ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Hot Issue:ข้อมูลล่าสุดชี้ สหรัฐฯเป็น “แดนสวรรค์ธุรกิจค้ากาม” มีเด็กถูกขายเป็นโสเภณีปีละนับแสน แต่วอชิงตัน “ปกปิดความจริง” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤศจิกายน 2557 08:03 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ผลสำรวจล่าสุดชี้ สหรัฐอเมริกาเป็น “แดนสวรรค์สำหรับธุรกิจค้ากาม” ชี้ ในแต่ละปีมีเด็กอเมริกันถูกขายเป็น “โสเภณี” ปีละ 100,000 ราย เอ็นจีโอจวกแหลก รัฐบาลวอชิงตันปกปิด”เรื่องงามหน้าในบ้านตัวเอง” ดีแต่อ้างตัว กดดันปราบค้ามนุษย์ในต่างแดน

    [​IMG]

    รายงานล่าสุดซึ่งจัดทำโดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร “อีซีพีทีเอที-ยูเอสเอ” ที่มีการเผยแพร่ในวันจันทร์ (3 พ.ย.) พบข้อมูลอันน่าตกตะลึงที่ระบุว่า ในปัจจุบันมีเด็กๆในสหรัฐฯถูกขายเข้าสู่ธุรกิจค้าบริการทางเพศสูงถึงปีละ 100,000 ราย แต่รัฐบาลสหรัฐฯกลับปกปิดข้อมูลอันน่าสะเทือนใจนี้จนแทบไม่มีสาธารณชนอเมริกันได้รับรู้ความจริง
    องค์กรอีซีพีทีเอที-ยูเอสเอซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เขตบรูคลินในมหานครนิวยอร์กระบุว่า จนถึงขณะนี้มีชาวอเมริกันจำนวน “เพียงหยิบมือ” เท่านั้น ที่ทราบว่า ประเทศของตัวเองที่ได้ชื่อว่าเป็น “ดินแดนแห่งเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน” นั้น แท้จริงแล้วมีสถานะไม่ต่างจากการเป็น “แดนสวรรค์ของธุรกิจค้ากาม” ที่มีการนำเด็กๆอเมริกันทั้งชายหญิงเข้าสู่ธุรกิจมืดนี้ปีละมากกว่า 100,000 คน

    [​IMG]

    องค์กรพัฒนาเอกชนดังกล่าวเปิดเผยด้วยว่า การลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันเฉพาะในมหานครนิวยอร์กเมื่อไม่นานมานี้ พบข้อมูลอันน่าประหลาดใจว่า ประชาชนอเมริกันส่วนใหญ่ต่างระบุว่าประเทศไทย ทวีปอเมริกาใต้ และกรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ คือ ศูนย์กลางของธุรกิจโสเภณี และเป็นสวรรค์ของการค้ากามระดับโลก ซึ่งเป็นข้อมูลที่รัฐบาลอเมริกันเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆอยู่เป็นประจำ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สหรัฐอเมริกาก็เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของธุรกิจการขายบริการทางเพศที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

    [​IMG]

    คาโรล สโมเลนสกี ผู้อำนวยการองค์กรอีซีพีทีเอที-ยูเอสเอ เผยว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องออกมายอมรับความจริงในเรื่องนี้ต่อสาธารณชนและเร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศของตัวเอง แทนการออกโรงประณามประเทศอื่นๆว่าเป็นศูนย์กลางของธุรกิจค้ากาม
    “ที่ผ่านมา รัฐบาลของเราตราหน้าประเทศไทย ประเทศในอเมริกาใต้ และนครอัมสเตอร์ดัมว่า เป็นศูนย์กลางของการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์เพื่อธุรกิจทางเพศมาโดยตลอด จนส่งผลต่อการรับรู้ของสาธารณชนอเมริกัน ทั้งที่สหรัฐฯมีการค้าเด็กเพื่อธุรกิจสกปรกนี้ปีละมากกว่า 100,000 คน” สโมเลนสกี กล่าว
    ทั้งนี้ ข้อมูลจากการสำรวจล่าสุดระบุว่า นอกเหนือจากเด็กอเมริกันที่มาจากครอบครัวที่ยากจนและจากสถานรับเลี้ยงต่างๆ แล้ว ในขณะนี้มีเด็กและเยาวชนอเมริกันจำนวนไม่น้อยที่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจค้าบริการทางเพศ ทั้งๆที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจการค้ามนุษย์เพื่อบำเรอกามในสหรัฐฯกำลังเติบโตอย่างสำคัญโดยที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ทันได้รับรู้
    Hot Issue:
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UN โวยหลายชาติจำกัดเดินทาง-กักกันโรค จนท.กลับจากประเทศอีโบลา
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤศจิกายน 2557 02:00 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - บัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันจันทร์ (3 พ.ย.) ออกมาตำหนิประเทศต่างๆ เกี่ยวกับการออกข้อจำกัดเข้มงวดต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่กลับจากปฏิบัติภารกิจช่วยรักษาผู้ป่วยอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก แนะทางที่ดีที่สุดคือร่วมกันหยุดยั้งที่แหล่งต้นตอของไวรัส ความเคลื่อนไหวที่มีขึ้นหลังจากหลายชาติในนั้นรวมถึงจีน เริ่มเดินตามรอยมลรัฐต่างๆ ของสหรัฐฯ กำหนดมาตรการกักกันโรคบุคลากรทางการแพทย์ ขณะที่อีกหลายประเทศก็ห้ามพลเมืองจากชาติที่ได้รับผลกระทบเดินทางเข้าพรมแดม
    มลรัฐบางแห่งในอเมริกา กำหนดมาตรการกักกันบุคลากรทางการแพทย์ที่เดินทางกลับจากไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และกินี แม้ถูกคัดค้านจากรัฐบาลกลาง ส่วนแคนาดาและออสเตรเลียก็ห้ามพลเมืองจาก 3 ชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดข้างต้นเดินทางเข้าประเทศ ขณะที่นักการเมืองบางส่วนของสหรัฐฯ ก็เรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเดียวกัน
    อย่างไรก็ตาม บันแถลงกับผู้สื่อข่าวในเวียนนา แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ว่า “หนทางที่ดีที่สุดสำหรับหยุดยั้งการแพร่ระบาดคือหยุดไวรัสที่แหล่งต้นตอแทนที่จะเป็นการจำกัดการเคลื่อนไหวของผู้คนหรือการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้มีการกำหนดข้อจำกัดพิเศษบางอย่างที่ไม่จำเป็นและเลือกปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พวกเขาเป็นบุคคลพิเศษที่อุทิศตนเอง พวกเขายอมเอาชีวิตเข้าเสี่ยง” เขากล่าว พร้อมบอกว่าสายการบินนานาชาติและบริการเดินเรือเส้นทางหลักๆ ควรดำเนินกิจกรรมไปตามปกติ
    เสียงคร่ำครวญของนายบัน มีออกมาตามหลังเริ่มมีข้อถกเถียงหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆต่อมาตรการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของอีโบลาที่เข้มข้นมากเกินไปของหลายชาติ โดยเฉพาะมาตรการกักกันโรคของบางมลรัฐในสหรัฐฯ ที่กระตุ้นให้พยาบาลคนหนึ่งซึ่งเดินทางกลับจากรักษาคนไข้ในเซียร์ราลีโอน ต้องต่อสู้เพื่อสิทธิในการออกจากบ้านพัก หลังถูกออกคำสั่งกักกันโรคต่อไปจนพ้นระยะเวลาฟักตัวของอีโบลา แม้ว่าผลตรวจเลือดจะออกมาเป็นลบก็ตาม
    กระนั้นก็ดี เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับอาวุโสของจีน เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (3 พ.ย.) ว่าทางการปักกิ่งจะดำเนินการกักกันโรคเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ที่เดินทางกลับจากไปรักษาผู้ติดเชื้ออีโบลาในแอฟริกาเป็นเวลา 21 วันเช่นกัน
    รองผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคติดต่อกระทรวงสาธารณสุขจีน ระบุว่าคณะแพทย์ที่เดินทางกลับสู่จีน จะถูกตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าสู่ช่วงเวลาของการสังเกตอาการ “แพทย์เหล่านี้มีหน้าที่ต้องเข้ารับการตรวจหาไวรัส ยามที่กลับมายังจีน พวกเขาจะต้องถูกกักกัน 21 วัน ภายใต้การดูแลของศูนย์บริการประชาคมท้องถิ่น”
    ในถ้อยแถลงดังกล่าวไม่ชัดเจนว่าบุคลากรทางการแพทย์เหล่านั้นได้รับอนุญาตให้กักันตนเองในบ้านพัก หรือต้องไปใช้ชีวิตในแผนกแยกโดษที่มีการดูแลอย่างเข้มข้น แต่รองผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคติดต่อกระทรวงสาธารณสุขจีนเผยว่าหากพบเจ้าหน้าที่คนใดมีอาการป่วย คนเหล่านั้นก็จะถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่กำหนดขึ้นโดยทันที
    UN
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'One World Trade Center' กับระบบป้องกันก่อการร้าย
    by Sutthiporn Bunchuay 4 พฤศจิกายน 2557 เวลา 08:15 น.

    [​IMG]

    การย้ายเข้ามาทำงานในตึก "One World Trade Center" ตึกแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของนครนิวยอร์ก แม้จะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ในขณะเดียกวัน หลายคนก็ยังคงไม่ไว้วางใจ และเกรงว่า ตึกแห่งนี้ จะตกเป็นเป้าของการก่อการร้ายอีกครั้งหนึ่ง เพื่อคลายความกังวลดังกล่าว ตึกแห่งนี้ จึงต้องมีการออกแบบพิเศษ เพื่อป้องกันการก่อการร้ายโดยเฉพาะ
    "Shining beacon for New York's downtown" หรือประภาคารที่ส่องสว่างเพื่อดาวน์ทาวน์ของนิวยอร์ก คือคำจำกัดความของ One World Trade Center แลนด์มาร์กแห่งใหม่ ใจกลางมหานครนิวยอร์ก ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์เตือนใจว่าครั้งหนึ่ง พื้นที่แห่งนี้ เคยถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายขับเครื่องบินพุ่งโจมตี จนทำให้ตึกแฝดอันโด่งดังอย่าง World Trade Center ต้องถล่มลงมาเมื่อ 13 ปีก่อน หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของเหตุการณ์ 9/11
    สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวกลายเป็นเรื่องราวช็อกโลก ที่ไม่มีทางทำให้ชาวอเมริกันลืมได้ลง และในทุกๆปี ผู้คนจำนวนมาก ก็ยังคงเดินทางมาที่นี่ เพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตกว่า 3,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ทำงานในตึกดังกล่าว ที่ไม่สามารถหนีได้ทัน
    ผ่านมาแล้ว 13 ปี ล่าสุด ทางการนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ เจ้าของตึก One World Trade Center ได้เปิดให้บริการตึกดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น แม้ว่าสำหรับชาวนิวยอร์กทั่วไป พวกเขาดูไม่ค่อยสนใจนัก และอาจจะไม่ทราบเสียด้วยซ้ำว่า ตึกแห่งนี้เปิดให้เข้าไปใช้บริการได้แล้ว
    แต่สำหรับพนักงานจำนวนมาก ที่ต้องเป็นกลุ่มคนกลุ่มแรกๆที่ย้ายเข้าไปในตึก One World Trade Center ต่างก็รู้สึกกังวลใจ และเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยไม่น้อย แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และวิศวกรรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง จะวางมาตรการเข้มงวด ในการเฝ้าระวังเหตุไม่คาดฝันเพียงใดก็ตาม
    สิ่งหนึ่งที่ทุกคนคิดตรงกันเมื่อย้ายเข้ามาทำงานที่นี่ก็คือ อาคารแห่งนี้ ที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในสหรัฐฯ และเป็นสัญลักษณ์ของการไม่ยอมแพ้ให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย จะตกเป็นเป้าของการโจมตีครั้งใหม่หรือไม่ และหากเป็นเช่นนั้นจริง อาคารดังกล่าวจะสามารถรับมือกับการโจมตีได้ดีเพียงใด และจะถล่มลงมาซ้ำรอยเหมือนกับ World Trade Center หรือไม่
    ความหวาดระแวงดังกล่าวเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ ดังนั้น จุดขายของ One World Trade Center นอกเหนือจากเรื่องความสูงและรูปทรงที่สวยงามแล้ว ก็คือเรื่องการออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย และรับมือกับการก่อการร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ตั้งแต่เพดานที่สามารถกันไฟได้ ระบบป้องกันสารเคมีชีวภาพ บันไดขนาดใหญ่ ที่สามารถรองรับแรงกดดันได้มหาศาล ไฟฉุกเฉินที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ และผนังคอนกรีตที่หนาเป็นพิเศษ ที่สามารถทนแรกกระแทกและทำให้อาคารไม่ถล่มลงทั้งหมดได้ รวมถึงระบบฉีดน้ำเพื่อควบคุมไฟไหม้ และเส้นทางการอพยพฉุกเฉินที่ออกแบบมาเพื่อการลำเลียงคนได้อย่างสะดวกมากขึ้น เช่น ช่องทางการอพยพขนาดใหญ่ ป้ายบอกทางที่ชัดเจน และลิฟท์โดยสารพิเศษ เป็นต้น
    เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ระบบเหล่านี้ถูกออกแบบมา เพื่อป้องกันการก่อการร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพราะไม่มีใครทราบได้เลยว่า เหตุการณ์เช่น 9/11 จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่
    'One World Trade Center' กับระบบป้องกันก่อการร้าย - VoiceTV
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวออสซี่ ในรัฐวิกตอเรีย ตื่นตากับ ปรากฏการณ์ Fallstreak Hole
    by Sutthiporn Bunchuay 3 พฤศจิกายน 2557 เวลา 15:17 น.

    [​IMG]

    ชาวออสเตรเลียในรัฐวิกตอเรียตื่นตาตื่นใจกับปรากฏการณ์ Fallstreak Hole ที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น

    [​IMG]

    โดย ปรากฏการณ์ Fallstreak Hole เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิละอองน้ำในเมฆเย็นตัวจนถึงจุดเยือกแข็ง แต่ละอองน้ำไม่สามารถแข็งตัวเป็นน้ำแข็งได้ และเมื่อละอองน้ำเกิดเป็นผลึกน้ำแข็งจะส่งผลเป็นโดมิโนเอ็ฟเฟ็ค ต่อเนื่องไปเรื่อยๆเป็นรูขยายออกไปส่วนผลึกน้ำแข็งจะร่วงลงมาเป็นหิมะ บ้างละลายเป็นฝน
    ชาวออสซี่ ในรัฐวิกตอเรีย ตื่นตากับ ปรากฏการณ์ Fallstreak Hole - VoiceTV
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    4 พ.ย. ออสซี่ตะลึง! ปรากฏการณ์ 'หลุมเมฆ' เสมือนท้องฟ้าเปิดประตูทะลุมิติ

    [​IMG]

    เมื่อ 4 พ.ย. สำนักข่าวเอบีซี รายงานว่า ประชาชนในรัฐวิกตอเรีย ทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย ต้องพากันตื่นตะลึงกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เรียกว่า Fallstreak Hole (ฟอลล์สตรีก โฮล) หรือ หลุมเมฆ เสมือนท้องฟ้าสามารถเปิดประตูทะลุมิติ เชื่อมกับอีกมิติหนึ่งที่อยู่เหนือโลกอย่างน่าอัศจรรย์

    [​IMG]

    สำหรับปรากฏการณ์ Fallstreak Hole หรือ หลุมเมฆ บนท้องฟ้าที่เสมือนเป็นประตูทะลุมิตินั้น เกิดขึ้นเหนือท้องฟ้าที่กิพพ์แลนด์ รัฐวิกตอเรีย เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันจันทร์ที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ขณะที่มีประชาชนหลายคน สามารถบันทึกภาพปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตะลึงครั้งนี้ได้ทัน แสดงให้เห็นท้องฟ้าเหมือนมีหลุมขนาดใหญ่ ที่สามารถทะลุออกไปได้ อีกทั้งยังมีแสงสีรุ้งสวยงามพาดผ่านอยู่ในหลุมนั้นด้วย

    [​IMG]

    ทั้งนี้ ตามรายงานของสมาคมการศึกษาเมฆ ระบุว่า ปรากฏการณ์ฟอลสตรีก โฮล หรือ หลุมเมฆ ซึ่งมีลักษณะเป็นช่องเปิดภายในเมฆนั้น อาจมีลักษณะรูปร่างเป็นวงกลม หรือวงรี เกิดจากอุณหภูมิของน้ำในก้อนเมฆ ได้ลดต่ำสู่ระดับจุดเยือกแข็ง แต่ยังไม่อาจกลายเป็นน้ำแข็งได้ทันที จึงทำให้น้ำในก้อนเมฆ เกิดการจับตัวเป็นผลึกใสและร่วงตกลงมาอยู่ใต้ชั้นเมฆ จนทำให้เมฆบริเวณนั้น มองดูเหมือนเป็นหลุมขนาดใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับก้อนเมฆใกล้เคียง ก่อนที่ผลึกน้ำแข็งเหล่านี้จะร่วงตกลงมาเป็นหิมะ หรือละลายเป็นฝน
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ จากสำนักข่าวเอบีซี
    ออสซี่ตะลึง! ปรากฏการณ์ 'หลุมเมฆ' เสมือนท้องฟ้าเปิดประตูทะลุมิติ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตำนานพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ (บูชาประทีปตีนกา แด่แม่กาเผือก)

    [​IMG]

    ในสมัยต้นปฐมกัป มีพญากาเผือกสองตัวผัวเมีย ทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำคงคาอันเป็นธรรมชาติสถาน รื่นรมย์ ในเวลาต่อมาต่อมา พระโพธิสัตว์ ได้ทรงปฏิสนธิเกิดในครรภ์แม่พญากาเผือก พร้อมกันถึง ๕ พระองค์ เมื่อครบทศมาส แม่กาเผือกก็ออกไข่ ณ ที่รังต้นมะเดื่อ จำนวน ๕ ฟองและคอยเฝ้า ดูแลรักษาไข่ด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างดี
    อยู่มาวัน หนึ่ง พญากาเผือกออกไปหากินถิ่นแดนไกลไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งอันสมบูรณ์ ด้วยธรรมชาติ แม่กาเผือกเพลินหากินอาหาร ชื่นชมกับธรรมชาติจนมืดค่ำ เกิดลมพายุใหญ่พัดกระหน่ำมืดครึ้มทั่วไปหมด ทำให้หาหนทางออกไม่ถูก
    จึงหลงอยู่ในบริเวณสถานที่นั้น แม่กาเผือกได้อยู่ที่เวียงกาหลง คืนหนึ่ง จนเช้าจึงรีบถลาบินกลับที่พัก แต่ปรากฏว่ากิ่งไม้มะเดื่อที่ทำรังอยู่ ถูกลมพายุใหญ่พัดหักล้มลงไปในแม่น้ำ แม่กาเผือกตกใจรีบบินถลาหาลูกที่ยังอยู่ในไข่ แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ในที่สุดก็สิ้นใจตายอย่างน่าสงสาร
    แต่ด้วยอานิสงส์ที่มีความเมตตารักลูกอันบริสุทธิ์ กับทั้งที่ลูกของแม่กา เผือกเป็นพระโพธิสัตว์ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นกุศลหนุนส่งให้แม่กาเผือกไปจุติยังแดนพรหมโลกชั้นสุทธาวาส ได้พระนามว่า “ฆติกามหาพรหม” จักได้เป็นผู้ถวาย อัฏฐะบริขาร บวชแก่ลูกทั้ง ๕ พระองค์ เมื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนไข่ทั้ง ๕ ถูกลมพัดตกน้ำไหลไปในสถานที่ต่าง ๆ
    ไข่ฟองที่ ๑ แม่ไก่เก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟองที่ ๒ แม่นาคราชเก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟอง ที่ ๓ แม่เต่า เก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟองที่ ๔ แม่โคเก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ ฟองที่ ๕ แม่ราชสีห์เก็บไปดูแลรักษา
    ครั้นในกาลเวลาต่อมา พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ก็ประสูติออกจากไข่ ปรากฏเป็นมนุษย์บุรุษรูปงานทั้ง ๕ พระองค์ และเจริญเติบโตอยู่กับแม่เลี้ยงด้วยความกตัญญู รู้จักหน้าที่ ทดแทนบุญคุณจนถึงอายุได้ ๑๒ ปี ด้วยบุญกุศลเก่าหนุนส่งก็มีจิตคิดที่จะออกบวชบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี เป็นฤาษีอยู่ในป่า จึงได้อำลาแม่เลี้ยงของตนเหมือนกันทั้ง ๕ พระองค์ ฝ่ายแม่เลี้ยงก็ไม่ขัดความประสงค์ อนุญาตให้ลูกไปบวช บำเพ็ญบารมีอยู่ในป่าด้วยความอนุโมทนา
    แม่เลี้ยงทั้ง ๕ เห็นปณิธานที่มุ่งมั่น จะบำเพ็ญบารมีพระโพธิญาณ เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์โลกให้พ้นจากกองทุกข์ในวัฏฏะสงสาร จึงฝากนามของแม่เลี้ยงไว้กับลูก เพื่อเป็นอนุสรณ์ตำนานไว้แก่โลกต่อไปในภาคหน้า เมื่อลูกได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกแล้ว ตามลำดับพระนามดังต่อไปนี้
    องค์ ที่ ๑ มีพระนามว่า พระกกุสันโธ เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นไก่
    องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคมโน เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นนาค
    องค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสโป เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นเต่า
    องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตโม เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นโค
    องค์ที่ ๕ มีพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรโย เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นราชสีห์
    ในกัปนี้ชื่อ ว่า ภัททกัป เป็นกัปที่เจริญที่สุดเพราะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกนี้ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นที่มาของ คำว่า “นโมพุทธายะ”
    นะ คือ พระกกุสันโธ
    โม คือ พระโกนาคมโน
    พุท คือ พระกัสสโป
    ธา คือ พระโคตโม
    ยะ คือ พระศรีอาริยเมตไตรโย
    จนเป็นคาถาที่ใช้สืบต่อกันมา
    ฝ่ายพระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ เมื่อออกบวชเป็นฤาษี ก็ได้บำเพ็ญเพียรพระกัมมัฏฐาน จนสำเร็จญาณอภิญญาสมาบัติ อยู่มาวันหนึ่งได้เหาะมาหาอาหารผลไม้ และบำเพ็ญเพียรธรรมที่ป่าดอยสิงกุตตระ ณ ใต้ต้นนิโครธ อันร่มเย็นด้วยกิ่งไม้สาขาใหญ่ ฤาษีทั้ง ๕ ได้มาพบกัน ณ ที่นี้โดยไม่ได้นัดหมาย จึงสอบถามถึงความเป็นมาของกัน และกันจนรู้ว่าแต่ละองค์ก็มีแต่แม่เลี้ยง ฤาษีทั้ง ๕ จึงร่วมกันตั้งสัจจะอธิษฐานขอให้ได้พบแม่บังเกิดเกล้า
    ด้วยอำนาจ สัจจะอธิษฐานธรรมอันบริสุทธิ์ดังก้องไปถึงพรหมโลก ท้าวฆติกามหาพรหม ซึ่งเดิมคือ แม่กาเผือก ทราบเหตุการณ์ทั้งหมดจึงจำแลงเพศเป็นรูปเดิม ขนขาวสวยงาม มาปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าของฤาษีทั้ง ๕ เมื่อลูกฤาษีได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็รู้สึกสลดสังเวชใจ และสำนึกบุญคุณอันใหญ่หลวงของแม่กาเผือก
    จึงน้อมนมัสการผู้เป็นแม่ กราบขอสัญลักษณ์อนุสรณ์ผู้บังเกิดเกล้าไว้บูชา ได้มาเป็นผ้าฝ้ายเป็นตีนกาสัญลักษณ์ของแม่กาเผือกให้แก่ลูกฤาษีทั้ง ๕ ไว้ใช้เป็นไส้ประทีปจุดบูชาทุกวันพระ และต่อมาได้กลายเป็นประเพณีจุดประทีปตีนกาบูชาแม่กาเผือก ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ลอยกระทง เป็นตำนานสืบไว้ตลอดกาลนาน
    ฤาษีโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ต่างพากันตั้งหน้าบำเพ็ญเพียรรักษาศีลธรรมภาวนามิได้ขาดจนดับขันธ์ ได้ไปจุติบนเทวโลกชั้นดุสิตพิภพ และในกาลต่อมา ก็วนเวียนบำเพ็ญเพียรบารมีทุกภพชาติที่กำเนิดเกิดในสงสารวัฏ นี้ จนบารมีเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ทั้ง 30 ทัศแล้ว ก็ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ฆติกามหาพรหมผู้เป็นแม่ต้นกัปโลกา ก็จะนำเอาบริขาร คือ บาตรไตรจีวร มาถวายลูกโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ในชาติสุดท้ายที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกทุกพระองค์
    กาลเวลาอันยาวนานผ่านไปจนถึงปัจจุบัน พระโพธิสัตว์ลูกแม่กาเผือก ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกไปแล้วถึง ๔ พระองค์ ตามลำดับดังนี้
    พระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๔ หมื่นปี มีเขมวตีนนครของพระเจ้าเขมะเป็นราชธานี
    พระโกนาคมโนสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๓ หมื่นปี มีโสภวตีนนครของพระเจ้าโสภะเป็นราชธานี
    พระกัสสโปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๒ หมื่นปี มีพาราณสีนครของพระเจ้ากิงกิเป็นราชธานี
    พระโคตโมสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๘๐ ปี มีกบิลพัสดุ์นครของพระพุทธเจ้าสุทโธทนะเป็นราชธานี
    ส่วนพระโพธิสัตว์องค์ที่ ๕ อันเป็นลูกองค์สุดท้ายของแม่กาเผือก คือ พระศรีอริยเมตไตรย์ จักเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ในภัททกัป จะมีอายุถึง ๘ หมื่นปี
    ในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์นั้นสภาพสังคมมนุษย์โลกจะอุดมสมบูรณ์พูนสุขมาก เพราะผู้คนมีศีลธรรมอยู่ด้วยกันได้เมตตาธรรมมีศีล 5 บริสุทธิ์ ทุกคน จึงมีทรัพย์สมบัติมาก มีอายุ ยืนยาว ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ มีรูปร่างสวยสดงดงามหน้าตาผ่องใสเบิกบานด้วยกันหมด
    เพราะผู้คนในยุคนั้นได้สร้างบุญบารมี ให้ทาน รักษาศีล ภาวนากันมาสมบูรณ์ดีหมดและเพราะพระบารมีของพระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตรยที่ สั่งสมบารมี เพื่อ ความสันติสุขของโลกซึ่งมีพระเจ้าสังขจักรพรรดิทรงปกครองบ้านเมืองโดยชอบธรรม ในเมืองเกตุมวดีนครแผ่ธรรมจักรพรรดิให้คนรักษาศีล 5 ทั้งโลก
    เมื่อพระศรีอริยเมตไตรยได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วผู้คนจึงได้ฟังพระ ธรรมจักรได้ดื่มรส อมตธรรมแห่งพระศรีอริยเมตไตรย์ ได้บรรลุเข้าถึงสวรรค์นิพพานโดยแท้
    ผู้คนในยุคนั้นจึงโชคดีที่สุดที่เกิดมาเพื่อสันติสุข เข้าถึง ศีลธรรมอันดีงามทั้งหมดขอให้ทุกคนจงพากเพียร ให้ทาน รักษาศีล ภาวนา จะได้ไปเกิดในพระศาสนาพระศรีอาริย์หากเข้าสู่นิพพานยุคนี้ยังไม่ได้ ท่านก็ยังมีโอกาสได้พบพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งอย่างแน่นอนคือพระศรีอริย เมตไตรย์ลูกแม่กาเผือกองค์สุดท้าย
    ที่มา http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=kathaarkom&topic=7884,
    http://www.boysapolclub.com/Forums/...35538a35e60b9c3ba468c18253a8c4d&topic=1892.15
    ขอบคุณภาพจาก http://palungjit.org/,http://www.dhammajak.net/

    ตามประทีปบูชา "พญากาเผือก"

    [​IMG]

    สภาวัฒนธรรมตำบลของฉัน กำเนิดขึ้นแล้วเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ที่ผ่านมา กลุ่มคนสืบสาน ประเพณีไทยยวนก็กำเนิดตามมาติด ๆ โดยลูกหลานบ้านพระยาทดที่รักและหวงแหนในวัฒนธรรมประเพณีโบราณที่นับวันจะ เลือนหายไปกับกาลเวลา นับถึงวันนี้ลูกหลานไทยยวนตั้งถิ่นฐานอยู่ราบลุ่มแม่น้ำแห่งนี้มาได้กว่า ๒๐๐ ปีแล้ว แม้ระยะทางห่างไกลแต่สายใยของความเป็นเชื้อชาติยังไม่ห่างหายไปตามระยะเวลา
    ประเพณีลอยกระทงของชาวไทยภาคกลางนั้น มีความมุ่งหมายเป็นมาเพื่อขอขมาต่อแม่พระคงคาเทพธิดาแห่งสายน้ำ สายเลือดสำคัญซึ่งได้หล่อเลี้ยงชีวิต กิน ดื่ม อาบ ชำระล้างและทำความสะอาด

    [​IMG]

    แต่ในวาระเดียวกันชาวไทยยวนผู้ซึ่งมีศรัทธาแก่กล้าต่อพระศาสนาก็มีประเพณี การตามประทีปบูชารอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมมานมี และรวมทั้งการบูชา "พญาก๋าเผือก หรือ พญากาเผือก" ตามตำนานพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
    นานเหลือเกินแล้วสำหรับความทรงจำวัยเยาว์ที่มีอยู่ อย่างกระท่อนกระแท่น ยามที่เห็นยายฟั่นเชือกทำเป็น "ตี๋นก๋า" เพ็ญ เดือนสิบสอง วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ยายสนานคนเก่าแก่แห่งบ้านเป็นเจ้าภาพจัด "เต้ด ก๋า เผือก" หรือคำไทยว่า "เทศน์พญากาเผือก" ต้นเค้าและตำนานประวัติพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์

    [​IMG]

    ฝ้าย ที่นำมาฟั่นเป็นเกลียวรูปทรงคล้ายตีนกาด้านล่างนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่ไทย-ยวนเล่าให้ฟังว่าทำเพื่อจุดบูชา "กาเผือก" แม่ในชาติภพหนึ่งของพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
    ตำนานพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์เป็นที่เผยแผ่อยู่ในบริเวณภาคเหนือตอนบน
    คำเทศน์ถุกจารไว้เป็นภาษาล้านนา หรือ ที่ปัจจุบันถูกเรียกว่า "ตั๋วธรรม"
    เทศน์พญากาเผือกในกลุ่มชาวไทยยวนสระบุรี ก็ยังคงสืบสานเอกลักษณ์ดั้งเดิม
    โดยคำเทศนาจะเป็นภาษาไทยยวนโบราณ
    ประเพณีนี้จะจัดขึ้นในตอนพลบค่ำ หรือประมาณหนึ่มทุ่มตรงในเวลาสากล ผู้เฒ่าผู้แก่ผละลุกจากสิ่งที่ทำอยู่และเร่งรีบมาสู่บริเวณศษลาหรือลานพิธี "ตี๋นก๋า" และ "ปะตี๊ป" ถูกจัดเตรียมไว้ก่อนวันงานแล้ว
    ที่มา http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tawanclub&date=05-11-2009&group=11&gblog=1
    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=731.0
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประเพณีล้านนา:ประเพณียี่เป็ง

    [​IMG]

    การบูชาผางประทีส(ผางประทีป) และการทำผางประทีส

    [​IMG]

    ผางประทีส หรือผางประทีป เป็นเครื่องสักการบูชาในพระพุทธศาสนา คำว่า ผาง คือ ภาชนะดินเผาคล้ายถ้วยเล็กๆ ใช้เป็นถ้วยสำหรับใส่ขี้ผึ้งหรือน้ำมันและไส้ของประทีสที่ทำมาจากเส้นฝ้าย ส่วนคำว่า ประทีส คือแสงสว่าง
    ผางประทีส ผางประทีส
    ในช่วงประเพณียี่เป็ง ชาวล้านนานิยมจุดผางประทีสเป็นพุทธบูชา สืบเนื่องมาจากตำนานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคตม
    ชาวล้านนานิยมจุดผางประทีสเป็นพุทธบูชา (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) พระศรีอริยะเมตไตร พระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ได้ถือกำเนิดจากแม่กาเผือก และวันหนึ่งขณะที่แม่กาออกไปหาอาหารได้เกิดพายุทำให้ไข่ทั้งห้าฟองของแม่กาเผือกถูกพัดตกจากรังไหลไปตามแม่น้ำ มีแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โค และแม่ราชสีห์เก็บไปเลี้ยง เมื่อไข่ทั้งห้าฟองฟักออกมาเป็นมนุษย์เป็นเพศชาย และได้บวชเป็นฤๅษีทั้งห้าองค์ เมื่อฤๅษีทั้งห้าได้พบกัน จึงไต่ถามถึงมารดาของแต่ละองค์ แต่ละองค์ก็ตอบว่า แม่ไก่เก็บมาเลี้ยง แม่นาคเก็บมาเลี้ยง แม่เต่าเก็บมาเลี้ยง แม่โคเก็บมาเลี้ยง และแม่ราชสีห์เก็บมาเลี้ยง ฤๅษีทั้งห้าองค์จึงสงสัยว่า แม่ที่แท้จริงของตนเป็นใคร จึงพากันอธิษฐานขอให้ได้พบแม่
    ด้วยคำอธิษฐาน จึงทำให้พกาพรหมผู้เป็นแม่ได้แปลงกายเป็นกาเผือกบินลงมาเล่าเรื่องในอดีตให้ฤๅษีทั้งห้าฟัง และได้บอกว่าหากคิดถึงแม่ ให้นำด้ายดิบมาฟั่นเป็นตีนกาจุดเป็นประทีปบูชาในวันยี่เป็ง ด้วยอานิสงส์แห่งการถวายประทีสตีนกา จึงทำให้ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ (คัมภีร์อานิสงส์ผางประทีส, ม.ป.ป.)

    วิธีการทำผางประทีส
    นายแก้ว ใจแก้ว (สัมภาษณ์, ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๑) ผู้ผลิตผางประทีส หมู่ 8 บ้านสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ผลิตผางประทีสมานานหลายสิบปี ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำผางประทีสไว้ดังนี้
    การทำถ้วยผางประทีส *

    [​IMG]

    ๑. ตำดินเหนียวให้ละเอียด ด้วยครกไม้ขนาดใหญ่ ลักษณะเดียวกันกับครกตำข้าว ปัจจุบันนิยมใช้เครื่องบดดิน
    ๒. ผสมดินตำละเอียดแล้วกับน้ำ นวดให้เข้ากัน ให้เหนียว
    ๓. นำดินมาวางบนแท่นปั้นดิน แล้วปั้นตามขนาด ลักษณะคล้ายถ้วย และใส่ขอบลายหยักโดยใช้ฝากระป๋องน้ำอัดลมแบบจีบประกบกันทาบกับขอบผางประทีส
    ถ้วยผางประทีส
    ๔. เมื่อปั้นและใส่ขอบลายเรียบร้อยแล้ว สำหรับผางประทีสเล็ก ให้นำเข้าเตาเผาได้เลย ส่วนผางประทีสขนาดใหญ่ ต้องนำมาผึ่งแดดให้แห้งเสียก่อน ก่อนนำเข้าเตาเผา
    ๕. เมื่อผางประทีสสุกได้ที่ รอให้เย็นก่อน แล้วจึงนำออกจากเตา และนำมาล้างฝุ่นขี้เถ้า และผึ่งให้แห้ง

    การทำไส้ผางประทีสตีนกา
    ๑. ชุบฝ้ายสีขาวกับขี้ผึ้งเหลวผสมน้ำมันมะพร้าว
    ๒. ผึ่งฝ้ายที่แช่เรียบร้อยให้แห้ง ห้ามตากแดด เพราะจะทำให้ขี้ผึ้งละลายได้
    การทำไส้ผางประทีสตีนกา
    ๓. ฟั่นฝ้าย ทำให้เป็นสามแฉกแบบตีนกา ให้ขนาดพอดีกับผางประทีส
    ๔. ใส่ไส้ตีนกาวางลงตรงกลางถ้วย โดยให้ฝ้ายสามแฉกเป็นฐาน และฝ้ายแกนตั้งขึ้น
    การทำไส้ผางประทีสตีนกา การทำไส้ผางประทีสตีนกา
    ๕. ต้มขี้ผึ้งในหม้อต้มน้ำหรือถ้าทำจำนวนมาก ให้ต้มในปีบขนาดใหญ่หรือกระทะ จนเหลวเป็นน้ำเทียน
    การทำไส้ผางประทีสตีนกา

    [​IMG]

    ๖. หยอดเทียนเหลวลงในผางประทีส จากนั้นผึ่งในที่ร่มให้แห้ง

    [​IMG]

    ความเชื่อในการบูชาผางประทีส
    จุดผางประทีสเผื่อบูชายุ้งข้าว

    [​IMG]

    พ่อหนานดุสิต ชวชาติ (สัมภาษณ์, ๒๑ พฤศจิกายน .๒๕๕๑) ผู้รู้ด้านประเพณีล้านนา ได้กล่าวถึงการบูชาผางประทีสว่า ชาวล้านนาจุดผางประทีส เพื่อเป็นพุทธบูชาพระเจ้าห้าพระองค์ตามตำนานแม่กาเผือก และจุดบูชาเพื่อตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณ ชาวล้านนาจึงนิยมจุดผางประทีสบูชา เพื่อสักการะต่อสิ่งต่างๆที่ได้ใช้ประโยชน์ เช่น ประตูบ้าน บ่อน้ำ ยุ้งข้าว เตาไฟ บันได หน้าต่าง ฯลฯ นอกจากนี้ ยังเป็นการบูชาแสงสว่าง เชื่อว่าจะทำให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีแสงสว่างนำทางชีวิตให้โชติช่วงชัชวาลดั่งแสงจากผางประทีส ด้วยเหตุนี้ช่วงประเพณียี่เป็งจึงสว่างไสวเต็มไปด้วยแสงผางประทีส
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นารายาณะ พุทธะ

    [​IMG]
    ประตูดาวเปิด อีก1โอกาส ของจังหวะดวงดาว
    พฤ.6พย.57 ขึ้น15ค่ำ เดือน12

    ลอยกระทงดอกไม้ของหอม สักการะบูชารอยพระพุทธบาท ณ.เกษียรสมุทรสะดือทะเล เวลาดี 22-24น. ราชาฤกษ์ สมโณฤกษ์ ราศีกรกฎธาตุน้ำ

    [​IMG]

    1ปีมีครั้งเดียวที่จะได้มีโอกาสสักการะบูชารอยพระพุทธบาทที่ประทับในมหาสมุทร อานิสงค์บุญแห่งการบูชารอยพระบาท ให้กับพระแม่คงคา นาคราช เจ้าทะเลมหาสมุทร วิญญานในน้ำ และสัตว์น้ำทั้งหลาย โอกาสที่จะได้ใช้หนี้กรรมทางน้ำด้วยผลบุญแห่งการบูชารอยพระพุทธบาท บุญจะได้มากน้อยอยู่ที่ความตั้งใจและปัญญาพิจารณาว่าเวลาแห่งการบูชานี้ควรจะทำอะไรบ้าง

    [​IMG]
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chutithep Rattaseri ได้แชร์รูปภาพของ Suttisak Soralump

    [​IMG]

    ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมปฐพีวิทยาของไทย (เพื่อนผมเอง)
    กรุงจากาตาร์ ประเทศอินโดนิเซีย กําลังวิกฤติหนักเนื่องจากเเผ่นดินทรุดตัว มึพื้นที่ตํ่ากว่าระดับนํ้าทะเลถึงกว่า -4.1 เมตร ทําให้ต้องทําเขื่อนป้องกันนํ้าทะเล
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Urasian Tongue Folding

    [​IMG]



    ผลของแผ่นดินไหว 3 จุด เมื่อ 19 ธ.ค. 2010 เวลา 13.00.41 จุดแรกที่เหนือเกาะสุมาตรา จุดที่ 2 เกาะในฟิลิบปินส์ และจุดที่ 3 บริเวณเกาะมาเรียน่าซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่เกาะฟิลิบปินส์ ทั้ง 3 จุดจะเรียงตัวกันเป็นแนวเส้นตรงตลอดความกว้างของส่วนลิ้นของยูเรเซี่ยน...เป็นแนวหักพับของปลายแผ่นเปลือกโลกส่วนนี้ เป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่งที่คุณ Zeta ได้พยากรณ์เอาไว้ว่าพื้นที่ประเทศอินโดนีเซียเกือบทั้งหมดยกเว้นบริเวณยอดเขาสูง จะทรุดตัวมากที่สุดของแผ่นลิ้นยูเรเซียนนี้ ถัดขึ้นมาเป็น มาเลย์เซีย สิงค์โปร์ 60 ฟุต โซนประเทศไทย 40 ฟุต และประเทศจีนตอนใต้ตั้งแต่เมืองหังซู่อยู่เหนือเกาะฮ่องกงขึ้นไปติดริมทะเลลงมาจะทรุดตัวเฉลี่ยประมาณ 20 ฟุต ส่วนฮ่องกงและฟิลิบปินส์ อัตราทรุดตัวใกล้ๆกับประเทศไทย (และตามรายงานติดตามแผ่นดินไหวของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2010 ได้เกิดแผ่นดินไหวค่อนข้างรุนแรง 3 แห่งในแนวขวางกับลิ้นยูเรเชี่ยนนี้ ที่พาดผ่านเหนือเกาะสุมาตราไปตลอดความกว้างของลิ้นยูเรเชียนไปทางทิศตะวันออก ขึ้นในเวลาเดียวกัน อันบ่งบอกอาการหักพับและจมลงมากขึ้นครั้งสำคัญ ของลิ้นยูเรเชี่ยนส่วนปลาย ที่เป็นที่ตั้งของประเทศอินโดนีเซีย )
    ผลของแผ่นดินไหวแต่ละคราวนั้น เกิดจากชั้นหินใต้เปลือกโลกได้รับแรงกดดันอย่างหนักจนกระทั่งแตกหัก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา เช่นคุณ Zeta ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากแผ่นดินไหว บ่งชี้ให้เห็นว่า ส่วนยื่นลักษณะคล้ายลิ้นของแผ่นยูเรเซี่ยน ที่ยื่นลงมาทางใต้ ไปชนกับแผ่น อินโด-ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแผ่นเปลือกโลกที่มีขนาดใหญ่แผ่นหนึ่ง และแผ่นเปลือกโลกแผ่นนี้กำลังเคลื่อนตัวมากดทับลิ้นของยูเรเชี่ยน ที่ประเทศอินโดนีเซียทั้งประเทศตั้งอยู่ และปรากฏว่ามีหลายๆพื้นที่ของเกาะต่างๆได้เริ่มจมอยู่ใต้น้ำถาวรแล้ว
    บริเวณเหนือพื้นที่เกาะชะวา ฝั่งตะวันออกใกล้กรุงจาร์การ์ต้า ที่ปรากฏว่าได้เอียงและจมน้ำถาวรมาแล้วระยะหนึ่ง และการทรุดจมของแผ่นดินบนเกาะนี้ และเกาะอื่นๆของประเทศอินโดนีเซีย กำลังทรุดตัวต่อเนื่อง ซึ่งคุณ Zeta ได้พยากรณ์เอาไว้ล่วงหน้านานร่วม 10 ปีแล้ว ว่าแผ่นเปลือกโลกที่ประเทศอินโดนีเซียตั้งอยู่จะทรุดตัวเฉลี่ยประมาณ 80 ฟุตค่อยๆทรุดตัวก่อนที่โลกจะย้ายขั้ว
    ในประเทศที่แผ่นดินเริ่มทรุดตัว จะสังเกตได้ว่าน้ำจะเริ่มท่วมมากขึ้นโดยลำดับ ทั้งจากน้ำฝนและน้ำทะเล ในกรณีน้ำฝน บริเวณที่ทรุดตัวเป็นแอ่งอยู่ก่อนฝนตกน้ำจะเอ่อท่วมบริเวณนั้นอยู่นานกว่าปกติ เนื่องจากระบายน้ำสู่ท้ายน้ำได้ช้าและบางส่วนจะขังอยู่แม้ว่าจะไม่มีน้ำฝนมาเพิ่มแล้วก็ตาม เช่นเดียวกับที่ปรากฏที่ปากีสถานในบริเวณที่แผ่นดินทรุดตัว 10 ฟุต น้ำจะท่วมถาวรอยู่อย่างนั้นไม่ระบายออกลงแม่น้ำฮินดัสออกสู่ทะเล ซึ่งทางนาสซ่าได้ออกมายอมรับหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปร่วมปี ถึงแม้ว่าคุณ Zeta ได้รายงานล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดขึ้นแล้วก็ตาม...กรณีของบริเวณปลายแผ่นยูเรเซี่ยนนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่จะเกิดขึ้นรุนแรงกว่าที่ประเทศปากีสถาน
    ปากีสถานตั้งอยู่บนแผ่นเปลือกโลกเดียวกันกับประเทศอินเดียทั้งประเทศตั้งอยู่ รวมทั้งเนปาล บังคลาเทศ และภูฏาน ระหว่างที่โลกกำลังย้ายขั้วแผ่นฮิมมาลายานซึ่งภูเขาหิมาลัยตั้งอยู่จะกดทับแผ่นอินเดียให้จมลงทั้งหมดภายในพริบตาเท่านั้น ส่งผลให้น้ำจากมหาสมุทรต่างๆไหลมาแทนที่ว่างและปะทะกันรุนแรงเกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ ออกไปยังพื้นที่ประเทศใกล้เคียงและข้ามมาทางอ่าวไทย ส่งผลให้น้ำท่วมพื้นที่ชายฝั่งของประเทศไทยทั้งหมด....(ในประเด็นนี้เคยได้รับฟังข่าวจากท่านผู้มีญานทัสสนะบอกเอาไว้หลายปีแล้ว เพิ่งมาทราบวงรอบของภัยพิบัติจากคุณ Zeta ในภายหลัง)
    ข้อมูลจาก บอร์ด AINews
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เปิดตัวหนังสือเจาะชีวิตสมรส "แฝดสยามอิน-จัน"
    เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV
    วันที่ 3 พฤศจิกายน 2557 14:22 น.

    [​IMG]

    เผยหนังสือเล่มใหม่ เกี่ยวกับแฝดสยามอิน-จัน ที่บรรยายเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน รวมทั้งเพศรสของคนทั้งคู่
    ในหนังสือเล่มใหม่ที่เขียนโดย โจเซฟ แอนดรูว์ ออร์เซอร์ ชื่อ "เดอะ ไลฟ์ส ออฟ ชาง แอนด์ เอ็ง" เดอะ บังเกอร์ส ซึ่งหมายถึงแฝดสยามผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก "อิน-จัน" ได้ระบุเนื้อหาบางส่วนเอาไว้ว่า ตอนที่พวกเขาถูกจัดการให้ไปโชว์ตัวที่ฝรั่งเศส เมื่อปี 2374 ทางการฝรั่งเศส เกิดกลัวว่า ฝาแฝดคู่นี้ ซึ่งตอนนั้นมีอายุเพียง 20 ปี จะส่งผลกระทบต่อบรรดาสาวๆ ในฝรั่งเศส ก็เลยห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าประเทศ
    เรื่องราวของฝาแฝดที่มีหน้าอกติดกัน และเป็นฝาแฝดคู่แรกของโลกที่สามารถดำรงชีพเหมือนคนธรรมดา ได้กลายเป็นที่สนใจของคนทั่วไป โดยเฉพาะความรักโรแมนติกและการใช้ชีวิตในเรื่องเพศรสของพวกเขา ในหนังสือของออร์เซอร์ ระบุว่า ฝาแฝดอิน-จัน เกิดที่สยาม เมื่อปี 2354 โดยมีแถบเนื้อเชื่อมต่อกันที่หน้าอกยาวหลายนิ้ว จนมีพ่อค้าชาวอังกฤษไปพบเข้า โดยตอนแรกคิดว่า พวกเขาเป็นสัตว์ประหลาดบางชนิด แต่ก็เข้าไปตีสนิทจนกระทั่งทั้งสองคนอายุครบ 18 ปี และได้ทำข้อตกลงกับพ่อแม่ของพวกเขา เพื่อนำตัวไปโชว์ที่สหรัฐ ในฐานะ "คนประหลาด"
    ตอนที่พวกเขาเดินทางไปถึงสหรัฐ ก็ต้องถูกซักถามด้านสุขภาพอย่างมากมาย แพทย์คนหนึ่งทดสอบแผ่นเนื้อที่ติดกันของทั้งคู่ด้วยการเอาเข็มจิ้มดูว่ามีความรู้สึกหรือไม่ แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าตอนที่เอาเข็มจิ้มตรงกลางชิ้นเนื้อที่เชื่อมทั้งสองคน เด็กชายทั้งสองจะไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อจิ้มใกล้ตัวแฝดฝั่งไหน ในระยะครึ่งนิ้ว หรือไกลจากจุดศูนย์กลางของแผ่นเนื้อ แฝดฝั่งที่อยู่ใกล้ก็จะรู้สึกไม่สบายตัว
    นอกจากนี้ ยังพบว่า เมื่อให้แฝดคนหนึ่งทดสอบรสเปรี้ยว แฝดอีกคนก็จะได้รับรสชาติไปด้วย
    ยังมีส่วนอื่นๆ อีกมากที่พวกเขาเชื่อมโยงถึงกัน แต่สาธารณชนก็พากันอย่างรู้เรื่องเพศรสของหนุ่มน้อยทั้งสองคน รวมถึงความเป็นอยู่ที่เคยมีข่าวในหนังสือพิมพ์ด้วยว่า ทั้งคู่เคยทะเลาะวิวาทถึงขั้นชกต่อยกันมาแล้ว
    ตอนที่ไปอยู่สหรัฐ อินกับจัน เปลี่ยนชื่อเป็น เอ็งกับชาน และใช้นามสกุลบังเกอร์ ซึ่งออร์เซอร์เขียนไว้ในหนังสือว่า ความคาดหวังที่จะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงได้ถูกรบกวนด้วยเรื่องที่อ่อนไหว เมื่อมีความวิตกเกิดขึ้นว่าฝาแฝดตัวติดกันคู่นี้อาจส่งผลกระทบต่อผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ จากการที่มีผู้หญิงคนหนึ่งในรัฐเคนตั๊กกี้ คลอดลูกฝาแฝดตัวติดกัน แต่เสียชีวิตตั้งแต่แรกคลอด อ้างว่า เธอเสพย์ข้อมูลของฝาแฝดคู่นี้จากโฆษณาในหนังสือพิมพ์มากเกินไป ตอนที่เธอตั้งครรภ์ มันก็เลยส่งผลต่อจินตนาการของเธอ
    สำหรับพี่น้องอิน-จัน ต่างมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะตัวประหลาด และเห็นช่องทางที่จะกลายเป็นพลเมืองอเมริกันเต็มตัว หลังจากเลิกการโชว์ตัวร่วมกับคณะละครสัตว์มานานนับสิบปี พวกเขาก็เอารายได้ที่ออมไว้ ไปซื้อที่ดินในนอร์ธ คาโรไลน่า รวมถึงซื้อบ้านและซื้อทาสไว้ด้วย
    ต่อมาในปี 2386 ทั้งอินและจันต่างแต่งงานกับสองพี่น้อง อเดเล้ด และซาร่าห์ แยทส์ ที่เป็นลูกสาวของเจ้าของที่ดินที่อยู่ใกล้กัน ตอนที่พวกเขาตัดสินใจจะแต่งงานกัน ด้วยการนั่งรถเปิดประทุนไปด้วยกันนั้น ปรากฎว่า มีคนรับไม่ได้ และไปขว้างกระจกหน้าต่างบ้านพ่อของผู้หญิงจนแตก ขณะที่เพื่อนบ้านบางคนขู่จะเผาไร่ของเขา ถ้าไม่ยอมควบคุมลูกสาว
    ขณะที่สื่อท้องถิ่นอย่าง เดอะ แคโรลิน่า วอทช์แมน พาดหัวว่า การแต่งงานสุดพิลึก (Marriage Extraordinaire) แต่บางฉบับก็ใช้คำรุนแรงว่า เป็นการสมสู่ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ (bestial)
    หลังจากแต่งงานอยู่กันแล้ว แน่นอนว่า ทั้งสองครอบครัวจะต้องแยกกัน ซึ่งไม่มีปัญหา โดยอินและจันจะแบ่งครึ่งสัปดาห์กันในการไปอยู่กับครอบครัวของตัวเอง หลังจากนั้น ภรรยาของพวกเขาทั้งคู่ก็ให้กำเนิดลูก ในปี 2387 แต่ไม่มีข้อมูลว่า พวกเขามีความสัมพันธ์ทางเพศกันอย่างไร ลูกคนแรกของพวกเขาทั้งคู่ เกิดห่างกันแค่ 6 วัน และคู่ต่อมาเกิดห่างกัน 8 วันจนกระทั่งอินมีลูก 11 คน และจันมีลูก 10 คน
    ในหนังสือระบุว่า ตอนที่พวกเขาเดินทางไปอังกฤษ สื่อมวลชนก็ตั้งข้อสงสัยอย่างไม่เกรงใจว่าพวกเขาเป็นครอบครัวกันจริงหรือไม่ บางฉบับเขียนว่า เป็นเรื่องน่าขยะแขยงเมื่อคิดว่า มนุษย์ที่รูปร่างวิปริตเหล่านี้ เป็นสามีหรือพ่อคน
    ต่อมาในปี 2413 จันป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ทำให้ร่างกายด้านหนึ่งของเขาเป็นอัมพาตและเป็นข้างที่ติดกับอิน ทำให้อินต้องดูแลจัน ซึ่งต้องใช้แถบผ้าคล้องขาข้างหนึ่งเอาไว้ และใช้ไม้เท้ากับแขนข้างหนึ่งของอินช่วยพยุงเดิน และเมื่อไม่สามารถกลับไปมีสุขภาพสมบูรณ์ได้อีกทำให้จันเอาแต่ดื่มเหล้า นำมาซึ่งโรคร้ายก่อนจะเสียชีวิตในวันที่ 17 มกราคม ปี 2417 ส่วนอินซึ่งรู้สึกว่าตัวเองป่วย ได้ขอให้ลูกชายช่วยตรวจสอบจัน และเมื่อลูกชายบอกว่า จันเสียชีวิตแล้วเขาก็บอกว่า กำลังจะตายด้วยเช่นกัน และหลังจากนั้นเพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง อิน ซึ่งทั้งเศร้าเสียใจและไม่สบาย ก็จากไปอีกคน
    เปิดตัวหนังสือเจาะชีวิตสมรส "แฝดสยามอิน-จัน" - Nation TV
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    4 พ.ย. น่ารักอะ โรงพยาบาลค้างคาวในออสซี่ รับดูแลค้างคาวกำพร้า

    [​IMG]

    There’s A Bat Hospital In Australia That Takes In Abandoned Baby Bats | Bored Panda

    [​IMG]

    วันที่ 3 พ.ย. เว็บไซต์ boredpanda นำภาพ โรงพยาบาลค้างคาวโทลกา (Tolga) มาเผยให้ชม โรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองแอทเธอร์ตัน รัฐควีนส์แลนด์ ของออสเตรเลีย คอยรับรักษาค้างคาวผลไม้ที่เจ็บป่วยจากการถูกเห็บหรือสัตว์ปรสิตทั้งหลายกัดกินเลือด ซึ่งเป็นโรคที่คร่าชีวิตพวกมันไปไม่น้อย และเป็นเหตุให้ลูกค้างคาวจำนวนหนึ่งต้องกำพร้า ที่นี่จึงคอยเก็บลูกค้างคาวเหล่านี้มาดูแลด้วย เมื่อทั้งหมดหายดีและแข็งแรงพอ ก็จะนำปล่อยกลับสู่ธรรมชาติต่อไป

    [​IMG]

    ภาพค้างคาวน้อยนอนตาแป๋วซุกตัวอยู่ในผ้าผืนเล็ก ๆ หลากสีสัน แถมบางตัวยังดูดจุกนมคาปาก ดูแล้วก็ช่างน่ารักน่าเอ็นดูไม่ต่างไปจากลูกหมาลูกแมวที่เรานิยมเลี้ยงกันเลยจริงๆ

    [​IMG]

    น่ารักอะ โรงพยาบาลค้างคาวในออสซี่ รับดูแลค้างคาวกำพร้า
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    4 พ.ย. สิงคโปร์ประกาศเป็นกำลังหนุนพันธมิตรนานาชาติสู้นักรบIS
    สิงคโปร์เผยเมื่อวันจันทร์ (3พ.ย.) จะให้การสนับสนุนทางทหารแก่พันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯซึ่งกำลังสู้รบกับพวกนักรบรัฐอิสลาม(ไอเอส)ในอิรักและซีเรีย อย่างไรก็ตามพวกเขาชี้แจงว่าความเคลื่อนไหวนี้ไม่ได้หมายถึงการเข้าร่วมสู้รบ แต่จะเป็นกำลังหนุนด้านอื่นๆแทน
    เอิง เอ็ง เฮ็น รัฐมนตรีกลาโหมบอกกับรัฐสภาว่ากองทัพอากาศสิงคโปร์(SAF) จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำยังกองบัญชาการกลางสหรัฐฯและศูนย์บัญชาการต่างๆของกองกำลังเฉพาะกิจร่วม ที่เป็นหัวหอกทำสงครามกับนักรบไอเอสในอิรักและซีเรีย
    นอกจากนี้แล้วทางกองทัพอากาศสิงคโปร์จะส่งเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ โบอิ้ง KC-135R Stratotanke เช่นเดียวกับทีมวิเคราะห์ภาพเข้าประจำการในภารกิจนี้ด้วย "จะไม่มีการส่งทหารประจัญบานไปยังอิรักและซีเรีย แต่ทางทหารของSAF จะปฏิบัติภารกิจจากประเทศโดยรอบ โดยร่วมมือกับกองกำลังพันธมิตรอื่นๆ" รัฐมนตรีกลาโหมเผย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ระบุจำนวนของกำลังพลที่ถูกส่งเข้าประจำการในครั้งนี้
    สิงคโปร์คือหนึ่งในชาติที่กองทัพมีอาวุธยุทโธปกรณ์ดีที่สุดของเอเชีย และพวกเขามองว่าตนเองคือเป้าหมายลอบโจมตีลำดับต้นๆของพวกนักรบรัฐอิสลาม โดยเฉพาะเครือข่ายที่กำลังปฏิบัติการอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    นายเอิง เอ็ง เฮ็น บอกว่าการเข้าร่วมปฏิบัติการนานาชาติครั้งนี้ก็เหมือนเป็นการส่งเสริมความมั่นคงของสิงคโปร์โดยตรง โดยเขาย้อนถึงกรณีนักรบจากเจมาห์ อิสลามิยาห์ (เจไอ) เครือข่ายของอัลกออิดะห์ วางแผนลอบวางระเบิดสถานทูตหรัฐฯและเป้าหมายต่างชาติอื่นๆในสิงคโปร์เมื่อปี 2002 แต่เคราะห์ดีที่แผนดังกล่าวถูกทลายได้เสียก่อน หลังตำรวจรวบตัวผู้ต้องสงสัยได้หลายคน
    รัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์บอกต่อว่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีความกังวลต่อความเป็นไปได้ที่นักรบญิฮัดที่ออกไปร่วมสู้รบในอิรักและซีเรีย จะกลับมาจัดตั้งสาขาของไอเอส ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมอ้างข้อมูลว่าเวลานี้มีชาวอาเซียนราว 350 คน ในนั้นมีทั้งชาวสิงคโปร์ มาเลเซียและอินโดนีเซีย กำลังร่วมสู้รบในตะวันออกกลาง
    "หลายคนที่เข้าร่วมกับไอเอส บางทีอาจกลับมาเป็นภัยคุกคามต่อวคามมั่นคงของเรา ภูมิภาคของเรากำลังเจอกับภัยคุกคามอย่างแม้จริง" นายเอิง เอ็ง เฮ็น กล่าว ขณะที่สิงคโปร์กำลังจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรนานาชาติ 33 ประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ ในภารกิจกำราบกลุ่มไอเอส
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    4 พ.ย. จีนสร้าง “ระบบเลเซอร์” ยิง “โดรน” บินระดับต่ำภายใน 5 วินาที

    [​IMG]

    วิศวกรจีนประสบความสำเร็จหลังการทดสอบระบบเลเซอร์ต่อต้านอากาศยาน ที่สามารถยิงวัตถุบินได้ขนาดเล็กที่เคลื่อนที่ช้าในระดับการบินต่ำ เช่น โดรน หรือเครื่องบินเล็ก สื่อรัฐบาลจีนรายงาน
    ระบบเลเซอร์ต่อต้านอากาศยานใหม่ล่าสุดของจีนนี้สามารถตามจับการเคลื่อนไหวของวัตถุบินได้ขนาดเล็กภายในรัศมี 2 กม. และสามารถยิงทำลายได้ภายใน 5 วินาที หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลีของจีนรายงาน โดยอ้างจากแถลงการณ์ของสถาบันวิศวกรรมฟิสิกต์แห่งชาติจีน
    ระบบเลเซอร์นี้ถูกออกแบบให้สามารถทำลายเป้าหมายที่บินในระดับสูงเหนือพื้นดิน 500 ม. ด้วยความเร็วที่น้อยกว่า 180 กม./ชม. ไชน่าเดลีรายงานต่อ
    และที่สำคัญ ระบบเลเซอร์นี้สามารถติดตั้งในยานยนต์ที่จะทำหน้าที่ป้องกันประเทศจากภัยทางอากาศ เช่น วัตุบินขนาดเล็ก ในเหตุการณ์คับขันโดยเฉพาะหากเกิดขึ้นในตัวเมือง
    เอพีรายงานว่า มีหลายประเทศในโลกที่สนใจพัฒนาระบบเลเซอร์นี้ รวมถึงสหรัฐฯ ซึ่งได้ติดตั้งระบบเลเซอร์ต้นแบบ หรือ Laser Weapon System (LaWS) บนเรือรบสหรัฐฯ USS Ponce ที่สามารถทำลายโดรน หรือ เครื่องบินเล็ก ซึ่งข้อดีของระบบเลเซอร์คือ การใช้ไฟฟ้าในการทำงาน และมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำเมื่อเทียบกับระบบขีปนาวุธ และที่มากไปกว่านั้น ระบบเลเซอร์ต่อต้านอากาศยานยังสามารถยิงได้อย่างต่อเนื่อง
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จนท.จีน ลอบซื้อศพมาฌาปนกิจ ทำยอดให้ได้ตามเป้ารัฐบาล
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 พ.ย. 2557 03:34

    [​IMG]

    เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีน 2 คนถูกจับกุมฐานลักลอบซื้อศพคนตายมาประกอบพิธีฌาปนกิจ เพื่อให้ได้จำนวนตามเป้าหมายของรัฐบาล...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีน 2 คนในมณฑลกวางตุ้งถูกตำรวจจับกุม โดยพวกเขาถูกกล่าวหาว่าลักลอบซื้อศพคนตายจากโจรปล้นสุสาน เพื่อนำศพมาประกอบพิธีเผาฌาปนกิจให้ได้จำนวนตามเป้าหมายรายเดือนที่รัฐบาลต้องการ

    ตามประเพณีของจีน มักสร้างสุสานเพื่อฝังศพมากกว่าเผา เพื่อให้ลูกหลานสามารถกราบไหว้บรรพบุรุษหรือบุคคลอันเป็นที่รักได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนพยายามกระตุ้นให้คนหันมาใช้วิธีเผาศพเพื่อประหยัดที่ดิน ไว้ใช้สำหรับการเพาะปลูกและการพัฒนาในด้านต่างๆ

    เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนทราบเพียงชื่อต้นว่า เหอ และ ตง ซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ดูแลเรื่องการบังคับใช้การปฏิรูปการจัดพิธีศพ ถูกจับกุมตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยทั้งคู่สารภาพกับตำรวจว่า ซื้อศพมาเพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจให้ครบตามเป้าที่รัฐบาลต้องการ

    นายตงระบุว่า ซื้อศพจากโจรปล้นสุสาน จำนวน 10 ศพ ในราคาศพละ 3,000 หยวน (ราว 16,000 บาท) ส่วนนายเหอสารภาพว่าซื้อศพมาในราคาศพละ 1,500 หยวน แต่ไม่มีการเปิดเผยว่าซื้อมากี่ศพ

    ทั้งนี้ นโยบายใหม่ของรัฐบาลสร้างความไม่พอใจให้กับคนจีนจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทของประเทศ เพราะพวกเขาเชื่อว่า ศพต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ผู้ตายจึงจะสามารถไปสู่สุคติ และมีรายงานว่าชาวจีนหลายคนฆ่าตัวตาย ก่อนที่นโยบายเรื่องการเผาศพจะถูกบังคับใช้ เพื่อให้ศพของพวกเขาถูกฝังแทนด้วย

    จนท.จีน ลอบซื้อศพมาฌาปนกิจ ทำยอดให้ได้ตามเป้ารัฐบาล - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เผยความลับ! อังกฤษแอบส่ง 'หน่วย SAS' เข้าซีเรีย ช่วยสู้กลุ่มไอเอส
    โดย ข่าวต่างประเทศ 4 พ.ย. 2557 16:23

    [​IMG]

    สื่อผู้ดี แย้ม รบ.อังกฤษ แอบส่ง หน่วย SAS เข้าไปในเมืองโคบานี เมืองชายแดนของซีเรียอย่างลับๆ คอยช่วยแนะนำกองกำลังชาวเคิร์ด และชี้เป้าให้กองกำลังสหรัฐฯโจมตีทางอากาศถล่มกลุ่มไอเอส ที่พยายามยึดเมืองโคบานี

    นสพ.เดลี่ มิร์เรอร์ ในอังกฤษ รายงานรัฐบาลอังกฤษ แอบส่งหน่วย SAS หรือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษทางอากาศของอังกฤษ ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก เข้าไปในซีเรียอย่างลับๆ เพื่อร่วมมือกับกองกำลังสหรัฐฯ และกองกำลังชาวเคิร์ดในอิรัก ต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธนิกายสุหนี่หัวรุนแรง ที่เรียกตัวเองว่า ‘รัฐอิสลาม’ หรือไอเอส ที่พยายามยึดครองเมืองโคบานี เมืองชายแดนทางภาคเหนือของซีเรีย ติดกับตุรกี

    [​IMG]
    ---
    @กองกำลังสหรัฐฯถล่มเป้าหมายกลุ่มไอเอสในเมืองโคบานี
    ---
    เดอะ มิร์เรอร์ เปิดเผยว่า กองกำลังหน่วย SAS ได้ข้ามชายแดนจากอิรักเพื่อไปร่วมกับทีมกองกำลังชาวเคิร์ด และกองกำลังเดลต้าของสหรัฐฯ เพื่อรักษาเมืองโคบานี จากการถูกกลุ่มไอเอสโจมตี โดยหน่วย SAS ของอังกฤษกำลังปฏิบัติภารกิจ ในการชี้เป้าฐานที่ตั้งกลุ่มไอเอส รวมถึงการให้คำแนะนำแก่กองกำลังชาวเคิร์ด และการแจ้งให้กองกำลังสหรัฐฯปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มไอเอส ที่พยายามบุกยึดเมืองโคบานี มาตั้งแต่ 6 สัปดาห์ก่อน และทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วนับ 800 ราย

    แหล่งข่าวคนหนึ่ง เผยว่า หน่วย SAS ได้ประจำการอยู่ทั้งในและรอบเมืองโคบานีมานานหลายสัปดาห์แล้ว พร้อมทั้งยังคงจับตาดูอาวุธทุกชนิดที่ชาติตะวันตกและชาติอาหรับส่งมาสนับสนุนกองกำลังชาวเคิร์ดใช้ต่อสู้กับกลุ่มไอเอส ขณะที่ กลุ่มไอเอส ซึ่งต้องสูญเสียสมาชิกจำนวนมากจากถูกสหรัฐฯโจมตีทางอากาศได้ขู่จะสังหารประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ดในเมืองโคบานี

    [​IMG]

    [​IMG]

    ---
    @นักรบกองกำลังชาวเคิร์ดกำลังฝึกซ้อมทักษะการทหาร และใช้อาวุธ
    ---
    อย่างไรก็ตาม เดอะ มิร์เรอร์ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมา เดอะ มิร์เรอร์ ได้มีการเปิดเผยจำนวนทหารอังกฤษที่ประจำการอยู่ในอิรักว่ามีจำนวนหลายร้อยนาย แต่จะไม่มีการเปิดเผยจำนวนกองกำลัง SAS ที่ประจำการอยู่ในเมืองโคบานี

    ทั้งนี้ หน่วย SAS หรือ British Special Air Service ได้รับการกล่าวขานในฐานะเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ดีที่สุด หรือ Best of The Best ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่มีอยู่ทั้งหมดทั่วโลก โดยหน่วย SAS ได้ ผ่านการฝึกฝนที่เคี่ยวกรำอย่างหนัก และยังได้รับการฝึกจากหน่วยข่าวกรอง MI5 และ MI 6 ด้วย ดังนั้นสมาชิกหน่วย SAS จึงสามารถปฏิบัติภารกิจทั้งด้านการทหารและการเป็นสายลับ

    เผยความลับ! อังกฤษแอบส่ง 'หน่วย SAS' เข้าซีเรีย ช่วยสู้กลุ่มไอเอส - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โหด! ม็อบปากีฯฆ่า-เผาชายหญิงชาวคริสต์ อ้างดูหมิ่นพระคัมภีร์
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ย. 2557 04:03

    [​IMG]

    ม็อบชาวปากีสถานรุมทำร้ายชายหญิงผู้นับถือศาสนาคริตส์จนเสียชีวิต ก่อนนำร่างไปเผา อ้างว่าทั้งสองคนดูหมิ่นพพระคัมภีร์อัลกุรอาน...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชายหญิงชาวปากีสถานผู้นับถือศาสนาคริสต์ ถูกฝูงชนที่โกรธแค้นรุมทำร้ายจนเสียชีวิต และนำร่างไปเผาในเตาเผาอิฐ ที่เมือง คอต ราดา คีชาน ในจังหวัดปัญจาบ ทางตะวันออกของประเทศ หลังจากทั้งสองคนถูกกล่าวหาว่า ดูหมิ่นพระคัมภีร์อัลกุรอาน

    บิน ยามีน เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นเปิดเผยต่อสำนักข่าว เอเอฟพี ว่า ผู้เคราะห์ร้ายชื่อ ชามา กับ เชห์ซาด โดยเมื่อวันจันทร์ (3 พ.ย.) ทั้งคู่ถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นพระคัมภีร์อัลกุราอาน ก่อนที่ในวันอังคารกลุ่มคนที่โกรธแค้นจะรุมทำร้ายชายหญิงคู่นี้ จากนั้นจึงนำร่างไปเผาในเตาเผาอิฐ

    ขณะเดียวกัน สำนักข่าวบีบีซีรายงานอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงนายหนึ่ง ว่าตำรวจท้องถิ่นพยายามเข้าช่วยเหลือชายหญิงคู่นี้แล้ว แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากฝูงชนมีจำนวนมาก และตำรวจถูกโจมตีกลับด้วย อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งในกรมตำรวจและรัฐบาล ถูกส่งไปสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

    ทั้งนี้ การดูหมิ่นศาสนาเป็นประเด็นละเอียดอ่อนอย่างมากในปากีสถาน และเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากว่า กฎหมายมักจะถูกนำไปใช้แบบผิดๆ เพื่อแก้ปัญหาส่วนตัว

    โหด! ม็อบปากีฯฆ่า-เผาชายหญิงชาวคริสต์ อ้างดูหมิ่นพระคัมภีร์ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เริ่มทดลองวัคซีนป้องกันไวรัสอีโบลาที่สวิตเซอร์แลนด์ Wed, 05/11/2014 - 08:43

    โรงพยาบาลในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เริ่มทดลองฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสอีโบลาให้กับอาสาสมัครแล้วซึ่งก็เป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทแกล็กโซสมิธไคล์น ผู้ผลิตยาของอังกฤษ

    <iframe width="615" height="346" src="//www.youtube.com/embed/QWbqaO0Do-Q" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    โรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยโลซานน์ของสวิตเซอร์แลนด์เริ่มทดลองวัคซีนป้องกันไวรัสอีโบลากับอาสาสมัคร ซึ่งเป็นการการทดลองในระยะแรก มีอาสาสมัครที่สุขภาพดีเข้ารับการฉีดวัคซีน 120 คน จากจำนวนอาสาสมัครที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทดสอบวัคซีนทั้งหมด 400 คน โดยอาสาสมัครทั้ง 120 คนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนได้รับเลือกด้วยวิธีการสุ่ม หนึ่งในนี้คือทิน่า แพทย์หญิงวัย 36 ปี ซึ่งเปิดเผยว่าการเข้ารับการทดลองฉีดวัคซีนเพื่อดูประสิทธิภาพและความปลอดภัย ถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับความเสี่ยง ทั้งนี้่วัคซีนที่ได้รับการทดสอบในครั้งนี้พัฒนาโดยบริษัทแกล็กโซสมิธไคล์น ผู้ผลิตยาชั้นนำของอังกฤษ

    นอกจากการทดลองฉีดวัคซีนอีโบลาในสวิตเซอร์แลนด์แล้วก็ยังมีการทดลองในลักษณะเดียวกันนี้ที่ประเทศมาลี อังกฤษและในสหรัฐ ขณะที่คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยโลซานน์เปิดเผยว่าวัคซีนที่ได้รับการทดสอบประกอบด้วยโปรตีนเชิงเดี่ยวของเชื้ออีโบลา ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดโรค แต่จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสอีโบลาและหากการทดสอบประสบผล จะมีการฉีดวัคซีนอีโบลาให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่การระบาดในแอฟริกาตะวันตกภายในสิ้นปี 2557 นี้

    เริ่มทดลองวัคซีนป้องกันไวรัสอีโบลาที่สวิตเซอร์แลนด์ - ข่าวไทยพีบีเอส ...
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯ จัดซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในโลก Wed, 05/11/2014 - 08:07

    สหรัฐฯ จัดซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีกองทัพเรือ 44 ประเทศ และกำลังพลเข้าร่วม 65,000 นาย ที่บริเวณอ่าวอาระเบีย

    <iframe width="615" height="346" src="//www.youtube.com/embed/0YJLFGpPoP4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ผู้บัญชาการฐานทัพเรือของสหรัฐฯ ในกรุงมานามา เมืองหลวงของบาห์เรน กล่าวถึงการจัดซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในโลก บริเวณอ่าวอาระเบีย ว่ามีขึ้นเพื่อเป็นการทดสอบปฎิบัติการที่จุดมุ่งหมายให้ความคุ้มครองเส้นทางการค้าและการพาณิชย์ทางทะเล โดยมีกองทัพเรือของประเทศต่างๆ เข้าร่วมการซ้อมรบถึง 44 ประเทศ จาก 6 ทวีป และมีกำลังพลเข้าร่วมถึง 65,000 นาย

    ทั้งนี้ มีรายงานว่าการซ้อมรบทางทะเลในครั้งนี้จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 13 พ.ย. 2557 และก่อนที่การฝึกซ้อมเสร็จสิ้นจะมีการระดมความคิดเพื่อร่วมกันประเมินประสิทธิภาพในการซ้อมรบและทบทวนการเรียนรู้เพื่อวางแผนการซ้อมรบที่จะมีขึ้นอีกในอนาคต

    สหรัฐฯ จัดซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในโลก - ข่าวไทยพีบีเอส - Thai PB...
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "โอบามา" ประกาศภัยจากลาวาเป็นภัยพิบัติ Tue, 04/11/2014 - 16:37

    ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งระบุให้ภัยจากธารลาวาในรัฐฮาวายเป็นภัยพิบัติ เพื่อเปิดทางให้หน่วยงานฉุกเฉินส่วนกลางเข้ามาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย

    <iframe width="615" height="346" src="//www.youtube.com/embed/WlgXFTQXKdg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ผู้ว่าการรัฐฮาวาย ระบุว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ลงนามในประกาศด้านภัยพิบัติให้ภัยจากธารลาวาที่ไหลมาจากภูเขาไฟ "คิลัว" เป็นภัยพิบัติตามที่รัฐฮาวายเสนอไปตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557

    การประกาศให้ธารลาวาเป็นภัยพิบัติจะเปิดทางให้หน่วยงานฉุกเฉินส่วนกลาง ส่งเจ้าหน้าที่และความช่วยเหลือมายังพื้นที่ประสบภัย เช่น ความช่วยเหลือด้านการฟื้นฟูและซ่อมแซมสถานที่ที่ได้รับความเสียหายจากธารลาวา เป็นต้น

    ธารลาวาไหลจากภูเขาไฟเข้าสู่ชุมชนอย่างช้าๆ ตอนนี้อยู่ห่างจากถนนเส้นที่มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองประมาณ 146 เมตรเท่านั้น และอยู่ห่างจากบ้านเรือนของประชาชนเพียง 91 เมตร

    "โอบามา" ประกาศภัยจากลาวาเป็นภัยพิบัติ - ข่าวไทยพีบีเอส - Th...
     

แชร์หน้านี้

Loading...