รายชื่อผู้ที่ปราถรถนาพุทธภูมิ(ในเว็บนี้)

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย thanan, 12 พฤศจิกายน 2004.

  1. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2014
  2. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    เรียนถามพี่ๆพุทธภูมิทั้งหลาย

    พี่ท่านใดเคยผ่านจุดนี้ไปบ้าง มันคืออะไร
    เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นมาในใจ นั่นคือรู้สึกว่า
    ตนเองสูงส่งยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธองค์ จะดูถูกปรามาส
    หรือแม้กระทั่งใช้เท้าเหยียบบนเศียรพระพุทธรูป
    พระประธานเล่น คิดดูว่าเราผู้เคารพะรัตนไตร
    เพียงนี้จะทุกข์ทรมานแค่ใหนกับการเกิดขึ้นของ
    ความคิดนั้น เราเฝ้าดูอยู่ ยิ่งถ้าเราไม่พอใจมันเท่าไร
    มันจะยิ่งฮึกเหิม...ท่านที่เคยมันมาได้ ท่านใช้วิธีใด
    และสิ่งที่เกิดนี้มันคืออะไรครับ
     
  3. Saksurat

    Saksurat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +529
    ลองอ่านอันนี้ดูครับ
     
  4. มหาพุทธกัป

    มหาพุทธกัป Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2014
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +40
    สาธุครับสาธุ เคยผ่านแล้วครับ แต่ใช้คำว่า พระนะพระนะ แค่นี้ครับ ลองดูนะครับ แรกๆจะร้อนหน่อย เดวก็หายครับ
     
  5. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    ขอบพระคุณทั้งสองท่านครับ ควาจริงมันก็ผ่านมาแล้วสามปี
    ตอนนั้นทำในใจว่าช่างมัน มันไม่ใช่เรา เราไม่คิดอย่างนั้นแน่
    และเลิกเฝ้าดูมัน เพราะยิ่งดูมันยิ่งแสดงใหญ่ สรุปว่ามันคือมาร
    ไม่ใช่ธรรมมารมณ์ฝ่ายตำ่ในใจเราอะนะ
     
  6. espiohm40

    espiohm40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +281
    ผมเองก็เป็นครับ เป็นหลังตั้งจิตปรารถนา เหมือนอารมณ์ร้อนฟาดงวงฟาดงาไปหมด หาวิธีแก้ไขไมได้ เป็นทุกข์มาก จนเก็บเอาไปฝันว่าเจอหลวงปู่ท่านหนึ่งที่เป็นพระโพธิสัตว์เลยกราบเรียนถามท่านว่า ลูกจะละความปรารถนาเลยดีไหม ท่านตอบว่า อย่าเลยลูกให้ทำต่อไป เลยทำให้มีกำลังใจปรารถนาต่อไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้นานแค่ไหน (ทั้งที่ก่อนตั้งจิตผมมีความรู้สึกเคารพพระองค์ท่านอย่างเต็มหัวใจ) แต่ก็น่าแปลกนะครับ วัตถุมงคลที่ผมสะสม ส่วนมากจะมาในสายนี้ทั้งนั้น (อันนี้รู้ทีหลังนะครับ) ตอนนี้ก็พยายามคิดว่า พระนะครับๆให้ตนรู้ตัวเวลามีอาการ เคยฝันเห็นพระองค์ท่าน ว่า ได้ถวายผ้าไตรจีวรให้กับพระองค์ พระองค์ทรงฉลองผ้าครองใหม่ ผ้าครองเก่าพระองค์ทรงยืนให้และทรงตรัสว่า เราให้เธอ ผมไม่รู้ความหมายหรอกครับ แต่ก็เป็นกำลังใจอย่างยิ่งครับ
     
  7. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,163
    อนุโมทนาด้วยครับ ดูเหมือนจะปรารถนาองค์สุดท้ายของทั้งหมดหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ถ้าทราบก็ขอแนะนำว่า ถ้าอยู่ช่วยไปเรื่อยๆ จนหมดนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ ในวิสัยคนที่ปรารถนาองค์สุดท้ายที่เขาทำกันถ้าถึงขั้นอุปบารมีขั้นปลายแล้ว จะไม่มุ่งเรื่องนั้นแล้วครับ จะมุ่งหาญาณที่พิเศษที่สามารถจะดับวัฎฎสงสารนี้ให้สิ้นไป รวมถึงดับจุดกำเนิดดวงจิตต่างๆ ด้วย และยังต้องหาความรู้พิเศษที่จะต้องล่อเลี้ยงดวงจิตที่ยังวนอยู่ในวัฎฎฯ ให้กระแสใจเข้าถึงในธรรมจนเข้าพระนิพพานได้ในที่สุด อันนี้แค่แยกให้เห็นงาน ที่ต้องใช้คำว่า "เป็นไปไม่ได้" คงจะเหมาะที่สุด ส่วนระยะเวลาเข้าใจจริงๆ หรือเปล่าครับว่ามันยาวนานขนาดไหน เอาแค่ตั้งแต่มีพระพุทธเจ้าองค์แรก จนถึงปัจจุบัน เท่าที่รู้ตั้งเลข 5 เขียน 0 ต่อท้ายก็ 50 ตัวขึ้นไป และหน่วยเป็นอสงไขยนะครับ

    ทบทวนกำลังใจตัวเองให้ดีครับ และดูอุปนิสัย ดูจริยาของตัวเราว่าความเป็นเรานั้น ทำมาถึงไหน ยังมีความรู้สึกท้อและจะลาสักแว๊บนึงในจิตไหม ถ้ายังมีก็ยังคงห่างไกล
    เพราะด่านแรกสุดสำหรับดวงจิตที่ปรารถนาพุทธภูมิองค์สุดท้ายคือ
    จะดำรงกระแสจิตให้อยู่ในวัฎฎสงสารนี้ได้ อดทนด้วยมหาความเพียรได้อย่างไร
    อย่าลืมว่าเมื่อเรียนรู้ไป ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ กระแสธรรมจะนำให้จิตคิดได้เองว่าสิ่งที่เราปรารถนานั้น เราจะไปต่อไหวไหม ดังนั้นถ้ายังหาเหตุผลที่มีน้ำหนักไม่มากพอกับสิ่งที่ปรารถนา ยังไงก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ สุดท้ายก็อาจจะเป็นพระพุทธเจ้าสักองค์ในอนาคตกาล

    แต่ถึงอย่างไร ก็เป็นสิ่งที่ดีครับ เพียงแต่ ถ้าไม่ใช่ทางที่เรามั่นใจจะเดินจริงๆ ลาเถอะครับ ไม่มีใครว่าอะไร ถ้าอยู่แล้วทรงความดีแต่ทำไม่สำเร็จไม่ถึงนิพพาน ก็ถือว่าเสร็จมารเขาเหมือนกัน
     
  8. เวโรจนะ

    เวโรจนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +129
    เปลี่ยนไอดีมาใหม่ให้มารท่านงงเล่น อิอิ... เพราะเวลาท่านแกล้งเรา ท่านเล่นแรว๊ง
    ขอสรุปว่าสิ่งที่เกิดกับใจในทางลบนั้นคือมาร น่าจะเปนอภิสังขารมาร ไม่น่าจะใช่เทวปุตตมารๆคงไม่สามารถสิงใจเราได้ แต่เราเองก็เข้าไม่ถึงฐานของจิตในขณะนั้น
    จึงไม่สามารถรู้ที่มาได้ ถ้าเร่งความเพียรถึงฐานจิต เห็นความไหวตัวของจิตขณะจะเริ่มปรุง มันคงเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะเรารู้เห็นมันด้วยสติเป็นกลาง มันจะหายไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2014
  9. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ที่จริงผมไม่เคยปรารถนาเป็นองค์สุดท้ายเลยครับ เพราะทราบดีว่าเป็นไปไม่ได้โดยนัยที่ท่านกล่าวไว้ การจะดับวัฎฎสงสารนี้ให้สิ้นไปนั้นยากมากครับ เพราะมาเฟียเขาเยอะ(มาร) ต้องรู้เขารู้เราก่อนครับ ถึงจะพอมีทางแก้ไขอะไรได้บ้าง

    ระหว่างนี้ก็ฝึกฝนสร้างบุญบารมีไปเรื่อยๆครับ เรื่องนานแค่ไหนผมเลิกคิดไปแล้ว ถ้ารักที่จะทำงานนี้ต้องทำใจไว้ล่วงหน้าและอดทนแล้วก็อดทนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ผ่านไปได้เองครับ เรื่องท้อก็มีบ้างเป็นบางครั้ง ถือเป็นเรื่องธรรมดาครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะอยู่ที่การวางกำลังใจของตัวเองมากกว่า พอปรับมุมมองใหม่ก็แก้ไขได้แล้ว อุปสรรคคือยากำลังครับ คิดว่าผจญภัยก็แล้วกัน

    ผมคิดว่าตัวเองอยู่มานานนับจากยุคสมเด็จองค์ปฐมเหมือนกันครับ เพราะเคยได้รับพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์มาจากเพื่อนธรรมที่จัดให้ผมมาบูชา และผมก็นำไปถวายไว้ที่วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯนานแล้ว(เคยทราบมาว่าการที่ได้พระบรมสารีริกธาตุมาบูชาแสดงถึงการได้เคยอุปปัฏฐากพระพุทธองค์สมัยหนึ่งสมัยใดมาก่อน) ดังนั้นถ้าจะว่าไปแล้ว เวลากว่า 5x10^50อสงไขย ผมก็ผ่านมาแล้ว ล้มลุกคลุกคลานมาเยอะ เกิดมาชาตินี้มานั่งคุยได้นี่ก็ถือว่าโชคดีมากกว่าท่านอื่นที่อยู่ในอบายภูมิมากครับ และคิดว่าก้าวหน้ามาครึ่งทางแล้ว อีกครึ่งทางที่เหลือก็จะเข้าเขตปรมัตถบารมีแล้ว น่าจะบำเพ็ญได้ง่ายกว่าครึ่งแรกอีกที่ยังไม่ค่อยรู้อะไร จึงไม่มีอะไรน่าห่วงมากนัก

    ผมปรับเปลี่ยนแนวทางบำเพ็ญบารมีใหม่ เพื่อให้เหมาะกับตัวเองในปัจจุบัน คือบำเพ็ญในรูปแบบเป็นแนวร่วมในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ในระยะยาวซึ่งไม่สามารถกำหนดเวลาได้ครับ และสะสมบุญบารมีให้มีความรู้ความสามารถในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ ช่วยงานพระพุทธศาสนา ช่วยงานพระโพธิสัตว์ ให้มากขึ้นไปเรื่อยๆก่อน
     
  10. danupon0826

    danupon0826 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +6
    ปฏิบัติมายังไม่รู้ไม่เห็นอะไร แต่อยากรู้ว่าตัวเองปรารถนาพุทธภูมิแบบไหนต้องทำไงอ่ะครับ สงสัยมานานมาก ขอคำแนะนำด้วยครับ
     
  11. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ผมใช้วิธีประเมินจากความชอบของตัวเองนะครับ ดูว่าชอบแนวทางไหนมากที่สุดหรือถูกจริตตัวเองมากที่สุดก็ตามนั้นเลยครับ ชอบใช้ปัญญานำทางก็ปัญญาธิกะ ใช้ศรัทธานำทางก็สัทธาธิกะ หรือใช้ความเพียรนำทางก็วิริยาธิกะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2014
  12. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ขอขยายความเพิ่มเติมจากที่กล่าวในไว้ตอนแรกสักหน่อยจากที่ผมกล่าวว่า " ที่จริงผมไม่เคยปรารถนาเป็นองค์สุดท้ายเลยครับ เพราะทราบดีว่าเป็นไปไม่ได้โดยนัยที่ท่านกล่าวไว้ การจะดับวัฎฎสงสารนี้ให้สิ้นไปนั้นยากมากครับ เพราะมาเฟียเขาเยอะ(มาร) ต้องรู้เขารู้เราก่อนครับ ถึงจะพอมีทางแก้ไขอะไรได้บ้าง " เพราะกลับมาอ่านดูอีกทีแล้วอาจจะไปกระทบกับท่าน GenerationXXX โดยไม่ได้เจตนา เพราะทราบว่าท่านปรารถนาเป็นองค์สุดท้ายของวัฏฏสงสาร หรืออีกนัยหนึ่งคือการหาทางทำลายวัฏฏสงสารที่เป็นทุกข์ภัยให้สิ้นไป ซึ่งตรงนี้น่าโมทนาบุญครับ

    จากที่ทราบมา จิตวิญญาณใหม่ๆสามารถเกิดขึ้นได้เองเรื่อยๆตามธรรมชาติ แม้จะดับวัฏฏสงสารลงไปได้แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีชีวิตใหม่ๆเกิดขึ้นอีก ดังนั้นการถือกำเนิดของพระพุทธเจ้าหลังจากนั้นก็ยังคงมีต่อไปได้อีกตามแนวทางเดิมอย่างที่เคยเป็นมานั่นเอง (ในส่วนนี้เองที่ผมสรุปไว้ว่าพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายรวมถึงองค์สุดท้ายของวัฎฎสงสารที่อาจเป็นไปได้แต่ก็ไม่ง่ายเพราะต้องฝ่าด่านมาเฟียไปก่อน)

    ซึ่งในอดีตกาลนานโพ้นนั้นในยุคที่ภาคขาวถือกำเนิดเกิดขึ้นมา(ตามธรรมชาติ) ก็บำเพ็ญบุญบารมีกันมาต่อเนื่องยาวนาน ความแก่ ความเจ็บ ความตายแบบสมัยนี้ยังไม่มี สมัยก่อนนั้นยิ่งอายุมากยิ่งแข็งแรงยิ่งสวยงามขึ้น เพราะอานิสงค์แห่งการบำเพ็ญบุญบารมี ไม่มีใครทำความชั่วเลย ยุคนั้นคิดชั่วไม่เป็น ทุกคนมีแต่ความสุขสบายยิ่งนัก ความเจ็บป่วยก็ไม่มี และมีอายุยืนมากมาย

    ในยุคนั้นการบำเพ็ญบุญบารมี คือ ทาน ศีล ภาวนา มีเป็นปกติและมีพระพุทธเจ้าด้วย บารมีเต็มแล้วก็เข้าพระนิพพานด้วยกายมนุษย์เลย โดยไม่ต้องตายก่อนแล้วถอดกายธรรมเข้าพระนิพพานแบบสมัยนี้

    ที่เราต้องประสบความทุกข์ยากลำบากกันมากมายขนาดนี้เพราะภาคมารเขาเข้ามาแทรกแซง ซึ่งเป็นอีกฝ่ายหนึ่งที่ถือกำเนิดมาก่อนภาคขาว เมื่อเขาเข้ามาก้าวก่ายและมาปกครองสรรพสัตว์จึงทำให้ทุกอย่างย่ำแย่ไปหมด จากที่ไม่เคยคิดชั่วทำชั่วก็หลงผิดหลงทางกันไปเพราะอวิชชาเข้ามาครอบงำ ความรู้ความสามารถเสื่อมไป ความเป็นทิพย์หมดไปตามกำลังของกิเลสที่ครอบงำ ความแก่ ความเจ็บ ความตายก็เกิดขึ้นมาตามวิชาของฝ่ายมารเขา ซึ่งฝ่ายขาวพยายามแก้ไขอยู่ การบำเพ็ญบารมีในยุคหลังจึงยากลำบากกว่าเดิมมากมายนัก แค่หนีจากทุกข์เข้าพระนิพพานไปก็เหน่ื่อยแล้ว นับแต่ที่มารเข้ามาแทรกแซงสำเร็จแล้ว การเข้าพระนิพพานจึงทำได้แค่ถอดกายธรรมเข้าพระนิพพานตลอดมาจนถึงทุกวันนี้

    แต่หลังจากที่การปราบมารประสบผลสำเร็จพอสมควรแล้วและความรู้ต่างๆที่ได้มาจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการบำเพ็ญบารมีเพื่อเข้าพระนิพพานแบบกายมนุษย์ใหม่อีกครั้งซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานมากทีเดียว และจำเป็นต้องมีด้วยเพราะงานนี้มีความสำคัญในการปราบมารและเพื่อค้นหาวิธีแก้วิชาที่ทำให้แก่ เจ็บ ตายของฝ่ายมารด้วย

    ดังนั้นการที่จะทำลายวัฏฏสงสารลงได้นั้นต้องฝ่าด่านมาเฟียใหญ่ให้ได้ก่อน เพราะความทุกข์ยากลำบากทั้งหลายทั้งปวงของสรรพสัตว์นั้นมาจากมาเฟียใหญ่เหล่านี้แหละครับที่สร้างขึ้นมาเพื่อปกครองสรรพสัตว์ทั้งหลายให้อยู่ใต้อำนาจเขาทั้งหมดนั่นเอง งานนี้จึงยากมากครับ ถ้าบุญบารมีและความรู้ไม่มากพอก็สู้เขายากครับ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางสู้นะครับ ภาคขาวได้นำวิชชาต่างๆลงมาบนโลกและปราบมารได้สำเร็จแล้วระดับหนึ่ง ผมเป็นคนวงนอกที่โชคดีมีโอกาสได้เข้าไปรับรู้เรื่องราวตรงนี้เข้าพอดี อยากช่วยอยู่บ้างแต่ยังไม่เก่งพอคงได้แต่ให้กำลังใจ ส่งเสบียงช่วยบ้างและฝึกฝนศึกษาแนวทางไปก่อน

    และที่ผมตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะอยู่ช่วยจนกว่าจะหมดยุคที่มีความแก่ ความเจ็บ ความตายนั้นก็เพราะว่า สิ่งเหล่านี้หมายถึงยุคที่มารหมดอำนาจในการเข้ามาแทรกแซงสรรพสัตว์อย่างสิ้นเชิงแล้ว ทุกอย่างก็จะเข้าสู่ยุคการบำเพ็ญบารมีที่มีแต่ความสุขความเจริญไม่มีทุกข์ไม่มีความลำบากอีกต่อไป ถือว่าหมดห่วงแล้ว จึงจบภารกิจแรกของผมแล้ว ภารกิจเหล่านี้ผมอาจเล่นบทตัวประกอบหรือผู้ช่วยมากกว่าจะเป็นพระเอกนะ(ถ้าประเมินจากอุปนิสัยปัจจุบัน)

    ปล.เรื่องราวต่างๆที่ผมเล่ามานั้นเกิดจากการศึกษาหาข้อมูลต่างๆมาประกอบกัน จากหลายแหล่งข้อมูลซึ่งไม่ได้มาจากแหล่งเดียวกันทั้งหมด และอาศัยความเข้าใจส่วนตัวสรุปออกมาครับ หากผิดพลาดไปต้องขออภัยด้วยนะครับ

    แต่ข้อมูลส่วนใหญ่ผมก็ศึกษามาจากท่านผู้รู้เกี่ยวกับวิชชาธรรมกายจากการอ่านในเว็บบ้าง จากหนังสือบ้างครับ ซึ่งข้อมูลบางส่วนก็มีความลึกซึ้งอยู่มาก ต้องวางใจเป็นกลางและค่อยๆศึกษาไปครับจึงจะเข้าใจได้เอง ถ้าติดตามศึกษาแล้วเหมือนเป็นมหากาพย์เลยละครับ เรื่องราวที่ดูลึกลับซับซ้อนพอทราบความจริงแล้วดูเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่พบเจอกันมานี่เอง เพียงแต่ต่างกันด้วยข้อจำกัดในการรับรู้และเข้าใจ

    เราพอเข้าใจเรื่องราวของการปกครองประเทศบนโลกใบนี้ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การทำสงครามและการกอบกู้เอกราช การแย่งชิงผลประโยชน์ ฯลฯ ในทางโลกจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา นั่นเป็นเพียงสิ่งที่เราเห็นได้เข้าใจได้ง่าย แต่สิ่งที่อยู่ในส่วนที่ละเอียดขึ้นไปเราเข้าใจได้ยากเพราะเข้าถึงความรู้นั้นได้ยากกว่านั่นเอง

    สำหรับผมแล้วเหมือนการต่อจิ๊กซอว์ในส่วนที่ขาดหายไป และความรู้ตรงนี้ทำให้ผมเห็นภาพโดยรวมได้อย่างชัดเจน

    และคำว่า "ตามธรรมชาติ" ที่ผมใช้อธิบายในเรื่องการถือกำเนิดของชิีวิตใหม่ๆ ถ้าจะว่าไปจริงๆแล้วต้องมีเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดขึ้นมาได้ เพียงแต่เป็นเรื่องอจินไตยที่ยากจะรู้และเข้าใจได้และผมเองก็ยังไม่ทราบรายละเอียด ผมจึงใช้คำว่าตามธรรมชาติแทนไปก่อนครับ

    ถ้าสนใจศึกษาหารายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้จาก การสร้างบารมีของ ภาคปราบและภาคโปรด แตกต่างกันอย่างไร..? - ถาม-ตอบวิชชาธรรมกายทั่วไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2015
  13. danupon0826

    danupon0826 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +6
    ขอบคุณครับ สาธุในธรรมครับ
     
  14. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ในส่วนที่ผมตอบไว้ในครั้งแรก เป็นการประเมินตนเองแบบคร่าวๆครับ เพราะถ้าบำเพ็ญบารมีมาบ้างพอสมควรแล้ว จริต อุปนิสัย ความชอบ ความถนัดต่างๆจะแสดงออกมาว่าเราเป็นแบบไหนกันแน่ แต่ก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ เพราะอาจมีเหตุปัจจัยอื่นๆที่ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เหมือนกัน ถ้าจะให้ถูกต้องและดีที่สุดก็ต้องกราบทูลถามพระพุทธเจ้าครับ

    สำหรับท่านที่มีบารมีมากแล้ว ผมเข้าใจว่าท่านจะทราบด้วยตัวท่านเองอย่างชัดเจนอยู่แล้ว

    ผมเอารายละเอียดมาฝากให้ครับ เกี่ยวกับการปรารถนาพุทธภูมิในแบบต่างๆ อ่านได้จากความเห็นที่ 8 จะได้เอาไว้พิจารณาครับว่าแบบไหนตรงใจเรามากที่สุด

    http://palungjit.org/threads/การปรารถนาพุทธภูมิ.182146/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2014
  15. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    เสริมข้อมูลเพิ่มเติมครับ เรื่องพระพุทธเจ้าประเภทต่างๆ

    ปัญญาธิกะ แปลว่า ผู้ยิ่งด้วยปัญญา อธิบายว่ามีปัญญายิ่งกว่าคุณธรรมอย่างอื่นทั้งสิ้น ส่วนคุณธรรมอย่างอื่น เช่น สัทธา หรือวิริยะเป็นต้นก็มีอยู่พร้อมแต่น้อยกว่า หรืออ่อน กว่าปัญญา

    สัทธาธิกะ แปลว่า ผู้ยิ่งด้วยศรัทธา คือมีศรัทธาแก่กล้าแข็งกว่าคุณธรรมอย่างอื่นๆ เช่น ปัญญา หรือ วิริยะ ก็มี อยู่พร้อมมูล แต่อ่อนกว่าหรือน้อยกว่าศรัทธา

    วิริยาธิกะ แปลว่า ผู้ยิ่งด้วยวิริยะ คือ ยิ่งด้วยความเพียร ความกล้าหาญ พระโพธิสัตว์ประเภทนี้มีวิริยะมากกว่า หรือ เข้มแข็งกว่าคุณธรรมหรือคุณสมบัติอย่างอื่นทั้งหมด ส่วนคุณสมบัติอย่างอื่นๆ เช่น ปัญญาและสัทธาก็มีอยู่แต่ น้อยกว่า หรืออ่อนกว่าฯ

    ทีี่มา http://palungjit.org/threads/ธรรมสโมธาน-๘-ประการ-และบารมีทั้ง-๑๐-แห่ง-พระโพธิสัตว์เจ้า.204903/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2014
  16. มหาพุทธกัป

    มหาพุทธกัป Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2014
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +40
    พุทธภูมิคือ การที่เราปราถนาว่าเราจะเป็น พระพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งของโลกครับ ต้องสร้างบารมีกันแบบมากมาย ครับ คำถามง่ายๆ ครับ ขอให้คิดดีๆก่อนแล้วค่อยตอบนะครับ คุณคิดว่า หนึ่งปี นานไหมครับ ง่ายๆครับ
     
  17. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,268
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ผมก็เป็นอีกคนครับ ไม่รู้จะเหมือนกันมั้ยนะ คือ สิ่งที่เกิดกับผมผมพอจะบอกได้ว่าเมื่อเข้าใจธรรมระดับหนึ่ง จะรู้สึกขัดแย้งในใจว่าทำไมพระพุทธเจ้าสมณโคดม(องค์ปัจจุบันเรา)ต้องสอนธรรมนี้ว่าอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่น่าจะมีทางที่ดีกว่านี้ในการสอน คือไม่ได้คิดว่าพระองค์สอนไม่ถูก แต่ขัดใจว่าทำไมท่านต้องสอนแบบนี้ บางทีเกิดความคิดว่าอยากเลิกนับถือพุทธศาสนาไปเลยก็มี

    เพียงแต่ผมไม่ถึงกับปรามาศพระพุทธองค์ท่านร้ายแรงอะไรหรอกครับ เพียงแค่เกิดความขัดแย้งระหว่าง สิ่งที่เคยรู้มากับสิ่งที่ตนเพิ่งได้เข้าใจ ก็เลยเกิดความ ขัดใจ ระคนไปกับความสับสน ว่าจะเอาไงดี เลิกนับถือศาสนาพุทธเลยดีหรือเปล่า คิด ๆ ไปคิด ๆ มา อ้าว นี่ เราปรารถนาพุทธภูมินี่หว่า ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องเลิกเชื่อศาสนาพุทธเสียทีเดียว แต่เราควรคิดว่า เราต้องศึกษาพระพุทธศาสนา และหลักธรรม หรือไม่ก็ศึกษาวิธีคิดของพระพุทธเจ้าไปเลยแล้วกัน เผื่อเราจะได้มีโอกาสเข้าใจสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติ และเพื่อที่จะได้เข้าใจความคิดของพระองค์ หรือ อาจได้มีโอกาสเข้าใจธรรมมะมากขึ้น จากนั้นก็ค่อยใจเย็นลง ต่อมาก็ศึกษาธรรมมาเรื่อย ๆ มองธรรมดาของโลก มองหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ มองวิธีสอนของพระพุทธองค์ตามบันทึก ก็มาคิดได้ว่า อ้อ นี่คงเป็นวิธีสอนของพระพุทธองค์ ที่ลงมาโปรดสัตว์ในช่วงที่กัปไขลง และเป็นช่วงเวลาในช่วงกลียุค ซึ่ง มนุษย์ในยุคนี้ สติปัญญาไม่เจริญนัก พระองค์จึงต้องสอนแบบนี้ ซึ่งเป็นทางที่รวดเร็วที่สุดที่จะทำให้สัตว์โลกถึงพระนิพพานได้แล้ว

    พอคิดได้ดังนั้นก็ใจเย็นลง จากนั้นผมก็พยายาม แกะรอยความคิดอ่านของพระพุทธองค์ผ่านหลักธรรม โดยมองเหตุการณในโลกปัจจุบัน เทียบกับคำสอน ก็จะเข้าใจหลักธรรม และเอาหลักธรรมมาเป็นตัวช่วยเข้าใจธรรมชาติอีกที ถ้าเข้าใจธรรมชาติ ก็จะเข้าใจความคิดของพระพุทธองค์ว่าทำไมจึงบัญญัติคำสอนไว้อย่างนี้ ๆ

    ก็จริงอยู่ครับ ที่ไม่มีใครสามารถหยั่งความคิดของพระพุทธเจ้าได้ แต่ก็มีพุทธพจน์หนึ่งที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณะโคดมได้ทรงตรัสไว้ "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต" ซึ่งผมก็ยึดมั่นเอาไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนตัวเองให้ศึกษาแนวความคิดของพระพุทธองค์ท่านตามกำลังของตัวเองที่จะทำได้ ผมไม่ได้หวังว่าจะรู้ความคิดทั้งหมดของพระพุทธเจ้าหรอกนะ ผมหวังแค่ ได้ศึกษาวิธีคิดของพระพุทธองค์ เพื่อที่จะพยายามทำความเข้าใจธรรม และเพื่อตัวเองด้วย เพราะผมเองก็ปรารถนาพุทธภูมิคนหนึ่งเหมือนกัน

    ตอนนี้ผมศึกษาธรรมะได้แค่ระดับประสาทสัมผัสทั้ง 5 เท่านั้น อยากตื่นจุงเบย จะได้ศึกษาธรรมได้ละเอียดขึ้น ปลุกตัวเองไม่ตื่นซ้ากกกก ที ใครกะด้าย จ้วยด้วยก๊าฟฟฟ

    ว่าแต่อิจฉาเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งที่ฝันว่าได้ถวายผ้าไตรจังเลย - - คิคิ
    ที่ผมฝันเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามีไม่กี่เรื่องและไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่คนที่ฝันเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาแทนตัวผมซึ่งควรจะฝันเองจะเป็นฝ่ายแม่ผมเสียมากกว่า -_-"
    แต่ ฝันเกี่ยวกับศาสนาแต่ละครั้งนี่ ผมต้องคอยบอกตัวเองอยู่เรื่องเลยว่ามันเป็นแค่เป็นความฝันนะ อย่าเอาไปคิดเปนตเป็นตะแทบจะทุกที

    บางทีก็สงสัยว่าตนเป็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิแบบไหนอยู่เหมือนกัน
    วิริยาธิกะหรือ - - ก็พบว่าตนขี้เกียจจะตาย
    ศรัทธาธิกะหรือ - - ก็พบว่าตนไม่ค่อยจะฝันอะไรเกี่ยวกับพุทธศาสนาเลย ความฝันเป็นผลมาจากจิตของเราเอง ดังนั้น การไม่ฝันถึงเรื่องใดก็น่าจะตีค่าได้ว่า เราด้อยในเรื่องนั้น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ "การที่เราไม่ฝันถึงเรื่องนั้นเลยก็เพราะเรื่องนั้นไม่ได้มีความสำคัญกับเรา"
    ปัญญาธิกะหรือ - - อันนี้ไม่กล้าเข้าข้างตัวเอง 555

    มีอย่างเดียวที่จำได้กับการปรารถนาพุทธภูมิของตัวเอง คือสมัยเด็ก ยายพาไปเล่นที่วัดแล้วพาไปพบหลวงตาท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติกัน
    หลวงตาถามว่า อยากเป็นพระพุทธเจ้ามั้ย
    ไอ้เราเป็นเด็กขวบสองขวบ ตอนนั้นก็ไม่รู้อะไรเป็นอะไรตามประสาเด็กแหละครับ ไม่รู้ด้วยว่าพระพุทธเจ้าคือใคร แต่เหมือนจะรู้สึกอะไรกับคำว่าพระพุทธเจ้าเป็นพิเศษเลยตอบไปว่า "อยากครับ"
    แล้วหลวงตารูปนั้นท่านก็อนุโมทนาด้วย และก็พูดกับผมว่า "ถ้างั้นก็ให้ปรารถนาต่อไปจนได้เป็นพระพุทธเจ้าเด้อ"
    ไปรับปากพระตั้งแต่เด็กเลยตรู = =" หาเรื่องให้ตัวเองจริงจริง 555
    แล้วผมก็ลืมมันไปเป็นเวลา 27 ปี เพิ่งมานึกออกตอนอายุ 30 นี่เอง
    เมื่อนึกออกแล้วก็เลยมาคิดดูว่าทำไมหลวงตาถามเราแบบนั้น ถามกับเด็กตัวเล็ก ๆ ขวบสองขวบ ทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะมีใครที่จะมีความคิดที่จะถามเด็กอายุขวบสองขวบเลยว่าอยากจะเป็นพระพุทธเจ้ามั้ย คิดไปคิดมาก็ได้คำตอบแบบไม่แน่ใจเท่าไรว่าเราอาจปรารถนาพุทธภูมิมานานแล้วเหมือนกัน ดังนั้นก็ควรต้องปรารถนาต่อไปล่ะนะ แต่ยังเลือกไม่ได้นี่สิ ว่าจะเป็นพระปัจเจกดี หรือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าดี เพราะตอนนี้ก็เบื่อธรรมชาติของมนุษย์ในกัปนี้เหลือเกิน แต่คิดไปคิดมาก็ เอ๊ะ ถ้าเราไปเกิดกัปอื่นที่มนุษย์นิสัยดี ๆ ล่ะ หึหึ ได้แต่บอกกับตัวเองว่า ปรารถนาพุทธภูมิไปก่อนก็แล้วกัน จะเอาปัจเจกหรือสัมมาสัมพุทธก็ไว้ให้ตัวเราตอนบารมีใกล้เต็มเป็นคนตัดสินใจ 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2015
  18. liketoeatapple

    liketoeatapple Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +86
    กระทู้ยาวนานมาก
    ขออนุโมทนา พุทธภูมิทุกท่าน ขออำนวยพรทุกท่านได้บรรลุพระโพธิญาณดังประสงค์ หากแม้นกาลนั้นมาถึง ขอข้าพระองค์ได้มาบำเพ็ญบารมีอันควรแก่วาสนาบารมี เพื่อพระโพธิญาณด้วยเถิด
    ขอเกาะขบวนไปด้วยสักคนครับ พุทธภูมิแต่ไม่ทราบแบบไหนครับ สาย พระเดชพระคุณ หลวงพ่อนี่แระ แต่ไม่ทันได้พบตัวท่าน เพราะได้ฟังเรื่องของท่านก็ปี 35 ท่านนิพพานเสียละ
    fb=liketoeatapple
     
  19. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ก็โมทนาสาธุอย่างยิ่งครับ ในการปรารถนาพระโพธิญาณ การที่จะเป็นแบบใหน ลักษณะนิสัยเดิมโดยเนื้อแท้จะปรากฏชัดขึ้นเอง ด้วยธรรมชาติ ที่เรียกกันว่าทองเนื้อแท้ เหมือนช่วงอายุชีวิตของคน ช่วงเป็นเด็ก ช่วงเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และช่วงปลายชีวิต

    ช่วงวัยเด็กเราไม่รู้อะไรมากเป็นช่วงการเรียนรู้ศิลปวิทยาการต่างๆ ถึงวัยเป็นผู้ใหญ่ค่อยรู้มากขึ้นแม้ยังไม่มากที่สุด แต่ก็เริ่มประคองตัวได้ เริ่มมีสติปัญญายั้งคิด ก่อนจะทำอะไรลงไปก็เริ่มมีการวางแผน เริ่มคิดก่อนที่จะทำ ช่วงท้ายธรรมชาติของคนแก่ ก็เริ่มที่จะเลือกฉะเพาะเจาะจงว่าจะทำอะไร ทำที่ไหน อย่างไร เมื่อไร แบบนี้เป็นต้น

    ก็เล่าให้ฟังประสาคนแก่นะครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมนี่มันบารมีปลายแล้ว เพียงแต่สังเกตุธรรมชาติของคนแก่ ประสาคนแก่ ประสาวิริยาธิกะเติมความเป็นพิเศษเข้าไป ธรรมชาติของคนแก่ประเภทนี้เห็นอะไรพอที่จะทำได้ จะทำทันที หากมีจังหวะโอกาศ ไม่มีการเกี่ยงงอน ว่ายาก ว่าลำบาก แต่ในขณะที่ทำ ก็ใช้สติปัญญาใคร่ครวญสิ่งที่ทำ หาช่องทางอื่นที่ดีกว่าตลอดเวลา และหากมีเครื่องมืออื่นๆ ช่องทางอื่นที่ดีกว่าก็จะเอามาช่วย และใช้เครื่องมือนั้นๆได้เป็นอย่างดี เหมือนคนที่ใช้เครื่องมือธรรมดาสามัญทั่วไปทำได้ดี เมื่อมีเครื่องมือที่พร้อม ที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า ก็ประยุกต์เข้าด้วยกันกับของเดิม มันก็ทำได้ทันที และก็ทำได้ดี

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ตุลาคม 2015
  20. มหาพุทธกัป

    มหาพุทธกัป Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2014
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +40
    สาธุครับสาธุ

    ตามนั้นครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...