต์เพิ่มขึ้นแทน สหรัฐฯก็ได้แต่นั่งทำตาปริบๆๆ ดูด้วยความอิจฉา เพราะพี่แกเล่นกลั่นแกล้งอียิปต์เพื่อแสดงอำนาจเหนืออียิปต์ก่อน อียิปต์ก็เลยหันมาหารัสเซียซะนี่
The Eyes
26/05/2558
----------
Egypt Asks Russia to Create Free Trade Zone With Eurasian Economic Union / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
นาโต้โวยวายรัสเซียซ้อมรบฉับพลันทำให้นาโต้ตั้งรับไม่ทัน โทษรัสเซียว่าควรมีความโปร่งใสมากกว่านี้



------------
มาอีกแล้วครับท่าน สหรัฐฯกับนาโต้จอมโวยวาย ช่วงนี้กองทัพอากาศของสหัฐฯจัดซ้อมรบร่วมกับนอร์เวย์ ฟินแลนด์ และสวีเดนในคาบสมุทรอาร์กติกขั้วโลกเหนือโดยมีเครื่องบินรบเข้าร่วมฝึกจำนวน 100 ลำตามที่ได้รายงานให้ทราบแล้วในโพสต์ก่อนหน้านี้ ทางรัสเซียเห็นอย่างนั้นรู้ได้เลยว่านี่มันคือการยั่วยุหาเรื่องชวนทะเลาะกันชัดๆนี่ รัสเซียก็เลยแกล้งเล่นตามน้ำบ้าง โดยจัดซ้อมรบขึ้นใกล้ๆอาร์กติกเช่นกันแต่อยู่ในดินแดนของรัสเซีย โดยปูตินได้ออกคำสั่งให้ส่งเครื่องบินรบและเฮลิค็อปเตอร์เกทับไปเลยจำนวน 250 ลำ ทหารและบุคคลากรทางกองทัพอีก 12,000 นาย อุปกรณ์หนักทางทหารอีก 689 รายการ ซึ่งรวมทั้งระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศด้วย โดยจัดซ้อมรบเป็นเวลา 4 วัน ระหว่างวันที่ 25-28 พ.ค.58
งานนี้เล่นเอานาโต้ตั้งรับไม่ทัน ไม่นึกไม่ฝันว่าปูตินจะกล้าเล่นไม้นี้แก้เผ็ดนาโต้นำโดยสหรัฐฯแบบนี้ สหรัฐฯหัวฟัดหัวเหวี่ยงโวยวายลั่นว่ารัสเซียทำงี้ได้ไง ทำไมถึงไม่บอกไม่กล่าวถึงแผนการรบของรัสเซียให้สหรัฐฯได้รู้ล่วงหน้าอย่างละเอียดก่อน แบบนี้มันเอาเปรียบกันชัดๆ จึงส่งนายพล Jens Stoltenberg เลขาฯใหญ่ของนาโต้ออกมาโวยวายแทนว่า "เราขอเรียกร้องให้รัสเซียไม่กระทำการซ้อมรบแบบฉับพลัน (snap drill) แบบนี้ ทุกประเทศมีสิทธิ์ที่จะซ้อมรบให้กับกองทัพของตัวเอง ซึ่งรวมทั้งรัสเซียด้วย แต่พวกเขาควรจะกระทำในวิถีทางที่โปร่งใสและสามารถคาดการณ์ได้มากกว่านี้ (in a more transparent and predictable way) เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด"
ฮ่าๆๆ... เห็นมะกลยุทธ์มันต่างกันจริงๆ เมื่อสหรัฐฯตั้งแผนรับไม่ทันกลศึกของฝั่งรัสเซีย พี่แกก็จะออกอาการงี่เง่าแบบนี้เสมอ ถ้าเผยแผนยุทธศาสตร์และกลยุทธให้ฝ่ายตรงข้ามรู้หมดทุกอย่างแล้วมันจะชนะได้อย่างไรหละครับ ตำรวจจะไปจับโจรนี่จะต้องประกาศให้โจรรู้ล่วงหน้าด้วยหรือว่าจะส่งกำลังไปกี่นาย มีอาวุธอะไรไปบ้าง และจะมีปฏิบัติการเมื่อไร
ที่นาโต้ออกมาโวยวายก็คือต้องการให้รัสเซียเปิดแผนรบทั้งหมดให้นาโต้ทราบโดยอ้างเรื่องความโปร่งใสหละสิ ถ้านาโต้ไม่มาซ้อมรบใกล้ชายแดนรัสเซีย แล้วรัสเซียจะไปยุ่งด้วยทำไม แต่นี่นับวันนาโต้ยี่ขยับเข้าใกล้รัสเซียมากขึ้นทุกวันโดยอ้างซ้อมรบบังหน้า จากนั้นก็ไม่ยอมถอนทัพออกจากพื้นที่ ปูตินรู้ว่าสหรัฐฯจะมาไม้ไหนจึงสกัดได้ทุกทาง วันก่อนรัสเซียก็สั่งห้ามไม่ให้นาโต้ใช้เส้นทางลำเลียงอาวุธผ่านดินแทนของรัสเซียไปยังอัฟกานิสถานมาแล้ว วันนี้ทางสหรัฐฯจึงรีบส่งนาโต้เข้าขอเจรจากับรัสเซียแทน แต่เวลาให้สัมภาษณ์กับสื่อฯฝั่งสหรัฐฯและตะวันตกก็จะมักจะออกอาการแข็งกร้าวหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างนี้แหละ
จริงๆแล้วรัสเซียได้แจ้งเรื่องการซ้อมรบในครั้งนี้และครั้งอื่นๆให้กับทาง OSCE และตะวันตกทราบก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ปัญหามันอยู่ที่การประสานงานกันระหว่าง OSCE กับนาโต้ต่างหาก หรือว่า OSCE อาจจะแจ้งให้ทางนาโต้ทราบแล้ว แต่พี่แกก็แกล้งทำเป็นไม่ได้รับข้อมูล โดยไม่พูดถึงประเด็นนี้แล้วชิงออกมากล่าวหารัสเซียแบบนี้ เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ของรัสเซียเสียหายก็ไม่รู้ได้ โดยทางรัสเซียได้แจ้งกับ OSCE ว่าการซ้อมรบในครั้งนี้เป็น "การแสดงออกถึงความปรารถนาดี" (as a gesture of good will) ว้าว! ชอบใจคำพูดจากฝั่งรัสเซียจริงๆ
The Eyes
27/05/2558
----------
NATO Urges Russia to Hold ‘More Transparent’ Military Drills / Sputnik International
Russia Notifies OSCE Members of Snap Air Defense Drills - Defense Ministry / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
เรื่องระเบิดนิวตรอนหรือ tactical nuclear ที่เยเมนนี้รู้สึกว่าจะเป็นการเล่นข่าวจากบางคนบางกลุ่มมากกว่านะครับ เท่าที่ตรวจดูจากสำนักข่าวหลักที่น่าเชื่อถือได้ ไม่เห็นลงข่าวนี้เลย มีแต่การแชร์ในยูทูปและในโซเชียลมีเดียและบล็อกทั่วไป อันที่จริงช่วงที่เกิดสงครามการสู้รบกันที่ยูเครนตะวันออกก็มีเหตุการณ์ระเบิดคล้ายกันนี้เกิดขึ้นอยู่ 2-3 ครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งรุนแรงมาก หลายคนเชื่อว่าเป็นยูเครนใช้ระเบิดนิวเคลียร์ขนาดย่อมถล่ม DPR/LPR ตรวจสอบแล้วเป็นการยิงจรวดถล่มคลังเก็บอาวุธของ DPR/LPR พอดีไปโดนคลัง TNT ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นโรงงานผลิตอาวุธในชั้นใต้ดินจึงเกิดระเบิดขึ้นมา ลึกหลายเมตร เส้นผ่าศูนย์ของหลุมประมาณ 10 กว่าเมตรได้ เคยลงข่าวให้อ่านแล้วหนหนึ่ง ครั้งนี้ที่เยเมนคิดว่าไม่น่าจะใช่นิวเคลียร์จากอิสราเอลหรอกครับ ถ้าเป็นนิวเคลียร์จริงก็ต้องมีกัมมันตภาพรังสี ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทีมตรวจสอบและหน่วยข่าวกรองของอิหร่านในพื้นที่จะไม่ทราบความเคลื่อนไหวและตรวจสอบไม่พบครับผม สังเกตไหมว่ามีแต่คลิประเบิด แต่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับผลกระทบที่ตามมาเลย ถ้ามีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์จริง รัสเซียต้องออกโรงแล้วครับ แต่นี่รัสเซียเงียบๆ จึงคิดว่าไม่น่าจะใช่นะ ลองดูคลิปนี้ประกอบด้วยก็ได้ ซึ่งมีการกล่าวอ้างในลักษณะเดียวกันว่าเป็นนิวเคลียร์/นิวตรอนบอมบ์จากฝั่งอิสราเอล/ซาอุดิฯ โจมตีเยเมนเมื่อเร็วๆนี้

<iframe width="487" height="274" src="https://www.youtube.com/embed/OTE_Eshm2xw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

https://www.youtube.com/watch?v=OTE_Eshm2xw

 

Chalee Na Roied

<iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/xri3WkKxvAw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

เมื่อวานนี้ผมพูดถึง การประกาศภาวะฉุกเฉินในเท็กซัส เพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่รุนแรงนะครับ แต่ในห้วงเวลาเดียวกัน มีกระแสข่าวว่าชุดปฏิบัติการพิเศษ ได้ปะปนอยู่ท่ามกลางพลเรือนชาวอเมริกัน และในขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหว ของทหารมากขึ้นเรื่อยๆ การฝึก"Jade Helm" เดิมกำหนดในห้วง เดือนกรกฎาคม จนถึงเดือนกันยายน แต่น่าจะถูกเลื่อนขึ้นมาเร็วขึ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพราะเริ่มมีกระแสต่อต้าน และเกิดคำถามจากคนในพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ http://www.dailymail.co.uk/…/Fears-martial-law-special-ops-…

เท็กซัสเองก่อนหน้านั้น มีกระแสข่าวเหตุยิงกันระหว่างแก๊งมอเตอร์ไซด์วาโค ซึ่งถูกข้อสังเกตหลายอย่างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรายงานชิ้นนี้ทางหน่วยข่าว ของรัสเซียก็รายงานว่า แก๊งมอเตอร์ไซด์ถูก ชุดปฏิบัติการพิเศษ หรือสไนเปอร์ยิงจนเสียชีวิต 8 ศพ และที่เหลือก็ถูกจับกุมจำนวนมาก เพราะเกรงว่าแก๊งดังกล่าว
เชื่อมโยงกับทางรัสเซีย Obama Massacres Innocent Waco Bikers Over Putin Fears | EUTimes.net

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นครับ เป็นสัญญาณชัดเจนครับว่า เป็นส่วนหนึ่งของการปูทาง ไปสู่การประกาศใช้กฎอัยการศึกครับ เพื่อรับมือสงครามกลางเมือง และหายนะทางเศรษฐกิจ และรวมถึงสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
Jade Helm: Is the US preparing for martial law or WW3?
ส่วนสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งเมื่อวานผมได้ตั้งข้อสังเกตไปแล้วนั้น ตอนนี้ก็มีการเผยแพร่ข้อมูล ออกมาเช่นกันครับว่า น่าจะเป็นสงครามสภาพภูมิอากาศ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อลดกระแสต่อต้าน จากคนในพื้นที่ๆมีการฝึก"Jade Helm"นั่นเอง..

 

เครือข่ายกลุ่มตักฟีรี บนโลกออนไลน์ มีมากถึง 46,000 เครือข่าย
ตะวันออกกลางแอฟริกาby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 27, 2015

46 هزار پایگاه اینترنتی در خدمت تکفیریها
รัฐมนตรีกิจการศาสนาและเอาก็อฟ แอลจีเรีย เผยเมื่อจันทร์ที่ผ่านมา (25) ว่า กลุ่มตักฟีรี มีเครือข่ายบนโลกออนไลน์ มากถึง 46,000 กว่า เครือข่าย ซึ่งการเคลื่อนไหวนำเสนอแนวคิดของกลุ่มก่อการร้ายโดยเฉพาะไอซิส

อัลอาลัม – มุฮัมมัด อีซา รัฐมนตรีกิจการศาสนาและเอาก็อฟ แอลจีเรีย ได้กล่าวบรรยายในการสัมมนาสื่อสารมวลชนอิสลามระดับนานาชาติ ว่า ตามผลการสำรวจล่าสุด พบว่า กลุ่มตักฟีรี มีเครือข่ายบนโลกออนไลน์ มากถึง 46,000 กว่า เครือข่าย ในการเคลื่อนไหวเผยแพร่อุดมการณ์การต่อสู้ (ญิฮาด) โดยเพื่อดึงดูดเข้าเป็นแนวร่วมกลุ่มไอซิส

สำนักข่าว อานาโตลี อ้างจาก คำพูดของ มุฮัมมัด อีซา รัฐมนตรีกิจการศาสนาและเอาก็อฟ แอลจีเรีย เครือข่ายโลกออนไลน์ดังกล่าว เพื่อระดมแนวรวมที่มีอุดมการณ์เดียวกันกับไอซิส และเพื่อดึงกำลังพลชุดใหม่โดยเฉพาะเยาวชนจากยุโรป

وزیر الجزایری: 46هزار پایگاه‌اینترنتی تکفیری وجوددارد

เครือข่ายกลุ่มตักฟีรี บนโลกออนไลน์ มีมากถึง 46,000 เครือข่าย | abnewstoday

 

สถานพยาบาลในเยเมนกว่า 52 แห่ง กลายเป็นซากปรักหักพัง จากการโจมตีของซาอุฯ ตะวันออกกลางเกาะติดสถานการณ์เยเมนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 27, 2015



เพรสทีวี – ผลของการโจมตีเยเมนทางอากาศของซาอุดิอาระเบียและพันธมิตร ทำให้สถานพยาบาลในเยเมน ซึ่งเป็นชาติที่ยากจนของชาติอาหรับ 100 กว่าแห่ง กลายเป็นซากปรักพังหักและปิดให้การบริการ

นับจากวันแรกที่ซาอุดิอาระเบียเปิดฉากโจมตีเยเมนทางอากาศ ทำให้มีสถานพยาบาล 52 กว่าแห่ง พังเสียหายและกลายเป็นซากปรักพังหัก และอีก 44 แห่ง ต้องปิดให้การบริการเนื่องจากขาดแคลนเครื่องมือทางการแพทย์
แหล่งข่าวระบุว่า นอกจากนั้นแล้ว ยังมีรถพยาบาล อีก 24 กว่าคัน ถูกระเบิดพังเสียหายยับ

ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขเยเมน เผยว่า โรงพยาบาลและสถานพยาบาลที่ได้รับความเสียหายและผลกระทบมากที่สุด คือ สถานพยาบาลที่อยู่ในจังหวัด ศออดาห์ ตะอัซ และเอเดน

ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขเยเมน เผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการถูกโจมตีจนถึงวันนี้ มีจำนวน 1114 คน โดยในจำนวนนั้น มีเด็กจำนวน 154 คน และสตรี จำนวน 114 คน

ผู้บาดเจ็บ จำนวน 3637 คน เป็นเด็ก 389 และสตรี 212 คน

สถิติดังกล่าว ยังคงต้องเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากซาอุดิอาระเบียยังคงบุกโจมตีเยเมนอย่างต่อเนื่อง

สถานพยาบาลในเยเมนกว่า 52 แห่ง กลายเป็นซากปรักหักพัง จากการโจมตีของซาอุฯ | abnewstoday

 

ความชั่วร้ายภายใน : ความจริงที่เราไม่กล้ามองเกี่ยวกับสงครามของซาอุดิอารเบียในเยเมน เกาะติดสถานการณ์เยเมนเรื่องเด่นประเด็นร้อนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 27, 2015



การโจมตีทางอากาศของซาอุฯ ในพื้นที่กรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2015 (ภาพ รอยเตอร์ / คาลิด อับดุลเลาะห์)
ครบรอบ 70 ปีแห่งการล่มสลายของนาซีเยอรมนี แต่ลัทธิฟาสซิสม์ยังคงห่างไกลจากความตายนัก ขณะที่เลือดของชาวเยเมนหลั่งไหลภายใต้สงครามครั้งใหญ่ของซาอุดิอารเบีย แท้ที่จริงแล้วสิ่งที่มันแสดงให้เราเห็นอยู่ก็คือ การทำลายล้างประชาชนกลุ่มหนึ่ง นั่นก็คือ ชาวซัยดีแห่งเยเมน

ถ้าหากซาอุดิอารเบีย มหาอำนาจแห่งภูมิภาคที่แข็งแกร่งด้วยเงินหลายล้านล้านเปโตรดอลล่าร์ จะได้ปกครองตะวันออกกลาง และแผ่ขยายไปทั่วโลกอิสลามโดยไม่มีผู้ทักท้วง มันก็จะทำได้ด้วยราคาแห่งเสรีภาพและความเจริญของประชาชนเยเมนได้รับความเดือดร้อนจากเพื่อนบ้านทรราชย์ที่ทรงอิทธิพลและร่ำรวยมากกว่าประเทศอื่นใดในภูมิภาคนี้

ด้วยถูกบีบให้สวมบทบาทของเบี้ยล่างที่ถูกกระทำ เยเมนถูกขัดขวางจากการขึ้นถึงศักยภาพที่แท้จริงของตนผ่านเครือข่ายอันชาญฉลาดของการติดสินบน การสนับสนุนทางศาสนา และวิศวกรรมสังคม นับตั้งแต่ประเทศที่ยากจนที่สุดทางใต้ของอารเบียแห่งนี้พยายามที่จะปลดตัวเองออกจากพันธนาการของทรราชย์เมื่อปี 1962 ริยาดก็ได้เอารัดเอาเปรียบเยเมน ด้วยการก่อวินาศกรรมแล้วเข้าควบคุมจัดการ การรุกรานดินแดนและบ่อนทำลายสถาบัน ทั้งหมดนั้นก็เพื่อปรับเกมก่อกวนของชนเผ่าให้เข้ากับกระแสการแบ่งแยกทางลัทธิความเชื่อ

จ้าวแห่งอารเบีย ราชอาณาจักรนี้เป็นผู้รับผิดชอบต่อความระส่ำระสายส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่ทั้งหมด ที่เราเห็นว่ากำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้

แต่กลับไปที่เยเมน!

เยเมนคงเป็นหอกข้างแคร่ของอัล-ซาอูดอยู่เสมอ เป็นภัยคุกคามต่อความทะเยอทะยานครอบครองอำนาจบาตรใหญ่ของอัลซาอูด

ดังที่อิบนฺ ซาอูด (ผู้จงรักภักดีต่อราชวงศ์ซาอูด) ได้สารภาพไว้ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาว่า เยเมนจะทำลายความเป็นเจ้าครองอำนาจแห่งภูมิภาคของซาอุดิอาระเบีย บางคนอาจจะให้เหตุผลว่า คำเตือนนี้อาจจะเป็นตัวกำหนดนโยบายของริยาดต่อเยเมนก็ได้ โดยเพิ่มความหวาดระแวงต่อประเทศที่คุมยากที่สุดและตอนนี้ยากจนที่สุดในคาบสมุทรแห่งนี้

เมื่อถูกทำลายด้วยความเสียหายที่ระบาดไปทั่ว, ความไม่มั่นคง, ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ความไม่ยุติธรรมทางสังคม และความรู้สึกสิ้นหวังที่เกินจะแบกรับและมีแต่จะขยายออกไป ทำให้เยเมนกลายเป็นแค่เปลือกของตัวตนในอดีตของมัน เป็นแกลบทางสถาบันที่ไม่มีความยึดเหนี่ยวทางสังคมหลงเหลือไว้ให้ยึดมั่นไว้ด้วยกันเลย

แต่ถ้าหากเยเมนได้กลายเป็นสิ่งที่เป็นในวันนี้ มันก็เป็นเพราะการวางแผนของซาอุดี้ฯ การล่มสลายของเยเมนถูกจัดการโดยซาอุดี้ฯ มาตั้งแต่ปี 1994 แล้ว เมื่อครั้งที่กษัตริย์ฟาฮัด บิน อับดุลอาซิซในขณะนั้น พยายามที่จะประคับประคองความเป็นมิตรแบบหลวมๆ ระหว่างเผ่าต่างๆ กับกลุ่มซุนนีหัวรุนแรง เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวต้านทานอำนาจกับประธานาธิบดีอาลี อับดุลลอฮ์ ซาเลห์ ในขณะนั้น เพื่อแลกเปลี่ยนกับการสนับสนุนทางทหารเพื่อต่อสู้กับอัล-ฮิรอค ขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ เพื่อเป็นแก่ความเป็นเอกภาพทางดินแดน ประธานาธิบดีซาเลห์ได้ส่งมอบอนาคตของเยเมนไว้ในเงื้อมมือตะกรุมตะกรามของซาอุดี้ฯ โดยไม่รู้เลยว่าเขาต้องจ่ายค่าแห่งสัมพันธมิตรนี้มากเพียงใดในท้ายที่สุด

และอัล-อิสลาห์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่คุ้มภัยให้กับกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ก็ถูกกำเนิดมาเพื่อเป็นตัวแทนของริยาดในซานาอฺ

กลุ่มเดียวกันนี้จะทำหน้าที่เป็นโล่ห์ป้องกันและมือที่อุ้มชูสำหรับวะฮาบีและซาลาฟีเช่นกัน ซึ่งเป็นขบวนการทางศาสนาที่เรารู้แล้วว่าได้ก่อให้เกิดกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ เช่น อัล-กออิดะฮ์ และไอซิซ

เมื่อเผชิญกับเยเมนที่มีอิสระทางการเมืองเพิ่มมากขึ้น ริยาดเลือกที่จะเข้าไปแทรกก่อนที่เฮาซีจะสามารถสำแดงความเป็นพันธมิตรทางชนเผ่าและการเมืองได้อย่างแท้จริง และตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องที่จะให้มีตัวแทนทางการเมืองที่ยุติธรรมมากขึ้นของชาวเยเมน

ด้วยความเสี่ยงที่จะสร้างความผิดหวังให้กับเรื่องราวของสื่อตะวันตก และเจตนารมณ์ในเยเมนที่อ้างขึ้นเองของซาอุดิอาระเบีย ประชาธิปไตยและความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งในสมการของริยาดเลย ความทะเยอทะยานทางโลกมากกว่าที่เป็นตัวกระตุ้นราชวงศ์อัล-ซาอูด ทรัพยากรธรรมชาติและภูมิศาสตร์การเมืองมีคะแนนนำอยู่ในรายการนั้น

แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด อุดมคติ หรือน่าจะเป็นการปะทะกันทางอุดมคติทางศาสนามากกว่า ที่มีบทบาทในการกระตุ้นให้เกิดสงครามกับเยเมนที่นำโดยซาอุดี้ฯ ครั้งนี้ และที่นั่นมีความชั่วร้ายที่โลกนี้ยังไม่ตื่นขึ้นมารับรู้ถึงมันอยู่

กว่าหนึ่งเดือนในการแทรกแซงทางทหารครั้งใหญ่และฝ่ายเดียวในเยเมนแล้ว และมันปรากฏชัดเจนแล้วว่าซาอุดิอารเบียไม่ได้เลือกเป้าเฉพาะแค่กลุ่มเฮาซีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชุมชนซัยดีของเยเมนทั้งหมดด้วย

เนื่องจากการปฏิเสธแนวคิดแบบวะฮาบี ชาวซัยดีเยเมนจึงถูกนักการศาสนาซาลาฟีและวะฮาบีตราหน้าว่าเป็น “คนนอกศาสนา” ซึ่งถือเป็นความผิดทางศาสนาที่ต้องจัดการด้วยการทำลายล้าง ย้อนกลับไปในปี 2009 ระหว่างการให้สัมภาษณ์สดทางทีวีกับช่องบีบีซี ภาษาอาหรับ อาเดล อัล คัลบานี อิหม่ามเมืองมักกะฮ์ได้สารภาพถึงความเกลียดชังที่เขามีต่อมุสลิมชีอะฮ์ทั้งหมด เมื่อเขาเรียกร้องให้ไล่ล่าและสังหารพวกเขา ล่าสุดไปกว่านั้น เมื่อเดือนเมษายน 2013 ซาอัด อัล ดูริฮิม นักการศาสนาชาวซาอุดี้ฯ คนหนึ่ง ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นหลายตอนทางทวิตเตอร์ที่เขาได้สนับสนุนให้กองทหารในอิรักแสดงวิธีการ “ที่หนักมือ” ยิ่งขึ้นเมื่อจัดการกับมุสลิมชีอะฮ์ และฆ่าชีอะฮ์ทุกคนที่พวกเขาพบเห็น ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย หรือเด็กๆ ถ้อยแถลงเช่นนั้นเป็นการแสดงออกของระบอบการปกครองแบบขวาจัดทางศาสนาที่เข้มงวดของซาอุดิอารเบีย

จำเป็นที่จะต้องชี้ชัดว่าแนวทางอย่างเป็นทางการของซาอุดิอาระเบียที่มีต่อมุสลิมชีอะฮ์นั้น สะท้อนเสียงเดียวกันกับทั้งอัล-กออิดะฮ์และไอซิซ ซึ่งเป็นกลุ่มที่สตีเฟ่น เลนด์แมน นักวิเคราะห์การเมืองและนักเขียนชาวสหรัฐฯ ได้กล่าวไว้ว่า เป็นแค่หน่อที่แตกมาจากการสร้างเผด็จการทางศาสนาของซาอุดี้ฯ

แต่ถ้า “นโยบาย” ทางศาสนาของซาอุดิอารเบียไม่สามารถแม้แต่จะเรียกความสนใจจากนักลงทุนตะวันตกได้ มันก็ยิ่งเป็นการยากลำบากมากขึ้นที่จะเมินเฉยต่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทางวัฒนธรรมและศาสนาที่กำลังเกิดขึ้นในเยเมน

ขณะนี้เป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วที่ซาอุดิอารเบียทำการบดขยี้เมืองซาอฺดาและอีกหลายดินแดนข้างเคียง ไม่มีการคำนึงถึงความปลอดภัยของพลเรือนในความปรารถนาที่จะปราบมุสลิมซัยดีให้ราบคาบ

อาจมีผู้แสดงความเห็นว่า จริงๆ แล้วริยาดมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงไปที่พลเรือน ด้วยเหตุผลอื่นใดอีกเล่าที่ซาอุดี้ฯ ต้องใช้ระเบิดดาวกระจาย (cluster bomb) ในพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการศึกษาหลายครั้งได้ระบุว่า อาวุธเช่นนั้นเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตพลเรือน? จากข้อมูลขององค์การทำขาเทียมระหว่างประเทศ (handicap international) ระบุว่า 27 เปอร์เซ็นต์ของเหยื่อจากระเบิดดาวกระจายที่ถูกบันทึกไว้ทั้งหมดนั้นเป็นเด็ก
นักเคลื่อนไหวในเยเมน รวมถึงฮุเซน อัล-บุคัยตี ได้กล่าวหาว่าริดยาดใช้สารเคมี เช่น คลอรีน และฟอสฟอรัสขาวในเมืองซาอฺดา ฮาจา และแม้แต่ในซานาอฺ ที่เป็นเมืองหลวง

ภายหลังจากที่เฮาซีได้ทำการโจมตีบนแผ่นดินซาอุดี้ฯ เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว โฆษกแนวร่วมซาอุดี้ฯ พันเอกอาห์มัด อัล อาซีรี เตือนว่าการเอาคืนของริยาดจะรวดเร็วและรุนแรง และที่จริงมีพลเรือนหลายแสนคนที่อยู่ในวิถีอันตราย ที่ติดอยู่ในซานาอฺ ภายใต้การทิ้งระเบิดแบบไม่ยั้งคิดนี้ ซาอุดิอาระเบียโปรยระเบิดใส่พื้นที่ของ “ชาวซัยดี” ในเยเมนแห่งนี้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง โดยไม่มีการทักท้วง ไม่มีการตั้งคำถาม จากมหาอำนาจตะวันตกที่เป็นใบ้และหูหนวก

แต่ถ้าการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนเป็นเหยื่อแรกของสงครามบ่อยครั้ง จะเกิดอะไรขึ้นกับการล้างเผ่าพันธุ์ทางวัฒนธรรม? ชาติหนึ่งชาติใดจะสามารถให้เห็นผลการทำลายสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และศาสนาได้อย่างไร? เมื่อ 8 พฤษภาคม ซาอุดิอารเบียได้ทำลายวิหารสุสานของเชคอุเซน บัดริดดีน อัล เฮาซี จนเหลือแต่ซาก หลังจากนั้นไม่กี่วัน อนุสรณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเยเมนอีกแห่งหนึ่งก็ถูกได้ทำลายไป คือมัสยิดอัล-ฮาดี ซึ่งเป็นมัสยิดหลังที่สามที่ถูกสร้างขึ้นในเยเมนเมื่อหนึ่งพันปีที่แล้ว ถ้าไม่ใช่ความเกลียดชัง แล้วจะสามารถให้เหตุผลกับการกระทำเช่นนั้นว่าอะไร?

หากว่าโลกร่วมกันประณามไอซิซจากการทำลายมรดกของอิรักและซีเรีย ทำไมจึงนิ่งเงียบกับอาชญากรรมของซาอุดิอาระเบีย? หรือเป็นเพราะเงินที่ชำระอาชญากรรมสงครามให้ขาวสะอาดขึ้นได้ในปัจจุบันนี้?

ในวาระครบรอบ 70 ปีการล่มสลายของลัทธิฟาสซิสม์ สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปอาจต้องการที่จะลืมตาขึ้นมามองสันดานในเนื้อแท้ของพันธมิตรของตนก็ได้



—-
by Catherine Shakdam for RT.
Source The Evil within: The truth we dare not see about Saudi Arabia's war in Yemen — RT Op-Edge
แปล/เรียบเรียง กองบก.เอบีนิวส์ทูเดย์

ความชั่วร้ายภายใน : ความจริงที่เราไม่กล้ามองเกี่ยวกับสงครามของซาอุดิอารเบียในเยเมน | abnewst

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงครามของดาอิช (ISIS) ถูกสังหารในจังหวัดซอลาฮุดดีนของอิรัก Category: News & Event Published on Wednesday, 27 May 2015 12:11 Written by Islamicstudiesth Team.



กระทรวงกลาโหมของอิรักได้รายงานการเสียชีวิตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงครามของกลุ่มก่อการร้ายดาอิช (ISIS) ในจังหวัดซอลาฮุดดีนของอิรัก

อัลอาลัม : โทรทัศน์ทางการของอิรักได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหมของอิรัคว่า ผู้ก่อการร้ายผู้นี้ซึ่งเรียกกันว่า "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงคราม" ได้เสียชีวิตในระหว่างการโจมตีทางอากาศของกองกำลังอิรัก

ในช่วงเวลาเช้าตรู่เมื่อวานนี้ (อังคาร 26/5/58) กองกำลังร่วมของอิรักได้เปิดฉากปฏิบัติการปลดปล่อยพื้นที่ต่างๆ ทางตะวันตกของจังหวัดซอลาฮุดดีน สำนักงานสื่อของ "ฮัยดัร อัลอิบาดี" นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพได้ประกาศการเริ่มต้นปฏิบัติการปดปล่อยจังหวัดอัลอันบารด้วยเช่นกัน




ที่มา : fa.alalam

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงครามของดาอิช (ISIS) ถูกสังหารในจังหวัดซอลาฮุดดีนของอิรัก

 

สหรัฐอเมริกาจะเปลี่ยนซาอุดีอาระเบีย เป็นอิรักอีกแห่งหนึ่ง
Category: News & Event Published on Wednesday, 27 May 2015 16:42 Written by Islamicstudiesth Team.



"การวิจัยของสถาบัน “think tanks” 22 แห่งในยุโรปและอเมริกาเกี่ยวกับการก่อการร้าย ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ซาอุดิอาระเบีย คือ ผู้สนับสนุนทางด้านการเงินอันดับแรกแก่กลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนา"

ญอมนิวส์รายงาน โดยอ้างแหล่งข่าวจากหนังสือพิมพ์ "เบาวาบะตุ้ลกอฮิเราะฮ์" ว่า : "เตาฟีก อักกาซะฮ์" นักข่าวและนักการเมืองที่โดดเด่นของอียิปต์ ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์ดาวเทียม "อัลฟะรออีน" ว่า "ซาอุดิอารเบียขณะนี้กำลังเผชิญกับการทรยศของสหรัฐอเมริกา และสหรัฐอเมริกากำลังดำเนินการกับซาอุดิอาระเบียด้วยแผนการเดียวกันกับที่ได้เคยดำเนินการกับอิรัก"

เขาชี้ถึงประเด็นที่ว่าอเมริกาจะเปลี่ยนซาอุดีอาระเบียให้เป็นอิรักแห่งใหม่ พร้อมกับกล่าวสเริมว่า "การวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อกำหนดนโยบายสาธารณะ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนามของ “Think Tanks” หรือ “สถาบันวิจัยเชิงนโยบาย” จำนวน 22 แห่งในยุโรปและอเมริกาเกี่ยวกับการก่อการร้ายได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ซาอุดิอาระเบียคือผู้สนับสนุนทางด้านการเงินอันดับแรกแก่กลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนา"

เขากล่าวต่ออีกว่า "สถาบันวิจัยเหล่านี้เห็นพ้องตรงกันว่า กลุ่มอัลกออิดะฮ์ คือตัวเริ่มต้นการก่อการร้าย และกลุ่มดาอิช (ISIS) คือผู้สืบทอดและจะเป็นจุดสิ้นสุดของการก่อการร้ายนี้ และในปัญหาทั้งหมดเหล่านี้ การสนับสนุนของซาอุดีอาระเบียที่มีต่อการก่อการร้ายนั้นเป็นที่ชัดเจนสำหรับทุกคน"

ที่มา : jamnews

สหรัฐอเมริกาจะเปลี่ยนซาอุดีอาระเบีย เป็นอิรักอีกแห่งหนึ่ง

 

ไทยไฟเขียวมะกันใช้ฐานทัพอ้างช่วยโรฮีนจาแผนได้คืบเอาศอก !?
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2558 06:51 น. (แก้ไขล่าสุด 28 พฤษภาคม 2558 08:58 น.)



ผ่าประเด็นร้อน

เป็นเพราะแรงบีบเข้ามาทุกทางเพื่อแลกกับการยอมรับในเวทีโลกหรือไม่ที่ทำให้ รัฐบาล และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมอนุญาตให้กองทัพสหรัฐอเมริกาเข้ามาใช้สนามบินอู่ตะเภา และสนามบินภูเก็ตเป็นฐานบินลาดตระเวนตรวจตราและช่วยเหลือผู้อพยพทางเรือชาวโรฮีนจาในน่านน้ำฝั่งอันดามันและพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมด

เชื่อว่าต้องมีคนไทยหลายคนไม่สบายใจในเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะเมื่อพิจารณาตามรูปการณ์นี่คือการหาข้ออ้างเพื่อหวนกลับเข้ามาสู่ภูมิภาคนี้อีกครั้ง โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐาน หลังจากก่อนหน้านี้ไดั “แทงหวย” ทักษิณ ชินวัตร แลกผลประโยชน์กันแบบหมดหน้าตัก แต่เมื่อเกิดการยึดอำนาจโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป มีการอ้างเงื่อนไขรัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้งลดระดับความสัมพันธ์ ห้าม พล.อ.ประยุทธ์ และ คณะ คสช. คนสำคัญเข้าสหรัฐฯ หลังจากนั้น ก็มีการใช้เงื่อนไขประชาธิปไตยบีบไทยต่างๆ นานา

อย่างไรก็ดี ด้วยนโยบายที่ไม่สร้างเงื่อนไขตอบโต้ ตรงกันข้ามกลับยังใช้นโยบายความเป็นมิตร “ใช้อ่อนสยบแข็ง” เดินหน้าชี้แจงกับทุกประเทศ ขณะเดียวกัน ก็สร้างพลังต่อรองกับมหาอำนาจรายอื่นพร้อมกันไปด้วยทำให้ไทยไม่ได้ถูกโดดเดี่ยว จนระยะหลังจะสังเกตได้ว่าท่าทีของสหรัฐอเมริกาต่อไทยเริ่มอ่อนลงไป ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก เนื่องจากสาเหตุของการคบกับไทยก็คือ “ผลประโยชน์” อย่างเดียวเท่านั้น เรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนล้วนเป็นเรื่องบังหน้าเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เห็นชอบกรณีที่สหรัฐอเมริกาขอใช้สนามบินอู่ตะเภา และ ภูเก็ต เป็นฐานก่อนบินออกลาดตระเวนสำรวจสถานการณ์ผู้อพยพในทะเล โดย กระทรวงการต่างประเทศ ได้ตอบกลับไปว่าหากสหรัฐฯ ต้องการบินเหนือน่านน้ำไทย มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย โดยใช้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการ นั้นถือเป็นภารกิจที่ดี แต่สหรัฐฯจะต้องเพิ่มรายละเอียดมากกว่านี้ อาทิ เส้นทางบิน เพราะการปฏิบัติภารกิจนี้จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยเฉพาะกิจที่ไทยจัดตั้งขึ้น ซึ่งการช่วยเหลือจะเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น นอกจากนี้ ไทยได้ขอให้สหรัฐฯสนับสนุนส่งเรือร่วมปฏิบัติภารกิจของไทยซึ่งอยู่ระหว่างรอคำตอบอย่างเป็นทางการจากสหรัฐฯตอบกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

แน่นอนว่านี่คือแผน “รุกคืบ” กลับเข้ามาอีกครั้งของ สหรัฐอเมริกา หลังจากก่อนหน้าก็เคยแหย่เข้ามาแล้วด้วยการขอใช้สนามบินอู่ตะเภา สำหรับภารกิจด้านมนุษยธรรมเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล และต่อเนื่องกับข้ออ้างเรื่องการตรวจตราผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่ทั่วโลกกำลังสนใจอยู่ในเวลานี้

อย่างไรก็ดี เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเกี่ยวพันกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ พม่า และที่สำคัญ น่านน้ำแถบนี้ไปเกี่ยวพันกับความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ซึ่งก็ต้องเชื่อมโยงไปถึงจีน ที่เป็นมหาอำนาจในย่านนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้

แม้ว่าเรื่องแบบนี้ฝ่ายความมั่นคงของไทยคงต้องคิดอย่างรอบคอบ เปรียบเทียบผลดีผลเสียที่จะตามมา แม้ว่าจะเป็นการอนุญาตแบบมีเงื่อนไขนั่นคืออยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพไทยที่จะจัดตั้งขึ้นมาเป็น “หน่วยเฉพาะกิจ” แต่ก็นั่นแหละนั่นเป็น “หน้าฉาก” ที่มองเห็นกันอยู่ แต่คำถามที่น่าสงสัยก็คือ แล้วเบื้องหลังมีการ “ต่อรอง” อะไรที่ปิดบังกันหรือเปล่า โดยเฉพาะการแลกกับการ “ยอมรับ” ของคณะผู้นำ คสช. หรือไม่

แน่นอนว่าภารกิจดังกล่าวนี้เป็นเรื่องของมนุษยธรรมนำหน้ามาก่อน แต่เมื่อใดก็ตามที่ไปเกี่ยวข้องกับสหรัฐอเมริกาแล้ว มันก็ต้องเป็นเรื่องให้น่าสงสัยทุกครั้งไป เพราะทุกเรื่องราวในอดีตมีแต่เรื่องผลประโยชน์ สร้างปัญหาในภูมิภาคอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ยังเป็นช่วงที่ไทยกำลังหวนคืนกลับมาเป็นผู้มีบทบาทนำในภูมิภาคอาเซียนอีกครั้ง อย่างน้อยด้วยการพลิกโอกาสจากการเป็นเจ้าภาพประชุมประเทศและองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง 17 ประเทศในกรุงเทพฯวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ มันก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ดังนั้น แม้ว่าการที่สหรัฐอเมริกาเข้ามาขอใช้สนามบินอู่ตะเภา และภูเก็ตเป็นฐานบินชั่วคราว ด้วยข้ออ้างเพื่อตรวจตราและช่วยเหลือผู้อพยพทางทะเลชาวโรฮีนจา แต่คำถามก็คือมันเป็นแค่ชั่วคราว หรือว่าเป็นเพียงข้ออ้าง เพื่อรุกคืบเข้ามาตั้งฐานอย่างถาวร เพื่อคานอำนาจกับจีนในทะจีนใต้หรือไม่ !!

http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000060460

 

บังกลาเทศเปิดแผนย้าย'ชาวโรฮีนจา'ไปอยู่เกาะ หวั่นกระทบท่องเที่ยว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤษภาคม 2558 23:24 น.



เอเอฟพี - บังกลาเทศมีแผนย้ายชาวโรฮีนจาหลายพันคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในค่ายผู้อพยพใกล้ชายแดนพม่า ไปยังเกาะแห่งหนึ่งทางใต้ของประเทศ ส่วนมาเลเซียกำลังสืบสวนตำรวจ 12 นายในความเกี่ยวข้องกับกรณีพบหลุมศพหมู่ติดกับพื้นที่ของไทย ท่ามกลางวิกฤตค้ามนุษย์ที่ภูมิภาคแถบนี้กำลังเผชิญ

เจ้าหน้าทีระดับสูงของบังกลาเทศเผยในวันพุธ(27พ.ค.) ว่ารัฐบาลได้เริ่มแผนย้ายชาวโรฮีนจาไปยังเกาะฮาติมา ในอ่าวเบงกอลแล้ว ในความเคลื่อนไหวที่ได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีชีค ฮาซินา "จะมีการย้ายค่ายชาวโรฮีนจาอย่างแน่นอน จนถึงตอนนี้ ก้าวย่างต่างๆอย่างไม่เป็นทางการได้เริ่มดำเนินการแล้ว" อามิต คูมาร์ บาอูล หัวหน้าหน่วยผู้ลี้ภัยพม่าของรัฐบาลบอกกับเอเอฟพี

อย่างไรก็ตามแกนนำชาวโรฮีนจารายหนึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลบังกลาเทศทบทวนมาตรการดังกล่าว โดยบอกว่าแผนนี้นังแต่จะทำให้ชีวิตของผู้ลี้ภัยเลวร้ายลง หลังจากจำนวนมากทุกข์ทรมานอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยมานานหลายปีนับตั้งแต่หลบหนีมาจากพม่า "เราต้องการให้รัฐบาล(บังกลาเทศ)และองค์กรนานาชาติแก้ไขปัญหาของเราจากตรงนี้"

บังกลาเทศเป็นที่พักพิงของผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่ลงทะเบียนกว่า 32,000 คน โดยคนเหล่านี้พักอาศัยอยู่ในค่าย 2 แห่งในเขตค็อกส์บาซาร์ ซึ่งอยู่ติดชายแดนพม่า หลังพวกเขาหลบหนีการถูกข่มเหงและเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติจากชนกลุ่มใหญ่ชาวพุทธในพม่า

หน่วยงานด้านผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ ที่ให้ความช่วยเหลือผู้อพยพที่ค่าย 2 แห่งดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 1991 บอกว่าแผนดังกล่าวจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อเป็นไปตามความสมัครใจของชาวโรฮีนจา "ความสำเร็จของแผนจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งของค่ายใหม่ และผู้อพยพอยากไปอยู่ที่นั่นหรือไม่ แต่หากเป็นการบังคับ ก็จะทำให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อนและเกิดประเด็นโต้เถียง" โฆษกของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ(UNHCR) บอกกับเอเอฟพี

บาอูล บอกว่ามูลเหตุบางส่วนของการย้ายค่ายผู้ลี้ภัยครั้งนี้ เกิดจากความกังวลว่าที่ตั้งปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของค็อกส์บาซาร์ อันเป็นที่ตั้งของชายหาดยาวที่สุดในโลก "รัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยวมากขึ้น ดังนั้นแผนการย้ายค่ายผู้ลี้ภัยจึงอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ"

ชาวโรฮีนจาจากพม่าและผู้อพยพชาวบังกลาเทศหลายพันคน ถูกแก๊งค้ามนุษย์ล่อลวงให้ล่องเรือเสี่ยงอันตรายในความพยายามมุุ่งหน้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีมาเลเซีย เป็นจุดหมายปลายทางที่พวกเขาต้องการ ทั้งนี้บ่อยครั้งที่พวกเขาจะขึ้นฝั่งที่ไทย จากนั้นก็สัญจรทางบกข้ามชายแดนสู่ทางเหนือของมาเลเซีย

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ไทยเริ่มมีมาตรการกวาดล้างเครือข่ายค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ตามหลังพบศพหมู่ทางภาคใต้ของประเทศ ได้ทำให้เส้นทางการลักลอบค้ามนุษย์ในภูมิภาคเข้าสู่ความยุ่งเหยิง โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้อพยพได้รับความช่วยเหลือขึ้นฝั่ง ไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย มากกว่า 3,500 คน แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายพันคนที่ตกค้างอยู่กลางทะเลบนเรือหลายลำ

สื่อมวลชนมาเลเซียรายงานว่าตำรวจกำลังสืบสวนเจ้าหน้าที่ 12 นาย เพื่อสรุปว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับหลุมศพหมู่ที่ถูกพบในมาเลเซียติดกับพื้นที่ของไทยเมื่อเร็วๆนี้หรือไม่ ทั้งนี้โดยรวมแล้วมีหลุมศพทั้งหมด 139 หลุมและแคมป์กักกัน 28 แห่งในเมืองวัง เกเลียน รัฐปะลิส แต่จำนวนผู้เสียชีวิตนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด

รายละเอียดแผนย้ายผู้อพยพของบังกลาเทศถูกเผยแพร่ออกมาไม่กี่วันหลังจากนายกรัฐมนตรีฮาซินา เพิ่งประณามผู้อพยพทางเศรษฐกิจของประเทศว่าเป็นพวกป่วยทางจิตและกล่าวหาว่ากำลังทำลายภาพลักษณ์ของชาติ

ในส่วนของเกาะที่จะถูกใช้เป็นค่ายผู้อพยพโรฮีนจานั้นยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่เจ้าหน้าที่ได้เริ่มเตรียมการสำหรับหาที่ตั้งใหม่แล้ว โดยผู้บริหารงานส่วนท้องถิ่นเกาะฮาติมา บอกว่าพื้นที่ 1,250 ไร่บนเกาะ ถูกระบุว่าเหมาะสมสำหรับเป็นที่ตั้งใหม่ของค่ายผู้อพยพ

อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวนี้ไม่รวมถึงผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีกราวๆ 200,000 คน ที่หลบหนีข้ามพรมแดนเข้ามาในช่วงทศวรรษก่อนและลี้ภัยอยู่ในบังกลาเทศ ซึ่งมีชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000060455

 

ตำรวจปากีฯรวบตัวประธานบริษัทจัดทำ'ปริญญาปลอม'ระดับโลก!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2558 02:14 น. (แก้ไขล่าสุด 28 พฤษภาคม 2558 03:57 น.)




เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่สืบสวนปากีสถานเมื่อวันพุุธ(27พ.ค.) รวบตัวประธานบริษัทแห่งหนึ่งที่ถูกกล่าวหาจัดทำปริญาปลอมระดับโลก และดำเนินการบุกตรวจค้นรอบใหม่ต่อสำนักงานต่างๆในการาจี หลังก่อนหน้านี้พบประกาศนียบัตรเปล่าหลายพันใบ

นายจาวัด มาลิก พนักงานศาลบอกกับผู้สื่อข่าวว่านายเชาอิบ อาห์หมัด เชคห์ ซีอีโอของ "Axact" บริษัททำซอฟแวร์เฉพาะด้าน(Software House) ยอมเปิดเผยถึงสถานที่เก็บปริญญาเปล่าพร้อมสำหรับพิมพ์ เช่นเดียวกับบัตรนักศึกษาปลอมระหว่างการสอบปากคำ

ส่วนนายนูร์ โมฮัมหมัด คัลมาตี พนักงานศาลอีกคนบอกเพิ่มเติมในวันพุธ(27พ.ค.) ว่านายเชคห์ ถูกส่งกลับเข้าไปอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของสำนักงานสืบสวนกลาง(เอฟไอเอ) เป็นเวลา 7 วัน หลังเขาถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการแล้ว

นายเชคห์และผู้บริหารบริษัทคนอื่นๆอีก 6 คน ถูกตั้งข้อหาภายใต้กฎหมายต่างๆนานาที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อฉล ฟอกเงินและทำธุรกรรมการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างผิดกฎหมาย โดยคัลมาตี สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่เอฟไอเอ นำเสนอรายงานการสืบสวนต่อศาลในภายหลัง

ปากีสถาน เริ่มสืบสวน Axact หลังถูกหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส แฉเมื่อช่วงต้นเดือนว่าบริษัทแห่งนี้ดำเนินเครือข่ายเว็บไซต์มหาวิทยาลัยปลอม ส่วนหนึ่งในอุบายฉ้อฉลอันซับซ้อนที่สร้างรายได้หลายสิบล้านดอลลาร์ต่อปี โดยยังมีการจ้างวานนักแสดงมาใช้ในการบันทึกโฆษณาชวนเชื่อเพื่อสร้างความน่าเชื่อถืออีกด้วย

ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่หน่วยสอบสวนกลางได้บุกเข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองการาจี ยึดอุปกรณ์และเครื่องบันทึกข้อมูลต่างๆ โดยระหว่างนั้นได้ไล่พนักงานออกจากพื้นที่บริษัท ขณะเดียวกันทางอิสลามาบัดยังได้แสวงหาความช่วยเหลือจากสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ(เอฟบีไอ) และตำรวจสากล(อินเตอร์โพล) ในการสืบสวนครั้งนี้

ในรายงานของนิวยอร์คไทม์ส์ ได้อ้างข้อมูลจากอดีตลูกจ้างบริษัทแห่งนี้และการวิเคราะห์เว็บไซต์มหาวิทยาลัยปลอมองค์กรต่างๆที่รับรองคุณวุฒิ และสถาบันอื่นๆที่ถูกอ้างถึง กว่า 370 เว็บไซต์ นอกจากนี้ยังอ้างคำบอกเล่าของลูกค้าหลายคนจากสหรัฐฯ อังกฤษและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจ่ายเงินตั้งแต่หลักพันดอลลาร์ไปจนถึงหลายแสนดอลลาร์เพื่อแลกกับปริญญาปลอม

รายงานข่าวระบุว่าพนักงานของบริษัทจะคอยแต่งรายงานเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยปลอมของบริษัทแล้วนำไปเผยแพร่บนเว็บ CNN iReport เว็บไซต์ข่าวที่เปิดให้บุคคลทั่วไปนำข้อมูลต่างๆมาเผยแพร่ได้

Axact เคยแถลงแผนเปิดสถานีโทรทัศน์ข่าวช่องใหม่ในชื่อว่า "Bol" โดยมีการจ้างผู้ประกาศชั้นนำในอัตราเงินเดือนที่สูงลิ่วเหนือกว่าตลาด อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวจำนวนมากได้ลาออกตามหลังข่าวคราวอื้อฉาวของบริษัท


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000060473

 

InPics & Clips : ฝนถล่มซ้ำพื้นที่น้ำท่วมเทกซัสตายเพิ่ม6ศพ เร่งอพยพชาวบ้านผวาเขื่อนแตก! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2558 03:32 น.



รอยเตอร์ - พายุหอบฝนซัดถล่มพื้นที่บางส่วนของเทกซัสอีกระลอกในวันพุธ(27พ.ค.) ซ้ำเติมสถานการณ์อุทกภัยให้เลวร้ายลงอีก หลังน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ต่างๆตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ ในนั้นรวมถึงที่เมืองฮิวส์ตัน ที่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 6 คน และยังก่อความยุ่งเหยิงด้านการสัญจรทางอากาศที่ต้องยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยว ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องอพยพชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ใต้เขื่อนแห่งหนึ่ง ท่ามกลางภัยคุกคามของกระแสน้ำหลาก

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/-7kDlOKBqIs" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/IPBmX0-CINQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/wnD3D-4fA9c" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

จนถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 13 รายในเทกซัส จากพายุที่เริ่มซัดถล่มมาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและนำมาซึ่งอุทกภัยครั้งเลวร้ายสุดเป็นประวัติการณ์ ทำลายบ้านเรือนหลายร้อยหลัง สะพานหลายแห่งพังเสียหายและมีผู้ขับขี่ติดค้างอยู่บนท้องถนนมากกว่า 2,000 คน

อย่างไรก็ตามคาดหมายว่ายอดผู้เสียชีวิตในเทกซัสน่าจะสูงกว่านี้ เนื่องจากยังมีอีกจำนวนมากที่ยังสูญหาย ขณะพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งในฮิวสตันและออสติน ยังถูกพายุฝนฟ้าคะนองเล่นงานซ้ำเติมอีกในวันพุธ(27พ.ค.)

"มีความเป็นไปได้ที่ฝนจะทำให้น้ำท่วมถนนเพิ่มเติม ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ประชาชนเดินทางไปทำงานด้วยความระมัดระวัง" เมืองฮิวสตันระบุในถ้อยแถลง พร้อมระบุว่ามีสิ่งปลูกสร้างราว 1,400 แห่งนี้ได้รับความเสียหายจะระดับน้ำที่ท่วมสูงและมีผู้สูญหาย 2 คนภายในเมือง ขณะที่เหยื่อรายล่าสุดเป็นชายวัย 31 ปี ซึ่งถูกพบอยู่ใกล้ๆรถยนต์คันหนึ่งที่จมอยู่ใต้น้ำ

พายุยังสร้างความปั่นป่วนด้านการสัญจรทางอากาศในภูมิภาค ด้วยจนถึงเวลา 16.00 จีเอ็มที(ตรงกับเมืองไทย 23.00น.) มีเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยวต้องยกเลิก ตามท่าอากาศยานต่างๆในดัลลัสและฮิวสตัน

ใกล้ๆกับดัลลัส ตำรวจได้อพยพชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ใกล้ๆเขื่อนแห่งหนึ่ง หลังกระแสน้ำหลากอาจทำเขื่อนแตก โดยตอนนี้ระดับน้ำถึงระดับความจุสูงสุดของเขื่อนปาเดรา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของดัลลัส ราว 40 กิโลเมตร ทำให้ตำรวจต้องร้องขอชาวบ้านที่อยู่ใต้เขื่อนให้อพยพและเคลื่อนย้ายปศุสัตว์ไปยังที่สูง "วิศวกรกำลังประเมินเขื่อน และไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาดใดๆ" ตำรวจบอก

คาดหมายว่าคำเตือนน้ำท่วมฉับพลันในเทกซัสจะถูกคงไว้จนถึงช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่ฝ่ายจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินของเทกซัสบอกว่าระบุพายุที่ปกคลุมหลายมลรัฐทางภาคใต้จะทำให้มีฝนตกลงมาเพิ่มเติมอีก

เมื่อวันจันทร์(25พ.ค.) ในฮิวสตัน มีฝนตกลงมาในหนาเม็ดถึง 11 นิ้ว ขณะที่พื้นที่บางส่วนของออสติน เจอฝนถล่มหนักสุด 7 นิ้ว จนทางการต้องส่งเฮลิคอปเตอร์เข้าไปรับประชาชนที่ติดค้างอยู่ตามรถยนต์และดาดฟ้าของอาคารไปยังสถานที่ปลอดภัย

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า น้ำท่วมที่รัฐเท็กซัสถือว่าร้ายแรงมากและเขาได้แจ้งกับนายเกรก แอบบ็อตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัสเพื่อเสนอให้ความช่วยเหลือแล้ว ในขณะที่นายแอบบ็อตต์ประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่อย่างน้อย 40 เขต

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000060475

 

เกิดไฟป่ากว่า 70 จุดในแคว้นอัลเบอร์ตาของแคนาดา ทางการสั่งอพยพปชช.กว่า 7,000 ชีวิตหนีตาย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2558 04:13 น.



เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เกิดไฟป่าจำนวนกว่า 70 จุดในแคว้นอัลเบอร์ตาของแคนาดา ซึ่งในจำนวนนี้มีถึง 55 จุดที่ปะทุพร้อมๆกันขึ้นในวันอาทิตย์ (24 พ.ค.) ที่ผ่านมา ส่งผลประชาชนกว่า 7,000 คนต้องอพยพหนีตายออกนอกพื้นที่

รายงานข่าวล่าสุดในวันพุธ (27) ระบุ ยอดประชาชนที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตน เพราะเหตุไฟป่าในแคว้นอัลเบอร์ตาได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 7,000 คนแล้ว

ไฟป่าที่เกิดขึ้นแล้วกว่า 70 จุดทั่วแคว้นอัลเบอร์ตาไม่เพียงแต่จะคุกคามบ้านเรือนและย่านธุรกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เกิดความกังวลต่อความปลอดภัยของ “โรงกลั่นน้ำมัน” หลายแห่งด้วยเช่นกัน

ล่าสุด สื่อท้องถิ่นรายงานว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมากกว่า 1,600 คนทั้งจากอัลเบอร์ตาและแคว้นใกล้เคียงได้ถูกระดมกำลังเข้ามาควบคุมไฟป่าที่เกิดขึ้นกว่า 70 จุด แม้จะมีรายงานว่า ในจำนวนนี้มีไฟป่ากว่า 20 จุดที่ลุกลามหนักถึงขั้น “ควบคุมไม่ได้” แล้ว

ด้านทางการท้องถิ่นออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบเบื้องต้นว่า สาเหตุของไฟป่าทั่วแคว้นอัลเบอร์ตาในขณะนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากผลของสภาพอากาศที่ร้อนและแห้ง มิใช่เกิดจากน้ำมือมนุษย์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000060479