ศิลาจารึกพุทธทำนาย ศิลาจารึกที่ไม่เคยมีจริง

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย webang906, 13 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. webang906

    webang906 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +1,759
    หลายๆท่านคงได้เคยผ่านตาคำทำนายที่อ้างว่าถอดความมาจากศิลาจารึกที่ประเทศอินเดีย โดยมักจะขึ้นต้นดังนี้

    "โดยที่คณะธรรมทูตไทย ผู้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระศรีมหาโพธิ์ที่ประเทศอินเดียเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้คัดลอกพระพุทธพจน์ทำนายจากศิลาจารึกเขตมหาวิหารในสวนมฤคทายวัน ..............................."

    แล้วก็มีคำทำนายต่างๆ เช่นปีมะโรงคนจะคลาน ปีมะเส็งตลิ่งจะพัง รวมถึงมีคาถาให้เขียนลงผ้าขาวแปะไว้หน้าบ้าน

    คำทำนายรูปแบบนี้ยังแตกแขนงออกไปเป็นหลายรูปแบบ เช่นเอาคำทำนายอื่นมาผสมแทรกเข้าไป แต่โดยส่วนใหญ่มักจะขึ้นต้นด้วยการกล่าวถึงว่ามีคณะธรรมทูตไทยไปคัดลอกมาจากอินเดียเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔

    จากการที่มีความสนใจในศิลาจารึกนี้ จึงได้โทรศัพท์ไปที่วัดไทยในประเทศอินเดียหลายๆวัด สอบถามแล้วปรากฏว่าไม่มีใครเคยเห็นศิลาจารึกนี้เลย พระบางรูปบอกว่าเคยได้ยินมาบ้างแต่คงเป็นเรื่องโคมลอยเพราะอยู่มานานแล้วก็ไม่เคยเห็น ถามคนที่ไปอินเดียบ่อยๆเพื่อทำธุรกิจก็ไม่มีใครรู้อะไรเลย ส่วนใหญ่จะรู้กันแต่จารึกที่เสาอโศกซึ่งเป็นข้อความที่ไม่ได้ยืดยาวเหมือนคำทำนายที่เอามาลงกัน

    เมื่อไม่มีหลักฐานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากประเทศอินเดีย ก็เลยสืบค้นเอาจากคณะธรรมทูตไทยที่ไปที่ประเทศอินเดียเมื่อปี๒๔๘๔ พบว่าทูตคณะนั้นก็คือ คณะทูตพิเศษ อันมี พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (ต่อมาได้เป็นนายกรัฐมนตรี) ซึ่งขณะนั้นดำรงยศและบรรดาศักดิ์เป็นนาวาเอกหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นหัวหน้า และสิ่งที่ได้จากประเทศอินเดียมีดังต่อไปนี้

    1.พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    2.ขอกิ่งพระศรีมหาโพธิ์ 5 กิ่ง จากต้นที่สืบเนื่องมาแต่เดิม ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จประทับ ได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ณ พุทธคยาประเทศอินเดีย
    3.ขอดินจากสังเวชนียสถาน 4 แห่งคือ จากที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน

    (อ้างอิง: วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร)

    จะเห็นว่าไม่ปรากฏว่ามีการกล่าวถึงศิลาจารึกหรือการคัดลอกใดๆทั้งสิ้น

    ถ้าลองคิดเอาตามสามัญสำนึกทั่วๆไป

    ๑.ถ้ามีศิลาจารึกจริง คนในคณะนั้นจะมีคนมีความสามารถอ่านภาษาโบราณได้หรือ เราไปเพื่อจะไปเอาสิ่งที่เราขอจากรัฐบาลอินเดีย ไม่ใช่ไปในทางโบราณคดี เพื่อไปร่วมขุดค้นอะไร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้เชี่ยวชาญถึงขนาดอ่านภาษาโบราณได้ร่วมคณะไป

    ๒. ถ้ามีศิลาจารึกจริง เมื่อปี๒๐๑๒ รัฐบาลอินเดียคงต้องเอามาเป็นจุดขายแล้วเพราะกำลังมีกระแสวันสิ้นโลก

    สรุป คำทำนายประเภทนี้ได้นำเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงคือเหตุการณ์ที่คณะทูตไปอินเดียที่มี พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์เป็นหัวหน้าคณะ ไปผสมเพื่อทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ โดยที่ตัวศิลาจารึกที่อ้างกันเป็นสิ่งที่ไม่มีจริง
     
  2. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ตรงนี้หนักกว่า แอบอ้างชื่อพระอริยเจ้า เพื่ออะไร เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ

    แอบอ้างตัดแต่งพันธุกรรม ตรงไหน ตรงที่ใส่ความเห็นลงไปว่า

    "พุทธทำนายนี้ ข้าพเจ้าพบเมื่อปี 2535
    <font style="font-size:14px;background:yellow">และปรากฏอีกครั้งในหนังสือ "ศาสนาอยู่ที่ไหน " หน้า ๑๗๓ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน"</font>

    อยู่ตรงนี้ คลิก
    พุทธทำนาย: ถอดความจากศิลาจารึก เชตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย

    ซึ่งจริงๆแล้ว ความใน ในหนังสือ " ศาสนาอยู่ที่ไหน " หน้า ๑๗๓
    คือ คำเทศนา เรื่อง ศาสนาทำให้คนวิเศษกว่าสัตว์ (๒ ม.ค. ๒๕๑๙).pdf โดยหลวงตามหาบัว

    จะเห็นได้ว่าไม่มีข้อความใดเลย ที่เกี่ยวข้องกับการ
    ถอดความจากศิลาจารึก เชตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย นั้นเลย

    ตรงนี้ คลิก
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_book_detail.php?cgiBookID=230

    เข้าใจอยู่นะ ในช่วงนั้นผู้กระทำคงจะสร้างในเชิงปฏิบัติการข่าวสาร เพื่อให้คนได้ตระหนักในศีลธรรม

    แต่กระทำโดยสุกเอาเผากิน ถึงขั้นแอบอ้าง

    ทั้งนี้ ไม่รู้นะว่า ศิลาจารึกพุทธทำนาย ที่ประเทศอินเดีย นั้นมีอยู่จริงหรือไม่

    หรืออาจจะเป็นอย่างที่ จขกท. ได้แสดงเนื้อหาไว้แล้ว

    ประเภทที่กินอาหาร "กระเพราไข่ดาว" แล้วไม่ย่อยนี่ ช่างน่าตำหนิ

    ดีนะช่วงนั้นยังไม่มี Line ยังไม่นิยม FB เท่าใดนัก ไม่งั้น คงแชร์กันสะนั่น โดยไม่รู้ที่ไปที่มาอย่างแท้จริง

    และในปัจจุบันนี้ก็ยังมี พ.ร.บ. ที่กล่าวถึงการไม่ทำให้สังคมแตกตื่น

    หรือเป็นภัยต่อความมั่นคง ก็เลยระงับเหตุเหล่านี้ ได้ด้วยหลักวิจารณญาณ

    เป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างไร ก็คงจะเห็นกระแสวันสิ้นโลก2012

    ทั้งในและต่างประเทศแตกตื่น ขายนั่นนี่ ฆ่าตัวตายก็มี

    ทั้งนี้หน่วยงานภาครัฐ ก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้อยู่แล้ว เห็นได้จากสื่อ

    ในแง่ของการศึกษาถึงเหตุที่จะเกิด การป้องกัน การช่วยเหลือ การฟื้นฟู ตอนนี้ก็ภัยแล้ง

    ทุกคนมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ควรเชื่ออย่างมีเหตุผล ศึกษาถึงผลรอบข้าง

    "ไก่ย่างส้มตำ" ก็แซ๊บ น๊า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2015
  3. webang906

    webang906 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +1,759
    เห็นข้อความที่คุณสุรินทร์เอามาลง ยังเคยคิดเหมือนกันว่าศิลาจารึกอาจจะมีจริงเพราะมีการอ้างถึงหนังสือ"ศาสนาอยู่ที่ไหน " ของ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน" แต่มีคนมาบอกเหมือนกันว่าในหนังสือนั้น หน้านั้นไม่มีคำทำนายใดๆเลย คนละเรื่องกันเลยด้วยซ้ำ

    ที่อ่านมามีการอ้างหนังสือ อ้างหลวงตาแล้วก็ภาพส่วนหนึ่งของจารึกอื่นมาผสมกัน
     
  4. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    คงจะประมาณภาพนี้ ลูกชิ้นปลา

    แล้วก็บอกว่าทำจากงู เอาภาพงูมาตัดแปะนิด เอาภาพงูผสมหน่อย เชื่อเลย

    แม่ค้าเสียผลประโยชน์สิครับ พาให้ไม่อยากกินก๋วยเตี๋ยว กรรม!!


    ลูกชิ้นปลา ทำมาจากงูทะเลจริงไหม - Pantip
     
  5. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    อืม เสริมนิดหนึ่ง ท่านใดอยากรู้เรื่องราวแผ่นดินไหว ผ่านบนระบบแดนดรอยด์ ง่ายๆบนมือถือ

    ลง 2 แอพ นี้ จะช่วยแจ้งเตือนให้ ตามการตั้งค่า และแสดงรายละเอียด

    แอพหนึ่งแสดงรายละเอียด อีกแอพหนึ่งเป็นการตั้งค่าแจ้งเตือน ไอคอนสีเขียวๆ

    มีอยู่หลายแอพอยู่นะเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่เท่าที่ลองของฟรี จึงแนะนำเฉพาะที่ได้ลอง

    [​IMG]
     
  6. Wizard Destroyer

    Wizard Destroyer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +75
    มันเป็นเช่นนี้นี่เอง มีคนเคยบอกกับผมว่าจารึกนั้นเขียนและแต่งเรื่องขึ้นมาเองทั้งนั้น
    ทั้งเรื่องวันฟ้ามืด เรื่องพระยาธรรมามิกราช ที่จะปกครองโลกในหลังยุคกึ่งพุทธกาล
    พระพุทธเจ้าท่านมิได้ทรงทำนายไว้ ท่านกล่าวแต่ถึงเพียงยุคหลัง 5000 ปี ผ่านพ้น
    ไปแล้วเท่านั้นและการสิ้นกัปป์นี้เท่านั้น

    คำนายทั้งหลายมีจุดกำเนิดมาจากตรงนี้ เสริมปั้นแต่งกันมากมาย ถึงขนาดตั้งตัวเป็น
    ผู้วิเศษ ผู้มีบุญบารมี ลงมาเกิดกันเพื่อทำหน้าที่ค้ำจุนโลก คิดว่าก็น่าสงสาร
     
  7. moonoiija

    moonoiija เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2014
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +198
  8. ใม

    ใม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +7
    ที่น่าคิดคือคนแต่งเรื่องต้องการอะไร ตำนานมากมาย คนนั้นบอกคนนี้เล่า พวกเพี้ยนๆ มันเยอะจริงๆ
     
  9. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    ศาสนาอายุ 5000 ปี พระพุทธเจ้าไม่เคยทรงตรัสไว้ แต่เป็นของอาจารย์ชั้นหลังแต่งเพิ่มไว้ในอรรถกถา แถมมีหลายสำนวนที่ต่างกันอีกต่างหาก
     
  10. Wizard Destroyer

    Wizard Destroyer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +75
    ช่วยนำมาโพสอ้างอิงให้หน่อยได้ไหมคับคุณหมีขาว จะขอบคุณเป็นอย่างมาก
    ข้อมูลบางอย่างก็คลาดเคลื่อนกันไป นำมาโพสเพื่อให้คนอื่นได้เข้ามาอ่านกัน
    ดีแล้วที่คุณช่วยท้วงติงแบบนี้
     
  11. เห็ดถอบ

    เห็ดถอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +300
    เห็นด้วยและสนับสนุนให้คุณหมีแปะลิ้งค์หรือบอกที่มาที่ไปของข้อมูลนี้น่ะครับเพราะว่าชาวพุทธเราทราบกันดีว่าอายุพระพุทธศาสนาที่5,000ปีหากเป็นอะไรที่ต่างไปจากนี้ถือว่าพลิกหน้าประวัติศาสตร์เลยน่ะครับ
     
  12. Wizard Destroyer

    Wizard Destroyer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +75
    ต้องขอขอบคุณ คุณหมีขาวมากที่มาช่วยโพสเตือนให้รีบไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมา
    โดยความเห็นส่วนตัว น่าจะเป็นจริงตามนั้น คัมภีร์ทางศาสนาในระยะหลังที่พระพุทธเจ้า
    ท่านปรินิพพานไปแล้วโดนเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยคณะสงฆ์หลายกลุ่ม ทำให้หลักคำสอน
    หลายอย่างที่เป็นเนื้อแท้ไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้

    แต่จากสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันพระศาสนาเสื่อมถอยลงอย่างมาก ที่เห็นชัดก็คือ
    ลัทธิธรรมกาย โดยหลวงเจ๊ธัมมี่ และความเสื่อมของพวกอลัชชีในคราบผ้าเหลือง
    ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ใครนึกจะบวชก็บวชกันได้ พวกวิปริตผิดเพศก็พากันบวช
    เต็มไปหมด ทั้งเอาเงินปัจจัยที่ญาติโยมถวายไปใช้ซื้อของใช้ส่วนตัว เช่น Iphone
    Macbook และอื่นๆ

    ทั้งคำสอนแปลกๆจากหลากหลายสำนัก ล่าสุดเพิ่งเห็นก็อดตกใจไม่ได้ หลักสูตรครูสมาธิ
    นี่มันสอนมันฝึกกันง่ายขนาดนี้เลยเชียวหรือ?
     
  13. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
    ทีฆนิกาย มหาวรรค


    [๑๓๘] ก็สมัยนั้น ปริพาชกนามว่า สุภัททะ อาศัยอยู่ในเมืองกุสินารา
    สุภัททปริพาชกได้สดับว่า พระสมณโคดมจักปรินิพพานในปัจฉิมยามแห่งราตรี
    ในวันนี้แหละ สุภัททปริพาชกได้มีความคิดอย่างนี้ว่า ก็เราสดับถ้อยคำของพวก
    ปริพาชกผู้เฒ่าผู้แก่ ซึ่งเป็นอาจารย์และปาจารย์กล่าวอยู่ว่า พระตถาคตอรหันต-
    *สัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติในโลก ในบางครั้งบางคราว พระสมณโคดมจัก
    ปรินิพพานในปัจฉิมยามแห่งราตรีในวันนี้แหละ อนึ่ง ธรรมอันเป็นที่สงสัยนี้
    ซึ่งบังเกิดขึ้นแก่เราก็มีอยู่ เราเลื่อมใสในพระสมณโคดมอย่างนี้ว่า พระสมณโคดม
    ย่อมสามารถจะแสดงธรรมแก่เรา โดยประการที่เราจะพึงละธรรมอันเป็นที่สงสัย
    นี้ได้ ฯ
    ลำดับนั้น สุภัททปริพาชกเข้าไปยังสาลวันอันเป็นที่แวะพักของพวกเจ้า
    มัลละ เข้าไปหาท่านพระอานนท์ ครั้นแล้วได้กล่าวว่า ข้าแต่ท่านอานนท์
    ข้าพเจ้าได้สดับถ้อยคำของพวกปริพาชกผู้เฒ่าผู้แก่ ซึ่งเป็นอาจารย์และปาจารย์
    กล่าวอยู่ว่า พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติในโลก ในบางครั้ง
    บางคราว พระสมณโคดมจักปรินิพพานในปัจฉิมยามแห่งราตรีในวันนี้แหละ อนึ่ง
    ธรรมอันเป็นที่สงสัยนี้ ซึ่งบังเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าก็มีอยู่ ข้าพเจ้าเลื่อมใสในพระ-
    *สมณโคดมอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมย่อมสามารถจะแสดงธรรมแก่ข้าพเจ้าโดย
    ประการที่ข้าพเจ้าจะพึงละธรรมอันเป็นที่สงสัยนี้ได้ ข้าแต่ท่านอานนท์ ขอโอกาส
    เถิด ข้าพเจ้าควรได้เฝ้าพระสมณโคดม เมื่อสุภัททปริพาชกกล่าวอย่างนี้แล้ว
    ท่านพระอานนท์ได้กล่าวตอบสุภัททปริพาชกว่า อย่าเลย สุภัททะ ท่านอย่า
    เบียดเบียนพระตถาคตเลย พระผู้มีพระภาคทรงลำบากแล้ว แม้ครั้งที่สอง สุภัทท-
    *ปริพาชก ... แม้ครั้งที่สาม สุภัททปริพาชกก็ได้กล่าวว่า ข้าแต่ท่านอานนท์
    ข้าพเจ้าได้สดับถ้อยคำของพวกปริพาชกผู้เฒ่าผู้แก่ ซึ่งเป็นอาจารย์และปาจารย์
    กล่าวอยู่ว่า พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติในโลก ในบางครั้ง
    บางคราว พระสมณโคดมจักปรินิพพานในปัจฉิมยามแห่งราตรีในวันนี้แหละ
    อนึ่ง ธรรมเป็นที่สงสัยนี้ ซึ่งบังเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าก็มีอยู่ ข้าพเจ้าเลื่อมใสใน
    พระสมณโคดมอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมย่อมสามารถจะแสดงธรรมแก่ข้าพเจ้า
    โดยประการที่ข้าพเจ้าจะพึงละธรรมอันเป็นที่สงสัยนี้ได้ ข้าแต่ท่านพระอานนท์
    ขอโอกาสเถิด ข้าพเจ้าควรได้เฝ้าพระสมณโคดม แม้ครั้งที่สาม ท่านพระอานนท์
    ก็ได้กล่าวตอบสุภัททปริพาชกว่า อย่าเลย สุภัททะ ท่านอย่าเบียดเบียนพระตถาคต
    เลย พระผู้มีพระภาคทรงลำบากแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงได้ยินถ้อยคำท่าน
    พระอานนท์เจรจากับสุภัททปริพาชก จึงตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า อย่า
    เลยอานนท์ เธออย่าห้ามสุภัททะ สุภัททะจงได้เฝ้าตถาคต สุภัททะจักถามปัญหา
    อย่างใดอย่างหนึ่งกะเรา จักมุ่งเพื่อความรู้ มิใช่มุ่งความเบียดเบียน อนึ่ง เราอัน
    สุภัททะถามแล้ว จักพยากรณ์ข้อความอันใดแก่สุภัททะนั้น สุภัททะจักรู้ทั่วถึงข้อ
    ความนั้นโดยฉับพลันทีเดียว ฯ
    ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ได้บอกสุภัททปริพาชกว่า ไปเถิดสุภัททะ
    พระผู้มีพระภาคทรงทำโอกาสแก่ท่าน สุภัททปริพาชกเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง
    ที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้วได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัย
    พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่
    พระโคดมผู้เจริญ สมณพราหมณ์เหล่านี้ใด เป็นเจ้าหมู่ เจ้าคณะ เป็นคณาจารย์
    มีชื่อเสียง มียศ เป็นเจ้าลัทธิ ชนเป็นอันมาก สมมติว่าเป็นคนดี คือบูรณกัสสป
    มักขลิโคสาล อชิตเกสกัมพล ปกุธกัจจายนะ สัญชัยเวลัฏฐบุตร นิครณฐนาฏบุตร
    สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ได้ตรัสรู้ตามปฏิญญาของตนๆ หรือว่าทั้งหมด
    ไม่ได้ตรัสรู้ หรือว่าบางพวกไม่ได้ตรัสรู้ ฯ
    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อย่าเลย สุภัททะ ที่ข้อถามนั้นงดเสียเถิด
    ดูกรสุภัททะ เราจักแสดงธรรมแก่ท่าน ท่านจงตั้งใจฟังธรรมนั้น จงใส่ใจให้ดี
    เราจักกล่าว สุภัททปริพาชกทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มี-
    *พระภาคได้ตรัสว่า ดูกรสุภัททะ ในธรรมวินัยใด ไม่มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘
    ในธรรมวินัยนั้น ไม่มีสมณะที่ ๑ สมณะที่ ๒ สมณะที่ ๓ หรือสมณะที่ ๔
    ในธรรมวินัยใด มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น มีสมณะที่ ๑
    ที่ ๒ ที่ ๓ หรือที่ ๔ ดูกรสุภัททะ ในธรรมวินัยนี้ มีอริยมรรคประกอบด้วย
    องค์ ๘ ในธรรมวินัยนี้เท่านั้น มีสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ หรือที่ ๔ ลัทธิอื่นๆ
    ว่างจากสมณะผู้รู้ทั่วถึง ก็ภิกษุเหล่านี้พึงอยู่โดยชอบ โลกจะไม่พึงว่างจากพระ-
    *อรหันต์ทั้งหลาย ฯ
    [๑๓๙] ดูกรสุภัททะ เราโดยวัยได้ ๒๙ ปี บวชแล้ว ตามแสวงหาว่า
    อะไรเป็นกุศล ตั้งแต่เราบวชแล้ว นับได้ ๕๑ ปี แม้สมณะผู้
    เป็นไปในประเทศแห่งธรรมเป็นเครื่องนำออก ไม่มีในภายนอก
    แต่ธรรมวินัยนี้ ฯ
    สมณะที่ ๒ สมณะที่ ๓ หรือสมณะที่ ๔ ก็มิได้มี ลัทธิอื่นว่างจากสมณะ
    ผู้รู้ทั่วถึง ก็ภิกษุเหล่านี้พึงอยู่โดยชอบ โลกไม่พึงว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ

    [๑๔๐] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว สุภัททปริพาชก ได้กราบ-
    *ทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
    ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด
    บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืด ด้วยคิดว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูป
    ดังนี้ ฉันใด พระผู้มีพระภาคทรงประกาศพระธรรมโดยอเนกปริยาย ฉันนั้น เหมือน
    กัน ข้าพระองค์นี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาคพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ
    ข้าพระองค์พึงได้บรรพชา พึงได้อุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาค ฯ
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรสุภัททะ ผู้ใดเคยเป็นอัญญเดียรถีย์ หวังบรรพชา
    หวังอุปสมบท ในธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นต้องอยู่ปริวาสสี่เดือน เมื่อล่วงสี่เดือน ภิกษุ
    ทั้งหลายเต็มใจแล้ว จึงให้บรรพชา ให้อุปสมบท เพื่อความเป็นภิกษุ ก็แต่ว่า
    เรารู้ความต่างแห่งบุคคลในข้อนี้ ฯ
    สุภัททปริพาชกกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หากผู้ที่เคยเป็นอัญญ-
    *เดียรถีย์ หวังบรรพชา หวังอุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้ จะต้องอยู่ปริวาสสี่เดือน
    เมื่อล่วงสี่เดือน ภิกษุทั้งหลายเต็มใจแล้ว จึงให้บรรพชา ให้อุปสมบท เพื่อความ
    เป็นภิกษุไซร้ ข้าพระองค์จักอยู่ปริวาสสี่ปี เมื่อล่วงสี่ปี ภิกษุทั้งหลายเต็มใจแล้ว
    จึงให้บรรพชา ให้อุปสมบทเถิด ฯ
    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์
    ถ้าเช่นนั้น เธอจงให้สุภัททปริพาชกบวชเถิด ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของ
    พระผู้มีพระภาคแล้ว สุภัททปริพาชกได้กล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรท่านอานนท์
    ผู้มีอายุ เป็นลาภของท่าน ท่านได้ดีแล้ว ที่พระศาสดาทรงอภิเษกด้วยอันเตวาสิกา-
    *ภิเษก ในที่เฉพาะพระพักตร์ในพระศาสนานี้ สุภัททปริพาชกได้บรรพชา อุปสมบท
    ในสำนักพระผู้มีพระภาค ก็ท่านสุภัททปริพาชกได้บรรพชาอุปสมบทแล้วไม่นาน
    หลีกออกไปอยู่แต่ผู้เดียว เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่
    ไม่ช้านานนัก ก็ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดพรหมจรรย์ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า ที่กุลบุตร
    ทั้งหลายผู้มีความต้องการ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบ ด้วยปัญญา
    อันยิ่ง ด้วยตนเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบ
    แล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี ท่านสุภัททะ
    ได้เป็นอรหันต์รูปหนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านเป็นสักขิสาวกองค์
    สุดท้ายของพระผู้มีพระภาค ฯ
     
  14. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ตราบใดที่ยังมีภิกษุดำรงตนอยู่ในอริยมรรคมีองค์8 โลกนี้จะไม่ว่างจากพระอรหันต์
     
  15. ภูมินทร์

    ภูมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +225
    เมื่อก่อนก็เชื่อครับ เชื่ออย่างงมงายเลยล่ะ แต่พออ่านบทวิเคราะห์ของคุณดังตฤณในหนังสือ (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว) ก็เลิกเชื่อแล้วล่ะครับ
     
  16. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ตามไปเจอ เลยเอามาให้ ลองพิจารณาดูครับ

    <iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/FUeLKpASkRY?list=PL962B3BD96C9EE6D1" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    .
     
  17. Wizard Destroyer

    Wizard Destroyer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +75
    จัดกันมาเต็มจริงๆคับ เหตุและผลมากพอให้พิจารณากันด้วยปัญญา แต่เชื่อว่าผู้วิเศษ
    สาวก และ ลัทธิคลั่งภัยพิบัติก็คงจะไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้ อย่างที่ได้เคยกล่าวไว้
    หมดเวรหมดกรรมเมื่อไรก็จะคิดกันได้เอง มันยังไม่ถึงเวลา
     
  18. เห็ดถอบ

    เห็ดถอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +300
    ชัดเจน..เปลี่ยน
     
  19. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,268
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ผมเองก็โดนพิษภัยจากคำทำนายแนว ๆ นี้มาเหมือนกัน
    เพราะคำทำนายพระยาธรรมมันชี้มาที่ผมหลายข้อ

    ยิ่งเจอข้อความประมาณว่า
    แม่เด็กได้แหวนจากเทวดาตอนอยู่โรงบาล และตั้งชื่อแรกให้ลูกว่าเทพ
    เฮ้ย นี่มันตูชัด ๆ แม้เรื่องของผมจะแค่ใกล้เคียงอ่านะ(ซึ่งอาจจะมีคนอื่นที่มีเรื่องราวใกล้เคียงกว่าผมก็ได้)

    แม้จะไม่ได้รับความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ตามแต่ผมก็ไม่ค่อยได้เอาเรื่องนี้คิดมากสักเท่าไหร่ละ เพราะไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นพระยาธรรมได้ อีกทั้งในเว็บนี้ เว็บโน้น เว็บไหน ก็ยังมีคนที่คิดว่าตัวเองเป็นพระยาธรรมอยู่เยอะแยะ ซึ่งบางคนก็มีบุญอยู่จริงแต่เข้าใจผิดว่าตนมีบุญเพื่อที่จะเกิดมาเป็นพระยาธรรม บางคนก็คิดไปเองและผมจัดอยู่ในประเภทที่ว่า คำทำนายมันบอกอะไรหลาย ๆ อย่างที่ใกล้เคียงกับตัวเองก็เลยคิดมากจนประสาทแด๊ก 555 ซึ่งช่วงนี้ก็เลิกคิดเรื่องนั้นไปแล้ว ดีนะเนี่ยที่คำทำนายไม่ได้ตรงกับผมทั้งหมด

    เห็นมีพระธรรมมิกราชหลาย ๆ คนออกมาแสดงตัวก็ยังพอให้ผมได้สบายใจได้บ้างล่ะนะว่า อย่างน้อยเราก็ไม่ได้บ้าอยู่คนเดียว

    คำทำนายพระยาธรรม กับ คำทำนายภัยพิบัตินี่ ร้ายแรงพอ ๆ กันเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่
    อันนึงทำให้คนอยู่กับความหวัง อันนึงทำให้คนอยู่กับความกลัว
    แต่ข้อดีของคำทำนายสองเรื่องนี้ก็คือช่วยให้คนบางส่วนที่เชื่อคำทำนายหันมามุ่งปฏิบัติธรรมล่ะนะ
    แต่ผลเสียมันก็มี ผมเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านก็น่าจะพากันคิดออก

    พระยาธรรมอาจไม่ได้หมายถึงคน อาจจะหมายถึงบุคลิกของคุณทุกคนก็เป็นได้
    พระยาธรรมอาจจะหมายถึงคุณลักษณะที่สามารถเอาชนะพญามารในจิตใจของตัวเองก็ได้นะ

    ดีนะที่ไม่เชื่อว่าตัวเองคือพระยาธรรมเลยไม่บ้ามากกว่านี้ เพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำใครไม่ได้อยู่แล้ว แต่ที่ผ่าน ๆ มาก็บ้าได้ใจเลยทีเดียว 5555




    อ่อ มี คำทำนาย ของพระโสณะมหาเถรเจ้า ที่บอกว่า ศาสนาพุทธจะอยู่ได้ถึง 10000 ปี (อาจมากหรือน้อยกว่านั้นครับ) ผมเคยได้ยินในคลิปของอดีตหลวงพ่อเกษม อาจิณสีโลอ่านให้ฟัง มีบอกเอาไว้ด้วยว่า พระโพธิสัตว์ช้างปาลิไลยก์คือใคร ฟังไว้เฉย ๆ ก็น่าสนใจนะครับ

    ลิ้งนี้ ช่วงประมาณท้าย ๆ หน่อย
    https://www.youtube.com/watch?v=wA0VUrmKNLI
    เสียดาย นาน ๆ จะเจอพระที่ทำให้คนเข้าใจศาสนาพุทธแบบก้าวกระโดดแบบอดีตหลวงปู่แกสักคน หลวงปู่ไม่น่าพลาดเลย (กรรมบันดาลหรือเปล่านะ)

    ใครจะว่าผมดีชั่วผมเริ่มไม่สนแล้วล่ะช่วงนี้ ทุกอย่างคือการเรียนเพื่อรู้ รู้แล้วจะได้เลิกสนใจ เลิกสนใจแล้วจะได้วาง นี่คือปัจจุบันสำหรับมารน้อยอย่างผม ยะฮู้ววววววววว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2015
  20. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398

    ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เกี่ยวกับอายุศาสนาโดยตรงปรากฎในโคตมีสูตร ซึ่งกำหนดการคงอยุ่ของสัทธรรมว่ามีกำหนดพันปี แต่เพราะมีภิกษุณีจึงเหลือเพียง 500 ปีเท่านั้น ทรงตรัสไว้เพียงเท่านี้

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ หากมาตุคามจักไม่ได้ออกบวชเป็น
    บรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์ก็ยังจะตั้งอยู่ได้นานสัทธรรมพึงดำรงอยู่ได้ ๑,๐๐๐ ปี แต่เพราะมาตุคามออกบวชเป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์จะไม่ตั้งอยู่นาน ทั้งสัทธรรมก็จักดำรงอยู่เพียง ๕๐๐ ปี ดูกรอานนท์ ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ที่มีหญิงมาก ชายน้อย ตระกูลนั้นถูกพวกโจรกำจัดได้ง่าย แม้ฉันใด มาตุคามได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด พรหมจรรย์ในธรรมวินัยนั้นจักไม่ตั้งอยู่นาน ฉันนั้นเหมือนกัน อนึ่ง ขยอกลงในนาข้าวที่สมบูรณ์ นาข้าวนั้นก็ย่อมไม่ตั้งอยู่นานแม้ฉันใด เพลี้ยลงในไร่อ้อยที่สมบูรณ์ ไร่อ้อยนั้นก็ย่อมไม่ตั้งอยู่นาน แม้ฉันใด มาตุคามได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด พรหมจรรย์ในธรรมวินัยนั้น ย่อมไม่ตั้งอยู่นาน ฉันนั้นเหมือนกัน อนึ่ง บุรุษกั้นคันสระใหญ่ไว้ก่อนเพื่อไม่ให้น้ำไหลออก แม้ฉันใด เราบัญญัติ ครุธรรม ๘ ประการ ไม่ให้ภิกษุณีก้าวล่วงตลอดชีวิตเสียก่อน ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ

    http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=5753&Z=5887

    แต่ที่มีการขยายความในอรรถกถาว่าศาสนาจะมีอายุ 5 พันปี ดังข้อความต่อไปนี้
    ก็ด้วยบทว่า มหโต ตฬากสฺส ปฏิกจฺเจว ปาลี นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงความนี้ไว้ว่า เหมือนอย่างว่า เมื่อเขาไม่พูนคันกั้นสระใหญ่ น้ำสักหน่อยหนึ่งก็ไม่ขังอยู่เลย แต่เมื่อเขาปิดไว้ครั้งแรกนั่นแหละ น้ำใดที่ไม่ขังอยู่ เพราะไม่ปิดกั้นเป็นปัจจัย น้ำแม้นั้นก็พึงขังอยู่ได้ฉันใด. ครุธรรมเหล่านี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เราบัญญัติเสียก่อนเพื่อประโยชน์จะไม่ให้นางภิกษุณีจงใจล่วงละเมิดในเมื่อเรื่องยังไม่เกิดขึ้น เพราะเมื่อเราไม่บัญญัติครุธรรมเหล่านั้น เพราะมาตุคามบวช พระสัทธรรมพึงดำรงอยู่ได้ ๕๐๐ ปี แต่ครุธรรมที่เราบัญญัติไว้เสียก่อน พระสัทธรรมจักดำรงอยู่ได้อีก ๕๐๐ ปี รวมความว่าพระสัทธรรมจักดำรงอยู่ได้เพียง ๑,๐๐๐ ปี ซึ่งได้ตรัสไว้ก่อนดังกล่าวมาฉะนี้.
    ก็คำว่า วสฺสสหสฺสํ นี้ ตรัสโดยมุ่งถึงพระขีณาสพผู้บรรลุปฏิสัมภิทาเท่านั้น แต่เมื่อกล่าวให้ยิ่งไปกว่านั้น ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระขีณาสพผู้สุกขวิปัสสก ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระอนาคามี ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระสกทาคามี ๑,๐๐๐ ปี โดยมุ่งถึงพระโสดาบัน ปฏิเวธสัทธรรมจักดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปีโดยอาการดังกล่าวมานี้ แม้พระปริยัติธรรมก็ดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปีนั้นเหมือนกัน. เพราะเมื่อปริยัติธรรมไม่มี ปฏิเวธธรรมก็มีไม่ได้ แม้เมื่อปริยัติธรรมไม่มี ปฏิเวธธรรมก็ไม่มี ก็เมื่อปริยัติธรรมแม้อันตรธานไปแล้ว เพศ (แห่งบรรพชิต) ก็จักแปรเป็นอย่างอื่นไปแล.

    http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=141

    แต่ว่าคือศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและผล อายุศาสนาจึงขึ้นกับการปฏิบัติของมนุษย์ พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสไว้ในมหาปรินิพพานสูตรว่า
    ๑๓๘.....ก็ภิกษุเหล่านี้พึงอยู่โดยชอบ โลกจะไม่พึงว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ
    http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=10&A=1888&Z=3915
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2015

แชร์หน้านี้

Loading...