ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สาธารณสุขสิงคโปร์ออกมาตรการสกัดอีโบลา ให้ชาวแอฟริกาตะวันตกขอวีซ่าก่อนเข้าประเทศ Mon, 03/11/2014 - 21:34

    สิงคโปร์เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังการระบาดของไวรัสอีโบลา ด้วยการกำหนดให้ประชาชนจากประเทศที่มีการระบาดรุนแรงในแอฟริกาตะวันตก ต้องขอวีซ่าก่อนเดินทางเข้าสิงคโปร์

    <iframe width="615" height="346" src="//www.youtube.com/embed/PqiHEJ2QjiI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


    กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์แถลงว่า นับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.57 เป็นต้นไป ประชาชนจากประเทศกินี,เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย จะต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าสิงคโปร์ จากเดิมที่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

    มาตรการใหม่นี้มีขึ้นเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสอีโบลา เพื่อให้ทางการสามารถติดตามตรวจสอบพลเมืองจาก 3 ประเทศนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีการติดเชื้อ จะช่วยให้ทางการสามารถติดตามอยู่ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าติดเชื้อได้

    นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ยังทำระบบคัดกรองที่สนามบินนานาชาติชางฮี โดยผู้โดยสารที่มีไข้จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อวินิจฉัยว่าติดเชื้ออีโบลาหรือไม่

    องค์กร Africa Governance Initiative เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสอีโบลาในเซียร์ราลีโอน 1 ใน 3 ประเทศแอฟริกาตะวันตกที่มีการระบาดรุนแรงที่สุด โดยพบว่าอัตราการติดเชื้อในพื้นที่รอบๆ กรุงฟรีทาวน์ เพิ่มขึ้นเฉลี่ยวัน 12 คน ถือว่าเพิ่มขึ้น 9 เท่าเมื่อเทียบกับสถานการณ์ช่วงต้นเดือนกันยายน 2557 ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยวันละ 1.3 คน

    ส่วนสถานการณ์การระบาดในเมืองหลวงฟรีทาวน์ เพิ่มขึ้น 6 เท่า ขณะที่ตัวเลขของผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 4,941 คน ติดเชื้อ 13,540 คน ส่วนเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ติดเชื้ออีโบลาในประเทศเซียร์ราลีโอน และถูกส่งตัวมารักษาในฝรั่งเศส โดยไม่มีการเปิดเผยว่าผู้ติดเชื้อเป็นคนสัญชาติใด รายงานล่าสุดระบุอาการทรงตัวแล้ว

    สาธารณสุขสิงคโปร์ออกมาตรการสกัดอีโบลา ให้ชาวแอฟริกาตะวันตกขอวีซ่าก่อนเ...
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เวิลด์แบงก์เรียกร้องเอเชียช่วยประเทศอีโบลา
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ การเมือง : สถานการณ์โลก วันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 18:00

    [​IMG]

    ประธานธนาคารโลกเรียกร้องให้ประเทศในเอเชียส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดไวรัสอีโบลา


    นายจิม ยอง คิม ประธานธนาคารโลก แถลงในกรุงโซลของเกาหลีใต้วันนี้ (4 พ.ย.) ว่า ขอเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วเอเชีย ช่วยกันส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ได้รับการฝึกอบรมไปช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก

    นอกจากนี้ นายคิมยังชื่นชมความพยายามของเกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น ที่ส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ไปต่อสู้กับเชื้อมรณะนี้ และเสริมว่า เอเชียมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จำนวนมากที่สามารถมีบทบาทสำคัญในการช่วยยับยั้งไวรัสอีโบลาได้ แต่ปัจจุบัน หลายประเทศในเอเชียที่มีศักยภาพพอที่จะช่วยได้ กลับไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือเท่าที่ควรจะเป็น

    นอกจากนี้ ประธานธนาคารโลกยังเตือนว่า การให้ความสำคัญกับการควบคุมพรมแดนเพียงอย่างเดียวไม่ใช่วิธีรับมือที่ถูกต้อง โลกจำเป็นต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ มิฉะนั้นเชื้ออีโบลาก็จะแพร่กระจายไปทุกประเทศ รวมถึงเอเชียด้วย

    นายคิมเสริมว่า เอเชียจะต้องส่งทีมเจ้าหน้าที่ที่ถูกฝึกอบรมแบบมืออาชีพไปยังประเทศที่ได้รับผลกระทบจากอีโบลาหนักที่สุด ได้แก่ กินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน เพราะขณะนี้ในพื้นที่ดังกล่าวมีทีมการแพทย์จากทั่วโลกเพียง 30 ทีมเท่านั้น

    ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้ออีโบลากว่า 13,000 คน เสียชีวิตแล้วเกือบ 5,000 คน และยอมรับว่าตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนสั่งห้ามเผากงเต็กลดปัญหาหมอกควัน
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ การเมือง : สถานการณ์โลก
    วันที่ 4 พฤศจิกายน 2557 18:15

    [​IMG]

    ทางการจีนสั่งห้ามเผากงเต็ก หวังช่วยลดปัญหาหมอกควัน ก่อนจัดประชุมเอเปค


    ทางการจีนออกคำสั่งห้ามประชาชนเผากงเต็ก หรือการเผาเสื้อผ้า เงินทองไปให้ญาติพี่น้องผู้ล่วงลับตามความเชื่อในพิธีศพ ว่าจะทำให้ญาติที่จากไปสู่ปรโลกมีเสื้อผ้าอาภรณ์สวมใส่ มีชีวิตที่สุขสบายหลังความตาย โดยกฎดังกล่าวมีขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหามลภาวะทางอากาศระหว่างการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกหรือเอเปก ในสัปดาห์หน้า ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีนจะเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำหลายประเทศรวมทั้งสหรัฐ รัสเซีย และญี่ปุ่น

    ทั้งนี้ กรุงปักกิ่ง ของจีน ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องหมอกควันพิษมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และเพื่อต้อนรับการเป็นเจ้าภาพจัดเอเปกครั้งนี้ รัฐบาลจีนได้กำหนดมาตรการคุมเข้มการใช้รถยนต์ นอกจากนี้ยังสั่งให้โรงงานต่างๆ หยุดงานชั่วคราว และให้เจ้าหน้าที่ในภาครัฐหยุดงานได้ 6 วันในเขตปริมณฑลเพื่อป้องกันปัญหาหมอกควันดังกล่าวนี้อีกด้วย

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เปิดแผนรัฐบาลสหรัฐสกัดไอเอส
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2557 07:00

    [​IMG]

    สหรัฐวางมาตรการตรวจเข้มต่างชาติ เน้นตรวจสอบผู้เดินทางจากยุโรปและเอเชีย หวั่นมีนักรบไอเอสจากซีเรีย-อิรักแฝงตัว


    นายเจห์ จอห์นสัน รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐ กล่าวว่า คนที่เดินทางมาจากประเทศที่อยู่ในโครงการ วีซ่า เวฟเวอร์ โปรแกรม หรือ วีดับเบิลยูพี ซึ่งได้รับเอกสิทธิ์เดินทางเข้ามาในสหรัฐได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า จะต้องกรอกข้อมูลเพิ่มเติมในแบบฟอร์มทางออนไลน์ เพื่อรับการตรวจสอบว่า มีคุณสมบัติที่จะเข้าสหรัฐได้หรือไม่

    นายจอห์นสัน ระบุว่า สหรัฐ เตรียมใช้ขั้นตอนที่มีความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของวีดับเบิลยูพี และต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องขอวีซ่าเข้ามา เพราะกลัวว่าอาจจะมีกลุ่มหัวรุนแรงในซีเรียและอิรัก ที่ถือพาสปอร์ตของประเทศเหล่านี้ปะปนเข้ามา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บุคคลเหล่านี้สามารถเล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่เข้ามาในสหรัฐได้หลายครั้ง

    นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยของสหรัฐ ยังเผยรายชื่อประเทศที่เข้าร่วมโครงการ วีดับเบิลยูพี ว่ามีด้วยกันทั้งหมด 38 ประเทศ อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และประเทศอื่นๆในยุโรป รวมถึงประเทศและดินแดนในเอเชีย อย่าง ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ และเกาหลีใต้

    นายจอห์นสัน กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยสหรัฐ เป็นกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรียและอิรัก ซึ่งความไร้เสถียรภาพที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทั้งสองดินแดน ดึงดูดกลุ่มหัวรุนแรงต่างชาติ รวมถึงคนจากประเทศในกลุ่มวีดับเบิลยูพี เข้ามาในสหรัฐ หรือเข้าไปในประเทศแถบยุโรป ยกตัวอย่างกรณีที่มีชาวซีเรียเดินทางเข้าไปในยุโรปเพื่อก่อการร้าย และเหตุกราดยิงพิพิธภัณฑ์ในเบลเยี่ยม เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

    เมื่อไม่นานมานี้ กองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส เพิ่งเผยแพร่คลิปวีดิโอการตัดศีรษะพลเรือนสหรัฐที่จับตัวมาเป็นตัวประกัน เพื่อแก้แค้นที่ถูกสหรัฐปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ

    นายจอห์นสัน เสริมด้วยว่า ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่เข้าร่วมโครงการได้รับการยกเว้นวีซ่านี้ จะต้องกรองแบบฟอร์มออนไลน์ ที่เรียกว่า อิเล็กทรอนิกส์ ซิสเต็ม ฟอร์ แทรเวล ออโธไรเซชัน หรือ เอสตา และจ่ายค่าธรรมเนียม แต่มาตรการใหม่ที่ออกมาเมื่อวันจันทร์ (3 ต.ค.)กำหนดเพิ่มเติมว่า ผู้ที่เดินทางจากประเทศเหล่านี้ จะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในพาสปอร์ต ข้อมูลติดต่อ และชื่ออื่นที่ใช้ เพิ่มเติมในแบบฟอร์มเอสตา

    กระทรวงมหาดไทยของสหรัฐ หวังว่า ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นมาจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงรับรู้ถึงภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นกับสหรัฐ และป้องกันไม่ให้บุคคลที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายเข้ามาในประเทศได้ โดยมั่นใจว่ามาตรการนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างสหรัฐกับบรรดาพันธมิตรทั้งหลายในโครงการ "วีซ่า เวฟเวอร์ โปรแกรม"

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กระทบ!!! ธุรกิจคาสิโนตกต่ำ!! หลังจีนปราบคอรัปชั่น!
    05-11-2014 11:06

    [​IMG]

    กระทบ!!! ธุรกิจคาสิโนตกต่ำ!! หลังจีนปราบคอรัปชั่น!
    ธุรกิจคาสิโนในมาเก๊าซบเซา หลังรัฐบาลจีนเริ่มปราบปรามคอรัปชั่นอย่างจริงจัง

    วันนี้(5 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธุรกิจคาสิโนในมาเก๊า ประเทศจีน เข้าขั้นซบเซาอย่างหนัก โดยมีรายได้รวมเมื่อเดือนตุลาคมอยู่ที่ 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลงจากปีก่อนถึง 23.2% กลายเป็นตัวเลขที่ตำที่สุดตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลรายได้ของคาสิโนตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา ส่งผลให้กระทบต้อระบบเศรษฐกิจของมาเก๊าเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีรายได้หลักมาจากบ่อนการพนัน

    โดยสาเหตุ เกิดขึ้นจาก ทางการจีนได้เร่งปราบปรามคอรัปชั่น ตามนโยบายของประธานาธิบดีจีน ที่ต้องการถอนรากถอนโคนคอรัปชั่นออกไปจากประเทศ ส่งผลให้นักพนันหลายคน หลีกเลี่ยงการการเดินทางมาเล่นการพนันในมาเก๊า เนื่องจากมีความกังวลว่าจะตกเป็นเป้าจากรัฐบาล

    ทั้งนี้ มาเก๊า ถือเป็นเมืองแห่งการพนันที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีลาสเวกัส ในสหรัฐอเมริกา ตามมาเป็นอันดับ 2

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Piyacheep S.Vatcharobol

    จากที่ถามกันมามากมายว่า ประชากรโลก ๒ ใน ๓ ส่วนจะหายไปนั้นสถานการณ์โลกจะเลวร้ายอย่างใดกับการสลับขั้วสนามแม่เหล็กโลก และทำให้โลกทางกายภาพเคลื่อนที่ สารขัณฑ์ประเทศจะไปอยู่ที่ใด

    ผมก็ขอคัดเอาส่วนหนึ่งของการบรรยายมาให้ดู ขอให้ดูที่ละภาพ อ่านที่ละภาพ แล้วท่านจะเห็นภาพรวมเองนะครับ ฝรั่งว่ากระบวนการสลับขั้วใช้เวลา ประมาณ ๕๒ วัน โลกทั้งสบัด ทั้งเหวี่ยง ทั้งแกว่ง ทั้งกลับหัวตีลังกา น้ำทะเล มหาสมุทรจะกระฉอกไปมา เมืองชายทะเลราบพนาสูญ พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ขั้วโลกเหนือมืดไป ๓ วัน โลกจะหมุนช้าลง ช้าลงเรื่อยๆ ๑๘ วัน แล้วจะหยุดมุน ๖ วัน โชคดีที่สารขัณฑ์ประเทศอยู่ในด้านมืด ๖ วัน ผจญความหนาว มากกว่ารังสีและความร้อนแล้ง จากนั้นโลกจะเคลื่อนตัวขยับครั้งสุดท้ายเพียง ๑ ชั่วโมง แผ่นดินไหว ๙ ริคเตอร์ เฮอริเคนสะพัดไปทั่วโลก ภูเขาไฟระเบิดพร้อมๆกันหมด ทั้งไฟไหม้ ฟ้าผ่า แลป ร้อง ระงมไปทั่ว

    ส่วนท่านที่ต้องการดูต้นฉบับ ก็เปิดคลิปดูได้นะครับ
    <iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/Ezwy3LWb1Ww" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    แต่ก็มีคนรอดนะครับ อย่าไปตกใจ เขาเขียนเป็นวิชาการดีมาก เขียนมานานแล้ว อัดคลิปก็นานแล้ว แต่ก่อนนาซ่าก็เถียงยิกๆๆๆๆๆ
    ตอนนี้นาซ่าเองเอาข่าว ดาวคู่แฝด Binary Star มาเผยแพร่เองซะนิ

    ลับ ลวง พลาง ศึกษาเป็นข้อมูลนะครับ

    ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็แล้วแต่ หากมีสติ
    ก็จะมีทางออกทางรอดทางปลอดภัยได้นะครับ

    ท้ายนี้ไม่ได้ทวงอะไร เพียงแต่อยากจะบอกว่า รูปประจำเครือข่ายรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินภาคประชาชน ที่ผมเอารูปพายุหมุนมาขึ้นไม่ยอมเปลี่ยน ด้วยมั่นใจในข้อมูลว่าต้องเกิด เกิดมากขึ้น และแรงขึ้น

    ท่านใดที่เคยปรมาสผมไว้ ผมก็ไม่ขออะไรมาก ขอให้ท่านจงเตรียมพร้อมเพื่อตัวท่านเองและครอบครัวให้ดีๆ และหากเป็นไปได้ ช่วยกระจายข่าวเตือนคนเรื่องอภิมหาพิบัติภัย ให้คนเตรียมตัว เตรียมใจต่อๆกันไปด้วยนะครับ

    นำกฏไตรลักษณ์มาศึกษาให้ถ่องแท้
    คุณความดีที่เกิดขึ้น ก็ต้องยกให้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่สั่งสอน แนะนำ ชี้แนวทางกันมา ตั้งแต่ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ดร.เทพนม เมืองแมน ดร.ระพี สาคริก พระอาจารย์รัตน์ หลวงพ่อร่มโพธิ์ศรีสุริยะ เป็นต้น

    สิ่งที่ผิดพลาด หรือ ก่อให้เกิดทุกข์ กายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี กระผมขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว และโปรดจงอโหสิกรรมให้แก่กันและกันด้วยนะครับ อโหสิ อโหสิ อโหสิ นะครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ต่อน่ะครับ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "ประยุทธ์" เตรียมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพประชุมป้องกันอีโบลาต่อนานาชาติ
    updated: 05 พ.ย. 2557 เวลา 07:27:26 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 พ.ย. 2557 ร.อ. นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวแถลงหลังการประชุม ครม. ว่า ครม. เห็นชอบตามกระทรวงสาธารณสุข เสนอให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับนานาชาติ เกี่ยวกับการป้องกันอีโบลา 2 การประชุม ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน+3 เรื่อง การเตรียมพร้อมและแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา เป็นเวลา 1 วัน และ การประชุมวิชาการเจ้าหน้าที่อาวุโส เรื่องการเตรียมพร้อมและแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา เป็นเวลา 1 วัน ที่กรุงเทพมหานคร ในเดือนธันวาคม 2557

    ร.อ.นพ. กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี จะหยิบยกประเด็นนี้ไปเสนอในที่ประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ครั้งที่ 22 ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 7-11 พ.ย. นี้ และจะเสนอในที่ประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 9วันที่ 13 พ.ย. นี้ ณ กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์ด้วย

    นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบร่างเอกสาร 10 ฉบับ เกี่ยวข้องกับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 25 ที่ ณ กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์ ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ย. นี้ โดยโฆษกสำนักนายกฯ ระบุว่า ในการประชุมนี้จะมีการประชุมอื่นๆ คู่ขนาน ได้แก่ รวมทั้ง การประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม, การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก และการประชุมสุดยอดอาเซียน – สหประชาชาติ โดยเอกสารทั้ง 10 ฉบับ ได้แก่ 1. ร่างปฏิญญาว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสำนักเลขาธิการอาเซียน และการทบทวนองค์กรต่างๆ ของอาเซียน

    2. ร่างปฏิญญาเนปิดอว์ ว่าด้วยวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน

    3. ร่างแผนงานชั่วคราว อาเซียน-สหประชาชาติ พ.ศ.2557-2558

    4. ร่างปฏิญญาการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก ว่าด้วยการปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่า

    5.​ ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยแนวทางในการตอบสนองอย่างเร่งด่วนต่อภัยพิบัติ
    ​​
    6.ร่างแถลงการณ์ร่วม/ปฏิญญาการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกครั้งที่ 9 ว่าด้วยการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาของภูมิภาค

    ​​7. ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยความรุนแรงและความโหดร้ายที่เพิ่มขึ้นจากการกระทำขององค์กรก่อการร้าย/หัวรุนแรงในอิรักและซีเรีย

    8.ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือทางทะเลของภูมิภาค

    ​9.ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-สหรัฐฯว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

    10. ร่างแถลงการณ์ร่วมผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลียในโอกาสครบรอบ 40 ปี แห่งความสัมพันธ์คู่เจรจาอาเซียน-ออสเตรเลีย

    "ประยุทธ์" เตรียมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพประชุมป้องกันอีโบลาต่อนานาชาติ : ประชาชาติธุรกิจออนไ
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยอดเขาหิมะในอินโดนีเซียทำนักวิทยาศาสตร์ทึ่ง อยู่เส้นศูนย์สูตรแต่น้ำแข็งคลุมตลอด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 ตุลาคม 2557 19:06 น.

    [​IMG]

    ยอดสูงปันจักจายา (Puncak Jaya) ในกูเกิ้ลเอิร์ธ น้ำแข็งอาจจะอยู่บนยอดนี้มาหลายร้อย หลายพันปีหรือหลายหมื่นปี ไม่มีผู้ใดทราบและวันนี้ก็ยังอยู่ ผิดไปจากที่นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่ง ที่ขึ้นไปสำรวจและคาดเอาไว้เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วว่า สภาวะโลกร้อนจะทำให้หิมะที่นี่ละลายหายไปในอีกไม่นาน นักวิทยาศาสตร์อเมริกันอีกคนหนึ่ง เปิดเผยผลการศึกษาวิจัยในเดือนนี้ อธิบายสาเหตุที่ยอดสูงในปากีสถานมีหิมะปกคลุมทั้งปีเช่นกัน ในขณะที่ส่วนอื่นๆ ของหิมาลัยนั้น หิมะเริ่มหายไปเช่นเดียวกันกับธารน้ำแข็ง แต่ยอดสูงในอินโดนีเซียแห่งนี้ยังไม่มีคำตอบ. .


    ASTVผู้จัดการออนไลน์ - บางทีทฤษฎีโลกร้อนอย่างเดียวอาจไม่สามารถใช้อธิบายการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่สลับซ้อนเช่นในปัจจุบันได้ นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องนี้กล่าวว่า ในขณะที่ธารน้ำแข็งทั่วไปในโลกนี้ค่อยๆ ละลายไป หรือเสื่อมสภาพลงไปเรื่อยๆ แต่สถานการณ์แบบนี้กลับไม่เกิดขึ้นในแถบเทือกเขาคาราคอรัม (Karakoram) แหล่งที่ตั้งของง K2 ซึ่งเป็นยอดสูงสุดอันดับที่ 2 ของโลกที่ชายแดนปากีสถาน-จีน และไกลออกไปทางทิศใต้ ยอดสูงปันจักจายา (Puncak Jaya) ในจังหวัดปาปัว (Papua) ของอินโดนีเซีย ก็เป็นส่วนหนึ่งในความน่าฉงนนี้

    เป็นที่ทราบกันดีว่า ในภาคเหนือพม่า มียอดเขาก๋ากะบอราซี (Hkakabo Razi) เป็นยอดสูงที่สุดในแผ่นดินใหญ่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยความสูง 5,900 เมตร และที่นั่นมีน้ำแข็งปกคลุมตลอดทั้งปี แต่บนเกาะนิวกินี ยอดปันจักจายา ที่สูง 4,800 เมตรเศษ กลับน่าทึ่งยิ่งกว่า เพราะว่าเป็นยอดเขาในแถบเส้นศูนย์สูตรของทวีปเอเชีย คณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ สหรัฐฯ ได้ขึ้นไปสำรวจเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว และเชื่อว่าน้ำแข็งจะละลายหายไปในไม่ช้านี้ ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้น และยังไม่มีวี่แวว

    ตามข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ยอดเขาปันจักจายา เป็นยอดสูงที่สุดในย่าน “โอเชียเนีย” (Oceania) หมายถึงดินแดนทวีปใหญ่ออสเตรเลีย กับนิวซีแลนด์ที่อยู่ทางทิศตะวันออก และหมู่เกาะใกล้เคียงที่อยู่ถัดขึ้นไปทางทิศเหนือ ซึ่งรวมทั้งดินแดนบางส่วนของอินโดนีเซีย กับอีกหลายประเทศเกาะในย่านเดียวกันด้วย และยอดปันจักจายา ก็ยังครองแชมป์ยอดสูงที่สุดในโลก ที่อยู่บนเกาะอีกด้วย นอกจากนั้น ก็ยังเป็นยอดเขาสูงที่สุดระหว่างเทือกเขาหิมาลัย ที่พาดผ่านดินแดนของหลายประเทศในย่านเอเชีย กับเทือกเขาแอนดีส (Andes) ในอเมริกาใต้ ที่อยู่ไกลออกไป ในอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก

    กรณีทีเทือกเขาคาราคอรัม ซึ่งพาดผ่านชายแดนอินเดีย ปากีสถาน กับจีนนั้น แตกต่างไปจากย่านอื่นๆ ของทิวเขาหิมาลัยทั้งมวลที่มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่า เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมักจะไม่ค่อยมีฝนตกในฤดูร้อน และน้ำแข็งปกคลุมหนาแน่นตลอดเวลา จึงมีโอกาสละลายน้อยกว่า ทั้งนี้ เป็นผลการศึกษาวิจัยของ ดร.ซาราห์ แคปนิก (Sarah Capnick) แห่งมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน โดยรวบรวมข้อมูลพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาของปากีสถาน และข้อมูลจากดาวเทียม เพื่อศึกษารูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ในบริเวณเทือกเขาหิมาลัยระหว่างปี 1861-2100

    “นี่ได้ให้คำตอบว่า เพราะเหตุใดคุณจึงได้เห็นหิมะตกมากขึ้นในอาณาบริเวณนี้ และมีธารน้ำแข็งมากขึ้น หรือมีธารน้ำแข็งที่มั่นคงมากขึ้นในเขตร้อน” ดร.แค็ปนิก เปิดเผยนี้ต่อ LiveScience เว็บไซต์ข่าวสารทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งได้เผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับผลการศึกษาวิจัยเรื่องนี้อีกมาก

    เธอกล่าวว่า รูปแบบที่ศึกษากันเมื่อก่อนนี้ ประเมินอุณหภูมิในแถบคาราคอรัม “สูงเกินไป” และยังประเมินปริมาณหิมะที่ตกในบริเวณนี้ “ต่ำเกินไป” อีกด้วย ซึ่งได้ทำให้เกิดสิ่งที่ไม่ปกติขึ้นในอาณาบริเวณดังกล่าวของเทือกเขาหิมาลัย

    ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง เทือกก๋ากะบอราซีในพม่า ซึ่งอยู่ปลายสุดทางทิศตะวันออกของคาราคอรัม ก็คงจะได้อานิสงส์จากสภาพการณ์เดียวกันนี้
    คลิก เพื่อชมวีดีโอ [ame=http://vimeo.com/12955654]Indonesia's Last Glaciers on Vimeo[/ame] .


    <iframe src="//player.vimeo.com/video/12955654" width="500" height="375" frameborder="0" webkitallowfullscreen mozallowfullscreen allowfullscreen></iframe>

    อย่างไรก็ตาม ใต้ลงไปในจังหวัดเกาะที่ครึ่งหนึ่งเป็น จ.ปาปัว ของอินโดนีเซีย หรือ จ.อิเรียนจายา ในอดีต อีกครึ่งของเกาะเดียวกันเป็นประเทศปาปัวนิวกินี สำหรับเรื่องนี้กลับยังไม่มีคำตอบ ยอดเขาปันจักจายาอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร ซึ่งก็คือบริเวณที่พื้นผิวโลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด และการศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ เมื่อปี 2552-2553 ได้พบว่า หิมะอาจจะอยู่ที่นั่นมาตั้งนานแล้ว อาจจะนานตั้งแต่มียอดเขาลูกนี้ขึ้นมา คณะได้ขุดเจาะลงไปจนถึงแก่นชั้นล่างของน้ำแข็ง นำตัวอย่างไปตรวจสอบและศึกษา ซึ่งอาจจะทำให้ทราบว่า ภูมิอากาศของโลกในยุคต่างๆ ในบริเวณนั้นเปลี่ยนแปลงมาอย่างไรบ้าง ในช่วงหลายร้อยปี หลายพันปี หรืออาจจะนับหมื่นๆ ปีที่ผ่านมา

    พวกเขากล่าวในปีนั้นว่า ทุกคนต้องทำงานแข่งเวลาก่อนจะสายเกินไป ซึ่งหมายถึงว่าปีข้างหน้าอาจจะไม่มีน้ำแข็งลงเหลือให้ศึกษาอีก ซึ่งคาดผิดไปถนัด

    คนทั่วไปรู้จักอินโดนีเซียดีในฐานะเป็นประเทศหมู่เกาะใหญ่ในกลุ่มอาเซียน และมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่หลายลูก พ่นลาวาออกมาให้เป็นข่าวประจำเกือบจะทุกปี แต่ยอดสูงปันจักจายาที่อยู่ไกลออกไปทางทิศตะวันออกของเกาะชวา ถูกพูดถึงน้อยกว่า ยิ่งไปกว่านั้นก็คือคนจำนวนมากไม่รู้ว่า ยอดเขาแห่งนี้มีหิมะปกคลุมตลอดปี และยังมีธารน้ำแข็ง (Glacier) เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนอีกด้วย

    นี่คือ เรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมของโลกให้ความสนใจ

    ตามข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ปันจักจายา สูง 4,884 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นยอดสูงอันดับ 2 ในอาเซียนเมื่อเทียบกับยอดสูงในภาคเหนือพม่า เป็นเขาสูงที่สุดในอินโดนีเซีย ในเทือกเดียวกันยังมียอดสูง ที่มีความสูงลดหลั่นกันลงไปอีกหลายยอด คือ ตั้งแต่ 4,870 ลงไปจนถึง 4,808 เมตร แต่ก็มีเพียงยอดปันจักจายา ที่มีหิมะคลุมอยู่ตลอดเวลา หรืออย่างน้อยที่สุดก็ในขณะนี้.
    .
    [​IMG]
    ---
    @อยู่ใน จ.นิวกินี ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของหมู่เกาะอินโดนีเซีย ยังมีคนอีกมากยังไม่ทราบว่า ที่นี่เป็นหลังคาสูงเป็นอันดับสองของกลุ่มอาเซียน รองจากพม่า.
    ---

    ยอดสูงแห่งปริศนา
    Ohio State University

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รวบอีกแก๊งนางแบบฮานอย เรียกแขกซูเปอร์วีไอพี 1,500 ดอลลาร์ค่ายิงประตู
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤศจิกายน 2557 22:17 น.

    [​IMG]

    อานนีงถู่โด (An Ninh Thu Do) ยังสงวนชื่อของหญิงสาวสองคนที่ถูกจับกุมในกรณีล่าสุด ถ้าหากเปิดเผยออกมาก็คงจะช็อกตาตั้งกันทั้งวงการอีกครั้ง สื่อออนไลน์กล่าวแต่เพียงว่า หนึ่งในสองคนเป็นเจ้าของรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการประกวดเมื่อปี 2556 ทั้งสองเลือกเฉพาะแขกระดับ "ซูเปอร์วีไอพี" เท่านั้น เจาะจงโรงแรม 5 ดาว และ เลือกสถานที่นัดหมายอื่นๆ ด้วยตัวเองทั้งหมด และ มีหลายครั้งที่พวกเธอบอกปฏิเสธไม่รับงานในภายหลัง. -- ภาพ: อานนีงถูกโด.


    ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ตำรวจเวียดนามได้จู่โจมห้องพักของโรงแรมหรูหลังหนึ่งในนครหายฝ่องสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และ จับกุมสาวสวย 2 คนได้แบบคาหนังคาเขา ขณะประกอบกามกิจกับแขกชาวต่างประเทศโดยแยกห้องกันและตำรวจได้ตั้งข้อหาค้าประเวณี นอกจากนั้นยังสามารถสาวไปถึงตัวชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ในคืนเดียวกัน และตั้งข้อหาจัดให้มีการค้าประเวณี ซึ่งทั้งสองกรณีมีโทษถึงจำคุกหรือทั้งจำทั้งปรับ

    การสอบประวัติพบว่า หญิงสาวทั้งสองคนเป็นนางแบบระดับชาติ ที่มีชื่อในวงการว่า HHY กับ DTT มีเคหะสถานที่ถนนกิมม้า (Kim Ma) อำเภอบาดี่ง (Ba Dinh) กรุงฮานอย โดยวันที่ 2 พ.ย. เดินทางไปยังหายฝ่อง (Hai Phong) ที่อยู่ห่างออกไปราว 90 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เพื่อไปให้บริการแก่แขกชาวต่างชาติ ตามการนัดหมายของชายหนุ่มที่ถูกจับกุมในคราวเดียวกันด้วย

    หนังสือออนไลน์พิมพ์อานนีงถู่โดรายงานเรื่องนี้ในเว็บไซต์ โดยไม่ระบุชื่อของหญิงสาวทั้งสอง แต่กล่าวว่าคนแรก "เป็นนางแบบที่มีชื่อเสียง สวย เซ็กซี่ที่สุด หน้าตาสวยมากและรูปร่างดีมาก" เธอมีผลงานภาพถ่ายจำนวนมาก ในนิตยสารชั้นนำของประเทศ และ เคยได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการประกวดเมื่อปี 2556" และ ยังมีภาพถ่ายแฟชั่นในชุดบิกินีออกมาหลายชุด ผ่านนิตยสารแนวสตรี-แฟชั่นหลายฉบับ ที่ได้สร้างความฮือฮาในวงการมาเป็นระยะ

    "หลังจากได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดครั้งนั้น HHY ได้ก้าวเข้าสู่วงการนางแบบอย่างเต็มตัว แต่ได้เริ่มหันเหออกนอกลู่นอกทางก็เมื่อไม่นานมานี้ โดยการชักชวนของบุคคลรอบข้าง" แต่ก็ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่า อะไรเป็นแรงจูงใจที่ทำให้เธอยอมเสี่ยง และ เปลี่ยนสถานะทางสังคมของตนในครั้งนี้อย่างสิ้นเชิง" อานนีงถู่โดกล่าว

    อย่างไรก็ตามทั้ง HHY และ DTT ไม่ได้ขายบริการทางเพศแบบสะเปะสะปะ แต่เลือกเฉพาะลูกค้าระดับ "ซูเปอร์วีไอพี" และ เลือกแขกของพวกเธออย่างระมัดระวัง ทั้งสองคนยังเลือกโรงแรมและเจาะจงต้องเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวเท่านั้น พวกเธอยังเลือกสถานที่นัดหมายต่างๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งหลังจากมีการแนะนำให้รู้จักกันแล้ว ก็จะติดต่อโดยยตรงกับแขกอีกครั้งหนึ่ง "ที่ผ่านมามีหลายครั้งที่พวกเธอได้บอกปฏิเสธที่จะรับงานในภายหลัง" สื่อออนไลน์ภาษาเวียดนามยอดนิยมกล่าว

    สัปดาห์นี้ตำรวจนครหายฝ่องได้ร่วมกับตำรวจนครบาลกรุงฮานอย ขยายผลการสอบสวนสืบสวน โดยเชื่อว่ายังอาจจะมีสมาชิกร่วมแก๊งกับผู้เกี่ยวข้อง ที่เป็นทั้งหน้าม้าและผู้จัดหาให้มีการค้าประเวณีอยู่อีกจำนวนหนึ่ง

    นับเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ที่มีข่าวการกวาดล้างแก๊งขายบริการทางเพศหรือค้าประเวณีในระดับสูง ที่มีหญิงสาวระดับดารา นักร้องที่มีชื่อเสียงหรือนางแบบระดับชาติ หรือ หญิงสาวที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงของประเทศเกี่ยวข้องด้วย

    ปลายเดือน พ.ค. 2555 ตำรวจได้บุกทลายแก๊งค้าประเวณีระดับไฮโซในกรุงฮานอย และ พบว่ามีห่มง์ถิห่า (Hong Thi Ha) ดารานางแบบยอดนิยม คนหนึ่งรวมอยู่ด้วย ต่อมาในช่วงต้นเดือน มิ.ย. ชาวเวียดนามนับล้านๆ ครอบครัวก็ช็อกกันอีกครั้ง กับข่าวการ จับกุมหวอถิหมีซวน (Vo Thi My Xuan) ในนครโฮจิมินห์ พร้อมหญิงสาวร่วมแก๊งค้ากาม กับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหลายคน

    หมีซวนซึ่งเป็นเจ้าของมงกุฎเทพีที่ราบปากแม่น้ำโขงประจำปี 2553 กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบุคคลในเหตุการณ์การจับกุมในเมืองหลวง ถูกดำเนินคดีในศาล และ ได้รับโทษจำคุกลดหลั่นกันไปตามฐานความผิด สำหรับหมีซวนได้พ้นโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปีในเดือน ก.ค.ปีนี้ และ ได้ กลับสู่อ้อมอกของสังคมชาวเวียดนาม ที่โอบเอื้ออารีย์และรู้ให้อภัยอีกครั้ง

    ไม่กี่ปีมานี้ทางการเวียดนามได้ประกาศกวาดล้างการค้าประเวณี และการขายบริการทางเพศ ในรูปแบบต่างๆ ในระดับต่างๆ ให้หมดไปจากสังคมในเวลา 10 ปี ซึ่งแต่นั้นมาก็ได้มีการเข้มงวดกวดขัน และ เคยมีข่าวการ กวาดล้างกับการจับกุมครั้งใหญ่ มาหลายครั้ง ทั้งในโฮจิมินห์และกรุงฮานอย ตลอดจนนครกับจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองที่เป็นปลายทางท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ

    แต่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันว่า การปฏิบัติการให้ได้ตามเป้าหมายของพรรคคอมมิวนิสต์กับรัฐบาลนั้นไม่ใช่เรืองง่าย ถึงกระนั้นกระทรวงความมั่นคงกับกรมใหญ่ตำรวจ ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาดำเนินการกันต่อไป บางครั้งถึงกับต้อง ปลดหรือโยกย้ายตำรวจทั้งสถานี ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้ากาม ก็เคยมีมาแล้วเช่นกัน.


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาพจากกล้องอินฟราเรดชี้ “โสมแดง” เดินหน้าผลิตยูเรเนียมที่ รง.ใหม่ ในศูนย์วิจัย “นิวเคลียร์” แล้ว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2557 12:30 น.

    [​IMG]
    @(แฟ้มภาพ) คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตกระเบื้อง ในจังหวัดพย็องอันใต้ (4 ส.ค.)

    เอเอฟพี - หนังสือพิมพ์โสมขาวฉบับวันนี้ (5 พ.ย.) รายงานว่า เกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นชาติที่มีพลังงานนิวเคลียร์นั้นได้เริ่มเปิดใช้งานโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ โดยนับเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการผลิตพลังงานที่อาจนำไปพัฒนาเป็นอาวุธนิวเคลียร์ได้

    หนังสือพิมพ์รายวัน “จุงกังอิลโบ” รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวนิรนาม ผู้มีหน้าที่สืบหาข่าวกรองจากเกาหลีเหนือว่า “เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้และสหรัฐฯ สามารถใช้กล้องอินฟราเรดตรวจจับความร้อนที่เกิดจากกระบวนการหมุนเหวี่ยงแก๊ส ในโรงงานแห่งใหม่”

    รายงานข่าวระบุว่า เมื่อปี 2012 เปียงยางได้เริ่มสร้างโรงงานแห่งใหม่ ภายในเขตศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ “ยองเบียน” ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ และเริ่มเปิดใช้งานโรงงานนี้เมื่อไม่นานมานี้ ภายหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ

    “เราได้เฝ้าสังเกตให้นานขึ้นเล็กน้อย เพื่อตรวจดูว่าโรงงานใหม่เริ่มผลิต (ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะ) ถึงขีดสุดแล้วหรือไม่ แต่เมื่อประเมินดูแล้วเราพบว่า โรงงานนี้ยังคงอยู่ในขั้นดำเนินการ”

    เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมโสมขาวกล่าวกับเอเอฟพีว่า ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นใน “เรื่องใดๆ ที่เป็นข่าวกรอง”

    เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สถาบันวิทยาศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ISIS) เปิดเผยว่า ภายถ่ายจากดาวเทียมที่เผยให้เห็นความเคลื่อนไหวที่ยองเบียนชี้ว่า ยังคงมีการดำเนินการที่โรงหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ ภายในศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์แห่งนี้ของโสมแดง

    เปียงยางกล่าวว่า โรงงานนี้สร้างขึ้นเพื่อผลิตยูเรเนียมสมรรถนะต่ำ สำหรับป้อนเข้าเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำมวลเบา (LWR) ที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญกังขากันว่า เป้าหมายที่แท้จริงของเกาหลีเหนือคือการผลิตแร่ยูเรเนียมสมรรถนะสูง ที่สามารถนำไปพัฒนาอาวุธได้

    ภาพถ่ายดาวเทียมก่อนหน้านี้ชี้ว่า เกาหลีเหนือได้ขยับขยายขนาดโรงงานหมุนเหวี่ยงได้ใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่า และสถาบันวิจัยสหรัฐฯ กล่าวว่า ดูเหมือนว่า ในปีนี้เกาหลีเหนือได้ติดตั้งเครื่องหมุนเหวี่ยงแยกยูเรเนียมแบบมีหลายชั้นภายภายในโรงงานแห่งใหม่

    รายงานข่าวระบุว่า ในภาพรวมแล้ว ภาพถ่ายล่าสุด กับข้อมูลจาก ISIS ชี้ว่า เกาหลีเหนือ “กำลังมุ่งเน้นการผลิตพลูโตเนียมเกรดที่สามารถนำไปผลิตอาวุธ ตลอดจนยูเรเนียมเสริมสมรรถนะไว้สำหรับโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์”

    ในตอนนี้ เชื่อกันว่า เปียงยางมีพลูโตเนียมมากพอที่จะผลิตระเบิดได้ประมาณ 6 ลูก ภายหลังก่อนหน้านี้ได้ใช้บางส่วนในโกดังไปกับการทดสอบนิวเคลียร์อย่างน้อย 2 ใน 3 ครั้ง

    ISIS ได้ประมาณการว่า การขยายขนาดโรงงานหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์อาจทำให้โสมแดงสามารถผลิตยูเรเนียมที่มีความเข้มข้นในระดับผลิตอาวุธได้มากถึง 68 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งมากพอที่จะสร้างระเบิดนิวเคลียร์ได้ 3 ลูก ทั้งยังเหลืออีกในปริมาณเล็กน้อย

    [​IMG]
    @ภาพถ่ายจากดาวเทียมเมื่อวันที่ 6 ส.ค. แสดงศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ "ยองเบียน" (Yongbyon) ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของเกาหลีเหนือ

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สื่อเกาหลีเหนือโชว์ภาพ “ท่านผู้นำ” เดินปรื๋อไม่ต้องพึ่งไม่เท้า
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2557 12:11 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – หนังสือพิมพ์ชั้นนำของเกาหลีเหนือลงภาพผู้นำ คิม จองอึน เดินโดยไม่ต้องใช้ไม้เท้าพยุงในวันนี้ (5) ซึ่งเป็นจงใจการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บและการผ่าตัดขาแล้ว

    โรดอง ชิมมุน หนังสือพิมพ์รายวันของพรรคแรงงานเกาหลี (Korean Workers Party) ซึ่งเป็นรัฐบาล ได้ลงภาพ คิม ที่กำลังยิ้มแย้มขณะเดินโดยไม่ต้องใช้ไม้เท้าอันที่เห็นเขาใช้อยู่เมื่อเดือนที่แล้ว

    รูปภาพนี้แสดงให้เห็น คิม ขณะกำลังเดินไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่งหน้าแถวกองทหารบนอัฒจันทร์เพื่อทำการถ่ายรูปเป็นพิธี ขณะที่อีกรูปหนึ่งปรากฏภาพ คิม กำลังยืนปรบมือ

    หลังจากที่ไม่ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะมาเป็นเวลานาน คิม โผล่หน้ามาอีกครั้งพร้อมกับไม้เท้าพยุงเดินในช่วงกลางเดือนตุลาคม

    การหายหน้าหายตาไปนานเกือบ 6 สัปดาห์ของเขาก่อให้เกิดการคาดเดาไปต่างๆ นานาเกี่ยวกับสุขภาพของเขาและเลยเถิดไปถึงการยึดอำนาจ

    ขณะนี้ช่องโทรทัศน์แห่งชาติของเกาหลีเหนือยังคงแพร่ภาพ คิม เดินด้วยไม่เท้าสีดำ แต่เป็นภาพที่ไม่สัมพันธ์กับตัวคลิปวิดีโอ

    ก่อนที่เขาจะไม่ออกมาปรากฏตัวเป็นเวลานาน ช่องโทรทัศน์ทางการได้แพร่ภาพ คิม ที่ดูมีน้ำหนักเกินและเดินกะเผลกอย่างชัดเจน

    นับตั้งแต่สืบทอดอำนาจหลังการอสัญกรรมของ คิม จองอิล ผู้เป็นบิดาในปี 2011 คิม จองอึน ได้สร้างภาพลักษณ์บุคคลสาธารณะเด่นชัด โดยสื่อทางการมักจะเผยให้เห็นภาพเขาง่วนอยู่กับการเดินทางไปยังหน่วยทหารและโรงงานต่างๆ ทั่วประเทศอย่างไม่มีหยุดหย่อน เพื่อให้สิ่งเรียกกันอย่างเป็นทางการว่า “ คำแนะนำภาคสนาม”

    การหายไปตัวโดยฉับพลันของเขา ซึ่งเริ่มขึ้นในต้นเดือนกันยายน ได้ทำให้เกิดข่าวล่ำลือและการคาดการณ์ต่างๆ ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

    กระแสข่าวลือและการคาดการณ์ยิ่งรุนแรงมากกว่าเดิม หลังจากเขาไม่มาปรากฏตัวในกิจกรรมทางการเมืองที่สำคัญ 2 งาน ซึ่งปกติแล้วเขาน่าจะมาเข้าร่วม ขณะที่ในบางรายงานเลยเถิดไปถึงขั้นบ่งชี้ว่า เขาถูกทำรัฐประหารขับไล่แล้ว


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สื่อจีนจวก "โอบามา" ทำงานไร้ประสิทธิภาพจนผู้คนพากันเบื่อหน่าย
    05-11-2014 13:09

    [​IMG]

    สื่อจีนจวก "โอบามา" ทำงานไร้ประสิทธิภาพจนผู้คนพากันเบื่อหน่าย
    หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ออกโรงตำหนิผู้นำสหรัฐว่าทำงานไม่สร้างสรรค์ขาดประสิทธิภาพจนทำให้พลเมืองในประเทศพากันเบื่อหน่ายหมดความเชื่อถือ

    วันนี้(5พ.ย.) หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เผยบทวิจารณ์ในขณะที่สหรัฐมีการเลือกตั้งกลางเทอมโดยมองว่าพรรครีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสเหนือพรรคเดโมแครตซึ่งปัจจุบันเป็นรัฐบาลบริหารประเทศนำโดยประธานาธิบดีโอบามา ซึ่งทางโกลบอลไทมส์ได้วิจารณ์ว่า โอบามามักจะทำให้ผู้คนคาดหวังสูงหลังเอาแต่พูดว่าสามารถทำได้มาโดยตลอด แต่ในความเป็นจริงกลับทำไม่ได้อย่างที่ให้คำสัญญาไว้โดยทำงานแบบไม่สร้างสรรค์และแทบจะไม่มีความคืบหน้าใดๆให้กับผู้สนับสนุน นอกจากนี้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับโอบามาแล้วแม้เศรษฐกิจสหรัฐจะค่อยๆดีขึ้นนับจากภาวะถดถอยเมื่อปี 2551 ก็ตาม


    ขณะเดียวกันสื่อจีนยังวิจารณ์ถึงนโยบายต่างประเทศของโอบามาว่า การถอนกำลังทหารของสหรัฐออกจากอิรักและอัฟกานิสถานกลับไม่ช่วยให้เกิดสันติสุข อุซามะห์ บินลาดินถูกสังหารแต่กลุ่มไอเอสกลับโผล่ขึ้นมามีบทบาทในตะวันออกกลางแทนที่ โดยเปรียบเทียบกับอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชว่าเป็นผู้นำที่กล้าทำทุกอย่างขณะที่โอบามาไม่กล้าตัดสินใจทำอะไร ซึ่งทั้งสองคนแม้จะอยู่กันคนละพรรคแต่กลับมีชะตากรรมเดียวกันโดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะปัญหาเฉพาะตัวบุคคลหรือปัญหาระบบภายใน ซึ่งแตกต่างจากจีนที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆในขณะที่สหรัฐกลับปฏิรูปอย่างเชื่องช้า

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิกฤต"โอบามา" หลังพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา Wed, 05/11/2014 - 12:45

    ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญกับมรสุมทางการเมืองครั้งใหญ่ เมื่อพรรคเดโมแครตพ่ายแพ้ทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฏร โดยพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภาเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี

    <iframe width="615" height="346" src="//www.youtube.com/embed/Zw7b_UCrCCU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ผลการนับคะแนนล่าสุดในส่วนของวุฒิสภาที่เลือกตั้งใหม่ 100 ที่นั่ง ปรากฏว่าพรรครีพับลิกันได้ไป 52 ที่นั่ง ขณะที่พรรคเดโมแครตได้ไป 44 ที่นั่ง เท่ากับว่าพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ส่วนสภาผู้แทนราษฏร แม้ว่าผลการนับคะแนนอย่างไม่แล้วเสร็จ แต่ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าพรรครีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากเหมือนเดิม นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นอกจากการเลือกตั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฏร์แล้ว ยังมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ 36 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐ

    ผลการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจของชาวอเมริกันที่มีต่อผลงานการบริหารประเทศของบารัค โอบามา ที่อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้ว 6 ปี และการที่พรรคเดโมแครตพ่ายแพ้ทั้งสองสภา จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของโอบามาในช่วง 2 ปีที่เหลือ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ และทำให้โอบามา ต้องเผชิญกับมรสุมทางการเมืองครั้งใหม่

    ขณะเดียวกันยังสะท้อนถึงแนวโน้มการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี2559 ว่า ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันอาจจะได้ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯต่อจากนายโอบามา

    วิกฤต"โอบามา" หลังพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา |...
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดนล้างสมอง! อดีตบอดี้การ์ด ‘คิม จอง อิล’ แฉอีกรอบ
    โดย ข่าวต่างประเทศ 7 พ.ย. 2557 12:53

    [​IMG]
    ---
    @นายลี ยอง -กุ๊ก ให้สัมภาษณ์นักข่าวซีเอ็นเอ็น
    ---
    ซีเอ็นเอ็น รายงาน อดีตองครักษ์พิทักษ์คิม จอง-อิล เปิดใจอีกครั้ง หลังแปรพักตร์ไปอยู่เกาหลีใต้ ชี้ กว่าจะได้เป็นองครักษ์พิทักษ์ผู้นำเกาหลีเหนือ จะต้องผ่านการฝึกต่อสู้อย่างหนัก แต่ที่หนักกว่า คือ การโดนล้างสมอง ให้เชื่อว่า ผู้นำคือ ‘พระเจ้า’

    เมื่อวันที่ 7 พ.ย. สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ รายงานว่า นาย ลี ยอง-กุ๊ก อดีตองครักษ์ของคิม จอง- อิล อดีตผู้นำเกาหลีเหนือ มายาวนานถึง 10 ปี ยอมเปิดใจ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นในกรุงโซล เมืองหลวงเกาหลีใต้ อีกครั้ง หลังจากเขาได้แปรพักตร์ ตีจากรัฐบาลเกาหลีเหนือมาขอลี้ภัยอยู่ในเกาหลีใต้ 10 กว่าปีก่อน

    นายลี ยอง-กุ๊ก อดีตองครักษ์ที่ใกล้ชิดที่สุดของนายคิมในช่วงทศวรรษ 1980 ก่อนที่คิม จอง อิล จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำเกาหลีเหนือ ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น ฟังว่า คนที่ได้รับเลือกให้เป็น บอดี้การ์ด หรือองครักษ์ ผู้นำระดับสูงในเกาหลีเหนือได้นั้น จะต้องผ่านการฝึกฝนทักษะการต่อสู้อย่างหนัก เพื่อเป็นการสร้างความจงรักภักดีต่อผู้นำ ‘ปืนไม่สามารถชนะในสงคราม แต่การต่อสู้ด้วยมือเปล่า อย่างเทควันโดนั้น ไม่ได้มุ่งหวังอะไรนอกเหนือจากการสร้างความเข้มแข็งให้แก่จิตวิญญาณ และเป็นการสร้างความจงรักภักดี’ นายลี กล่าว

    [​IMG]
    ---
    นายลี ยังเผยกับนักข่าวซีเอ็นเอ็นด้วยว่า นอกจากการฝึกฝนด้านการต่อสู้แล้ว เขายังได้ศึกษาด้านประเพณี และอีกหลายเรื่อง รวมทั้งการออกกำลังกาย อย่างว่ายน้ำ และพายเรือ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวเป็นองครักษ์เท่านั้น แต่การฝึกที่หนักที่สุด เป็นเรื่องของการโดนล้างสมองด้านความคิด โดยนายลี เล่าว่า เขาถูกสอนให้เชื่อว่า คิม จอง-อิล คือ พระเจ้า และนี่เป็นเหตุผลเดียวของการที่เขาเกิดมาเพื่อดูแลและคุ้มครอง ‘ผู้นำผู้เป็นที่รัก’

    [​IMG]
    ---
    @เคลื่อนขบวนศพ หลังคิม จอง-อิล ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 2554
    ---
    อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเกือบ 11 ปี ที่นายลี ยอง-กุ๊กยืนเคียงข้างคิม จอง -อิล เขากลับเห็นว่า ชายคนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว พร้อมชี้ว่า นายคิม จอง-อิล อดีตผู้นำเกาหลีเหนือที่ล่วงลับไปเมื่อปี 2554 นั้น เป็น ‘คน 2 หน้า’ หน้าหนึ่งก็แสดงออกให้เห็นถึงความสุข แต่อีกหน้าหนึ่ง ก็พร้อมจะลงโทษประหารใครก็ตาม เมื่อเขาเห็นว่าไม่ใช่ โดยลี ยังบอกว่า คิม จอง-อิล เป็นคนโหดร้ายและเป็นเผด็จการที่แท้จริง แต่ที่เขากังวลในตอนนี้ก็คือ คิม จอง-อึน บุตรชายของคิม จอง-อิล กลับยิ่งมีความโหดร้ายมากกว่า

    ทั้งนี้ เมื่อปี 2556 นายลี ยอง-กุ๊ก เคยออกมาเปิดเผยว่า นายคิม จอง-อิล ไม่เคยโดยสารเครื่องบินเพราะกลัวว่าศัตรูจะยิงเครื่องบินตก โดย 

นายลี ยอง-กุ๊ก ยังกล่าวว่า นายคิมเลือกที่จะเดินทางด้วยรถไฟในการเยือนต่างประเทศ และจะใช้รถยนต์และเรือในการเดินทางในประเทศ เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจไปใช้เครื่องบินเป็นพาหนะเดินทาง เพราะรู้ดีถึงอันตราย

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ จาก ซีเอ็นเอ็น

    โดนล้างสมอง! อดีตบอดี้การ์ด ‘คิม จอง อิล’ แฉอีกรอบ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลัวอีโบลา ขนาดหนัก ! ชายเปลือยล่อนจ้อน หนีกลุ่มชายผิวสี แอบนั่งเรือขึ้นฝั่ง
    โดย ข่าวต่างประเทศ 7 พ.ย. 2557 10:23

    [​IMG]

    นักท่องเที่ยวชายบนเกาะคานารี แตกตื่น วิ่งหนี ทั้งที่เปลือยกายล่อนจ้อน เห็นกลุ่มชายแอฟริกัน แอบลักลอบนั่งเรือมาขึ้นฝั่ง หวั่นพาเชื้ออีโบลามาด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตัดสินใจไม่ถูก ปล่อยให้นั่งตากแดนนานถึง 7 ชม.

    สื่อต่างประเทศรายงานเกิดเหตุการณ์ บรรดานักท่องเที่ยวที่ชายหาดบนหมู่เกาะคานารี ของสเปน ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา ต้องพากันตื่นตระหนก หลังทราบข่าวมีกลุ่มชายชาวแอฟริกัน รวมทั้งจากประเทศกินี และเซียร์ราลีโอน ซึ่งกำลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาอย่างรุนแรง ได้แอบนั่งเรือประมงเดินทางลักลอบเข้ามาขึ้นฝั่งที่ชายหาดแห่งนี้ จนถึงขนาดมีชายนักท่องเที่ยวสองคน วิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว และลืมไปว่าตนเองกำลังเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่

    [​IMG]
    ---
    @ทั้งนั่ง-นอนกลางแดดนานถึง 7 ชม.
    ---
    ข่าวแจ้งว่า กลุ่มชายชาวแอฟริกันที่แอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย มาขึ้นฝั่งที่ชายหาดแกรน คานาเรีย บนเกาะมาสปาโลมาส ซึ่งเป็นหนึ่งในเกาะของหมู่เกาะคานารีนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 19 คน และที่น่าเห็นใจคือ ชายชาวแอฟริกันเหล่านี้ต้องนั่งอยู่กลางแดดริมชายหาดที่ร้อนระอุนานถึง 7 ชั่วโมง ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับพวกเขาเหล่านี้ดี เนื่องจากในจำนวนชายแอฟริกันที่แอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เหล่านี้ ปรากฏว่า มีหลายคนที่มาจากเซียร์ราลีโอนและกินี ซึ่งเป็นประเทศในแอฟริกาตะวันตกที่เชื้ออีโบลากำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก และทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 4,800 คน

    [​IMG]
    ---
    @ตรวจร่างกายก่อนพาขึ้นรถบรรทุก

    ---
    หลังจากเจ้าหน้าที่สเปนคิดไม่ตกอยู่นาน จึงได้มีการเรียกรถบรรทุกมายังชายหาด และสั่งให้กลุ่มชายแอฟริกันเหล่านี้ขึ้นรถบรรทุก และนำตัวไปยังศูนย์กักกันบนเกาะ ขณะที่ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ซึ่งสวมหน้ากากป้องกันการติดเชื้อระหว่างการตรวจร่างกาย ยืนยันว่า จากการตรวจร่างกายชายแอฟริกันที่แอบลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทั้ง 19 คน ไม่มีคนใดมีอาการป่วยจากการติดเชื้ออีโบลา เพียงแต่ในจำนวนนี้ 4 คนมีอาการไม่สบายด้วยสาเหตุอื่น

    [​IMG]
    ---
    @เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นปรึกษากันจะทำอย่างไรดี
    ---

    [​IMG]
    ---
    @เจ้าหน้าที่สภากาชาดนำคนป่วย 4 คนไปส่งโรงพยาบาล
    ---
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ จาก เดลี่ เมล์

    กลัวอีโบลา ขนาดหนัก ! ชายเปลือยล่อนจ้อน หนีกลุ่มชายผิวสี แอบนั่งเรือขึ้นฝั่ง - ข่าวไทยรัฐ
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช็อกกันอีก! ชายจีนผงะ เจอหนอนแมลงนับ 20 ตัว อยู่ใต้ผิวหนัง (ชมคลิป)
    โดย ข่าวต่างประเทศ 6 พ.ย. 2557 10:39

    [​IMG]

    ช็อกกันอีกแล้ว...ชายจีนผงะ ไม่อยากเชื่อสายตา มีหนอนแมลง มาฝังตัวอาศัยอยู่ ใต้ผิวหนังของเขา มากมายถึง 20 ตัว หลังกลับจากไปทำงานในแอฟริกา แล้วมีอาการปวดและคันตามร่างกายมาก จนต้องไปหาหมอ
    สื่อต่างประเทศรายงานอ้างข่าวจาก นสพ.แอปเปิล เดลีว่า เกิดเหตุการณ์พบหนอนแมลงอาศัยอยู่ในร่างกายของคนอีกแล้ว โดยล่าสุด เป็นชายชาวจีนนามสกุล หรือแซ่ หม่า จากเมืองกวางโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ต้องตกตะลึงอย่างหนัก หลังพบว่า มีหนอนแมลงตัวเป้ง มาอาศัยอยู่ใต้ผิวหนัง มากมายถึง 20 ตัว
    ก่อนหน้านี้ นายหม่า มีอาการเจ็บปวดและคันตามร่างกายอย่างมาก ภายหลังเดินทางกลับจากไปทำงานในทวีปแอฟริกา เป็นเวลา 6 เดือน จึงทำให้เขาไปพบแพทย์ใกล้บ้าน แต่ปรากฏว่าอาการก็ไม่ดีขึ้น เพราะยังคงมีอาการคันตามผิวหนังอยู่ จากนั้น 2 สัปดาห์ เขาจึงได้ไปพบแพทย์ด้านโรคผิวหนัง ที่โรงพยาบาลเสิ่นเจิ้น หนานช่าน

    <iframe width="570" height="351" src="//www.youtube.com/embed/GU2z4V1u2Lk" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    หลังจากแพทย์โรคผิวหนังที่โรงพยาบาลได้ทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่ทำให้นายหม่ามีอาการคันไม่หยุดแล้ว จึงพบว่า เนื่องจากมีหนอนแมลงหลายตัวอาศัยอยู่ใต้ผิวหนัง บริเวณท้อง และโคนขาข้างขวาของเขา อีกทั้งจากการตรวจเลือด เพื่อยืนยัน ก็ได้ผลออกมา ตรงกับการวินิจฉัย โดยพบระดับของเม็ดเลือดขาว ‘อีโอซิโนฟิลส์’ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าร่างกายของนายหม่ามีพยาธิ
    จากนั้น นายหม่าจึงต้องเข้ารับการผ่าตัด โดยแพทย์ได้ดึงหนอนแมลงออกมาจากใต้ผิวหนังของเขาได้มากถึง 20 ตัว เลยทีเดียว
    ขอขอบคุณข้อมูล และภาพ จากเดอะ มิร์เรอร์
    ช็อกกันอีก! ชายจีนผงะ เจอหนอนแมลงนับ 20 ตัว อยู่ใต้ผิวหนัง (ชมคลิป) - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สงสาร! 'วาฬนำร่อง ' เกยตื้น ตายเกลื่อนกว่า 30 ตัว ในนิวซีแลนด์
    โดย ข่าวต่างประเทศ 5 พ.ย. 2557 15:42

    [​IMG]

    วาฬพันธุ์นำร่องกว่า 30 ตัว ว่ายมาเกยตื้นริมอ่าวในนิวซีแลนด์ จนสุดท้ายตายอนาถ ขณะที่ทีมเจ้าหน้าที่อนุรักษ์สัตว์แดนกีวีพยายามช่วยวาฬอีก 2 ฝูง ที่ว่ายมาเกยตื้นเช่นกัน แต่ยังไม่รู้สาเหตุแน่ชัดที่ทำให้วาฬจำนวนมากว่ายมาเกยตื้นในครั้งนี้

    เมื่อวันที่ 5 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วาฬพันธ์ุนำร่อง (Pilot Whales) ประมาณ 36 ตัว ซึ่งว่ายมาเกยตื้นริมชายหาดของ อ่าวอีสเทิร์น เบย์ ออฟ เพลนตี้ ในประเทศนิวซีแลนด์ ในที่สุดได้ตายแล้ว โดยขณะนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ที่ทำให้วาฬนำร่องจำนวนมากเหล่านี้พากันว่ายมาเกยตื้นริมชายหาด ของอ่าวอีสเทิร์น เบย์ ออฟ เพลนตี้ ในนิวซีแลนด์ ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีวาฬว่ายมาเกยตื้นเป็นจำนวนมากกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก

    [​IMG]

    ขณะเดียวกัน บรรดาเจ้าหน้าที่อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ของนิวซีแลนด์ยังได้พยายามช่วยชีวิตวาฬนำร่อง 2 ฝูง ที่พากันว่ายเข้ามาในอ่าวโอฮิวา ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของนิวซีแลนด์เช่นกัน เมื่อวันจันทร์ที่ 3 พ.ย. โดยเจ้าหน้าที่สามารถช่วยชีวิตวาฬเหล่านี้ได้กว่า 21 ตัว ด้วยการช่วยพาพวกมันกลับลงสู่ทะเลได้สำเร็จ ในวันนี้ (5 พ.ย.)

    [​IMG]

    ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สาเหตุที่ทำให้ วาฬ ว่ายมาเกยตื้นริมชายหาดนั้น เป็นเพราะมันรู้ตัวว่ามันติดเชื้อจนทำให้ป่วย และกำลังจะตาย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีทฤษฎีมากมายหลายอย่างที่ตั้งข้อสันนิษฐานถึงสาเหตุที่ทำให้วาฬมาเกยตื้นพร้อมกันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการที่วาฬ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งถือเป็นสัตว์สังคมที่อยู่รวมกันเป็นฝูง ขณะเดียวกันก็มีบางทฤษฎี ชี้ว่าเมื่อมีวาฬตัวหนึ่งในกลุ่มว่ายมาเกยตื้น จะทำให้วาฬตัวอื่นๆ พยายามเข้ามาช่วยเหลือ จนทำให้พวกมันต้องเกยตื้นไปด้วย

    ขอขอบคุณข้อมูล และภาพ จาก บีบีซี

    สงสาร! 'วาฬนำร่อง ' เกยตื้น ตายเกลื่อนกว่า 30 ตัว ในนิวซีแลนด์ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สยองควักลูกตา-กินหน้าสาวจนตายคาที่

    [​IMG]

    หนุ่มอังกฤษเมาโคเคนหนัก ก่อเหตุสะเทือนขวัญสวมบทซอมบี้ควักลูกตาเหยื่อสาวหม่ำอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกัดกินเนื้อบนใบหน้าเธอจนหายไปครึ่งจนตาย

    <iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/MX9Mo7ka59M?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    วันศุกร์ 7 พฤศจิกายน 2557 เวลา 19:34 น.
    เว็บไซต์ข่าวอังกฤษ “เดอะ มิรเรอร์” รายงานจากประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ว่า นายแมทธิว วิลเลียมส์ วัย 34 ปี ก่อเหตุสะเทือนขวัญด้วยการควักลูกตาเหยื่อสาววัย 22 ปี ซึ่งไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อออกมารับประทาน และกัดกินเนื้อครึ่งหนึ่งของใบหน้าเธอจนเสียชีวิตในโรมแรม “เซอร์ โฮวี อาร์มส์”ใกล้ย่านแบล็ควูด ทางตอนใต้ของแคว้นเวลส์ สหราชอาณาจักรที่ทั้งคู่เช่าอยู่ร่วมกัน

    [​IMG]

    ตำรวจของเขตดังกล่าว เปิดเผยว่า พวกเขาได้รับแจ้งเมื่อเวลากลางดึก 1.23 น.จากทางโรงแรมว่า เกิดเหตุชายรายหนึ่งกำลังทำร้ายร่างกายหญิงสาว เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุทั้งคู่ก็ยังคงอยู่ในห้องพัก จึงเรียกให้นายวิลเลียมส์มาเปิดประตู แต่เขาไม่ยอม เจ้าหน้าที่จึงต้องพังประตูเข้าไป แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกพบภาพสยองขวัญขณะเขากำลังอยู่ในอาการเมาโคเคน ควักลูกตาของเหยื่อออกมากิน พร้อมกัดกินใบหน้าของเหยื่อจนหายไปครึ่งหนึ่ง

    [​IMG]

    ตำรวจตัดสินใจหยุดยั้งการกระทำของเขาด้วยการใช้กระแสไฟช็อตร่างจนนายวิลเลียมส์สลบแน่นิ่งไป เจ้าหน้าที่การแพทย์จึงเข้าดูอาการ แต่ปรากฎว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว ขณะที่เหยื่อของเขาก็เสียชีวิต เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวในที่เกิดเหตุเช่นกัน จากการสืบสวนพบว่า ทั้งคู่เพิ่งพบกันได้ไม่นาน และนายวิลเลียมเองก็เพิ่งได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำเพียง 2 สัปดาห์ หลังต้องคดีทำร้ายร่างกายคนรักเก่า จนถูกศาลพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 5 ปี ครึ่ง ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนในชุมชนเป็นอย่างมาก.

    สยองควักลูกตา-กินหน้าสาวจนตายคาที่ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ญี่ปุ่นเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อีกครั้ง

    [​IMG]

    ผู้ว่าการจังหวัดคาโงะชิมะในทางใต้ของญี่ปุ่นได้อนุมัติการดำเนินงานของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกครั้ง นับเป็นปฏิบัติการของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ครั้งแรกในประเทศ ภายใต้กฎระเบียบใหม่ว่าด้วยความปลอดภัย หลังเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ทำให้เตาปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิหลอมละลายเมื่อปี 2554

    วันศุกร์ 7 พฤศจิกายน 2557 เวลา 18:10 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ว่า นายยูอิชิโร อิโตะ ผู้ว่าการจังหวัดคาโงะชิมะเปิดเผยว่า การเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์อีกครั้งที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เซนไดจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงยังมีความวิตกอยู่ก็ตาม คำประกาศของนายอิโตะถือเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงไฟฟ้าเซนไดได้รับการคาดหมายว่าจะกลับสู่ระบบออนไลน์ในช่วงต้นปีหน้า

    คณะกรรมการกำกับดูแลพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นได้อนุมัติการเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ภายใต้กฎระเบียบใหม่ หลังได้รับบทเรียนจากการหลอมละลายของเตาปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ โดยเตาปฏิกรณ์ที่สามารถใช้งานได้จำนวนทั้งหมด48 ตัว ในญี่ปุ่นได้ปิดการทำงานเอาไว้ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและซ่อมแซมนับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวกับคลื่นยักษ์สึนามิกระหน่ำญี่ปุ่นเมื่อปี2554 ยกเว้นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์2ตัวที่ต้องทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าเป็นการชั่วคราวหนึ่งปี

    สำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เซนไดกลายเป็นแห่งแรกที่เดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ภายใต้กฎระเบียบใหม่ว่าด้วยความปลอดภัย หลังวิกฤตโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ อีกทั้งทางการท้องถิ่นในเมืองเซนไดได้โหวตลงมติให้เดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อีกครั้ง

    นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นเดินหน้าผลักดันให้มีการเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์48ตัวอีกครั้งพร้อมทั้งระบุว่าการปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจญี่ปุ่น เนื่องจากญี่ปุ่นต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานที่นำเข้ามาเป็นจำนวนมาก

    ญี่ปุ่นเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อีกครั้ง | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     

แชร์หน้านี้

Loading...