ทำยังไงไม่ให้หลงไปกับรูปร่างหน้าตาครับ

ทำยังไงไม่ให้หลงไปกับรูปร่างหน้าตาครับ เวลาเจอคนหน้าตาดีสวยจิตก็ปรุงแต่งแล้วครับอคติบ้างรักชอบหลงใหลไปกับหน้าตาบ้าง โดยที่ยังไม่ได้มองถึงจิตใจเขาเลยมีวิธีไหนหรือพิจารณาแบบไหนครับที่จะทำให้เราไม่หลงปรุงแต่งกับสิ่งเหล่านี้ที่ต้องเจอในชีวิตประจำวันครับ ขอบคุณมากคับ

 

อบรมใจให้ยอมรับความจริงด้วยมหาสติ มหาปัญญา ให้ยอมรับว่าเป็นแค่อสุภะ ไม่นอกเหนือจากไตรลักษณ์ ฯ. ทำได้แล้วบอกด้วย จะอนุโมทนา เพราะว่าผมทำไม่ได้ อิ

 

ถามแบบนี้ มันใช้กำลังใจสูงเกินไปสำหรับปุถุชนอย่างเราที่จะฝืนกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง
ไปได้ เช่นว่า จะทำอย่างไรให้เป็นพระอรหันต์ได้ ทั้งๆที่ตอนนี้เรายังไม่มี ศีล เลย แบบนี้
รู้สึกว่ามันยังอีกไกล เพราะว่ากำลังใจของเรายังไม่ถึง

การจะละกามฉันทะ นี้ก็เหมือนกัน ขนาดท่านที่บรรลุเป็นพระโสดาบัน พระอริยเจ้าใน
พระพุทธศาสนาแล้วท่านยังไม่สามารถตัดความพึงพอใจในความสวยงามของร่างกายใน
เพศตรงข้ามได้เลย เป็นแต่เพียงว่ามีศีลเป็นกรอบความดีไว้เท่านั้น จะตัดได้จริงต้องพระ
อนาคามีซึ่งเป็นเรื่องที่หนักสำหรับปุถุชนอย่างเราที่จะก้าวกระโดดไปได้เลย แต่ถ้าเรายัง
ห่างไกลจากอริยชนคนมีศีลมีธรรม เราจู่ๆเราจะไปรวมรัดคิดทำลายกิเลส ความรัก โลภ ให้
มันหายไปจากใจของเราเลย แบบนี้ร้อยทั้งร้อย ทำไม่ได้ เพราะกำลังใจยังไม่พอ ถ้าถาม
ว่ากำลังใจยังไม่พอยังไง ก็หันมามองจริยาของตนเองดูก่อนว่า ทานการให้การบริจาคเรามี
เป็นปรกติแล้วหรือยัง ศีลสำหรับฆาราวาสเรารักษาได้ครบแล้วหรือยัง สมาธิระดับปฐมฌาน
ขึ้นไปเราทำได้เป็นปรกติแล้วหรือยัง วิปัสนาญานปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริงเรามีและรู้
แล้วหรือยังว่าคืออะไรเป็นอย่างไร

ถ้าเรายังไม่มีเครื่องมือทำลายกิเลสทั้งปวงเหล่านี้ แล้วทึกทักอยากให้กิเลสมันหายไปเอง
เฉยๆก็จะเป็นการยาก เพราะคิดได้แต่ทำไม่ได้ เพราะกำลังใจเรายังไม่ถึง เราต้องมาหัด
สร้างกำลังใจ คือ ทาน ศีล ภาวนา ให้ครบถ้วนครบพร้อมเสียก่อน อย่างน้อยๆ การรักษา
ศีลให้ครบถ้วนบริบูรณ์คือเป้าหมายแรกของเรา เพื่อจะเข้าสู่กระแสของพระนิพพานให้ได้
ตลอดไป แบบนี้น่าจะทำได้ง่ายกว่าที่ถามมานะครับ ทุกอย่างต้องเป็นขั้นเป็นตอน ตามการ
อบรมของจิตใจและกำลังใจที่จะพึงมียิ่งๆขึ้นไป

 

ท่านลองแยกทีละส่วนๆดูซิครับจะเห็นความจริงที่มันซ่อนอยู่. หยิบเส้นผม เล็บ ขน คนที่เรารักมาใส่ในอาหารดูเรากล้ากินมั้ยถ้าเราไม่กล้ากินลองพิจารณาดูเพราะอะไร คำตอบมันอยู่ในนั้น คือมันสกปรก แค่นี้ก็พอมองเห็นแล้วนะครับ. ถ้ามองไม่เห็นอีกให้พิจารณาว่าตั้งแต่หัวมีอะไรดีบ้าง ขี้หัว. ขี้ตา. ขี้หู. ขี้ฟันฯลฯ. ให้พิจารณาแบบนี้บ่อยๆ(ต้องบอยๆ)ก็จะช่วยได้ครับ

 

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นแม้แต่อย่างเดียว ที่แก้ความพอใจในกามได้เสมอเหมือนอสุภนิมิต

อสุภนิมิตเป็นเหตุให้ความพอใจในกามที่ยังไม่เกิด ไม่ต้องเกิดขึ้น และความพอใจในกามที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ดับลงเสียได้!

โดย ดังตฤณ


������Ժѵ� : �������Ե ���Ե��觫ҡȾ - Dhamma and Life - Manager Online


.

 

เมื่อก่อนผมจะชอบสังเกตคนอื่นไปทั่ว แต่ไม่ได้ไปพูดอะไรกับเค้านะ สังเกตเฉยๆ

คิดไปเองว่า คนสวยก็สวยได้แค่ไม่กี่ปี ไม่สามารถคงความสวยไปได้ตลอด

 

ในคำถามนี้ต้องถามก่อนว่ามีสาเหตุอะไรที่อยากละกามหรือแค่อยากถามเล่นๆไม่มีความหมาย ถ้าคำตอบข้อแรกต้องมีความรู้สึกว่าเบื่อหน่ายในกามในรูปมีรสชาติเดิมๆไม่มีอะไรแปลกใหม่เหมือนคนกินข้าวรสชาดก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนกินกี่ครั้งๆก็เหมือนเดิม จิตก็จะเริ่มเบื่อหน่ายคลายกำหนัดเมื่อเบื่อหน่ายคลายกำหนัดแล้วก็พิจารณาอสุภะว่าร่างกายคนหรือสัตว์ก็มีแค่นี้ตรงไหนหอมตรงไหนดีตรงไหนสวยงาม อุจระเหม็นเหมือนเราไหม เราหอมผิวหนังที่ว่าหอมลองให้เค้าถ่ายอุจระออกมาแล้วให้เรานั่งมองนั่งหอมดูว่าหอมเหมือนแก้มเค้าไหมลองทำดูพอได้คำตอบก็จะเข้าใจเองถ้าไม่ได้ทำจริงแค่จิตนาการนั้นไม่ได้จะไม่เกิดผลใดๆทั้งสิ้นต้องทำจริงแล้วจะรู้จริงเมื่อรู้จริงจิตก็จะถอนออกคลายออกเมื่อนั้นก็จงหมั่นพิจารณาว่ากามนั้นมีคุณประโยชน์อะไรบ้างที่ไม่ก่อทุกข์เช่นเดียวอยากพอสมอยากแล้วได้อะไรสุขจริงหรือสมรักแล้วต้องมีภาระเลี้ยงดูเค้าไหมได้เงินมาเคยใช้คนเดียวให้พ่อแม่บ้างแต่เดียวนี้มีคนมาช่วยใช้เราหาเงินไหวไหมเหนื่อยไหม มีลูกต้องเลี้ยงลูกอีกเหนื่อยไหมแล้วได้อะไรก็สุขแบบเดิมๆไม่มีอะไรใหม่ๆแต่ถ้าไม่สมก็เศร้าใจทุกขใจเจ็บปวดมีอะไรที่ไม่ทุกขถ้าเห็นยังงี้จิตก็จะถอยออกมาทำบ่อยๆจิตจะคลายออกพอเห็นคนสวยสัญญาหรือความจำมันจะสนองเลยว่านี้อุจระเหม็นเหมือนเราได้มาต้องทนทุกขเวทนาทำมาหาเลี้ยงเค้าอีกในกายมีของเน่าเหม็นเหมือนเราเป็นที่ใส่ซากสัตว์ซากพืชเหมือนเราเรายังเหม็นอุจระตัวเองเลยยังทนกลิ่นอุจระตัวเองไม่ได้ต้องปิดจมูกเวลาถ่ายไม่กล้าดมแล้วต้องไปดมของเค้าอีก จิตจะบอกเลยว่าไม่เอาแล้วจะคลายคืน คลายกำหนัดและจะเริ่มเห็นความจริงเห็นสัทธรรมต่างๆแต่ต้องอาศัยความเบื่อหน่ายก่อนถ้าไม่มีความเบื่อหน่ายในกามรับรองว่าจะไม่สำเร็จพระพุทธองค์สอนนั้นรับรองได้อย่างเต็มที่ว่า มนุษย์ทุกคนสามารถทำได้แน่นอนอย่าคิดว่าบารมีไม่ถึงอย่าคิดว่าอีกไกลกว่าจะถึงพระอรหันต์เป็นของยากทำได้ยากเหตุเพราะถ้ามนุษย์ทำไม่ได้พระพุทธองค์จะไม่สอนเด็ดขาดเพราะจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆกับใครๆท่านจะไม่ตรากตรำพระวรกายตลอดพระชนน์ชีพของพระองค์เที่ยวสั่งสอนเวนัยสัตว์ด้วยพระเมตตากรุณาเป็นล้นพ้นถ้ารู้ว่าสอนแล้วมนุษย์ทำไม่ได้บารมีไม่ถึงรอให้มนุษย์บารมีถึงก่อนทำได้ก่อนค่อยสอนเราจะไม่มีพระธรรมของพระองค์มาจนบัดนี้เพราะฉะนั้นสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งสอนทรงตรัสออกจากพระโอษย์ท่านต้องรู้ด้วยญาณทัศนะแล้วว่ามนุษย์ทำได้แน่ท่านจึงสอนแค่ใบไม้ในกำมือเท่านั้นส่วนใบไม้ทั้งป่าท่านไม่สอนเหตุเพราะไม่มีประโยชน์และมนุษย์ย่อมทำไม่ได้ดั่งเช่นพระองค์แน่ ขอให้เจ้าของกระทู้ใช้ปัญญาพิจารณาดูว่าจริงไหมแล้วลองทำดูรับรองว่าสำเร็จแน่นอน กามทุกชนิดมีผลเป็นทุกข์เป็นดั่งหัวฝีถ้าเอาออกได้จะไม่ต้องทนทุกขเวทนาอีกอย่างเด็ดขาด และเมื่อดับกามได้แล้วรับรองจะไม่มีวันหวลกลับไปเสพหรือมีจิตทะยานอยากในกามอีกเด็ดขาดเปรียบดังคนอยู่ในหล่มย่อมรู้ถึงทุกขเวทนาในหล่มที่ตนตกอยู่เมื่อสามารถขึ้นจากหล่มนั้นได้แล้วจะไม่มีวันกลับลงไปอีกอย่างแน่นอน (แต่ไม่ใช่ละกามได้ก็จะสำเร็จต้องรู้ทุกข์ สาเหตุแห่งทุกข์ ทางดับทุกข์และทางพ้นทุกข์คือพระอริยมรรค์มีองค์8ต้องรู้แจ้งแทงตลอดถึงจะเสร็จกิจที่ต้องทำไม่มีกิจอื่นที่ต้องทำกว่านี้อีกแล้ว)สาธุ

 

อสุภะกรรมฐาน

 

ด้วยคำพูดของคุณนี้ ถ้าเป็นเจตนาตั้งใจของคุณจริงๆ ก็ยินดีด้วย บอกได้ว่าคุณเป็น ปลาว่ายทวนน้ำ
ในร้อยคน จะแค่ไม่ถึงสิบคนที่จะมีปณิธานแบบนี้ มีความคิดที่ไม่ยอมจะเพลินไปกับมัน ทั้งๆที่มันกำลังยั่วคุณ ทั้งๆที่มันกำลังทำให้คุณเพลิดเพลิน เป็นเพราะคุณเริ่มจะรู้สึกว่า มันมีความทรมานใจในนั้นด้วย หรือเปล่า

นี่แหละ ถึงแม้จะยังไม่สัมผัสกระแสนิพพานเช่น โสดาบัน

แต่ใจคุณ มีปณิธานแบบนี้ คือมีเข็มทิศ เข็มทิศที่ชี้ไปแล้ว ซึ่งต้นทางแห่งกระแสนิพพาน

คนอย่างนี้ ถึงแม้จะไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลจะนิพพาน แต่ให้รักษาความตั้งใจนี้ไว้

เจอคน หน้าสวย หน้าหล่อ คุณเคยเป็นอย่างไร เมื่อสบหน้าพวกเขา หลงใหลเพลิดเพลินมั้ย มันมีความรู้สึกเจ็บปวดทรมานใจอยู่ในนั้นบ้างหรือเปล่า เหล่าไหนที่คุณเคยเป็น

ถ้าเจอ สิบคน แล้วเป็นอย่างนั้น สิบคน
ถ้าเจอ ร้อยคน แล้วเป็นอย่างนั้น ร้อยคน
(โลกนี้มีไม่รู้กี่ล้านคนเนอะ เออ เยอะดี เป็นกันไม่หวัดไหว สนุกสนานกันแน่)

ถ้าทั้งชีวิตของคุณหละ จะเจอกี่คน แล้วจะต้องเป็น ต้องรู้สึกอย่างนั้นกับทุกคนเลยเหรอ ???

รักษาความตั้งใจนี้ไว้ และอย่าได้เชื่อคำใครอื่นใด นอกจากพระตถาคต

สาธุ

 

จริงๆ แล้ว อาการแบบนี้เรียกว่าจิตกระเพื้อม โดยจะเป็นกับทุกครั้งที่เดินผ่าน หรือเห็นคนหน้าตาดี. โดยจะมีอารมณ์กวนขึ้นมาและรวมทั้งความคิดด้วย ซึ่งยังไม่ถึงขั้นไปยึดแบบหลงรักเขา

วิธีแก้นะครับ
1) ง่ายสุดคือ มีสมาธิอยู่กับตัว .. ง่ายๆคืออย่าไปคิดถึง แค่นั้นครับ
แม้คุณจะคิดเพื่อให้หยุด ก็ยังเป็นการสร้างความคิดมากวนความคิดที่กวนขึ้นมานั้นอีกที

การฝึกเพื่อสร้างสมาธิอยู่กับตัว ก็เช่น การภาวนาบริกรรมโดยให้มีสติและความรู้สึก
อยู่แค่กับคำบริกรรมนั้นเอง ยิ่งอยู่ได้นาน สมาธิคุณก็ยิ่งเข้มแข็งมากไปด้วย
คุณก็จะสามารถตัดความคิดหรืออารมณ์ที่กวนต่างๆได้ง่ายและเร็ว

2) หากคุณทำตามข้อ 1) ไม่ได้ ก็ต้องใช้แผนสองลองลงมา
เช่น การสร้างความคิดเหตุผลมาหยุดอารมณ์ที่กวนนี้
หรือ สุดท้ายจะเดินหลีกหนีก็สุดแล้วแต่

 

ให้เห็นว่าคนเราจะสวยได้ จนเราหลงไหล
เค้าต้องแต่งหน้านาน ลดความอ้วนนาน ต้องฉีดกรูต้า กินกรูต้า
ต้องใช้รองพื้นแพง

เห็ฯว่าเค้าทุกข์แล้วอุทิศกุศลให้เค้าแทน

เราจะเห็นเค้าเป็นเพื่อนทุกข์
ลองจากการเลือกดารานักแสดงที่เราหลงไหลในรูปร่างหน้าตามาหนึ่งคนก็ได้
นึกถึงภาพว่าเค้าต้องเสียโฉม ไม่สามารถกลับมาสวยได้อีก
เค้าคงจะทุกข์มาก เราอุทิศกุศลให้เค้าทำบ่อยที่สุดเท่าที่จะบ่อยได้

แนะนำว่าเลือกที่ละหนึ่งคน ถ้าเราเบื่อคนนี้แล้วก็เปลี่ยนคน แต่ให้ทำอย่างนี้ที่ละหนึ่งคน

เพราะจิตเราจะมีแรงแยกตัวจากคนรักเก่าของเรา

ประมาณว่าถ้าหลงไหลให้หลงไหลคนเดียว

และพอเกิดการพลัดพลากคือมีคนใหม่ ก็กลับไปทำอย่างนี้
สงสาร เห็ฯทุกข์อย่างนี้กะคนเก่าไม่ได้แล้ว

เราจะหลงไหลในรูปสวย ทีละหนึ่งคนบริหารจัดการง่ายกว่าเห็ฯใครก็สวยหมด

ให้เหลือสวยในโลกแค่คนเดียว
คนอื่นมองยังไงก็สววยสู้ดารานักแสดงคนปัจจุบันไม่ได้

แนะนำให้เลือกคนที่สวยที่สุดเท่าที่จะนึกออกและเลือกคนเดียว

 

ประมาณโลกสวย
แต่ทั้งใบให้เธอคนเดียว

เจาะเป็ฯคนๆไป

 

รอดูเวลาดาราคนนี้มีข่าวว่าจะมีแฟน หรือจะแต่งงาน
ให้เราอาราธนาศีลแทน
ให้เราร้อนรน จนต้องไปหาดาราคนใหม่

ให้อุทิศกุศลให้เธอคนดาราหรือผู้หญิง คนอื่นๆไม่สวยแล้ว
เหลือสวยแค่ดาราคนนี้คนเดียวดู

อารมณืหลง ไหล ก็รู้อยู่อุทิศกุศลได้
ถือเป็ฯจิตตานุปัสสนา

 

ไม่ต้องไปคิดมากหรอก เป็นปถุชนคนธรรมดามันก็ต้องมีอยากบ้างไรบ้างเป็นธรรมดา แค่ไม่ผิดศีลก็พอแล้วนิ

 

ขอบคุณทุกท่านที่ชี้แนะกระผมครับที่ผมตั้งคำถามไปเพราะรู้สึกว่ารำคาญจิตที่มันปรุงกแต่งเสียเหลือเกินครับ จะนำคำสอนทุกท่านไปใช้คับ อนุโมธนาคับ

 

แสดงว่า คุณหนักไปทางโมหะจริต มีความหลุ่มหลง อยู่ในโลก ในกายคนเรา

ถอนความหลงด้วย สิ่งที่เป็นศัตรู เป็นข้าศึก กับความสวย ความหล่อ

ขี้ไง ครับท่าน หญิงชาย ทุกเหล่า เดินไปไหนมาไหน พกขี้ไว้ในตัวคนละ

ก้อนใหญ่ตลอดเวาล

เห็นขี้กองอยู่ภายนอก โห ไม่ไหว สุดจะทน มันช่างน่ารังเกียจ

น่าขยะแขยงอะไรเช่นนี้ ทั้งกลิ่น ทางภาพ สุดๆสุดจะทน

ท่ีไหนละ กัน มันอยู่ในกายเรานี้และ

กายของเราเป็นโรงาน ผลิตขี้ 555+

เชื่อพรานเตอะ พานแก่แย้วว

 

ผมว่าถ้าเราหลงรักใครจริงๆ แนะนำเอาดาราสวยๆแหละ
เอาจนกระทั้งเห็ฯสวยอยู่คนเดียว
เวลามีคนอื่นมาเปรียบเทียบ ทั้งๆที่ก็คนใหม่สวยกว่าแต่จิตคุณมั่นคง
รักเดียวใจเดียว
คุณจะเห็ฯว่าจริงๆที่เราหลงอาจจะไม่ใช่หลงความสวยหรอก
รักอยากรักตัวเราเอง
เราอยากจะรักเงาของตัวเราเอง
แต่รักไม่ลง เราจึงเรียกหาเงาอื่นๆที่รักง่ายกว่าตัวเราเอง
โดยเข้าใจไปว่าเงาทั้งหลาย ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน

ลองหลงรักเงา รักรูปจูบภาพ ดารา แบบปฏิทินดารา แต่เอาแค่คนเดียวดู

 

เราหึงเราหวง เราจึงไม่ถอดถอนความรักเงานี้ไป
จริงๆเราไม่ได้รักที่เงาสวย เรารักที่เงาคือเงา
เราอยากรัก อะไรซักอย่าง
ผู้หญิงสวยๆพวกนั้นถ้า ตอบรับรักเราจริงๆ เช่นเราฝันไปว่าดาราคนนี้จะรักเราตอบจริง
จะแต่งงานกะเรา
บางที่เราก็หนีเงานั้นอีกครั้ง
ไปหาเงาใหม่
ไปบิ้วว่าเงาใหม่สวยกว่าเงานี้
เงาคนอื่นน่ารักกว่าเงาของเรา

แต่เราอยากมีรัก อยากมีเงา
อยากมีอัปสรา มันคือเจตสิก

 

เหมือนปู่ ****โสม*** เฝ้าทรัพย์
เค้าไม่ลักทรัพย์นั้น เค้ารักเงาของทรัพย์
หึงหวง ไม่เห็ฯว่านี้คือปัจจัยแห่งทุกข์
เห็นแต่สุขที่ได้อยู่กะเงา รักโดยไม่ครอบครอง
ปู่
โสม
เฝ้าทรัพย์

 

นารี มี รูป เป็น sub
มันเป็นอักษรบรรยายใต้ภาพ ยนต์
เอาไว้เฝ้า นารี
มีรูป