ติดตามสถานะการณ์

นารายาณะ พุทธะ



เตรียมพร้อมกันแต่เนิ่นๆ
26พย.57 มีดาวใหญ่2ดาว เคลื่อนย้ายราศี
1.ดาวพฤหัสกาลีจร ย้าย จากราศีกรกฎธาตุน้ำ เข้าสู่ราศีสิงห์ ธาตุไฟ ฤกษ์ขอ เวลา8.55น. เดินจรอยู่ในราศีนี้ถึงวันที่24ธค.57 ฤกษ์ขอ ช่วงที่พฤหัสจรราศีสิงห์26พย. -24ธค.ทำบุญขอพรถูกใจท่าน ท่านจะให้ตามที่ขอ และใครมีหนี้กรรมดวงตกก็อาจจะถูกท่านขอเช่นกัน
ใครมีเวลาก็ทำรับพระพฤหัส
ธูป19ดอก เทียน5เล่ม บัว5ดอก ส้ม5ลูก จุดธูปเทียนบูชา8.45น.
กล่าวถวายแล้วขอพร ตอน8.55น.ไปแล้ว
2.ดาวเสาร์ย้ายจากราศีตุลย์ ธาตุลม เข้าสู่ราศีพิจิกธาตุน้ำ ฤกษ์เพ็ชฆาต เวลา16.29น.
พิธีรับพระเสาร์ ถ้าได้ของสีดำหรือม่วงก็ยิ่งดี
ธูป10 ดอก เทียน 10เล่ม ดอกกล้วยไม้ม่วง หรือบานไม่รู้โรยม่วง เป็ดตุ๋น เชี่ยงชุน องุ่นม่วง เป็ปซี่ จุดบุหรี่3มวน จุดถวายของ16.22น.กล่าวถวายและขอพรหลัง16.29น.ไปแล้ว
ของบูชานำมากินได้ นำเงินใส่พานถวายก็ดีแล้วขอให้เป็นมงคลเงินงอกเงย
ตำราโหรฯเรียกดาวเดินมณฑ์ ภาษาบ้านคือเดินเซหรือมึนวนไปมา รับบูชาให้ดีคนเมาย่อมใจดี ถ้าทำให้ถูกใจ ใครไม่มีเวลาจัดของ เมื่อถึงเวลาก็ตั้งจิตถึงท่านแผ่บุญถวายแล้วขอพรก็ทำได้
ขอให้ทุกคนโชคดีได้รับพรจากพระพฤหัสและพระเสาร์เทวา โดยทั่วหน้า
*ดวงดาวส่งท้ายย้ายราศีเปลี่ยนพลังงาน ระวังและเข้มงวดสักนิด เหมือนกองทัพจะเคลื่อนพลมักจะครึกครื้น เฮฮาและเสียงดัง ควรกล่อมด้วยบทสวดเพื่อให้กองทัพเคลื่อนด้วยความสงบ

 

Little Duck



แผ่นดินไหวที่ MOLUCCA SEAขนาด: 7.0 (ตอนแรกแจ้งไว้ 7.2 น่ะครับ ปรับลดความแรงแล้วเหลือ 7.0) ริกเตอร์
จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว: MOLUCCA SEA
วันที่: 15 พฤศจิกายน 2557 09:31 น.ละติจูด: 1° 55' 12'' เหนือ
ลองจิจูด: 126° 30' 00'' ตะวันออกความลึกจากระดับผิวดิน: 52 กิโลเมตร

 

เตือนภัย พิบัติโลก ได้แชร์ลิงก์

15/11/2014 คลิปแมลงสาบยักษ์ จริงหรือหลอกกันล่ะเนี่ย...

<iframe width="854" height="510" src="//www.youtube.com/embed/UP5MzvyA5SQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

โอยขนลุก ! ฝรั่งเจอแมลงสาบตัวพ่อ โคตรจะไซส์ยักษ์ แค่ปกติตัวเล็กก็ว่าสยองแล้ว เจอแบบนี้ช็อกโลกเลยนะครับผม จริงหรือหลอกกันล่ะเนี่ย

ช็อกโลก ! ฝรั่งเจอแมลงสาบตัวพ่อ ไซส์โคตรยักษ์ ในห้องครัว

 

ช็อกโลก ! รัสเซียโชว์ภาพดาวเทียม ชี้'เครื่องบินขับไล่ยูเครน'ยิง MH17 ร่วง
โดย ข่าวต่างประเทศ 15 พ.ย. 2557 12:30


---
สื่อรัสเซียเผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียม อ้างว่าเป็นดาวเทียมของอังกฤษหรือสหรัฐฯ แสดงให้เห็น โบอิ้ง 777 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 โดนเครื่องบินขับไล่ของยูเครนยิงตกเหนือน่านฟ้าแคว้นโดเนตสก์ ไม่ใช่โดนสอย โดยขีปนาวุธจากฝ่ายกบฏโปรรัสเซีย

เมื่อ 15 พ.ย. สื่อต่างประเทศรายงานความคืบหน้าของโศกนาฏกรรม เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 จากกรุงอัมสเตอร์ดัม-กัวลาลัมเปอร์ ประสบเหตุตกที่แคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของสาธารณรัฐยูเครน เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตทั้งลำ รวม 298 ศพ ขณะที่กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย ตกเป็นผู้ต้องสงสัย โดนกล่าวหาอย่างหนัก ว่าเป็นตัวการใช้ขีปนาวุธ บู๊ค ยิงเครื่องบินโดยสารร่วงนั้น ปรากฏว่า จากข้อมูลล่าสุด ที่ได้จากภาพถ่ายดาวเทียมที่หลุดออกมา กลับแสดงให้เห็นว่า โบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ลำนี้ โดนยิงด้วยเครื่องบินขับไล่ ไม่ใช่ขีปนาวุธบู๊ค


---
@ภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งอ้างว่าได้มาจากดาวเทียมของอังกฤษหรือสหรัฐฯ
---
สำนักข่าวในรัสเซีย ได้เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมดังกล่าว เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) พร้อมอ้างว่า ภาพถ่ายดาวเทียมเหล่านี้ ซึ่งได้มาจากดาวเทียมของอังกฤษและสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า เครื่องบินโดยสารของมาเลเซีย แอร์ไลน์ โดนเครื่องบินขับไล่ ของกองทัพยูเครนยิงตก ไม่ใช่ถูกยิงด้วยขีปนาวุธตามที่เชื่อกันก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน นายมิฮาอิล ลีออนเทียฟ ผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องแชนแนล วัน (ช่อง 1) ในรัสเซีย ยังอ้างด้วยว่า ภาพถ่ายดาวเทียมเหล่านี้ได้มาจากแหล่งข่าวที่ไม่ขอเปิดเผยตัว ซึ่งเป็นผู้มอบภาพถ่ายดาวเทียมนี้ให้แก่สื่อในรัสเซีย โดยแสดงให้เห็นว่า เครื่องบินขับไล่ Mig-29 เป็นตัวการยิงเครื่องบินโดยสารตกเหนือน่านฟ้าทางภาคตะวันออกของยูเครน


---
นอกจากนั้น สื่อในรัสเซีย ยังได้สอบถามความเห็นของ นายอีแวน เอเดรียฟสกี รองประธานสหภาพวิศวกรของรัสเซีย ซึ่งได้ระบุว่าเท่าที่พวกตนได้ดูภาพถ่ายจากอวกาศในระดับการโคจรที่ต่ำ และโดยทั่วไปแล้ว ภาพในลักษณะเช่นนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสอดแนมทางอากาศและพื้นดิน ซึ่งพวกตนอาจชี้ว่า ภาพเหล่านี้ได้มาจากดาวเทียมของอเมริกัน หรืออังกฤษ อีกทั้งเมื่อได้ดูรายละเอียดในภาพแล้ว ไม่พบว่าเป็นภาพปลอม หรือทำขึ้นมาใหม่ ในขณะที่ นายจอร์จ บิลต์ ผู้เชี่ยวชาญอีกท่านหนึ่ง อ้างด้วยว่า โบอิ้ง777 โดนยิงตกโดยเครื่องบินขับไล่ จากทางด้านหลัง


---
@ซากเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส
---

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ จาก เดอะ มิร์เรอร์

ช็อกโลก ! รัสเซียโชว์ภาพดาวเทียม ชี้'เครื่องบินขับไล่ยูเครน'ยิง MH17 ร่วง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

รัสเซียเปิด “ภาพถ่ายดาวเทียมจารกรรม - วินาที MH17 ถูกเครื่องบินรบยิงตก”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2557 15:21 น.



เอเจนซีส์ – ล่าสุดหลังจากหนังสือพิมพ์รัสเซีย รัสเซีย ทูเดย์ ได้เปิดเผยข้อมูลเรดาร์หอบังคับการบิน หอบังคับการบิน Rostov-on-Don ที่พบว่ามีการจับสัญญาณกลุ่มเครื่องบินลึกลับบินอยู่ในบริเวณใกล้เคียงในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ MH17ตก และทำให้สถานีโทรทัศน์ช่องหลักของรัสเซียที่มีรัฐบาลรัสเซียเป็นเจ้าของได้เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมที่อ้างว่าได้มาจากดาวเทียมจารกรรมของสหรัฐฯและอังกฤษ แสดงให้เห็นถึงวินาทีที่ MH17ถูกเครื่องบินลึกลับยิงตกในขณะเดียวกันกับที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินที่ต้องเผชิญหน้ากับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย โทนี แอบบ็อตในการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่ผู้นำแดนจิงโจ้กดดันให้รัสเซียรับผิดชอบการตกของ MH17 ที่มีผู้โดยสารพลเมืองออสเตรเลียเกือบ 40 คนโดยสารอยู่ในนั้น

เดลิเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(14)ว่า ผู้เชี่ยวชาญการทหารของรัสเซียได้ระบุว่า สาเหตุที่เครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ตกนั้น “ไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มกบฎยูเครนใช้เครื่องยิงขีปนาวุธ BUK แต่เป็นเครื่องบินรบกองทัพยูเครน Sukhoi-25เป็นตัวการ”

โดยล่าสุดสถานีโทรทัศน์ช่องหลักของรัสเซียที่มีเครมลินเป็นเจ้าของได้เผยแพร่ภาพดาวเทียมจำนวน 1 ภาพ ที่แสดงช่วงวินาทีที่ MH17 ถูกขีปนาวุธยิงใส่ ซึ่งทางสถานีอ้างว่าภาพถ่ายดาวเทียมเหล่านี้ได้มาจากดาวเทียมของสหรัฐฯและอังกฤษ

มิคาอิล ลีออนเตียฟ (Mikhail Leontiev) ผู้ดำเนินรายการของสถานีได้อ้างว่า แหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อได้ให้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมที่ระบุได้ว่า เครื่องบินรบมิก 29 นั้นโจมตีเครื่องบินโดยสารสัญชาติมาเลย์อย่างไร

ในขณะที่สื่อจากฝั่งตะวันตกอ้างซ้ำไปซ้ำมาว่า เป็นเพราะฝีมือของกลุ่มกบฎที่ใช้เครื่องยิงขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศ BUK สัญชาติรัสเซีย ยิงใส่เครื่องบินลำนี้จนเกิดเหตุสลด

สื่ออังกฤษรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารของรัสเซียได้ออกมาแสดงทัศนะก่อนหน้านี้ ที่เปิดเผยว่าทั้งชาติตะวันตกและยูเครนอยู่เบื้องหลังการปกปิดความจริงถึง “การปรากฏตัวของเครื่องบินรบ” ที่บินอยู่ในบริเวณใกล้กับ MH17 ในขณะเกิดเหตุ

ลีออนเตียฟกล่าวในรายการเมื่อคืนนี้(14)ว่า และในที่สุด “เราได้หลักฐานพิสูจน์ได้ว่า อาชญากรรมที่ทำโดยรัฐเกิดขึ้นจากฝีมือกลุ่มผู้จงใจจะทำลายเครื่องบินโดยสารลำนี้ และจากกลุ่มคนที่หวังแอบซ่อนความจริงนี้ที่แท้จริงแล้วมีข้อมูลทั้งหมดอยู่ในมือ” และเสริมต่อว่า “ทางเรามีหลักฐานภาพถ่ายดาวเทียมที่ได้มาจากดาวเทียมจารกรรมของต่างชาติแสดงวินาทีสุดท้ายที่ MH17 อยู่เหนือยูเครน”

และผู้ดำเนินรายการชาวรัสเซียยังโต้ประเด็นเครื่องยิงขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศ BUK ว่า “ทำให้ตัดประเด็นไปได้เลยถึงการอ้างว่า MH17 ตกโดยฝีมือเครื่องยิงขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศ BUK ไม่มีทั้งเครื่องยิงขีปนาวุธ ไม่มีทั้งการยิงจากภาคพื้นสู่อากาศ ซึ่งมีทั้งผู้เชี่ยวชาญหลายสิบคนและพยานในพื้นที่มากมาย แต่ไม่มีใครที่ได้พบเห็นสิ่งนี้”

ด้าน อีวาน อาดรีฟสกี(Ivan Adrievskiy)รองประธานสหภาพวิศวกรรัสเซีย แถลงว่า “เราเห็นภาพถ่ายดาวเทียมในระดับวงโคจรต่ำ ซึ่งตามปกติแล้วภาพประเภทนี้ใช้ในการสำรวจทางทหารในระดับภาคพื้นดินไปจนถึงอากาศ “จากจุดพิกัดของภาพถ่ายทำให้เราสามารถสันนิษฐานได้ว่า ภาพนี้ถูกถ่ายโดยดาวเทียมสหรัฐฯและอังกฤษ” และเสริมว่า “ทางเราได้ทำการตรวจสอบภาพถ่ายทางดาวเทียมนี้อย่างละเอียด และไม่พบสิ่งผิดปกติที่จะชี้ว่า ภาพนี้ถูกทำขึ้นมา”

และสื่ออังกฤษรายงานว่า ได้มีการอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของ จอร์จ บิล์ต (George Bilt) ผู้เชี่ยวชาญที่ได้ระบุว่า เครื่องบินโบอิ้ง 777 ถูกยิงตกจากฟ้าโดยเครื่องบินรบที่ถือเป็นการโจมตีที่ตรงเป้าหมายที่สุดไปยังด้านข้างของ MH17

 

In Pics :สวีเดนเปิดภาพโซนาร์ “พิสูจน์ชัดมีเรือดำน้ำต่างชาติอยู่จริง” - รัสเซียยอมรับ ฝูงเรือรบลอยลำนอกฝั่งออสซีรับประชุม G20 “ไม่ปกติ”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2557 13:24 น.



เอเจนซีส์ – ล่าสุดสวีเดนเผยแพร่ภาพโซนาร์ที่ถ่ายใต้น้ำที่สวีเดนแถลงยืนยันว่า สามารถพิสูจน์ได้ว่า “มีเรือดำน้ำต่างชาติบุกรุกอาณาเขตอธิปไตยทางทะเลของสวีเดนจริงในเดือนตุลาคม” ในขณะที่ 7 นิวส์ สื่อออสเตรเลียรายงานว่า โฆษกสถานทูตรัสเซียประจำออสเตรเลียยอมรับว่า การมาเยือนของเรือรบรัสเซีย 4 ลำที่ติดอาวุธพร้อมนั้นไม่ใช่เรื่อง “ปกติ” แต่ชี้มีภารกิจต้องการวิจัย “สำรวจอากาศเขตอาร์กติก” ทดสอบสมรรถนะของกองเรือรบแปซิฟิกของรัสเซียฝูงนี้ และยังต้องการให้ความปลอดภัยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่กำลังร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ในขณะนี้ที่บริสเบน

บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(14)ว่า ภาพถ่ายล่าสุดที่เปิดเผยโดยรัฐบาลสวีเดน แสดงให้เห็นถึงรอยทางยาวที่หลงเหลือบนพื้นมหาสมุทรจากการเคลื่อนที่ของเรือดำน้ำต่างชาติในเดือนตุลาคม หลังจากก่อนหน้านี้ ปรากฎภาพถ่ายของวัตถุลึกลับโผล่พ้นผิวน้ำใกล้กรุงสตอกโฮล์ม ทำให้กองทัพสวีเดนต้องระดมพลค้นหาบริเวณทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ผู้นำสูงสุดของกองทัพสวีเดนออกมาแถลงว่า “ทางกองทัพสามารถยืนยันว่ามีเรือดำน้ำขนาดเล็ก(U-boat)ล่วงล้ำเข้ามาในเขตน่านน้ำของสวีเดน พลเอกสเวนเกอร์ โกแรนส์สัน ( Sverker Goransson) แถลง ด้านนายกรัฐมนตรีสวีเดน สเตฟาน ลอฟเวน (Stefan Lofven)ประกาศจะปกป้องสวีดเดนไว้จนสุดความสามารถ

“ทางเราจะใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อปกป้องอาณาเขตของเรา” ผู้นำสวีเดนกล่าว

ทั้งนี้ภารกิจการค้นหาที่ใช้ทั้งเครื่องบินรบและเรือรบของกองทัพใกล้กับกรุงสตอกโฮล์ม แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถระบุประเภทของเรือที่บุกรุก หรือแม้กระทั่งสัญชาติของเรือที่บุกรุกน่านน้ำสวีเดนได้

แต่ทิศทางข่าวที่ออกมาชี้นิ้วไปที่รัสเซียว่าเป็นประเทศต้นตอของเรือดำน้ำลึกลับนี้ แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงยืนยันหนักแน่นว่า เรือดำน้ำของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

โดยก่อนหน้านี้ในปลายเดือนเดือนตุลาคม กองทัพสวีเดนระดมกำลังทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ตระเวนในน่านน้ำทะเลบอลติก ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ หลังจากได้รับรายงานที่เชื่อถือได้ว่ามีกิจกรรมใต้น้ำลึกลับใกล้กับหมู่เกาะของสวีเดนในทะเลบอลติก ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นเรือดำน้ำจากต่างประเทศ โดยการระดมกำลังดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อค้นหาว่ามีกิจกรรมใต้น้ำดังกล่าวในน่านน้ำของสวีเดนตามที่ได้รับรายงานจริงหรือไม่

พลเรือจัตวาโจนาส วิคสตรอม หัวหน้าปฏิบัติการค้นหาในครั้งนี้เปิดเผยว่า กองทัพสวีเดนได้ตัดสินใจเพื่มกำลังในทะเลบอลติกมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลที่ได้จากการค้นหาขั้นต้นบ่งบอกว่ากิจกรรมใต้น้ำอาจเกิดขึ้นจริงตามที่ได้รับรายงาน โดยหนึ่งในเรือค้นหาในครั้งนี้ได้แก่เรือ "เอชเอ็มเอส วิสบี" เรือที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงของสวีเดน ขณะที่ทีมค้นหาที่ถูกส่งไปปฏิบัติการก็เป็นทีมที่มีความสามารถพิเศษด้านการใช้เครื่องมือเซนเซอร์เป็นอย่างดี

การระดมกำลังดังกล่าวนับเป็นการระดมกำลังทหาร เรือ และเฮลิคอปเตอร์ครั้งใหญ่ที่สุดของกองทัพสวีเดน นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น ขอบเขตของการค้นหาในครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 50 กิโลเมตรจากกรุงสตอกโฮล์มเท่านั้น โดยพลเรือจัตวาวิคสตรอมปฏิเสธที่จะบอกว่า กิจกรรมใต้น้ำลึกลับที่ว่าเป็นฝีมือของประเทศใด โดยบอกเพียงว่า กองทัพสวีเดนกำลังค้นหาข้อมูลเพื่อสรุปผลที่ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากข้อมูลที่มีขณะนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ยืนยันอะไรได้

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งต่างพุ่งเป้าไปที่รัสเซีย เนื่องจากเหตุการณ์ลักษระเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงสงครามเเย็น โดยในปี 2524 กองทัพรัสเซียได้ส่งเรือดำน้ำ "ยู 137" มาสอดแนมในน่านน้ำของสวีเดน ทำให้สวีเดน ซึ่งเป็นประเทศที่วางตัวค่อนข้างเป็นกลางไม่พอใจอย่างมาก โดยในช่วงท้ายของสงครามเย็น สวีเดนได้ออกไล่ล่าเรือดำน้ำของศัตรูที่ปฏิบัติการอยู่ในน่านน้ำของตน พร้อมกับทำลายด้วยระเบิดประเภท "เด็ธ ชาร์จ" ซึ่งเป็นระเบิดใต้น้ำที่มีไว้สำหรับทำลายเรือดำน้ำโดยเฉพาะ ข้อมูลดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายคาดว่า หากกิจกรรมใต้น้ำในครั้งนี้เกิดขึ้นจริงตามที่สวีเดนกล่าวอ้าง ก็มีความเป็นไปได้สูงที่กิจกรรมมดังกล่าวจะมาจากเรือดำน้ำของรัสเซีย

นอกจากนี้ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางการสวีเดนได้ส่งเรื่องประท้วงไปยังสถานทูตรัสเซียประจำกรุงสตอกโฮล์ม หลังจากที่มีเครื่องบินของกองทัพรัสเซียบินล่วงล้ำเข้ามาในน่านฟ้าของสวีเดนด้วย โดยสวีเดนระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการบุกรุกขั้นรุนแรง ขณะที่ฟินแลนด์ก็ออกมากล่าวหารัสเซียว่า เรือของกองทัพรัสเซียได้เข้าขัดขวางการทำงานของเรือวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมของฟินแลนด์ในเขตน่านน้ำสากล

ด้านรอยเตอร์สรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากสวีเดนและฟินแลนด์แล้ว ประเทศในกลุ่มบอลติกและนอร์ดิกหลายประเทศเองก็เริ่มกังวลกับพฤติกรรมของรัสเซียมากขึ้น หลังจากแหลมไครเมียถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม BBC รายงานในขณะนั้นว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ออกมาแถลงปฏิเสธแล้วว่า รัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กิจกรรมใต้น้ำในครั้งนี้ที่สวีเดนแต่อย่างใด

และล่าสุดความกังวลถึงกองกำลังรัสเซียได้ปรากฏอีกครั้งในการประชุม G20 ที่ได้เริ่มต้นในสุดสัปดาห์นี้ที่ออสเตรเลีย โดยพบว่ามีเรือรบรัสเซีย 4 ลำนอกชายฝั่งทางเหนือของแดนจิงโจ้ ซึ่งกองกำลังป้องกันออสเตรเลีย (Australian Defence Force) กล่าวในถ้อยแถลงว่า “พวกเขากำลังเฝ้าสังเกตการณ์กองเรือรัสเซียที่ปัจจุบันกำลังแล่นผ่านน่านน้ำสากลเข้ามายังทางเหนือของออสเตรเลีย”

ก่อนหน้านี้กองทัพเรือแดนหมีขาวเคยเคลื่อนกำลังในเวลาเดียวกับการประชุมซัมมิตนานาชาตินัดสำคัญๆ อย่างเช่น การประชุมเอเปกในสิงคโปร์เมื่อปี 2009 และเรือรบจากกองเรือแปซิฟิกของรัสเซียก็เคยติดตามมาพร้อมกับการเยือนนครซานฟรานซิสโก ของอดีตประธานาธิบดี ดมิตรี เมดเวเดฟ เมื่อปี 2009

จูเลีย บิชอป รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า รัสเซียมีสิทธิที่จะมีกองเรือในน่านน้ำสากล แต่เรือเหล่านี้กำลังถูกติดตามอย่างใกล้ชิด

“ดิฉันเข้าใจว่าเรือเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในน่านน้ำสากล มันไม่ได้อยู่เหนือการคาดการณ์แต่อย่างใด รัสเซียมีสิทธิอยู่แล้ว เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ที่ได้รับสิทธิในการเดินทางข้ามน่านน้ำสากล” เธอบอกกับผู้สื่อข่าว

“เราได้รับทราบถึงการปรากฏของกองเรือนี้แล้วในช่วงเวลาหนึ่ง เรากำลังติดตามมัน และเท่าที่ดิฉันทราบในตอนนี้ กองเรือนี้ยังคงอยู่ในน่านน้ำสากล”

โดย 7 นิวส์ สื่ออสเตรเลียรายงานว่า โฆษกสถานทูตรัสเซียประจำออสเตรเลียได้ออกมายอมรับในวันศุกร์(14)ว่า ฝูงเรือรบรัสเซีย 4 ลำที่ลอยอยู่ไม่ห่างออสเตรเลียรอรับการมาเยือนของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูตินเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 นั้นเป็นเรื่อง “ไม่ปกติ” แต่ทางสถานทูตอ้างว่าแท้จริงแล้วภารกิจของฝูงกองเรือรบฝั่งแปซิฟิกของรัสเซีย ที่ติดอาวุธหนักครบมือเต็มลำที่ถูกส่งมาจากมอสโกนั้นเพื่อ “การวิจัยสำรวจสภาพภาวะอากาศในเขตแอนตาร์กติก” รวมไปถึงทดสอบสมรรถนะ และยอมรับว่า “อาจรวมถึงการคุ้มครองผู้นำรัสเซีย” อีกทางหนึ่งด้วย แต่ปฎิเสธอย่างหนักแน่นว่าการมาของเรือรบหมีขาวไม่หวังต้องการให้ก่อความขัดแย้ง

ทั้งนี้สื่อออสเตรเลียวิเคราะห์ว่า การเดินทางมาของฝูงเรือรบรัสเซีย เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า นอกจากสหรัฐฯ และจีนที่พยายามช่วงชิงการนำในน่านน้ำเขตแปซิฟิกแล้ว รัสเซียยังคงมีบทบาทอีกด้วย

และนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย โทนี แอบบ็อต ได้ให้สัมภาษณ์ว่า คาดว่ารัสเซียน่าจะเตรียมการในเรื่องนี้นานนับหลายเดือน แต่เครมลินอ้างว่า ฝูงเรือรบเพิ่งออกจากท่าใน Vladivostok เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา 10 วันหลังจากที่แอบบ็อตท้าทายปูตินอย่างตรงไปตรงมา

“ต้องไม่ลืมว่า รัสเซียมุ่งที่จะแสดงแสนยานุภาพทางการทหารมากเกินไปในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา” แอบบ็อตกล่าว

โดยสื่อออสเตรเลียรายงานว่า แอบบ็อตกล่าวถึงรัสเซียในประเด็นที่ รัสเซียได้ส่งกองเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เข้าไปยังสแกนดิเนเวียร์อย่างเปิดเผยหลังจากถอนสมอออกจากท่าที่ไครเมีย และส่งทหารพื้นราบเข้าไปยังยูเครน รวมทั้งส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลบินเหนืออเมริกากลาง โดยผู้นำออสเตรเลียได้เปิดเผยถึงการพูดคุยกับปูตินในการประชุมนอกรอบที่เอเปกในกรุงปักกิ่งล่าสุดว่า รัสเซียจะสามารถทำให้ประชาคมโลกหันมาชื่นชมมากขึ้นหากจะใช้ความเป็นผู้นำด้านการทหารมาใช้ในด้านสันติ มากกว่าที่จะพยายามปลุกอดีตสหภาพโซเวียตให้ตื่นกลับมาอีกครั้ง















In Pics :

 

หมอหนุ่มอเมริกัน ติดเชื้ออีโบลาอีกรายในเซียร์รา ลีโอน
โดย ข่าวต่างประเทศ 15 พ.ย. 2557 17:50



นายแพทย์อเมริกันติดเชื้ออีโบลา อีกราย ระหว่างรักษาผู้ป่วยในเซียร์รา ลีโอน เตรียมถูกส่งตัวกลับมารักษาที่ศูนย์การแพทย์ในรัฐเนแบรสกา ประเทศสหรัฐฯแล้ว

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. สำนักข่าวเอพี รายงานสถานการณ์เชื้อไวรัสอีโบลาระบาดรุนแรงในแอฟริกาตะวันตกว่า นายแพทย์มาร์ติน ซาเลีย นายแพทย์ชาวอเมริกัน ซึ่งไปรักษาผู้ป่วยในประเทศเซียร์รา ลีโอน กลายเป็นชาวอเมริกันคนล่าสุด ซึ่งเป็นคนที่ 10 ที่ติดเชื้อไวรัสมรณะ โดยนายแพทย์ซาเลีย ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน เชื้อสายเซียร์รา ลีโอน เตรียมจะถูกส่งตัวกลับมารับการรักษาที่ศูนย์การแพทย์ ในเมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา ประเทศสหรัฐฯวันเสาร์ที่ 15 พ.ย. นี้ (ตามเวลาท้องถิ่น)

ด้านนางอิซาตู ซาเลีย ภริยาของนายแพทย์มาร์ติน ซาเลีย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ ว่า เธอได้พูดคุยกับนายแพทย์มาร์ติน ผู้เป็นสามี ทางโทรศัพท์ เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยน้ำเสียงของเขาฟังดูแผ่วเบา และสั่นๆ


---
@‘หมดเวลาแล้ว’... ผู้ประท้วงในนครบริสเบน เรียกร้องผู้นำกลุ่ม จี 20 ต่อสู้กับวิกฤติอีโบลา
---
นางซาเลีย ซึ่งขณะนี้อยู่ในรัฐแมรีแลนด์ เผยด้วยว่า นายแพทย์มาร์ติน มีอาการ ปวดหัว และมีไข้สูง ซึ่งตอนแรก เขาคิดว่าเป็นอาการป่วยด้วยโรคไข้มาลาเรีย หรือ ไทฟอยด์ และจากการตรวจสอบหาเชื้ออีโบลา ถึง 2 ครั้งได้ผลออกมาเป็น ลบ ก่อนที่การตรวจเชื้อครั้งที่ 3 ผลออกมากลับเป็นบวก ว่า เขาติดเชื้ออีโบลา

หมอหนุ่มอเมริกัน ติดเชื้ออีโบลาอีกรายในเซียร์รา ลีโอน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

แผ่นดินไหวที่อินโดฯ ซ้ำสอง ยกเลิกเตือนภัยสึนามิ
โดย ข่าวต่างประเทศ 15 พ.ย. 2557 16:35





ศูนย์เตือนภัยสึนามิในแปซิฟิก ประกาศยกเลิกคำเตือนคลื่นยักษ์แล้ว หลังเกิดธรณีพิโรธรุนแรง ขนาด 7.3 นอกชายฝั่งเกาะโมลุกกะ เมื่อช่วงเช้า ขณะที่สำนักสำรวจภูมิศาสตร์สหรัฐฯ รายงานเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.2 นอกเกาะสุลาเวสีของอินโดนีเซียด้วย แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าของการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ขนาด 7.3 บริเวณนอกชายฝั่งเมืองโคตา เตอร์เนเต้ บนเกาะโมลุกกะ ทางตะวันออกของประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเวลา 10.31 น. ของเช้าวันเสาร์ที่ 15 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นว่า ต่อมา ศูนย์เตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิก ได้ประกาศยกเลิกคำเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิแล้ว หลังจากก่อนหน้า ได้แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งของอินโดนีเซีย และทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ให้ระวังการเกิดคลื่นยักษ์ ในช่วง 6 ชั่วโมง หลังเกิดธรณีพิโรธใหญ่


---
@ผู้คนที่เมือง มาดาโน ซิตี้ รีบออกมาจากอาคารสูง หลังเกิดแผ่นดินไหวในอินโดฯครั้งที่ 2 ขนาด 6.2
---
ตามรายงานของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินโดนีเซีย แจ้งว่า ได้เกิดคลื่นสูงขนาด 9 เซนติเมตร ( 3.5 นิ้ว) ซัดเข้าชายหาดบนเกาะไจโลโล แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายแต่อย่างใด อีกทั้ง ยังไม่มีรายงานมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากแผ่นดินไหวใหญ่ในทันที ขณะที่สำนักสำรวจภูมิศาสตร์สหรัฐฯ รายงานว่า หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.3 แล้ว ได้เกิดธรณีพิโรธ ขนาด 6.2 นอกชายฝั่งเกาะสุลาเวสี ทางภาคเหนือของอินโดนีเซียด้วย โดยมีรายงานว่า แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ทำให้ประชาชนในเมืองมานาโด ซิตี้ เกิดความแตกตื่นตกใจ รีบวิ่งลงจากอาคารสูง มาอยู่บนท้องถนนด้วยความหวาดกลัว

แผ่นดินไหวที่อินโดฯ ซ้ำสอง ยกเลิกเตือนภัยสึนามิ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

กลุ่มไอเอส รวยจริง! เตรียมสร้างโรงกษาปณ์ ผลิตเหรียญใช้เอง
โดย ข่าวต่างประเทศ 14 พ.ย. 2557 15:30



กลุ่มติดอาวุธสุดโหด ไอเอส รวยอื้อ ประกาศเตรียมสร้างโรงกษาปณ์ผลิตเหรียญใช้เองในหมู่ชาวมุสลิมแล้ว จะมีทั้งเหรียญทองคำ, เงิน และทองแดง เพราะอยากจะอยู่ให้ไกล จากระบบการเงินของบรรดาพวกทรราช


เมื่อวันที่ 14 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธนิกายสุหนี่หัวรุนแรงในนามกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอซิส และไอเอส ออกแถลงการณ์ ประกาศกลุ่มไอเอสกำลังมีแผนจะสร้างโรงกษาปณ์ ผลิตเหรียญออกมาใช้เอง ไม่ว่าจะเป็น เหรียญทอง, เงิน และทองแดง

กลุ่มไอเอส ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจง วัตถุประสงค์ที่กลุ่มไอเอสจะผลิตเหรียญออกมาใช้เองว่า เพื่อต้องการให้ไกลจากระบบการเงินของบรรดาพวกทรราช โดยชี้ว่า การเคลื่อนไหวที่จะผลิตเหรียญใช้เอง เป็น พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ที่ทรงต้องการให้ชาวมุสลิมออกไปจากระบบเศรษฐกิจโลก ที่ขึ้นอยู่กับการขูดเลือดขูดเนื้อของพวกซาตาน


---
@รูปแบบเหรียญเงิน
---
ด้านนายจิมมี กูรูล อดีตปลัดกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ แสดงความเห็นเกี่ยวกับการที่กลุ่มติดอาวุธไอเอสมีเงินมากขนาดจะสร้างโรงกษาปณ์ผลิตเหรียญใช้เองว่า กลุ่มไอเอสไม่เหมือนกับกลุ่มก่อการร้ายอัลเคดา ที่มีช่องทางได้เงินหลักๆ มาจากแหล่งเงินทุนต่างประเทศ ในขณะที่ กลุ่มไอเอสสามารถหาเงินได้หลายล้านดอลลาร์ จากการขายน้ำมัน การได้เงินค่าไถ่แลกชีวิตตัวประกัน รวมทั้งยังได้เงินจากการขายของวัตถุโบราณล้ำค่าที่ถูกขโมยไป


---
@รูปแบบเหรียญทองแดง
---

กลุ่มไอเอส รวยจริง! เตรียมสร้างโรงกษาปณ์ ผลิตเหรียญใช้เอง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

UN จี้กลุ่มผู้นำ G20 ทุ่มทรัพยากรต่อสู้ “อีโบลา” ก่อนเกิด “วิกฤตอาหาร” ครั้งใหญ่
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2557 11:16 น.


---
@เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มุน แถลงต่อสื่อมวลชน ระหว่างเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ G20 ณ เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย วันนี้(15)
---

เอเอฟพี – องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้กลุ่มผู้นำประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ G20 ยกระดับการต่อสู้เชื้ออีโบลาที่กำลังแพร่ระบาดในแอฟริกาตะวันตก พร้อมเตือนว่าหากทำไม่สำเร็จอาจเกิด “วิกฤตขาดแคลนอาหารครั้งใหญ่” ตามมา

บัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้กล่าวต่อบรรดาผู้นำชาติ G20 ซึ่งเดินทางไปประชุมกันที่เมืองบริสเบนของออสเตรเลีย โดยวิงวอนให้ทุกประเทศตอบสนองต่อวิกฤตสาธารณสุขครั้งนี้อย่างเป็นรูปธรรม

“ผมใคร่ขอย้ำให้ทุกท่านตระหนักถึงความจำเป็นที่นานาชาติจะต้องร่วมมือกันต่อสู้การแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก... แม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงในบางพื้นที่ แต่ก็ยังมีเพิ่มในพื้นที่อื่นๆ ไวรัสอีโบลายังแผ่ลามเร็วกว่าการตอบสนองจากประชาคมโลก ดังนั้น ผมจึงขอร้องให้ผู้นำกลุ่มประเทศ G20 มีมาตรการช่วยเหลือมากกว่านี้” เลขาธิการยูเอ็น ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว

บัน ยังเตือนด้วยว่า ผลกระทบทางอ้อมของโรคระบาดอาจเป็นชนวนนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เช่น วิกฤตอาหาร เนื่องจากการหยุดชะงักของภาคเกษตรกรรมในประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากๆ เช่น เซียร์ราลีโอน และ ไลบีเรีย

“มันอาจจะนำสู่ไปวิกฤตอาหารครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อพลเมืองนับล้านคนในภูมิภาค” บัน กล่าว


----
@ผู้นำกลุ่มประเทศ G20 ร่วมหารือแบบไม่เป็นทางการที่ห้องสีแดง (Red Chamber) ภายในอาคารรัฐสภาออสเตรเลีย
---

กลุ่มประเทศ G20 เผชิญแรงกดดันให้ต้องมีมาตรการสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยต่อสู้ไวรัสอีโบลา ท่ามกลางเสียงโอดครวญจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขซึ่งขาดแคลนทรัพยากรและยังต้องเสี่ยงต่อการติดโรคร้าย

องค์กรบรรเทาทุกข์ทั่วโลกรวมถึง อ็อกซ์แฟม และ เซฟ เดอะ ชิลเดรน ได้ร่วมกันเรียกร้องให้กลุ่ม G20 จัดส่งทรัพยากรบุคคล อุปกรณ์การแพทย์ และเงินทุนเข้าไปช่วยเหลือประเทศแถบแอฟริกาตะวันตกอย่างเพียงพอ

“นี่เป็นโอกาสที่เราจะสกัดเชื้ออีโบลาไว้ตั้งแต่ต้นทาง และเราไม่ควรจะพลาดเด็ดขาด” เฮเลน โซเก ผู้อำนวยการ อ็อกซ์แฟม ออสเตรเลีย ระบุ

องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงข้อมูลล่าสุดเมื่อวานนี้(14) ว่า มีผู้เสียชีวิตจากเชื้ออีโบลาแล้วทั้งสิ้น 5,177 รายใน 8 ประเทศ และพบผู้ติดเชื้อรวม 14,413 รายตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม ปี 2013 เป็นต้นมา

อย่างไรก็ดี WHO ยอมรับว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงอาจสูงยิ่งกว่านี้ เนื่องจากอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้ออีโบลาในปัจจุบันสูงถึง 70% ขณะที่ 3 ประเทศแถบแอฟริกาตะวันตกอย่าง กินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ยังคงเป็นพื้นที่ที่เชื้อระบาดหนักที่สุด

UN

 

เกิดสึนามิขนาดเล็กในอินโดฯ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ การเมือง : สถานการณ์โลก
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2557 15:08



สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์ของอินโดนีเซีย เผยเกิดสึนามิขนาดเล็กหลังแผ่นดินไหว

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์ของอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ทางหน่วยงานได้ตรวจพบคลื่นสึนามิขนาดเล็กสองจุดในภาคตะวันออกของอินโดนีเซีย หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.3 ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งหมายความว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวไม่น่าจะทำเกิดสึนามิขนาดใหญ่และเป็นอันตรายอย่างที่กังวลกันในตอนแรก

เจ้าหน้าที่เผยกับสำนักข่าวซินหัวทางโทรศัพท์ว่า ได้เกิดคลื่นสึนามิสูง 0.09 เมตรที่เกาะจัยโลโล และสูง 0.01 เมตรที่เกาะโตเบโล จังหวัดโมลุกกะเหนือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า คลื่นเล็กขนาดนี้ไม่อันตราย และบ่งชี้ว่าจะไม่มีคลื่นลูกใหญ่พัดเข้าสู่ชายฝั่งตามมา

 

หวั่นยานฟีเลส่งผลวิเคราะห์ไม่ได้
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ การเมือง : สถานการณ์โลก
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2557 18:30



องค์การอวกาศยุโรป หวั่นยานฟีเลส่งผลวิเคราะห์ไม่ได้เหตุแบตเตอรี่อ่อน

องค์การอวกาศยุโรป หรืออีซา เผยยานสำรวจฟีเล ที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่บนดาวหาง 67 พี/เซอร์ยูมอฟ เจราซีเมนโก กลับมารับ-ส่งสัญญาณกับยานโรเซตตาได้อีกครั้ง โดยส่งคลื่นติดต่อกลับมายังโลก เมื่อเวลาราว 23.00 น. ตามเวลามาตรฐานสากล ประมาณ 06.00 น. ของวันเสาร์ ตามเวลาประเทศไทย

แต่จนถึงขณะนี้ ทีมงานของอีซายังไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของยานฟีเลได้ มีเพียงภาพชุดล่าสุด ที่ยานส่งกลับมายังโลก ทำให้ผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานได้แค่ว่า ยานลงจอดในบริเวณที่มีลักษณะคล้ายหน้าผาชัน และกำลังขุดสำรวจพื้นผิวในจุดดังกล่าว เพื่อเก็บตัวอย่างและบันทึกภาพ

ทั้งนี้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ยอมรับว่า แบตเตอรีของยานสำรวจเริ่มอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ และอาจสายเกินไปที่จะชาร์จแบตเตอรี เพื่อต่ออายุการทำงานของยานสำรวจให้นานขึ้น แต่ทีมงานก็หวังว่า จะสามารถติดต่อกับยานฟีเลได้อีกอย่างน้อย 2-3 เดือน เนื่องจากดาวหาง 67 พี/เซอร์ยูมอฟเจราซีเมนโก ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 4 กิโลเมตร กำลังเดินทางด้วยความเร็ว 18 กิโลเมตรต่อวินาที และอาจเคลื่อนที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์โดยปัจจุบัน ดาวหางดวงนี้อยู่ห่างจากโลกประมาณ 510 ล้านกิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์หวังว่า จะสามารถเก็บตัวอย่างให้ได้มากที่สุด เพื่อการวิเคราะห์ในห้องทดลองที่ติดอยู่กับยานอวกาศ ซึ่งหากแบตเตอรีหมดลง ผลการวิเคราะห์อาจไม่ถูกส่งกลับมายังโลก

นอกจากนี้ อีซายังกล่าวว่า แผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดอยู่กับยานฟีเล ได้รับแสงอาทิตย์ในปริมาณที่น้อยมาก ซึ่งไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจจนถึงวันนี้

 

“โอบามา” ย้ำจุดยืนปักหมุดเอเชีย-เตือน “อันตราย” จากข้อพิพาททะเลจีนใต้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2557 13:59 น.


---
@ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ กล่าวปาฐกถา ณ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐควีนส์แลนด์ ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุม G20 ที่ออสเตรเลีย วันนี้(15)
---

เอเอฟพี – ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ กล่าวเตือนอันตรายของข้อพิพาทระหว่างจีนกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนและน่านน้ำในทะเลจีนใต้ ขณะเดียวกันก็ย้ำว่าวอชิงตันยังไม่ทิ้งนโยบาย “ปรับสมดุลสู่เอเชีย” พร้อมอ้างถึงการทำข้อตกลงลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างสหรัฐฯ กับจีนว่าเป็นต้นแบบที่ทั่วโลกพึงกระทำตาม

ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐควีนส์แลนด์ระหว่างเดินทางไปร่วมการประชุมซัมมิต G20 ที่ออสเตรเลีย โดยเอ่ยชื่นชมการขยายตัวทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา

“แต่ในพลวัตเหล่านี้ ก็ยังมีอันตรายที่ร้ายแรงคอยบั่นทอนความก้าวหน้า” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว โดยอ้างถึงภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ตลอดจน “ข้อพิพาทดินแดน หมู่เกาะ กองหินปะการัง ซึ่งอาจจะลุกลามจนกลายเป็นการเผชิญหน้ากัน”

การแย่งชิงกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะปะการังในทะเลจีนใต้ทำให้จีนต้องบาดหมางกับเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 4 ประเทศ และยังมีข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะเซ็งกากุหรือ “เตี้ยวอี๋ว์” อยู่กับญี่ปุ่นอีก

โอบามา ได้ย้ำจุดยืนที่เขาประกาศไว้หลังเข้าพบประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้ว่า สหรัฐฯ ยินดีที่จะเห็นจีนมีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น แต่ปักกิ่งจะต้องแสดงออกอย่างรับผิดชอบและยึดหลักสันติวิธี

โอบามา ย้ำต่ออีกว่า จีนจะต้อง “ยึดถือกฎเกณฑ์เดียวกับนานาชาติ ไม่ว่าจะในด้านการค้าหรือเขตแดนทางทะเล” และสหรัฐฯก็พร้อมที่จะ “โต้แย้งอย่างตรงไปตรงมา หากมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับจีน”

ผู้นำสหรัฐฯ ชี้ว่า ความมั่นคงในเอเชียจะต้องไม่เกิดจาก “ประเทศใหญ่ๆ ใช้อิทธิพลบีบบังคับหรือข่มขู่ประเทศที่เล็กกว่า” แต่ต้องมีพื้นฐานจากการเป็นพันธมิตรที่ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน

4 ประเทศอาเซียน ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำบางส่วนในทะเลจีนใต้ ซึ่งถือเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ และเชื่อกันว่ามีแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ซุกซ่อนอยู่ใต้พื้นมหาสมุทร

อย่างไรก็ดี ปักกิ่งกลับอ้างว่าทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมดเป็นของจีน รวมไปถึงน่านน้ำที่อยู่ใกล้ชายฝั่งประเทศเพื่อนบ้านด้วย

เวียดนามและฟิลิปปินส์ต่างประณามพฤติกรรมก้าวร้าวของจีน หลังเกิดการกระทบกระทั่งกันกลางทะเลหลายครั้งเมื่อช่วงต้นปีนี้

นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ของจีน กล่าวระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออกที่กรุงเนปีดอของเมียนมาร์เมื่อวันพฤหัสบดี(13)ว่า จีนและอาเซียนต่างปรารถนา “สันติภาพและเสถียรภาพ” ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยจีนนั้นพร้อมที่จะทำสัญญามิตรภาพกับอาเซียน รวมถึงปล่อยเงินกู้จำนวน 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเปิดสายด่วน “ฮอตไลน์” ระหว่างกันด้วย

ด้วยแสนยานุภาพและพลังทางเศรษฐกิจที่อ่อนด้อยกว่า ชาติอาเซียนจึงต้องการรวมกลุ่มต่อรองกับจีน ขณะที่ปักกิ่งยืนกรานที่จะคลี่คลายข้อพิพาทผ่านการเจรจาแบบ “ทวิภาคี” มากกว่า

ประธานาธิบดี โอบามา ประกาศมอบเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนกองทุนสภาพอากาศของยูเอ็น พร้อมอ้างถึงข้อตกลงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่วอชิงตันทำร่วมกับปักกิ่งในสัปดาห์นี้ว่าสมควรเป็นต้นแบบแก่นานาประเทศ

“หากจีนและสหรัฐฯ ตกลงกันในเรื่องนี้ได้ ทั่วโลกก็ต้องทำได้เช่นกัน เราสามารถทำให้เรื่องนี้สำเร็จได้”

ยูเอ็นและนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมต่างชื่นชมที่สหรัฐฯ ให้คำมั่นสัญญาเรื่องเงินสนับสนุน เพราะเท่ากับเป็นการยืนยันว่า ภาวะโลกร้อนเป็นประเด็นการเมืองที่ทั่วโลกจะต้องให้ความสำคัญ

 

พายุหิมะพัดกระหน่ำสหรัฐอย่างหนัก
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ การเมือง : สถานการณ์โลก
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2557 11:57



เกิดพายุหิมะพัดกระหน่ำในสหรัฐอย่างหนัก ส่งผลให้รัฐโอเรกอนถูกเคลือบด้วยน้ำแข็งจนหนา

พายุฤดูหนาวของสหรัฐ พัดเอาหิมะเข้าปกคลุมรัฐไอดาโฮจนขาวไปทั้งเมือง ถนนสายสำคัญๆ ของรัฐโอเรกอนถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาทึบ ส่งผลให้การจราจรเป็นอัมพาตในหลายพื้นที่ การแข่งขันกีฬานัดสำคัญประจำคืนวันศุกร์สุดสัปดาห์ต้องยกเลิกกะทันหัน แม้เจ้าหน้าที่จะใช้เกลือและผงทราย โรยตามถนนก่อนพายุหิมะจะมาถึง เพื่อบรรเทาภาวะน้ำแข็งเคลือบผิวถนนก็ตาม แต่ยังมีรถยนต์ที่หมุนจากความลื่นของผิวถนนเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดอุบัติเหตุหลายราย โดยเฉพาะที่เมืองบอยเซ่ หิมะตกหนัก วัดได้ 7.6 นิ้ว ทำลายสถิติเดิมที่วัดได้ 7.4 นิ้ว เมื่อปี 2478

ส่วนที่เมืองปอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ประชาชนจำนวนมากพากันจอดรถทิ้งไว้ข้างทาง และเดินไปทำงาน เพราะถนนลื่นมากจนไม่อาจขับรถต่อไปได้

 

WHOเตือนไลบีเรียยังไม่ชนะอีโบลา แม้ยอดติดเชื้อลดฮวบจนยกเลิกภาวะฉุกเฉิน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2557 01:10 น.



ชาวบ้านไลบีเรียอาจป้ายคำแนะนำวิธีป้องกันการติดเชื้ออีโบลา

เอเอฟพี - องค์การอนามัยโลกเตือนเมื่อวันศุกร์(14พ.ย.) ว่าการแพร่ระบาดของอีโบลายังห่างไกลจากการเอาชนะ แม้ว่าชาวไลไบเรียต่างพากันฉลองยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบุอัตราการติดเชื้อระดับสูงอาจฟื้นคืนมาอีกครั้ง หากปราศจากมาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ

ประธานาธิบดีเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ ในวันพฤหัสบดี(13พ.ย.) แถลงยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรการจำกัดเสรีภาพอย่างเข้มงวดที่ประกาศใช้เมื่อ 3 เดือนก่อน เนื่องพบผู้ติดเชื้ออีโบลารายใหม่ลดอย่างฉับพลันในกรุงมันโรเวีย

"นี่คือสิ่งบ่งชี้ว่าสถานการณ์มันดีกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก" มามาดี สวาเรย์ ผู้ประกอบการรายหนึ่งในเมืองหลวงกล่าว "การตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉิน ก็เพราะไวรัสแพร่ระบาดรวดเร็วมาก และเมื่อมีการยกเลิก นั่นก็หมายความว่าไม่ใช่แค่ตัวเลขผู้ติดเชื้อกำลังลดลง แต่มันยังเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับเราด้วย"

ตัวเลขอย่างเป็นทางการพบว่าอีโบลาคร่าชีวิตผู้คนแล้วมากกว่า 5,100 ศพทั่วแอฟริกาตะวันตก ในนั้น 2,836 ศพอยู่ในไลบีเรีย ชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด ขณะที่คาดหมายว่ายอดเหยื่อรวมที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้ถึง 3 เท่า

องค์การอนามัยโลกบอกว่ารายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างฉับพลันในกรุงมันโรเวีย แต่เตือนว่ายังไม่อาจวางใจได้ เพราะแแนวโน้มของพื้นที่อื่นๆทั่วประเทศนั้นต่างออกไป "ในขณะที่ดูเหมือนว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเมืองหลวงลดลงจาก 75 คนเหลือ 25 คนต่อวัน แต่ภาพที่ผสมผสานปรากฎในพื้นที่ต่างของประเทศ"

บรูซ อิลวอร์ด หัวหน้าทีมตอบสนองอีโบลาขององค์การอนามัยโลกบอกว่าไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเมืองโลซา จุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาดในไลบีเรีย มานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว อย่างไรก็ตามการติดโรคในมอนต์เซอร์ราโด เคาน์ตี รอบนอกเมืองหลวง ยังคงอยู่ในระดับสูง "แม้มีมุมมองแง่บวก แต่สิ่งที่สังเกตเห็นล่าสุดไม่ได้หมายความว่าอีโบลาในไลบีเรียอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว"

มาตรการอันเข้มงวดที่ทางการไลบีเรียบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม ได้แก่ปิดโรงเรียน กำหนดเคอร์ฟิว กักกันโรคและห้ามประชาชนรวมตัวกันยกเว้นแต่ในด้านศาสนา ทั้งนี้หลังการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินผ่านไปราว 24 ชั่วโมง มันยังไม่ชัดเจนว่าผู้คนจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติโดยทันทีหรือไม่ หรือยังคงต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดต่อไป

เด็กนักเรียนมีกำหนดเปิดเทอมในเดือนกันยายน แต่โรงเรียนต่างๆทั่วประเทศไม่มีการเรียนการสอนมาตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม ในเรื่องนี้ เซอร์ลีฟกล่าวว่า “การตัดสินใจเปิดเรียนเมื่อไหร่จะขึ้นอยู่กับความคืบหน้าในการต่อสู้กับอีโบลา” ขณะที่ลูกจ้างของรัฐยอมรับไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่จะได้่รับอนุญาตให้กลับไปทำงาน


WHO

 

ผอ.ข่าวกรองสหรัฐฯเชื่อ “อัลกออิดะห์-ไอเอส” ยังไม่มีวี่แวว “ร่วมมือ” กันได้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2557 09:43 น.


---
@อัยมาน อัล-ซอวาฮิรี ผู้นำสูงสุดของเครือข่ายอัลกออิดะห์ (บน) และนักรบญิฮาดจากกลุ่มไอเอส (ล่าง)
---

เอเอฟพี – นักวิเคราะห์ยังไม่เห็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเป็นพันธมิตรระหว่างกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) และเครือข่ายอัลกออิดะห์ในซีเรีย ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ เจมส์ แคลปเปอร์ แถลงเมื่อวานนี้(14)

แคลปเปอร์ ซึ่งสัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐฯยังไม่มีข้อมูลว่ากลุ่มก่อการร้ายทั้งสองได้ทำข้อตกลงร่วมมือกันแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ปฏิบัติการกวาดล้างนักรบไอเอสในซีเรียที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำยิ่งยากลำบากขึ้น

“เรายังไม่เห็นปรากฏการณ์อย่างนั้น” แคลปเปอร์ กล่าว

“ในสมรภูมิรบ กลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มอาจจะประนีประนอมช่วยเหลือกันบ้างเป็นครั้งคราวด้วยเหตุผลด้านกลยุทธ์ แต่ในภาพรวมแล้วผมยังไม่เห็นว่าทั้ง 2 กลุ่มนั้นจะผนึกกำลังกันได้ อย่างน้อยก็ในขณะนี้”

เว็บไซต์ เดลี บีสต์ รายงานเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กลุ่มติดอาวุธ “โคราซาน” ซึ่งแยกตัวมาจากอัลกออิดะห์และถูกสหรัฐฯทิ้งระเบิดโจมตีอย่างหนักหน่วง กำลังพยายามเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม อัล-นุสรา ฟรอนท์ ซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ รวมถึงไอเอสด้วย

“โคราซานกำลังแสดงบทบาทผู้ประสานรอยร้าวระหว่างกลุ่มรัฐอิสลามกับ อัล-นุสรา” เดลี บีสต์ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวอาวุโสภายในกลุ่มกบฏซีเรีย

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่อเมริกันซึ่งให้สัมภาษณ์ต่อเว็บไซต์นี้ยังแสดงความกังขา

“ผมไม่อยากจะเชื่อว่า อัล-นุสรา กับ ไอเอส จะสามารถละทิ้งความแตกต่างซึ่งกันและกันได้” อดีตเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้หนึ่งให้สัมภาษณ์

“ความไม่ลงรอยระหว่าง 2 กลุ่มนี้หยั่งรากลึกมาก” เขาชี้

 

นาซ่าเตรียมทดสอบปล่อยยานส่งนักบินไปดาวอังคาร Sat, 15/11/2014 - 14:58

องค์การนาซ่าเตรียมความพร้อมสำหรับการทดสอบปล่อยยานอวกาศ "โอเรียน" ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของแผนการส่งนักบินอวกาศไปดาวอังคาร

<iframe width="615" height="346" src="//www.youtube.com/embed/zcf1K9_tSRs" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ยานอวกาศโอเรียน ถูกนำมาเตรียมความพร้อมที่ฐานปล่อยจรวดของฐานทัพอากาศแหลมคานาวารัล ในรัฐฟลอริด้า การทดสอบจะมีขึ้นในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ โดยยานอวกาศโอเรียน จะถูกยิงขึ้นสู่ห้วงอวกาศพร้อมกับจรวดเดลต้าโฟร์

บ็อบ คาบาน่า ผู้อำนวยการศูนย์อวกาศเคนเนดี้ กล่าวว่า การทดสอบครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของการเดินทางสู่ดาวอังคาร เมื่อยานอวกาศโอเรียนขึ้นไปถึงห้วงอวกาศจะโคจรรอบโลก 2 รอบ เป็นระยะทาง 5,800 กิโลเมตร จากนั้นจะกลับสู่ชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็ว 32,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเกราะกันความร้อนสามารถทนได้ถึง 2,200 องศาเซลเซียส และจะตกในมหาสมุทรแปซิฟิค

การทดสอบในครั้งนี้องค์การการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ นาซ่า ใช้งบประมาณราว 375 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 12,000 ล้านบาท

นาซ่าเตรียมทดสอบปล่อยยานส่งนักบินไปดาวอังคาร - ข่าวไทยพีบีเอส - Thai P...

 

"องค์การอนามัยโลก" ยังไม่เชื่อมั่นอนาคตวัคซีนอีโบลา Sat, 15/11/2014 - 08:38

องค์การอนามัยโลกระบุว่าโอกาสการหาทางรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลาในอนาคตยังคงริบหรี่ แม้จะมีการประกาศทดลองวัคซีนทางคลินิกกับผู้ป่วยในแอฟริกาตะวันตก เดือนหน้าแล้วก็ตาม

<iframe width="615" height="346" src="//www.youtube.com/embed/lzZARG9wi_I" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

นพ.มาร์ติน ฟรายด์ หัวหน้าโครงการริเริ่มการส่งผ่านเทคโนโลยีขององค์การอนามัยโลก แถลงภายหลังการหารือของผู้เชี่ยวชาญ เป็นเวลา 2 วัน ในช่วงต้นสัปดาห์ เพื่อช่วยกันออกแบบการทดลองทางคลินิกของวัคซีนอีโบลา และความเป็นไปได้ ตลอดจนร่วมหาข้อมูลสนับสนุนการใช้วัคซีนกว่า 120 ชนิด โดยพบว่าสามารถแบ่งวัคซีนได้เป็น 2 ประเภท คือวัคซีนที่ให้ผลการทดลองทางคลินิกที่ดีในเบื้องต้น แต่มีปริมาณไม่เพียงพอต่อการใช้ในวงกว้าง เช่น ยาซีแมพพ์ของสหรัฐอเมริกา ส่วนอีกประเภทหนึ่ง คือวัคซีนที่มีอยู่แล้วในปริมาณที่มากเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ไม่ให้ผลที่ดีต่อการรักษา แม้ว่าวัคซีนบางตัวจะผ่านการทดลองใช้กับมนุษย์มาแล้ว แต่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานทางการแพทย์ เพื่อยืนยันได้ว่าวัคซีนตัวนั้นมีความปลอดภัย เพียงพอต่อการใช้งานได้จริงหรือไม่ เพราะยังไม่มีข้อมูลจากการทดลองมากเพียงพอมาสนับสนุน นอกจากนี้ ยังไม่มีใครทราบถึงขนาด และปริมาณของการใช้วัคซีนที่เหมาะสมในมนุษย์ด้วย องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ขณะนี้มีวัคซีนเพียงบางตัวเท่านั้นที่น่าจะหวังผลได้จากการทดลองทางคลินิก ซึ่งจะเริ่มในแอฟริกาตะวันตอกในเดือนหน้า และจะทราบผลการทดลองเบื้องต้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

"องค์การอนามัยโลก" ยังไม่เชื่อมั่นอนาคตวัคซีนอีโบลา - ข่าวไท...

 

องค์กรการกุศลโลกเรียกร้องนานาชาติควบคุมอีโบลา Sat, 15/11/2014 - 11:14



องค์กรการกุศลโลกเรียกร้องนานาชาติควบคุมอีโบลา
การแพร่ระบาดของอีโบลายังไม่สามารถควบคุมได้จากล่าสุดมีผู้เสียชีวิตกว่า 5,100 คน ทางองค์กรการกุศลโลกจึงเรียกร้องผู้นำกลุ่มจี 20 ให้เร่งควบคุมการระบาด

นักเคลื่อนไหวจากองค์กรการกุศลอ๊อกซ์แฟมในออสเตรเลียเรียกร้องให้ผู้นำที่ร่วมประชุมกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือ จี 20 ที่กำลังประชุมที่เมืองบริสเบน ให้เร่งดำเนินการควบคุมการระบาดของอีโบลา

นางเฮเลน โซ้ค ประธานบริหารอ็อกซ์แฟมออสเตรเลีย กล่าวว่า ผู้นำจี 20 ควรเร่งควบคุมการระบาดของอีโบลา และสร้างความมั่นใจว่าจะมีเจ้าหน้าที่แพทย์เพียงพอที่จะรับมือกับการระบาดได้ พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติร่วมกันควบคุมการระบาดภายใน 15 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาสั้นกว่าที่สหประชาชาติกำหนดให้นานาชาติร่วมกันควบคุมการระบาดอีโบลาใน 60 วัน

องค์กรการกุศลโลกเรียกร้องนานาชาติควบคุมอีโบลา - ข่าวไทยพีบีเอส - Thai ...

 

มาลีพบผู้เสียชีวิตจากอีโบลารายที่4
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ การเมือง : สถานการณ์โลก
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2557 19:49



เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประเทศมาลี ต่างเร่งฆ่าเชื้อภายในมัสยิดแห่งหนึ่งหลังพบผู้เสียชีวิตจากอีโบลาเป็นรายที่ 4

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในกรุงบามาโก ประเทศมาลี ต่างเร่งฆ่าเชื้อภายในมัสยิดแห่งหนึ่งเมื่อวานนี้ หลังมีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตเป็นรายที่ 4 ของประเทศ ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า เชื้อโรคได้แพร่กระจายหลังจากร่างของนักบวชคนหนึ่ง ซึ่งเสียชีวิตจากเชื้ออีโบลา ถูกนำตัวมายังมัสยิดแห่งนี้เพื่อประกอบพิธีฝัง นับเป็นรายที่ 2 ที่เสียชีวิตจากการได้รับเชื้อจากนักบวชคนนี้ โดยคนแรกเป็นนางพยาบาลที่นักบวชและเพื่อนอีก 1 คนไปรักษาตัว และเสียชีวิตในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้ยังคงไม่ทราบว่ามีผู้ที่ติดเชื้อจากนักบวชรายนี้ไปทั้งหมดกี่คน