ตามครรลองธุลีดิน(ความตายบนเส้นทางโจรสลัด..ของอดีตนักเลงบ้านนอก)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 8 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    แหหม..ๆรายนี่ตามทวงซะจัง....ทวงจนอาย จนกลายเป็นหน้าหนาขึ้นมาแทนเยอะแล้วนะเนี่ย..

    ยังไม่เล่า..เล่นตัว
     
  2. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    "ผีถุงก๊วยเดี๋ยว.."

    นานมาแล้ว once upon...

    ในคืนจันทร์เพ็ญ..เดือนสิบสองตรงกับกับคืนวันลอยกระทง ของงานประจำปีของวัดประจำอำเภอกันดารพอประมาณ..ในยุคนั้น

    ชาวบ้าน ..ชาวตลาดร้านค้า คนบ้านทุ่งบ้านไร่ เด็กน้อย หนุ่มสาว จนถึงผู้เฒ่าผมหงอกต่างตำบลก็ได้มีโอกาสนี้หาความรื่นเริงบันเทิง พร้อมทำบุญไหว้พระ
    ถนนเส้นทางก็ แสนลำบากการเดินทางจะหารถราโดยสารก็ยากมากจริงๆ.. โดยเฉพาะชาวบ้านต่างตำบล

    แต่เพราะใจมันอยากดู มหรสพ ก็ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้น..อยากแต่งตัวหล่อๆ สวยๆไปอวดหนุ่ม อวดสาวๆ
    ต่างหมู่บ้านกันมั่งล่ะนะ..ของอย่างนี้หนึ่งปีใช่จะมีโอกาสบ่อยๆ

    อยากเล่นชิงช้าสวรรค์ ดูมอเตอร์ไซด์ไต่ถัง...หนังกลางแปลง ลิเกลูกกำพร้าพระเอก -นางเอก สุดอาภัพ ที่เดินเรื่องออกเดินทางด้วยความทุกข์ยาก ออดอ้อนหาเงินจากแม่ยก ติดตามหาแม่ที่พลัดพรากจากกันมานาน...ให้ผู้แก่ผู้เฒ่าแสดงน้ำใจควักตังค์ในถุงใต้ยกทรง..พอกรุ้มกริ่ม

    สอยดอกไม้การกุศลที่เน้นรางวัลลูกอม Ole ถุงละ6เม็ด เป็นรางวัลยอดนิยมตลอดกาล
    แต่ที่เห็นๆพัดลมโชว์ ทีวีขาวดำเครื่องเล็กก็ยังอยู่ตั้งแต่วันแรก จนแม้ยามสางของวันสุดท้าย...
    (หลอกให้อยาก.. แล้วเอารางวัลไปเก็บที่เดิมเผื่อปีหน้าซะงั้น)

    เวทีมวยก็ดันมาต่อย ข้างๆเวทีสาวรำวง แต่งหน้านุ่งกระโปรงสั้นสีสดอวดขาขาว รำฟ้อนเชิบๆซะงั้น..
    เล่นเอานักมวยหนุ่มวัยกระทง ขาดสมาธิสวมกระจับยากกันเป็นทิวแถว..
    เฮ้อ.. กรรมการวัดก็ช่างเลือกสถานที่ให้จริงๆ ..อ่ะนี่เรื่องจริงดอกน๊า เดี๋ยวจะว่ามุกตลก


    ธรรมดาคนเยอะ ขนมของหวาน ของกินก็เยอะแยะ..ร้านรวงก็มีของมาจำหน่ายมากมาย..ผู้คนหลั่งไหลมาจากทั่วตำบลจนต้องเบียดค่อยๆไหลไปเรื่อย...กว่าจะได้ปล่อยลอยกระทง หรือเที่ยวดูมหรสพครบแต่ละอย่างในงานวัด..

    ขอบอกว่าในครั้งกระโน้น..ย่างเข้าฤดูหนาวนี่มันหนาวกระท้านหัวใจจริงๆ...เสื้อผ้ากันหนาวก็มีให้เลือกน้อย เนื้อผ้าก็บาง แถมราคาก็แพงริบเมื่อเทียบรายได้ของชาวบ้านคนบ้านนอก

    บางบ้าน เสื้อผ้ากัหนาวไม่มี หนาวมากนอนไม่หลับ ก็ลุกมาก่อฟืนไฟสุมให้วัวควาย ก็ได้กองไฟพอบรรเทากันไป..

    ...มาๆต่องานลอยกระทงประจำปีวัดบ้านนอกต่อดีกว่า
    คืนสุดท้ายของงาน..ที่จัดติดต่อกันมา 3-5 วัน (จัดงานในยุคเก่านี่จัดอย่างน้อย3-7คืน..จัดน้อยคืนกรรมการวัดโดนชาวบ้านรุมด่ายับ)ก็อันเรา toplus9,แม่ พี่สาว คนโต ก็ต้องมาเยือนงานลอยกระทงนั้นกะเขาซะหน่อยหนึ่ง..อาศัยว่าเดินทางไม่ไกลจากวัดเท่าไรนัก..พอเดินเมื่อยน่องเล่นๆ

    ก่อนกลับเข้าบ้าน ก็เดินซื้อหมูสะเต๊ะ ขนมหวาน เม็ดขนุน ขนมชั้น ทองหยิบ วุ้นหน้าขนุนกระทิ มากินที่บ้านด้วย..แก้ฝันร้าย..นอนไม่หลับ

    ครั้นจะเดินผ่านประตูหน้าวัด ก็ ได้กลิ่นโชยหอมฉุย..จากหม้อต้มซุปเนื้อลูกชิ้น สูตรเด็ดจากไหหลำ จากร้านก๊วยเตี๋ยวของเจ๊กบู๊ที่ลือเลื่อง เข้าเตะมูกเต็มๆ..หอมมากจนท้องร้องจ๊อก...ยามดึกอย่างแรง

    สามแม่ลูก พยักหน้ารับหงึก ปานนัดกันไว้..ป๊ะเราจะปล่อยให้ความอร่อยลอยนวล
    มาก่อกวนปวนปั่นกระเพราะลำไส้ของเราในคืนจันทร์วันเพ็ญเช่นนี้ได้อย่างไร..

    ต่างพิจาณาสั่ง เเส้นล็ก ใหญ่ แห้งน้ำกันตามจริตนิสัย...

    "เจ๊กบู๊ กะเตี๋ยว 4 ถุงห่อให้ด้วย" เผื่อพ่อที่นอนรอที่บ้านด้วย ลงตัวพอดี

    จากนั้นก็พากันเดินกลับเข้าบ้าน ท่ามกลางระหว่างบางตรอกที่มืดครึ้มของแนวต้นไม้ใหญ่บดบังแสงจันทร์เพ็ญเป็นระยะ ร่วม4-5 ร้อยเมตรเดินถือไฟฉายโตงเตงๆ
    ในครั้งนั้นการไฟฟ้ามีงบประมาณน้อย หลอดไฟแสงสว่างเฉพาะในตัวตลาดของอำเภอเท่านั้น นับได้ไม่กี่ต้นเสาไฟ...

    เอาละที่นี่..จะเจออะไรตื่นเต้น..ระหว่างกลับบ้าน

    ===

    ยัง...ยังไม่จบ..พอดีดึกแล้ว...ฮู๊ววว.ง่วง..
    เดี๋ยววันต่อมาค่อยมาเล่าต่อดีกว่า..ขอตัวไปนอนก่อนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2014
  3. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ผีก๋วยเตี๋ยว..ยังไม่มา

    รู้แต่ว่า..เมื่อวันนี้น้าสาวคนรองเล็ก จากพี่น้อง 10 กว่าคนของแม่

    กลายเป็นผี..เพราะป่วย

    ทั้งที่ก็เห็นกันว่า โดยรวมสุขภาพร่างกายปกติ ก็แข็งแรงดี ความดัน เบาหวาน ก็มากบ้าง น้อยบ้างตามประสาคนเริ่มมี
    อายุเข้าเเซยิก

    เออ..เอาอะไรแน่กะคน..
    ตายเป็นผีรุ่นพี่ แซงพีๆคนอื่นไปซะงั้น

    ทั้งที่ก็เข้าวัดวา ..ดูแลพระสงฆ์ในสำนักพระอาจารย์มิเคยขาด นินทาพระบ้างไปตามเรื่อง
    บาปบุญไปตามประสาคนมีกิเลศมากน้อย..แบบปุถุชน..คนใกล้วัดพอประมาณ

    ใส่ใจควักเงิน คอยดูแลข้าวปลา อาหารพระอยู่เป็นนิจสิน เห็นพระทำงานหนักเหนื่อยอ่อนแรงล้า
    แกจัดหนัก..ดูแลใส่ใจเสมอ แม้ไม่มีใครรู้เห็น..ดูเหมือนน้าเราแกจะแฮปปี้กับการอยู่กับกิจกรรมศาสนาแบบบันเทิงใจ
    เพราะก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายอะไร..อยู่สบายๆแบบพอเพียง


    จะอ่อนด้อยหน่อย...แค่ไม่ค่อยได้ปฏิบัติธรรมตามโอกาส..

    และมีนิสัยชอบตีซี้ ...ขูดต้นไม้ ขอหวยกับเจ้าที่เจ้าทาง

    ในวัดบ่อยๆแค่นั้นเอง แต่เรื่องบุญทานนี่..ใจใหญ่ถึงไหนถึงกัน

    ขอให้ดวงวิญญาณของน้า..จงสู่สุขติภพที่พึงมี ตามวาสนาอันสมควร


    มีโอกาสเหมาะๆหลานจะ..ขอหวยกับน้าสาวบ้างล่ะทีนี้

    เผื่อได้ทุน..เอามาเลี้ยงพระได้หลายวันๆ..อุทิศบุญกุศลให้น้าสาวที่รักของหลานมั่ง..สาธุ

    แค่ว่าเศร้าเคล้า..สัจจะธรรมเป็นไรไป


    ใครไปก่อนเป็นผีรุ่นพี่..
    ใครไปหลังก็เป็นผีรุ่นน้อง... แค่นั้นเอง


    ต่อไปใครจะเป็นรุ่นพี่..รุ่นน้องล่ะทีนี้

    คิดกันบ้างรึยัง????
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2014
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,064
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    ขอแสดงความเสียใจในการสูญเสียน้าของท่านอาจารย์ค่ะ
    ต่อไปก็ต้องถามอีกว่า ตอนนี้ท่านไปอยู่ที่ใดแล้วคะ
     
  5. lomdadbaimai

    lomdadbaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,379
    ขอแสดงความเสียใจค่ะ และขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองดวงวิญญาณของคุณน้านะคะ
     
  6. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    เรื่องราวการจากไปของน้าสาว วัย 61 ปี น้องสาวอันดับที่8 ของพี่น้องในตระกูล ก็ให้อุทาหรณ์แก่ตัวเองพอสมควร

    และโรคร้ายที่มารู้กันภายหลัง ของลูก สามี ญาติพี่ น้อง ที่ทำให้แกเสียชีวิต

    คือโรค " มะเร็งในเม็ดเลือดขาว "

    หมอฝรั่งน่าจะเรียกว่า ลูคิเมีย รึเปล่า ได้ยินชื่อโรคนี้ครั้งแรกในซีรี่ย์หนังเกาหลี

    ที่มีเรื่องราวของนางเอกที่ต้องตายจากไปด้วยโรคนี้ แหมมันเศร้ามากยังสาว ยังสวยอยู่เลย ต้องมาทุกข์ทรมานตาย..ด้วยโรคร้ายนี้ และค่ารักษาพยาบาลก็แพงมากเสียด้วย

    อาการเริ่มต้นที่ชัดเจนคือ.. ปวดหลัง ปวดเอวมาก่อนที่จะเสียชิวิต 2-3 เดือน วิงเวียนศรีษะ คล้ายจะเป็นลมอยู่บ่อยๆ
    ต้องนอนพักอยู่บ่อยๆ เพราะก็อาจเป็นอาการปกติของโรคเกี่ยวกับ เบาหวาน ความดันเลือดอะไรประเภทนั้นที่แกเป็นอยู่แล้ว

    แต่ยังทำพอภาระกิจอื่นๆได้ ไม่น่าห่วงอะไรมาก..

    มาหนักตอนที่เจ้าตัวเอง ออกความคิดเองว่าน่าจะต่อเติมบ้านให้มีเนื้อที่มากขึ้น...จนเสร็จมีช่างมาทาสีห้องให้ใหม่

    ในคืนนั้นเกิดอาการแพ้กลิ่นสีทาบ้านรุนแรง วิงเวียน ปวดหัว คลื่นไส้ ตัวร้อนมาก ระหว่างนั้นเกิดอาการชักกระตุกก่อนที่ลูกสามีจะส่งโรงพยาบาล ในเวลากลางคืน

    หมอขอวินิจฉัยโรคอย่างละเอียด บอกกับญาติว่ผู้ป่วยมีอาการค่อนข้างรุนแรงเกี่ยวกับระบบเลือด

    ที่จริงอาการหนักขนาดนี้ ร่างกายน่าจะมีอาการบ่งบอกมากกว่านี้ล่วงหน้า 2-3 เดือน เพราะนี่คือ

    มะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้าย ทำไมมีแค่อาการเวียนหัว อ่อนเพลีย

    แต่ก็ดีคนไข้จะไม่ต้องทรมานมาก..

    เช้ามา เวลา 10.00 น. หมอแจ้งผู้ป่วยเสียชีวิต...อ่ะ

    ======
    แต่นั่นแหละโลงศพ มิได้มีไว้ใส่เฉพาะคนแก่..ตายเท่านั้น

    ใครที่ตายเร็วตายช้า และตายทุกประเภท ในทุกเพศวัย ก็ได้ใช้บริการโลงนี้ทั้งนั้นแล


    เพียงแต่ผมคิดว่า น้าสาว คนนี้แก อาจจะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดเลือดขาว ที่โชคดีมากที่สุดคนหนึ่งของโลก
    เพราะจนถึงมือหมอคืนสุดท้ายของชีวิต..ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองป่วยแบบนี้ เพราะเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายซะงั้น
    ส่วนลูก-หลาน ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะมีอาชีพการงานมั่นคงกันหมดแล้ว

    พระอาจารย์ท่านก็ช่วยเป็นธุระเรื่องพิธีกรรมงานศพเป็นอย่างดี

    ...ป่านนี้วิญญาณอาจไปนั่งคุย นั่งยิ้มกับพระอาจารย์แล้วกะมัง
    เพราะทานกุศลผลบุญอื่น แกก็ทำไว้มิใช่น้อย เป็นฐานกำลังใจให้ยึดเหนี่ยวเป็นที่พึ่งสู่สุขคติได้ไม่ยาก


    เรื่องของโรคนี้ที่สำนักถ้ำพระอาจารย์ ก็มีพระลูกศิษย์หนึ่งรูป ของท่านป่วยด้วยโรคร้ายนี้เหมือนกันเมื่อ 2 ก่อน

    แต่ก่อนหน้านี้พระรูปท่านเล่าว่า

    "ฉันเจ็บปวด ทรมานมากเลยโยมเอ๊ยยย.. ปวดร้าวไปทั้งตัว เหงื่อกาฬทั่วร่าง จวนวิญญาณจะออกจากร่างอยู่แล้ว

    แต่หมอฉีดยา ลดอาการปวดสกัดไว้ก่อน ผลตรวจแกนภายในโครงกระดูกถูกทำลายแทบไม่เหลือ

    ด้วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ระยะที่ 3 ภายหลังมาได้ยาของหมอปลูกถ่ายโครงสร้างกระดูก และได้ยารักษาจากของพระอาจารยมาต้มกิน "

    จนทุกวันี้อาการพระรูปนี้ท่านก็ดีขึ้นโดยลำดับจนเกือบเป็นปกติแล้ว

    ยานี้พระอาจารย์ท่านได้สูตรมาจากในถ้ำแห่งหนึ่งจากนิมิตบอกของหลวงปู่ใหญ่ระหว่างออกเดินธุดงค์

    สูตรยาเขียนที่ผนังถ้ำ เป็นภาษาไทยใหญ่ ท่านก็จดออกมาโดยที่ก็อ่านไม่ออก
    ภายหลังจึงมาให้คนช่วยแปลออกมา

    "เนื้อความแปล ออกมาได้ว่า ยาสูตรนี้สามารถรักษาโรคร้ายได้ทุกชนิด"
    แต่ยานี้ขม..ฉกาจฉกรรจ์นักเชียว


    น้าสาวผมเองก็เคย หิ้วยานี้ ไปให้คนโน้นคนนี้มากหน้าหลายคน..เพื่อรักษาโรคร้ายก็ทุเลาเบาบาง
    จนหมอที่ตรวจก็แปลกใจ..ว่าเกิดอะไรขึ้น
    แต่ตัวแกเองกลับ ไม่ได้เฉลียวใจว่า ตัวเองก็มีโรคร้ายอยู่ในร่างกาย ถึงขนาดต้องกินยาต้มสูตรนี้ซะเอง

    อายุขัย..และกรรมบางอย่าง มันก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

    ======
    คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ----> หน้า 52

    ๗. มรณานุสติกรรมฐาน

    มรณานุสสติ แปลว่า นึกถึงความตายเป็นอารมณ์ เรื่องของความตายเป็นของธรรมดา
    ของสัตว์และมนุษย์ที่เกิดมา เมื่อมีความเกิดมาได้แล้ว ก็ต้องตายในที่สุดเหมือนกันหมด ความ
    ตายนี้รู้สึกว่าเป็นปกติธรรมดาของคนและสัตว์ทั่วไป ท่านผู้อ่านจะสงสัยว่า เมื่อความตายเป็นของ
    ธรรมดาที่ใคร ๆ ก็ทราบว่าตัวจะต้องตาย แล้วพระพุทธเจ้ามาสอนให้นึกถึงความตายเพื่อประโยชน์
    อะไร ? ปัญหาข้อนี้ตอบไม่ยาก เพราะธรรมดาของคนที่มีกิเลสทั่วไป รู้ความตายว่าเป็นของธรรมดา
    จริง แต่ทว่า เห็นว่าเป็นธรรมดาสำหรับผู้อื่นตายเท่านั้น ถ้าความตายจะเข้ามาถึงตนเองหรือญาติ
    คนที่รักของตนเข้า ก็ดิ้นรนเอะอะโวยวายไม่ต้องการให้ความตายมาถึงตนหรือคนที่ตนรัก พยายาม
    ทุกทางที่จะไม่ยอมตายปกติของคนเป็นอย่างนี้ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่า เกิดมาแล้วต้องตาย ไม่ว่าใคร
    จะหนีความตายไม่ได้ การดิ้นรน เอะอะโวยวายต้องการให้ความตายไปให้พ้นนี้เป็นการดิ้นรนเหนือ
    ธรรมดาไม่มีทางทำได้สำเร็จ จะทำอย่างไร ความตายก็ต้องจัดการกับชีวิตแน่นอน เมื่อกฎธรรมดา
    เป็นอย่างนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงสอน คือย้ำตามความเป็นจริงว่า ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    ความตายนั้นเป็นสิ่งปกติธรรมดาไม่มีใครจะหลีกหนีพ้น ความตายนี้แบ่งออกเป็นสาม
    อย่างด้วยกัน คือ
    ๑. สมุจเฉทมรณะ ความตายขาดตอน หมายถึงความตายของพระอรหันต์ท่านเสร็จ
    กิจแห่งพรหมจรรย์ คือสิ้นกิเลสแล้ว เหตุที่จะต้องทำให้เกิด คือกิเลสและตัณหาที่จะควบคุมบังคับ
    ท่านให้เกิดอีกไม่มี ท่านมรณะแล้วท่านไม่ต้องกลับมาเกิดอีก เรียกว่า สมุจเฉทมรณะ แปลว่า
    ตายขาดตอนไม่กลับมาเกิดอีก
    ๒. ขณิกมรณะ แปลว่า ตายเล็กๆ น้อย ๆ ท่านหมายเอาความตาย คือ ความดับ หรือการ
    เคลื่อนไปของชีวิต ที่มีการเคลื่อนไปวันหนึ่ง ๆ วันเวลาล่วงไป ชีวิตก็เคลื่อนไปใกล้จุดจบสุดยอดคือ
    ตายดับทุกขณะ การผ่านไปของชีวิตท่านถือเป็นความตาย คือ ตายทุกลมหายใจออกและเกิด
    ต่อทุกๆ ลมหายใจเข้า อาหารเก่าที่บริโภคเข้าไปเป็นการหล่อเลี้ยงชีวิตชั่วคราวเมื่อสิ้นอำนาจ
    ของอาหารเก่า ร่างกายต้องการอาหารใหม่เข้าไปหล่อเลี้ยงแทนแต่ถ้าไม่ได้อาหารใหม่เข้าไปทด
    แทนชีวิตก็จะต้องดับ ชีวิตที่ทรงอยู่ได้ก็เพราะอาหารใหม่เข้าไปหล่อเลี้ยงไว้ เมื่อสิ้นสภาพของอาหาร
    เก่า ท่านถือว่าร่างกายต้องตายแล้วไปยุคหนึ่ง พอได้อาหารใหม่มาทดแทน ชีวิตก็เกิดใหม่อีกวาระ
    หนึ่ง การเกิดการตายต่อเนื่องกันทุกวันเวลาอย่างนี้ ถ้าอาหารเก่าหมดสภาพไม่บริโภคใหม่ หรือลม
    หายใจออกแล้ว ไม่หายใจเข้า สภาพของร่างกายก็จะสิ้นลมปราณ คือตายทันที ที่ทรงอยู่ได้อย่างนี้ก็
    เพราะได้ปัจจัยบางอย่างค้ำจุนทดแทนกันเข้าไป ท่านสอนให้มองเห็นสภาพของสังขารร่างกายว่ามี
    ความตายเป็นปกติทุกวันเวลาอย่างนี้ท่านเรียกว่า ขณิกมรณะ แปลว่า ตายทีละเล็กละน้อย หรือ
    ตายเล็ก ๆ น้อย ๆ
    ๓. กาลมรณะ และ อกาลมรณะ กาลมรณะ แปลว่า ตายตามกาลตามสมัยที่ชาวโลก
    นิยม เรียกว่า ถึงที่ตาย คือสิ้นอายุ อย่างชนิดที่ไม่มีการแก้ไขได้ อกาลมรณะ แปลว่า ตายใน
    โอกาสที่ยังไม่ถึงกาลควรตาย แต่ต้องตายเพราะกรรมบางอย่างที่เป็นอกุศลเข้ามาบีบคั้น
    ให้ตาย การตายประเภทหลังนี้พอมีทางต่อให้อายุยืนยาวต่อไปได้ตามสมควรแก่กรรมใน
    อดีต จะต่อให้เลยพอดีนั้นไม่ได้ พวกตายตามแบบกาลมรณะตายไปแล้วเสวยผลกรรมทันที แต่
    พวกที่ตายตามแบบอกาลมรณะนี้ ตายแล้วยังไม่ไปเสวยผลกรรมทันที ต้องไปเป็นสัมภเวสี แสวงหา
    ที่เกิดก่อน คือรอกาลที่จะถึงกาลมรณะก่อน เมื่อถึงเวลาแล้วจึงจะได้รับผลกรรมดีและกรรมชั่วที่ทำ
    ไว้ขณะที่ยังไม่ได้รับผลกรรมที่ทำไว้นั้นต้องลำบากในเรื่องอาหารและที่อยู่ ท่องเที่ยวไปตามความ
    ต้องการ พวกตายแบบอกาลมรณะนี้ ที่ชาวโลกนิยมเรียกว่า ตายโหงนั่นเอง เช่น ถูกฆ่าตายคลอด
    ลูกตาย รถทับตาย ฟ้าผ่าตาย ฆ่าตัวตาย งูกัดตาย รวมความว่าตายแบบผิดปกติ ไม่ใช่ป่วยตายตาม
    ธรรมดาเรียกว่า อกาลมรณะ คือตายก่อนกำหนด ตายทั้งนั้น การตายแบบนี้ ถ้ามีท่านผู้รู้ช่วย
    เหลือสามารถช่วยให้พ้นตายได้ เช่น ที่นิยมเรียกกันว่า สะเดาะเคราะห์หรือต่ออายุ การสะเดาะ-
    เคราะห์หรือต่ออายุนั้น ต้องทำโดยธรรมจริง ๆ และรู้จริงจึงใช้ได้แต่ถ้าต่อแบบหมอต่อยัง
    มืดมนท์ด้วยกิเลสแล้วไม่มีทางสำเร็จผล ไม่ต่อดีกว่า ขืนต่อก็เท่ากับไปต่อชีวิตหมอให้มีความสุข
    ส่วนผู้ต่อกลายเป็น ผู้ต่อทุกข์ไป เรื่องต่ออายุนี้มีเรื่องมาในพระสูตรคือเรื่องของท่าน อายุ-
    วัฒนสามเณร

    เรื่องย่อดังนี้
    วันหนึ่ง บิดามารดาพาท่านเมื่อยังเกิดไม่กี่เดือนไปหาพระพุทธเจ้า (ขอเล่าลัด ๆ) เมื่อบิดา
    ลาพระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า "ทีฆายุโก โหตุ" แปลว่า ขอเธอจงมีอายุยืนนาน พอแม่เข้าลา
    ท่านก็ว่าอย่างนั้น ตอนท้าย สองผัวเมียให้ลูกชายกราบลาท่าน ท่านไม่พูด คือท่านเฉยเสีย สองผัว
    เมียแปลกใจ ถามว่า เมื่อเกล้ากระหม่อมฉันสองผัวเมียกราบลา พระองค์ให้พรว่าขอเธอจงมีอายุ
    ยืนนาน แต่พอเกล้ากระหม่อมฉันให้ลูกชายลา พระองค์ทรงนิ่ง เหตุอะไรจะมีแก่บุตรชายเกล้า
    กระหม่อมฉันทั้งสองหรือพระพุทธเจ้าข้า
    พระองค์ตรัสตอบว่า เพราะบุตรชายของเธอจะตายภายใน ๗ วันนี้ ตถาคตจึงไม่กล่าวอย่างนั้น
    สองผัวเมียฟังแล้วตกใจ ขอให้พระองค์ช่วยเหลือ พระองค์สั่งให้ไปปลูกโรงพิธีกลางลานบ้าน แล้ว
    ให้เอาพระไปนั่งล้อมเด็กสวดพระปริตครบ ๗ คืน ๗ วัน พอวันที่ ๗ เป็นวันตายของเด็ก เพราะยักษ์
    จะมาเอาชีวิตวันนั้น พระพุทธเจ้าเสด็จเอง เมื่อพระองค์เสด็จ พรหมและเทวดาผู้ใหญ่มามาก ยักษ์
    เข้าไม่ถึง พอครบเวลาที่ยักษ์จะเอาชีวิต หมายความว่า ถ้าเลยเวลาเขาทำไม่ได้ เขาทำตามกฎของ
    กรรมว่าจะให้ตายเวลาเท่าใด เวลาเท่านั้นเขาจะต้องทำให้ได้ ถ้าเลยเวลาแล้วเขาก็ไม่ทำ พอเลย
    เวลาที่เด็กจะต้องตาย พระพุทธเจ้าท่านก็พาพระกลับ เลิกพิธี ก่อนกลับพระองค์ให้พรแก่เด็กว่า
    ทีฆายุโกโหตุต่อมาเด็กคนนั้นมาบวชเณรเมื่ออายุ ๗ ปี ได้สำเร็จพระอรหันต์ ท่านมีอายุครบ ๑๒๐
    ปี จึงนิพพาน
    พวกอกาลมรณะนี้ต่อได้อย่างนี้ แต่การต่อต้องเป็นผู้รู้จริง ทำถูกต้องจริง และการทำให้ต้อง
    ไม่ปรารภสินจ้างรางวัล ทำเพื่อการสงเคราะห์จริงๆ จึงเกิดผลว่า จะพูดเรื่องตายเป็นกรรมฐาน
    แอบมาเป็นหมอต่ออายุเสียแล้วขอวกกลับไปเรื่องมรณานุสสติใหม่

    นึกถึงความตายมีประโยชน์
    ประโยชน์ของการนึกถึงความตาย ทำให้เป็นคนไม่ประมาท เพราะรู้ตัวว่าจะตายจะได้
    แสวงหาความดีใส่ตัวโดยรู้ตัวว่า ชาตินี้จนเพราะชาติก่อนให้ทานไว้น้อย ถ้าชาติหน้าไม่ยากจนอีก ก็
    พยายามให้ทานเสมอ ๆ ตามกำลังทรัพย์ที่พอจะให้ได้ และอย่าให้จนหมดตัว จะเกินพอดี ต้องให้พอ
    เหมาะพอดี ไม่เดือดร้อนภายหลังนั่นแหละจึงจะควร
    รู้ตัวว่ามีโรคมาก ป่วยไข้ไม่สบายเสมอๆ ของหายบ่อย ๆ รูปร่างสวยน้อยไปคนในบังคับ
    บัญชาดื้อด้าน วาจาไม่ศักดิ์สิทธิ์ อารมณ์ความจำเสื่อม ถ้าต้องการให้สิ่งบกพร่องเหล่านี้สมบูรณ์ใน
    ชาติหน้าจะได้พยายามรักษาศีล ๕ให้บริสุทธิ์ครบถ้วนแล้ว ก็จะได้รับอานิสงส์ มีอายุยืน รูปสวย ไม่มี
    โรคภัยรบกวน ไม่มีภัยจากโจรรบกวนทรัพย์สมบัติ คนในบังคับบัญชาอยู่ในโอวาทเป็นอันดี ไม่มีใคร
    ดื้อด้าน มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดอะไรเป็นนั่น มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ก็ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์
    ถ้าเห็นว่า มีปัญญาน้อย ไม่ใคร่ทันเพื่อน ก็พยายามเจริญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน
    พอมีฌานมีญาณเล็กน้อย ในชาติต่อไปก็จะเป็นคนมีปัญญาเลิศ
    ถ้าเห็นว่า ความเกิดเป็นโทษเป็นทุกข์ เพราะการเกิด ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร มีตระกูล
    สูงส่งประการใดก็ตาม ต้องประสบกับความทุกข์อย่างมหันต์ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ต้องการความ
    เกิดอีก ก็เร่งรัดเจริญสมถะให้ได้ฌานต้น แล้วเจริญวิปัสสนาญาณให้จบกิจพระศาสนา ซึ่งเป็นของ
    ไม่หนักเลยสำหรับท่านที่นึกถึงความตายเป็นปกติ หรือที่เรียกว่า เจริญมรณานุสสติกรรมฐาน
    เพราะกรรมฐานกองนี้ เป็นกรรมฐานหลักสำหรับเจริญวิปัสสนาญาณ ท่านจะได้ดี เป็นเทวดา เป็น
    พรหม เป็นพระอรหันต์ ก็ต้องอาศัยการปรารภความตายเป็นปกติ แม้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    เอง พระองค์แม้แต่จะเป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ไม่ทิ้งมรณานุสสติกรรมฐาน คือนึกถึงความตาย
    เป็นอารมณ์ วันหนึ่งพระองค์ตรัสถามพระอานนท์ว่า อานันทะ ดูก่อนอานนท์ เธอนึกถึงความตายวัน
    ละกี่ครั้ง พระอานนท์กราบทูลตอบว่า นึกถึงความตายวันละเจ็ดครั้งพระเจ้าข้า พระองค์ตรัสว่า ยัง
    ห่างมากอานนท์ ตถาคตนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก การนึกถึงความตายเป็นปกติเป็น
    ของดี แม้แต่พระพุทธเจ้ายังเฝ้าคิดถึงความตาย เพราะผู้ที่คิดถึงความตายรู้ตัวว่าจะตายแล้ว
    ย่อมไม่สั่งสมความชั่ว คอยปลีกตัวออกจากความชั่วและมีอารมณ์ไม่หวั่นไหวในเมื่อความตาย
    มาถึงแล้ว เพราะคิดอยู่รู้อยู่เสมอแล้วว่าเราต้องตายแน่ ความตายนี้หานิมิตเครื่องหมายไม่ได้
    กำหนดการเกิดหมอบอกได้แต่กำหนด เวลาตายไม่มีใครกำหนดได้แน่นอนสำหรับปุถุชน
    คนธรรมดา สำหรับพระอริยเจ้าหรือท่านที่ชำนาญในอานาปานุสสติกรรมฐานท่านสามารถบอก
    เวลาตายที่แน่นอนของท่านได้ พระอริยาเจ้าที่จะบอกเวลาตายได้ ก็ต้องเป็นท่านที่ได้ วิชชาสาม
    เป็นอย่างน้อย ถ้ามีความรู้พิเศษต่ำกว่านั้น ท่านก็กำหนดเวลาตายไม่ได้เหมือนกัน ท่านเปรียบชีวิต
    ไว้คล้ายกับขีดเส้นบนผิวน้ำ ขีดพอปรากฏว่ามีเส้นแล้วในทันทีเส้นที่ขีดนั้นก็พลันสูญไปชีวิตของ
    สัตว์ที่เกิดมาก็เช่นเดียวกันความตายรออยู่แค่ปลายจมูกถ้าสิ้นลมปราณเมื่อไร ก็สิ้นภาวะเมื่อนั้น
    เอาความยั่งยืนไม่ได้เลย
    ท่านเจริญมรณานุสสติกรรมฐาน เมื่อท่านคิดถึงความตายเป็นปกติ จนเห็นความตายเป็น
    ปกติธรรมดา เตรียมพร้อมเพื่อรับสถานการณ์คือ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาพอสมควรแก่ความ
    ต้องการแล้ว ถ้าคิดให้ไกลไปอีกสักนิดว่า ความตายเป็นของมีแน่ เราไม่หนักใจแล้ว ความเกิดต่อไป
    ก็มีแน่ จะเกิดเป็นอะไรก็ตามเต็มไปด้วยความทุกข์ หนีทุกข์ไม่พ้น เราไม่ต้องการความเกิดอันเป็น
    เหยื่อของวัฏฏะอีก แม้แต่ร่างกายอันเป็นที่หวงแหนยิ่ง จะต้องพังทลายเรายังไม่มีเยื่อใย ก็สมบัติอะไร
    ในโลกีย์ที่เราต้องการ เราไม่ต้องการอะไรอีก เทวโลก พรหมโลก เราไม่ต้องการ สิ่งที่พอใจที่สุดก็
    คือพระนิพพาน ทำใจให้ว่างจากความเกิด ความเกาะในชาติภพ ปรารภพระนิพพานเป็นปกติ อย่างนี้
    ท่านมีหวังสิ้นชาติสิ้นภพ ประสบผลอย่างยอด คือถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันแน่นอน

    (ขอยุติมรณานุสสติไว้แต่โดยย่อเพียงเท่านี้)

    จาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2014
  7. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    มาพิจาณากันเถอะ เพื่อความไม่ประมาท


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=STMULDbKpkA]มรณานุสสติ (10/18) หลวงพ่อฤาษีลิงดำ - YouTube[/ame]
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,064
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    *************************************************
    ดูที่อาจารย์ให้มาก็เลยพบของหลวงพ่ออีกตอนหนึ่งค่ะ อนุโมทนาสาธุค่ะ
    วิธีส่งจิตใจไปในกายในใจของเราจะพบทางพระนิพพาน

    https://www.youtube.com/watch?v=_MacugT4Yes
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,064
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    ที่หน้าวัดหงษ์รัตนารามจะมีต้นโพธิใหญ่ขนาดสามคนโอบ เวลากลางคืนจะไม่ค่อยมีใครกล้าเดินผ่านเพราะเวลาเดินผ่านทีไรจะได้ยินเสียงดัง ตุ้บ เหมือนคนกระโดดลงมาจากกิ่ง โดยมากจะวิ่งเผ่นกันทุกราย ที่ใจกล้าหน่อยก็มองไปปรากฎว่าเป็นคล้ายๆเงาดําเท่าคนแล้วก็หายไปจึงได้เผ่น ป่านนี้คงอายุเป็นร้อยแล้ว จะมีคนเอาผ้าหลายสีและดอกไม้ธูปเทียนไปวางไว้เป็นประจํา ใครว่างๆอยากจะไปก็เชิญเลยนะคะ ที่ฝั่งธนบางกอกใหญ่ ได้ข่าวมาว่าตอนนี้มีหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่น่านับถือมากๆองค์หนึ่งค่ะ
     
  10. lomdadbaimai

    lomdadbaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,379
    สวัสดีค่ะ พี่ต้อย
    ขอบคุณที่แนะนำนะคะ ไว้จะศึกษาเส้นทาง เผื่อมีโอกาสจะได้ไปค่ะ
     
  11. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    มีเรื่องเล่าเล่นๆ
    วันนี้แม่..โทรมาบอกว่าให้กลับมาดูที่บ้านหน่อยได้มั๊ย แม่นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว
    (toplu99 ทำงานและมีที่พักต่างอำเภอกับทางบ้าน .. นานๆทีจะได้กลับ)

    เพราะที่ห้องผมมีเสียงเหมือน
    " คนนำเลื่อย มาเลื่อยหินอยู่ในห้องตลอดทั้งคืน..หลายวันแล้ว

    เออก็แปลก!!"

    ที่ห้องก็ไม่เห็นมีอะไร..มากนี่เน๊อะ มีพระธาตุ หรือหินก็ไม่กี่ชิ้น แถมก้อนเล็กๆเอง ประเภทมวลสารเพื่อผสมทำพระให้วัด
    ..เพื่อถวายพุทธบูชาแค่นั้น

    ไม่มีของที่ไม่เป็นมงคลแน่นอน..

    งั้นคืนนี้คงต้องแผ่เมตตาให้มากหน่อย หรือมีบางสิ่งกำลังสื่อสาร อะไรอยู่?

    ..สงสารแม่ที่นอนไม่หลับเพราะเสียงประหลาด

    ไอ้เราก็ไม่ค่อยแปลกเท่าไร..เพราะเจอบ่อยๆจนชิน ในป่าในถ้ำ

    แต่คนอื่นที่เขาไม่รู้เรื่อง ก็กลับกลัวไปซะงั้น...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2014
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,064
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    **************************************
    สาธุด้วยค่ะ ฟังจากหลายท่านห้องพระเครื่อง มีอะไรหรือได้อะไรมาเล่าให้พวกเราฟังบ้างนะคะ:cool:(f)
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,064
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    *************************************
    กลับไปเยี่ยมคุณแม่แล้วกลับมาเร็วๆนะคะพวกเรารอฟังอยู่;41
     
  14. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    สรุปว่าจนเดี่ยวนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเสียงอะไร?
    ..ที่ดังมาจากในห้องผมที่บ้านเกิด ล่าสุดนี่..เปลี่ยนเสียงใหม่แล้ว
    โดยซาด์วดีไซน์ สไตล์ใหม่

    ...คุณแม่บอกว่าเป็นเสียงคล้ายมีเสียง คล้ายๆมีการลาก-ดึงเคลื่อนย้ายของไป-มาดังมาจากในห้อง
    ยามเช้าตรู่ ตี 3-4-5 เกือบทุกวัน!!!

    หรือว่า "..มันอาจมีพลังงานบางอย่าง..ก็เป็นด้ายยย...!!!!"


    ถามป๋ามิงค์ดีกว่าครับ

    ...!!!พอจะคาดเดา..แพรมๆบอกหน่อยได้มั๊ย ว่ามันมีต้นสายปลายทาง
    มาจากสิ่งใดกันแน่.???. ไม่ต้องเกรงใจ...กันมั่งก็ได้ครับ..
    ...ติ๊กต่อกๆ

    ...ขอคำตอบแบบ เร็วๆ ไวไว..มาม่า..ยำ ยำ ก็ดีครับ.. วัยรุ่นใจร้อน

    ...ผมจะได้กลับไปบอกทางบ้านถูก..แม่พ๊ม..เค๊ากลัว!!นอนไม่หลับ

    ก็อยู่บ้านนี้สร้างมาตั้งนานหลายสิบปี..ไม่เห็นเคยมีเหตุการณ์ตื่นเต้น..ที่แปลกๆผิดปกติแบบนี้กับใครเลย
    นี่ก็เกิดปรากฏการประหลาด...มาหลายวันแล้ว

    ...ผมเองก็กลัววววด้วย บรึ๊ยยขนลุกเกรียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2014
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,064
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    ****************************************
    ต้องให้คุณแม่ทําสังฆทานพระเก้าองค์(ของโปรด อิอิ) ค่ะ ท่านหนุ่มน้อย ({)
     
  16. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เรียนป๋า Toplus99 และเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลาย....
    อนึ่ง...ผมไม่ใช่หมอผี...แลไม่ใช่ร่างทรงองค์เทพใดๆเลย...
    อ่ะสอง....ผมก็กลัวผี...
    อ่ะสาม....ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านมานานมากแล้ว...ทำตัวเป็นคนโง่ ไม่รู้เรื่องรู้ราว...ทำแล้วรู้สึกว่าเวิร์คดี....

    แม่ต้อยกล่าวมาผมเห็นว่าเหมาะสมแล้วนะครับ แต่จะให้ดี ขอเพิ่มให้เป็นการทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน 9 รูป ครับ พร้อมถวายสังฆทาน
    เรื่องอาหารก็ขอให้ทำง่ายๆ ที่ปกติพระท่านไม่ค่อยได้ฉัน ไข่สักฟองก็อย่าไปตอกนะครับ น้ำพริกกะปิ ข้าวเหนียวส้มตำ เอาแบบนั้นพอ ไม่ต้องแพง ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
    ส่วนสังฆทานก็ผ้าขนหนูเช็ดหน้าสักผืน ยาทิฟฟี่ สักแผง น้ำสักขวดนึง เท่านั้นพอครับ...

    ทั้งนี้เพราะผีที่มาแซวนี่ ท่านอยู่มานาน แถวบ้านเรียกเทวดา ท่านมาเตือนให้ทำบุญ สวดมนต์ และภาวนาบ้าง ป๋า Toplus99 ฝึกมาก็ไม่ใช่น้อย ตรงนี้ต้องแนะนำวิธีการปฏิบัติให้กับแม่ได้ทำเอาไว้ติดตัวบ้างแล้วแหละครับ...

    จะว่าท่านมาเตือนเพื่อให้ทำบุญให้ท่านนั้นก็ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไรนัก ท่านมาเตือนว่าอายุขัยใกล้จะสิ้นแล้ว ให้เร่งทำบุญเสียแต่เนิ่นๆ นี่ท่านมาเตือนด้วยความเป็นห่วงมากกว่า พยายามบอกหลายครั้งหลายวิธีแล้วแต่แม่ของป๋าไม่สามารถรับรู้ได้ จนต้องแสดงอาการอย่างที่เห็นให้ปรากฎ...

    ป๋าเองก็พอรู้ระแคะระคายอยู่แล้วนี่นา...
    บ้านป๋านี่ก็มีของดีๆคุ้มกันไว้ ผีสางคางแดง เฉียดเข้าใกล้ได้ซะที่ไหนล่ะครับ สว่างยันรั้วบ้าน

    รีบทำนะครับ อย่ารอจนเหมือนพ่อของกาลีนะ มันจะสายเกินกาล แล้วจะมานึกเสียดายมันไม่มีประโยชน์นา...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2014
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ติดตามมาอ่านเรื่องผีค่ะ ^____^
    มีเรื่องสงสัยขอโอกาสเรียนถามท่านพี่ระมิงค์ว่าผีสางทำไมคางถึงแดงคะพี่


    ถามเสร็จ ติงขอเผ่นก่อนนะคะ ๕๕๕
     
  18. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    หลวงพ่อชาท่านเคยเล่าไว้ให้ฟังแล้วเรื่องผีสางคางแดง...
    ท่านว่า หลานชายเล็กๆมันถามตาว่า ตาๆ คนตายไปแล้วเป็นอะไร...
    ตาก็บอกว่า คนตายไปแล้วก็ไปเป็น ผี...

    หลานชายก็ถามต่อว่า...ตาๆแล้วผีตายไปแล้วจะไปเป็นอะไร..
    ตาก็บอกว่า ผีตายไปแล้วก็ไปเป็น สาง...

    หลานชายก็ถามต่อว่า...ตาๆแล้วสางตายไปแล้วจะไปเป็นอะไร...
    ตาก็บอกว่า..สางตายไปแล้วก็ไปเป็น คางแดง...

    หลานก็ถามต่อว่า...ตาๆ แล้วคางแดงตายไปแล้วจะไปเป็นอะไร...
    ตาก็คงจะยั๊วะแล้วนะ...ตอบแบบนี้มันคงตอบไปเรื่อยๆไม่จบหรอก...
    ตาก็บอกว่า คางแดงตายไปแล้วก็ไปเป็นโคตรพ่อโคตรแม่มึงน่ะสิ...
    จบกัน...
    :'(
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    เอ่อ!....ขอบพระคุณมากค่ะพี่
    ติงไม่กล้าถามต่อแล้วค่ะ :':)':)'(
     
  20. น้ำใสไหลเย็น

    น้ำใสไหลเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +4,452
    แฮ่ๆ แวะผ่านมา ขอเล่าเรื่องผีด้วยคน

    เป็นคนชอบฟังเรื่องผีมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นผีกองกอย ผีกระสือ ผีปอบ ผีเป้า ผีโพง ฯลฯ เยอะหลายสุดจะพรรณา


    วันนี้มาได้ยินผีสางคางแดง ทำให้อยากเล่าถึงอดีตสมัยเด็กที่เคยนอนเถียงนาน้อย ...

    หน้าฝนฤดูทำนา ตกกลางคืนพ่อจะก่อไฟไล่ยุงให้กระบือที่ใต้ถุน

    ส่วนเรานอนอยู่บนเถียงนากับพ่อ นอนฟัง แอบดู

    มีเสียงคนเดินผ่านน้ำ จ๋อมแจ๋มๆๆๆๆๆ แล้วเข้ามานั่งใต้เถียงนา นั่งผิงไฟใกล้ๆกับกระบือ

    ไฟริบหรี่ลงเรื่อยๆ ทำให้ผู้มาเยือนต้องซุ (ภาษาอิสานหมายถึง กริยาเขี่ยเชื้อเพลิงฟืนให้ติดไฟสว่างมากขึ้น)

    จนเปลวไฟสว่าง วาบ ! ทำให้เห็นใบหน้าชัดเจน คางเป็นสีแดง ตามตำราเปี๊ยบ 5555

    พ่อบอกว่า อ่อ"ผีเป้า" นั่นเอง มันจะออกหากินกบกินเขียดตอนกลางคืน
    คืนนี้ฝนตกหนัก มันหนาวมากเลยเข้ามาผิงไฟ เดี๋ยวมันก็ไป

    ... เรารู้สึกเหมือนไม่หายใจเลยในขณะนั้น

    และแล้ว ได้ยินเสียง จ๋อมแจ๋มๆๆๆ อีกครา


    เฮ๊อ โล่งอกไปที

    เอวัง หุหุหุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...