ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศิษย์อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร

    [​IMG]

    ดวงเมืองประจำปี (๒๕ เม.ย. ๒๕๕๘ - ๒๔ เม.ย. ๒๕๕๙) ตอนที่ ๔ ตอนจบ
    การพยากรณ์ดวงแบบ "วรรษจักรา" นั้น จะบอกภาพรวมของชาตาในรอบปี โดยจะต้องนำเอาดวงจรที่ดาวจรมากระทบกับดาวเดิมมาประกอบด้วยเพื่อที่จะหาช่วงวันเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆ
    โดยในที่นี้จะขอสรุปเฉพาะดวงวรรษจักราให้ทราบเท่านั้น ส่วนเรื่องดาวจรมากระทบกับดาวเดิมนั้น จะอธิยายขยายความให้ทราบเมื่อใกล้ที่เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ
    ๑.จุดแข็งของดวงวรรษจักราในรอบปีนี้
    ๑.๑. ลัคนาที่แทนได้กับบ้านเมืองได้รับแสงจากดาวเจ้าเรือนและศุภเคราะห์ใหญ่จึงมีความเข้มแข็งมาก ดังนั้นบ้านเมืองจะมีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าปีที่ผ่านมา
    ๑.๒.ดาวศุกร์เจ้าเรือนกัมมะ (แทนรัฐบาล การบริหารบ้านเมือง) ทำมุมโยคดี ดังนั้นรัฐบาลจะมีความสำเร็จในเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งจะมีการคิดค้นและมีการลงทุนในสิ่งแปลกๆใหม่ๆ จะเกิดผลดี
    ๑.๓.ดาวเสาร์เป็นตนุลัคน์และเจ้าเรือนกดุมภะไปอยู่เรือนที่ ๑๑ (เรือนลาภะ) เป็น "ภพอุปจัย" บ้านเมืองจะได้รับศุภผลจากมิตรประเทศ การเงินการคลังจะดีกว่าในรอบปีที่ผ่านมา
    ๑.๔.ดาวพฤหัสบดีมีความเข้มแข็งมาก โดยจะให้คุณคุ้มโทษ คุ้มภัยให้กับบ้านเมืองได้ ศัตรูคู่แข่งขันของบ้านเมืองจะแพ้พ่ายลงไปในที่สุด
    ๒.จุดอ่อนของดวงวรรษจักราในรอบปีนี้
    ๒.๑.ดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนมรณะเป็นมหาอุจน์ในเรือนพันธุ "ให้โทษ" บ้านเมืองจะเกิดปัญหากับเรื่องที่อยู่อาศัย พาหนะ ดินแดน ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน แร่ธาตุ "มารดา" ฯลฯ
    ๒.๒.ดาวบาปพระเคราะห์มีกำลังมาก ดังนั้น ท่านผู้นำจึงควรที่จะระมัดระวังในการ "ใช้ธรรมเป็นอำนาจ" มากกว่าการ "ใช้อำนาจเป็นธรรม" ในการบริหารบ้านเมือง
    ๒.๓.พระราหูสารัมภ์ สถิตย์ในเรือนที่ ๙ (ศุภะ แทน กฎหมาย การศาสนา กระบวนยุติธรรม คดีความ ฯลฯ) ดังนั้น เราคงจะคาดหวังความบริสุทธิยุติธรรมในเรื่องตัวบทกฏหมาย ตลอดจนคุณงามความดีและ
    ข้อวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์องค์เจ้าได้ยาก
    ๓.โอกาสใหม่ๆ ของดวงวรรษจักราในรอบปีนี้
    ๓.๑.ลัคนาหรือบ้านเมืองมีกำลังดี จะได้รับการสนับสนุนจากมิตรประเทศ อีกทั้งศัตรูเปิดเผยก็อ่อนกำลัง ดังนั้น ในปีนี้ผู้บริหารบ้านเมืองมีโอกาสจะทำสิ่งใหม่ๆ ได้สำเร็จ จะขุดรากถอนโคนศัตรูของบ้านเมือง ก็ให้เร่ง
    ทำให้สำเร็จในรอบปีนี้
    ๔.อุปสรรคต่างๆ ที่เกิดจากปัจจัยภายนอกของดวงวรรษจักราในรอบปีนี้
    ๔.๑.ราหูสารัมภ์ ที่สถิตย์ในเรือนที่ ๙ ก็แทนได้กับการต่างประเทศเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลพึงระมัดระวังในกิจการการต่างประเทศไว้บ้าง ซึ่งจะต้องพิจารณาให้รอบครอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเขตแดน
    แต่ไรก็ตาม ต่อให้ดวงจรจะดีสักเพียงใด ถ้าพื้นดวงเดิมไม่เข้มแข็งแล้ว ความดีงามที่จะเกิดขึ้นก็แค่เพียงแต่พอประมาณเท่านั้น
    ความตั่งใจดีของท่านผู้นำนั้นไม่มีคนดีคนไหนปฏิเสธได้ แต่ดวงดาวก็เสมือนแผนที่กรรมของเราท่านทั้งหลายและของบ้านเมือง เมื่อคนคำนวณก็ยังไม่สู้ฟ้าลิขิต และต่อให้ฟ้าลิขิตก็ยังไม่สู้กรรมลิขิต ดังนั้นเร่งทำคุณงามความดีฝากไว้กับแผ่นดินกันเถิดท่านผู้มีอำนาจทั้งหลาย
    admin ดิลก แสงอุทัย
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ทรานส์นิสเทรียยื่นฎีกาถึงปูตินขอให้ช่วยคุ้มครองจากภัยคุกคามภายนอก

    [​IMG]

    ------------
    สำนักข่าว sputnik news รายงานว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาคณะผู้แทนจากองค์กรสาธารณะจำนวน 66 องค์กรได้รวมตัวกันภายในสาธารณรัฐมอลโดวาทรานส์นิสเทรีย (Transnistrian Moldovan Republic - TMR) เพื่อยื่นฎีกาขอความคุ้มครองต่อปธน.วลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย โดยผ่านปธน. Yevgeny Shevchuk ของทรานส์นิสเทรียเพื่อส่งต่อไปยังปูติน การยื่นฎีกาในครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากประชาชนชาวทรานส์นิสเทรียมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยจากภัยคุกคามภายนอกในรอบ 25 ปีทั้งจากนาโต้ในมอลโดวาและจากฝั่งยูเครนที่สั่งห้ามไม่ให้กองทัพรัสเซียส่งกองกำลังรักษาสันติภาพผ่านยูเครนเข้าไปในทรานส์นิสเทรีย
    ข้อเรียกร้องในฎีกาขอความคุ้มครองจากรัสเซียบางส่วนกล่าวว่า "พวกเราขอยื่นฎีกาต่อวลาดิมีร์ ปูตินในกรณีที่เกิดมีภัยคุกคามบางอย่างต่อ Transnistria ปูตินจะเป็นผู้รับประกันสันติภาพในดินแดนของ Transnistria… (ปูติน) อาจจะใช้มาตรการทั้งหมดที่จำเป็นเช่น ทางการเมือง การทูต เศรษฐกิจ การแซงชั่น และแน่นอนในกรณีที่เกิดภัยคุกคามย่อมรวมถึงมาตรการอื่นๆด้วย พวกเราชาวทรานส์นิสเทรียได้ถูกบล็อกอยู่ตรงกลางจากทั้งสองด้านคือ Moldova และ Ukraine นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี"
    นั่น!… นาโต้กับสหรัฐฯกะจะยึดหรือหาเรื่องถล่มทรานส์นิสเทรียจากทั้งสองด้านหละสิ เพราะมันมีสัญญาณแปลกๆจากการเคลื่อนไหวทั้งจากฝั่งนาโต้และฝั่งยูเครนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐฯอย่างเบ็ดเสร็จ จึงทำให้พลเมืองของทรานส์นิสเทรียรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยที่กำลังจะมา จึงได้รีบรวมตัวกันขอความคุ้มครองจากปูตินโดยด่วน คล้ายกับกรณีของ Abkhazia และ South Ossetia ที่อยู่ระหว่างรัสเซียกับจอร์เจียอย่างที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้ว
    บางคนสงสัยว่าแล้วประเทศหรือสาธารณรัฐ "Transnistria" นี่อยู่ตรงไหนและมีความเป็นมาอย่างไรรึ? อยู่ตรงบริเวณชายแดนระหว่างประเทศ Moldova และประเทศ Ukraine ไม่ติดทะเลดำ Transnistria ประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจาก Moldova ในปี 1990 แต่ยังไม่มีประเทศใตรับรอง สาเหตุที่แยกตัวออกมานั้นก็เพราะประชาชนส่วนใหญ่ในทรานส์นิสเทรียไม่ต้องการแยกออกจากอดีตสหภาพโซเวียต เพราะว่าประชาชนส่วนใหญ่ของที่นั่นพูดภาษารัสเซียและภาษายูเครน เมื่อทั้งมอลโดวาและยูเครนต้องการแยกตัวออกจากโซเวียต ดังนั้นทรานส์นิสเทรียจึงบอกว่างั้นไม่เข้าทั้งสองฝ่ายจะเป็นเอกชราชต่างหากและนิยมรัสเซียใช้ภาษารัสเซียเป็นภาษาราชการ
    ในปี 1992 เกิดสงคราม "War of Transnistria" ระหว่างฝั่งโปร-มอลโดวาและโปร-รัสเซีย โดยทางมอลโดว่าพยายามจะเข้ายึดทรานส์นิสเทรียให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ฝั่งโปรรัสเซียไม่ยอมจึงเกิดการต่อสู้กัน และฝั่งโปร-รัสเซียก็ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียด้วย ผลสุดท้ายจึงไม่สามารถหาข้อยุติได้ (ก็แสดงว่าฝั่งโปร-รัสเซียชนะนะสิ คล้ายกับยูเครนตะวันออกเลย แม้จะแยกไม่ได้ แต่อีกฝั่งก็ยึดไม่ได้เช่นกัน) ส่วนทางทรานส์นิสเทรียนั้นก็มีระบบปกครองเป็นของตัวเองคือมีการเลือกตั้งปธน. มีกองทัพ ตำรวจ ระบบไปรษณีย์และพิมพ์ธนบัตรเป็นของตัวเอง แต่ในการทำการค้ากับยูเครนนั้น ทางยูเครนกำหนดให้บริษัทของทรานส์นิสเทรียจะต้องจดทะเบียนในนามของมอลโดวา ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรจดก็จด
    ช่วงที่เกิดสงครามทรานส์นิสเทรีย รัสเซียได้ส่งกองทัพตนเข้าประจำการในทรานส์นิสเทรีย และบางส่วนที่ประจำการอยู่ในมอลโดวาตั้งแต่สมัยโซเวียตแล้ว ทางมอลโดวาและยุโรปพยายามผลักดันให้รัสเซียถอนอาวุธและกำลังออกจากมอลโดวา แต่สภาดูม่าของรัสเซียไม่ยอมอนุมัติตั้งแต่ปี 2002 ต่อมาเมื่อรัสเซียถูกกดดันทางการเมืองอย่างหนักจากสหรัฐฯและยุโรปจึงได้ทะยอยถอนอาวุธและกำลังบางส่วนออกจากมอลโดวาและทรานส์นิสเทรีย แต่กองกำลังรักษาสันติภาพบางส่วนของรัสเซียก็ยังคงประจำการอยู่ในทรานส์นิสเทรีย ในปี 2008 ทางสหรัฐฯเข้ามากดดันรัสเซียให้ถอนกำลังออกจากทรานส์นิสเทรียอีกรอบโดยพยายามจะส่งกองกำลังของตัวเองในนามนาโต้เข้าไปประจำการแทน ปูตินบอกว่าฝันไปเถอะไม่หลงกลหรอก
    เพื่อที่จะยึดและกลืนกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียตรอบทะเลดำให้อยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐฯให้ได้ สหรัฐฯจึงพยายามหาทางผลักดันกองทัพของรัสเซียออกจากประเทศเหล่านั้น และจัดการซ้อมรบในทะเลดำบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ พอจีนกับรัสเซียจับมือกันซ้อมรบที่ทะเลดำเมื่อกลางเดือนนี้ก่อนที่จะย้ายไปซ้อมรบต่อที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางนาโต้ก็นิ่ง แต่พอจีนกลับไป วันนี้นาโต้นำโดยสหรัฐฯก็จัดซ้อมรบที่ทะเลดำยั่วรัสเซียอีก
    The Eyes
    26/05/2558
    ----------
    People of Transnistria to Ask Putin for Protection From External Threat / Sputnik International
    Kiev's Blockade of Transnistria Peacekeepers Betrays Ukrainians – Deputy PM / Sputnik International
    Transnistria - Wikipedia, the free encyclopedia
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    นิตยสารสหรัฐฯกล่าวว่า F-16 ที่ถูกฮูติสอยไปสองลำนั้นไม่น่าจะเป็นของซาอุดิฯหรือชาติอาหรับนะ เอ้า!แล้วของใครเอ่ย?

    [​IMG]

    ------------
    ช่วงนี้มีแต่ข่าวมันส์ๆทั้งนั้นเลยหละพี่น้องเอ๋ย (อย่าพึ่งมองว่าแอ็ดมินกลายเป็นพวกคลั่งสงครามนิยมความรุนแรงไปซะแล้วนะครับ เราแค่ติดตามสถานการณ์โลกมาเล่าสู่กันฟังนะขอรับ) เดี๋ยวจะทะยอยเล่าให้ฟังเรื่อยๆ อย่าพลาดเชียวนา ถ้าตกข่าวแล้ว เดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง
    มาลุยข่าวแรกกันเลยดีฝ่าาาา เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซีย (เจ้าประจำที่แอ็ดมินชอบ) รายงานว่า เครื่องบินรบ F-16 ถูกสอยร่วงในเยเมนในเดือนนี้ถึง 2 ลำ เมื่อตรวจสอบแล้วพพว่าเครื่องบินรบ F-16 ทั้งสองลำนั้นไม่ได้เป็นของชาติอาหรับเลย ของซาอุดิอาระเบียก็ไม่ใช่ ของประเทศไหน (ในกองกำลังผสมอาหรับนำโดยซาอุดิฯ) ก็ไม่ใช่อีก แล้วมันเป็นของใครหละเนี่ย? มีการตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า ผู้ซื้อรายเดียวในภูมิภาคนั้นนอกเหนือจากชาติอาหรับแล้วก็มีแต่ "อิสราเอล" เท่านั้น โอวววว แม่เจ้า! รายงานนี้ได้มาจากนิตยสารออนไลน์ด้านกองทัพของสหรัฐฯฉบับหนึ่ง
    การวิเคราะห์ซากเครื่องบิน F-16 ที่ถูกยิงตกในเยเมนเมื่อเร็วๆนี้ไม่สามารถระบุที่มาต้นสังกัดที่แท้จริงได้ แต่ มีการพ่นสีทำให้เหมือนว่าเป็นเครื่องบินรบของซาอุดิฯ แต่ไม่ใช่ของซาอุดิฯ นิตยสารฉบับนี้กล่าวว่าจริงๆแล้วมันคือของกองทัพอากาศอิสราเอลต่างหาก ส่วนนักบินก็ภาษาอารบิคในการสื่อสารแทน
    เมื่อวันที่ 11 พ.ค.58 ที่ผ่านมากลุ่มฮูติของเยเมนสอย F-16 ได้ลำหนึ่งรายงานเบื้องต้นบอกว่าเป็นเครื่องบินรบของโมร็อคโคที่รุกล้ำน่านฟ้าของเยเมนแถว Noshour Valley ทางทิศเหนือของกรุงซานาเมืองหลวงเยเมน
    และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ฮูติก็สอยเครื่องบินรบ F-16 ได้อีกหนึ่งลำ ตกลงที่ Bayt Khayran ในเขตอำเภอ Bani Harith ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงซานา รายงานบอกว่าหนึ่งในเครื่องบินรบ F-16 ทั้งสองลำที่ถูกกลุ่มฮูติยิงตกนั้น โดนยิงด้วย BUK ของรัสเซียที่มีการอัพเดทโดยเยเมน (ว้าวววว! ใครว่าฮูติกระจอกหละนี่ ธรรมดาซะที่ไหนหละนี่ พวกนุ่งถุงผ้าเตี่ยวนี่แหละไม่ต้องมียูนิฟอร์มอย่างทหารซาอุดิฯหรือสหรัฐฯก็อัพเดท BUK ของรัสเซียได้อ่ะ)
    จากการวินิจฉัยภาพถ่ายซาก F-16 เบื้องต้นที่เยเมนนำมาแสดงนักวิเคราะห์มองว่าน่าจะเป็นหนึ่งใน F-16 A models 50 ลำที่สหรัฐฯส่งให้อิสราเอลในสมัยคลิลตันเป็นปธน.ของสหรัฐฯ ปัจจุบันนี้บางส่วนเป็นเครื่องบินรบนอกประจำการของนาโต้ซึ่งอาจจะเป็นอิตลาลีหรือโปรตุเกสก็ได้
    รายงานข่าวบอกว่าโดยระยะทางจากอิสราเอลถึงเยเมนนั้นห่างกันเพียง 1,200 ไมล์เท่านั้น หากติตตั้งถังเชื้อเพลิงภายนอก (drop tank) ขนาด 4x1000 เข้าไปซัก 3 ถัง พร้อมด้วยระเบิด ขีปนาวุธแบบ sidewinder missiles สำหรับป้องกันตัวเองเข้าไปด้วย ก็มีความเป็นไปได้ว่าเครื่องบินรบดังกล่าวนั้นมาจากอิสราเอล นิตยสารฉบับนี้ยังกล่าวอีกว่าด้วยระยะทางที่เท่ากันนี้ การกำหนดค่าในการปฏิบัติภารกิจแบบนี้สามารถที่จะส่ง F-16 ไปโจมตีอิหร่านได้เช่นกัน
    การวิเคราะห์จากนิตยสารดังกล่าวจะเป็นจริงมากน้อยแค่ไหนนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งก็คือนิตยสารรายนี้เป็นของสหรัฐฯ ได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากองค์กรต่างๆมีเครือข่ายไม่ต่ำกว่า 60 แห่งส่วนมากจะเน้นให้บริการข่าวสารในแวดวงกองทัพของสหรัฐฯเป็นหลัก ก็สรุปว่าเป็นสื่อฯของสหรัฐฯ เท่าที่สังเกตดูเวลาพวกนักการเมืองเขาจะเล่นเกมโจมตีหรือหาแพะรับบาปหรือใส่ร้ายใครนี่เข้าจะใช้วิธีโยนหินถามทางก่อน ส่วนมากจะผ่านสื่อฯกระแสรองหรือรายเล็กแต่ก็เป็นที่นิยมในระดับหนึ่ง รวมทั้งเคลื่อนไหวผ่านพวกอดีตนักการเมือง พวกธิงค์แท็งค์ หรือองค์กรต่างๆ เพื่อเช็คดูกระแสตอบรับ ถ้ามีคนสนใจมากก็จะหันไปเล่นผ่านสื่อฯกระแสหลักต่อไป อย่างเช่นกรณีวิกฤตยูเครนก็ใช้พวกอดีตทูต อดีตนักการเมืองมาสร้างข่าวลวงใส่ร้ายรัสเซียอยู่บ่อยๆ ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯไม่ต้องรับผิดชอบอะไรกับคำพูดเหล่านั้น มันได้ผลในระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงมองไปว่าสหรัฐฯต้องการอะไรจากข่าวนี้ สหรัฐฯกับอิสราเอลก็เป็นพวกเดียวกันไม่ใช่รึ?
    The Eyes
    27/05/2558
    ----------
    Israeli F16s Bombing Yemen? / Sputnik International
    http://www.veteranstoday.com/…/additional-confirmation-of-…/
    Farsnews
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อัยย๊ะ! อังกฤษขอให้ปูตินช่วยแก้ไขปัญหาในตะวันออกกลาง บิ๊กบอสนาโต้วิ่งเข้าซบปีกรัสเซียลดความก้าวร้าวขอเจรจา

    [​IMG]

    ------------
    เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.58) สำนักข่าว DWN ของเยอรมันนีรายงานว่าขณะนี้ทางสหราชอาณาจักรได้หันมาเชิญรัสเซียให้เข้ามีส่วนมร่วมในการต่อสู้กับขบวนการก่อการร้าย ดูเหมือนว่าตะวันตกได้ตื่นรู้แล้วว่าการเผชิญหน้ากับรัสเซียนั้นจบไม่สวยแน่ แม้กระนั้นทั้งสองประเทศก็ยังจัดการซ้อมรบทางทหารอย่างหนัก เพื่อป้องกันความขัดแย้งในด่านหน้าและเพื่อไม่ให้เผยถึงความอ่อนแอของตนต่ออีกฝ่าย
    DWN รายงานว่า ตะวันตกได้รับรู้แล้วว่ามาตรการโดดเดี่ยวรัสเซียนั้นไม่ได้ผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลปรากฎชัดแจ้งแล้วว่าอเมริกาไม่ได้รับผลตอบรับที่เป็นบวกเลยจากการทำสงครามในซีเรีย ดังนั้นอังกฤษและรัสเซียจะประกาศเจตนารมณ์ที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการแก้ไขวิกฤตปัญหาซีเรีย รายงานข่าวอ้างจากแถลงการณ์ของรัฐบาลอังกฤษว่านายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษและประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ตกลงกันที่จะเข้าร่วมประชุมกับคณะที่ปรึกษาอาวุโสด้านความมั่นคงของทั้งสองประเทศ
    โดยทั้งสองฝ่ายได้คุยกันเกี่ยวกับปัญหาในซีเรียและผู้ก่อการร้ายไอซิสราวครึ่งชั่วโมง ทั้งสองประเทศไม่ต้องการเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างกันเร็วเกินไป ดังนั้นจึงยังคงมีการดำเนินการซ้อมรบแข่งขันกันเหมือนยุคสงครามเย็น เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯและตะวันตกได้เริ่มการซ้อมรบทางทหารครั้งสำคัญโดยมีเครื่องบินรบเข้าร่วมประมาณ 100 ลำใน Scandinavia ใกล้ชายแดนของรัสเซีย นอกจากนี้สหรัฐฯและอียูยังได้จัดการซ้อมรบทั้งในตอนเหนือของนอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์อีกด้วย ส่วนทางรัสเซียนั้นก็จัดซ้อมรบครั้งยิ่งใหญ่ประชันอีกเช่นกัน โดยจัดขึ้นที่ภูมิภาค Ural และ Siberia ซึ่งมีกำลังพลในกองทัพเข้าร่วมฝึกราว 12,000 นาย และมีเครื่องบินรบอีก 250 ลำเพื่อฝึกซ้อมปฏิบัติการป้องกันภัยทางอากาศจนถึงวันพฤหัสบดีนี้ จากนี้ยังมีรายงานข่าวมาว่ารัสเซียกำลังจะส่งรถถังรุ่นใหม่ล่าสุด Armata T-14 และ APC ระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศรุ่นใหม่เข้าประจำการในคาบสมุทรอาร์คติกด้วย ใกล้ๆกับที่ซึ่งสหรัฐฯกับพรรคพวกกำลังพากันไปซ้อมรบอยู่นั่นแหละ
    ในวันเดียวกันนี้มีรายงานข่าวมาว่าปฏิบัติการซ้อมรบทางอากาศและซ้อมระบบป้องกันภัยทางอากาศในมณฑลทหารภาคกลางของรัสเซียในครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่การป้องกันภัยจากเอเซียกลางด้วย ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศคาซัคสถาน คีร์กิสถาน ทาจีกิสถาน เติร์กเมนิสถาน และอุซเบกิสถาน ในกลุ่มประเทศเหล่านี้บางประเทศก็เป็นพันธมิตรกับรัสเซีย บางประเทศก็อยู่ฝั่งสหรัฐฯ ดังนั้นจึงจำเป็นที่รัสเซียจะต้องระวังภัยจากฟากนี้เอาไว้ด้วยเช่นกัน
    ล่าสุดรายงานข่าวจากทางการจีนบอกว่าจีนจะขยายความร่วมมือทางด้านกองทัพกับรัสเซียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นจากแถลงการณ์ยุทธศาสตร์ทางทหารกระทรวงกลาโหมของจีน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นั่นไง... บอกแล้วนาโต้อย่าแหย่หมีขาวกับหมีแพนด้าเช่นเชียวนา หงุดหงิดขึ้นมาแล้วจะเอาไม่อยู่นะคราวนี้
    ยังมีอีก... ในวันเดียวกันนี้รวม.กลาโหมของรัสเซียกับอิหร่านได้ปรึกษารือกรอบความร่วมมือทางกองทัพระหว่างสองประเทศด้วย นี่รมว.กลาโหมของทั้งสองประเทศเขายกหูโทรศัทพ์คุยกันว่าจะเป็นความร่วมมือทางด้านเทคนิคในกองทัพระดับทวิภาคี และกำหนดแผนการความร่วมมือกันในอนาคตด้วย (ใครจะกล้าไปหาเรื่องอิหร่านได้หละคราวนี้?)
    มาดูฟากนาโต้บ้าง... เมืื่อวันที่ 25 พ.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า Jens Stoltenberg เลขาธิการใหญ่ของนาโต้เชื่อว่าการเจรจากันเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยก้าวข้ามความแตกต่างในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับพันธมิตร (นาโต้) และเพื่อแก้ไขปัญหาความโปร่งใสในกิจกรรมทางกองทัพ Jens Stoltenberg กล่าวว่าเขาต้องการที่จะดำเนินการเจรจาต่อไปอีกที่กรุงมอสโคว์รวมทั้งการได้พบกับรมว.ต่างประเทศของรัสเซียด้วย (Sergei Lavrov)
    มาฟังนาโต้พูดบ้างนะ "เราไม่เคยพยายามที่จะโดดเดี่ยวรัสเซีย (อุบ๊ะ! ส.ด.อเมริกันนี่มันพลิกลิ้นได้เร็วจริงๆพับผ่าสิ!) เราขอยืนยันว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะมีการติดต่อกันทางการเมืองโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากเมื่อมีความตรึงเครียดสูงขึ้น" จุดยืนของนาโต้ (สหรัฐฯ) ก็คือว่านาโต้ยังไม่ยอมรับการผนวกรวมไคร์เมียเข้ากับรัสเซีย (Crimea’s reunification with Russia) (ก็แหงหละ สหรัฐฯอยากจะได้ฐานทัพเรือที่ไคร์เมียซึ่งมีพร้อมทุกอย่างไว้ในครอบครองอยู่แล้ว ก็ย่อมพูดอย่างนี้เป็นธรรมดา แต่ประชาชนชาวไคร์เมีย 96.7% บอกว่าต้องการจะไปอยู่กับรัสเซีย นาโต้ไม่ยอมรับก็ช่างหัวนาโต้ประไร ชาวไคร์เมียกับรัสเซียยอมรับก็พอแล้ว)
    พวกนี้พอพูดออกสื่อฯก็จะทำท่าแข็งๆอย่างนี้แหละ หากเขาถือไพ่ที่เหนือกว่าแล้วเขาจะวิ่งขอเข้าเจรจากับรัสเซียทำไม ลูกไม้ตื้นๆใครก็ดูออก ดูตอนแรกที่เกิดวิกฤตยูเครนสิ ไม่เห็นสหรัฐฯและนาโต้วิ่งไปขอเจรจากับรัสเซียอย่างนี้เลย เพราะมั่นใจว่างานนี้รัสเซียไม่รอดแน่ แต่สุดท้ายเป็นไง ใครกันแน่ที่จะไม่รอดเพราะการกระทำของตัวเอง ให้มันรู้ซะมั่ง ปูตินซะอย่าง
    The Eyes
    27/05/2558
    ----------
    End of Isolation: Britain Asks Putin for Help in Middle East – German Media / Sputnik International
    NATO Chief Stoltenberg Wants to Continue Meeting With Russian Officials / Sputnik International
    NATO General Reveals Alliance's Biggest Concern About 'Gambler' Putin / Sputnik International
    Russian Air Defense Drills Test Countering Threats in Central Asia / Sputnik International
    China's New Military Strategy Includes Extended Cooperation With Russia / Sputnik International
    Russian, Iranian Defense Ministers Outline Military Cooperation Prospects / Sputnik International
    Russia Begins Snap Aviation Combat Readiness Drills / Sputnik International
    Russia's Air Defense Units Redeployed Amidst Snap Combat Readiness Drills / Sputnik International
    Russia to Deploy Armata Tanks, APCs, Air-Defense Missiles in Arctic / Sputnik International
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อียีปต์ลงนามซื้อ MiG-29 และเล็งซื้อเครื่องบินโดยสาร SSJ100 จากรัสเซียในสายการบิน Egypt Air เวียตนามเข้าร่วมเป็นสมาชิกในเขตการค้าเสรีกับกลุ่ม Eurasia นำโดยรัสเซีย

    [​IMG]

    ------------
    แหม… ช่วงนี้รู้สึกว่าจะเป็นช่วงขาขึ้นของรัสเซียก็ว่าได้ ใครๆต่างก็พากันวิ่งเข้าหา สินค้าก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า พันธมิตรก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนพวกขี้อิจฉาคอยหาเรื่องอยู่แต่ก่อนก็อดใจไม่ไหวที่จะมาขอจับมือกับปูตินด้วย เป็นอะไรน่ายินดีกับรัสเซียจริงๆ ในบ้านในเมืองก็ไม่มีม็อบ ไม่มีประท้วง ไม่ตำรวจไล่ตื้บผู้ประท้วงเหมือนอย่างในสหรัฐฯที่เป็นข่าวเร็วๆนี้ ส่วนพวกองค์กรต่างๆที่คอยจะแทรกแซงและแทรกซึมอยู่ในรัสเซียหวังวสร้างความแตกแยกและบ่อนทำลายจากภายในเพื่อทำลายความมั่นคงของรัสเซียนั้นก็ถูกส.ส.ฝ่ายค้านของรัสเซียประเภทรักชาติรักแผ่นดินแม่ของตัวเองไม่เนรคุณแผ่นดินเกิดแม้จะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลก็เสนอออกกฎหมายเอาผิดกับตัวแทนหรือองค์กรต่างประเทศหรือที่ได้รับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศจัดให้เป็น "องค์กรต่างประเทศที่ไม่พึงปรารถนา" (undesirable foreign organizations) ในรัสเซียซะเลย
    ตอนนี้ปูตินได้ลงนามรับรองกฎหมายดังกล่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 พ.ค.58 ที่ผ่่านมาแล้วด้วย สำหรับชาวต่างชาติที่บ่อนทำลายรัสเซียและให้ร้ายรัสเซียก็จะถูกจับติดคุก 6 ปี ถูกอายัดทรัพย์สิน สำนักงานถูกปิดตาย อุปกรณ์ด้านการสื่อสารทุกชนิดจะถูกสั่งห้ามหมด แต่ถ้าเป็นชาวรัสเซียที่หลงผิดหรือสมคบคิดกับชาวต่างชาติเพื่อทำลายประเทศตัวเอง กฎหมายรัสเซียยังให้โอกาสกลับตัวกลับใจไม่เอาถึงติดคุก แต่ปรับเงินก็พอ
    มาดูข่าวการขายเครื่องบินรบของรัสเซียให้อียิปต์กันต่อนะครับ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าว sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า รัสเซียได้ตกลงที่จะส่งมอบเครื่องบินรบชั้นยอด MiG-29 (นาโต้เรียกว่า "Fulcrum") จำนวน 46 ลำให้กับอียิปต์มูลค่าราว $2 billion (ประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท) โดยจะมีการลงนามกันในอนาคตอันใกล้นี้
    เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทางรัสเซียได้เสนอขาย MIG-35 (นาโต้เรียกว่า Fulcrum F) ให้กับอียิปต์แทน ซึ่งเป็นรุ่นที่ล่าสุดพัฒนาจาก MiG-29M/M2 และ MiG-29K/KUB ของรัสเซียที่กองทัพรัสเซียใช้ประจำการอยู่ในปัจจุบัน MIG-35 จัดอยู่ใน Generation ที่ 4++ (ปัจจุบันราคาของทั้ง MiG-29 และ MiG-35 ก็ใกล้เคียงกันอยู่ที่ประมาณ $29-$30 million) แต่ทางอียิปต์เลือก MiG-29
    เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมารัสเซียพึ่งจะเริ่มส่งมอบ S-300VM Antey-2500 (SA-23 Gladiator\Giant) ซึ่งเป็นระบบขีปนาวุธพิศัยไกลป้องกันภัยทางอากาศไปให้อียิปต์ซึ่งมีออร์เดอร์มาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว
    ส่วนอีกข่าวหนึ่งก็คือ เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.58) Sputnik news รายงานว่ารัฐบาลอียิปต์สนใจสนใจที่จะสั่งซื้อเครื่องบินโดยสาร Sukhoi Superjet 100 (SSJ100) ของรัสเซียเพื่อใช้ในสายการบิน Egypt Air แห่งชาติของอียิปต์
    แถมให้อีกข่าวหนึ่งครับ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.58 ที่ผ่านมา สื่อฯรัสเซียรายงานว่านายกฯ Dmitry Medvedev ของรัสเซียได้ลงนามอนุมัติข้อตกลงที่ให้เวียตนามเข้าร่วมในเขตการค้าเสรีร่วมกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union) เวียตนามถือว่าเป็นชาติแรกในเอเซียที่เข้าร่วมกับ EEU ซึ่งประกอบด้วย รัสเซีย อาร์เมเนีย เบลารุส คาซัคสถาน และคีร์กีสถาน
    The Eyes
    27/05/2558
    ----------
    http://rt.com/…/261741-russian-undesirable-organizations-p…/
    Russia's Landmark $2Bln Deal With Egypt for MiG Fighter Jets / Sputnik International
    Egypt Considers Buying Russian SSJ100 Planes for National Airline / Sputnik International
    Russia Ready to Supply MiG-35 Jets to Egypt - Manufacturer / Sputnik International
    http://planes.axlegeeks.com/…/Mikoyan-MiG-29M2-vs-Sukhoi-Su…
    Medvedev Approves Free Trade Zone Deal Between EEU, Vietnam / Sputnik International
    Eurasian Economic Union - Wikipedia, the free encyclopedia
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc ได้แชร์รูปภาพของเขา

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
    การทำความเข้าใจ NIBIRU: โฮโลแกรม / เซิร์น / ดาวเคราะห์ปลอม Haarp, ขั้วโลกพลิก Pt 3-9
    Understanding NIBIRU: Holographic/Cern/Haarp Fake Asteroid, Pole Flip. Pt 3-9

    HERE IS THE LINK TO THE VIDEO <<<~~~

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/E0NM2hWmNKE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=E0NM2hWmNKE

    สวัสดีครับ สิ่งนี้เป็นลำดับที่ 3 จากเก้า วีดีโอสั้นๆ 5 นาทีวิดีโอที่จะช่วยให้คุณเข้าใจ Nibiru, เหตุผลที่เราไม่สามารถมองเห็นของเธอ เธออยู่ที่ไหน และผลกระทบของการมาถึงของเธอ
    hi guys, this is the 3rd of nine short 5 minute videos to help you understand Nibiru, why we can't see Her, where She is and the consequences of Her arrival.

    ผมหวังว่าทุกท่านที่สละเวลาในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิดีโอเหล่านี้เป็นผมรู้สึกว่ามันเป็นเวลาที่ .........
    I hope that you all spend some time understanding these video's as I feel that it is tiMe.........

    โปรดอย่าลังเลที่จะแสดงความคิดเห็นและตั้งคำถามใด ๆ ที่คุณอาจจะมีผมหวังที่จะเริ่มต้นการสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้
    please feel free to comment and ask any questions that you may have, I am hoping to start a CHAT on what you will all learn

    ~~~> อย่าพลาดVIDEO นี้ อีโมติคอนพริบ <~~~
    ~~~> DO NOT MISS THIS VIDEO อีโมติคอน wink <~~~
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "ปี 1942 ชาวพุทธพม่าในยะไข่ ถูกชาวมุสลิมโรฮีนจาที่อังกฤษชักใยฆ่าตาย 30,000 คน ตามแนวคิดสร้างยะไข่เป็นรัฐกันชนของอังกฤษ"
    ... ความเดิมจากที่เขียนไปครั้งก่อนเรื่องประวัติศาสตร์ที่มาของความขัดแย้งที่เกิดจากอังกฤษเป็นคนเพาะเชื้อไว้ตั้งแต่ปี 1824ในการเอาคนเชื้อสายแขกอพยพครั้งใหญ่มาที่พม่าทั้งประเทศ และจุดที่เป็นเมืองท่าในการขนถ่ายคนอพยพอย่างรัฐ "ยะไข่"นั้นกลายเป็น สมรภูมิในความขัดแย้งในเวลาต่อมา
    ... คราวนี้มาดูช่วง "สงครามโลกครั้งที่ 2" ที่ตัวละครใหม่ได้เดินเข้ามา พม่าจึงเห็นว่า "ญี่ปุ่น" จะเป็นอำนาจใหม่ในการคานอำนาจแและขับไล่ทั้ง "อังกฤษและแขก" ( ที่รวมทั้งคนเชื้อสาย อินเดีย บังคลาเทศ และโรฮีนจา" ) ออกจากประเทศไปหลังจากที่ครอบครองพม่ามานาน
    ... อังกฤษได้ถอยทัพออกจากพม่าไปจริงแต่ได้หลอกใช้ให้คน "โรฮีนจา" มาตายแทน "สงครามตัวแทน" ( Proxy War ) โดยการหนุนการจัดตั้งกองทหารติดอาวุธโรฮีนจาขึ้นในรัฐ "ยะไข่" ทางตะวันตกของพม่า เพื่อต่อสู้และคอยป่วนทหารพม่าและญี่ปุ่น ซึ่งตอนนั้นพม่ายังไม่ได้เอกราช แต่เริ่มจะกดดันอังกฤษได้เพราะญี่ปุ่นมาช่วย ชาวโรฮีนจาเองก็ถือว่าเป็นคนใต้อาณัติอังกฤษและเป็นทหารของอังกฤษปกครองพม่ามานานเป็นร้อยปี อยู่ข้างอังกฤษมาตลอดจึงร่วมรบแทนอังกฤษแบบเคียงข้างกัน
    ... โดยอังกฤษมีเป้าหมายคือ ต้องการสร้าง "ยะไข่" ให้เป็น "รัฐกันชน" ในระหว่างที่อังกฤษล่าถอยไปในเขตอิทธพลของตนในอินเดีย ( บังคลาเทศ ) เพื่อความปลอดภัยและมีทหารโรฮีนจาเป็นทัพหน้าคอยป้องกันให้
    ... ฝ่ายหนึ่งคือ "อังกฤษและโรฮีนจา" + รบกับ "พม่าและญี่ปุ่น" โดยมีบริบทแฝงคือเรื่องศาสนาด้วย คืออิสลามกับพุทธ มาทำให้รุนแรงขึ้น
    ... "Aye Chan" นักประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย Kanda ได้เขียนเกี่ยวกับช่วงนั้นว่าจากจุดประสงค์ของอังกฤษดังกล่าว ชาวโรฮีนจาได้พยายามทำลายหมู่บ้านชาวยะไข่ หมู่บ้านชาวพุทธเป็นร้อยได้ถูกเผาทำลาย
    ... 28 มีนาคม 1942 ชาวมุสลิม 5,000 คนได้ถูกฆ่าตาย โดยชาวพม่ายะไข่ชาตินิยมที่ญี่ปุ่นหนุนหลัง และต่อมาชาวมุสลิมโรฮีนจาได้ฆ่าชาวพุทธพม่าในยะไข่ที่เป็นไปประมาณ 30,000 คน ( บางแหล่งก็บอกว่า 20,000 คน ) ชาวพุทธได้ถูกกวาดขับไล่ออกจากที่อยู่ 100,000 คน ที่อังกฤษต้องการเป็น รัฐกันชน Buffer Zone นั้น โดยเฉพาะบริเวณรอบๆเมือง Maungdaw ที่ใกล้กับบังคลาเทศ
    ... ญี่ปุ่นก็หนุนทัพเสริมเข้าไปที่นั้น อังกฤษเองก็สร้างกองทหารมุสลิมขึ้นมาสู้ ทหารพม่าชาวพุทธ ทหารโรฮีนจาชาวมุสลิมก็ตายกันมากมาย... ในเขตเมือง คนเชื้อสายแขก 500,000 คนต้องอพยพหนีตายออกจากพม่าครั้งใหญ่ โดยส่วนมากย้ายไปทางแคว้นอัสสัมของอินเดีย
    ... หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นแพ้สงครามและบาดเจ็บกลับบ้านไป อังกฤษและโรฮีนจากลับมาครองพม่าอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีญี่ปุ่นอยู่คอยช่วย มุสลิมโรฮีนจาจึงคิดจะเอา "รัฐยะไข่" ทางเหนือเป็น "รัฐอิสลาม" โดยไม่สนใจอังกฤษที่พยายามจะยกเมืองและหมู่บ้านชาวพุทธที่ถูกเผากลับไปให้พม่าเหมือนเดิม
    ... 1946 ชาว เบงกาลี่ ( บังคลาเทศ) ก็ได้จัดตั้งกองทัพมูจาฮีดินขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการตั้งรัฐอิสลามขึ้น โดยการช่วยเหลือของปากีสถานเพราะต้องการจะให้รัฐยะไข่ทางเหนือเป็นส่วนหนึ่งของปากีสถานทางตะวันออก ที่เตรียมจะได้เอกราชจากอังกฤษ
    ...ต้นปี 1948 หลังได้เอกราขจากอังกฤษ "พม่า" เองก็ไม่ให้สัญชาติกับชาวเชื้อสายแขกอีกต่อไป , จน 19 กรกฎาคม, 1948 ชาวโรฮีนจามุสลิมจีฮัด ได้บุกเมือง Ngapruchaung และหมู่บ้านรอบๆ พวกเขาได้ใช้กลอุบายในการลักพาตัวพระสงฆ์เป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ ถ้าไม่ได้ตามนั้นจะฆ่าตาย
    ... การต่อสู้ยังมีมาต่อไป 1977 ปี นายพลกัดดาฟี่แห่งลิเบียต้องการสร้างบารมีตัวเองแข่งกับเพื่อนบ้านจึงได้แอบช่วยเหลือขบวนการอิสลามใน "ยะไข่" อย่างลับๆ
    ... 13 พฤษภาคม 1988, "กองทัพองค์กรปลดปล่อยโรฮีนจา" Rohingya Liberation Organization (RLO)ได้พาชาวเบงกาลีมุสลิม 50,000 บุกเมือง Maungdawเพื่อจะครอบครอง แต่ก็ถูกต่อต้านจากพม่า
    ... ปี 1992: "เจ้าชายซาอุดิอาระเบีย" Khaled Bin Sultan Bin Abdul Aziz ได้เรียกร้องให้ชาติอิสลามและ UN เข้าไปช่วยเหลือและแทรกแซงในพม่า คล้ายๆกับที่เข้าแทรกแซงคูเวตช่วงสงครามอ่าวครั้งแรกที่ถูกซัดดัมบุกรุก แต่โชคดีที่หลายประเทศและสหประชาชาติไม่เห็นด้วยเพราะยิ่งจะทำให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ไม่หยุดหย่อน
    ... 2012 กลุ่ม"อัลกออิดะห์" ( ที่ซาอุดิอาระเบียหนุนการเงิน ) ได้ประกาศที่จะขยายการทำการตามแนวคิดรัฐอิสลามออกไปให้ครอบคลุมที่ประเทศ อินเดีย บังคลาเทศและ "พม่า" ที่ตอนนี้คาดการณ์ว่าอาจจะมาถึงพม่าในไม่ช้า และอาจจะมีการเชื่อมโยงปัดฝุ่นกลุ่ม RLO อีกครั้งหนึ่งก็ได้ หลังจากมีการออกข่าวกรณีผู้อพยพชาวโรฮินจา ( ที่ความจริงตามข่าวมีสองกลุ่มคือกลุ่มหนึ่งถูกกดขี่จากรัฐบาลพม่าจริงในยะไข่ และอีกกลุ่มหนึ่งก็อพยพจากบังคลาเทศออกไปหาชีวิตที่ดีกว่าทั่วโลกมานานแล้ว )
    ... ( โปรดอ่านด้วยสติปัญญาเพื่อความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เราต้องจับความจริงหมุนดูให้ครบทุกด้านอย่างละเอียด เมื่อเข้าใจความจริงทุกด้านของกล่อง จะได้ไม่ถูกชักจูงไปด้วยสื่อต่างๆได้ง่ายตามอารมณ์ อ่านด้วยใจเป็นกลางไม่ผูกกับศาสนาใด ... อ่านด้วยสำนึกความเป็นคน พลเมืองโลกเหมือนกัน ที่เกิดก่อนการกำเนิดของทุกๆศาสนา แล้วช่วยกันแก้ปัญหาด้วยสติปัญญาต่อไปครับ )
    ... เครดิตข่าว Ann Pan
    http://www.scribd.com/…/2540…/A-RATIONAL-FEAR-IS-ARAKAN-NEXT
    Rakhine State massacre in 1942 - Wikipedia, the free encyclopedia
    https://www.facebook.com/photo.php?...34424510396.2081333.1530201845&type=1&theater
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พลเมืองซาอุฯ นับหมื่นคน แห่เข้าร่วมพิธีศพ “บรรดาชะฮีด” จากเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 26, 2015

    [​IMG]

    เพรสทีวี – พลเมืองซาอุฯ นับหมื่นคนเข้าร่วมพิธีแห่ศพ “บรรดาชะฮีด” จากเหตุระเบิดพลีชีพในมัสยิดอิมามอาลี (อ) ซาอุดิอาระเบีย ในหมู่บ้านกอดียฟ์ แคว้น กอตีฟ

    รายงานระบุว่า ชาวชีอะฮ์ในภาคตะวันออกของซาอุดีอาระเบียและบาห์เรนหลายหมื่นคนได้เข้าร่วมพิธีศพ 21 ชะฮีด (ผู้เสียชีวิต) จากเหตุระเบิดการก่อการร้ายเมื่อวันศุกร์ในมัสยิดอิมามอะลี (อ.) ในเมืองกอตีฟของซาอุดีอาระเบีย

    ก่อนหน้านี้คณะกรรมการจัดพิธีศพได้ประกาศว่า พิธีแห่ศพจะเริ่มต้นจาก “ตลาดนัดวันเสาร์” ในเมืองกอฏีฟในเวลา 15 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นของซาอุดิอาระเบีย และศพ ของบรรดาชะฮีดเหล่านี้จะถูกนำไปยังสุสานในหมู่บ้านอัลกอฎียฟ
    ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจของซาอุฯ ได้ปิดล้อมจังหวัดอัลอะห์ซาอ์ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของชาวชีอะฮ์เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ประชาชนในภูมิภาคนี้ไม่ให้เข้าร่วมในพิธีศพดังกล่าว

    นอกจากนี้ตามรายงานของแหล่งข่าว อินเทอร์เน็ตในท้องถิ่นในเขตพื้นที่ของเมืองกอฏีฟได้ถูกตัดโดยเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของซาอุฯ เพื่อสกัดกั้นการเผยแพร่ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอต่างๆ ที่เกี่ยวกับพิธีนี้

    พลเมืองนับหมื่นคนต่างร่วมให้เกียรติ ในพิธีศพของบรรดาชะฮีดที่เสียชีวิตโดยการโจมตีก่อการร้ายในวันศุกร์ ในมัสยิดอิมามอะลี (อ.) ในหมู่บ้านกอดียฟ์ แคว้นกอตีฟ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต(ชะฮีด)จำนวน 21 คน รวมทั้งเด็กวัยห้าขวบด้วย และบาดเจ็บอีกจำนวน 200 กว่าคน

    ชาวเมืองกอฏียฟได้ชูธง “ยาฮุเซน (อ.)” แทนธงชาติซาอุดีอาระเบีย ในพิธีศพครั้งนี้ด้วย

    ในพิธีอันงดงามและยิ่งที่ได้จัดขึ้นในถนนต่างๆ ของเมืองกอฏียฟนี้ ไม่มีร่องรอยใดๆ ของธงชาติซาอุดิอาระเบียปรากฏให้เห็น มีแต่เพียงธงสีแดงและสีเขียว “ยา ฮูเซน (อ.)” ได้ถูกชูขึ้น

    ผู้เข้าร่วมบางคนยังได้ถือแผ่นป้ายต่างๆ ที่แนะนำเจ้าหน้าที่ของราชวงศ์ซะอูดว่าเป็น “ผู้นำแห่งฟิตนะฮ์” (การสร้างวิกฤตความชั่วร้าย)

    PressTV-ویدئو: تشییع قربانیان انفجار در مسجد قطیف
    تصاویر؛ تشییع شهدای انفجار تروریستی قطیف

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    พลเมืองซาอุฯ นับหมื่นคน แห่เข้าร่วมพิธีศพ “บรรดาชะฮีด” จากเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย | abnewstoday
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    10 แกนนำคนสำคัญของกลุ่มก่อการร้าย “ไอซิส”
    เรื่องเด่นประเด็นร้อนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 26, 2015

    [​IMG]

    ไอซิส คือกลุ่มก่อการร้ายหนึ่งที่อันตรายและมีความน่ากลัวที่สุดของโลกในขณะนี้ โดยมีสมาชิกและแกนนำคนสำคัญจากหลายๆชาติทั่วโลก ซึ่งในรายงานชิ้นนี้จะนำเสนอประวัติแกนนำคนสำคัญของไอซิสพอสังเขปดังนี้

    1. อบูบักร อัลบักดาดี

    ชื่อเต็ม อิบรอฮีม เอาวาด อิบรอฮีม อาลีอัลบัดรี อัลสามารออี เขาคือผู้นำกลุ่มติดอาวุธ Islamic State in Iraq and The Levant (ISIL) หรืออีกชื่อหนึ่ง Islamic State in Iraq and Syria (ISIS)


    อัลบักดาดี เกิดในเมือง ซาเมร่า ในอิรัก ปี 1971 ตามรายงานระบุว่าเขาเป็นผู้นำละหมาด (อิหม่าม) ในมัสยิดในเมืองหนึ่งในช่วงที่มีการทำสงครามอิรัก ใน ปี 2003

    ในวันที่ 4 ตุลาคม 2011 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ขึ้นบัญชี อัลบักดาดี เป็นผู้ต้องระวังเป็นพิเศษในโลกแห่งการต่อต้านก่อการร้าย และมีค่าหัว 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากข้อมูล หากผู้ใดสามารถจับหรือฆ่าเขาได้ เฉพาะ อัยมาน อัลซอวาฮีรี ผู้นำอัลกออีดะฮฺ มีค่าหัวที่ 25 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ

    อัลบักดี ถูกจับกุมในปี 2005 และถูกขังที่ ค่าย บัคคา โดยการควบคุมของกองทัพสหรัฐในอิรัก จนกระทั่งการถ่ายโอนการควบคุมโยรัฐบาลอิรักเองในปี 2009 ซึ่งอเมริกาได้สร้างขึ้นมีความแข็งแกร่งเพื่อกรณีเช่นการจับกุมแกนนำได้ แต่แล้วในปีเดียวกัน รัฐบาลอิรักตัดสินใจปล่อยตัว อัลบักดาดีไป และไม่นานหลังจากที่ถูกปล่อยตัวแล้ว เขาได้รับการประกาศให้เป็นผู้นำ ISI เมื่อวันที่ พฤษภาคม 2010 และเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำอย่างเป็นทางการเมื่อขยายตัวเข้าไปสู่สงครามซีเรีย ในวันที่ 8 เมษายน 2013 ต่อมากลายเป็นรู้จักในนาม ISIS/ISIL อัลบักดาดี ได้อ้างความรับผิดชอบในเหตุการณ์และการปฏิบัติการทางการทหารของกลุ่ม ในวันที่ 28 สิงหาคม 2011 การโจมตีมัสยิด อัลกูรอ ในแบกแดด เป็นเหตุให้ ผู้นำศาสนาสายซุนนี่ เสียชีวิต คือนาย คอลิด อัลฟะฮฺดาวี หลังจากหน่วยคอมมานโด

    สหรัฐอเมริกาโจมตีอับตตาบัต และฆ่า บินลาเดน เสียชีวิต อัลบักดาดีออกแถลงการณ์ แสดงความเสียใจต่อการจากไปของ บินลาเดน และขู่ว่าจะตอบโต้กองทัพสหรัฐอเมริกา

    เมื่อการก่อตั้งของ ISIS ได้รับการประกาศในปี 2013 อัลบักดาดีระบุว่า สงครามกลางเมืองในซีเรีย เป็นสงครามญีฮาด และขบวนการ ISI ในซีเรียก็เข้าร่วมด้วยและกลายมาเป็น ISIS

    2. อบู อะลา อัล อัฟรีย์ (Abu Ala al-Afri)

    อบู อะลา อัล อัฟรีย์ ชื่อจริง คือ “อับดุลรอฮ์มาน มุศตอฟา” เป็นที่ปรึกษาของอบูบักร บักดาดี รักษาการตำแหน่ง ผู้นำแทนอบูบักร หลังจากมีข่าวว่าได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส


    กำเนิด ในเขตพื้นที่ “ อัล ฮัฎร์” ห่างจากเมืองโมซูล อิรัก ประมาณ 80 กิโลเมตร เป็นอาจารย์สอนวิชาฟิสิกส์ ช่วงระยะเวลาหนึ่งอีกด้วย

    รายงานชี้ว่า ในช่วงปี 1998 อัลอัฟรีย์ ได้เดินทางไปยังอัฟกานิสถาน ก่อนที่จะกลายเป็นสมาชิกระดับสูงคนหนึ่งของ อัลกออิดะฮ ซึ่งเขาได้ให้สัตยาบันกับ อัลกออิดะฮ เมื่อปี 2004

    เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีบทบาทสำคัญ ในการบัญชาการกลุ่มก่อการร้าย ในเขต ฮัดร เมือง โมซุล ในจังหวัด นัยนาวา และเขายังเป็นบุคคลที่ กลุ่มก่อการร้ายต่างๆ พากันยกย่องยิ่งกว่า อบูบักร อัลบัฆดาดี

    3. อบู อะลา อัลอัมบารี

    ถือเป็นหนึ่งในแกนนำคนสำคัญของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในซีเรีย

    เป็นผู้บัญชาการทหารชุดปฏิบัติการในซีเรีย อีกทั้งเป็นแกนนำของกลุ่มอัลนุศราห์ ฟรอน

    ในยุคสมัยของซัดดัม เขาเป็นผู้บัญชาการทหารของอิรัก ซึ่งเขาถูกกล่าวหาในคดีทุจริต จาก “กลุ่มทหารอิสลาม”ในอิรัก จึงต้องหนีออกจาประเทศอิรัก และเข้าร่วมสมทบกับกลุ่มอัลกออิดะห์

    4. อบู สุลัยมาน อัล นาเศร

    ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาชูรอและผู้บัญชาการทหารไอซิส ซึ่งเขาได้รับตำแหน่งนี้ต่อจาก อบู อัยมาน อัลอิรอกีย ซึ่งเสียชีวิต จากการที่อเมริกาบุกโจมตีอิรัก เมื่อ 2014

    เขายังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีสงครามของไอซิสด้วย หลังจากที่อบู อัยยูบ อัล มิศรี และ อบูอุมัร อัลบักดาดี เสียชีวิตจากการที่อเมริกาบุกโจมตีเมือง ทิกริก อิรัก เมื่อปี 2010

    อะบู สุลัยมาน อัล นาเศร มีชื่อจริง ว่า นุอฺมาน ซัลมาน มันศูร อัลซัยดี เคยถูกจำคุกช่วงระยะเวลาหนึ่งในเรือนจำโบกา เมืองบัศราห์ อิรัก

    5. อบู มุฮัมมัด อัลอัดนานี

    เป็นโฆษกของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ชื่อจริง ว่า ฏอฮา ศุบฮี ฟัลลาฮี กำเนิดปี 1977 ในหมู่บ้าน บานิช เมือง อัดลิบ ประเทศซีเรีย

    วันที่ 31 เดือน มีนาคม 2005 ถูกจับกุมตัวในอิรัก แต่หลังจากนั้นไม่นานได้รับการปล่อยตัว

    ในปี 2014 เขาได้ปรากฏตัวในคลิปวิดีโอโดยให้การสัตยาบันแก่ อบูบักร์ บักดาดี เขาเป็นบุคคลแรกที่ประกาศข่าว กรณีกลุ่มก่อการ้ายโบโกฮารามในไนจีเรียให้การสัตยาบันกับอบูบักร์ บักดาดี และเรียกร้องให้กลุ่มก่อการร้ายต่างๆในแอฟริกาตะวันตกให้การสัตยาบันกับไอซิส

    6. อบู อุมัร อัลชัยชานี

    เขาถือกำเนิดในจอร์เจีย และเป็นนักรบผู้กล้าหาญคนหนึ่งของจอร์เจียในสมัยครามกับรัสเซียในปี 2008

    หลังจากที่เขาออกจากจอร์เจีย ก็ได้เข้าร่วมขบวนการก่อการร้ายในซีเรีย จากนั้นก็ได้เป็นแกนนำของกลุ่มกบฏและกลุ่มก่อการร้าย “กุตัยบะห์ อัลมุฮาญีรีน” “ ชัยชุล มุฮาญีรีน” และ อันศอร”

    ในปี 2013 เป็นหัวหน้าของกลุ่มก่อการร้ายชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจทางภาคเหนือของซีเรีย เช่น ฮัลบ์ ลัตตาเกีย และ อัดลิบ และในปลายปี 2013 เป็นแกนนำของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสประจำภาคเหนือของซีเรียอย่างเป็นทางการ เป็นบุคคลหนึ่งที่มีชื่อเสียงในหมู่แกนนำกลุ่มติดอาวุธในซีเรีย

    ในวันที่ 24 กันยายน 2014 กระทรวงต่างประเทศอเมริกา ได้ขึ้นบัญชีดำเป็นผู้ก่อการร้าย โดยมีค่าหัว 5 ล้านดอลลาร์

    7. อบู วะฮีบ

    เป็นแกนนำของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ประจำเมือง อัลอันบาร์ อิรัก ชื่อเต็ม ชากิร วะฮีบ อัลฟะฮ์ดาวีย อัลดัยลามี กำเนิด ปี 1986 เขาเป็นผู้บัญชาการในการสังหารโหดผู้โดยสารชาวซีเรีย ในช่วงฤดูร้อน เมื่อปี 2013

    อบู วะฮีบ เป็นหนึ่งในนักโทษ 110 คน ที่หนีออกจากเรือนจำในอิรัก เมื่อปี 2012 หลังจากที่กลุ่มอัลกออิดะห์บุกโจมตี โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเมืองอันบาร์ ตั้งเงินรางวัล 50,000 ดอลลาร์ ให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสของเขา

    8. ฮูเซ็น บิลาล บอสเนีย

    เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มตักฟีรีสลาฟี ในบอสเนีย และเป็นแกนนำชื่อดังอีกคนหนึ่งของกลุ่มไอซิส เกิดในปี 1972 ในบอสเนีย และเป็นแกนนำที่มีชื่อเสียงในการชักใยชาวยุโรปให้เข้าร่วมกลุ่มไอซิส

    ในสมัยเด็ก เขาได้อพยพกับครอบครัวยังประเทศเยอรมนี และในที่นั้นเขาได้เข้าร่วมกลุ่มสลาฟีตักฟีรี

    ในปี 1992 ได้กลับมายังบอสเนียอีกครั้งเพื่อทำสงครามและเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทหาร

    9. ตอริก บิน ตอฮีร บิน อัลฟาลาห์ อัลเอานี อัลฮัรซี

    เป็นชาวตูนิเซีย เป็นแกนนำระดับรุ่นเก่าของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในอิรัก ถูกรู้จักในนาม อะมีร อินตีฮารียูน (ผู้นำแห่งการระเบิดสังหาร) เนื่องจากเขาเป็นมันสมองไอซิสในการคาร์บอมต่างๆ ทั่วโลก อีกทั้งเป็นครูฝึกและอาจารย์สอนให้กับกลุ่มก่อการร้ายและจัดส่งไปในซีเรีย รัฐบาลอเมริกาตั้งค่าหัวไว้ 3 ล้านดอลลาร์ ให้กับผู้แจ้งเบาะแสของเขา

    10 แกนนำต่างๆที่เป็นสาขาย่อยที่ห้การสัตยาบันต่อไอซิส

    • อบู บักร์ ชัยคู เป็นแกนนำกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮาราม ในไนจีเรีย ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าของโบโกฮารามตั้งแต่ปี 2009

    • อับดุลรอฮ์มาน มุสลิมดุส เป็นนักข่าวชาวอัฟกานิสถาน และเคยติดคุกกวนโตนาโม มาก่อน ในปี 2014 จากนั้นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแกนนำของกลุ่มไอซิสในอัฟกานิสถานและปากีสถาน

    • อบู อับรออ์ อับ อิซดี ชาวเยเมน เป็นสมาชิกของไอซิส และหลังจากที่ไอซิสสามารถยึดเมือง “ดัรนาห์” ในลีเบีย อบูบักร บักดาดี แต่งตั้งให้เขาเป็นแกนนำไอซิสในลิเบีย และปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาในเมือง ดัรนาห์ ลิเบียอีกด้วย

    مهمترین سرکردگان داعش/ البغدادی تا بلال بوسنیچ - خبرگزاری مهر | اخبار ایران و جهان | Mehr News Agency

    TWITTER FACEBOOK GOOGLE + PINTEREST

    10 แกนนำคนสำคัญของกลุ่มก่อการร้าย “ไอซิส” | abnewstoday
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประณามอาชญากรรมระเบิดก่อการร้ายในเมืองกอฏีฟ+วีดีโอ
    Category: News & Event Published on Tuesday, 26 May 2015 10:57 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการระเบิดก่อการร้ายในเมืองกอฏีฟ คอเต็บ (ผู้แสดงธรรม) นมาซวันศุกร์ของนิวยอร์ก ได้ประณามอาชญากรรมนี้อย่างรุนแรง และถือว่าอุดมการณ์ของ “วะฮ์ฮาบี ซะละฟี” และความคิดของ “อิบนิตัยมียะฮ์” และ “อับดุลวะฮ์ฮาบ” เป็นสาเหตุหลักและเป็นพื้นฐานของการก่อการร้าย การเข่นฆ่าและการฆาตกรรมทางความเชื่อ

    “เชคฏอริก ยูซุฟ” นักวิชาการซุนนีเชื้อสายอียิปต์ คอเต็บประจำมัสยิด "อุลุลอัลบาบ" ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการระเบิดมัสยิดของชาวชีอะฮ์ในเมืองกอฏีฟของซาอุดิอาระเบีย เขาได้แสดงปฏิกิริยาต่ออาชญากรรมนี้ โดยกล่าวว่า "เป็นไปได้อย่างไรกันที่บุคคลหนึ่งจะสามารถทำการระเบิดตัวเองภายในมัสยิดแห่งหนึ่งและสังหารผู้คนนับสิบ แล้วคิดว่าการกระทำเช่นนี้เขาจะได้เข้าสู่สวรรค์ และฮูรุ้ลอัยน์ (สาวสวรรค์) จะมารอต้อนรับเขาด้วยช่อดอกไม้?!"

    แม้เวลาระหว่างซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอเมริกาจะต่างกัน แต่มีคอเต็บนิวยอร์กผู้นี้เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้แสดงปฏิกิริยาต่อการระเบิดครั้งนี้ในคุฏบะฮ์ (การแสดงธรรม) ของนมาซวันศุกร์ในวันเดียวกันนั้น เขากล่าวว่า "นี่คือปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งที่จะต้องได้รับการแก้ไข พวกเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากอุดมการณ์วะฮ์ฮาบี ซะละฟี และแนวคิดที่สัมพันธ์ไปยังอิบนิตัยมียะฮ์และมุฮัมมัด อิบนิอับดิลวะฮ์ฮาบ ขอสาบานต่ออัลลอฮ์! ใครก็ตามที่อ่านหนังสือของอิบนิตัยมียะฮ์และอิบนิอับดิลวะฮ์ฮาบนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาจะไปถึงขั้นการเป็นผู้ก่อการร้ายได้"

    เขากล่าวเสริมว่า “เด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นทหารรับจ้างของไซออนิสต์แต่อย่างใด และไม่ได้มาจากที่ใด แต่พวกเขาคือผู้ที่ได้รับการอบรมเพาะบ่มมาจากหนังสือวะฮ์ฮาบีเหล่านี้นั่นเอง หนังสือทั้งหมดของอิบนิตัยมียะฮ์ อิบนิก็อยยิมและอิบนิอับดิลวะฮ์ฮาบ และในยุคนี้ก็คือหนังสือของบินบาซ, อิบนิอุซัยมีน, อัลอุร็อยฟี, มุฮัมมัด ฮัซซาน, ฮุวัยนี นอกจากนี้ยังมีผลงานเขียนของซัลมาน อัลเอาดะฮ์และอุษมาน อัลค่อมีซ หนังสือทั้งหมดเหล่านี้ทำให้เด็กๆ กลายเป็นผู้ก่อการร้าย พวกเหล่านี้ได้เขียนว่าชีอะฮ์นั้นเป็นอันตรายต่ออิสลามยิ่งกว่าชาวยิว!..”

    ผู้สนับสนุน “อิบนิอับดุลวะฮ์ฮาบ” คือ “ดาอิช” (ISIS)

    คอเต็บนิวยอร์กกล่าวว่า "ดังนั้นใครก็ตามที่ปกป้องอิบนิตัยมียะฮ์ เขาได้แพร่ขยายแนวคิดความรุนแรงและความเกลียดชังในโลกอิสลาม และใครก็ตามที่ปกป้องอิบนิอับดุลวะฮ์ฮาบและชาวซะละฟี เขาคือดาอิช (ISIS) จำเป็นจะต้องมองพวกเขาด้วยสายตาผู้ก่อการร้าย บรรดานักวิชาการที่กล่าวหาชีอะฮ์ว่าเป็นกาฟิร (ผู้ปฏิเสธอิสลาม) และสาปแช่งพวกเขาหรือถือว่าพวกเขาเป็นสิ่งสกปรก (นะญิส) เหล่านี้คือผู้ก่อการร้าย ขณะนี้ซัลมาน อัลเอาดะฮ์ได้กล่าวอ้างว่า บรรดาญินได้กล่าวกับเขาว่า ชาวชีอะฮ์นั้นอันตรายมากกว่าชาวยิว! หมายความว่า เขาไม่หยุดอยู่แค่มนุษย์ แต่ตอนนี้เพื่อที่จะกล่าวหาชีอะฮ์ว่าเป็นกาฟิร (ผู้ปฏิเสธอิสลาม) เขาได้อาศัยข้ออ้างจากญินแล้ว..."

    เขากล่าวว่า “รัฐบาลซาอุดิอาระเบียนั้นเพื่อที่จะโจมตีเยเมน พวกเขาได้ติดสินบนกับทุกคน พวกเขาได้กุเท็จและใส่ร้ายต่างๆ นานาต่อผู้นำของกลุ่มเฮาซี พวกเขาต้องการที่จะวาดภาพให้เห็นว่าอิหร่านนั้นคือศัตรูหลักของชาวมุสลิม ในขณะที่อิหร่านก็คือชีอะฮ์ และชีอะฮ์ก็คือท่านอะลี (อ.) ดังนั้นขณะนี้พวกเขาได้เล็งเป้าไปที่อะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)"

    แนวทางแก้ปัญหาการก่อการร้าย คือการถอนรากถอนโคนแนวคิดวะฮ์ฮาบี

    เขาได้กล่าวอีกว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ในมัสยิดแห่งหนึ่งของเมือกอฏีฟ ที่ทำให้บรรดาผู้นมาซต้องกลิ้งเกลือกอยู่กับกองเลือดในวันวิลาดัต (ครบรอบการประสูติ) ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ในขณะทำอิบาดะฮ์ (นมัสการต่อพระเจ้า) นั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยปราศจากการวางแผนและการเตรียมการกระนั้นหรือ?! ประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอย มันคือปัญหาความเกลียดชังที่พวกเขามีต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) แม้แต่วันที่ประชาชนได้ออกมาเฉลิมฉลองวันครบรอบการประสูติ (วิลาดัต) ของหัวหน้าชายหนุ่มชาวสวรรค์ ก็ยังไม่มีความปลอดภัยในชีวิต การแก้ไขปัญหาอันใหญ่หลวงนี้ไม่มีทางเป็นไปได้นอกจากการถอนรากถอนโคนแนวคิดซะละฟี แนวคิดวะฮ์ฮาบี และแนวคิดของอิบนิตัยมียะฮ์และอิบนิอับดุลวะฮ์ฮาบ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องทำลายแนวคิดเหล่านี้ให้หมดไป และราชวงศ์ซะอูดซึ่งเป็นผู้แพร่ขยายแนวคิดนี้ก็จะต้องถูกโค่นออกไปจากอำนาจ..."

    ที่มา : fa.alalam

    ประณามอาชญากรรมระเบิดก่อการร้ายในเมืองกอฏีฟ+วีดีโอ
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Elzindu Constantine

    [​IMG]

    ‪#‎NewWorldOrder‬
    /// ในปี 2017 พลเมืองทั้งหมดของอเมริกา จะต้องติดแถบรับสัญญาณไมโครชิฟ ///
    27/05/15
    ด้วยเหตุผลการฝังแถบรับสัญญาณไมโครชิฟ
    เพื่อช่วยระบุการแสดงตัวบุคคลต่างๆ ในทันที ส่วนที่เทคโนโลยีสามารถใช้เพื่อตอบคำถาม
    ว่า"นี่เราเป็นมนุษย์ และเป็นใคร" นั้นบางคน กังวลว่าด้วยระบบ RFID ที่บริษัทไมโครชิพ จะให้อำนาจรัฐบาลมากเกินไปทำให้พวก เขาสามารถติดตามได้ทุกการเคลื่อนไหว
    ในบางรัฐฯ กำลังดำเนินการทบทวนมาตรการ
    ด้านกฎหมายอยู่ เพื่อหยุดสิ่งที่กำลังจะเกิด ขึ้นนี้
    ในรายงานฉบับนี้ยังได้เปิดเผยให้เห็นถึงคลื่น
    ความถี่วิทยุ(RFID) ที่ติดชิปที่ได้รับการพัฒนา และในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบ
    กับกลุ่มตัวอย่าง
    เพิ่มเติม.....
    ฝังชิปในคน บริษัทเอกชนในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ชื่อบริษัท แอพพลายด์ ดิจิตอล ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของ สหรัฐฯ (FDA) ให้ฝังชิปที่มีขนาดเท่ากับเม็ด ข้าวสารไว้ใต้ผิวหนังเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ ในการเก็บข้อมูลและประวัติทาง การแพทย์ ซึ่งจะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยใน ยามฉุกเฉินได้ เพราะชิปนี้จะสามารถบอกข้อ มูลรายละเอียดต่างๆ ทางการแพทย์ได้ อย่างรวดเร็ว เช่น ประวัติการได้รับยา กรุ๊ปเลือด ประวัติการแพ้ หรือภาวะโรค เบาหวาน ทำให้สามารถรับการรักษาได้ทันท่วงที บริษัทเรียก ชิปนี้ว่า เวอริชิป (VeriChip)
    การฝังชิปเพื่อใช้เก็บข้อมูลและเป็นตัวติดตามข้อมูลต่างๆ มีใช้ในสัตว์และสินค้าในห้างสรรพสินค้ามาระยะหนึ่งแล้ว และเกิดประโยชน์เป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับการพัฒนามาใช้เก็บประวัติทางการแพทย์กับคนในครั้งนี้เช่นกัน แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงและเป็นข้อถกเถียงกันในขณะนี้คือ จะมีการนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น ทางด้านธุรกิจหรือไม่
    ด้านประเทศในเครือสหราชอาณาจักรโดยแพทยสมาคมของอังกฤษ (the British Medical Association) ให้ความเห็นว่า ในด้านจริยธรรมแล้ว ยังไม่เห็นเหตุผลใดๆ ที่จะห้ามไม่ให้มีการฝังชิปดังกล่าว หากได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัย และไม่มีการบีบบังคับ
    Source: http://www.wucnews.com/…/nbc-news-all-americans-will-receiv…
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Iam Bow

    ปรากฎการณ์ เสาเพลิงหมุน เคยเห็นไหมวันที่ 25 พฤษภาคม 2015
    ข่าวโพสต์เมื่อ 25/05/2015

    สำหรับปรากฎการณ์แปลก ๆ ในวันนี้ เรามี ปรากฎการณ์ ที่อาจน้อยครั้งที่เราจะได้พบเห็น ในประเทศไทยเราเองอาจเรียกได้ว่า พบยากมาก ๆ เพราะ มักจะเกิดขึ้นที่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือ ลักษณะของ เปลวไฟที่ก่อตัวกลายเป็นเหมือนพายุหมุน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และ เรียกว่าอะไร ไปดูกันครับ ^^

    [​IMG]

    เสาเพลิงหมุน หรือ Fire whirl ซึ่งเรียกกันอีกชื่อ เช่น ไฟปีศาจ ( Fire devil ) หรือ โทร์นาโดไฟ ( Fire tornado ) เป็น หนึ่งใน ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ยากยิ่งที่จะเกิดขึ้น และพบเห็นได้ เนื่องจากจะต้องอยู่ในสภาวะเฉพาะ

    กล่าวคือ มันจะต้องมี ในเรื่องของอุณหภูมิ และสภาพอากาศที่เหมาะสม รวมถึง กระแสลมที่เหมาะสมด้วยเท่านั้น และเมื่อทุกอย่างเหมาะสม จะเกิด เสาเพลิงหมุนวน ในแนวดิ่ง ขึ้น ดังภาพที่เห็นนั่นเองครับ ^^

    ลักษณะของ เสาเพลิงหมุน
    เพลิงหนุน หลายต่อหลายมักมีต้นกำเนิดมาจาก ไฟป่า ( Wildfires ) เมื่อกระแสลมพัดมาพบกับ ไฟป่าแล้วยกตัวขึ้น แล้วเกิดการหมุนวน พร้อมทั้งหอบเอาไฟขึ้นไปด้วย ทำให้เกิด เสาเพลิงหมุน
    โดยปกติ เสาเพลิงหมุน จะมีความสูงประมาณ 10 – 50 เมตร มีความกว้างประมาณ 3 เมตร แต่ละลูกจะเกิดขึ้นกินเวลาประมาณ 2-3 นาที
    มหาเสาเพลิงหมุน บางลูก กลับมีความสูงกว่า 1,000 เมตร ความเร็วลมกว่า 160 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง และเกิดขึ้นกินเวลากว่า 20 นาที

    เหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่สุด
    สำหรับเหตุการณ์การเกิด เสาเพลิงหมุน หรือ โทร์นาโดไฟ ครั้งรุนแรงที่สุดนั้น เกิดขึ้นเมื่อปี 1923 โดยเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ครั้งใหญ่ใน เมืองคันโต ( Great Kanto Earthquake ) ที่ประเทศญี่ปุ่น จากนั้นก็เกิด เสาเพลิงหมุน ขนาดใหญ่ขึ้นต่อมา โดยใช้เวลา 15 นาที ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 38,000 คน และทำให้เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ ไปทั้งเมือง

    [​IMG]

    [​IMG]

    เครดิต : เรื่องเล่าของจักรวาล

    ปรากฎการณ์ เสาเพลิงหมุน เคยเห็นไหม - ข่าววันนี้ tamsabye.com : ข่าววันนี้ tamsabye.com
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผวา!! "ภูเขาน้ำแข็งพลิกตัว" ส่อเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.0 และคลื่นยักษ์สึนามิ !!
    2015-05-26 21:12:06

    [​IMG]

    ผู้เชี่ยวชาญเตือน ปรากฏการณ์ภูเขาน้ำแข็งพลิกตัว 90 องศา ก่อให้เกิดพลังมหาศาล เสี่ยงแผ่นดินไหวขนาด 5.0 และคลื่นยักษ์สึนามิ

    วันนี้ (26 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์จัสติน เบอร์ตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพของภูเขาน้ำแข็งจากมหาวิทยาลัยเอโมรี ได้ออกมากล่าวถึงภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ในมหาสมุทร ว่า มันสามารถพลิกตัวไปทางด้านข้าง 90 องศา ซึ่งก่อให้เกิดพลังมากพอที่จะสร้างความเสียหายให้บริเวณพื้นที่รอบข้าง ซึ่งการพลิกเช่นนี้ เป็นเรื่องปกติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เนื่องจากภูเขาน้ำแข็งจะค่อยๆละลายและแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

    แต่จากอุณหภูมิโลกที่ร้อขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้ด้านข้างของภูเขาน้ำแข็งละลายเร็วขึ้น ทำให้ภูเขาน้ำแข็งจำนวนมากอยู่ในรูปทรงเรียวสูง ที่มีความเสี่ยงจะเกิดการพลิกตัวแบบ 90 องศาได้มากขึ้น ซึ่งหากเกิดขึ้นกับภูเขาน้ำแข็งที่มีมวลหลายตารางกิโลเมตร ก็จะทำให้เกิดพลังกระจายออกไปด้านข้าง และอาจเทียบเท่ากับแรงระเบิดทีเอ็นที 40 กิโลตัน หรือมากกว่าแรงระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกในโครงการแมนฮัตตันของสหรัฐอเมริกาถึง 2 เท่า

    ทั้งนี้ พลังงานดังกล่าวสามารถก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิและแผ่นดินไหวขนาด 5.0 ซึ่งหากย้อนหลังไปเมื่อทศวรรษที่ 90 เคยเกิดภูเขาน้ำแข็งพลิก ใกล้กับหมู่บ้านหนึ่งในประเทศกรีนแลนด์ ก่อให้เกิดสึนามิสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง โดยจากข้อมูลในอดีต เผยให้เห็นว่า การเกิดภูเขาน้ำแข็งพลิกตัวจะเกิดขึ้นประมาณ 30 ครั้งต่อปีแม้ว่าก่อนหน้านี้คือเมื่อปี 1993 เกิดขึ้นเพียง 7 ครั้งแต่ปีเท่านั้น

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นรกบนดิน! เหยื่อคลื่นความร้อนอินเดียพุ่งเกิน 1,100 ศพแล้ว
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 พ.ค. 2558 05:43

    [​IMG]
    (ภาพ: AFP PHOTO)

    คลื่นความร้อนยังคงแผ่ปกคลุมหลายพื้นที่ในประเทศอินเดีย ล่าสุดทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,100 คน ขณะที่พยากรณ์อากาศระบุว่า ต้องรออีกนับสัปดาห์กว่าจะมีฝนตก...

    สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สถานการณ์คลื่นความร้อนรุนแรงตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาในประเทศอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,100 ราย โดยรัฐที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือรัฐอานธรประเทศทางตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 852 ราย และรัฐเตลังคานา มีผู้เสียชีวิต 266 ราย

    นาย บี.พี. ยาดาฟ ผู้อำนวยการของกรมอุตุนิยมวิทยาอินเดีย เปิดเผยว่า สถิติอุณหภูมิสูงสุดของเมื่อวันจันทร์คือ 47 องศาเซลเซียส ที่เมืองอังกูล ในรัฐโอริสสา โดยสถานการณ์กำลังเลวร้ายลงไปอีก จากลมตะวันตกที่พัดมาจากจังหวัดซินด์ ในประเทศปากีสถาน พัดพาความร้อนและแห้งจากที่ราบตอนกลางและตอนเหนือของอินเดีย

    กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดีย คาดว่า อุณหภูมิในประเทศจะสูงไปอีกอย่างน้อย 2 วัน ก่อนจะบรรเทาลง แต่เตือนด้วยว่า หลังจากนั้นอาจมีคลื่นความร้อนระลอกใหม่ตามมาอีก

    ทั้งนี้ ตามการเปิดเผยของสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนส่วนใหญ่เป็นคนยากจน, ขอทาน หรือคนไร้บ้าน รวมทั้งคนงานก่อสร้าง ซึ่งทำงานโดยถูกแสงอาทิตย์โดยตรง นอกจากนี้ มีประชากรอินเดียเพียง 1 ใน 3 จากทั้งหมด 1.2 พันล้านคน ที่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนที่เหลือต้องทนกับอากาศร้อนระอุโดยไม่มีเครื่องช่วยบรรเทาใดๆ หลายคนเลือกไปหลบร้อนตามร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าที่มีเครื่องปรับอากาศ

    อุณหภูมิในอินเดียสูงขึ้นอีกในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา และมีความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยแม้ตกกลางคืน ขณะที่ฤดูมรสุมในอินเดียอาจช่วยผ่านคลายสถานการณ์ได้บ้าง แต่พยากรณ์อากาศระบุว่าต้องรออีก 1 สัปดาห์พายุฝนในทะเลจึงจะเข้า และเมื่อพายุฝนเดินทางถึงชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ มันต้องใช้เวลาอีก 2-3 สัปดาห์จึงจะเดินทางถึงพื้นที่ที่แห้งแล้งกว่าในภาคเหนือของอินเดีย

    นรกบนดิน! เหยื่อคลื่นความร้อนอินเดียพุ่งเกิน 1,100 ศพแล้ว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยกนี้ ไอซิสหนาวแน่นอน เพราะอิรักไปได้อาวุธที่ไอซิสไม่รู้จักมาจากรัสเซีย และคงได้รับคำแนะนำดีๆ มาจาก พี่หมีขาว ซึ่งที่ผ่านมาไอซิสก็ได้อาวุธที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าอิรักมา และรู้แนวทางยุทธศาสตร์ทางการทหารของอิรักอย่างละเอียดละออ ผ่านทางพี่กัน เพราะเรียนมาจากโรงเรียนพี่กัน และอาจได้คำแนะนำมาด้วย เพราะทหารของอิรักพี่กันก็เป็นคนสอนมาก็คงรู้อยู่แล้วว่าอิรักจะทำยังไงบ้าง มีคำว่า พ่อแม่ย่อมรู้จักลูกดีที่สุด อาจารย์ย่อมรู้จักความสามารถลูกศิษย์ดีที่สุด

    อิรักเริ่มปฏิบัติการ ขับไล่ 'ไอซิส' ออกจากจังหวัดอันบาร์
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 พ.ค. 2558 23:51

    [​IMG]

    (ภาพ: AFP PHOTO)

    กองทัพฝ่ายรัฐบาลของประเทศอิรัก ประกาศเริ่มปฏิบัติการขับไล่กลุ่มติดอาวุธ รัฐอิสลาม หรือ ไอซิส ออกจากจังหวัดอันบาร์ ทางตะวันออกของประเทศอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันอังคาร...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 26 พ.ค. นายอาห์เหม็ด อัล-อัสซาดี โฆษกของ กองกำลังขับเคลื่อนประชาชน (พีเอ็มยู) กลุ่มติดอาวุธมุสลิมชีอะห์ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลอิรักในการต่อสู้กับกลุ่มไอซิส ประกาศในงานแถลงข่าวซึ่งถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ว่า พวกเขาเริ่มปฏิบัติการขับไล่กลุ่มไอซิสออกจากจังหวัดอันบาร์อย่างเป็นทางการ โดยปฏิบัติการนี้มีชื่อว่า 'ลาบาอีค ยา ฮุสเซน' (ยินดีรับใช้อิหม่ามฮุสเซน)

    นายอัล-อัสซาดี กล่าวด้วยว่า ปฏิบัติการนี้จะใช้เวลาไม่นาน และจะมีการใช้อาวุธใหม่ในการต่อสู้ ซึ่งจะสร้างความประหลาดใจให้แก่ศัตรูของพวกเขาแน่นอน

    ทั้งนี้ ในปฏิบัติการกองทัพรัฐบาลอิรักและกลุ่มติดอาวุธพันธมิตร จะเคลื่อนกำลังลงไปทางใต้จากจังหวัดซาลาห์อุดดิน โดยนายอัล-อัสซาดี เผยต่อสำนักข่าวเอเอฟพีว่า กองกำลังผสมระหว่างกองกำลังความมั่นคงและกำลังรบกึ่งทหาร จะเคลื่อนทัพไปยังทะเลทรายทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองรามาดี เมืองเอกของจังหวัดอันบาร์ ซึ่งถูกไอซิสยึดครองเมื่อราวสัปดาห์ก่อน ก่อนจะทำการโอบล้อมเพื่อเตรียมการยึดคืนเมือง

    อนึ่ง กลุ่มไอซิส ยึดครองพื้นที่บางส่วนของเมืองรามาดี ซึ่งห่างจากเมืองหลวงกรุงแบกแดดไปทางตะวันตกเพียง 100 กม. รวมถึงยึดครองเมืองฟัลลูจาที่อยู่ติดกัน และพื้นที่อีกหลายส่วนในจังหวัดอันบาร์ ตั้งแต่ช่วงเดือนม.ค. 2014 ก่อนจะสามารถยึดพื้นที่ทั้งหมดของเมืองรามาดีได้เมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม กองกำลังพีเอ็มยู ก็สามารถยึดคืนเมืองฮูเซย์บา ที่อยู่ใกล้กันกลับคืนมาได้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

    อิรักเริ่มปฏิบัติการ ขับไล่ 'ไอซิส' ออกจากจังหวัดอันบาร์ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อียูชี้ กำจัดไอซิสแค่ใช้กำลังทหารไม่พอ ต้องแก้ปัญหาอิรัก-ซีเรียควบคู่
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 พ.ค. 2558 15:10

    [​IMG]

    ตัวแทนระดับสูงอียู แสดงความเห็นถึงหนทางปราบปรามกลุ่มติดอาวุธไอซิสให้ได้ผล ใช่แต่จะใช้กำลังทหารเท่านั้น แต่ต้องทำให้สถานการณ์ในอิรักเข้มแข็งและเป็นประชาธิปไตย เช่นเดียวกับซีเรียที่ต้องเสริมสร้างกระบวนการปรองดองแห่งชาติ

    26 พฤษภาคม 2558 บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำประเทศเบลเยียม รายงานสำนักข่าวเบลก้าของเบลเยียม แจ้งจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี ว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) นางเฟเดริกา โมเกรินี ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป (อียู) ด้านการต่างประเทศฯ ได้กล่าวในงานรับรางวัลประจำปี 2015 จากสถาบันการศึกษาการเมืองระหว่างประเทศ (l'Institut d'études de politique internationale - Ispi) ถึงวิธีที่จะสามารถกำจัดกองกำลังติดอาวุธรัฐอิสลามหรือไอซิส ได้อย่างราบคาบ ก็ต่อเมื่อเข้าถึงปัญหาต้นตอที่แท้จริงของการปักหลักอยู่ในซีเรียและอิรักของกองกำลังไอซิส

    นางโมเกรินี ระบุว่า "การใช้กำลังทางทหารในการแก้ปัญหา" มีความจำเป็นแต่ไม่ใช่วิธีการเดียวเท่านั้น เพราะในการปราบปรามกลุ่มไอซิสจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อ ประเทศอิรักมีความเข้มแข็ง เป็นประชาธิปไตย และสามารถรวบรวมปัจจัยที่เกี่ยวข้องไว้เป็นหนึ่งเดียว ขณะที่ประเทศซีเรียก็มีการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบประชาธิปไตยและกระบวนการปรองดองแห่งชาติ

    ขณะที่ นายจิออจิโอ นาโปลิตาโน อดีตประธานาธิบดีอิตาลี ประธานกิตติมศักดิ์สถาบัน ISPI ซึ่งเป็นหนึ่งในแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงานรับรางวัลในครั้งนี้ กล่าวด้วยว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่และชีอะห์นั้นบางคนกล่าวว่าเป็น "สงคราม 30 ปี" นับเป็นข้อเสนอแนะที่น่าสนใจและผิดพลาด เนื่องจากความขัดแย้งของชาวมุสลิมสองนิกายดังกล่าวไม่ใช่ความขัดแย้งทางศาสนา แต่เป็นความขัดแย้งจากการช่วงชิงอำนาจเพื่อครอบครองความเป็นใหญ่ในภูมิภาคนี้ พร้อมกันนั้นยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การแก้ปัญหาดังกล่าวไม่สามารถทำได้ในระดับภูมิภาคเท่านั้น จะต้องแสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหาบนพื้นฐานที่เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย หรือการหาทางออกแบบ ‘win-win’ โดยได้ยกกรณีการเจรจาปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านเป็นตัวอย่างที่ดี

    อียูชี้ กำจัดไอซิสแค่ใช้กำลังทหารไม่พอ ต้องแก้ปัญหาอิรัก-ซีเรียควบคู่ - ข่าวไทยรัฐออนไล
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มหาเศรษฐียุโรปร่ำรวยกว่ามหาเศรษฐีอเมริกันและจีน
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 พ.ค. 2558 22:40

    [​IMG]
    (ภาพ: istock)

    รายงานการศึกษาของธนาคารยูบีเอสของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และสำนักงานที่ปรึกษา PwC ชี้ว่า มหาเศรษฐียุโรปมีทรัพย์สินเฉลี่ยมากกว่ามหาเศรษฐีอเมริกันและจีน แต่เศรษฐีจีนมีอายุเฉลี่ยน้อยที่สุด...

    บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ รายงานโดยอ้างอิงรายงานของสำนักข่าวเบลก้า (Belga) ของเบลเยียม ว่า จากการเปิดเผยรายงานการศึกษาของธนาคารยูบีเอสของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และสำนักงานที่ปรึกษา PwC เมื่อวันอังคารที่ 26 พฤษภาคม 2558 พบว่า มหาเศรษฐียุโรปมีทรัพย์สินเฉลี่ย 5,700 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 193,800 ล้านบาท) มากกว่าทรัพย์สินเฉลี่ยของมหาเศรษฐีอเมริกันและจีน

    ทรัพย์สินเฉลี่ยของมหาเศรษฐีอเมริกันเท่ากับ 4,500 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 153,000 ล้านบาท) และมหาเศรษฐีจีนมีทรัพย์สินเฉลี่ยเท่ากับ 3,200 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 108,800 ล้านบาท) ถึงแม้ว่ามหาเศรษฐีชาวจีนจะมีทรัพย์สินน้อยกว่า แต่พวกเขาก็มีอายุเฉลี่ยน้อยกว่าบรรดาเศรษฐียุโรปและอเมริกันถึง 10 ปี คือมีอายุเฉลี่ยเพียง 57 ปีเท่านั้น

    สำนักวิจัยทั้งสองแห่งระบุว่า “ทวีปเอเชียจะเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาบรรดามหาเศรษฐีรุ่นใหม่ในอนาคต” นายโจเซฟ สตัดเลอร์ ผู้รับผิดชอบแผนกดูแลลูกค้าระดับมหาเศรษฐีให้ความเห็นว่า “ช่วงเวลานี้ เป็นการเพิ่มขึ้นของความร่ำรวยที่รวดเร็วมาก เปรียบเทียบได้กับยุคทองในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ขณะที่บรรดานักธุรกิจได้เริ่มต้นคิดค้นคลื่นนวัตกรรมยุคแรกของประวัติศาสตร์สมัยใหม่”

    การวิจัยที่ได้เปิดเผยนี้ สรุปจากแบบสอบถามบรรดามหาเศรษฐีจำนวน 1,300 คน ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ความสำเร็จของมหาเศรษฐีใหม่ในยุโรปและเอเชียส่วนใหญ่สร้างสมความร่ำรวยจากอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค โดยร้อยละ 50 ของบรรดาเศรษฐียุโรป ร้อยละ 20 ของบรรดาเศรษฐีจีน ขณะที่เหล่าเศรษฐีอเมริกันใหม่สร้างความร่ำรวยจากธุรกิจการเงินถึงร้อยละ 30 นอกจากนั้น มหาเศรษฐีจีนจำนวนร้อยละ 25 ที่สร้างตัวจนร่ำรวยขึ้นมาจากฐานะในเริ่มต้นที่ยากจน เมื่อเทียบกับร้อยละ 8 ของมหาเศรษฐีอเมริกัน และร้อยละ 6 ของมหาเศรษฐียุโรป

    มหาเศรษฐียุโรปร่ำรวยกว่ามหาเศรษฐีอเมริกันและจีน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น่าทึ่งภาพพาโนรามา 'ภูเขามองท์บลอง' ใหญ่ที่สุดในโลก (ชมคลิป)
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 พ.ค. 2558 08:40

    [​IMG]

    เว็บไซต์ 7sur7 ของเบลเยียม รายงานข่าวภาพถ่ายพาโนรามาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ่ายทำโดยกลุ่มช่างภาพจาก in2White ทำการถ่ายภาพภูเขามองท์บลองอันมหึมา...



    เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2558 “บุญธง ก่อมงคลกูล” ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ประจำประเทศเบลเยียม รายงานว่า เว็บไซต์ 7sur7 ของเบลเยียม รายงานข่าวภาพถ่ายพาโนรามาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ่ายทำโดยกลุ่มช่างภาพจาก in2White ทำการถ่ายภาพภูเขามองท์บลองอันมหึมา ถ้าหากจะพิมพ์ภาพถ่ายนี้ด้วยขนาดความคมชัดตามมาตรฐานปกติ คือ 300 dpi ก็จะได้ภาพขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลทีเดียว

    เป็นการถ่ายภาพบนยอดเขาที่ระดับความสูง 3,500 เมตร ภายใต้อุณหภูมิ -10 องศาเซลเซียส ภาพถ่ายมีจำนวน 70,000 ภาพ และมีขนาดของภาพ 365 กิกะพิกเซลส์ สูงกว่าภาพถ่ายพาโนรามากรุงลอนดอน ที่ครองสถิติเดิม โดยมีขนาดของภาพที่ 320 กิกะพิกเซลส์ ถ่ายไว้เมื่อปี พ.ศ.2556 อย่างไรก็ตาม จะมีการถ่ายภาพพาโนรามาขนาดใหญ่เพื่อทำลายสถิติเดิมเสมอ

    รายละเอียดจากเว็บไซต์ Cubic ระบุว่า ใช้เวลาในการภ่ายภาพนานถึง 35 ชั่วโมง และจำเป็นต้องใช้เวลาอีกสองเดือน สำหรับการตกแต่งภาพด้วยโปรแกรมโฟโต้ช็อป ภาพทั้งหมดถ่ายด้วยกล้องแคนนอน EOS 70D ตั้งบนขาตั้งที่หมุนรอบตัวโดยอัตโนมัติ.

    ชมคลิป

    <iframe width="570" height="351" src="https://www.youtube.com/embed/Dwyx0h9h8zg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


    เครดิตภาพและวิดีโอจาก In2White

    น่าทึ่งภาพพาโนรามา 'ภูเขามองท์บลอง' ใหญ่ที่สุดในโลก (ชมคลิป) - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    นับวันแต่ละเรื่องที่เขียน ก็เริ่มขยับไกล้เข้ามาบ้านเราทุกทีนะครับ "โดยเฉพาะประเด็น ผู้อพยพชาวโรฮิงยา"
    เอาเป็นว่ารูปแบบหรือยุทธวิธี ในแต่ละภูมิภาคอาจจะต่างกัน แแต่เมื่อมองไปที่ยุทธศาสตร์ ที่ภาพใหญ่แล้ว เราก็จะมองออกว่า แต่ละอย่างที่เกิดขึ้น "ไม่ใช่"ความบังเอิญ
    เช่นกัน เรื่องกรณีของผู้อพยพชาวโรฮิงยา ถ้ามองในแง่ของยุทธศาสตร์ปักหมุดในเอเชียของสหรัฐ และยกเอากรณีฟิลิปปินส์เป็นตัวอย่าง ซึ่งเกิดพายุไห่เยี่ยนพัดถล่ม จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก สหรัฐและอังกฤษเป็นชาติแรก ที่"บังเอิญ"เรือรบกำลังลาดตระเวน อยู่ในพื้นที่พอดี ได้เร่งส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับฟิลิปปินส์ และปัจจุบันฟิลิปปินส์ ก็กลายเป็นฐานทัพของสหรัฐและพันธมิตร ในการปิดล้อมจีนไปโดยปริยาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาวางแผนไว้ล่วงหน้า หลายปีแล้วครับ
    US-Philippines Enhanced Defense Cooperation Agreement Bolsters ‘Pivot to Asia’ | The Diplomat

    เช่นกันครับ ใครจะไปรู้ล่ะครับว่า ถ้าวันใดวันหนึ่ง สหรัฐจะอ้างเรื่องหลักมนุษยธรรมและการค้ามนุษย์ จากกรณีผู้อพยพชาวโรฮิงยา และมีการส่งทหารเข้ามาประจำการ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้าง รวมถึงฝั่งอันดามันและมหาสมุทรอินเดีย ด้วยข้ออ้างปราบปราม การลักลอบค้ามนุษย์บ้าง ก็อย่าแปลกใจนะครับ เพราะเวลานี้ มีการเรียกร้องขอใช้บ้างแล้ว ตามรายงานที่ออกมาล่าสุด
    Army rejects US help for Rohingya | Bangkok Post: news

    ซึ่งมันไปสอดคล้องกับ นโยบายสหรัฐที่ต้องการปักหมุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อคานอิทธิพลของจีนที่เริ่มมีมากขึ้น ทั้งนี้ตามรายงานของ CFR ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อต้นปี
    Joshua Kurlantzick: The Pivot in Southeast Asia: Balancing Interests and Values - Council on Foreign Relations

    เพราะฉะนั้นเรื่องของ ผู้อพยพชาวโรฮิงยา น่าจะถูกวางแผนล่วงหน้า ไว้หลายปีแล้ว และชัดเจนครับว่ามีเบื้องหลัง และเป้าหมายทางการเมือง ระหว่างประเทศ มากกว่ามุ้งเน้นในเรื่อง ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทั้งนี้เพื่อรักษาอิทธิพลของสหรัฐในภูมิภาคนี้ หรือยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนและรัสเซียนั่นเอง
    http://m.thefiscaltimes.com/all/articles-2014-01-09-why-obama-s-big-pivot-asia-myth#6
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เริ่มแสดงธาตุแท้แล้ว กรณีที่กรณีที่ จอห์น โบลตัน อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติ แนะ สหรัฐฯควรสถาปนา “รัฐมุสลิมสุหนี่แห่งใหม่ในตะวันออกกลาง” เพื่อแก้ปัญหาภัยคุกคามของกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม(ไอเอส) แทนการเดินหน้ากวาดล้างพวกสุดโต่งแบบไร้ทิศทาง" ซึ่งพวกเราทราบกันไหมครับว่า ไอซิส (ISIS) คือชื่อย่อของ Islamic State of Iraq and Greater Syria เป็นขบวนการของบรรดาอาสาสมัครชาวมุสลิมนิกายสุหนี่หลายชาติเข้ามาอยู่รวมกันเพื่อที่จะช่วยกันสร้างรัฐอิสลามสุหนี่ขึ้นตามแบบของของรัฐอิสลามของกาหลิบแห่งราชวงศ์อุมัยยะฮ์ (Umayyad dynasty) การจอห์น โบลตัน ออกมาให้ข้อเสนอแนะเช่นนี้ ก็คงเป็นผู้ออกมาเกริ่นริเริ่ม ว่าตัวเขาผู้เสนอ และรัฐเป็นผู้สนอง (อเมริกาก็นำมาพิจารณา) แต่เขาคงลืมไปว่า อเมริกาไม่ได้เป็นเจ้าของโลกไปนี้ พวกเขาไม่มีสิทธิที่จะไปสถาปนา “รัฐมุสลิมสุหนี่แห่งใหม่ในตะวันออกกลาง” ให้กับ ไอซิส ที่เป็นขบวนการในการปกครองของตนเองได้มีรัฐอย่างถูกต้องตามกฏหมายได้รับการยอมรับจากนานา ชาติ ซึ่งพอสถาปนาขึ้นมาได้ขบวนการไอซิสก็คงจะทำตัวกลายเป็น "มุสลิมสุหนี่สายกลาง” หรือผู้ปกครองที่มิใช่พวกสุดโต่งและมาปกครองรัฐอิสลามสุหนี่แห่งใหม่ ซึ่งสหรัฐก็เป็นประเทศนับถือคริสต์ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมุสลิม และออกเป็นประเทศที่เข่้าไปหาผลประโยชน์กับชาวมุสลิมด้วย ไม่ควรกระทำ และนี่ก็คงเป็นสาเหตุที่สหรัฐไม่จิงจังกับการล้มล้างขบวนการไอซิสแต่อย่างไร เพราะคิดจะฉีกแผ่นดินทางภาคตะวันออกของซีเรียและภาคตะวันตกของอิรักมาให้ไอซิสปกครองเอง


    ศูนย์ข้อมูลมติชน
    เพื่อความรู้และความเข้าใจว่า ใครคือ ISIS ในตะวันออกกลาง
    โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์
    ไอซิส (ISIS) คือชื่อย่อของ Islamic State of Iraq and Greater Syria เป็นขบวนการของบรรดาอาสาสมัครชาวมุสลิมนิกายสุหนี่หลายชาติเข้ามาอยู่รวมกันเพื่อที่จะช่วยกันสร้างรัฐอิสลามสุหนี่ขึ้นตามแบบของของรัฐอิสลามของกาหลิบแห่งราชวงศ์อุมัยยะฮ์ (Umayyad dynasty) เป็นราชวงศ์ที่มีบทบาทในการปกครองโลกอิสลามในช่วง พ.ศ.1204-1293 ซึ่งถือว่าเป็นยุคทองยุคหนึ่งของอิสลามโดยสามารถปราบปรามมุสลิมชีอะห์ที่มีอาลีและบุตรชื่อฮุสเซนเป็นหัวหน้าได้สำเร็จ
    อีทีนี้ท่านผู้อ่านที่เคารพส่วนใหญ่คงมีคำถามว่านิกายสุหนี่กับนิกายชีอะห์นั้นต่างกันอย่างไร? ทำไมต้องถึงขนาดฆ่าฟันกันเลยหรือ?
    ความจริงก็มีข้อแตกต่างปลีกย่อยกันมากมายระหว่าง 2 นิกายนี้ เหมือนกับศาสนาพุทธที่แบ่งออกเป็น 2 นิกายใหญ่ๆ คือ มหายานกับเถรวาท หรือในทางศาสนาคริสต์ก็แบ่งออกเป็น 3 นิกายใหญ่ๆ คือ ออร์โธดอกซ์ คาทอลิก โปรเตสแตนต์ สำหรับทางศาสนาอิสลามการแบ่งแยกระหว่างนิกายหลักที่สำคัญ 2 นิกาย คือ
    นิกายสุหนี่ เป็นนิกายที่ชาวมุสลิม (อิสลามคือศาสนาส่วนคนที่นับถือศาสนาอิสลามเรียกว่ามุสลิม) ส่วนใหญ่นับถือ ซึ่งยึดถือในพระคัมภีร์อัลกุรอ่านและฮะดีษ (จริยวัตรของศาสดามุฮัมมัดและแบบอย่างของสาวกเป็นหลัก)
    แนวความคิดของนิกายสุหนี่ คือ เชื่อว่าศาสดามุฮัมมัดมิได้แต่งตั้งตัวแทนไว้ก่อนที่ท่านจะจากไป
    ดังนั้นหลังจากท่านจากไปแล้วตำแหน่งผู้ปกครองหรือผู้นำสืบต่อจากท่านจึงเป็นหน้าที่ของมุสลิมต้องเลือกสรรกันเองตามความเหมาะสม
    นิกายชีอะห์ เป็นนิกายที่มีความเชื่อมั่นในเอกภาพของพระเจ้ายึดมั่นในอัลกุรอ่านและจริยวัตรของศาสดา
    มุฮัมมัด และบรรดาอิหม่ามผู้บริสุทธิ์
    นิกายชีอะห์เชื่อว่าศาสดามุฮัมมัดได้แต่งตั้งตัวแทน (อิหม่าม) ให้เป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของท่านตาม
    พระบัญชาของพระเจ้าไว้ก่อนที่ท่านจะจากไป ซึ่งถือว่าอาลีบุตรเขยของศาสดามุฮัมมัดและเชื้อสายของท่านอาลีเป็นผู้นำสืบต่อไป
    ครับ ! ตอนนี้ทั้งรัฐบาลของอิรักกับของซีเรียนั้นพวกมุสลิมนิกายชีอะห์เป็นรัฐบาลยังไงละครับ ตามประวัติศาสตร์เรื่องมันเป็นอย่างนี้คือเมื่อ พ.ศ.1181 หลังจากศาสดามุฮัมมัดสิ้นพระชนม์ได้ 6 ปี กองทัพมุสลิมก็ทะยานออกจากคาบสมุทรอาระเบียเข้ายึดครองกรุงเยรูซาเล็มได้และขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วเข้ายึดอียิปต์ ซีเรีย ลิเบีย เมโสโปเตเมีย (อิรัก) อาร์เมเนีย และเปอร์เซีย (อิหร่าน) ในเวลาต่อมา
    เมื่อมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลในเวลาอันรวดเร็ว จึงเกิดการแย่งกันเป็นกาหลิบ (ประมุขทั้งทางจักรวรรดิและทางศาสนาในเวลาเดียวกัน) ซึ่งทำให้อิสลามแตกเป็นนิกายสุหนี่กับนิกายชีอะห์ ซึ่งทางนิกายสุหนี่เป็นพวกส่วนใหญ่ได้ยกผู้ปกครองซีเรียผู้มาจากตระกูลอุมัยยะฮ์ขึ้นเป็นกาหลิบ
    แต่อีกฝ่ายหนึ่งคือนิกายชีอะห์ต้องการให้หลานชายของศาสดามุฮัมมัดคืออิหม่ามฮุสเซน ผู้เกิดจากนางฟาติมะบุตรสาวของศาสดามุฮัมมัด จึงเกิดการรบกันขึ้นบรรดาทหารและอิหม่าม ฮุสเซนเสียชีวิตในการรบหมด
    โดยต่อมาจักรวรรดิอาหรับอิสลามได้แพร่ขยายออกไปทั้ง 3 ทวีป โดยสามารถยึดครองสเปนในยุโรปตอนใต้ได้ ทำให้สเปนกลายเป็นแหล่งที่เจริญที่สุดในยุโรปในยุคมืด โดยสเปนเป็นแหล่งที่อารยธรรมอิสลามเปล่งประกายเป็นประทีปของยุโรปในขณะนั้น
    และเมืองคอร์โดบาในสเปนคือแหล่งของวิชา
    ความรู้อันเป็นที่มาของการฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) ของยุโรปในเวลาต่อมา
    นี่แหละคือที่มาของอุดมการณ์การสร้างรัฐอิสลามสุหนี่ขึ้นที่ซีเรียและอิรักให้ได้เหมือนมุสลิมในสมัยกาหลิบแห่งอุมัยยะฮ์ โดยบรรดาพวกไอซิสนี้ประกอบด้วยมุสลิมจากประเทศอาหรับหลายประเทศและมุสลิมจากยุโรปทั้งตะวันตกและตะวันออกและมุสลิมสุหนี่จากหลายแห่งแม้แต่จากสหรัฐอเมริกา
    อีทีนี้เมื่อคนเรามีอุดมการณ์อันแรงกล้า มีเป้าหมายที่แจ่มชัด มีศรัทธาที่ชัดแจ้งย่อมไม่เกรงต่อความตาย ดังนั้นนักรบของไอซิสประมาณว่ามีกำลังพล 6,000 คนเศษจึงมีระเบิดแบบพลีชีพผูกตรึงติดตัวตลอดเวลา แบบว่าพร้อมที่จะตายเพื่ออุดมการณ์และต้องเอาศัตรูให้ตายด้วยกันให้มากที่สุด และเมื่อรบก็ใช้วิธีโหดร้ายกวาดล้างและฆ่าทิ้งโดยไม่ยอมจับเชลยเป็นๆ เลย
    ดังนั้นจึงสามารถขยายอำนาจเข้ายึดครองอิรักได้อย่างรวดเร็วกำลังรุกคืบเข้าไปยังเมืองบาคูบาในจังหวัด
    ดิยาลา ห่างจากกรุงแบกแดด เมืองหลวงอิรักไปทางเหนือเพียงแค่ 50 กิโลเมตรเท่านั้น
    เป้าหมายของกลุ่มไอซิส คือเข้ายึดกรุงแบกแดดให้ได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้กลุ่มไอซิสได้ยึดเมืองโมซุลอันเป็นเมืองสำคัญทางตอนเหนือและเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของอิรักที่เป็นแหล่งขุดเจาะน้ำมันที่สำคัญที่สุดของอิรักด้วย มิหนำซ้ำยังยึดเมืองติกริตบ้านเกิดของซัดดัม ฮุสเซน อดีตผู้นำเผด็จการอิรักผู้ล่วงลับไว้ได้แล้วด้วย ทำเอารัฐบาลชีอะห์ของอิรักต้องลนลานร้องขอความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาและอิหร่านที่เป็นรัฐอิสลามชีอะห์ด้วยกันโดยด่วน
    ความจริงปัญหาของตะวันออกกลางทุกวันนี้
    มีมาจากรากเหง้าของจักรวรรดินิยมของชาว
    ยุโรปในศตวรรษที่ 19-20 ทั้งสิ้นแล้วโดยการแบ่งสรรดินแดนที่เป็นส่วนของอาณาจักรออตโตมานในตะวันออกกลางที่เรียกว่า Levant คือดินแดนประกอบด้วย ซีเรีย เลบานอน อิสราเอล จอร์แดน และปาเลสไตน์
    ภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส โดยอังกฤษก็ยึดเอาอิรักไปด้วย ซึ่งการแบ่งกันนั้นก็เหมือนกับที่บรรดามหาอำนาจยุโรปเคยแบ่งดินแดนกันในทวีปแอฟริกาคือแบ่งกันบนโต๊ะอาหาร โดยนำแผนที่มาขีดแบ่งเส้นเขตแดนกันเองโดยไม่ได้คำนึงถึงผู้คนในดินแดนเหล่านั้นเลยจึงเกิดปัญหาจากการรวมเอาศัตรูคู่อาฆาตมารวมอยู่ด้วยกันแบบสุหนี่กับชีอะห์และยังมีพวกเคิร์ดอยู่อีก
    มิหนำซ้ำอังกฤษยังให้พวกยิวกลับเข้ามาอยู่ในดินแดน Levant นี้อีกด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุเรื้อรังที่ชาวตะวันออกกลางและแอฟริกาที่ยังสู้รบหาความสงบไม่ได้จนทุกวันนี้
    ยิ่งกว่านั้นสหรัฐอเมริกาก็เข้ามาเป็นลูกพี่ใหญ่แทรกแซงในดินแดนตะวันออกกลางนี้ต่อจากพวกยุโรป เนื่องจากมีความประสงค์ในน้ำมันที่มีอยู่อย่างมหาศาลในภูมิภาคนี้ (ดินแดนที่เรียกว่า Levant นี่เองที่เป็นชื่อเดิมของ ISIS ที่เคยมีชื่อว่า ISIL แต่เนื่องจากบรรดาผู้นำของไอซิสเห็นว่าจะเปิดศึกหลายด้านเกินไปเลยจำกัดพื้นที่ไว้แค่อิรักกับซีเรียเท่านั้นจึงเป็นที่มาของไอซิส หรือ ISIS นั่นเอง)
    ครับ ! เรื่องอิรักและซีเรียจะจบลงอย่างไรคงต้องคอยเฝ้าดูกันต่อไป การที่เขียนบทความเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อความเข้าใจในการเกิดขบวนการไอซิสว่าเกิดขึ้นมาและเติบใหญ่มาได้อย่างไรและเพื่อที่จะชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของวิชาประวัติศาสตร์ซึ่งในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะละเลยไปเสียไม่ได้เลยเพราะไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเป็นเหมือนที่นายจอร์จ สันทยานะ นักปรัชญานามอุโฆษเคยเตือนสติไว้ว่า "Those who cannot remember the past are condemned to repeat it."
    แปลว่าผู้ที่ไม่จดจำประวัติศาสตร์ต้องถูกสาปแช่งให้ทำความผิดเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    ที่มา มติชนรายวัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...