ติดตามสถานะการณ์

Kaokala Fc



24 พ.ค. มะกันฉะรัสเซียออกกฎหมายกำจัดเอ็นจีโอ
สหรัฐวิจารณ์กฎหมายฉบับใหม่ของรัสเซียมุ่งเป้ากำจัดกลุ่มเอ็นจีโอให้เป็นกลุ่มบุคคล “ไม่พึงปรารถนา” ซึ่งเกรงว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการวิพากษ์วิจารณ์ขององค์กรเคลื่อนไหวในรัสเซีย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24พ.ค.ว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้ลงนามผ่านร่างกฎหมายฉบับใหม่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งอนุญาตให้อัยการรัสเซียสามารถประกาศให้กลุ่มเอ็นจีโอต่างชาติเป็น “กลุ่มเคลื่อนไหวที่ไม่พึงปรารถนา” และสั่งปิดองค์กรได้ หากกลุ่มดังกล่าวเข้าข่ายบ่อนทำลาย “ความมั่นคงของรัฐ” หรือ “ค่านิยมพื้นฐานของรัสเซีย” ทำให้กลุ่มหรือข้อความรณรงค์เสี่ยงที่จะถูกสั่งห้ามเคลื่อนไหวในรัสเซีย รวมถึงอาจถูกระงับบัญชีธนาคาร ปรับเงิน และจำคุกสูงสุด6ปี
หลังผู้นำรัสเซียได้ลงนามผ่านกฎหมายดังกล่าว นางมารี ฮาร์ฟ รองโฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้แถลงว่า กฎหมายนี้แสดงให้เห็นว่ามีการจำกัดเสรีภาพการวิจารณ์รัฐบาลเครมลินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสหรัฐกังวลว่ากฎหมายฉบับนี้จะส่งผลต่อการทำงานของภาคประชาชนในรัสเซีย และชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลรัสเซียกำลังจำกัดเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น รวมทั้งต้องการโดดเดี่ยวคนในประเทศให้ออกจากสังคมโลกมากขึ้น
นอกจากนี้รองโฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังกล่าวต่ออีกว่า ชาวรัสเซียก็เหมือนกับคนทุกคนที่สมควรที่จะมีรัฐบาล เปิดโอกาสให้แสดงออกทางความคิด มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมไปถึงได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันบนพื้นฐานของกฎหมาย และสามารถเรียกร้องสิทธิได้โดยปราศจากความกลัวจากการถูกลงโทษ
ขณะที่นางลุดมิลา อเล็กเซเยวา นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนชื่อดังของรัสเซีย กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวคุกคามการทำงานของกลุ่มสิทธิมนุษยชน เช่นฮิวแมนไรตส์วอตช์ และองค์การนิรโทษกรรมสากล ซึ่งเป็นกลุ่มรณรงค์เคลื่อนไหวหลักที่วิพากษ์วิจารณ์รัสเซีย โดยทั้งสององค์กรได้แถลงข่าวร่วมกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า กฎหมายใหม่นี้เหมือนเป็นการรูดฉากกั้นลงระหว่างรัสเซียกับกลุ่มประเทศตะวันตก
: มะกันฉะรัสเซียออกกฎหมายกำจัดเอ็นจีโอ | เดลินิวส์

 

Kaokala Fc



24 พ.ค. จีนฝนตกหนักสุดในรอบ 40 ปี ทำน้ำท่วม-โคลนถล่ม สร้างความเสียหายอย่างน้อย 6 มณฑล เสียชีวิตแล้ว 35 ราย
สำนักข่าวของจีนรายงานในวันอาทิตย์ (24 พ.ค.) ว่าเกิดฝนตกหนักจนทำให้มีโคลนถล่มและน้ำท่วมในภาคใต้และภาคกลางของประเทศ โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย สูญหาย 13 ราย
จากรายงานของสื่อและข้อมูลของรัฐบาลจีน ฝนที่ตกหนักที่สุดในรอบ 40 ปี ในบางพื้นที่ของประเทศจีน ได้สร้างความเสียหายอย่างน้อย 6 มณฑล
อย่างไรก็ตาม ความเดือดร้อนได้เริ่มเบาบางลงในบางพื้นที่ ขณะที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของจีน ระบุว่า ฝนเริ่มอ่อนกำลังลงในวันอาทิตย์
กระทรวงกิจการพลเรือนระบุในคำแถลงว่า มณฑลกุ้ยโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ คือหนึ่งในจุดที่ไรับความเสียหายหนักสุด มีผู้เสียชีวิต 11 ราย สูญหาย 8 ราย ในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ส่วนที่มณฑลฝูเจี้ยนมีผู้เสียชีวิต 5 รายจากโคลนถล่ม กับอีก 4 รายที่เสียชีวิตเพราะจมน้ำ ทั้งยังมีผู้สูญหายอีก 2 ราย
สำหรับมณฑลเจียงซี มีผู้เสียชีวิต 5 รายจากอาคารถล่ม กับอีก 2 รายจากโคลนถล่ม รวมถึงอีก 1 รายที่โดนฟ้าผ่า
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

 

Kaokala Fc



24 พ.ค. ดินถล่มขวางแม่น้ำเนปาลอพยพวุ่น หลายพันคน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของประเทศเนปาลระบุเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ว่า ต้องอพยพประชาชนชาวเนปาลที่อาศัยอยู่ใกล้กับแม่น้ำกาลีคันทกี ในเขต แม็กดี ประเทศเนปาล หลายพันคนออกจากบ้านเรือนอย่างเร่งด่วนหลังเกิดเหตุดินถล่มลงไปขวางทางน้ำเมื่อช่วงใกล้เที่ยงคืนของวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะเกรงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันขึ้น โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ทั้งนี้ระดับน้ำในแม่น้ำที่ถูกดินถล่มขวางเพิ่มขึ้นสูงถึง 150 ซม. กลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ได้อพยพออกจากพื้นที่ด้วยตัวเองแล้ว ขณะที่กองทัพเนปาลได้ส่งเฮลิคอปเตอร์พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารและผู้เชี่ยวชาญเข้าสู่พื้นที่เพื่อช่วยเปิดทางน้ำแล้ว ทั้งนี้แม่น้ำกาลีคันทกี ซึ่งน้ำส่วนใหญ่ได้จากการหลอมละลายของหิมะมีต้นน้ำอยู่ที่บริเวณใกล้ชายแดนติดต่อกับจีนไหลต่อเนื่องไปจนถึงทางเหนือของอินเดีย และเป็นแหล่งสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาด 144 กิโลวัตต์ที่ใหญ่ที่สุดในเนปาลอีกด้วย
อนึ่งหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ 2 ครั้งซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 8,600 คนแล้วส่งผลกระทบให้เกิดดินถล่มในหลายพื้นที่ด้วย
ดินถล่มขวางแม่น้ำเนปาลอพยพวุ่น : มติชนออนไลน์

 

ภาพยนต์เรื่องA Beautiful Mind ผมเคยดูน่ะครับสนุกๆ มากๆ

Kaokala Fc



24 พ.ค.“จอห์น แนช” อาจารย์คณิตศาสตร์คนดัง แรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่อง A Beautiful Mind เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
อาจารย์ด้านคณิตศาสตร์คนดังชาวอเมริกัน “จอห์น แนช” เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ และแรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่อง A Beautiful Mind เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมภรรยาที่รัฐนิวเจอร์ซี
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่24พ.ค.ว่าข่าวเอบีซีแจ้งว่า นายจอห์น แนช อาจารย์ด้านคณิตศาสตร์คนดังชาวอเมริกันวัย 82ปี พร้อมด้วยนางอลิเซียวัย 82ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อรถแท็กซี่ที่พวกเขาโดยสารไปนั้นคนขับสูญเสียการควบคุมทำให้รถพุ่งกระแทกกับราวกั้นข้างทางเหตุเกิดที่รัฐนิวเจอร์ซี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งสามีภรรยาคู่นี้อาศัยอยู่ที่เมืองปรินซ์ตันรัฐนิวเจอร์ซี
นายจอห์นแนช ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องABeautiful Mind นำแสดงโดยรัสเซลล์ โครว์ซึ่งสร้างมาจากเรื่องจริงของเขาขณะที่ต้องต่อสู้กับอาการจิตเภทหวาดระแวงมาอย่างยาวนานแต่ก็ได้รับกำลังใจอย่างดีจากภรรยาและเพื่อน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายในปี2544และได้รับรางวัลตุ๊กตาทองออสการ์ 4รางวัลด้วยกันรวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
รัสเซลล์โครว์ ผู้แสดงนำฝ่ายชายซึ่งรับบทเป็น จอห์น แนชเขียนลงในทวิตเตอร์ว่ารู้สึกตกใจมากที่ทราบข่าวการเสียชีวิตของจอห์นแนช และภรรยาซึ่งเป็นคู่สามีภรรยาที่น่ามหัศจรรย์มากมีจิตใจที่งดงามและหัวใจที่สวยงามเช่นกัน
นายจอห์นแนช เป็นนักวิชาการของมหาวิทยาลัยปรินซ์ตันและ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี2537
: อาจารย์คณิตศาสตร์คนดังเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ | เดลินิวส์

 

Kaokala Fc
24 พ.ค. เกิดมาเพิ่งเคยเห็น..คลิป "ปู" โซ้ยก๋วยเตี๋ยว เหมาเกือบหมดชาม

<iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/BHss4saZGwM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ชมคลิป https://www.youtube.com/watch?v=BHss4saZGwM
ความหิวก็เป็นเรื่องธรรมดาของสิ่งมีชีวิตกันอยู่แล้ว แต่คลิปนี้มันจะแปลกไปหน่อยไหมละเนี่ย สำหรับวันที่ 24 พฤษภาคม 2558 ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ เจ้าปูตัวหนึ่งที่ท่าทางจะหิวจัดมาจากไหนก็ไม่รู้ เล่นเอาก้ามโซ้ยเส้นก๋วยเตี๋ยวจนเกือบหมดชามเลยทีเดียว แถมไม่มีแบ่งใครอีกต่างหาก







อีโมติคอน kiki
คลิปปูกินก๋วยเตี๋ยว งานนี้กินคนเดียวไม่แบ่งใครเลย

 

Kaokala Fc



24 พ.ค. สุดระทึก ! พารามอเตอร์เครื่องดับกลางเวหา คนร่วงติดเสาไฟฟ้าแรงสูง
พารามอเตอร์เครื่องดับกลางเวหา ร่วงติดเสาไฟฟ้าแรงสูง ตะโกนเรียกชาวบ้านช่วยสนั่น โชคดีรอดมาได้
วันนี้ (24 พฤษภาคม 2558) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี และมูลนิธิร่วมกตัญญูได้รุดตรวจสอบหลังได้รับแจ้งว่ามีเครื่องร่อน (พารามอเตอร์) พร้อมคนติดอยู่บนเสาไฟฟ้าแรงสูง บริเวณสะพานข้ามคลองขุนศรี หมู่ 3 ต.ไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ที่เกิดเหตุพบเครื่องพารามอเตอร์พร้อมคนบังคับติดอยู่กับสายไฟฟ้าซึ่งมีกำลังส่งกว่าหกหมื่นโวลต์และมีความสูงประมาณ 30 เมตร ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เร่งนำรถกระเช้าและรถเครนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงขึ้นไปช่วยเหลือชายดังกล่าว ทราบชื่อคือ นายอร่าม มณีกุล อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/23 หมู่ 2 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. หลังจากช่วยเหลือลงมาได้ทางเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลไทรน้อย
นายอร่าม เปิดเผยว่า ตนเองได้นำเครื่องพารามอเตอร์กำลังฝึกบินให้กับน้องรุ่นใหม่ ๆ ในชมรมโดยขึ้นบินกว่า 10 เครื่อง ซึ่งมีครูฝึกขึ้นบินด้วย จากนั้นตนเองได้บินแยกออกจากกลุ่มมาต่างหาก จู่ ๆ เครื่องยนต์เกิดขัดข้องจึงได้พยายามบังคับเครื่องลงสู่ ลานดินที่มีความกว้างเพียงพอแต่ช่วงระหว่างร่อนลงได้เกิดไปเกี่ยวกับสายสลิงของเสาไฟฟ้าแรงสูงจนทำให้ตนเองนั้นเกิดติดข้างอยู่ด้านบน จนกระทั้งมีผู้พบเห็นซึ่งเป็นชาวบ้านในละแวกนั้นพยายามเข้ามาช่วยเหลือ นายอร่าม ยังกล่าวขอบคุณชาวบ้านและเจ้าหน้าที่มูลนิธิที่เข้าช่วยเหลือตนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้าช้ากว่านั้นอาจจะตกลงมาสู่พื้นล่างอย่างแน่นอน
สุดระทึก วินาทีพารามอเตอร์เครื่องดับกลางเวหา คนร่วงติดเสาไฟฟ้าแรงสูง

 

ลิเบียบึ้มเรือขนอาวุธไอเอส | เดลินิวส์



„ลิเบียบึ้มเรือขนอาวุธไอเอส กองทัพอากาศลิเบียเผย ส่งเครื่องบินรบบึ้มเรือขนอาวุธ-เชื้อเพลิงของกลุ่มก่อการร้ายไอเอสได้สำเร็จ ขณะเรือกำลังมุ่งหน้าเข้าเมืองเซิร์ท ซึ่งเป็นเขตยึดครองของกลุ่ม วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2558 เวลา 9:14 น.

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานจากกรุงตริโปลี ประเทศลิเบีย เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ว่า นายซักร์ อัล-โจรูซี ผู้บัญชาการฐานทัพอากาศในเมืองโทบรูค ทางภาคตะวันออกไกล ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกล่าวว่า ทางการได้ส่งเครื่องบินรบเข้าทิ้งระเบิดใส่เรือไม่ติดธงสัญชาติใดๆลำหนึ่งที่แล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองเซิร์ท ตอนกลางของประเทศ หลังจากได้รับข้อมูลว่า เรือลำดังกล่าวกำลังเดินทางนำเชื้อเพลิง ทหารรับจ้าง อาวุธและกระสุนปืนไปส่งให้กับกลุ่มก่อการร้ายไอเอส โดยมีจุดมุ่งหมายที่สถานีจ่ายไฟฟ้าในเมืองเซิร์ท ซึ่งเป็นฐานที่มั่นที่ไอเอสสามารถยึดครองไว้ได้ นายอัล-โจรูซี เผยว่า เครื่องบินรบที่ถูกส่งออกไปได้ส่งสัญญาณเตือนไปยังเรือลำนี้เพื่อให้แสดงตัวแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ที่อยู่บนเรือยังคงเพิกเฉย ดังนั้น จึงเปิดฉากโจมตีโดยการทิ้งระเบิดใส่ ทำให้เรือค่อยๆอับปางลง ทั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า เรือลำนี้ได้เชื้อเพลิงมาจากที่ใด“

อ่านต่อที่ : ลิเบียบึ้มเรือขนอาวุธไอเอส | เดลินิวส์

 

เจรจาสันติภาพเยเมนเลื่อนไม่มีกำหนด | เดลินิวส์



„เจรจาสันติภาพเยเมนเลื่อนไม่มีกำหนด การเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลเยเมนกับกลุ่มกบฎฮูตี ซึ่งมีสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เป็นคนกลางต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดหลังสองฝ่ายตกลงเรื่องส่งตัวแทนมาประชุมไม่ได้ วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2558 เวลา 10:00 น.

<iframe width="750" height="500" src="https://www.youtube.com/embed/mRJ7KPLrbU4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงซานา ประเทศเยเมน เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ว่า เจ้าหน้าที่ยูเอ็นที่ไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อ กล่าวว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลพลัดถิ่นเยเมน นำโดยประธานาธิบดีอาเบดรับโบ มานซูร์ ฮาดี กับกลุ่มกบฎฮูตี นิกายชีอะห์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 พ.ค.นี้ต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ก่อนหน้าการถึงวันประชุมจริงเพียง 3 วัน ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่าใครจะถูกส่งมาเป็นตัวแทนในการเจรจาสองฝ่ายครั้งนี้ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา นายฮาดี ได้เปิดเผยความต้องการที่จะเข้าร่วมการเจรจา แต่ก็เรียกร้องให้กลุ่มกบฎถอนกองกำลังออกไปจากพื้นที่ยึดครองเสียก่อน ทั้งนี้ นายฮาดีหนีไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่กรุงริยาด ของซาอุดิอาระเบียตั้งแต่เมื่อเดือนมี.ค.เมื่อกลุ่มกบฎสามารถรุกคืบเข้ายึดครองฐานที่มั่นของรัฐบาลในเมืองเอเดน ทางตอนใต้ของประเทศได้ นายบัน คี-มุน เลขาธิการยูเอ็นออกมากล่าวว่า การเจรจาซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 พ.ค.นี้ มีขึ้นเพื่อฟื้นฟูแรงกระตุ้นให้มีกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในเยเมนอย่างเหมาะสม หลังจากที่กองกำลังของซาอุดิอาระเบีย ที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลเข้าต่อสู้กับกลุ่มฮูตีจนมีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 2,000 คน“

อ่านต่อที่ : เจรจาสันติภาพเยเมนเลื่อนไม่มีกำหนด | เดลินิวส์

 

กรีซปฏิเสธข้อเสนอให้เบี้ยวหนี้ | เดลินิวส์



„กรีซปฏิเสธข้อเสนอให้เบี้ยวหนี้ รัฐบาลกรีซลั่นจะดำเนินการจ่ายหนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ต่อไป แม้จะมีข้อเสนอให้เบี้ยวการชำระหนี้งวดหน้า วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2558 เวลา 8:48 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ว่า รัฐบาลกรีซยืนยันยังคงดำเนินการจ่ายหนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยคณะกรรมการกลางของพรรคไซรีซา ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลปฏิเสธข้อเสนอที่ต้องการให้ประเทศผิดนัดการชำระหนี้ ซึ่งเสนอโดยสมาชิกบางส่วนที่มีแนวคิดซ้ายจัดด้วยผลลงคะแนนเสียง 95-75 เสียง ทั้งนี้ คณะกรรมการกลางยังได้ปฏิเสธเสียงเรียกร้องที่ต้องการให้ธนาคารทั้งหลายกลับมาอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการจัดลงคะแนนประชามติที่จะให้ผู้ออกเสียงมีอำนาจในการปฏิเสธหรือตัดสินใจข้อตกลงใดๆก็ตามที่จะลงนามกับสหภาพยุโรป(อียู)และไอเอ็มเอฟ แลกกับการดำเนินนโยบายรัดเข็มขัด ข้อเสนอของสมาชิกพรรครัฐบาลครั้งนี้ เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ต้องการให้กรีซผิดนัดชำระหนี้ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายนิกอส ฟิลิส ผู้นำพรรครัฐบาลในรัฐสภาได้ออกมากล่าวว่า วิกฤตการเงินของกรีซกำลังอยู่ในช่วงย่ำแย่ และอาจจะทำให้ประเทศไม่สามารถชำระหนี้ไอเอ็มเอฟในวันที่ 5 มิ.ย.มูลค่า 300 ล้านยูโร (11,250 ล้านบาท)ได้“

อ่านต่อที่ : กรีซปฏิเสธข้อเสนอให้เบี้ยวหนี้ | เดลินิวส์

 

เจ้าท่าเมืองปากน้ำรุดตรวจสอบ การกู้ซากเรือโป๊ะบรรทุกถ่านหิน | เดลินิวส์



„เจ้าท่าเมืองปากน้ำรุดตรวจสอบ การกู้ซากเรือโป๊ะบรรทุกถ่านหิน เจ้าหน้าท่าสมุทรปราการ เร่งตรวจสอบติดตามการกู้โป๊ะเรือ บรรทุกหินที่ถูกพายุกระหน่ำล่มปากอ่าว พร้อมเร่งลำเลียง ถ่านหินขึ้นจากน้ำ ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเล วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2558 เวลา 1:00 น. เมื่อวันที่ 25 พ.ค.

นายสุรัฐ ศิริไสยาสน์ เจ้าท่าจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ตนได้นำเรือตรวจการณ์เข้าตรวจการกู้เรือโป๊ะบรรทุกถ่านหิน ของบริษัทภัทร ทรานสปอร์ต จำกัด บรรทุกถ่านหินน้ำหนักกว่า 1,700 ตัน ซึ่งถูกคลื่นซัดจม บริเวณปากอ่าวสมุทรปราการ ทุนเขียวที่ 21 ต.บางปู อ.เมืองสมุทรปราการ เมื่อช่วงค้ำวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ขณะที่โป๊ะเรือของบริษัทดังกล่าว ซึ่งบรรทุกถ่านหินจากเกาะสีชัง จ.ชลบุรี มุ่งหน้าไปส่งจ.พระนครศรีอยุธยา แต่ระหว่างที่ลากจูงมาถึงจุดที่เกิดเหตุซึ่งในช่วงดังกล่าว ได้เกิดพายุ คลื่นลมปั่นป่วน ซัดเรือโป๊ะลำดังกล่าวที่ลากอยู่ลำท้ายสุดจมลงในทะเลปากอ่าวสมุทรปราการทันที โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิตกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ถ่านหินที่บรรทุกมาในเรือน้ำหนักกว่า 1,700 ตัน ที่จมลงไปกับโป๊ะ ทำให้พื้นน้ำในบริเวณดังกล่าว กลายเป็นสีดำ ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ และระบบนิเวศทางทะเล กระทั่งช่วงบ่ายวันเดียวกัน บริษัทเจ้าของเรือลากจูงลำดังกล่าว จึงนำเครนขนาดใหญ่ลงมาทำการกู้เรือโป๊ะลำดังกล่าว และนำเรือโป๊ะลำใหม่มาทำการขนถ่ายถ่านหินภายในเรือโป๊ะที่จมออกกว่า700 ตัน ส่วนที่เหลือจะเร่งลำเลียงขึ้นจากน้ำให้เสร็จสิ้น ทั้งหมดภายใน 2-3วัน.“

อ่านต่อที่ : เจ้าท่าเมืองปากน้ำรุดตรวจสอบ การกู้ซากเรือโป๊ะบรรทุกถ่านหิน | เดลินิวส์

 

"ลุงจั๋น" ชาวบ้านแหวน อ.หางดง เชียงใหม่ ช่างคิดประดิษฐ์ "ชุดเขียงลาบ" มีดมอเตอร์สับเนื้ออัตโนมัติ วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 10:11 น.





เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีชาวบ้านหัวใสชอบคิดทำครื่องจักรกลทุ่นแรงต่างๆ ไว้ที่บ้านจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบนายดวงจันทร์ หรือลุงจั๋น วีณา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 ม.2 บ้านแหวน ต.บ้านแหวน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตนมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ชอบคิดประดิษฐ์เครื่องมือทุ่นแรงต่างๆจำนวน มาก และเคยทำงานกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลบ้านแหวนผลิตส่วนผสมพริกปรุงลาบเมืองเหนือ ซึ่งสร้างชื่อเสียงมาแล้วจึงผลิตเครื่องมือทุ่นแรงในการลาบเนื้อหมูและเนื้อวัวเนื้อควายไว้ใช้งานในกลุ่มฯทำไว้นาน 10 แล้วเพื่อลาบเนื่อสัตว์แล้วทดลองพริกปรุงลาบในแต่ละสูตรให้ลูกค้าได้รับประทานลาบได้อร่อย
ล่าสุดได้มีผู้สนใจสั่งให้ตนทำเครื่องมือลาบเนื้อที่เป็นชุด มีมีดมอเตอร์ 2 ด้าม พร้อมเขียงและโต๊ะ จำนวน 2 ชุด ตนกำลังเริ่มผลิต ขณะที่ชาวบ้านนำเรื่องนี้พูดปากต่อปากจนกระทั้งผู้สื่อข่าว นสพ.ข่าวสดทราบเรื่องจึงนำเสนอข่าวดังกล่าว
ลุงจั๋น กล่าวอีกว่า การทำอุปกรณ์ลาบครบชุดนั้นตั้งงบประมาณไว้เกิน 2 แสนบาทต่อ 1 ชุด เพราะราคามอเตอร์ ราคามีดและเขียงรวมทั้งเหล็กขณะนี้ราคาแพง อย่างไรก็ตามการทำชุดลาบเนื้อดังกล่าวตนจะจดสิทธิบัตรต่อไปเพราะถือว่าเป็นเครื่งแรกของโลกก็อาจเป็นไปได้ ลุงจั๋นกล่าว
ลุงจั๋น กล่าวอีกว่า ชุดเขียงลาบนี้ยังสามารถใช้ซอยเครื่องเทศของเครื่องปรุงพริกลาบอื่นๆได้ด้วยเชน ข่า ตระไคร้ หรือพริก ก่อนนั้นตนเคยทำมีดซอยต้นกล้วยมอเตอร์เพื่อนำไปต้มเป็นอาหารหมูก็เคยทำมาแล้ว สำหรับแรงบันดาลใจไม่มีอะไรเพียงต้องการหาเครื่องทุนแรงคนเท่านั้น ประกอบกับตนเป็นช่างอยู่แล้วจึงคิดแล้วลงมือทำได้ง่าย ลุ่งจั๋นกล่าว
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…

 

ระทึก! แผ่นดินไหว 5.3 เขย่า “โตเกียว” ทำเสียงเตือนภัยดังลั่น-รถไฟใต้ดินชะงัก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤษภาคม 2558 13:35 น.



เอเอฟพี – เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.3 ตามมาตราแมกนิจูดเขย่าอาคารสูงในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นวันนี้ (25 พ.ค.) ส่งผลให้สัญญาณเตือนภัยดังลั่น และระบบรถไฟฟ้าใต้ดินต้องหยุดให้บริการชั่วคราว
สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) วัดความแรงของแผ่นดินไหวได้ 5.3 ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวเชื่อว่า แรงสั่นสะเทือนครั้งนี้จะไม่ก่อให้เกิดคลื่นสึนามิ
ก่อนหน้านี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นวัดระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวได้ถึง 5.6
แรงสั่นสะเทือนซึ่งเกิดขึ้นทั้งในแนวราบและแนวดิ่งได้ทำให้สัญญาณเตือนภัยบนโทรศัพท์มือถือและอาคารต่างๆ ดังลั่นขึ้น ขณะที่สนามบินนานาชาตินาริตะซึ่งเป็นหนึ่งในประตูหลักที่เปิดรับนักเดินทางสู่เมืองหลวงญี่ปุ่น ได้ประกาศปิดรันเวย์ทั้ง 2 เส้นเป็นการชั่วคราว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าเกิดความเสียหายหรือไม่
USGS รายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดในระดับตื้นเพียง 35 กิโลเมตร โดยมีศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศเหนือ 34 กิโลเมตรจากกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค รายงานว่า แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวสามารถรับรู้ได้ในบริเวณกว้างทั่วเมืองหลวง ทว่ายังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บ และคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในภูมิภาคซึ่งถูกสั่งปิดอยู่

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

 

"ธัญญ่า" เล่าทั้งน้ำตา! เหตุใดงานแต่ง "น้ำฝน" ถึงไร้การ์ดเชิญ
2015-05-25 11:32:05



"ธัญญ่า" เฉลยทั้งน้ำตา! สาเหตุ "น้ำฝน" ไม่ส่งการ์ดเชิญเพื่อนร่วมงานแต่ง เกิดจากความจำเป็นเพื่อแม่ ของลูกกตัญญู



ออกมาตอบข้อสงสัยแทนเพื่อนสาวอย่างชัดเจนแล้ว สำหรับนักแสดงสาว " ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล " ในฐานะเพื่อนสนิทของเจ้าสาวหมาดๆ อย่าง "น้ำฝน กุลณัฐ" ล่าสุดขอเล่าเบื้องลึกของงานแต่งงาน ถึงเหตุผลที่แท้จริง ที่เจ้าสาวไม่ส่งการ์ดเชิญเพื่อนมาร่วมงาน อันเป็นเพราะความจำเป็นในเรื่องการเงิน ที่เจ้าสาวยอดกตัญญูต้องจัดสรรไว้เพื่อรักษาแม่ที่กำลังป่วยนั่นเอง



ข้อความระบุว่า.... " เห็นภาพที่เจ้าสาวอย่าง "น้ำฝน กุลณัฐ" ร้องไห้กับแม่ ก็ซึ้งแล้ว! ยังมาเจอ "ธัญญ่า ที่เป็นเพื่อนสนิทของน้ำฝน โพสต์ข้อความนี้อีก เข้าใจชัดเจนเลยว่าทำไมน้ำฝนถึงจัดงานแต่งเล็กๆ และเชิญแขกมางานน้อย ทำเพื่อแม่ขนาดนี้ อ่านแล้วซึ้งจ๊ะ ยังไงก็ต้องขอแสดงความยินดีกับน้ำฝนอีกรอบนะจ๊ะ



" เห็นรูปนี้ทีไร..จุกทุกที..เห็นเพื่อนเหนื่อยมาเยอะ..เพราะเพื่อนเป็นคนกตัญญูชีวิตถึงได้เจอคนดีๆดีใจกับเพื่อนที่สุด..love you..ขออธิบายแทนเพื่อนนะคะ..ว่าเพื่อนพูดเสมอมาว่าไม่เคยอยากจะจัดพิธีแต่งงานเพราะรู้สึกสิ้นเปลือง..แต่ที่จัดครั้งนี้เพราะอยากจัดเพื่อแม่ซึ่งไม่รู้ว่าแม่จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่..ฝนเป็นเพื่อนที่รู้ค่าของเงิน..ทำงานมาตั้งแต่เด็ก..ก่อนพ่อเสียก็ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลตั้งมากมายแต่ไม่เคยบ่นหรือรบกวนเพื่อนสักนิด..มาวันนี้วันที่แม่ป่วยฝนต้องเสียเงินอีกก้อนใหญ่โดยที่เพื่อนทุกคนก็รู้..และก็ยังคงไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น..เพื่อนทุกคนรู้ว่าเงินเก็บที่เพื่อนมีทุกบาทเพื่อนทุ่มให้กับแม่ทั้งหมด..



หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมงานแต่งฝนถึงไม่ได้การ์ดเชิญ..เหตุผลคือ ฝนอยากจัดงานแบบกะทัดรัดที่สุดเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองเพราะยังต้องเก็บเงินไว้รักษาคุณแม่ต่อไป..แต่อย่างที่บอกที่จัดงานก็เพื่อให้แม่ได้เห็นและอยู่ร่วมงาน..ขนาดเพื่อนสนิทยังไม่สามารถเชิญให้ครบทุกคนได้..แต่เพื่อนทุกคนก็เข้าใจดี..แต่เจ้าสาวก็ยังไม่วายที่จะเครียดอธิบายถึงเหตุผลซะยืดยาว..ที่เขียนมาทั้งหมดเผื่อมีใครจะไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ได้ถูกรับเชิญ..เลยอยากจะขอใช้พื้นที่ตรงนี้อธิบายแทนเพื่อนนะคะ..ความกตัญญูต่อพ่อแม่ไม่มีทางจะทำให้ชีวิตของใครตกต่ำแน่นอน..รักเพื่อนนะ.. @namfonkullanut พิมไปน้ำตาไหลไป "
ภาพจาก IG: tanya_liyah
"

 

กลุ่มงานเลื่อนเงินเดือน สพร.สพฐ.
หลักเกณฑ์การปรับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ว6/2558 และ ว7/2558 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์สำนักงาน ก.พ. http://www.ocsc.go.th/ocsc/th/index.php?option=com_docman&Itemid=226

 

ปอกเปลือก ทรราช
นายกฯบังคลาเทศออกโรงสั่งสกัดผู้อพยพโรฮิงญาและตำหนิผู้อพยพผิดกฎหมายว่าเป็นพวก "ป่วยทางจิต"



------------
โอหละพ่อ โอหละแม่.... ขอเล่าข่าวก่อนนะครับ แล้วค่อยเม้าท์กันมันๆปิดท้าย หนุกแน่งานนี้ เพราะมันกระทบหลายฝ่าย คริๆ เมื่อวานนี้สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรวมทั้ง sputnik news พาดหัวข่าวว่า "นายกรัฐมนตรี (ของบังคลาเทศ) มีคำสั่งปฏิบัติการสกัดผู้อพยพหลบหนีออกจากบังคลาเทศ" บางสำนักฯพาดหัวว่า "นายกฯบังคลาเทศจวกผู้อพยพป่วยทางจิต" บ้างก็พาดหัวข่าวว่า "นายกฯบังคลาเทศกล่าวว่าพวกผู้อพยพทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ" (เอาหละเหวย... มันไม่เป็นอย่างที่สหรัฐฯออกมาเรียกร้องซะแล้วสินี่)
นางซิคห์ ฮาสินา (Sheikh Hasina) ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อฯเป็นครั้งแรกว่า "จะมีการลงโทษกับใครก็ตามที่อพยพออกจากประเทศบังคลาเทศอย่างผิดกฎหมายรวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย"
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นาง Sheikh Hasina กล่าวว่าได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มผู้อพยพผิดกฎหมายที่ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ โดยการพยายามหลบหนีออกจากประเทศไปที่ประเทศเพื่อนบ้านซึ่งก็คือเมียนมาร์และอาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียโดยอาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่าน ปัจจุบันนี้ทางรัฐบาลไทยได้มีการกวาดขันและปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างหนักจึงทำให้ ไม่ค่อยมีผู้อพยพโรฮิงญาและที่ไม่ใช่โรฮิงญาเหล่านั้นเข้าสู่ดินแดนและน่านน้ำของไทยได้
หนังสือพิมพ์ The Daily Star ของบังคลาเทศรายงานคำพูดของนาง Sheikh Hasina นายกฯของบังคลาเทศว่า "จะมีการลงโทษพวกที่อพยพออกหนีจากประเทศอย่างผิดกฏหมายซึ่งรวมทั้งนายหน้าคนกลาง (ขบวนการค้ามนุษย์) ด้วย เพราะถือว่าพวกนี้ได้ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศโดยการทำให้ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย"
นาง Sheikh Hasina กล่าวว่า "ที่บังคลาเทศมีงานเพียงพอสำหรับพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังพยายามอพยพออกไปจากประเทศ (อย่างผิดกฎหมาย) ในรูปแบบที่ทำให้เกิดหายะดังกล่าว คราวนี้ก็ไปพบว่ามีหลุมศพของพวกเขาอยู่ตามป่า" (เมื่อเร็วๆนี้ทางสื่อฯของมาเลเซียก็รายงานว่าพบหลุมศพของชาวโรฮิงญาจำนวนมากในฝั่งชายแดนมาเลเซียใกล้ชายแดนไทย)
นายกฯ ของบังคลาเทศกล่าวอีกว่า "พวกผู้อพยพ (ทางชาวโรฮิญาและชาวบังคลาเทศบางส่วน) ที่หลบหนีออกไปหางานทำในต่างประเทศเพื่อไล่ล่าหาเงินนั้นเป็นพวก 'ผู้ป่วยทางจิต' (mentally sick) มีข่าวว่าบางคนถูกชักชวนให้อพยพอย่างผิดกฎหมาย ทำไมพวกเขาถึงไป? มันเป็นการไม่ถูกต้องที่จะออกมาอ้างว่า พวกผู้อพยพทั้งหมดที่ทำอย่างนี้มาจากปัญหาความยากจน (poverty) … ดูเหมือนว่าเขากำลังไล่ล่ากวางทองคำ พวกเขาคิดว่ามีเงินก้อนใหญ่รออยู่ในต่างประเทศ... นี่จัดว่าเป็นอาการป่วยทางจิตประเภทหนึ่ง (this is a sort of mental sickness)"
นายกฯ Hasina กล่าวว่า "พวกผู้อพยพเหล่านั้นอาจจะกระทำบางอย่างที่ทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ได้ในประเทศด้วยเงินที่พวกเขาจ่ายให้กับพวกนายหน้า (middlemen) ที่ประเทศบังคลาเทศนี้พวกเขาจะมีชีวิตที่สะดวกสบายและได้งานทำที่ดีกว่า" ตามคำกล่าวของนายกฯบังคลาเทศนั้นระบุว่า รัฐบาล (บังคลาเทศ) พบว่ามีคนงานชาวบังคลาเทศที่ไปทำงานอย่างผิดกฎหมายอยู่ในมาเลเซียถึง 6.5 แสนคน ในซาอุดิฯอีก 8 แสนคนตัวเลขนี้ได้จากการหารือกับตัวแทนของรัฐบาลทั้งสองประเทศเหล่านั้น
อ้าว… ทำไมทางบังคลาเทศซึ่งเป็นประเทศต้นทางและเป็นต้นตอของปัญหาไม่เห็นออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกับสหรัฐฯและยุโรป รวมทั้งสื่อฯขี้ข้าอเมริกาในประเทศไทยเลยหละนี่? ไม่เห็นมีตรงไหนที่ทางรัฐบาลของบังคลาเทศออกมาเรียกร้องให้ประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียหรือประเทศไหนๆในโลกนี้ให้ช่วยสร้างค่ายผู้อพยพชาวโรฮิงญาอย่างที่สหรัฐฯยูเอ็นและอียูออกมาดราม่าประโคมข่าวผ่านสื่อฯกระแสหลักเลยนี่
เมื่อเร็วๆนี้ทางอินโดนีเซียซึ่งทนแรงกดดันจากสหรัฐฯไม่ได้ จึงได้ประกาศรับผู้อพยพหลายพันคนที่อ้างว่าเป็นชาวโรฮิงญา และตรวจพบว่าผู้อพยพเหล่านั้นไม่ใช่ชาวโรฮิงญาซะทั้งหมด มีกลุ่มชาติพันธุ์อื่นเจือปนมาด้วย แล้ววันนี้นายกฯของบังคลาเทศก็ออกมายืนยันเองว่าผู้อพยพเหล่านั้นไม่ใช่มีแต่เพียงชาวโรฮิงญาเท่านั้น แต่มีชาวบังคลาเทศบางส่วนรวมอยู่ด้วย ชัดนะ!
พูดแบบนี้สหรัฐฯ UNHCR อียู และสื่อฯจ.ร.และพวกนักวิชาเกินหรือหลายๆรายที่ออกเต้นแร้งเต้นกาเรียกร้องความสงสารให้รัฐบาลไทยรับผู้อพยพเหล่านั้นมาดูแลในประเทศไทยก็หน้าแตกสิครับท่าน ทางรัฐบาลบังคลาเทศบอกเองว่าที่ประเทศของเขามีงานให้ทำเยอะ แต่พวกที่ลักลอบออกหนีไปจากประเทศผ่านขบวนการค้ามนุษย์เหล่านั้นเลือกที่จะไปขุดทองในต่างประเทศเอง มันไม่ใช่เรื่องของสิทธิมนุษยชนและความยากจนอะไรเลย แล้วอย่างนี้สหรัฐฯจะมาเรียกร้องให้ไทยรับไว้ทำแป๊ะอะไรหละครับ แล้วยังมาเนียนอีกว่าจะใช้ภูเก็ตเป็นฐานปฏิบัติการในการส่งเครื่องบินสอดแนมเพื่อช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮิงญาซะงั้น ดีนะที่กองทัพไทยรู้ทัน ถีบออกไปซะก่อน
The Eyes
25/05/2558
----------
Prime Minister Orders Action Against Migrants Fleeing Bangladesh / Sputnik International
http://www.thedailystar.net/…/pm-draws-flack-comments-traff…
http://www.thedailystar.net/…/take-actions-against-illegal-…

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 25 พ.ค.58 พบปลาแปลกๆ ที่เวียดนาม มาพร้อมกับแผ่นดินไหว
เมื่อกลางเดือนนี้ที่ผ่านมา ปลาไม้พาย (ปลาพญานาค) ขนาดยาว 4.1 เมตร น้ำหนักราว 40 กิโลกรัม ที่หาได้ยากถูกคลื่นซัดขึ้นเกยหาด ในภาคกลางตอนบนของเวียดนาม ชาวบ้านที่ขณะลงเล่นน้ำผ่านไปพบ มันยังมีชีวิตอยู่ หายใจพะงาบๆ อยู่
แต่ต่อมาขณะถูกนำกลับสู่ทะเลมันตาย เพราะขึ้นจากน้ำมาเป็นเวลานานยาว ปีที่แล้วก็พบในช่วงเดือนนี้ ความยาว 4.2 เมตร ได้ติดเบ็ดนักตกปลาในภาคกลาง ของประเทศเวียดนาม เป็นเรื่องฮือฮา เนื่องจากไม่เคยปรากฏมีการบันทึกว่า ปลาพญานาคเคยกินเบ็ด หรือติดเบ็ดในย่านใดของโลกมาก่อน
คนอีกจำนวนไม่น้อยในย่านเอเชีย เรียกว่า “ปลาแผ่นดินไหว” เนื่องจากมักจะปรากฏตัวให้เห็นในช่วงก่อน หรือหลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทร โอกาสที่จะได้พบปลาชนิดนี้มีน้อย เนื่องจากเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรที่มีความลึกตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไป
ชาวบ้านได้ช่วยกันขุดหลุมฝังปลาพญานาคตัวนี้ ที่ริมหาดในบริเวณไกล้กับจุดที่พบ ตามความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบราณกาลว่า ปลารูปร่างประหลาด หรือรูปร่างใหญ่โต จะพิท้กษ์ปกป้องชีวิตของคนบนฝั่ง และนำแต่ความสุข และความโชคดีมาให้
------------------------------------>
หลังจากแผ่นดินไหวใหญ่รอบ 2 ที่เนปาลวันที่ 12 พ.ค. และหลังจากนั้นก็มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นถี่ยิบในแนววงแหวนแห่งไฟ และย่านใกล้เคียงเวียดนาม เช่น ญี่ปุ่น อินโดฯ และเกาะกลางทะเล เป็นช่วงเวลาใกล้เคียง กับที่ปลาชนิดนี้ตะเกียดตะกายจากระดับความลึก 1000 เมตร ขึ้นมาตายบนฝั่ง
คนในย่านเอเชีย จึงเรียกว่า “ปลาแผ่นดินไหว” เนื่องจากมักจะปรากฏตัวให้เห็นในช่วงก่อน หรือหลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทร
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

กรมบัญชีกลางพร้อมจ่ายเงินเดือนใหม่ขรก.พร้อมตกเบิก 6 เดือน 25มิ.ย.นี้
โพสต์เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2558



กรมบัญชีกลางพร้อมโอนหมื่นล้านตกเบิกให้งวด 25 มิ.ย. ข้าราชการ 2 ล้านคนเฮ
คลังพร้อมหมื่นล.ตกเบิกขรก.
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจาก พ.ร.บ.การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม กรมบัญชีกลางพร้อมที่จะโอนเงินส่วนที่ปรับขึ้นไปให้ส่วนราชการในรอบการจ่ายเงินเดือนของเดือนมิถุนายน ที่จะจ่ายทุกวันที่ 25 ของทุกเดือน เนื่องจากรอบเดือนพฤษภาคมโอนเข้าบัญชีของหน่วยราชการไปตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคมไปแล้ว โดยส่วนราชการต่างๆ ต้องจัดทำเงินเดือนของข้าราชการแต่ละคนในหน่วยงานบางหน่วยมี 200 คน อาจเร็วหน่อย แต่บางหน่วยมี 2,000-3,000 คน ต้องใช้เวลา
ประเมินว่าจะมีหน่วยราชการประมาณ 80% สามารถส่งเรื่องมายังกรมบัญชีกลางภายในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ ซึ่งกรมพร้อมจ่ายให้ทันทีในงวดวันที่ 25 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป โดยจ่ายทั้งเงินเดือนใหม่ของเดือนมิถุนายนพร้อมกับเงินตกเบิกอีก 6 เดือน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557-พฤษภาคม 2558
"กรมบัญชีกลางมีความพร้อมทั้งเรื่องเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท ที่จะนำมาจ่ายตกเบิกให้ข้าราชการ รวมถึงมีความพร้อมในเรื่องระบบไอที และเรื่องคน เพราะมีการซักซ้อมเรื่องนี้มาแล้ว ถ้าหน่วยงานส่งเรื่องเข้ามาพร้อมๆ กันจำนวนมากจะให้ข้าราชการของกรมที่เกี่ยวข้องเพิ่มเวลาทำงาน เพื่อจ่ายเงินเดือนให้ข้าราชการทันงวดเดือนมิถุนายนนี้" นายมนัสกล่าว

ที่มา มติชน ฉบับวันที่ 26 พ.ค. 2558 (กรอบบ่าย)
ข่าวการศึกษา ครูบ้านนอกดอทคอม
โพสต์เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2558

 

ปอกเปลือก ทรราช
สหรัฐฯโทษกองทัพอิรัคว่าไม่ตั้งใจจะต่อสู้กับไอซิส อิหร่านซัดสหรัฐฯแทนอิรัคว่าสหรัฐฯนั่นแหละที่ไม่ต้องการจะสู้กับไอซิส พร้อมบอกว่า "US didn't do a damn thing!"



------------
ว้าว! สงครามน้ำลายนี่มันหยดติ๋งยิ่งกว่าสนามรบของจริงในทะเลทรายซะอีกนะนี่ มาดูข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิรัคบ้างนะครับ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.58 ที่ผ่านมากลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสบุกเข้ายึดเมือง Ramadi ของอิรัคได้ ประชาชนหลายหมื่นคนพากันอพยพหนีออกจากเมือง กองกำลังของอิรัคถอนทัพออกจากเมือง Ramadi สหรัฐฯไม่ได้ทำอะไรซักอย่างโดยโทษพายุทรายว่าเป็นอุปสรรคในการนำเครื่องบินรบเข้าโจมตีทางอากาศใส่ไอซิสในเมือง Ramadi จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากกองทัพสหรัฐฯเลย (พายุทรายบ้าอะไรจะนานหลายวันขนาดนั้น!)
ต่อมาวุฒิสมาชิก John McCain ประธานคณะกรรมาธิการด้านสนับสนุนอาวุธของสภาคองเกรสสหรัฐฯ (chairman of the Senate Armed Services Committee) สังกัดพรรครีพับลิกันได้ออกมาแสดงความกังวลว่า พวกผู้ก่อการร้ายไอซิสอาจจะยึดเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพสหรัฐฯรวมทั้งรถฮัมวี่หลายคันรวมมูลค่ามหาศาลที่ซ่อนไว้อยู่ในเมือง Ramadi ไปแล้วก็ได้ (กรรม! แน่ใจนะว่าถูกยึด เกรงว่าจะสมยอมมากกว่าหละมั๊ง?)
วันที่ 18 พ.ค.58 Cmdr. Elissa Smith โฆษกกลาโหมของสหรัฐฯรีบออกมาปฏิเสธคำพูดของ McCain ทันทีว่าไม่จริ๊งไม่จริง! กองทัพสหรัฐฯได้ขนย้ายอาวุธของตนออกมาจากเมือง Ramadi ของอิรัคตั้งแต่ปลายปี 2011 โน่นแล้ว ทางกองทัพสหรัฐฯไม่ได้ทิ้งอุปกรณ์อะไรไว้ที่เมือง Ramadi เลย พวกไอซิสได้ยึดเอาอุปกรณ์ทางทหารของกองทัพสหรัฐฯไว้ในครอบครอง เช่นอาวุธขนาดเล็ก และรถฮัมวี่ซึ่งยึดได้จากกองทัพอิรัคในปี 2014 ต่างหาก (นั่นคือคำแก้ตัวของกลาโหมสหรัฐฯ)
ต่อมา (25 พ.ค.58) สำนักข่าว RT News ของรัสเซียรายงานว่า ทางเพนตาก้อนได้ออกมายอมรับว่า เมื่อกองทัพอิรัคได้ถอนกำลังออกจากเมือง Ramadi (เนื่องจากสู้ไม่ไหวในตอนแรก) พวกเขาได้ทิ้งรถถังจำนวน 6 คัน และปืนใหญ่จำนวนหนึ่ง รวมทั้งพาหนะบรรทุกอาวุธจำนวนมาก ซึ่งมากกว่า 100 คันส่วนมากแล้วเป็นรถฮัมวี่เอาไว้ที่เมือง Ramadi ด้วย (อาวุธพวกนี้เป็นของสหรัฐฯ)
ปัดโธ่ ตอนแรกก็ออกมาปฏิเสธข่าว พอจำนนต่อหลักฐานก็โยนอี้ไปให้กองทัพอิรัคซะงั้น สุดท้ายก็เป็นแผนสนับสนุนอาวุธให้ไอซิสโดยกองทัพสหรัฐฯนั่นเอง
ต่อมาหลังจากที่ทางสหรัฐฯยึกยักไม่ยอมส่งอาวุธล็อตใหม่ให้กองทัพอิรัคซะที ทางนายกรัฐนตรีของอิรัคพร้อมด้วยคณะก็เลยตัดสินใจเดินทางไปที่รัสเซียเพื่อขอความช่วยเหลือและความร่วมมือในการปราบไอซิสจากปูตินแทน สหรัฐฯและพวกรีบออกมาขวางทันทีแต่ก็ไม่เป็นผล จนในที่สุดทั้งรัสเซียและอิรัคได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือระดับทวิภาคีในทุกด้านซึ่งรวมทั้งด้านอาวุธด้วย
ทำให้สหรัฐฯถึงกับควันออกหู โดยส่งนาย Ashton Carter รมว.กลาโหมของสหรัฐนออกมาพูดว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก็คือกองทัพของอิรัคพึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่มีจิตใจที่จะต่อสู้ (no will to fight) (หือ…? ที่ว่ามานั้นหมายถึงตัวเองหรือเปล่า?) พวกเขาไม่ได้มีกำลังพลไม่เพียงพอ ในความเป็นจริงนั้น (หมายถึงความเป็นจริงจากฝั่งสหรัฐฯนะไม่ใช่จากฝั่งอิรัค) กองทัพอิรัคมีกำลังมากกว่าฝ่ายตรงข้าม แต่พวกเขาก็ล้มเหลวในการต่อสู้ พวกเขาถอนกำลังออกจากฐานที่มั่น"
Carter พูดต่ออีกว่า "พวกเรา (สหรัฐฯ) สามารถช่วยฝึกทหารให้กับอิรัคได้ เราสามารถหยิบยื่นอาวุธให้พวกเขาได้ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเราไม่สามารถให้ความมุ่งมั่นในการต่อสู้แก่พวกเขาได้" Carter ยังหวังว่าการฝึกซ้อมและสนับสนุนจากสหรัฐฯจะผลิดอกออกผลได้ก็ต่อเมื่อ "พวกเขาต่อสู้เท่านั้น" และพวกไอซิสก็จะพ่ายแพ้ไปในที่สุด
ก็นี่ไงผลิตผลของการฝึกจากสหรัฐฯมาเป็นเวลาสิบกว่าปี ยังไม่สามารถปราบไอซิสได้เลยแม้กระทั่งโดยฝีมือของกองทัพสหรัฐฯเองด้วย จะไปโทษทหารอิรัคได้อย่างไร ก็เมื่อกองทัพสหรัฐฯเป็นคนฝึกให้กับกองทัพสหรัฐฯแล้วสุดท้ายก็มาพูดเองว่าไม่สามารถฝึกให้พวกเขามีจิตใจที่ฮึกเหิมต่อสู้กับศัตรูได้ เพียงเพราะเขาถอนทัพออกมาตั้งรับเท่านั้น แล้วมันเป็นความผิดใครที่ฝึกให้เขาเป็นแบบนั้น? ตอนที่กองทัพอิรัคประสานกำลังร่วมกับกองทัพอิหร่านและฮิชบัลเลาะห์ยึดเมือง Trikit คืนมาจากพวกไอซิสโดยไม่มีความช่วยเหลือจากฝั่งสหรัฐฯ เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางสหรัฐฯก็ออกมาพูดว่าระวังจะเป็นกับดักนะ (booby traps)
คราวนี้พออิรัคหันไปหารัสเซีย สหรัฐฯก็ออกมาพูดด้วยความอิจฉาว่า สหรัฐฯพร้อมที่จะสนับสนุนอาวุธให้กับกองทัพของอิรัค ซะงั้น อิรัคชั่งน้ำหนักดูแล้วพบว่าของรัสเซียน่าจะดีกว่า และที่แน่ๆราคาถูกกว่าของสหรัฐฯด้วย จึงได้ตัดสินใจสั่งซื้ออาวุธจากรัสเซียแทน
แล้วทางอิรัคหละว่าอย่างไรเกี่ยวกับกรณีนี้บ้าง? Hakim Al-Zamili ประธานคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและปลอดภัยของอิรัคออกมาดูถูกคำพูดของ Carter ว่า "เพ้อฝันเลื่อนลอยและไม่มีมูลความจริง!" (unrealistic and baseless) (อูยส์.... เจ็บแทนอ่ะ คริๆ)
Al-Zamili กล่าวกับสำนักข่าว AP ว่า "สหรัฐฯนั่นแหละที่ล้มเหลวในการสนับสนุนอาวุธ อุปกรณ์ และการสนับสนุนทางอากาศที่ดี สหรัฐฯเพียงพยายามที่เบี่ยงเบนจากการถูกตำหนิเท่านั้นเอง" (ว้าวววว! ตรงดี ชอบๆ)
คราวนี้มาดูทางอิหร่านบ้าง เอาพอหอมปากหอมคอก็พอนะ... พลตรี Qassem Soleimani ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ระดับสุดยอดออกมาตำหนิสหรัฐฯว่า "ปัจจุบันนี้ไม่มีใครที่จะกล้าเข้าไปต่อสู้กับพวกไอซิส ยกเว้นอิหร่าน สหรัฐฯไม่ได้ทำห่aอะไรเลย (US didn't do a damn thing) เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ไอซิสรุกคืบเข้ายึดเมือง Ramadi" (ชัดนะ!)
ต่อมาทางนายกฯ Haider Abadi ของอิรัคออกแถลงการณ์ว่า กองทัพอิรัคจะบุกเข้ายึดเมือง Ramadi คืนจากไอซิสภายในไม่กี่วันนี้ คำพูดนี้ออกมาหลังจากที่นายกฯอิรัคเสร็จสิ้นภารกิจเข้าพบปูตินกับคณะที่กรุงมอสโคว์ระหว่างวันที่ 21-23 พ.ค.58 ที่ผ่านมา แสดงว่าอิรัคกำลังจะมีของขวัญจากรัสเซียไปฝากไอซิสในเร็วๆนี้ ต้องจับตาดูว่าลูกพี่ใหญ่ของไอซิสจะออกมาดิ้นอิท่าไหนอีก
The Eyes
25/05/2558
----------
http://rt.com/usa/261681-carter-iraq-fight-isis-ramadi/
Weak-Willed Iraqi Forces to Blame for Fall of Ramadi - US Defense Secretary / Sputnik International
Iraqi Forces to Recapture Ramadi in Several Days – Prime Minister / Sputnik International
Iran Left Battling ISIL Alone as US-Iraq Alliance Disintegrates / Sputnik International
Iraqi Security Forces Drive ISIL Out of East Ramadi / Sputnik International
No US Armament Left in Ramadi After 2011 Pullout - Pentagon Spokeswoman / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช

รัฐบาลสหรัฐฯพลิกลิ้นอีกครั้ง ชมกองทัพอิรัคมีเสียสละและความกล้าหาญในการต่อสู้กับไอซิสที่เมือง Ramadi



------------
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานาย Ashton Carter รมว.กลาโหมของสหรัฐฯออกมาตำหนิกองทัพอิรัคว่าอ่อนแอไม่มีจิตใจฮึกเหิมต่อสู้กับพวกไอซิสที่เมือง Ramadi จนสุดท้ายถูกไอซิสยึดไปได้ ต่อมาทั้่งอิรัคและอิหร่านออกมาตอบโต้สหรัฐฯผ่านสื่อฯว่าสหรัฐฯนั่นแหละที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วยังจะมีหน้ามาโยนความผิดไปให้อิรัคอีก โดนด่าเปิงโดยไม่ไว้หน้ากันแบบนี้ก็จ๋อยสิครับงานนี้
หลังจากที่อิรัครู้ว่าสหรัฐฯเริ่มจะมีลูกไม้แปลกๆออกมา ทางอิรัคก็หันไปพึ่งรัสเซียแทน (ตามที่ได้เสนอข่าวมาแล้ว) ล่าสุดสหรัฐฯพึ่งจะรู้ว่าเล่นไม้แข็งกับอิรัคไม่ได้ ขืนทำอย่างนี้ต่อไปสหรัฐฯจะเสียพันธมิตรทั้งในอิรัคและในตะวันออกกลางแน่ และที่สหรัฐฯทำใจยอมรับไม่ได้ก็คืออิรัคหันไปจับมือกับรัสเซียนี่แหละ ไม่ได้การหละ ทางสหรัฐฯจึงส่งนาย Joe Biden รองปธน.ของสหรัฐฯไปกระชับไมตรีอ้อนขอให้อิรัคหันมาสั่งซื้ออาวุธของสหรัฐฯแทน (สายไปเสียแล้วอเมริกาเอ๋ย)
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (25 พ.ค.58) Joe Biden ออกแถลงการณ์ชื่อชมกองทัพอิรัคในขณะที่เข้าเจรจากับนายกฯ Haider Abadi ของอิรัคว่า "รองประธานาธิบดีได้ตระหนักถึงความเสียสละและความกล้าหาญเป็นอย่างมากของกองทัพอิรัคในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมารวมทั้งใน Ramadi และในที่อื่นๆด้วย" (ตอนแรกด่า ตอนนี้ยอมเสียหน้ากลับคำออกมาชมแบบนี้ต้องมีแผนอะไรซักอย่างแน่ๆ)
รองปธน.สหรัฐฯยังได้แสดงความยินดีต่อการตัดสินใจอย่างเป็นเอกฉันท์โดยคณะรัฐมนตรีของอิรัคเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมาต่อการระดมพลรอบใหม่ ให้เกียรติแด่เหล่าทหารหาญที่พลีชีพ และเตรียมการโจมตีรอบใหม่ โดยทางสหรัฐฯบอกว่าจะสนับสนุนกองทัพอิรัคอย่างเต็มที่ในการที่อิรัคพยายามจะปลดปล่อยประเทศของตนเองออกจากผู้ก่อการร้ายไอซิส Joe Biden กล่าวว่า "ความช่วยเหลือจะรวมถึงการสนับสนุนด้านการฝึกและยุทโธปกรณ์อย่างเร่งด่วน เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามโดยการใช้คาร์บอมจากพวกไอซิส"
นั่นไง ต้องการจะมาขายของนี่เอง ว้า… อิรัคเอาไปประเคนให้ปูตินซะแล้วอ่ะ เสียใจด้วยนะอเมริกาเอ๋ย ถ้ายึดตามแผนสหรัฐฯก็คือจะต้องเรียกกำลังทางทหารของอิรัคมารับการฝึกใหม่จากสหรัฐฯอีกเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ เหมือนจะเป็นการเปิดโอกาสให้ไอซิสยึดเมืองต่างๆเพิ่มมากขึ้นได้เรื่อยๆหรือเปล่า? พอกองทัพอิรัคล่าถอยออกมาตั้งรับ สหรัฐฯกลับบอกว่าแพ้ ต้องเรียกมาให้สหรัฐฯฝึกให้ใหม่ มีที่ไหนที่ทำแบบนี้บ้างหละนี่ ความคิดแบบนี้มันแปลกๆอยู่นา เหมือนจะเพื่อจะเปิดทางให้ไอซิสทำอะไรซักอย่างหรือเปล่า?
รายงานข่าวบอกว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางอิรัคได้ส่งทหารจำนวน 3,000 นายเข้าใกล้เมือง Ramadi เพื่อเริ่มปฏิบัติการปราบปรามการก่อการร้ายไอซิสในพื้นที่เมือง Ramadi
The Eyes
26/05/2558
----------
White House Recognizes ‘Bravery' of Iraqi Forces in Fighting Against ISIL / Sputnik International

 

พฤติกรรมอเมริกาก็คงไม่ต่างจากพระยาจักรีมากนัก "พระยาจักรี เป็นผู้เห็นแก่ทรัพย์ที่พระเจ้าบุเรงนองประทานให้ผู้ที่คิดแผนตีกรุงศรีอยุธยาลงได้ จึงเสนอตัวเป็นหนอนบ่อนไส้ในพระนคร ทำทีเป็นว่าลอบหนีมาจากกรุงหงสาวดีได้ พระมหินทราธิราชไว้พระทัยต่อพระยาจักรี จึงทรงให้ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ พระยาจักรีจึงวางอุบายให้ทหารที่มีความสามารถไปประจำกองที่ไม่มีความสำคัญ และให้ทหารที่ไร้ฝีมือมาเป็นทัพหน้ารบกับกองทัพของพระเจ้าบุเรงนอง แม่ทัพนายกองที่พอจะมีฝีมือก็หาเรื่องใส่ความให้ต้องโทษขังหรือเฆี่ยน เพียงไม่นานนัก กรุงศรีอยุธยาก็เสียแก่พม่าเป็นครั้งแรก" ถ้าอิรัคยังคิดเชื่อหรีอพึ่งพาอเมริกาอยู่ไม่นานคงเสียประเทศให้ IS และถ้าประเทศเรายังคงไปชื่นชอบพวก ฝรั่ง อีกหน่อยก็คงไม่ต่างจากอิรัค หรือประเทศในกลุ่มอาหรับเท่าไหร่นัก


กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีแห่งที่ 2 ของประเทศไทย โดยเป็นศูนย์กลางในด้านต่างๆถึง 417 ปี เป็นเมืองหลวงที่อายุยาวที่สุดของไทย

โดยมีกษัตริย์ทั้งสิ้น 33 พระองค์ จาก 5 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สุโขทัย

ราชวงศ์ปราสาททองและราชวงศ์บ้านพลูหลวง เป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองทั้งด้านการทหาร

ด้านการทูตและด้านเศรษฐกิจที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยนั้น มีการเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่าถึงสองครั้ง ครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ. 2112

โดยพระเจ้าบุเรงนอง และครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310 โดยพระเจ้ามังระ


เหตุการณ์ก่อนเสียกรุงครั้งที่ 1

ในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กษัตริย์พระองค์ที่ 15 ของอาณาจักรอยุธยา ได้ทำสงครามกับพระเจ้าบุเรงนองของพม่า

คือสงครามช้างเผือก ผลปรากฏว่าอยุธยาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อยุธยาจำต้องเสียช้างเผือกไปถึง 4 เชือก

ให้พระราเมศวร พระราชโอรสองค์โตในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิและสมเด็จพระสุริโยทัย, พระสุนทรสงครามและพระยาจักรีไปเป็นตัวประกัน


ต่อมา สมเด็จพระไชยเชษฐาแห่งอาณาจักรล้านช้าง ได้ส่งสาส์นมาสู่ขอพระเทพกษัตรี พระธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไป

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักร จึงได้พระราชทานไป แต่ระหว่างทางกลับถูกพม่าชิงตัวไป

เพราะพระมหาธรรมราชาได้แจ้งข่าวแก่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง


ในปี พ.ศ. 2111 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเสด็จสวรรคต ในช่วงของสงครามครั้งนี้

สมเด็จพระมหินทราธิราชจึงเสด็จขึ้นครองบ้านเมืองในปกครองของกรุงศรีอยุธยา แม้กระทั่งเมืองพิษณุโลกสองแคว

แต่ก็ยังไม่สามารถตีกรุงศรีอยุธยาให้แตกได้โดยเร็ว สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง

ได้เสด็จยกมาช่วย แต่ก็ถูกพม่าตีแตกพ่ายที่สระบุรี พระยาจักรี เป็นผู้เห็นแก่ทรัพย์ที่พระเจ้าบุเรงนองประทานให้ผู้ที่คิดแผนตีกรุงศรีอยุธยาลงได้

จึงเสนอตัวเป็นหนอนบ่อนไส้ในพระนคร ทำทีเป็นว่าลอบหนีมาจากกรุงหงสาวดีได้ พระมหินทราธิราชไว้พระทัยต่อพระยาจักรี

จึงทรงให้ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ พระยาจักรีจึงวางอุบายให้ทหารที่มีความสามารถไปประจำกองที่ไม่มีความสำคัญ

และให้ทหารที่ไร้ฝีมือมาเป็นทัพหน้ารบกับกองทัพของพระเจ้าบุเรงนอง แม่ทัพนายกองที่พอจะมีฝีมือก็หาเรื่องใส่ความให้ต้องโทษขังหรือเฆี่ยน

เพียงไม่นานนัก กรุงศรีอยุธยาก็เสียแก่พม่าเป็นครั้งแรก

ต่อมา พระยาจักรีกลับไปเข้าเฝ้าพระเจ้าบุเรงนอง พระองค์ทรงมีพระราชโองการให้ประหารชีวิตพระยาจักรี เนื่องจากการเป็นกบฎ

กล่าวคือ พระยาจักรีนั้น ทำได้แม้กระทั่งทรยศบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง แล้วต่อไปในภายภาคหน้าก็คงจะสามารถทรยศกรุงหงสาวดีได้เช่นกัน

โดยตอกมือไว้กับหีบของรางวัลที่บุเรงนองประทานให้แล้วจับถ่วงน้ำ


เหตุการณ์หลังเสียกรุงครั้งที่ 1

สมเด็จพระมหินทราธิราช ถูกพาตัวไปที่กรุงหงสาวดีแต่ประชวรสวรรคตระหว่างทางไปกรุงหงสาวดี

โดยพระเจ้าบุเรงนองตั้งให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ของอยุธยา ซึ่งมาจากราชวงศ์สุโขทัย

แล้วนำพระราชโอรสของสมเด็จพระมหาธรรมราชาไปเลี้ยงดู ซึ่งพระราชโอรสของสมเด็จพระมหาธรรมราชาคนนั้นคือสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ซึ่งต่อมาในภายหลังเป็นผู้นำที่ทำสงครามกับพม่านำอิสรภาพมาสู่สยาม


การประกาศอิสรภาพ

ในปี พ.ศ. 2127 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง พ้นจากการเป็นประเทศราชของพม่าตั้งแต่บัดนั้น

(รวมเวลาที่เป็นเมืองขึ้นของพม่า 15 ปี) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น3ปีหลังจากพระเจ้าบุเรงนองประชวรและสวรรคตลงในปีพ.ศ. 2124

และมังไชยสิงห์ ราชบุตรองค์โตของพระเจ้าบุเรงนองที่รัชทายาทขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้านันทบุเรงแต่พระเจ้าอังวะ

พระญาติประกาศแข็งเมืองพระเจ้านันทบุเรงจึงบัญชาให้ พระเจ้าแปร พระเจ้าตองอู (พระสังกทัต)

พระเจ้าเชียงใหม่ (อโนรธามังสอพระราชอนุชาของพระเจ้านันทบุเรง) พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต (พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช)

และสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชยกกองทัพไปตีกรุงอังวะพระเจ้านันทบุเรงจึงทรงมีรับสั่งให้พระมหาอุปราชา

ที่ทรงโปรดให้รักษากรุงฯว่าถ้าสมเด็จพระนเรศวรทรงยกกองทัพมาถึงหงสาวดีให้ฆ่าเสีย

(สาเหตุที่ทรงยกทัพมาแทนเนื่องจากพระมหาธรรมราชาทรงพระชราและพระนเรศวรทรงทูลขอออกรบเอง)

ทุกเมืองยกกองทัพไปหมดแล้วแต่พระนเรศวรทรงเห็นว่าอยุธยาถึงเวลาที่จะเป็นเอกราชเสียทีจึงทรงยาตราทัพออกจากเมืองพิษณุโลกไปอย่างช้าๆ

ถึงเมืองแครง โดยพระองค์ทรงหวังว่าถ้าพระเจ้าหงสาวดีแพ้ก็จะโจมตีกรุงหงสาวดีซำเติมหากทัพหงสาฯชนะก็จะกวาดต้อนครัวไทย

ที่อยู่ที่ชายแดนพม่ามาไว้เป็นกำลังของพระองค์สืบไปส่วนพระมหาอุปราชา ทรงทราบว่าสมเด็จพระนเรศวรยกกองทัพมา

จึงโปรดให้ขุนนางมอญสองคนคือพระยาเกียรติ์และพระยารามศิษย์พระอาจารย์เดียวกันกับพระนเรศวรคือพระมหาเถรคันฉ่องออกมาต้อนรับ

โดยทรงสั่งว่าเมื่อสมเด็จพระนเรศวรมาถึงหงสาวดีพระองค์ (พระมหาอุปราชา)

จะเข้าโจมตีจากข้างหน้าและให้พระยาอย่างเปิดเผยพระองค์จึงเรียกประชุม

แม่ทัพนายกองทั้งหมดและนิมนต์พระมหาเถรคันฉ่องและพระสงฆ์ในวัดนั้นมาเป็นประธาน

และทรงเล่าเรื่องที่พระเจ้านันทบุเรงคิดปองร้ายพระองค์แล้วพระองค์จึง หลั่งน้ำจากสุวรรณภิงคาร (น้ำเต้าทอง)

ลงสู่พื้นพสุธาและประกาศแก่เทพยดาฟ้าดินและผู้คนในที่นั้นว่า "ตั้งแต่วันนี้กรุงศรีอยุธยาขาดไมตรีกับกรุงหงสาวดีมิได้เป็นมิตรดังแต่ก่อนสืบไป"

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2127 หลังประกาศเสร็จแล้วทรงตรัสถามชาวเมืองมอญว่าจะมาเข้ากับฝ่ายไทยไหมชาวมอญทั้งหลาย

ก็พร้อมใจกันเข้ากับฝ่ายไทยและทรงจัดทัพบุกตรงไปกรุงหงสาวดีแต่พอข้ามแม่นำสะโตงไปม้าเร็วก็มารายงานพระองค์

ว่าพระเจ้าหงสาวดีได้ชัยชนะเหนือพระเจ้าอังวะและยกทัพกลับจวนถึงหงสาวดีอยู่แล้วเห็นไม่

สมควรจึงทรงกวาดต้อนครัวไทยครัวมอญกลับอยุธยาพร้อมพระองค์พระมหาอุปราชา

เมื่อทรงทราบว่าพระยามอญทั้งสองไปสวามิภักดิ์กับสมเด็จพระนเรศวรก็ทรงพิโรธ และทราบว่าพระนเรศวรทรงถอยทัพกลับ

จึงทรงบัญชาให้สุรกรรมาคุมทัพมาสกัดแต่พระนเรศวรทรงข้ามแม่นำสะโตงไปแล้วทั้งสองทัพเผชิญหน้ากัน

แต่แม่น้ำสะโตงกว้างทั้งสองจึงยิงไม่ถึงกันพระนเรศวร ทรงมีพระแสงปืนอยู่กระบอกหนึ่งมีความยาวเก้าคืบยิงถูกสุรกรรมาแม่ทัพพม่า

ตายคาคอช้างทหารเห็นแม่ทัพตายก็เสียขวัญถอยทัพกลับไปรายงานพระมหาอุปราชาให้ทรงทราบ

ส่วนพระนเรศวรทรงเดินทัพกลับกรุงศรีอยุธยาโดยสวัสดิภาพพระแสงปืนกระบอกนั้น มีชื่อว่า "พระแสงปืนข้ามแม่นำสะโตง"

เมื่อทรงถึงอยุธยาก็ทรงเข้าเฝ้าพระราชบิดารายงานเรื่อง ทั้งหมดให้ทรงทราบสมเด็จพระมหาธรรมราชาจึงทรงปูนบำเหน็จมอญที่สวามิภักดิ์

และทรงแต่งตั้งพระมหาเถรคันฉ่องเป็นที่สังฆราชส่วนพระยาเกียรติและพระยาราม ให้มีตำแหน่งได้พระราชทานพานทองคุมกองทัพมอญ

ที่สวามิภักดิ์พระราชทานบ้านทีอยู่อาศัยในพระนคร พร้อมกันนั้นได้ทรงมอบพระราชอาญาสิทธิ์แก่สมเด็จพระนเรศวรในการบัญชาการรบ

เพื่อที่จะตระเตรียมกำลังคนและอาวุธไว้รับมือพม่า

การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง