ติดตามสถานะการณ์

In Pics & Clips: ชาวมอสโกผวา “หมอกพิษ” ปกคลุมทั่วเมือง-ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งเหมือน “ไข่เน่า” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤศจิกายน 2557 10:29 น.



เอเจนซีส์ – ทางการรัสเซียประกาศเตือนให้ชาวกรุงมอสโกเก็บตัวอยู่แต่ในที่พักอาศัยชั่วคราวเมื่อวานนี้(10) หลังเกิดปรากฏการณ์หมอกควันพิษที่ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งเหมือน “ไข่เน่า” ปกคลุมทั่วเมือง

กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินรัสเซียยืนยันแล้วว่า หมอกควันที่ส่งกลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียนเกิดจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่รั่วไหลออกมาจากโรงกลั่นน้ำมันแห่งหนึ่งในกรุงมอสโก

องค์กรสังเกตการณ์ด้านระบบนิเวศในกรุงมอสโก และกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบุว่า ปริมาณก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ในอากาศสูงกว่ามาตรฐานเพียงระยะเวลาสั้นๆ ส่วนก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย โดนก๊าซทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมัน

ชาวหมีขาวที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ต่างโพสต์ข้อความสอบถามที่มาของกลิ่นเหม็นที่ฟุ้งกระจายทั่วเมือง

“ใครรู้บ้างว่ากลิ่นเหม็นทั่วมอสโกมันมาจากไหน? หลายๆ พื้นที่มีกลิ่นไฮโดรเจนซัลไฟด์คลุ้งไปหมด” เซอร์เกย์ กราซิลนิคอฟ โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์

“กลิ่นมันลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาได้ด้วย” อัสยา ซาตีวา ผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกคนหนึ่งเผย

ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโกต่างตกตะลึง เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาเห็นอาคารบ้านเรือนถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัสเซียซึ่งต้องไปทำงานที่อาคารรัฐสภาก็บ่นอุบเรื่องกลิ่นเหม็นเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์(10) แต่ก็ยังสามารถทำงานกันได้ตามปกติ

กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพอากาศในฝั่งตะวันออกเฉียงใต้, ตะวันออก และใจกลางกรุงมอสโก หลังได้รับคำร้องเรียนจากพลเมืองจำนวนมาก

ผู้แทนจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาและน้ำแห่งรัสเซียซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบมลพิษ เผยต่อสำนักข่าว อิทาร์-ทาสส์ ว่า หมอกควันพิษเริ่มเกิดขึ้นที่เขตลูบลิโนทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโกเป็นจุดแรก และเป็นพื้นที่ที่พบว่าก๊าซไฮโดนเจนซัลไฟด์ในอากาศเข้มข้นเกินมาตรฐาน





In Pics & Clips:

 

สหรัฐฯส่งทหาร 50 นายเข้าถึงจังหวัด “อันบาร์” ในอิรักเป็นครั้งแรก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤศจิกายน 2557 09:45 น.


---
@กองกำลังความมั่นคงอิรักซึ่งปฏิบัติภารกิจต่อต้านกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในเมืองอัมริยัต-อัล-ฟัลลูจาห์ จังหวัดอันบาร์
---

เอเจนซีส์– สหรัฐฯ เริ่มส่งทหารชุดแรก 50 นายเข้าไปยังจังหวัดอันบาร์ทางภาคตะวันตกของอิรักเพื่อช่วยต่อสู้กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งกำลังยึดพื้นที่ และเตรียมจะส่งทหารเข้าไปเพิ่มเติมอีกเร็วๆนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯแถลงเมื่อวันจันทร์(10)

เอลิสซา สมิธ โฆษกเพนตากอน ระบุว่า “ดิฉันยืนยันได้ว่า ทหารอเมริกันประมาณ 50 นายกำลังเดินทางไปยังฐานทัพอากาศ อัล-อาซัด เพื่อสำรวจสถานที่สำหรับใช้ปฏิบัติภารกิจแนะนำและให้ความช่วยเหลือกองกำลังความมั่นคงอิรักในอนาคต”

สมิธ กล่าวเสริมว่า ทหารบางนายมีหน้าที่คุ้มกันผู้เชี่ยวชาญซึ่งเดินทางเข้าไปสำรวจสถานที่ แต่ทหารอเมริกันจะไม่ส่งอาวุธไปช่วยชนเผ่ามุสลิมสุหนี่ในพื้นที่ดังกล่าว

“กองกำลังสหรัฐฯ จะไม่ติดอาวุธให้แก่ชนเผ่าต่างๆ ในภูมิภาคนั้น เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและกองกำลังความมั่นคงอิรัก”

การเคลื่อนกำลังพลครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะส่งทหารอเมริกันเข้าไปปฏิบัติภารกิจในอิรักเพิ่มเติมอีก 1,500 นาย รวมถึงครูฝึกและที่ปรึกษาทหารซึ่งจะปฏิบัติงานในจังหวัดอันบาร์

พื้นที่บางส่วนของจังหวัดอันบาร์ซึ่งพลเมืองส่วนใหญ่เป็นมุสลิมสุหนี่ได้กลายเป็นฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มไอเอส ขณะที่กองกำลังอิรักก็ถูกตีโต้จนต้องถอยร่นมาอยู่ที่ฐานทัพอากาศ อัล-อาซัด ในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้

ฐานทัพอากาศซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลทรายแห่งนี้เคยเป็นศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งของกองทัพอเมริกันในสมัยที่วอชิงตันยึดครองอิรักในช่วงปี 2003-2011 และยังเป็นฐานที่มั่นหลักของนักรบท้องถิ่นและกองกำลังความมั่นคงอิรักที่กำลังป้องกันเขื่อนฮาดิธา (Haditha) เขื่อนใหญ่อันดับ 2 ของอิรัก ไม่ให้ถูกพวกไอเอสยึดไปได้

ความพ่ายแพ้หลายต่อหลายครั้งของกองกำลังอิรักเป็นสัญญาณเตือนว่า จังหวัดอันบาร์ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงแบกแดด และกินพื้นที่จรดพรมแดนซีเรีย, จอร์แดน และซาอุดีอาระเบีย อาจจะถูกกลุ่มไอเอสตีแตกทั้งเมืองในที่สุด

เจ้าหน้าที่อิรักและหัวหน้าชนเผ่า ระบุว่า นักรบไอเอสได้สังหารหมู่ประชาชนจำนวนมากในช่วงไม่กี่วันมานี้ เพื่อสร้างความหวาดกลัวต่อคนในพื้นที่ โดยเฉพาะชนเผ่าหนึ่งที่ยังคงยืนหยัดต่อต้านพวกเขา


---
@ที่ตั้งของจังหวัดอันบาร์ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของกรุงแบกแดด
----

 

อิหร่านคุย'โดรนก๊อปปี้มะกัน'เที่ยวทดสอบผ่านฉลุย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤศจิกายน 2557 01:02 น.


---
@(แฟ้มภาพ) เครื่องบินสอดแนมไร้คนขับ อาร์คิว-170 เซนติเนลของสหรัฐฯที่อิหร่านยึดไว้ได้
---

เอเอฟพี - เตหะรานเผยเมื่อวันจันทร์(10พ.ย.) ว่าอากาศยานไร้คนขับที่ถอดแบบมาจากโดรนของสหรัฐฯที่ตกในอาณาเขตของอิหร่านในปี 2011 สิ้นเสร็จการทดสอบเที่ยวแรกเรียบร้อยแล้วและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี พร้อมให้สัญญาจะเผยแพร่วิดีโอการทดสอบดังกล่าวในอนาคต

อิหร่านยึดเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับ อาร์คิว-170 เซนติเนลของสหรัฐฯ ได้เมื่อเดือนธันวาคม 2011 ขณะบินรุกล้ำอธิปไตยและตกทางภาคตะวันออกของประเทศ ใกล้ชายแดนอัฟกานิสถาน โดยทางสื่อมวลชนในอเมริการะบุว่ามันกำลังปฏิบัติภารกิจสอดแนมที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของเตหะราน

ในเวลานั้นอิหร่าน อ้างว่าพวกเขาเข้าควบคุมอากาศยานล้ำสมัยดังกล่าวและบังคับให้มันตกในพื้นที่ทะเลทราย ก่อนเจ้าหน้าที่เตหะรานจะเข้าเก็บกู้ในสภาพได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามวอชิงตันบอกว่าโดรนดังกล่าวตกเอง หลังเกิดขัดข้องทางเทคนิค

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารรายหนึ่งเปิดเผยว่าเหล่าวิศวกรอิหร่านประสบความสำเร็จในการสร้างลอกเลียนแบบโดรนของสหรัฐฯและจะมีเที่ยวบินทดสอบเร็วๆนี้ ขณะที่ภาพข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ ในตอนนั้นได้แพร่ภาพโดรน 2 ลำที่มีความคล้ายคลึงกัน

"อย่างที่เคยสัญญา เราได้ดำเนินการเที่ยวทดสอบและเทปบันทึกภาพจะถูกนำมาออกอากาศเร็วๆนี้" พลเอกอามีร์-อาลี ฮัดตีซาเดห์ ผู้บัญชาการทหารอากาศของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านกล่าว

นอกเหนือจากโครงการขีปนาวุธเคลื่อนที่เร็วแล้ว อิหร่านยังดำเนินการพัฒนาโดรนมาตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมบอกว่ามันมีแสนยานุภาพยิงขีปนาวุธในพิสัย 1,000 กิโลเมตร

อิหร่านยืนยันว่าโครงการอาวุธต่างๆเหล่านั้นมีจุดประสงค์เพียงป้องกันตนเอง แต่บ่อยครั้งที่สหรัฐฯแสดงความกังวลต่อเรื่องนี้

 

แพทย์ไร้พรมแดนเตือนให้ปรับยุทธศาสตร์จัดการอีโบลาในไลบีเรีย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 พฤศจิกายน 2557 23:34 น.



เอเอฟพี - องค์การแพทย์ไร้พรมแดน(เอ็มเอสเอฟ) เมื่อวันจันทร์(10พ.ย.) เรียกร้องให้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ต่อกรกับการแพร่ระบาดของอีโบลาในไลบีเรีย แนะให้เงินทุนสนับสนุนทีมตอบสนองฉันพลัน แทนการสร้างศูนย์กักกันขนาดใหญ่ ที่มีอยู่เพียงพอแล้ว

องค์กรการกุศลแห่งนี้เปิดเผยว่ากำลังพบเห็นจำนวนที่ลดลงเรื่อยๆของคนไข้ที่เข้ารักษาตัวตามศูนย์รักษาอีโบลาต่างๆในไลบีเรียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การแพร่ระบาดเริ่มต้นขึ้น อย่างไรก็ตามจุดล่อแหลมใหม่ยังคงโผล่ขึ้นมา และทีมตอบสนองนานาชาติจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์รับมือกับการเข้าสู่ระยะใหม่ของไวรัสมรณะ

"แรงสนับสนุนด้านการเงินกำลังเริ่มหลั่งไหลเข้ามายังไลบีเรีย และเงินทุนมหาศาลกำลังถูกนำไปก่อสร้างศูนย์กักกันอีโบลาขนาดใหญ่" ฟาซิล เทเรซา หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของเอ็มเอสเอฟในไลบีเรียกล่าว

หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของเอ็มเอสเอฟ ซึ่งส่งเจ้าหน้าที่ราว 3,000 คนเข้าประจำการในไลบีเรีย เซียร์ราลีโอนและกินี กล่าวต่อว่า "แผนกกักกันต่างๆที่มีอยู่ในกรุงมันโรเวียและพื้นที่อื่นๆของประเทศ ตอนนี้มีอยู่เพียงพอแล้ว และเราจะต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์หากยังต้องการรักษาระยะนำห่างและเอาชนะโรคระบาดนี้ เป้าหมายลำดับแรกคือควรหาวิธีที่มีความยืดหยุ่นกว่านี้ เพื่อสามารถตอบสนองกับการระบาดใหม่ๆและปรับปรุงระบบดูแลสุขภาพอยู่เป็นประจำ"

เอ็มเอสเอฟเปิดเผยต่อว่าศูนย์กักกันอีโบลาในกรุงมันโรเวียที่สามารถรองรับคนไข้อีกถึง 250 เตียง ตอนนี้กำลังรักษาผู้ป่วยแค่ราวๆ 50 คน ขณะที่เมืองโฟยา ทางภาคเหนือของประเทศ ศูนย์กลางของการแพร่ระบาด จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงจนหมดแล้วในวันที่ 30 ตุลาคม และไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกเลยนับตั้งแต่นั้น อย่างไรก็ตามองค์กรการกุศลแห่งนี้เตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นอีกครั้งแบบที่เกิดขึ้นในกินี

องค์การแพทย์ไร้พรมแดน บอกว่าการต่อสู้เพื่อจำกัดวงการแพร่ระบาดของอีโบลาควรมุ่งเน้นไปที่การส่งทีมตอบสนองเข้าไปยังจุดล่อแหลมใหม่ๆให้เร็วที่สุดเพื่อกักกันผู้ติดเชื้อ จากนั้นก็แกะรอยตามหากลุ่มบุคคลที่สัมผัสกับคนไข้ จัดการฝังศพอย่างปลอดภัยและดำเนินการฆ่าเชื้อโรค

ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่ายอดผู้เสียชีวิตจากอีโบลาอยู่ที่ราวๆ 5,000 คนจากผู้ติดเชื้อกว่า 13,000คน ท่ามกลางคำเตือนว่าตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกยืนยันว่าในไลบีเรีย ชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด การแพร่ระบาดของอีโบลากำลังชะลอตัวลง แม้มีผู้ติดเชื้อสูงถึง 6,525 คนและเสียชีวิต 2,697 ราย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆของสหประชาชาติและรัฐบาลไลบีเรีย เตือนว่าไม่ควรพอใจต่อตัวเลขดังกล่าว

ᾷ

 

รพ.สหรัฐฯ “ไฟเขียว” ให้หมอเหยื่อเชื้อ “อีโบลา” รายแรกในนิวยอร์กกลับบ้านได้อาทิตย์นี้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤศจิกายน 2557 11:15 น.


---
@โรงพยาบาลแบลวู ในนครนิวยอร์ก ซึ่งให้การรักษา นพ.สเปนเซอร์ เครก ผู้ถูกตรวจพบเชื้ออีโบลาหลังเดินทางกลับจากกินี
---

เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่การแพทย์อเมริกันเปิดเผยวานนี้ (10 พ.ย) ว่าหมอในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อ “อีโบลา” รายล่าสุดที่สหรัฐฯ ตรวจพบ บัดนี้ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ และได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ในสัปดาห์นี้

เครก สเปนเซอร์ วัย 33 ปี ติดเชื้ออีโบลาขณะเดินทางไปรักษาผู้ป่วยในกินี ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการตายด้วยเชื้อไวรัสชนิดนี้สูง โดยแพทย์จะอนุญาตให้เขาออกจากโรงพยาบาลได้ในวันนี้ (11)


---
@(แฟ้มภาพ) เตเรซา โรเมโอ พยาบาลชาวสเปนที่เคยติดเชื้ออีโบลาจากผู้ป่วย โบกมือให้กล้องก่อนเข้างานแถลงข่าวที่โรงพยาบาลการ์โลส 3 ในกรุงมาดริดเมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) ภายหลังที่เธอหายขาดจากเชื้อไวรัสมรณะ และได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้
---
เจ้าหน้าที่ระบุในคำแถลงว่า “ภายหลังที่ นพ.เครก สเปนเซอร์ คนไข้ซึ่งเข้ารับการรักษา และถูกวินิจฉัยพบเชื้อไวรัสอีโบลาที่ศูนย์การแพทย์ เอชเอชซี แบลวู ได้ผ่านขั้นตอนการรักษาและการตรวจสุขภาพอย่างเข้มงวด เราขอประกาศว่า เขาปลอดจากเชื้อไวรัสแล้ว”

คำแถลงยังเน้นย้ำด้วยว่า ไร้ความเสี่ยงที่จะมีผู้ติดเชื้ออีโบลาจากสเปนเซอร์แล้ว

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา สเปนเซอร์ ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแบลวู และผลการตรวจเลือดชี้ว่า เขาติดเชื้ออีโบลา ทำให้เขาเป็นคนแรกในนิวยอร์กที่ถูกวินิจฉัยพบเชื้อไวรัสมรณะชนิดนี้

แม้ว่า นิวยอร์ก จะเป็นจุดผ่านแดนที่พลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ แต่เจ้าหน้าที่ในเมืองนี้ได้ย้ำนักย้ำหนาว่า ได้เตรียมการอย่างเต็มที่ เพื่อรับมือกับผู้ติดเชื้ออีโบลา ซึ่งคร่าชีวิตประชากรไปราว 5,000 คน โดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเซียร์ราลีโอน กินี และไลบีเรีย ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก

จนถึงตอนนี้ มีผู้ติดเชื้ออีโบลาผ่านมือแพทย์ในโรงพยาบาลสหรัฐฯ ไปแล้ว 9 ราย และเสียชีวิตไปเพียงคนเดียว

สำหรับผู้ติดเชื้ออีโบลาที่เสียชีวิตในสหรัฐฯ เป็นชายชาวไลบีเรียชื่อ โธมัส อีริก ดันแคน ซึ่งเดินทางไปมลรัฐเทกซัส ก่อนจะสิ้นลมเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ขณะที่พยาบาล 2 คนที่ดุแลเขาในหน่วยพยาบาลอันเข้มงวด ของโรงพยาบาลเทกซัสเพรสไบทีเรียน ก็พลาดพลั้งติดเชื้อไวรัสจากดันแคน ทว่า ตอนนี้ทั้งคู่หายเป็นปกติแล้ว

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม สเปนเซอร์ เดินทางกลับไปสหรัฐฯ โดยลงเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติ จอห์น เอฟ เคนเนดี

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า แม้ว่าสเปนเซอร์ ใกล้ชิดคลุกคลีกับคู่หมั้นและเพื่อนอีก 2 คน แต่เขาก็ได้พยายามปลีกตัวจากผู้อื่น และวัดอุณหภูมิร่างกายวันละ 2 ครั้ง

นอกจากนี้ เขายังไปโยนโบว์ลิง และใช้บริการรถไฟใต้ดิน ก่อนล้มป่วย ส่งผลให้ชาวนิวยอร์กบางส่วนพากันวิตกกังวลว่า อาจเกิดการแพร่ระบาดของอีโบลาในเมือง แม้ว่าเจ้าหน้าที่นิวยอร์กจะออกมารับประกันความปลอดภัยครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม

ทั้งนี้ โรคไข้เลือดออกร้ายแรงชนิดนี้จะไม่แพร่กระจายสู่คนอื่นๆ จนกว่าคนไข้จะเริ่มแสดงอาการต่างๆ อย่างเช่นมีไข้ ปวดเมื่อย อาเจียนและท้องร่วง แต่จะแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมขณะที่อาการผู้ป่วยทรุดหนักลง

ที่แอฟริกาตะวันตก ระบบรักษาพยาบาลที่ขาดงบประมาณสนับสนุนนั้นไม่สามารถควบคุมโรคมรณะนี้ให้อยู่หมัดได้ ส่งผลให้อีโบลาระบาดลุกลามเกินควบคุมในภูมิภาคนี้ จนมีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 13,000 ราย

อัตราการตายของผู้ป่วยโรคไข้เขตร้อนอีโบลา ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ณ ปัจจุบันนั้นสูงถึงราวร้อยละ 70 เชื้อไวรัสชนิดนี้ติดต่อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ติดเชื้อ


---
@เจ้าหน้าที่การแพทย์เวียดนามซ้อมความพร้อมรับมือผู้ป่วยโรคอีโบลา ที่โรงพยาบาลโรคเขตร้อน ในกรุงฮานอย เมื่อวันศุกร์ (7 พ.ย.)
---

þ.

 

Kaokala Fc
11 พ.ย. CNN ยกธงขาว! ประกาศยุติออกอากาศในรัสเซีย อ้าง “ปูตินคุมเข้มสื่อ” ทำงานลำบาก



สถานีโทรทัศน์ข่าวชื่อดัง “ซีเอ็นเอ็น” ประกาศในวันจันทร์ (10 พ.ย.) ยุติการออกอากาศในรัสเซีย โดยระบุเหตุผลถึงความเปลี่ยนแปลงในรัสเซียเวลานี้ โดยเฉพาะการออกกฎหมายของทางการแดนหมีขาว ที่พุ่งเป้าควบคุมอิสระในการทำงานของสื่อมวลชน

คำแถลงของเทอร์เนอร์ อินเตอร์เนชันแนล ที่เป็น “บริษัทแม่” ของซีเอ็นเอ็น และเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในเครือ “ไทม์ วอร์เนอร์” มิได้ระบุถึงกรอบเวลาที่ชัดเจนในการยุติการออกอากาศผ่านทางระบบเคเบิลและดาวเทียมในแดนหมีขาว แต่สำนักข่าว “ทาสส์” ของรัสเซียรายงานในช่วงก่อนหน้านี้ว่า ในเบื้องต้นการยุติออกอากาศในรัสเซียของทางซีเอ็นเอ็นจะมีผลในวันที่ 31 ธันวาคมนี้

อย่างไรก็ดี คำแถลงดังกล่าวยืนยันว่าภารกิจของทีมงานซีเอ็นเอ็นประจำกรุงมอสโก ที่คอยติดตามนำเสนอรายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆในรัสเซีย จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากการตัดสินใจครั้งนี้

ความเคลื่อนไหวล่าลุดของซีเอ็นเอ็นมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กำลังเพิ่มความเข้มงวดในการคุมเข้มการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนอิสระ โดยเฉพาะการรายงานข่าวเกี่ยวกับวิกฤตในยูเครนที่มักมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงขณะที่กฏหมายฉบับใหม่ของรัสเซียได้จำกัดสัดส่วนให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นในองค์กรสื่อได้สูงสุดเพียงร้อยละ 20 จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสื่ออิสระหลายแห่ง

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

 

Kaokala Fc
10 พ.ย. ยานฟีเลเตรียมลงจอดบนดาวหางพี 67 วันพุธนี้



ยานสำรวจอวกาศโรเซตตา เตรียมปล่อยยานสำรวจฟีเลลงบนดาวหางพี 67 ในวันพุธนี้ หลังการเดินทางท่องอวกาศตามล่าดาวหางดวงนี้นับสิบปี จนประสบความสำเร็จเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา

ดาวหางพี 67 ประกอบไปด้วยฝุ่น น้ำแข็ง และโมเลกุลอื่นๆ ที่ซับซ้อน โดยเชื่อว่ามันเกิดขึ้นพร้อมกับระบบสุริยะเมื่อราว 4,600 ล้านปีก่อน ดังนั้น การศึกษาส่วนประกอบของดาวหางดวงนี้อาจทำให้เราได้รู้ถึงวิวัฒนาการของโลกและดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ว่า องค์การอวกาศยุโรป (อีซา) เผยว่า ยานโรเซตตามีกำหนดปล่อยยานสำรวจฟีเล ที่มีน้ำหนัก 100 กก. ในวันพุธที่ 12 พ.ย. นี้ เวลา 08.25 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (15.25 น. ตามเวลาประเทศไทย) โดยจะลงจอดบนดาวหางพี 67/เชอร์ยูมอฟ-เจราซีเมนโก ในเวลา 16.00 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับฝุ่นและก๊าซบนพื้นผิวดาวกลับมายังยานโรเซตตา โดยจะใช้เวลาในการปฎิบัติภารกิจ 7 ชม.

นายอันเดรีย อัคโคมัซโซ ผู้อำนวยการโครงการโรเซตตา กล่าวว่า จังหวะ องศาการทำมุม และความเร็วในการเคลื่อนที่ลงจอดของยานฟีเลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากเมื่อยานฟีเลถูกปล่อยไปแล้ว เจ้าหน้าที่จะไม่สามารถควบคุมได้อีก โดยสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือพื้นผิวที่ไม่เรียบของดาวหาง ซึ่งเต็มไปด้วยปากปล่องภูเขา หน้าผา และก้อนหินขนาดยักษ์

ยานโรเซตตาออกเดินทางตามหาดาวหางดวงนี้มาเป็นเวลานับสิบปี จนสามารถเข้าไปอยู่ในวงโคจรของมันได้เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และหากยานฟิเลสามารถลงจอดได้อย่างหลอดภัยก็จะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้การลงจอดจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ยานโรเซตตาก็จะยังคงตามเก็บข้อมูลต่อไปจนถึงปลายปี 2558 เป็นอย่างน้อย

ชมคลิป..http://www.dailynews.co.th/…/ยานฟีเลเตรียมลงจอดบนดาวหางพี+67

 

Kaokala Fc

...ยานอวกาศโรเซ็ตต้า(Rosetta)เดินทางออกจากโลกเมื่อเดือน มี.ค.ปี 2004 หลังจากที่โคจรผ่านโลกและดาวอังคาร 3 รอบ เพื่อใช้แรงโน้มถ่วงเหวี่ยงยานเข้าสู่วงโคจรของดาวหาง และถ่ายภาพดาวหางอีก 2 ดวงในปี 2008 และปี 2010 ก่อนที่จะปิดระบบชั่วคราวเพื่อประหยัดพลังงานในเดือน ม.ย.ปี 2011 และมันถูกปลุกจากการหลับไหลที่นานหลายปี เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2014 เพื่อปฏิบัติการช่วงสุดท้ายหลังจากที่เดินทางมากว่า 10 ปีรวมระยะทางกว่า 4พันล้านไมล์ ในการไปถึงดาวหาง67Pและและเตรียมการที่จะปล่อยยานลูกชื่อว่า “ฟีเล-Philae” ลงจอดบนดาวหางในวันที่12 พ.ย.นี้ เพื่อสำรวจดาวหาง67P ที่ประกอบไปด้วยฝุ่นควันและน้ำแข็ง หวังไขความลับเกี่ยวกับการกำเนิดของดวงดาว ทั้งนี้มันเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างชิ้นแรกที่เดินทางไปลงจอดบนดาวหาง

<iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/TwkliXod6Ns" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ฮือฮา ปรากฎการณ์สุดหายาก"พายุแฝดงวงช้าง"ชวนตื่นระทึก ก่อตัวหลังฟ้าคะนอง(ชมคลิป) วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 14:47:31 น.

<iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/vX-uFqSnO-Y" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ได้เกิดปรากฎการณ์"พายุแฝดงวงช้าง"ในบริเวณอ่าวแห่งหนึ่งเมืองลิกูเรีย ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี ซึ่งได้ถูกบันทึกภาพไว้โดยช่างภาพรายหนึ่ง ซึ่งถือเป็นภาพเหตุการณ์ชวนตื่นระทึกมาก โดยพายุดังกล่าวได้ก่อตัวระหว่างเกิดพายุฝนฟ้าคะนองเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยพายุลักษณะนี้ถือว่าไม่มีภัยอันตรายรุนแรงเหมือนพายุทอร์นาโด้ แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายแก่เรือหรือทรัพย์สินอื่น ๆ ได้ หากมันขึ้นถึงฝั่ง



ฮือฮา ปรากฎการณ์สุดหายาก"พายุแฝดงวงช้าง"ชวนตื่นระทึก ก่อตัวหลังฟ้าคะนอง(ชมคลิป) : มติชนออ

 

พยาบาลเสี่ยงติดอีโบล่า เตรียมลั้นลากับแฟน หลังครบระยะเฝ้าระวัง จวกกลับ เป็นมาตการของคนไม่รู้จริง วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 17:50:06 น.



จากกรณีที่นางพยาบาล เคซี่ ฮิกคอกซ์ ผู้มีความเสี่ยงติดเชื้ออีโบล่า ซึ่งก่อนหน้านี้ เธอถูกสั่งกักบริเวณเป็นเวลา 21 วัน ตามมาตรการป้องกันภัยของรัฐ ภายหลังพยาบาลรนายนี้ได้เดินทางกลับจากแอฟริกาตะวันตก และพบว่า มีอาการไข้คล้ายอีโบล่า

โดยล่าสุด หลังผ่านการเฝ้าระวังเชื้อ 21 วัน โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข เธอเผยว่ากำลังเตรียมตัวเดินทางท่องเที่ยวพร้อมนายเท็ด วิลเบอร์ แฟนหนุ่ม ออกจากเมืองฟอร์ท เคนท์ ไปยังทางตอนใต้ของรัฐเมน

ทั้งนี้ เธอยังได้ต่อสู้เรียกร้องสิทธิให้กับตนเองที่ถูกกักบริเวณด้วยเหตุว่า นโยบายนี้ ถูกสร้างโดยนักการเมืองที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องโรคดังกล่าวอย่างแท้จริง ทำให้ศาลตัดสินว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอจำเป็นต้องได้รับกักตัวในฐานะผู้เสี่ยงติดเชื้ออีโบล่าจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวัง เป็นเวลา 21 วัน

พยาบาลเสี่ยงติดอีโบล่า เตรียมลั้นลากับแฟน หลังครบระยะเฝ้าระวัง จวกกลับ เป็นมาตการของคน

 

ชาวตะวันตกในอียิปต์ผวา! กองกำลังติดดังประกาศจงรักภักดีต่อ"ไอเอส"
วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 18:20:59 น.



(10 พ.ย.) กองกำลังติดอาวุธอันซาร์ เบต อัล มัคดิส ในอียิปต์ ทวิตวีดีโอบันทึกเสียงระบุว่า "กองกำลังขอประกาศถวายความจงรักภักดีขึ้นตรงต่อ กาหลิบ อิบราฮิม อิบน์ อาหวัด” ซึ่งเป็นการกล่าวถึง อาบูร์ บักร์ อัล-บักดาดิ หัวหน้ากองกำลังรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย หรือไอเอส

การกระทำดังกล่าว ทำให้เป็นที่ตั้งข้อกังขาต่ออิทธิพลของกำลังไอเอส ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าการกระทำครั้งนี้ จะทำให้กองกำลังอันซาร์ เบต อัล มัคดิส เปลี่ยนยุทธศาสตร์ หันไปโจมตีคนชาติตะวันตกในประเทศอียิปต์อย่างที่ไอเอสต้องการหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้กองกำลังดังกล่าว เน้นที่การโจมตีทหาร, ตำรวจ, และเจ้าหน้าที่รัฐ

โดยอ้างว่าต้องการที่ยึดกองทัพและแก้แค้น ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาฟ์ อัล-ซิซี อดีตผู้นำกองทัพที่ยึดอำนาจจากอดีตประธานาธิบดี มุฮัมมัด มุรซี และสั่งปราบปรามชาวอิสลาม ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

ทั้งนี้ กองกำลังติดอาวุธอันซาร์ เบต อัล มัคดิส ถูกก่อตั้งขึ้น ขณะที่ประเทศอียิปต์ ไร้เสถียรภาพทางความปลอดภัย อันเกิดจากการยึดอำนาจจากอดีตประธานาธิบดีฮุสนี มูบารัก ในการปฏิวัติช่วงอาหรับสปริง เมื่อ 3 ปีก่อน


ชาวตะวันตกในอียิปต์ผวา! กองกำลังติดดังประกาศจงรักภักดีต่อ"ไอเอส" : มติชนออนไลน์

 

นักวิจัยเผย "เกาะแก่ง" ยิ่งเพิ่มพลังสึนามิ
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10:42:08 น.


---
@ชี้เกาะแก่ง ยิ่งเพิ่มพลังสึนามิ
---

ทีมนักวิจัยนำโดย เฟรดเดอริค ดิอาส จากศูนย์คณิตศาสตร์ศึกษาและการประยุกต์ใช้ (ซีเอ็มเอสเอ) แห่งประเทศฝรั่งเศส สร้างแบบจำลองของคลื่นยักษ์สึนามิ โดยอาศัยข้อมูลจากการเกิดสึนามิครั้งใหญ่ในบริเวณมหาสมุทรอินเดียในปี 2004 และเหตุการณ์คลื่นสึนามิถล่มชายฝั่งด้านตะวันออกของญี่ปุ่นในปี 2011 เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของการมีเกาะแก่งขวางแนวคลื่นก่อนถึงหาดว่า ส่งผลอย่างไรต่อพลังของคลื่นสึนามิ

สิ่งที่ทีมวิจัยดังกล่าวค้นพบขัดแย้งกับความเข้าใจทั่วไปที่เชื่อกันมานานว่า การมีเกาะแก่งดังกล่าวจะช่วยเป็นแนวกั้นธรรมชาติกันไม่ให้คลื่นสึนามิถล่มชายฝั่งรุนแรง แต่กลับพบว่าการมีเกาะแก่งขวางเส้นทางคลื่นก่อนเข้าถึงฝั่ง มีแต่จะช่วยขยายพลังของสึนามิให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น จากการจำลองเหตุการณ์โดยใช้คอมพิวเตอร์จำนวน 200 ครั้ง ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่ผลการจำลองเหตุการณ์แสดงให้เห็นว่าเกาะแก่งเหล่านั้นช่วยลดทอนความรุนแรงของสึนามิ ในทางตรงกันข้าม พลังของคลื่นยักษ์กลับรุนแรงขึ้นเพราะเกาะแก่งที่ขวางทางดังกล่าว ในกรณีที่รุนแรงที่สุดพลังจะเพิ่มขึ้นจากเดิมมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์

การจำลองสถานการณ์ด้วยคอมพิวเตอร์ดังกล่าวนั้น ใช้รูปแบบของเกาะและชายหาดที่มีความลาดชันแตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกับความลึกของน้ำ ความห่างระหว่างเกาะกับชายหาด และช่วงความยาวคลื่นสึนามิที่แตกต่างกันออกไป เฟรดเดอริค ดิอาส ระบุว่า ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากสถานการณ์จำลองครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ชุมชนชายฝั่งของประเทศที่มีเกาะแก่งก่อนถึงหาดอย่างกรีซและอินโดนีเซีย มีความเสี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับคลื่นสึนามิที่มีพลังเพิ่มขึ้นมากที่สุด

ไม่ใช่ปลอดภัยมากที่สุดอย่างที่เคยคิดกัน


นักวิจัยเผย "เกาะแก่ง" ยิ่งเพิ่มพลังสึนามิ : มติชนออนไลน์

 

อึ้ง ชะตาขาด! เจ้าของเตรียมเชือด"วัวเกย์"สนใจแต่เพศผู้ ไม่สนอี๊บเพศเมีย
วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 13:43:15 น.



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุสลด เมื่อเจ้าของรายหนึ่งเตรียมจับวัวพ่อพันธุ์ตัวหนึ่งเชือดทิ้ง เนื่องจากเห็นว่ามันมีพฤติกรรมคล้ายเกย์ เพราะสนใจแต่เพศผู้ แต่ไม่สนใจเพศเมีย และไม่เคยขยายพันธุ์ให้ผลผลิตลูกวัวให้แก่เขาเลย

รายงานระบุว่า วัวดังกล่าวชื่อเจ้า"เบนจี้"อยู่ในฟาร์มในเมืองมาโย ในไอร์แลนด์ ซึ่งเจ้าของฟาร์มซี่งไม่มีการเปิดเผยชื่อ ได้ซื้อมันมาเพื่อเพาะพันธุ์วัว โดยเจ้าของได้ให้มันเลือกว่าจะผสมพันธุ์กับวัวเพศเมียตัวใด แต่ปรากฎว่ามันกลับไม่สนใจวัวเพศเมียตัวใดเลย หนำซ้ำมันยังกลับสนใจในวัวเพศผู้ด้วยกัน และทำให้เจ้าของฟาร์มรายนี้ ต้องหาวัวพ่อพันธุ์ตัวใหม่มาแทนมัน ซึ่งก็ทำให้วัวเพศเมียหลายตัวตั้งท้องแล้ว

โดยเจ้าของฟาร์มรายนี้บอกว่า "เจ้าเบนจี้ตอนนี้แก่มากเกินกว่าที่จะทำหมัน ทำให้เขาต้องเก็บมันไว้ในโรงฟาร์ม และตอนแรกเขาไม่ได้คิดมากเรื่องมันมีพฤติกรรมคล้ายเกย์ แต่หลังจากได้รับคำแนะนำแล้ว เขาจึงรู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับมัน

อึ้ง ชะตาขาด! เจ้าของเตรียมเชือด"วัวเกย์"สนใจแต่เพศผู้ ไม่สนอี๊บเพศเมีย : มติชนออนไลน์

 

เกาหลีใต้เผยโสมแดงรุกล้ำเขตปลอดทหาร จึงยิงเตือนจนอีกฝ่ายล่าถอย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 พฤศจิกายน 2557 15:15 น.



เอเอฟพี - เกาหลีใต้ออกมาเปิดเผยในวันนี้ (10 พ.ย.) ว่ามีหน่วยลาดตระเวนของเกาหลีเหนือรุกล้ำเข้ามาในเขตปลอดทหาร บริเวณชายแดนกั้นระหว่างทั้งสองชาติ จึงได้ทำการยิงเตือนไปหลายนัด จนอีกฝ่ายต้องล่าถอยไป

โฆษกของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่า หลังจากที่มีการยิงเตือนไปหลายนัด หน่วยลาดตระเวนของเกาหลีเหนือก็ได้ล่าถอยออกจากเขตปลอดทหาร โดยที่ไม่มีการยิงปืนตอบโต้

“เมื่อเวลาประมาณ 09.40 น. (07.40 น.ตามเวลาประเทศไทย) มีนายทหารเกาหลีเหนือประมาณ 10 นาย ได้มุ่งหน้าเข้ามายังแนวชายแดน เราจึงได้ประกาศแจ้งเตือน จากนั้นทางฝ่ายเราก็ได้ยิงเตือนไปประมาณ 20 นัด ทำให้ทหารเกาหลีเหนือล่าถอยไป” โฆษกกล่าว

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีการปะทะกันเล็กๆ น้อยๆ อยู่เป็นประจำตามแนวชายแดนที่กั้นเกาหลีทั้งสองชาติ โดยมีการยิงตอบโต้กันในบางครั้งแต่ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม มีการยิงเตือนโดยทหารยามเกาหลีใต้ ในสถานการณ์ที่คล้ายกับครั้งล่าสุดนี้ ตอนนั้นมีการยิงตอบโต้กันนาน 10 นาที แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ทั้งสองฝ่ายมีการยิงตอบโต้กันอย่างหนักด้วยปืนกล หลังจากที่กองทัพเกาหลีเหนือพยายามจะยิงลูกโป่งใบปลิว ที่บรรดานักเคลื่อนไหวปล่อยให้ลอยข้ามฝั่งเข้าไปในดินแดนโสมแดง

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน เรือตรวจการณ์ของเกาหลีเหนือและใต้ก็มีการยิงเตือนเข้าใส่กัน ใกล้กับแนวชายแดนในทะเลเหลือง ซึ่งเป็นจุดที่เคยมีการปะทะกันหลายครั้งเมื่อในอดีต

การกระทบกระทั่งกันเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ได้เพิ่มความตึงเครียดให้กับทั้งสองฝ่าย ในช่วงเวลาที่ทั้งคู่พยายามที่จะหาทางกลับมาเจรจากันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่การพูดคุยก็ดูจะยังไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เพราะทั้งคู่ได้กล่าวหาอีกฝ่ายว่าไม่มีความจริงใจให้แก่กัน

 

“ปูติน” คว้า “สี” ลงนาม MOU เมกะโปรเจกต์พลังงานครั้งที่ 2 สำเร็จ! หลังเดินทางมาถึงปักกิ่ง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 พฤศจิกายน 2557 13:18 น.



เอเจนซีส์ - ในวันอาทิตย์ (9 พ.ย.) ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ได้ร่วมลงนามครั้งประวัติศาสตร์เป็นครั้งที่ 2 ด้านการพลังงานมูลค่ามหาศาลในข้อตกลงความเข้าใจในสัญญา “โปรเจกต์ท่อส่งเส้นทางตะวันตก” เพื่อป้อนจีน ซึ่งการลงนามครั้งนี้เป็นการถางทางนำไปสู่ข้อตกลงที่จะทำให้ “จีน”กลายเป็นลูกค้าพลังงานอันดับ 1 ของรัสเซียในอนาคต

ทั้งนี้ โปรเจกต์ท่อส่งเส้นทางตวันตก หรือ “อัลเทย์” Altay จะส่งก๊าซธรรมชาติให้กับจีนราว 30 พันล้านคิวบิกเมตร/ปี

โปรเจกต์พลังงานเส้นทางใหม่เกิดขึ้นเพิ่มเติมหลังจากเส้นทางตะวันออกที่มีก่อนหน้านี้ผ่านท่อส่งก๊าซ “พลังงานแห่งไซบีเรีย” (Power of Siberia) ซึ่งจะส่งก๊าซจำนวน 38 พันล้านคิวบิกเมตร/ปีให้จีน ซึ่งโปรเจกต์นี้ได้เริ่มเดินหน้าไปแล้วด้วยข้อตกลง 400 พันล้านดอลลาร์ ที่ได้ลงนามในพฤษภาคมล่าสุด

“หลังจากเราได้เริ่มส่งก๊าซผ่าน “เส้นทางท่อส่งเส้นทางตะวันตก” จะทำให้จำนวนก๊าซที่ส่งเข้าไปในจีนนั้นสูงกว่าจำนวนที่ส่งเข้าไปในยุโรปในปัจจุบันนี้” อเล็กซี มิลเลอร์ (Aleksey Miller) ซีอีโอกาซปรอม บริษัทพลังงานรัสเซียที่มีรัฐบาลรัสเซียเป็นเจ้าของกล่าวให้สัมภาษณ์ถึงข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์

ปูตินได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวล่วงหน้าก่อนการเยือนปักกิ่งว่า ผู้นำรัสเซียมีความเชื่อมั่นถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับจีนด้านความร่วมมือด้านการพลังงาน

“เราทั้งคู่ได้บรรลุข้อตกลงความเข้าใจในหลักการณ์พื้นฐานถึงการเปิดเส้นทางส่งก๊าซตะวันตก” ปูตินกล่าว และเสริมว่า “เราทั้งสองชาติได้ตกลงทั้งในความเข้าใจด้านเทคนิกและด้านตัวเลขการซื้อขายซึ่งจะนำไปสู่ข้อตกลงสมบูรณ์ในขั้นตอนสุดท้าย”

ข้อตกลงเส้นทางท่อส่งก๊าซตะวันตกของรัสเซียนี้เป็น 1 ใน 17 ข้อตกลงทั้งหมดที่ผู้นำรัสเซียและผู้นำจีนได้ร่วมลงนามในวันอาทิตย์ (9) ในระหว่างการพบปะที่กรุงปักกิ่ง ที่มีตั้งแต่ข้อตกลงด้านพลังงาน ความร่วมมือทางทหาร และความร่วมมือทางการธนาคาร โดยธนาคาร Sberbank ที่มีรัฐบาลรัสเซียเป็นเจ้าของได้ลงนามร่วมมือเบื้องต้นกับธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกของจีน เป็นต้น

ทั้งนี้ยังรวมไปถึงกรอบข้อตกลงระหว่างกาซปรอม และบริษัทพลังงาน CNPC ของจีนในการส่งมอบก๊าซ และ MOU ระหว่างกาซปรอมและบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของจีนอีกแห่ง CNOOC

นอกจากนี้ ทั้งกาซปรอมของรัสเซีย และ CNPC ของจีนยังได้ร่วมลงนามข้อตกลงเบื้องต้นสำหรับโครงการสำรวจและพัฒนาก๊าซธรรมชาติและน้ำมันของจีนที่มีหุ้น 10% อยู่ในแวนคอร์เนฟต์ (Vankorneft) ที่เป็นบริษัทลูกของรอสเนฟต์ (Rosneft)

ทั้งนี้ แวนคอร์เนฟต์ได้รับสัมปทานในการพัฒนาและสำรวจหลุมก๊าซธรรมชาติและน้ำมันแวนคอร์ (Vankor) ทางเหนือของไซบีเรียตะวันออก ซึ่งถือเป็นหลุมพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียที่ค้นพบใน 25 ปีล่าสุด

ในรอบปี 2014 นี่เป็นครั้งที่ 5 แล้วที่ปูตินได้พบปะกับสีอย่างเป็นทางการ และ RT สื่อรัสเซียคาดว่า สกุลเงินที่จะใช้ในการจ่ายในข้อตกลงจะเป็นเงินหยวนของจีน ไม่ใช่สกุลเงินดอลลาร์หรือยูโร รวมไปถึงข้อตกลงทั้งสองชาติในด้านการทหาร ดมิตรี เพสคอฟ โฆษกประจำตัวประธานาธิบดีรัสเซียแถลงผ่าน RIA Novosti สื่อรัสเซีย

 

ฝนกระหน่ำทุ่งสงผวาดินภูเขาถล่ม



ชาวบ้านใน ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ที่อาศัยอยู่ใกล้กับภูเขาถ้ำพระหอ ต่างหวาดผวา เมื่อดินภูเขาเกิดพังถล่มลงมาครึ่งลูก สาเหตุจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันในระยะ 2-3 วันที่ผ่านมา



วันอังคาร 11 พฤศจิกายน 2557 เวลา 11:23 น.
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันในระยะ 2-3 วัน ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ทำให้ดินจากภูเขาถ้ำพระหอ หมู่ที่ 6 ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง พังถล่มลงมา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก จากการตรวจสอบพบว่า ที่เกิดเหตุเป็นภูเขาสูง มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่จำนวนมาก โดยสภาพที่พังถล่มของภูเขานั้นเป็นการพังถล่มลงมาซีกหนึ่งของภูเขา ก้อนหินทั้งเล็กใหญ่พังลงมาอย่างมากมาย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายจากการถล่มของภูเขาในครั้งนี้ ด้าน น.ส.รสสุคนธ์ เกิดศิริ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 270 หมู่ที่ 6 ต.ถ้ำใหญ่ ซึ่งมีบ้านอยู่ใก้ลกับภูเขาที่ถล่มลงมา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ภูเขาถล่มเกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นวานนี้ (10 พ.ย.) โดยขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงดังสนั่นคล้ายกับเครื่องบินชนภูเขา หลังจากเสียงเงียบสงบไปพักใหญ่ ชาวบ้านจึงพากันมาดู ก็พบว่าดินภูเขาได้ถล่มลงมา จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนและครอบครัวหวาดผวาจนไม่กล้าที่จะนอนที่บ้าน ขณะที่ นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว นอภ.ทุ่งสง ซึ่งเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับกั้นสถานที่ไม่ให้ประชาชนเข้าไปใก้ลบริเวณที่ภูเขาถล่ม เพราะเกรงว่าจะมีการถล่มลงมาซ้ำอีก.

ฝนกระหน่ำทุ่งสงผวาดินภูเขาถล่ม | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เมืองคอนทุ่มงบสร้างจุดตัดรถไฟอันตราย



เมืองคอนเห็นชอบให้สร้างจุดตัดทางรถไฟ 3 จุด คาดใช้งบจุด ๆ ละ 4.5 ล้านบาท ช่วยแก้อุบัติเหตุ เผยมีจุดตัดถูกต้องตามกฎหมาย 31 จุดในพื้นที่ และจุดไม่ถูกกฎหมายอีก 41 จุด

วันจันทร์ 10 พฤศจิกายน 2557 เวลา 19:05 น.
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ห้องประชุมราชสีห์ ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายสกล จันทรักษ์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานประชุมอนุกรรมการกลั่นกรอง การขออนุญาตและแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟกับถนนจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม และให้ความเห็นชอบให้สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดนครศรีธรรมราช ดำเนินการขออนุญาตก่อสร้าง จุดตัดทางรถไฟที่เป็นทางลักผ่านกับถนนทางหลวงชนบท 3 จุด คือ ระหว่างสถานีบ้านทุ่งหล่อ-โคกคราม ที่ กม. 793+478.50 จุดที่ 2 ระหว่างสถานีชุมทางเขาชุมทอง–ควนหนองคว้า ที่ กม. 788+323.69 และจุดที่ 3 ระหว่างสถานีบ้านนางหลง-บ้านขอนหาด ที่ กม.816+400.00 โดยทำการติดตั้งเครื่องกันถนนระบบอัตโนมัติ พร้อมป้ายเตือน จุดละ 4.5 ล้านบาท

นายสกล เปิดเผยว่า หากพิจารณาตามหลักเกณฑ์การพิจารณาทางตัดผ่าน เสมอระดับระหว่างทางรถไฟกับทางรถยนต์ บางจุดจะไม่สามารถขออนุญาตสร้างจุดตัดทางรถไฟได้ เนื่องจากขัดกับหลักเกณฑ์ที่กำหนด เช่น อยู่ใกล้ทางโค้ง อยู่ใกล้สะพาน เป็นต้น แต่เมื่อได้พิจารณาถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนแล้ว ถือว่า มีความคุ้มค่าที่จะสร้าง ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้เห็นชอบให้สร้างจุดตัดทางรถไฟที่เป็นทางลักผ่านทั้ง 3 จุดให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดนครศรีธรรมราชเสนอ ส่วนขั้นตอนต่อไปทางจังหวัดนครศรีธรรมราชจะได้เสนอมติของอนุกรรมการฯ ให้คณะกรรมการร่วมพิจารณาการขออนุญาตและการแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟกับถนนของกระทรวงคมนาคมได้พิจารณาต่อไป

ด้านนายกิตติ กำเนิดขอนแก่น สารวัตรแขวงบำรุงทางเขาชุมทอง การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในพื้นที่รับผิดชอบของแขวงบำรุงทางเขาชุมทอง ตั้งแต่ อ.ทุ่งสง อ.ร่อนพิบูลย์ อ.จุฬาภรณ์ อ.พระพรหม อ.เมือง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง มีจุดตัดทางรถไฟที่ถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 31 จุด บางจุดมีเครื่องกันอัตโนมัติ บางจุดเป็นป้ายระวังรถไฟ หรือ ป้ายจราจร ในส่วนที่เป็นทางลักผ่านทางรถไฟ ซึ่งไม่ถูกต้องตามกำหมายมีจำนวน 41 จุด ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องขับรถข้ามทางดังกล่าวโปรดใช้ความระมัดระวังในการสัญจรด้วย.



เมืองคอนทุ่มงบสร้างจุดตัดรถไฟอันตราย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เที่ยวบิน‘นรก’ ! ‘แอร์ แคนาดา’ ยางแตก ใบพัดหลุดโดนที่นั่งผู้โดยสาร
โดย ข่าวต่างประเทศ 10 พ.ย. 2557 13:27



อุบัติเหตุสุดระทึก.. เครื่องบินโดยสาร ‘แอร์ แคนาดา เอ็กซ์เพรส’ ยางระเบิดตูม หลังทะยานขึ้นจากสนามบิน จนนักบินต้องขอลงจอดฉุกเฉิน หนำซ้ำ เกียร์ลงจอดยังพัง จนใบพัดเครื่องบินหลุดไปแฉลบโดนที่นั่งผู้โดยสาร ได้รับบาดเจ็บ 4 คน

นสพ.เดลี่ เมล์ ในอังกฤษรายงาน เที่ยวบิน แอร์ แคนาดา เอ็กซ์เพรส ราวกับมาจาก ‘นรก’ เกิดอุบัติเหตุระทึก ยางล้อเครื่องบินเกิดระเบิดตูมสนั่น ขณะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากเมืองคัลแกรีย์ มุ่งหน้าไปยังเมืองแกรนด์ ไพร์รี รัฐอัลเบอร์ต้า ในประเทศแคนาดา จนต้องนำเครื่องบินลงจอดฉุกเฉิน เดชะบุญ เพียงแต่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 4 คน



สำหรับอุบัติเหตุของสายการบิน แอร์ แคนาดา เที่ยวบิน AC 8481 ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยหลังจากเครื่องบินทะยานขึ้นจากสนามบินเมืองคัลแกรีย์แล้ว ได้เกิดอุบัติเหตุยางล้อของเครื่องบิน เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น ทำให้นักบินต้องขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยาน เอ็ดมันตัน อินเตอร์เนชั่นแนล ในเมืองเอ็ดมันตัน แต่ปรากฏว่า ขณะลงจอด เครื่องบินได้เกิดกระแทกพื้นอย่างแรง ทำให้เกียร์ด้านขวาของเครื่องบินพังเสียหาย ส่งผลให้ใบพัดหนึ่งของเครื่องบินเกิดหลุดไปแฉลบทะลุลำตัวเครื่องบิน บริเวณกระจกหน้าต่างของที่นั่งผู้โดยสารอย่างน่าหวาดเสียว


---
@สภาพของเครื่องบินหลังลงจอดฉุกเฉิน
---
ข่าวแจ้งว่า ใบพัดของเครื่องบินได้หลุดมาโดนบริเวณที่นั่งของ คริสตินา คูรีย์โล นักจัดรายการวิทยุของสถานีวิทยุ ร็อค 97.7 ในเมืองแกรนด์ ไพร์รี จนทำให้เธอได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะ ‘ฉันโชคดีจริงๆ เพราะที่ผ่านมา ก็เคยได้ยินอุบัติเหตุเลวร้ายมามากมายเป็นล้านครั้ง ฉันสามารถตายได้เลยทีเดียว เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น’ คริสตินา คูรีย์โล เล่าวินาทีระทึก พร้อมบอกว่าขณะเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ ในห้องผู้โดยสารบนเครื่องบินเต็มไปด้วยควัน โดยคูรีย์โล เป็นหนึ่งใน ผู้โดยสาร 4 คน ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ และได้ถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลับอัลเบอร์ตา ขณะที่บนเครื่องบินเที่ยวนี้ มีผู้โดยสาร 71 คน และลูกเรือ 4 คน รวมทั้งสิ้น 75 คน


---
@คริสตินา คูรีย์โล รอดตายหวุดหวิด
---
ด้าน เจ้าหน้าที่ของ Jazz Aviation บริษัทผู้ประกอบการของสายการบินแอร์ แคนาดา เอ็กซ์เพรส กำลังตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินรุ่น Q400 ขนาด 2 เครื่องยนต์ ประสบอุบัติเหตุดังกล่าว

เที่ยวบิน‘นรก’ ! ‘แอร์ แคนาดา’ ยางแตก ใบพัดหลุดโดนที่นั่งผู้โดยสาร - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

กองทัพฟิลิปปินส์กักตัวทหารเฝ้าระวังอีโบลา Mon, 10/11/2014 - 16:28

กองทัพฟิลิปปินส์กักตัวทหาร 108 นายที่กลับจากการปฏิบัติภารกิจในไลบีเรีย 21 วันเพื่อเฝ้าระวังเชื้ออีโบลา พร้อมสั่งระงับการส่งทหารไปยังแอฟริกาตะวันตก

<iframe width="615" height="346" src="//www.youtube.com/embed/2FqK6RMDTSo" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

พล.อ.เกรกอริโอ กาตาปัง เสนาธิการทหารของกองทัพฟิลิปปินส์ แถลงว่าทหาร 108 นายที่เข้าร่วมกับกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในประเทศไลบีเรีย กำลังจะเดินทางกลับประเทศในวันที่ 12 พ.ย. 2557 แต่ทั้งหมดจะถูกกักตัวบนเกาะ "คาบัลโล่" อ่าวมะนิลาเป็นเวลา 21 วัน เพื่อเฝ้าดูอาการของเชื้ออีโบลา แม้ว่าเจ้าหน้าที่แพทย์ของยูเอ็นในไลบีเรียได้ตรวจร่างกายทหารชุดดังกล่าวแล้วและไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อ แต่เพื่อความมั่นใจจึงต้องมีการกักตัวดูอาการอีกครั้ง

ทั้งนี้ การระบาดของเชื้ออีโบลาอย่างรุนแรงในแอฟริกาตะวันตก ทำให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ให้ความสำคัญกับมาตรการเฝ้าระวังและตัดสินใจระงับการส่งทหารไปภูมิภาคดังกล่าวชั่วคราว ซึ่งฟิลิปปินส์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความเสี่ยงจะเกิดการระบาดของเชื้ออีโบลา เนื่องจากชาวฟิลิปปินส์หลายล้านคนออกไปทำงานในต่างประเทศและอาจจะมีผู้ติดเชื้ออีโบลาเดินทางกลับเข้าประเทศ

กองทัพฟิลิปปินส์กักตัวทหารเฝ้าระวังอีโบลา - ข่าวไทยพีบีเอส - Thai PBS ...

 

กองทัพอิรักตรวจสอบกระแสข่าว "ผู้นำกลุ่มไอซิส" เสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ Tue, 11/11/2014 - 09:38



มีกระแสข่าวแพร่สะพัดในอิรักว่า อาบู บาการ์ อัล-แบกแดดดี ผู้นำของกลุ่มไอเอส เสียชีวิตแล้วจากปฎิบัติการโจมตีทางอากาศของกำลังพันธมิตรนานาชาติ แต่สหรัฐฯ ระบุยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่

โฆษกกองทัพอิรักเปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบรายงานที่ว่า อาบู บาการ์ อัล-แบกแดดดี ผู้นำกลุ่มไอเอสได้รับบาดเจ็บหรืออาจเสียชีวิตแล้ว จากการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองกำลังนานาชาติภายใต้การนำของสหรัฐฯ ในจังหวัดอันบาร์ ทางภาคตะวันตกของอิรัก นอกจากนี้ยังเปิดเผยอีกว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศดังกล่าวสร้างความสูญเสียอย่างหนักให้กับกลุ่มไอเอสที่ยึดครองพื้่นที่ในเขตคาอิม และมีบุคคลสำคัญของกลุ่มไอเอสได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2557 กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทยของอิรักออกแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์ของรัฐระบุว่า อาบู บาร์กา อัล-แบกแดดดี ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดนอกเหนือจากนี้

ด้านนางเจน พาซากิ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐญ แถลงกับผู้สื่อข่าวในกรุงวอชิงตันว่า ยังไม่สามารถยืนยันรายงานข่าวที่ว่า อัล-แบกแดดดี เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศ

ทั้งนี้ อัล-แบกแดดดี ซึ่งเชื่อกันว่ามีอายุราวๆ 40 ปี ถูกตั้งค่าหัวเป็นเงินถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังนำกำลังบุกยึดดินแดนทั้งในซีเรียและอิรักเพื่อประกาศจัดตั้งเป็นรัฐอิสลาม โดยหลังก่อตั้งกลุ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2553 อัล-แบกแดดดีได้เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นเครือข่ายของกลุ่มอัลกออิดะห์ ไปเป็นกองกำลังติดอาวุธอิสระ


กองทัพอิรักตรวจสอบกระแสข่าว "ผู้นำกลุ่มไอซิส" เสียชีวิตในปฏิ...