ต่างกันยังไงระหว่างวิริยาธิกะพิเศษกับวิริยาธิกะ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย tutong, 13 มิถุนายน 2014.

  1. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +2,226
    เห็นด้วยครับ .. บอกตรงๆ ครับ หลังจากที่ผมเริ่มตั้งความปรารถนานี้

    ผมเห็นโลก ยังพร่องอยู่ตลอดครับ .. มองไปที่ไหนๆ ก็มีไปหมดครับ

    มีมากต่อมากที่ร้องขอหรือต้องการให้คนมาช่วยเหลือ แม้ไม่ได้พูดออกมาก็ตาม
    (พี่ PCO_ ก็ยังขอเลย ใช่มั๊ยครับ .. อิอิ .. ผมก็ขอครับแต่อาจจะขอคนละแบบ คือ ขอไปช่วยคนอื่นได้ครับ)
    .....

    เพราะฉะนั้น การลงมาช่วยโลกระหว่างบำเพ็ญบารมีนี้หละครับ .. ผมเล็งไว้แล้ว
    (แล้วก็ขอไว้แล้ว .. อืม .. อ้าว ขอเหมือนกัน .. อิอิ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2014
  2. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    ขอบคุณคุณ aries สำหรับคำแนะนำดีๆนะคะ ^__^

    ตรงนี้อาจจะมองอีกมุมนึงต่างจากท่านอื่นๆนะคะ(ไม่ว่ากัน แฮ่ๆ) คือพอได้อ่านข้อความของคุณ aries แล้วเกิดอาการฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า จริงๆแล้วอารมณ์คิดพิจารณาที่ว่านี้มันเป็นกำลังใจของผู้ปรารถนาพุทธภูมิที่สำคัญยิ่งคือ "ทุกข์ของตนไม่มีความหมาย แต่ทุกข์ของชาวประชาทั้งหลายเป็นภาระของเรา" ถือเป็นพรหมวิหารธรรม ๔ ที่ผู้ปรารถนาพุทธภูมิจะต้องมีอยู่ประจำจิตใจ

    และมุมมองต่างๆที่กล่าวมา ล้วนเป็นวิธีคิดอันเป็นปัญญาบารมีของคุณ aries ที่น่าสนใจและน่าเอาไปใช้เป็นอย่างยิ่งค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังใจที่กอปรไปด้วยขันติ-โสรัจจะ ที่มีความตั้งใจจริงที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ มีความอดทน และนอบน้อมถ่อมตน...

    ทั้งหมดนี้ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกยินดี(อนุโมทนาสาธุ)เป็นอย่างยิ่งค่ะ

    เรื่องบารมี เชื่อว่าเมื่อถึงวาระคุณ aries ก็จะได้ทราบเองคะ (ส่วนตัวก็ไม่ทราบเหมือนกัน หุหุ) แต่ถ้าส่วนตัวแล้ว ค่อนข้างชื่นชมผู้ปรารถนาพุทธภูมิที่มีความตั้งใจจริง มีจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาปรานี อ่อนน้อมถ่อมตน และไม่คิดว่าตนเองดีค่ะ เพราะเราเชื่อว่ามีแต่พุทธภูมิแบบนี้ที่จะมีแต่ความก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้นหากเราได้คบหาสมาคมคลุกคลีด้วย ก็ย่อมจะเป็นเพื่อนที่คอยเตือนสติและเป็นตัวอย่างให้แก่เราได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

    ปล. สำหรับเรื่องการคิดบวกย่อมนำมาซึ่งคิดลบนั้น ส่วนตัวเข้าใจว่าน่าจะเป็นการคิดบวกแบบทางโลก ที่ยังเจือปนอยู่ด้วยกิเลสคือนิวรณ์ 5 ประการเป็นต้นอยู่แหงๆ(ไม่รู้ถูกไหม) แต่ถ้าเป็นอารมณ์คิดพิจารณาใคร่ครวญให้เห็นความจริง(วิปัสสนาญาณ) หรืออารมณ์คิดในกรรมฐานกองต่างๆ อันนี้น่าจะเป็นอารมณ์คิดที่ถูกต้องค่ะ

    (sing)​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2014
  3. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ผมเองก็ต้องอาศัยใบบุญของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์อีกหลายๆท่านเช่นกันครับ เพราะรู้ว่ากำลังตัวเองยังอ่อนอยู่ ถ้าจะให้ลุยเดี่ยวคงไม่กล้าลงมาเท่าไรโดยเฉพาะในยุคที่ไม่ค่อยมีคนดีเขาลงมาบำเพ็ญบารมีกัน ยังต้องติดตามท่านที่มีบารมีมากกว่า มาช่วยกันเยอะๆครับ รู้สึกอบอุ่นและมั่นใจดีครับ
     
  4. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ใช่เรื่องอะไรจะมาเดี่ยวๆ ขืนมาเดี่ยวๆ แค่หมามา ท้ากัดตัวต่อตัวกับมัน จะเอาอะไรไปสู้ เป็นได้เผ่นอ้าวไม่รู้ไปตั้งหลักกิโลเมตรใหน แถมวิ่งก็ยังสู้ไม่ได้อีก

    ผมเองนี่อยู่ในแวดวงนักเลงอันธพาลมามากกับเขาเหมือนกัน แต่ไม่ได้เป็นนักเลงกับเขา ได้แต่เห็นได้แต่ดูเขา บรรดานักเลงทั้งหลายนี่ที่ดูน่าเกรงขามก็เพราะมีกองกำลังคุ้มกัน มันถึงพอเอาตัวรอดได้ แล้วก็ต้องมีสิ่งอื่นๆเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ นักเลงใหญ่กว่าจะออกจากที่อยู่ได้ปลุกตัว ปลุกวิชาอาคมเป็นวรรคเป็นเวรกว่าจะไปได้

    ไปเดี่ยวๆนี่มันต้องไปฉะเพาะกิจเช่นไปอาราธนานิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์ อันนี้ไปเดี่ยวๆไม่ต้องแห่กันไปเป็นฝูง มันไม่มีอันตราย ไม่มีกิจการงานอื่น อย่างมากก็แค่ซื้อโอเลี้ยงถุงสองถุงติดมือกลับมาฝากคนที่บ้าน

    แล้วอีตอนที่พระท่านมาตั้งร้อยองค์ เณรอีกอีกห้าสิบ แม่ชีอีกห้าสิบ มาเจริญพระพุทธมนต์แล้วถวายอาหารเพล เป็นได้วิ่งพล่านเป็นแมวถูกประตูหนีบหาง ก็เราดันไปนิมนต์ซะหมดวัด แล้วดันทุรังทำการต้อนรับคนเดียว แค่พระมาถึงบ้านก็ทำอะไรไม่ถูก

    ไอ้แบบนี้จะไม่ให้อาศัยใบบุญองค์สมเด็จท่านยังไง ไม่อาศัยผู้รู้ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ได้ไง ทำคนเดียวให้ได้นะ ห้ามไปซื้อข้าวห่อมาถวายนะ ต้องทำเองทั้งหมด

    สำหรับผมเองไม่เอาเดี่ยว การเดี่ยวมันต้องเดี่ยวฉะเพาะกิจ พูดอย่างนี้ไม่ใช่เดี่ยวไม่เป็นนะ ธรรมชาติเดิมน่ะ ชอบที่จะเดี่ยวมักน้อยสันโดษ แต่เมื่อต้องทำหน้าด้านพุทธภูมิมันเดี่ยวไม่ได้ ก็ผ่านมาพอสมควรทั้งเดี่ยวทั้งทีม

    เดี่ยวอย่างพ่อพระร่วงโรจนฤทธินี่ หรือเดี่ยวแบบพ่อขุนแผนนี่ถึงจะเดี่ยวได้ดี มันต้องวิชาอาคมระดับนั้นถึงจะน่าเดี่ยว

    เรื่องการขอนั้นต้องขอ ไม่ขอเขาก็หาว่าไม่มีมารยาท เป็นการถือวิสาสะ แล้วอาจจะติดเชื้อความเย่อหยิ่งจองหอง เดี๋ยวรักษายาก เราเป็นศากยะบุตรพุทธชิโนรส มันต้องสมศักดิ์ศรีของลูกมหาเศรษฐี คือองสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พ่อมั่งคั่งขนาดนั้นไม่ขอจากพ่อ แล้วจะเอาที่ใหน ในเมื่อมองไปทางใหนรอบตัวเต็มไปด้วยทรัพย์สินของพ่อทั้งนั้น

    นั่นก็หมายความว่าพระธรรมคำสอนพระองค์ท่านสอนไว้ครบถ้วนหมดแล้ว เราไม่ต้องไปแสวงหาที่ใหนอีก ไม่ต้องไปประดิษย์คิดค้นอะไรขึ้นมา ไม่ว่าเรื่องอะไร พระองท่านทำมาหมดแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์บำเพ็ญมาหมดแล้ว ทั้งทางโลกและทางธรรม ขนาดพระองค์ปัจจุบันท่านรวมทั้งหมด 20 อสงไขยนี่ฝ่ายปํญญาธิกะ ในพระสูตรนี่ว่าช่วงสี่อสงไขยสุดท้ายเป็นส่วนมาก เรื่องราวตัวอย่างยังมากมายจำไม่ไหว แค่ชาดกห้าร้อยชาติเราก็มึนแล้ว แล้วถ้าห้าพันชาติ ห้าหมื่นชาติ แล้วห้าแสนชาติ มันจะเป็นยังไง เรื่องราวจะมากจนาดใหน

    แลัวหากเป็นฝ่ายวิริยาธิกะบ้างล่ะ แปดสิบอสงไขยรวมทั้งหมดที่เข้าเขต สิบหกอสงไขยช่วงท้ายเรื่องราวของท่านจะมากขนาดใหน

    หากเป็นทรัพย์สินเงินทองมันจะกองใหญ่ขนาดใหน นี่คือสมบัติพ่อให้ แค่มีปัญญารักษาทรัพย์ของพ่อให้คงที่ครบถ้วนก็ถือว่าดีหนักหนา

    หากเป็นผม ผมก็ขอเฟอรารี่พ่อนี่แหละเอาไปแต่งซิ่ง ขอสตางค์จากแม่เอาไปเติมน้ำมัน แถมขอสีผึ้งจากปู่ ที่หลวงปู่ปานท่านให้ไว้อีกหนึ่งตลับเอาไว้ไปคุยกับแก้วต่างหมู่บ้าน เข้าไปอ้อนหงิงๆกับท่านตาขอแป้งฝัดหน้าที่หลวงปู่บุดดาให้มานี่เอาไว้เผื่อเจอเพื่อนสาวแก้วจะได้ปะแป้งเขา เขาจะได้เมตตาปราณี

    ยังดีที่ย่ากับยายไปวัด หากอยู่บ้านเป็นได้ขอเข็มขัดนากเขาไปหมั้นสาวเป็นแน่ แถมย่ากับยายนั่นแหละอาจจะต้องเป็นคนไปขอสาวมาให้

    นี่การรู้จักขอ ผมว่ามันดีกว่า การไม่รู้จักขอนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กรกฎาคม 2014
  5. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ขอขอบคุณที่ให้กำลังใจผมนะครับ คุณ White Sage ผมเองก็ยังถือว่าต้องเรียนรู้อีกมากครับ บางเรื่องผมก็คิดแบบลูกทุ่งจากสิ่งที่ประสบพบเห็น ถ้าเราหมั่นสังเกตและศึกษาสิ่งต่างๆรอบตัวเราก็จะพบกับความจริงหรือสัจธรรมบางอย่างได้เอง แล้วแต่ว่าเราสนใจจะค้นคว้าในด้านไหน อย่างไร

    สำหรับเรื่องการคิดบวก คิดลบ เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งครับ

    มุมมองเหล่านี้มีความสำคัญในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ครับ ลองเปลี่ยนคำว่าคิดบวกเป็นคิดดี และคิดลบเป็นคิดชั่วดูนะครับ แล้วจะเข้าใจว่าคนดีกับคนชั่วนั้นแตกต่างกันที่ระบบวิธีคิด และวิถีในการดำเนินชีวิต

    โดยปกติแล้วมนุษย์ปุถุชนโดยทั่วไปจะมีความคิดไปใน 3 แนวทางหลักๆ คือคิดดี คิดชั่ว คิดแบบกลางๆ(ไม่ดีไม่ชั่ว)

    เวลาคิดดีธรรมภาคพระก็ปกครองเรา ส่งเสริมสนับสนุนให้เราทำความดี เมื่อทำความดีสำเร็จก็ได้ผลกรรมดีตอบแทน

    เวลาคิดชั่วธรรมภาคมารหรือภาคบาปอกุศลก็ปกครองเรา ส่งเสริมสนับสนุนให้ทำความชั่ว เมื่อทำความชั่วสำเร็จ ก็ได้ผลกรรมชั่วตอบแทน

    เวลาคิดแบบกลางๆ(ไม่ดีไม่ชั่ว) ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน

    ความคิดของเรานั้นมักจะถูกธรรมสามฝ่ายปกครองใจอยู่เสมอ
     
  6. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ของพี่Amarmyอ่านแล้วไม่ต้องแปล พี่พูดชัดมาก เส้นทางนี้พวกเรารู้ เต็มไปด้วยทุกข์ด้วยยาก หากจะเผ่นไปคนเดียวง่ายมากแบบคนที่ยืนข้างทางขึ้นประตูรถไฟ หากจะขึ้นขบวนเองก็ไม่ต้องหันมามองข้างหลังมองไปที่ทางขึ้นแล้วก็ก้าวขาขึ้นไป หากจองตั๋วไว้แล้วก็แค่เดินไปนั่งไปนอนในที่ของตัว แต่เพราะหมู่ญาติยังมัวทอดแหหาปลาขึ้นต้นตาล ทั้งทำไร่แล้วก็ยังไถนาไม่เสร็จเลย จะลากเอามาขึ้นขบวนกับเขาก็มัวห่วงทั้งกระแช่ และน้ำตาลเมา ไอ้บ้างยังคาบขวดนมเพิ่งจะหิ้วกระเป๋าไปโรงเรียน น้องนางบ้านนาก็เพิ่งจะก่อไฟในเตาหุงข้าว นี่หากพี่ PCO ก้าวขึ้นขบวนรถไฟของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ขอนั่งไปที่ขั้นบันได ค่อยไปหาที่นั่งที่นอนเอาข้างหน้า ไปซะตั้งแต่อยู่สำนักสงฆ์เขาปลายฌาณ อ.บ้านไร่ จ. อุทัยธานี ประเทศไทย เอเซียใต้ ป่านฉะนี้หมู่ญาติ และน้องนางบ้านนา น้องนางในกรุงคงจะร้องไห้แงๆ หาคุณพี่PCOไม่รู้ว่าหายหัวไปใหน

    หากว่ามารู้ทีหลังว่าเผ่นไปกับขบวนของหลวงพ่อแล้ว โดยไม่บอกกล่าวร่ำลาใครสักคำ พวกเขาก็คงจะพากันมายืนมองไปตามรางรถไฟ ร้องแงๆ กันเป็นแถว เป็นที่น่าเวทนาของมหาชนทั่วไปที่เขาไปรู้เรื่องอะไรด้วย อาจจะมองว่าพวกนี้มันร้องหาเพชรหาพลอยหรือไงร้องอยู่ได้

    เดี๋ยวมาต่อครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1452.JPG
      DSCN1452.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.2 MB
      เปิดดู:
      73
    • DSCN1445.JPG
      DSCN1445.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      60
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 กรกฎาคม 2014
  7. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    หากว่าขบวนรถออกจากสถานีไปแล้ว ลูกเมียมาไม่ทันขบวน ลูกเล็กๆยังช่วยเหลือตัวเองอะไรไม่ได้ ยืนมองรถไฟ ที่พ่อไปกับขบวนรถแล้ว ทิ้งให้ทุกคนหาทางไปเอง ทั้งที่ลูกยังเล็กนัก สภาพพวกเขาจะเป็นไง

    จริงอยู่ยังมีคนที่ยังไปไม่ทันขบวนรถเป็นจำนวนมาก นับไม่ถ้วน แต่คนเหล่านั้นไม่ได้มีความหมายเท่ากับพ่อแท้ๆของเขาหนึ่งคน ลูกคนอื่นเป็นไงผมไม่รู้ใจเขา แต่ลูกๆของผมใจของเขาคิดแบบนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 กรกฎาคม 2014
  8. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    จะมีความหมายอะไร หากว่าคนที่นั่งรออยู่นี่ทั้งหมด มีแต่คนแปลกหน้า ไม่มีพ่ออยู่ด้วยเลย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2133.jpg
      DSCN2133.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118.7 KB
      เปิดดู:
      55
    • DSCN2132.jpg
      DSCN2132.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.8 KB
      เปิดดู:
      46
    • DSCN2128.jpg
      DSCN2128.jpg
      ขนาดไฟล์:
      140.1 KB
      เปิดดู:
      69
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 กรกฎาคม 2014
  9. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    แต่ถ้าพ่อยังอยู่เขารู้สึกว่าอบอุ่น มีความสุขตามอัตภาพประสาเขา รถไฟจะผ่านไปสักกี่ขบวน หรือรถโดยสารอื่นจะผ่านสักเท่าไร ก็ไม่มีความหมายเท่ากับมีพ่อ ที่ยังอยู่กับพวกเขา

    แล้วหากพ่อยังอยู่และพาเขาไปด้วย หรือพ่อส่งเขาไปก่อนล่วงหน้าะจเป็นไง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06116.JPG
      DSC06116.JPG
      ขนาดไฟล์:
      121.5 KB
      เปิดดู:
      84
    • CIMG4157.JPG
      CIMG4157.JPG
      ขนาดไฟล์:
      68.7 KB
      เปิดดู:
      60
    • DSC09548.JPG
      DSC09548.JPG
      ขนาดไฟล์:
      40.2 KB
      เปิดดู:
      73
    • DSC02670.JPG
      DSC02670.JPG
      ขนาดไฟล์:
      148.3 KB
      เปิดดู:
      80
    • DSC02675.JPG
      DSC02675.JPG
      ขนาดไฟล์:
      132.1 KB
      เปิดดู:
      75
    • DSC09539.JPG
      DSC09539.JPG
      ขนาดไฟล์:
      48.9 KB
      เปิดดู:
      73
    • DSC09547.JPG
      DSC09547.JPG
      ขนาดไฟล์:
      39.3 KB
      เปิดดู:
      67
    • CIMG2387.JPG
      CIMG2387.JPG
      ขนาดไฟล์:
      104.9 KB
      เปิดดู:
      76
    • IMG_1746.JPG
      IMG_1746.JPG
      ขนาดไฟล์:
      97.4 KB
      เปิดดู:
      78
    • IMG_1748.JPG
      IMG_1748.JPG
      ขนาดไฟล์:
      103.8 KB
      เปิดดู:
      87
    • P9200015.JPG
      P9200015.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.1 KB
      เปิดดู:
      79
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กรกฎาคม 2014
  10. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    ทีนี้ผมก็ไม่แปลกใจเสียแล้ว ว่าทำไม ถึงได้มีไอ้หนุ่มหน้ามน มาเหล่ลูกสาวพี่ PCO เรื่อย

    ก็เพราะพี่เล่น โชว์ลูกสาวอวดเขาไว้เสียเพียบเลยนี่เอง ฮ่า ๆ ๆ ๆ

    แหม แต่อย่างว่านะครับ มีแก้วมีเพชรมีพลอย มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องโชว์มั่งรึยังไงครับพี่

    พี่ไม่ทิ้งไว้เล่น ๆ เสียหน่อยล่ะว่า คนไหนจะมาสมัครร่วมขบวนไปด้วยในฐานะ ลูกเขย นี่ต้องทำยังไง ?

    ต้องเป็นคนประเภทไหนกัน ? ต้องมีความประพฤติพื้นฐานเป็นปกติยังไง ?

    ว่าง ๆ ก็โชว์ลูกชายมั่งซี เผื่อมีคนอยากสมัครเป็น ลูกสะใภ้ เขาจะได้เล็งไว้ก่อนรึเปล่าหว่า ฮ่า ๆ ๆ ๆ

    ทิ้งการบ้านไว้ให้พวกเขามั่งซี ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ผมมาล้อกันเล่นนิดหน่อยนะครับ

    มีลูกสาวมากนี่ น่ากลัวจะคิดหนักใจเหมือนกัน


    เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  11. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    555+ จริงค่ะ โดยเฉพาะตรงปล.นี่แหมโดนจังๆ สรุปว่าถ้าลาแล้วยังไงก็ต้องเร่งรัดบารมี แต่ถ้าเป็นพุทธภูมิต่อมันก็ต้องขยันทำบารมีเหมือนกัน เป็นอันว่าไม่แตกต่างกันเลยเพราะไปเส้นทางไหนก็ต้องเจอวิบากเหมือนเดิม

    จริงๆส่วนหนึ่งมันก็มาจากวิบากอ่ะค่ะพี่ แต่อีกส่วนมันมาจากความรู้สึกว่าถ้าต้องเกิดอีกเราก็จะต้องมานั่งรับกรรมทั้งหลายที่เคยทำมาอีก ซึ่งก็ไมรู้ว่าจะต้องมานั่งรับทำไม ดีไม่ดีบารมีกำลังใจไม่เข้มแข็งพอจะพลอยพาจิตใจให้เศร้าหมองร่วงลงนรกไปด้วย บอกตรงๆว่าไม่คิดจะไปแวะเวียนในอบายภูมิอีกแล้วค่ะเพราะกลัวมาก และเหตุที่กลัวก็เพราะความเป็นพุทธภูมินั้นยังไม่เป็นพระอริยเจ้า ดังนั้นประตูนรกยังไม่ปิด หากเกิดพลาดท่าม่องเท่งไปแบบไม่รู้ตัว งานนี้ยาวแน่ๆค่ะ เพราะหนี้ที่คั่งค้างดูท่าจะมากโขอยู่เอาการ :'(

    ที่เห็นได้ชัดๆเลยก็คือ ท่านโตเทยยพราหรมณ์ ที่รอจะตรัสรู้ในอนาคตแล้ว ยังพลาดท่าในตอนเกิดเป็นลูกสุนัขแล้วไปเห่าไล่พระพุทธเจ้า ทำให้ต้องตกนรกยาวไปเลย อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือพระโมคคัลลานะ เพราะก่อนหน้าที่ท่านจะเป็นพระอรหันต์เพียงร้อยกว่าชาตินั้น ท่านก็ยังพลาดไปทำอนันตริยกรรมฆ่าพ่อและแม่ จนต้องตกนรกไปเสียนาน แม้ชาติสุดท้ายกรรมที่ทำไว้นั้นก็ยังตามมาให้ผลอีก

    พอมานั่งคิดดูแล้วไม่ว่าทางไหนก็ต้องทำบารมี เลยต้องมานั่งวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้อยู่รอดปลอดภัยจากอบายภูมิไปเรื่อยๆจนกว่าบารมีจะเต็ม ซึ่งตอนนี้เวลาทำบุญก็จะอธิษฐานเพื่อพระโพธิญาณและพระนิพพานในชาติปัจจุบันค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะขัดกันหรือเปล่า เพราะมันเหมือนกับขัดๆกันยังไงๆชอบกล

    ปล. อ่านสำนวนพี่ PCO เรื่องขึ้นขบวนรถไฟแล้วยิ้มเลยค่ะ อิอิอิ / จะว่าไปแล้วอายุตัวเองเกรงว่าจะเป็นพี่ของลูกพี่ PCO อ่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าจะเรียกสรรพนามแทนว่าอย่างไรจึงจะเหมาะอ่ะค่า ;)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2014
  12. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    คำถามนี้ดูเหมือนง่ายแต่ตอบยากอยู่เหมือนกันครับ การคิดบวกจะว่าไปก็เป็นกิเลสอย่างหนึ่งก็ได้ครับ (เกิดจากจิตปรุงแต่งขึ้นมา) แต่การที่เราจะเดินทางไปให้ถึงฝั่งที่เราตั้งใจไว้ จำเป็นต้องอาศัยกำลังใจและปัญญาความรู้ในการต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆที่ขวางอยู่ข้างหน้า ถ้าเราขาดกำลังใจเสียแล้ว เราก็คงไม่กล้าออกเดินทางไปไหน เพราะกลัวปัญหา กลัวความทุกข์สารพัดอย่างที่ดักขวางทางอยู่ข้างหน้า แล้วเราก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน

    ปัญญาความรู้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่จำเป็นต้องมี เพราะเพียงกำลังใจอย่างเดียวย่อมไม่พอ พอเจอปัญหาที่ยากๆก็ผ่านไปไม่ได้เหมือนกัน (เวลาตัดกิเลสให้ขาดก็ยังต้องอาศัยทั้งสมถะกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน สมถะก็เป็นเหมือนกำลังใจ วิปัสสนา ก็เหมือนปัญญาความรู้จริง จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้)

    ปัญญาความรู้นี่ก็มาได้ 3 ทาง คือ
    ๑. จินตามยปัญญา [ปัญญาสำเร็จด้วยการคิด]
    ๒. สุตมยปัญญา [ปัญญาสำเร็จด้วยการฟัง]
    ๓. ภาวนามยปัญญา [ปัญญาสำเร็จด้วยการปฏิบัติภาวนา]
    ปัญญาความรู้ทั้ง 3 ทางก็มาจากประสบการณ์ทั้งของตนเองบ้างและของผู้อื่นบ้าง ความรู้ที่ได้มาแม้ว่าอาจมีถูกบ้างผิดบ้างก็ตาม ถ้าหมั่นศึกษาค้นคว้าวิเคราะห์ได้ก็สามารถแยกแยะได้ ถูกก็เป็นครูได้ ผิดก็เป็นครูได้

    การบำเพ็ญบารมีที่ยาวนานมากขึ้นเท่าไร ก็ย่อมมีประสบการณ์มากขึ้นเท่านั้น ประสบการณ์ของเราที่มากขึ้นก็เหมือนเป็นกำลังใจและปัญญาความรู้ที่มากขึ้นด้วย

    สรุปว่าการคิดบวก แม้จะมีกิเลสเป็นตัวผลักดันอยู่เบื้องหลังก็ตาม ถ้าให้ผลช่วยในด้านกำลังใจในการทำความดีแล้ว ถือว่ามีประโยชน์กับเราในแง่ของในการบำเพ็ญบารมีได้เช่นกันครับ คล้ายๆกับเรื่องของการอาศัยตัณหาเพื่อละตัณหา

    อาศัยตัณหาเพื่อละตัณหา (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2014
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ปล. สำหรับเรื่องการคิดบวกย่อมนำมาซึ่งคิดลบนั้น ส่วนตัวเข้าใจว่าน่าจะเป็นการคิดบวกแบบทางโลก ที่ยังเจือปนอยู่ด้วยกิเลสคือนิวรณ์ 5 ประการเป็นต้นอยู่แหงๆ(ไม่รู้ถูกไหม) แต่ถ้าเป็นอารมณ์คิดพิจารณาใคร่ครวญให้เห็นความจริง(วิปัสสนาญาณ) หรืออารมณ์คิดในกรรมฐานกองต่างๆ อันนี้น่าจะเป็นอารมณ์คิดที่ถูกต้องค่ะ

    เรื่องการคิดบวกคิดลบนี้ ถ้าจะไม่อธิบายในรายละเอียดต่อไปก็เกรงคุณ White sage จะเข้าใจไม่ตรงกัน ที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็ไม่ได้มีเจตนาจะหาเรื่องให้รบกวนจิตใจนะครับ คงเป็นการแสดงความเห็นในอีกแง่มุมหนึ่ง แล้วก็โปรดอย่าคิดว่าผมไปปรารถนาพุทธภูมิหรือเป็นพระโพธิ์สัตย์เข้านะครับ เพียงแต่ได้เคยรู้เคยเห็นมาบ้าง ดังนี้ครับ...

    สำหรับคนปกติทั่วไปแล้วการคิดบวกเพื่อให้เกิดกำลังใจที่ดีในการดำเนินกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันไปได้ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว จนเมื่อ40ปีที่แล้ว เอ็ดเวิร์ด เดอร์โบโน เห็นว่าคิดบวกอย่างเดียวไม่พอ ต้องคิดบวกแบบ360องศาและต้องคิดสร้างสรรค์ด้วย เป็นการคิดสร้างสรรค์เชิงบวก ซึ่งเป็นเรื่องดีมากครับ ผู้นำประเทศจำนวนมากผ่านการอบรมวิธีการคิดแบบนี้ ไม่เว้นแม้แต่มหาเธย์ 10 ปีก่อนผมก็เคยไปอบรมมา เป็นสิ่งที่ดีมากครับ...แต่มันเป็นการอาศัยปัจจัยภายนอกมาพิจารณาเพื่อเป็นกำลังใจภายในให้กับตัวของเรา...มันจึงเหมือนพระจันทร์ที่สว่างไสวได้ด้วยแสงจากดวงอาทิตย์...

    แต่พระโพธิสัตย์เป็นการเปล่งกำลังใจจากภายในแผ่ออกไปยังภายนอก และเกื้อกูลต่อไปยังคนรอบข้างทั้งหลายให้ได้กำลังใจ เปรียบเหมือนดวงอาทิตย์ที่เปล่งแสงออกมาไม่รู้จักหมดจักสิ้น ดวงจันทร์จึงยังมีมืดมีสว่างเช่นน้ำใจของสามัญชน แต่วิสัยของผู้ปรารถนาโพธิญาณไม่เป็นเช่นนั้นเลย มีกำลังที่เปล่งออกมาโดยไม่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยจากภายนอกคอยเกื้อกูล เป็นที่พึ่งที่อาศัยของบุคคลทั้งหลายได้ นี้เรื่องหนึ่ง...

    เรื่องวิปัสคิด เพื่อจะไปเป็นวิปัสสนานี้อีกเรื่องหนึ่ง เริ่มต้นพื้นฐานเลยต้องเกิดจากการคิดก่อน...แต่การเข้าถึงวิปัสนาญาณได้นั้น ไม่ได้อาศัยความคิดนะครับ จำที่หลวงปู่ดุลย์กล่าวไว้ได้นะครับ ที่ท่านบอกว่า"คิดเท่าไรก็ไม่รู้ หยุดคิดถึงได้รู้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่คิด" คือเริ่มต้นจากการคิดก็จริงอยู่ต่อเมื่อผู้รู้ รู้ทันความคิดแล้วความคิดนั้นจึงดับลง เมื่อสติเป็นผู้รู้คอยตามดูจิตอยู่อย่างต่อเนื่อง จนสมาธิ สติ สัมปชัญญะ ประชุมรวมตัวลงแล้ว สภาวะธรรมอันไม่มีภาษาบรรยายจะปรากฎขึ้น นี้จึงเข้าภูมิวิปัสนาญาณครับ...

    ทั้งนี้เพราะว่าหากอาศัยความคิดแล้วสามารถเข้าวิปัสนาญาณได้จนทำให้บรรลุธรรมได้แล้วนั้น เพื่อนผมที่สอบได้ที่1ของประเทศต้องบรรลุธรรมไปแล้วเพราะคิดได้เก่งมากที่สุดในประเทศ หรือใครต่อใครที่มีความฉลาดมากๆ ต้องบรรลุธรรมไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ข้อเท็จจริงก็หาเป็นเช่นนั้นไม่...นี่ก็เพราะศาสนาพุทธ ไม่ใช่ศาสนาที่บรรลุได้เพราะความคิด ความคิดจากสมอง แต่ศาสนาพุทธบรรลุที่จิต ที่ใจ มโนบุพพังคมาธัมมาฯ..ที่หลวงปู่มั่นกล่าวไว้ เป็นเรื่องจริงโดยแท้ ถ้าหากยังใช้สมองกับวิชาทางพระพุทธศาสนาเห็นทีว่า จะเข้าถึงหัวใจของพระศาสนาไม่ได้ครับ...

    ที่เล่าให้ฟังได้นี่ไม่ใช่ว่าผมเก่งแต่อย่างใด คือผมผิดมาก่อน ผมก็ใช้สมองคิดมาก่อน ผมทำผิดมาเยอะมาก...ทุกวันนี้ก็ยังมีที่ผิดอยู่นะครับ...

    เรื่องกำลังใจของผู้ปรารถนาพุทธภูมินั้น อาจจะเหนือกว่ากำลังความคิดของพวกเราทั้งหลายที่จะล่วงรู้ถึงก็เป็นได้นะครับ เรื่องที่ว่าพระโพธิสัตย์จะเที่ยวขอโน่น ขอนี่ มีเรื่องอะไร เอะอะมาก็วิ่งมาหาแม่ ขอให้แม่ช่วย วิ่งไปขอให้พ่อช่วย อันนี้เห็นจะไม่ใช่นะครับ พระโพธิสัตย์ไม่ใช่ลูกแหง่นะครับ หากจะเปรียบไปพระโพธิสัตย์นี้ ก็คล้ายๆ ชาติเสือ...


    "ชาติเสือ มันไม่ขอเนื้อใครกิน"

    ชาติเสือนี่มันล่าเนื้อกินเองนะครับ เจ็บมาไม่เคยร้องแงๆไปฟ้องพ่อฟ้องแม่ให้ช่วยนะครับ ยิ่งเจ็บมันยิ่งนิ่ง...
    พระโพธิสัตย์ด้วยกันเองก็ไม่ได้ช่วยกันพร่ำเพรื่อหรอกนะครับ เพราะการจะเป็นพระโพธิสัตย์ต้องบำเพ็ญบารมีด้วยกำลังตัวเองครับ ไม่ใช่เที่ยวขอคนโน้นที ขอคนนี้ที ไอ้อย่างนี้เขาไม่เรียกพระโพธิสัตย์นะครับ อย่าไปคิดว่าจะมีพระโพธิสัตย์ขี้ขอ อันนี้รับรองได้ว่าไม่มีเด็ดขาด...คือว่าที่เคยเห็นมานั้นไม่มีครับ...
    แต่เรื่องที่จะไปกราบพระเพื่อขอบารมีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น อันนี้มี แต่นัยยะคือ ขออนุญาตว่าจะไปทำอะไร เป็นการบอกกล่าวด้วยความเคารพ เหมือนนักเรียนจะออกจากห้องต้องขออนุญาตครูก่อน แล้วทำด้วยความเคารพสักการะ เป็นอาการแบบนี้นะครับ...

    ลำพังเรื่องความเมตตาของพระโพธิสัตย์ในเบื้องต้นนั้น ท่านรู้สึกคล้ายๆกับดวงอาทิตย์ คือดวงอาทิตย์นี้จะส่องแสงไปทั่ว ไม่ว่าที่นั้นจะสกปรกหรือสะอาด ที่ต่ำหรือที่สูง ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเป็นสัตว์ ไม่เว้นว่าดีว่าชั่ว ก็สาดส่องไปเสมอกัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

    เหมือนเมื่อครั้งที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า เรารักราหุลเพียงใดเราก็รักพระเทวฑัตเพียงนั้น อย่าไปคิดว่าพอเป็นพระพุทธเจ้าแล้วเท่านั้นแหละ เราจะรักทุกคนเสมอกันไม่เลือกที่รักมักที่ชัง แต่ตอนเป็นพระโพธิสัตย์นี่เราลำเอียงรักลูกรักเมียเรามากกว่า อันนี้ไม่ใช่นะครับ เพราะความเมตตาที่เป็นมหาเมตตาอันไม่มีที่สุดที่ประมาณนี้

    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบำเพ็ญมาแต่ครั้งยังเป็นพระโพธิสัตย์นับเวลาหลายอสงไขยกัปป์มาแล้ว ไม่ใช่พึ่งจะมีมาเอาในชาติที่ตรัสรู้ อันนี้เป็นที่ผมรู้มาเข้าใจมานะครับ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับปฏิปทาของพระโพธิสัตย์ในบอร์ดนี้ ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ของคนที่ไม่ได้ปรารถนาพุทธภูมิอย่างท่านทั้งหลายก็แล้วกันนะครับ...

    สุดท้ายนี้ ส่วนตัวผมก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆต่อใครๆในเรื่องปฎิปทาของแต่ละท่านนะครับ เพียงแต่จะได้เล่าสู่กันฟังถึงปฏิปทาของบางท่านที่ผมเคยสัมผัสอยู่ด้วย ก็เพียงเท่านั้นเอง จะถูกผิดอย่างไร ก็ขอให้เป็นไปตามแต่วิจารณญาณของแต่ละท่านนะครับ สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2014
  14. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พี่Amarmy ลูกผู้ชายนั้นก็มีแล้วก็หลายคน แต่ไม่เคยเอามาโชว์ ขอเอาไว้เป็นกองกำลังคุ้มกันดูแลน้องๆห่างๆ การที่นำพวกลูกๆมาลงนี่ก็เพื่อพอให้เห็นภาพ ในหลายๆเรื่องที่พาเขาทำหลายสิ่งหลายอย่างแทบจะทุกเรื่องก็ไปในแนวเพื่อพระโพธิญาณทั้งทางตรงและทางอ้อม บางเรื่องพูดตรงๆทำตรงๆไม่ได้ ก็พาพวกเขาอ้อมๆ แต่จุดหมายปลายนั้นมีที่เดียว คือพระนิพพานในอนาคตกาล

    ด่วนขบวนพิเศษ คนที่จะไปด้วยมันก็คงจะพอๆกัน อย่างน้อยก็ไม่อยากให้มีโจรร้ายไปสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายบนขบวนรถ อันนี้โดยเนื้อแท้ไม่ว่าขบวนใหนคงไม่มีใครอยากให้โจรร้ายใจอำมหิตไปกับขบวนด้วย ใครจะนอนหลับหากมีโจรไปด้วย อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา

    ในพระสูตรก็มีลูกสาวเศรษฐีเกิดไปรักกับโจร แล้วหนีพ่อแม่ตามไปอยู่กับโจร ท้ายที่สุดก็ถูกทารุณจนทนไม่ไหว ต้องหาอุบายร่ายรำพอได้โอกาสก็ผลักโจรที่เป็นสามีตกเหวตายไป


    ผมเองก็ไม่อยากเห็นลูกๆต้องมีสภาพแบบนั้น ก็จึงได้พยายามหาทางพาพวกเขาสั่งสมในบุญทานกองการกุศลทั้งปวง ขอให้เป็นดังเกราะเพชรที่คลุ้มครองป้องกันพวกเขาให้ปลอดภัย สุขสบายตามอัตภาพของเขาตลอดการเดินทางโดยมีพ่อมีแม่ดูแลเอาใจใส่

    ภาพการเดินทางด้วยรถไฟด่วนพิเศษระหว่างประเทศ ตู้โดยสารชั้นหนึ่งคงจะอธิบายความเป็นพิเศษได้พอสมควร พ่อแม่ญาติมิตรหมู่คณะ และหากใครเขาคิดว่าผมเป็นพรรคเป็นพวก ผมก็มีความต้องการให้เขาโดยสารด้วยตู้นอนชั้นหนึ่งทั้งหมด ขบวนนี้จะตัดที่นั่งชั้นสามออกไป จะตัดตู้นอนชั้นสองออกไป จะมีไว้เพียงตู้โดยสารนอนชั้นหนึ่งเพียงอย่างเดียวเพราะนี่เป็นการเดินทางที่ยาวนาน นั่งไม่ไหวเพราะไกลมาก หากเตรียมการไม่พร้อมคงพากันไปถึงปลายทางได้ยาก

    ส่วนใครจะไปด้วยหรือไม่ไปด้วยนี่ไม่ว่าอะไร ขบวนนี้มีหน้าที่เพียงเตรียมความพร้อมไว้ให้ทุกอย่างถ้าใจมีความพร้อมพอตามกติกาก็ขึ้นมาได้เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กรกฎาคม 2014
  15. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    เห็นด้วยทุกประการค่ะ ความเป็นจริงการคิดบวกแม้จะเป็นการคิดที่ยังเจืออยู่ด้วยนิวรณ์หรือไม่เจืออยู่ด้วยนิวรณ์ก็ตาม หากเป็นการคิดที่ยังอยู่ในกรอบของศีลและทำให้เรามีกำลังใจเพื่อเดินต่อไปทั้งทางโลกและทางธรรมก็ถือว่าดีทั้งนั้นค่ะ :cool: เพียงแต่ที่เขียนมานั้นก็เพื่อขยายเรื่อง"การคิดบวก"ให้แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะให้เข้ากับการปฏิบัติในพระพุทธศาสนาโดยเอาเรื่องนิวรณ์มาจับ อันจะทำให้ง่ายต่อการแยกแยะค่ะ :)

    ปล. ความดีแม้จะเป็นส่วนที่หยาบแต่อย่างไรก็คือคุณงามความดีค่ะ สมควรที่เราจะให้คุณค่าแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ศีล ๕ หรือการคิดบวกที่อาจจะยังเจือด้วยนิวรณ์ ๕ ประการก็ตาม เพราะสิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่การทำความดีขั้นต่อไปในที่สุดจนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน ดังนั้นเราจึงควรยินดีแม้เพียงความดีเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ค่ะ :)
     
  16. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743

    ถ้าเป็นเรื่องคิดบวกคิดลบนี่เห็นด้วยกับคุณ raming2555 ค่ะ เพราะการคิดบวกเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่การทำความดีทั้งปวง แต่ที่แตกแยกย่อยออกมานั้น ก็เพื่อจะเสนอมุมมองในอีกแง่หนึ่งค่ะ

    ซึ่งในเรื่องอารมณ์คิดแบบวิปัสสนาญาณและกรรมฐานกองต่างๆนั้น ส่วนตัวเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์เนื่องจากกรรมฐานทั้ง ๔๐ กองนั้นประกอบไปด้วยอารมณ์ทรงตัวและอารมณ์คิด อีกทั้งวิปัสสนาญาณนั้นก็ต้องอาศัยการคิดพิจารณาใคร่ครวญให้เห็นตามความเป็นจริงเป็นสำคัญ ก็เลยนำมาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังค่ะ

    เพราะในส่วนของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้น ต้องอาศัยการคิดพิจารณาใคร่ครวญเพื่อให้จิตเกิดความรู้สึกตามความเป็นจริง ดังนั้นการคิดก็คือที่มาของวิปัสสนาญาณดังที่คุณกล่าวมาทุกประการค่ะ ดังนั้นในเรื่องของวิปัสสนาญาณ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำอารมณ์ในสมถะกรรมฐานให้ทรงตัวก่อนแล้วจึงค่อยใช้อารมณ์คิดพิจารณาในวิปัสสนาญาณ เพราะหาไม่แล้วอารมณ์นั้นก็จะเป็นเพียงแต่อารมณ์นึกหรืออารมณ์คิดอย่างที่เราเรียกว่าวิปัสสนึกหรือวิปัสสคิดนั่นเอง

    และก็เป็นความจริงอย่างหนึ่งว่าเราจะต้องทำอย่างนี้เรื่อยไป จนกว่าเราจะเห็นตามความเป็นจริงอยู่เป็นปกติซึ่งก็คือการก้าวเข้าสู่การเป็นพระอริยเจ้าแล้วนั่นเอง ดังนั้นถ้าว่ากันโดยละเอียดแล้ว หากเรายังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าเพียงใด ก็ต้องฝึกคิดในวิปัสสนาญาณนี้เรื่อยไป

    สำหรับในส่วนของการขอ ส่วนตัวเห็นด้วยในแง่ที่ว่าการจะเป็นพระพุทธเจ้านั้นจะต้องบำเพ็ญบารมีด้วยตัวเอง เพราะพระโพธิญาณนั้นมิได้ได้มาด้วยอาศัยกำลังของผู้อื่น แต่เรื่องการขอบารมีพระในส่วนที่นอกเหนือจากการบำเพ็ญบารมีด้วยตัวเองนั้น ยอมรับว่ายังเป็นพระโพธิญาณที่กำลังใจไม่ค่อยจะเข้มแข็งนัก จึงต้องกราบอาราธนาบารมีพระและทุกๆพระองค์ให้ทรงสงเคราะห์ในเรื่องต่างๆอยู่ตลอดเวลาคือ ตั้งแต่เช้ามาก็จะอาราธนาบารมีพระคำข้าว พระหางหมาก และวัตถุมงคลอื่นๆอยู่เสมอ แม้ในเวลาเจริญพระกรรมฐานก็อาศัยบารมีพระเป็นสำคัญ เนื่องจากว่าในเรื่องของทิพจักขุญาณนั้น ถือว่าไม่มีใครมีความชัดเจนแจ่มใสเกินไปกว่าพระพุทธองค์ และในระหว่างวันเองถ้านึกขึ้นได้บ้างก็จะพยายามเกาะท่านอยู่เสมอๆมิได้ขาด ซึ่งทั้งหมดนี้มองดูแล้วอาจจะแตกต่างจากที่คุณได้กล่าวมาอยู่บ้าง อาจจะเป็นเพราะว่ายังไม่เข้าถึงความเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีความมั่นคงเข้มแข็งก็เป็นได้ อันนี้ก็ถือว่าเป็นการเล่าสู่กันฟังนะคะ หากมีสิ่งใดที่ไม่เหมาะสมก็ต้องขออภัย และขอขมาต่อคุณ raming2555 มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2014
  17. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,403
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่น่าสนใจของคุณ raming2555 ไว้จะลองไปหาอ่านเรื่องความคิดสร้างสรรค์เชิงบวกของ เอ็ดเวิร์ด เดอร์โบโน ดูบ้างครับ

    พระโพธิสัตว์ที่มีลักษณะพิเศษที่เพียบพร้อมที่คุณ raming2555 เล่ามา หาได้ยากจริงๆครับ ผมเองยังไม่เข้าข่ายนั้นเลยสักนิดเดียว อารมณ์เลวๆก็ยังมีเยอะ ยังต้องอาศัยปัจจัยภายนอกมาช่วยเป็นกำลังใจ และยังต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ที่เก่งกว่าอีกด้วยเพราะผมรู้ตัวเองว่ายังไม่เก่งไปหมดทุกอย่าง ในใจผมคิดแต่เพียงว่าอยากช่วยมนุษย์และสรรพสัตว์ไปตามกำลังของตนเองครับ ค่อยๆสะสมบุญบารมีไปเรื่อยๆ ลักษณะพิเศษบางอย่างที่เราไม่มี เราก็ฝึกฝนให้มีขึ้นมาได้ แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเพิ่มเติมอีกมากก็ตาม

    ผมคิดว่างานช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นความทุกข์และความเดือดร้อนเป็นเรื่องที่ต้องร่วมด้วยช่วยกันเป็นหมู่คณะ เพราะเป็นงานใหญ่มาก ต้องอาศัยกำลังจากหลายๆฝ่ายมาช่วยกัน ส่วนจะช่วยได้มากหรือน้อยก็แล้วแต่กำลังของแต่ละท่าน ใครถนัดด้านไหนก็ช่วยด้านนั้น ซึ่งเป็นการสร้างบุญบารมีร่วมกันไปเรื่อยๆ เมื่อสั่งสมบุญบารมีมากเข้าๆ จนเต็มส่วนทั้ง 30 ทัศน์เมื่อไรก็จะสำเร็จผลเป็นพระพุทธเจ้าได้แน่ครับ ขอเพียงให้มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่แน่วแน่มั่นคง

    ผมเชื่อว่าใจของเราเป็นสิ่งที่อบรมได้ ฝึกฝนได้ครับ แม้จะยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน ถ้าไม่เลิกเสียกลางทางสำเร็จผลได้ทุกท่านครับ

    ป.ล.ในข้อความของคุณ raming2555 (#113) ผมโมทนาในส่วนความรู้ที่เป็นประโยชน์หรือน่าสนใจครับ

    แต่ในบางข้อความที่กล่าว อาจทำให้ท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิที่มีบารมีน้อยกำลังใจยังไม่มาก เสียกำลังใจได้ หรืออาจคิดลาพุทธภูมิไปเลยก็ได้ เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆครับ และคำบางคำที่นำมาใช้แล้วมีความหมายเชิงปรามาสกันจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม ถ้าหลีกเลี่ยงได้กรุณาอย่านำมาใช้เลยครับ ผมขอติงเอาไว้แค่นี้ก็แล้วกันครับ ในส่วนหลังนี้ผมไม่ร่วมอนุโมทนาด้วยนะครับ

    ท่านที่ปราถนาพุทธภูมิที่ตั้งใจไว้ดีแล้ว แม้บารมียังน้อย ผมยินดีในความตั้งใจทำดีเสมอครับ ถือว่ามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ด้วยกันทั้งสิ้น จะเก่งมากน้อยไม่ใช่ปัญหาเลย ทุกอย่างฝึกฝนเรียนรู้เพิ่มเติมกันได้ ขอให้สามัคคีกันช่วยเหลือกันให้ดี อย่าแยกทางกันเดินนะครับจะเสียทีกิเลสมารเขา เพราะจะทำให้การบำเพ็ญบารมียากขึ้นและเสียเวลานานขึ้นด้วย ทุกอย่างมีเหตุและผลรองรับอยู่นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2014
  18. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เมื่อพ่อยังอยู่ ดูแลเขา และพาเขาไปด้วย พ่อจะพาลูกๆทุกคนและหมู่คณะญาติมิตร ไปด้วยการเดินทางแบบนี้

    ภาพการเดินทางด้วยรถไฟด่วนพิเศษระหว่างประเทศ ตู้โดยสารชั้นหนึ่งคงจะอธิบายความเป็นพิเศษได้พอสมควร พ่อแม่ญาติมิตรหมู่คณะ และหากใครเขาคิดว่าผมเป็นพรรคเป็นพวก ผมก็มีความต้องการให้เขาโดยสารด้วยตู้นอนชั้นหนึ่งทั้งหมด ขบวนนี้จะตัดที่นั่งชั้นสามออกไป จะตัดตู้นอนชั้นสองออกไป จะมีไว้เพียงตู้โดยสารนอนชั้นหนึ่งเพียงอย่างเดียวเพราะนี่เป็นการเดินทางที่ยาวนาน นั่งไม่ไหวเพราะไกลมาก หากเตรียมการไม่พร้อมคงพากันไปถึงปลายทางได้ยาก

    ส่วนใครจะไปด้วยหรือไม่ไปด้วยนี่ไม่ว่าอะไร ขบวนนี้มีหน้าที่เพียงเตรียมความพร้อมไว้ให้ทุกอย่างถ้าใจมีความพร้อมพอตามกติกาก็ขึ้นมาได้เลย

    สภาพของภายในตู้โดยสาร ตู้นอน ของด่วนพิเศษระหว่างประเทศ กรุงเทพ-บัตเตอร์เวิตร์ เป็นแบบนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1441.JPG
      DSCN1441.JPG
      ขนาดไฟล์:
      104 KB
      เปิดดู:
      62
    • DSCN1450.JPG
      DSCN1450.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109 KB
      เปิดดู:
      60
    • DSCN1460.JPG
      DSCN1460.JPG
      ขนาดไฟล์:
      114.5 KB
      เปิดดู:
      77
    • DSCN1464.JPG
      DSCN1464.JPG
      ขนาดไฟล์:
      76.1 KB
      เปิดดู:
      73
    • DSCN1481.JPG
      DSCN1481.JPG
      ขนาดไฟล์:
      77.9 KB
      เปิดดู:
      68
    • DSCN1484.JPG
      DSCN1484.JPG
      ขนาดไฟล์:
      83.2 KB
      เปิดดู:
      65
    • DSCN1473.JPG
      DSCN1473.JPG
      ขนาดไฟล์:
      83.9 KB
      เปิดดู:
      54
    • DSCN1472.JPG
      DSCN1472.JPG
      ขนาดไฟล์:
      92.8 KB
      เปิดดู:
      54
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กรกฎาคม 2014
  19. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    หากพ่อยังอยู่

    ข้อเสียของการที่นอนโดยสารไปกับขบวนพิเศษ แถมตู้นอนชั้นหนึ่ง มันมีสถาพแบบนี้ สลึมสลือไม่อยากตื่น ตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้จะทำอะไร พ่อกับแม่ ทำเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ก่อนนอน แล้วก็ยังพาทำอะไรต่อมิอะไรตั้งแต่ยังไม่ลืมตามองดูโลก

    แม่จูงมือพาลูกๆเขาไปในสถานที่แบบนี้

    พ่อดูแลเอาใจใส่ ไม่ห่างอกพ่อโดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หลวงปู่นั่งดูอยู่ข้างหลัง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1490.JPG
      DSCN1490.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.2 KB
      เปิดดู:
      72
    • scan0071.jpg
      scan0071.jpg
      ขนาดไฟล์:
      478.9 KB
      เปิดดู:
      59
    • scan0074.jpg
      scan0074.jpg
      ขนาดไฟล์:
      496 KB
      เปิดดู:
      57
    • scan0073.jpg
      scan0073.jpg
      ขนาดไฟล์:
      512.8 KB
      เปิดดู:
      53
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กรกฎาคม 2014
  20. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    หากพ่อยังอยู่

    ชั้นสองนั่งและนอน มีสภาพแบบนี้ หากลูกๆของผมไปกับพ่ออย่างผม แม้ที่นอนชั้นสองเขาก็ยังรู้สึกอบอุ่น สะดวกสบาย ปลอดภัยตามอัตภาพของเขา นี่ก็ยังอาลัยอาวรณ์ที่นอนของเขาอยู่เลย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2166.JPG
      DSCN2166.JPG
      ขนาดไฟล์:
      94.8 KB
      เปิดดู:
      66
    • DSCN2170.JPG
      DSCN2170.JPG
      ขนาดไฟล์:
      62.1 KB
      เปิดดู:
      72
    • DSCN2178.JPG
      DSCN2178.JPG
      ขนาดไฟล์:
      86.8 KB
      เปิดดู:
      74
    • DSCN2176.JPG
      DSCN2176.JPG
      ขนาดไฟล์:
      89.1 KB
      เปิดดู:
      51
    • DSCN2179.JPG
      DSCN2179.JPG
      ขนาดไฟล์:
      85.9 KB
      เปิดดู:
      73
    • DSCN2172.JPG
      DSCN2172.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109.6 KB
      เปิดดู:
      58
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กรกฎาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...