ในเว็บบอร์ดนี้ มีพระอริยะบ้างไหม จะรู้ได้อย่างไร ใครเป็นพระอริยะ?

ถ้าเป็นสังคมข้างนอก ก็คงดูตามที่ได้กล่าวกันมานั่นแหละครับ ส่วนสังคมในเวบบอร์ด ก็ดูง่ายๆ ถ้าเป็นพระอริยะเจ้าจริง ท่านไม่ออกมาอ้างตัวแสดงตนอวดอภิญญาอยู่หรอกครับ พวกที่ออกมาอ้างนู่นอ้างนี้น่ะ รับรองได้ว่าไม่ใช่พระอริยะแน่นอนเลยครับ

 

ขอบคุณสำหรับทุกๆ ความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์

โดยสรุปแล้วคือ ปุถุชน ดูท่านไม่ออกหรอก และ ท่าน ก็ไม่ออกมาป่าวประกาศแน่นอน ดังนั้น ก็อย่าให้มีคำถามในลักษณะนี้อีก เพราะเป็นคำถามที่ ไม่ฉลาดเอาเสียเลย แต่จงดูที่ธรรมะเป็นหลักก็พอ หากคุณมีปัญญามากพอ ก็น่าจะแยกแยะได้ว่าภูมิธรรมของใครเป็นอย่างไร จะว่าไปแล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีของคุณด้วยเช่นกัน...

 

ในเว็บบอร์ดนี้ มีพระอริยะบ้างไหม จะรู้ได้อย่างไร ใครเป็นพระอริยะ?

พระอรหันต์ไม่น่าจะมี แต่โสดาบันน่าจะเยอะครับ

บันฑิตย่อมคบบันฑิต ในเว็บบอร์ดนี้ ศรัทธาเกิดได้จากตัวอักษร
สังเกตุจากการตั้งกระทู้บ้าง การตอบกระทู้บ้าง ภูมิความรู้ของท่านเหล่านี้ ลึกซึ้งและห่างไกลปุถุชนครับ สังเกตดีๆ

 

ผมก็คิดแบบคุณครับแต่ไม่กล้าออกความเห็นเพราะกระทู้แบบนี้คือกระทู้ล่อเป้าให้ทะเลาะกันครับ

 

มันเป็นเรื่องของ ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญ หิติ ครับ

 

ไม่ได้มีเจตนาล่อเป้าให้ทะเลาะกันนะครับ หากใครคิดเช่นนั้น ต้องขออภัยด้วย

ส่วนจะมีเจตนาอะไรนั้น ได้เขียนไว้ชัดเจนดีแล้ว...

 

การจะพูดว่าไม่มีเลย ก็ไม่ใช่...การจะพูดว่ามีเลยนี้ ก็ไม่ใช่
เพราะเราไม่รู้ความจริงว่ามีหรือไม่มี..
จุดสำคัญในเว็บบอร์ดนี้ คือเราได้ความรู้ ให้เราได้พิจารณาความจริง อันนำมาซึ่งประโยชน์แก่ตนเอง

 

หากข้าพเจ้าเข้าใจผิดข้าพเจ้าขอให้เจ้าของกระทู้โปรดอดโทษแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด....สาธุ

 

ธรรมแท้ นั้นมีอยู่ ผู้รู้นั้นไม่สามารถพูดได้ แต่ทุกวันนี้ การพูด - คุย ธรรมเพื่อนำพาเพื่อนๆ ทั้งหลาย เข้าหาธรรมแท้

 

ว้างั้นลุงเทวดาก้อไม่เข้าข่ายอ่าสิ

 

หมดทุกข์ก็พอใจแล้ว อย่าอยากได้ อยากมี อยากเป็น อะไรเลย ไม่มีประโยชน์หรอก เหาะได้ หายตัวได้ แต่ต้องตาย มีชีวิตอยู่อย่างทรมาณ.......................อยู่เพื่ออะไร?

 

อันนี้ไม่ทราบได้ครับ

 

อริยะบุคคล ตัดสินจากภายนอกไม่ได้ ต้องดูจาก สภาวะธรรมแห่งอริยะ เท่านั้น
สภาวะบางอย่าง เป็นสภาวะจำเพาะ ของพระอริยะบุคคล
พ้นการล่วงรู้ของโลกิยฌาน ยกเว้น จำคำพูดเขามา
พระอริยะ ที่เผยสภาวะอริยะ ที่เกิดจากการ รู้แจ้งด้วยตนเอง
เราย่อม รู้ได้ แต่หากท่านไม่เผย สภาวะของท่าน เราไม่มีทางรู้เลย
มองไปก็เห็นเป็นแสงสว่างเท่านั้น
อริยะบุคคลขั้นต้นคือ โสดาบัน ต้องพบความดับลงของ รูปนาม 1 ครั้ง แจ้ง สภาวะไม่เกิดไม่ดับ สังโยชน์3 ถูกทำลายเป็น สมุทเฉทปหาน
....................................................................
โปรดอย่าเชื่อ แต่ไม่สงวนสิทธิที่จะนำไปขบคิด

 

จริงของคุณบำรุงเนอะ ต้องดูด้วย สภาวะธรรมแห่งอริยะเท่านั้น

แล้วคนธรรมดานี้ไม่มีเนอะ สภาวะธรรมแห่งอริยะนั้น

มีแต่ลูกกะตาเนื้อที่ดูได้อยู่ว่า ใครทำดี หรือไม่ดี
มีแต่มโนถือว่าเป็นตาในละที่คิดได้ว่า อย่างไรคือดี หรือไม่ดี

เอาแค่นี้ ดูไปก่อนเนอะ ทำไงได้ ก็มันมีแค่นี้ จะไม่ให้ดูเสีย
เลยก็แปลกไปหน่อย แต่ถ้าจะทำบุญถวายสังฆทานอย่าไปนั่ง
คอยพิจารณาอยู่ละ ทำบุญไปเลย กุศลผลบุญจากการทำบุญ
จะเท่าๆกับทำบุญให้พระอริยะแหละ เพราะถือว่าอยู่บริษัทเดียวกัน
นี้ แค่นี้พอแล้ว ไม่ต้องไปนั่งหาใครของจริงๆไม่จริง ซ้ำร้าย
จะพาออกนอกพุทธบริษัทเอา มีหลายบริษัทเหมือนกันนะ ไปตั้ง
ตัวแทนพระพุทธ แต่สุดท้ายไม่เคยมาทนุ บำรุง วัดในพุทธวาสกะ
เขาเลย เอาไปทำบุญหาชื่อเสียงให้เขาเองนี่ก็เยอะ

นี่นึกเล่นๆ ถ้าอีก 50 ปีข้างหน้านี่ บริษัทเหล่านั้นขาดผู้นำลงด้วย
สังขารที่ล่วงโรย จะเหลืออะไรกัน จะวุ่นวายขนาดไหน ใครจะ
เป็นผู้สืบทอด คิดแล้วกลุ้ม มาทำบุญกับพระในวัดไทยดีกว่า อย่าง
น้อยก็ไหลๆอยู่ในบริษัทนี้แหละ ไม่ไหลไปวัด ก็ไหลมาที่ฆราวาส
อย่างน้อยก็เป็นคนไทยด้วยกัน แต่ถ้าไปทำบุญกะหลวงตามหาบัวนะ
อันนี้ไหลเข้าแบงค์ชาติ นี่ทางดีๆก็มี

 

ค้นหา ...สัจจะ ใส่ตัว

 

ที่พระอริยะไม่แสดงตัว เพราะรู้ซึ้งและละเอียดมาก แค่จะใช้ฤทธิ์ก็ต้อง
กำหนดดูว่าแถวนั้นมีเทวดา ที่เป็นมิจฉาทิฐฐิหรือเปล่า ไม่ไช่กลัว แต่เกรงใจ
จะเกิดเป็นเวรกรรม ผูกพันกันขึ้นมาใหม่อีก สวนทางกันกับการปฎิบัติที่
ต้องทรงอารมณ์ละกิเลส เพื่อการสิ้นภพสิ้นชาติ

คุณวิมุติคงต้องการให้สังเกตุพระจากภาษาที่ใช้เป็นแนวทางเพื่อความดีเท่านั้น

คนโบราณไม่มีเน็ตเล่น เขาใช้วิธีคุยกันทางจิตโดยใช้กสิน ใช้ฌาณ จนเรียก
ว่าใช้ฌานเป็นกีฬา ไม่ได้ถือเป็นจริงเป็นจัง เพราะครามรู้เกิดภายในตัวเรา ไม่ได้เกิดขึ้น จากกีฬาฌาน หรือ เน็ต
เวลาที่เจอกันเราจะรู้ได้ว่าเขาเป็นอริยะขั้นไหน ก็จากการใช้จิตกำหนดดู ถ้าภูมิ
ธรรมไม่สูงพอที่จะรู้ก็กำหนดถาม พระพุทธเจ้าเอา การติดต่อกันในโลกวิญญาน
หรือโลกทิพย์ ก็มีกฎเกณท์เหมือนกัน ซึ่งผู้เข้าฌานจะรู้ระเบียบรู้กฎเองเกิดขึ้นที่จิต ไม่ต้องมีเมณูให้อ่าน จะรู้ว่าทำอะไรในนั้นได้ และ อะไรทำไม่ได้
ชั้นโสดาบันเข้าแล้ว รู้เฉพาะวงที่กำหนด นอกนั้นมองไม่เห็น ชั้นที่สูงกว่าจะมองเห็นการมา ของโสดาบัน จากวงนอกได้ นี่เป็นการกำหนดเห็นนะ
ถ้าปกติแล้วโลกในณานจะเห็นเฉพาะที่ตนอยากเห็น นอกจากมีผู้ที่สูงส่งกว่า
แทรกเข้ามาในวงการสนทนาในฌานถึงจะทำได้
การจะรู้ว่าใครสำเร็จขั้นใหน แม้ในฌานเองก็ดูยาก ในสมัยพุทธกาลเองก็ยัง
ต้องถามพระพุทธเจ้า เพราะในฌานดูสะอาด ติดต่อกันได้ แต่นอกฌานยังมีกิเลสที่ลงความเห็นไม่ได้ บางคนกิเลสเต็มหัวแต่เข้าฌานได้โดยบุญเก่า เราเจอกันในฌานคุยกันได้ เห็นกันได้โดยมีอำนาจฌานคุมใว้ เวลาออกมาจะทึกทัก จะยกย่องเอาว่า ท่านผู้นี้สำเร็จอริยะขั้นนั้น ขั้นนี้ ไม่ได้

 

<TABLE style="FONT-SIZE: 16pt; LINE-HEIGHT: 150%; FONT-FAMILY: CordiaUPC" borderColor=#000080 cellPadding=2 width="98%" border=0 ,><TBODY><TR><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="18%" bgColor=#ffa87d>ผู้ถาม</TD><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="82%" bgColor=#ffa87d>"มีคนเขาถามผมมาอย่างนี้ครับหลวงพ่อ แต่ผมไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไร เขาถามว่าท่าน (ขอสงวนนาม) เป็นพระอริยะหรือเปล่าครับ..?" </TD></TR><TR><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="18%"></TD><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="82%">
"ก็ตอบไม่ยากนี่คุณ ให้ไปถามท่านเองซิ คนอื่นจะไปรู้เรื่องของตัวเองได้อย่างไรล่ะ มันเป็น ปัจจัตตัง แล้วพระอริยะองค์ไหนท่านจะบอกเป็นพระอริยะ ไม่มีพระอริยะองค์ไหนบอกตนเองว่าเป็นพระอริยะ และก็ไม่มีพระที่ไม่ใช่พระอริยะองค์ไหนที่ไม่บอกตัวเองว่าเป็นพระอริยะ ใช่ไหม...ไอ้คนมีสตางค์มากๆ ทำจ๋อง ไอ้คนไม่ค่อยจะพอค่าก๋วยเตี๋ยวละเบ่ง
อันนี้ไปพยากรณ์ไม่ได้หรอก เราจะพยากรณ์เขาได้ยังไงเราไม่รู้จิตใจเขานี่ ใช่ไหม...
พระอริยะน่ะเขาดูจริยาไม่ได้ พระอริยะนี่ถ้าดูที่จริยาภายนอกผิดหมด เพราะพระอริยะนี่เป็นคนใจเปิด ถ้าเป็นพระอรหันต์เมื่อใดก็ดูเหมือนเด็กๆ ตอนเด็กๆ หรือก่อนบวชเป็นยังไงท่านจะใช้จริยานั้น เพราะเป็นพระไม่มีการผูกต่อไป จึงไม่มีมายา นิสัยเดิมๆ เป็นยังไงพระอริยะก็ใช้นิสัยนั้น ท่านปล่อยตามสบาย เพราะจิตท่านไม่มีอะไร
อย่างพระสารีบุตร ท่านไปกับพระพุทธเจ้ากับพระสงฆ์พอถึงลำราง พระองค์อื่นๆ ค่อยๆ ย่องไป พระสารีบุตรขัดเขมรโดดแพล้บ นั่นพระอัครสาวกเบื้องขวานะ ภายหลังมีพระถามพระพุทธเจ้าว่า
"ทำไมพระอัครสาวกเบื้องขวาจึงขัดเขมรโดด"
พระพุทธเจ้าบอก
"อย่าไปว่าท่านเลย ลูกตถาคตไม่มีอะไรหรอกก็มาจากลิง"
ที่นี้ที่คุณถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์นั้นองค์นี้เป็นพระอริยะ ถามคนอื่นมันจะถูกรึ ถ้าหากว่าคุณกินแกงแล้วถามคนอื่นว่า เค็มไหม...เขาจะรู้ไหม...?"
"เรื่องของความเป็นอริยะ เรื่องของฌานสมาบัติก็เหมือนกันมันเป็นเรื่องของจิตใจ ในเมื่อท่านไม่บอก เราก็รู้ไม่ได้
ไอ้เรื่องที่จะรู้ได้ต้องเป็นเรื่องของสัพพัญญู แปลว่ารู้ทั้งหมด รู้ทุกอย่างก็มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว พระสาวกไม่มีสิทธิ์จะตอบ"

</TD></TR><TR><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="18%" bgColor=#ffa87d>ผู้ถาม</TD><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="82%" bgColor=#ffa87d>"แล้วอย่างมีคนเขาถามว่า ควรจะไปไหว้พระองค์ไหนดี เราควรจะแนะนำเขาว่าอย่างไรครับ...?" </TD></TR><TR><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="18%"></TD><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="82%">
"ก็ต้องเป็นไปตามศรัทธา เขาศรัทธาที่ไหนไปที่นั่นปล่อยให้เป็นเรื่องจิตใจของเขา ถ้าคุณไปขัดคอเขาดีไม่ดีปากคอเยิน"
</TD></TR><TR><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="18%" bgColor=#ffa87d>ผู้ถาม</TD><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="82%" bgColor=#ffa87d>"ถ้าเขาถามถึงสำนักปฏิบัติ แล้วให้เลือกเล่าครับ...?" </TD></TR><TR><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="18%"></TD><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="82%">
"เราก็เล่าเรื่องประวัติต่างๆ เท่าที่เราพอใจให้เลือกเอาจะวัดไหน การปฏิบัตินี้ต้องเป็นไปตามภูมิเดิมหรือภูมิเก่า คือต้องเป็นไปตามสาย สายของใครของมัน และต้องบำเพ็ญบารมีร่วมกันมานับเป็นอสงไขยกัปนะ เขาถึงจะพอใจกัน ถ้าไม่งั้นมีอารมณ์สะกิดหน่อยเดียว เดี๋ยวก็สะดุด เพราะฉะนั้นให้เขาย่องๆ ไปดูก่อน เขาชอบที่ไหนก็เลือกที่นั่น อันนี้เป็นความจริงนะ
อย่างคุณพอใจสำนักใด คุณไปชวนคนอื่น ถ้าคนอื่นเขาไม่มา คุณไปว่าเขาไม่ดีไม่ได้ เพราะพูดให้เขาฟังรู้เรื่องไม่ได้ คุณฟังอย่างนี้รู้เรื่องแต่เขาไม่รู้
แต่ถ้าเขาไปหาอีกองค์หนึ่งเขาจะพอใจมาก เพราะว่าเป็นสายเดียวกัน อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาบางครั้งเราอาจคิดว่า แหม...ไอ้หมอนี่ เดี๋ยวไปที่นี่ เดี๋ยวไปที่โน่นเดี๋ยวไปที่นั่น ที่เขายังต้องไปหลายจุด เพราะยังหาพวกไม่พบถ้าเขาหาพวกของเขาพบเมื่อไรก็จอด ดีไม่ดีบางคนไปหาพระไม่สบายไม่สนุกไปเจอะเจ้าของเหล้า ร้องฮ้อ...ใช้ได้.."

</TD></TR><TR><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="18%" bgColor=#ffa87d>ผู้ถาม : </TD><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="82%" bgColor=#ffa87d>"ถ้ามีคนเขาบอกว่า หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์หลวงพ่อเป็นพระปฏิสัมภิทาญาณ อย่างนี้คนพูดจะบาปไหมครับ..? " </TD></TR><TR><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="18%"></TD><TD style="LINE-HEIGHT: 100%" vAlign=top width="82%">
"จะบาปอย่างไงล่ะ เป็นเรื่องของเขา เขาคิดในแง่ดีไม่บาป เขาจะเข้าใจว่าเป็นสุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทาญาณ ไม่ใช่ของชั่วนี่ อารมณ์จิตเป็นกุศลต่างหากถ้ามาถามฉัน ฉันบอกเป็น พระหลวงตา เอาที่ไหนมาเป็นอรหันต์หน้าก็ย่น ตาก็สั้น ไม่เป็นเรื่อง ถ้าหันซ้ายหันขวาล่ะก็ได้ อย่าไปคิดยังงั้นเลยนะ ถ้านึกอย่างนั้น ถ้าผิดเข้าลำบาก ที่ว่าลำบากน่ะ ไม่ใช่ตกนรกนะ
เรานึกว่าเราพบพระสงฆ์เพื่อต้องการธรรมะดีกว่า คือ ว่าเราศึกษานี่เราศึกษาธรรมะตรงต่อพระพุทธ ไม่ใช่อาตมา เป็นพระพุทธเจ้านะ
ในเมื่อเรานึกถึงธรรมะเมื่อใดก็ได้เชื่อว่าเรานึกถึงพระพุทธเจ้าเมื่อนั้น ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะพระพุทะเจ้าตรัสกับพระอานนท์ในวันปรินิพพานว่า
"อานนท์ จะเสียใจไปทำไม เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว คำสอนหรือพระธรรมวินัยนี่แหละจะเป็นศาสดาสอนเธอ"
ลูกหลานของหลวงพ่อควรจะจดจำประโยคนี้ไว้ เพราะชีวิตเป็นของไม่แน่นอน
สำหรับคำถาม คำตอบ ที่ได้รวบรวมมาก็ขอยุติแต่เพียงเท่านี้ หวังว่าท่านได้รับความพอใจเป็นอย่างมาก ขอความสุขและความโชคดี จงมีแด่ผู้อ่านทุกท่าน"

</TD></TR></TBODY></TABLE>
-----------------------------------------------------------------------
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

 

โหล..โหล...ทำไรกันอ่ะ....?!!

เยอะเเยะไปหมดเลย

คิดอะไรกันม้าก...มายครับพี่น้อง

เครี๊ยดดดด..เครียด

อ่ะ....ว่างต่อ

 

อย่าได้สนใจใน ความรู้และความสงสัย ของผู้อื่นเลย มิได้เกิดประโยชน์อันใดหรอก

 

ก็นู๋ไงคะ อริยะ จิตสะอาด ว่าง ขาว โอโม่ และ รักเด็กคะ