ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เคยนั่งดูโน่นดูนี่ แล้วปล่อยให้ตัวมันโยกไปเองแบบเพลิน ๆ มั้ย (ไม่ใช่ตอนฝึก) หลังจากอยู่กับความเพลินจนมันเปลี่ยนไปเป็น เบาสบาย ตรงนั้นแหละฌาน 3 แบบลืมตา

    +++ เคยฝึกเดินจงกรมแบบ "ตามรอยพระพุทธบาท ท่าเท้าพระพุทธองค์" บ้างหรือยัง หากเดินได้ดี ๆ เข้าที่แล้วเป็น "สติในฌาน 4" ทั้ง ๆ ที่กำลังเดินอยู่นั่นแหละ
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ 1. กำหนด จิตตน ให้ดูแบบ 15-16 ก็จะเห็นแบบ 15-16
    +++ 2. กำหนด จิตตน ให้ดูแบบ 25-26 ก็จะเห็นแบบ 25-26
    +++ 3. กำหนด จิตตน ให้ดูแบบ 35-36 ก็จะเห็นแบบ 35-36

    +++ ดังนั้น สามารถตั้งจิตให้ดูพวกกายทิพย์เหล่านี้ได้จากอายุประมาณ 15-36
    +++ เคยตั้งจิตให้ดูพวกนี้แบบ แก่กว่านี้ หรือ เด็กกว่านี้ แต่ไม่ปรากฏไปตามที่เรากำหนด
    +++ ดังนั้นสรุปได้ว่า "โอปปาติกะ" เหล่านี้จะปรากฏเฉพาะ "ตัวเต็มวัย" เท่านั้น ไม่มีเด็ก ไม่มีแก่ และดู ไม่มีวัย เพราะตั้งจิตดูตรงไหนก็ได้ ระหว่าง 15-36

    +++ ลองตั้งจิตแบบ "ดูเล่น ๆ" เพื่อเป็นความรู้ย่อย ๆ ประกอบไปเรื่อย ๆ ก็จะละเอียดไปเรื่อย ๆ ได้เอง นะครับ
     
  3. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022


    คุณพี่ธรรม-ชาติ ตอบแบบว่าง่ายแบบจูนช่องทีวีดาวเทียมไร้สาย กะทู้นี้ขอปักหมุดขออย่าให้คุณพี่อย่าหนีไปไหนน่ะ ขอลงทะเบียนเรียนล่วงหน้าถึงขั้น ปริญญาโท

    น่าเห็นใจบางท่านมาสมัครเรียนตั้งแต่แรกๆ แล้วหายจ้อยเปลี่ยนวิชาเรียนไปไหนไม่รู้ สงสัยเพราะตามหาความรู้สึกตัวไม่เจอ:'(

    มีน้อยคนเรียนจบแล้ว ยินดีอนุโมทนาสาธุด้วย:cool::cool::VO

    ส่วนรุ่นพี่ mobilelizard เรียนเชิญเล่าประสบการณ์ ขั้นตอนการไปเที่ยวต่างภพภูมิ เท่าที่ตามอ่านมา ไม่ค่อยละเอียดในขั้นตอนการออก ใช้คลื่นไหน ยังไง:cool:

    ส่วนตัวข้าพเจ้า ขอเรียนการปรับความถี่คลื่นให้ชำนาญก่อน ;aa17
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    คุณพี่ธรรม-ชาติ ตอบแบบว่าง่ายแบบจูนช่องทีวีดาวเทียมไร้สาย

    +++ เราจูนที่ "ตัวเรา" ไม่ได้ไปจูนที่ ตัวเขา ซะเมื่อไร การจูนก็เป็นเรื่อง "หมู ๆ"

    +++ ก็แค่ "อยากเข้าก็เข้า อยากออกก็ออก อยากเพิ่มก็เพิ่ม อยากลดก็ลด อยากอยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น" แค่นั้นเอง

    กะทู้นี้ขอปักหมุดขออย่าให้คุณพี่อย่าหนีไปไหนน่ะ

    +++ ถ้าคอมไม่เจ้ง ถ้าเนทไม่ขาด ถ้าไม่ติดธุระ ก็เจอกันได้เรื่อย ๆ แหละ

    ขอลงทะเบียนเรียนล่วงหน้าถึงขั้น ปริญญาโท

    +++ ไม่เอา ดอกเตอร์ กับ โปรเฟสเซ่อร์ เหรอ

    น่าเห็นใจบางท่านมาสมัครเรียนตั้งแต่แรกๆ แล้วหายจ้อยเปลี่ยนวิชาเรียนไปไหนไม่รู้ สงสัยเพราะตามหาความรู้สึกตัวไม่เจอ

    +++ ก็ตรงนี้เท่านั้นแหละ แต่ผู้ที่ยังไง ๆ ก็ทำไม่ได้ "มีอยู่จริง" ตรงนี้ก็ต้องเข้าใจไว้ด้วย และบางคนก็เป็นประเภท "Mega วิริยาธิกะ" ตัวจริง สร้างความรู้สึกตัวมาเป็นปีแล้ว ก็ยังได้แบบ "แหว่งไป แหว่งมา" ก็มี สงสัย "อธิษฐาน" อะไรไว้แบบไหนก็ไม่รู้ แต่พื้นฐานมักจะมาจากความเชื่อที่ว่า "ปฏิบัติธรรมเป็นของยาก" อะไรพรรณนั้น เลยโดนกฏแห่งกรรมมัดเอาไว้ซะแน่นเลย

    +++ กรรมทั้งหลายมีใจเป็นประธาน ดังนั้น เชื่ออย่างไรก็ย่อมถูกกรรมตามความเชื่อนั้้น ๆ มัดเอาไว้ เอ้อ.... เท่านั้นเอง

    มีน้อยคนเรียนจบแล้ว ยินดีอนุโมทนาสาธุด้วย

    +++ เป็นการจบในภาค "ปฏิโลม" หรือภาค "มหาสติปัฏฐาน 4" เท่านั้น ส่วนภาค "อนุโลม" หรือภาค "มหาปัฏฐาน" เพิ่งเริ่มแบบหมาด ๆ ในช่วงนี้เอง รับรองว่า "ไม่มีสอนในที่อื่น" แน่นอน

    ส่วนรุ่นพี่ mobilelizard เรียนเชิญเล่าประสบการณ์ ขั้นตอนการไปเที่ยวต่างภพภูมิ เท่าที่ตามอ่านมา ไม่ค่อยละเอียดในขั้นตอนการออก ใช้คลื่นไหน ยังไง

    +++ ตรงนี้ให้ mobilelizard มาเล่าก็แล้วกัน เพราะ "ออก" ไปเที่ยวกับ ภพภูมิทัวร์ ทุกวัน

    ส่วนตัวข้าพเจ้า ขอเรียนการปรับความถี่คลื่นให้ชำนาญก่อน

    +++ ปรับที่ "ตน" ไม่ใช่ที่อื่น นะครับ
     
  5. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    ขอลงทะเบียนเรียนล่วงหน้าถึงขั้น ปริญญาโท

    +++ ไม่เอา ดอกเตอร์ กับ โปรเฟสเซ่อร์ เหรอ


    ณ เหตุปัจจัยตอนนี้ ภาระหน้าที่ยังมีค่ะ อีกห้าปีค่อยว่ากันใหม่ ฮาาา

    +++ ปรับที่ "ตน" ไม่ใช่ที่อื่น นะครับ

    ค่ะ พยายามอยู่

    รายงานการฝึก จากที่ลองๆมา วันไหนตั้งใจมาก มักจะไม่ได้เรื่องน่ะ ส่วนวันไหนเล่นๆ ไม่ได้กะเวลาจะต้องทำให้ได้อย่างนั้นอย่างนี้ มักจะไปได้ดีกว่า

    รายงานการฝึก

    ความง่วงอยู่ไหน

    ก็เน้นฝึกความชำนาณก็ไม่ต้องสนใจว่าต้อง ณ ที่ไหน เวลาไหน อยากทำตอนไหนทำเลย

    7.00pm 26 may 2014 ง่วงครั้งนี้เพราะกระเพาะทำงานหนัก กินมาก ตาเริ่มหนักๆ
    เริ่มปิดตามาดูที่ รู้สึกทั้งตัว ถ้ารู้สึกได้ทั้งตัวยังไม่หลับ ยังไม่หมดสติ
    ง่วงมากขึ้น สติเริ่ม รู้สึกไม่ได้ทั้งตัว รู้สึกเหมือนกันแต่อ่อนมาก
    เกิดปิติตัวอื่นขึ้นมา คือ เท้ากระตุ๊ก และตัวโยกปรากฎ
    ยื้อกันไปยื้อกันมา รู้สึกทั้งตัวเริ่มแรงกว่า ความง่วงหายไป
    ตื่นลืมตามาสดชื่นอีกครั้ง

    "ความรู้สึกตัว" ทำให้รู้ได้ชัดทุกชอตจริงๆ ด้วย


    เทคนิคการฝึก รู้สึกตัว ของตัวเองตอนนี้คือ ออกกำลังกายเอโรบิคแบบช้า โยคะเบสิคๆบ้าง ตามดูตามรู้ อาการต่างๆ ไปเรื่อย ไม่เพ่ง ไม่เร่ง แต่ก็ไม่ติดต่อกันทั้งวันนะ เพราะจิตมันเคยเสพอารมณ์ตามใจกิเลส ก็มีมั้งไหลไปตามเรื่อง

    การเร่ง นี่เท่าที่ทำมา ต้องโฟกัสสิ่งใดสิ่งหนึ่งก่อน แต่ต้องแบบไม่เพ่ง ปล่อยไปเรื่อยๆ ยังไม่สามาร เข้าปุป เร่งเต็มพิกัดปัปได้ค่ะ ต้องแบบปล่อยอารมณ์เบาๆ สักพักถึงเข้าได้


    มีคำถาม ถามเผื่อคุณ mobilelizard ด้วย

    พี่ค่ะ ความชัดของภาพ เท่าที่เคยมีประสบการณ์ ก็เหมือนทีวีขาวดำ หรือ ขาวดำ มัวๆเห็นสีหน่อยหรือแจ่มใสมากดังภาพสีทีวีภาพสี
    หรือเสมือนจริงที่ได้สัมผัสทั้ง กลิ่น ร้อน เย็น เห็นได้ระยะใกล้ ไกล วงแคบ วงกว้าง

    ขั้นนี้ปรับยังไง เกี่ยวกับความสะอาดของจิตไหม หรือเกี่ยวกับ ณานที่ได้ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2014
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    ก็เน้นฝึกความชำนาณก็ไม่ต้องสนใจว่าต้อง ณ ที่ไหน เวลาไหน อยากทำตอนไหนทำเลย

    +++ ถูกต้อง หลักที่สำคัญที่สุดคือ "ทำให้เป็นนิสัย" (ให้เลียนแบบ "คำขอบวชของพระ คือ คำขอนิสัย")

    7.00pm 26 may 2014 ง่วงครั้งนี้เพราะกระเพาะทำงานหนัก กินมาก ตาเริ่มหนักๆ เริ่มปิดตามาดูที่ รู้สึกทั้งตัว ถ้ารู้สึกได้ทั้งตัวยังไม่หลับ ยังไม่หมดสติ ง่วงมากขึ้น สติเริ่ม รู้สึกไม่ได้ทั้งตัว รู้สึกเหมือนกันแต่อ่อนมาก เกิดปิติตัวอื่นขึ้นมา คือ เท้ากระตุ๊ก และตัวโยกปรากฎ ยื้อกันไปยื้อกันมา

    รู้สึกทั้งตัวเริ่มแรงกว่า ความง่วงหายไป ตื่นลืมตามาสดชื่นอีกครั้ง

    +++ ตรงนี้แหละที่ฝ่าด่านความง่วง ที่เรียกว่า "ถีนมิทธะ" อันเป็นนิวรณ์ตัวสุดท้าย หากสามารถอยู่ต่อได้ก็จะอยู่ใน "อัปปนาสมาธิ" (ฌาน) ไปเลย

    "ความรู้สึกตัว" ทำให้รู้ได้ชัดทุกชอตจริงๆ ด้วย

    +++ อะไร คิอ ความรู้สึกตัว

    +++ ความรู้สึกตัว คือ "สัมปชัญญะ" ซึ่งจะมีคุณสมบัติ ดังนี้

    +++ 1. สาตกสัมปชัญญะ = รู้การกำหนดของจิต
    +++ 2. โคจรสัมปชัญญะ = รู้ในปัจจุบันแห่งขณะจิต
    +++ 3. สัมปายสัมปชัญญะ = ไม่มีทุกข์สามารถอยู่เช่นนั้น ก็อยู่ได้
    +++ 4. สัมโมหสัมปชัญญะ = รู้วาระจิตที่ผ่านมาแล้ว และสามารถดึงกลับมา (ระลึก-ตรึง-ปรากฏ) เพื่อ ธัมมะวิจัยยะ ได้)(Map จิตตน และ จิตท่าน)

    +++ จากข้อ 3 ตรงนี้ชี้ให้เห็นได้ว่า "สัมปายสัมปชัญญะ" คือ "สัมปชัญญะ ที่ผ่านลงมาในฌาน" เรียบร้อยแล้ว อาการ "อยู่เช่นนี้ก็อยู่ได้" นั้น กำลังจะพัฒนาเป็น "ความเพลิน" ของฌาน 2 ก่อนเข้าสู่ ความสุขกายสบายใจ "โล่ง โปร่ง เบาสบาย ใสเป็นแก้ว" ของฌาน 3

    +++ ดังนั้น "กายที่เกิดออกมาจาก ความรู้สึกตัว" นี้จึงเป็น "กายแห่ง สัมปชัญญะ" เรียกว่า "กายเวทนา" จึงมีขีดความสามารถมากกว่า การถอดกาย แบบธรรมดามาก

    เทคนิคการฝึก รู้สึกตัว ของตัวเองตอนนี้คือ ออกกำลังกายเอโรบิคแบบช้า โยคะเบสิคๆบ้าง ตามดูตามรู้ อาการต่างๆ ไปเรื่อย ไม่เพ่ง ไม่เร่ง แต่ก็ไม่ติดต่อกันทั้งวันนะ เพราะจิตมันเคยเสพอารมณ์ตามใจกิเลส ก็มีมั้งไหลไปตามเรื่อง

    +++ ให้ฝึกแบบ อยู่กับ "ความรู้สึกตัว" หรือ "กายเวทนา" แล้วค่อย ออกกำลังกาย โดยมี กายเวทนา อยู่ข้างในเสมอ ก็จะพบ "ปรากฏการณ์" ใหม่ ๆ ได้อีกมาก

    การเร่ง นี่เท่าที่ทำมา ต้องโฟกัสสิ่งใดสิ่งหนึ่งก่อน แต่ต้องแบบไม่เพ่ง ปล่อยไปเรื่อยๆ ยังไม่สามาร เข้าปุป เร่งเต็มพิกัดปัปได้ค่ะ ต้องแบบปล่อยอารมณ์เบาๆ สักพักถึงเข้าได้

    +++ การเร่ง ให้ฝึก "เร่ง" ตรง ๆ ที่ กายเวทนา ค่อยเป็นค่อยไป ไม่น่าจะเกิน 10 ยก ก็น่าจะทำได้แล้ว

    +++ ส่วนคำถามของคุณ mobilelizard ก็ให้รอคุณ mobilelizard มาตอบ จะได้เป็นการ "ฝึก" ตอบโดยใช้ภาษาให้ ตรงกับอาการ ไปในตัวด้วยย นะครับ
     
  7. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ความชัด สำคัญสองอย่าง
    1.กายทิพย์ที่ตัวเองใช้ในการเห็น
    2.กำลังสติ

    กายทิพย์ที่ใช้ถ้าพลังไม่มากพอ จะเห็นไม่ชัด เบลอๆ มัวๆ เผลอๆ เห็นแป๊บๆ ก็กลับร่าง ไม่งั้นก็ตกภวังค์ ไม่สามารถไปไหนได้ไกลอยู่แถวๆ นั้น กายแบบนี้ เสียเวลาทำอะไรไม่ค่อยได้ ถ้าใช้พลังอะไรลงไปตอนอยู่ในกายนี้พลังจะหมดหวบง่ายๆ และตามด้วยกลับร่าง หรือภวังค์

    ดังนั้นควรใจเย็นๆ เพราะถ้าฝึกตามคุณธรรมชาติ อยู่กับฌาน 2 จนมันซ่านไปทั้งกายเต็มที่จนในที่สุดกลั่นมาเป็น ฌาน 3 กายเบาและสุข จะเป็นกายที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว ถ้าถอดออกไปจากกายนี้จะเห็นชัดเจน บวกกับกำลังสติที่ตั้งมั่นจะยิ่งเห็นชัดและละเอียดเข้าไปอีก ดังนั้นที่ว่าเกี่ยวกับฌานด้วย นั้นถูกต้อง

    ผมดูคุณ Apinya17 ผมว่าอีกหน่อยต้องเป็น "นักเที่ยว" แน่ ผมจะคอยฟังประสบการณ์นะครับ
     
  8. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022

    อืม ณ จุดนี้ รู้สึกว่าอิ่มน่ะ "นักเที่ยว" แม้แต่ในโลกปัจจุบันนี้ยังไม่อยากออกจากบ้านไปไหนเลยถ้าไม่มีเหตุจำเป็น เพราะในชีวิตจริงไปมาหลายประเทศมาก มันรู้สึกว่า ก็งั้นๆ แหละ เบื่อการเดินทาง ไม่จบไม่สิ้นสักที ไม่รู้เหมือนกันคำว่าตื่นตาตื่นใจมันหายไปไหนหมด ส่วนกายฝันก็เหมือนกัน มันก็ฝันอยู่นั่นแหละ เหมือนละครไม่รู้จักจบ
     
  9. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    lucid dreaming ประสบการณ์ตื่นในความฝัน June 3 2014

    เนื้อหาต่อไปให้ ขอให้ท่านผู้อ่าน อ่านเพื่อความบันเทิงนะค่ะ อาจจะหาสาระไม่ได้โปรดใช้วิจารณญานของท่าน


    ฝันค่ะ ตอนเช้านี้หลังจากหลับได้เต็มอิ่มดี ตื่นมาตีห้ากว่าๆ เข้าห้องน้ำ มาหลับต่อ ยังไม่ถึงเจ็ดโมง
    ก็หลับไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ มารู้อีกทีว่า ตัวเอง ขี่สกู๊ตเตอร์สีแดงเข้าไปในเมือง

    ตอนเข้าไปในเมือง ก็ผ่านถนน เห็นรถผ่านไปมาเป็นปกติ เห็นคนมากมายยืนโบกรถ ไม่แน่ใจว่าโบกรถอะไร รถโดยสาร หรือ โบกให้รถให้จอดรับ เราก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะเราขี่สกูตเตอร์ถ้าไม่ใช่คนรู้จักก็ไม่ให้ซ้อนท้ายไปด้วยหรอก แต่คนเหล่านั้นดำๆ ไม่เห็นหน้าตาเหมือนเงาดำๆ ทึมๆ มืดๆ แต่สภาพอากาศตอนนั้นมืดๆ ทึมๆ ครึ้ม สลัวๆ ก็ไม่ได้สนใจเขาทั้งหลายเหล่านั้น

    พอถึงในเมือง ซึ่งเป็นตึกรามบ้านช่อง ปกตินี่แหละ เหมือนในเมืองใหญ่ๆ สภาพอากาศเปลี่ยนไป เห็นได้ชัดขึ้น เห็นสิ่งปลูกสร้างทันสมัย ตอนนี้สกู๊ตเตอร์หายไปไหนไม่รู้แล้ว เดินๆ ดูโน้นดูนี่ เจอ ร้านอาหารไทยเปิดใหม่ "ชื่อร้าน บ้านสวน" ใหญ่โต โอ อ่า ทันสมัยมาก ถามคนแถวนั้นเพิ่งจะมาเปิด เราก็อยากจะทำงาน พอดีเจอผู้ชายคนนึงแต่งตัวดีผูกไท เขาบอกพรุ่งนี้มาสมัครสิ ตอนสี่โมงเย็น พอคิดจะกลับไปเอาวุฒิบัตรที่บ้านเท่านั้น เหมือนกับว่าตัวเอง เดินหลงอยู่ในเมืองนั้น เป็นตึก ซอกซอย เดินไป เดินมา วนเวียน ไม่รู้ทางออก อ้าว ตอนนี้รู้ตัวแล้ว ว่าหลงอยู่ในแดนฝัน อ้าวจะไปทางไหนดีเนี่ย วนไปวนมา ทำไมไม่ตื่นสักทีเนี่ย เจอแต่ถนน ตึก กำแพง เอาละ ปีนกำแพงละกัน พอปีนกำแพง เจอเหมือน สนามหญ้ามีรางรถไฟผ่านแต่รถไฟมาแต่หัวรถจักร สภาพอากาศอึมทึมอีกแล้้ว อ้าว ก็เลยคิดในใจ ตอนนั้นห้าวหาญไม่มีความกลัว คิดว่าตัวเองเป็นลูกหลวงพ่อ … เป็นหลานหลวงปู่ …. ท่องพุทโธ จะกลัวอะไร (พอตื่นแล้วมานึกอีกที แหม เก่งสะไม่มี ไอ้ลูกหมู ดีนะไม่ติดอยู่ที่นั่น บารมีตัวเองมีที่ไหนกัน ที่รอดมาได้ก็เพราะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ประมาทโดยแท้ๆ เลย)

    เดินตัดสนามหญ้า ไปเจอกำแพงอีกทีนี้ก็ปีนกำแพงพอปีนกำแพงข้ามไปได้ ก็เจอถนน เจอตึก เจอคนนึงคน เห็นตึกมี มีเสื้อผ้าตากราวตากผ้าด้วย
    เจอคนนึงคนนั้นก็เลยถามว่า จะออกจากที่นี่ไปด้วยกันไหม ถ้าไปให้ท่องพุทโธ ไปด้วยกันน่ะ ตานั่นก็ไปด้วย เดินๆ ไป ทางแคบลง แคบลง เห็นกลุ่มคนเดินสวนเข้ามาหลายคน แต่เราไม่ได้หยุดถาม เพราะเห็นประตูทางออกรำไร พอถึงประตู เจอคนเฝ้าประตู เป็น หญิงรูปร่างอวบเตี้ย เราว่า อ้าว ก็ทางเราเข้ามาทางนี้ แล้วเป็นทางออกหรือ หญิงคนนั้นว่าใช่ แล้วเราก็ถามว่า อ้าว แล้วสกูตเตอร์เราไปไหน
    เธอก็บอกว่า เขาเอาไปนานแล้ว แล้วยื่นกระเป๋าพร้อมมีธนบัตรในนั้นให้ แล้วบอกว่า ค่ารถ ให้หยิบเอา
    เราก็ตั้งใจหยิบแค่ สองพัน แต่พอคลี่ดูเป็น สองพันหนึ่ง แล้วก็ตื่น แต่เพลียจังเลย


    โอยย ฝันอะไรจะนานขนาดนี้เนี่ย
    หุ หุ เกือบได้เป็นสัมพเวสีแล้วนี่
    ไม่รู้ตาคนที่ตามมาด้วย ไปเกิดที่ไหน

    เพิ่งเข้าใจว่าติดอยู่ในภพภูมิ จริงๆ ก็ติดอยู่แล้วน่ะ หลายกัป แล้วด้วย

    " รู้ตัวว่าติดอยู่ในภพภูมิยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ติดอยู่ในภพภูมิแบบไม่รู้ตัวสิน่ากลัวกว่า" ได้เกิดอีกหลายกัปแน่ๆ เลย:boo::boo:


    สงสัยเพราะผลของการ "ฝึกแช่" แน่ๆ เลย ถึงฝันได้ยาวนานมาก จำได้มาก แต่คราวนี่ขาดความแจ่ม
    หรือดันไปในภพภูมิที่อึมครึมกันแน่
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    สงสัยเพราะผลของการ "ฝึกแช่" แน่ๆ เลย ถึงฝันได้ยาวนานมาก จำได้มาก แต่คราวนี่ขาดความแจ่ม หรือดันไปในภพภูมิที่อึมครึมกันแน่

    +++ "แช่" ก็คือ "อยู่" ถ้าอยู่แล้วดี ก็อยู่ไป แต่ถ้า อยู่แล้วไม่ดี ทำไมไม่เผ่น "ย้าย" ซะให้เรียบร้อยล่ะ ในเวลาฝึก ให้ฝึก "เข้า-ออก-เร่ง-ผ่อน-แช่" ให้ครบทั้ง 5 ประการ จนเป็นนิสัย

    +++ ที่เล่า lucid dreaming มานี้ชี้ให้เห็นได้ว่า ยังไม่มีนิสัยในการ "เข้า-ออก-เร่ง-ผ่อน-แช่" มันก็เลยเป็นฝันแบบ เลยตามเลย เวลาจะฝันครั้งต่อไป "ให้รู้สึกตัวในขณะฝันด้วย" แล้วจากนั้นให้ฝึก "เข้า-ออก-เร่ง-ผ่อน-แช่" ในขณะที่ "อยู่" ในฝันนั้นด้วยนะ จะมันส์...... กว่านี้แยะ

    เพิ่งเข้าใจว่าติดอยู่ในภพภูมิ จริงๆ ก็ติดอยู่แล้วน่ะ หลายกัป แล้วด้วย " รู้ตัวว่าติดอยู่ในภพภูมิยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ติดอยู่ในภพภูมิแบบไม่รู้ตัวสิน่ากลัวกว่า" ได้เกิดอีกหลายกัปแน่ๆ เลย

    +++ ใช่ แค่หลายกัป ยังไม่เท่าไร แต่น่าจะข้ามอสงไขยไปเลยมากกว่า ดังนั้น ในเวลาที่ไม่มี "กาย" (เครื่องอยู่ของจิต หรือ รู้สึกตน) มันก็ย่อมไปตามลมเพลมพัด อย่างนี้แหละ sample จาก lucid dreaming คงพอเป็นอุธาหรณ์ได้บ้างนะ

    +++ หัดฝึก "รู้สึกทั้งตัวจนกว่าจะหลับ" ก็จะ รู้อะไรมากขึ้นไปเองเรื่อย ๆ นะครับ
     
  11. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    ขอบคุณค่ะพี่ ยังไม่คล่องค่ะ ถ้ากำหนดมากไป มันไม่ฝันเลยค่ะ

    หรือไม่ก็อีกแบบ คือรู้ว่าฝันปุป ตื่นลืมตาปัปเลย ยังไม่พอดีเลย หุ หุ ขอแก้ตัวแบบขุ่นๆค่ะ ว่าฝึกแค่อาทิตย์เดียวเอง


    มิน่า พวกที่มืดๆ โบกไม้โบกมือ นั่นคือไม่รู้ที่ไป ติดแต่อย่างนั้น น่ากัวจริงๆ ถ้ามาติดตรงนี้ สงสัยรอผู้มีแสงสว่างผ่านมาเมตตา

    แต่ดูเหมือนผู้คนที่อยู่ในบ้านเมืองนั้นเขาก็อยู่กันปกติในมิติแบบนั้น หรือเขาไม่รู้ตัวกันว่าอยู่ ณ ที่ไหน เหมือนอยู่บ้านตนเอง
     
  12. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    สวัสดีค่ะ

    หายไปนานเพราะป่วยค่ะ แต่ก็เข้ามาอ่านอยู่เสมอ ช่วงนี้นั่งสมาธิน้อยมากค่ะ แต่ก็ฝึกทำความรู้สึกตัวให้ทั่วทั้งตัวอยู่

    สังเกตุว่าเริ่มไล่ดูทีละจุดได้มากขึ้นแต่ต้องอยู่ในอริยาบทใดอริยาบทหนึ่ง ถ้าขยับก็จะจับอะไรต่อไม่ได้เลยเพลินไปกับงานสิ่งที่ทำ จิตไม่ส่งออกไปมากเหมือนเมื่อก่อน ความคิดมีน้อยลง ส่วนใหญ่จะจดจ่อกับสิ่งที่ทำทุกอย่าง ไม่ได้อยู่กับรู้มากนัก ก่อนนอนจะทำความรู้สึกให้ทั่วทั้งตัวทำได้แป๊ปเดียวเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้ต่ะ ไม่ถึง5นาทีช่วงนี้หลับง่ายมากค่ะ

    ช่วยแนะนำแก้ไขด้วยค่ะอาจาร์ย
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    ขอบคุณค่ะพี่ ยังไม่คล่องค่ะ ถ้ากำหนดมากไป มันไม่ฝันเลยค่ะ

    +++ ถ้า "อยู่กับความรู้สึกตัว" จะไม่ฝัน ตรงนี้เป็นธรรมชาติที่ถูกต้อง แต่จะเกิดปรากฏการณ์ "ถอดกาย" แทน เรียกว่า "ไม่ได้ฝัน แต่ถอดกาย"

    *** อะไรคือ "กาย" ***

    +++ กาย คือ สิ่งที่ "จิตยึดถือเอาเป็นตน" หรือ เรียกว่า "สิ่งที่จิตอยู่" ก็ได้
    +++ กาย ที่จิต "อยู่" ในนั้น จะเรียกว่า "วิหารธรรม" ก็ได้
    +++ เฉพาะ "กายที่เป็นวิหารธรรม" นั้น จะเรียกว่า "ฌาน หรือ สมาบัติ" ก็ได้

    +++ "กาย" ที่เป็น วิหารธรรมที่เป็นเอกภาพ (ฌาน) จะมีผลต่อสิ่งที่มัน "อยู่"
    +++ จากพระอภิธรรม พระธาตุกถา "สัมปะยุตเตนะ วิปปะยุตตัง" "การพรากออกจากสิ่งที่อยู่ด้วยกัน ย่อมเกิดขึ้น"
    +++ นั่นแหละ คือ "การถอดกาย" ในโพสท์นี้
    +++ อยู่กับ กายที่เป็นความรู้สึกตัว "กายเวทนา" แต่เพียงอย่างเดียว นอกนั้นมันจะ "เป็นไปตามธรรมชาติของ พระอภิธรรม ด้วยตัวมันเอง"

    หรือไม่ก็อีกแบบ คือรู้ว่าฝันปุป ตื่นลืมตาปัปเลย ยังไม่พอดีเลย หุ หุ ขอแก้ตัวแบบขุ่นๆค่ะ ว่าฝึกแค่อาทิตย์เดียวเอง

    +++ หลายคนฝึกแค่ 2-3 วันก็ผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้ว หุหุ ไม่ต้องแก้ตัว

    มิน่า พวกที่มืดๆ โบกไม้โบกมือ นั่นคือไม่รู้ที่ไป ติดแต่อย่างนั้น น่ากัวจริงๆ ถ้ามาติดตรงนี้ สงสัยรอผู้มีแสงสว่างผ่านมาเมตตา

    +++ ยาก ยิ่งมาก็ยิ่งยาก ผู้ที่ฝึกมาจนถึงขั้นที่ช่วยผู้อื่นได้นั้น ยิ่งมายิ่งน้อยตัวลงทุกที และศาสนาก็ เรียว ลงเรื่อย ๆ
    +++ ดังนั้น "อย่าหวังน้ำบ่อหน้า" ให้ทำ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" เอาไว้ก่อน มิฉะนั้นจะกลายเป็น "ผู้ที่ตกอยู่ในความประมาท" แล้วจะพลาดไปเป็น กัลป์ (พระพุทธเจ้า มาหลังไฟประลัยกัลป์)

    แต่ดูเหมือนผู้คนที่อยู่ในบ้านเมืองนั้นเขาก็อยู่กันปกติในมิติแบบนั้น หรือเขาไม่รู้ตัวกันว่าอยู่ ณ ที่ไหน เหมือนอยู่บ้านตนเอง

    +++ บุคคลเหล่านั้น "เป็นผู้มีสติ" หรือไม่ และผู้ที่มีสติเท่านั้น "สุคติ" จึงเป็นที่หวังได้
    +++ ทำไมจึงให้ท่อง "พุทโธ" เพราะต้องการให้มีสติก่อนตาย แล้วดันไปท่อง "ปัดโถ่" เพราะไม่เคยฝึกสติแล้วตาย ก็ไม่มีใครช่วยได้นะ
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    สวัสดีค่ะ

    หายไปนานเพราะป่วยค่ะ แต่ก็เข้ามาอ่านอยู่เสมอ ช่วงนี้นั่งสมาธิน้อยมากค่ะ แต่ก็ฝึกทำความรู้สึกตัวให้ทั่วทั้งตัวอยู่

    +++ อยู่กับความรู้สึกตัวนั้น นอนทำก็ได้ เพราะจริง ๆ แล้ว "ไม่จำกัดอิริยาบท" แม้กระทั่ง "ป่วยก็ทำได้" เพียงแต่ ทำให้ได้นิสัย เท่านั้นเอง

    สังเกตุว่าเริ่มไล่ดูทีละจุดได้มากขึ้นแต่ต้องอยู่ในอริยาบทใดอริยาบทหนึ่ง ถ้าขยับก็จะจับอะไรต่อไม่ได้เลยเพลินไปกับงานสิ่งที่ทำ

    +++ จริง ๆ แล้ว "ไม่แนะนำ ให้ไล่ทีละจุด" เพราะไม่ว่าจะไล่ได้กี่จุดก็ตาม ท้ายที่สุด "ก็ยังต้อง มาขยายทุกจุด ให้รวมตัวมาเป็นสภาวะเดียวกัน" มันเสียเวลามากไป
    +++ ให้ทำตาม โพสท์ที่ 7 ในหน้าแรก "กระทู้นี้จะเริ่มต้นที่ ความรู้สึกตัว" แบบตรง ๆ ไปเลย เพราะเป็นการทำ "ให้เป็นสภาวะเดียวกัน" มาตั้งแต่ต้น

    จิตไม่ส่งออกไปมากเหมือนเมื่อก่อน ความคิดมีน้อยลง ส่วนใหญ่จะจดจ่อกับสิ่งที่ทำทุกอย่าง ไม่ได้อยู่กับรู้มากนัก ก่อนนอนจะทำความรู้สึกให้ทั่วทั้งตัวทำได้แป๊ปเดียวเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้ต่ะ ไม่ถึง5นาทีช่วงนี้หลับง่ายมากค่ะ

    +++ ไม่เป็นไร ให้ทำแบบนั้นไปเรื่อย ๆ เวลานอน "ให้อยู่กับความรู้สึกตัว" ถ้ามันจะหลับ ก็ปล่อยให้มันหลับไป ไม่นาน 2-3 วัน หรือ 5-10 วัน "ความรู้สึกตัวที่หลับอยู่ ก็จะตื่นขึ้นมาได้เอง" แล้วก็จะกลายเป็น "กายเวทนา ที่มี สัมปชัญญะ" (#351) พร้อมในตัวมันเอง จากนั้นก็จะเป็น episode ต่อไป

    ช่วยแนะนำแก้ไขด้วยค่ะอาจาร์ย

    +++ ให้ทำตามที่แนะนำไว้ ข้างบน นะครับ
     
  15. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    :cool::cool::cool: เมื่อสักสี่วันก่อน มันออกได้แต่เท้าค่ะ มันแบบกระตุ๊ก
    เหมือนยกเท้าพร้อมกันสองข้างถีบผ้าห่ม อันนี้ไม่นับค่ะ

    ตั้งแต่เกิดมาเคย ออกไปแบบตั้งใจ 1 ครั้ง มันทะลุรูหนอนที่เป็นปล่องภาพต่างๆ อย่างรวดเร็ว ไปสู่ห้วงอวกาศไหนก็ไม่รู้ เห็นแต่ดวงดาว แล้วก็กลับลงมา ในปล่องนั้นได้ยินเสียงว่า "มีเพียงหนึ่งเดียว"
     
  16. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    เพิ่งหายป่วยมาเหมือนกันคะ เลยมาแชร์ประสบการณ์ที่เมิลใช้คะ
    1. เวลาที่นอน หรือนั่ง จะเริ่มทำความรู้สึกตัวโดยเริ่มที่รู้สึกถึงน้ำหนักตัวของเราที่อยุ่บนที่นอน/ฟูก/เก้าอี้ก่อน
    2. แล้วให้ขยายทำความรู้สึกให้ได้ทั้งตัว เพราะตอนที่เริ่มทำช่วงแรก ๆ จะไม่ได้ทั้งตัว เช่น หัวแหว่ง เท้าหาย ประมาณนี้
    3. ให้ใช้การทวน/เดิน/ไล่ความรู้สึกให้ทั่วตัวสัก 2-3 รอบ เหมือนเราใช้ความรู้สึกของเราสแกนร่างกายเราไล่ขึ้นมาจากเท้าไปหัว หัวลงไปที่เท้า แล้วจะรู้สึกครบทั่วทั้งตัว ซึ่งช่วงตรงนี้สามารถเร่งความรุ้สึกได้ สังเกตอาการว่าจะมีพลังงานเหมือนขนลุกออกมาจากร่างกาย หรือจะรู้สึกชา ๆ หนึบ
    4. พอได้ความรู้สึกตัวครบแล้ว แล้วอยู่กับความรู้สึกตรงนั้น (แช่) จนหลับไป หรือจนรู้ตัวว่าความคิดเกิดขึ้นมาก็แสดงว่าหลุดออกมาแล้ว
    ผิดถูกอย่างไรรบกวนพี่ธรรม-ชาติแนะนำด้วยคะ

    พี่คะ ชั้นของรังสีแต่ละชั้นนี่ ใช่ที่พี่เคยบอกกว่า "ผนังอารมณ์ (มิติกางกั้น หรือ แยกชั้น) แต่ละชั้นจะมี "สภาวะของเนื้อหา" ในตัวมันเอง" หรือเปล่าคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2014
  17. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    เมื่อสักสี่วันก่อน มันออกได้แต่เท้าค่ะ มันแบบกระตุ๊กเหมือนยกเท้าพร้อมกันสองข้างถีบผ้าห่ม อันนี้ไม่นับค่ะ

    +++ ปกติ การออกจะนุ่มนวล ในกรณีที่ขาออกก่อน ก็จะเป็น ขาเราออกจากขาเรา แบบ "ลอยออกไป" แล้วจึงไปทั้งตัว เหมือนกับ "ยกขาด้วยแรงของจิต" ก่อนจะออกอย่างนั้นแหละ

    ตั้งแต่เกิดมาเคย ออกไปแบบตั้งใจ 1 ครั้ง มันทะลุรูหนอนที่เป็นปล่องภาพต่างๆ อย่างรวดเร็ว ไปสู่ห้วงอวกาศไหนก็ไม่รู้ เห็นแต่ดวงดาว แล้วก็กลับลงมา ในปล่องนั้นได้ยินเสียงว่า "มีเพียงหนึ่งเดียว"

    +++ การออกแบบ รูหนอน หรือ wormhole มักจะเป็นการออกของ "ตัวดู" หรือ "กายธรรมารมณ์" ซึ่งมักจะเกี่ยวพันกับ "กาลอวกาศ" ดวงดาว และ galaxy ต่าง ๆ และ "ในขณะกลับสู่ร่าง" วูปเดียวนั้นแหละ ที่มักจะได้ความรู้แปลก ๆ กลับมาด้วยเสมอ

    +++ คำว่า "มีเพียงหนึ่งเดียว" ตรงนี้ คำเต็มของมัน คือ "Infinite Intelligence/Infinite Creator/The One" เป็นคำสอนของ The Ra Material ซึ่งเป็นศาสนาโบราณในยุค ปิรามิด CRIMEAN PYRAMID เป็นปิรามิดที่เก่าแก่มาก สันนิษฐานว่าสร้างในยุค Jurassic (145 ล้านปีมาแล้ว)(ให้ค้นคว้าในกูเกิ้ลเอานะ) ก่อนเกิดการล้างโลกด้วย ไฟประลัยกัลป์ หรือ เป็นที่รู้กันของ NASA ว่ามันคือ Gamma Ray Burst (GRB)

    +++ GRB ในครั้งนั้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชั้นบันยากาศ แล้วทำให้เกิดเป็นยุค "น้ำท่วมโลก" โนอา และ มัจฉาวตาร (พระนารายณ์) ตำนานน้ำท่วมโลกต่าง ๆ ค่อย ๆ หาเอานะ

    +++ คำว่า "Infinite Intelligence/Infinite Creator/The One" โดยเฉพาะคำว่า Infinite Intelligence นั้นตรงกันกับ "สภาวะรู้" ที่ไร้ขอบเขตและพ้นขีดจำกัด ส่วนคำว่า Infinite Creator ก็ตรงกันกับ อาการของ "อวิชชา ที่สร้างมาจาก สภาวะรู้" แล้วสร้างต่อมาเป็นทอด ๆ ไม่รู้จบ และทั้งหมดนี้มาจาก "สิ่งเดียวกันทั้งสิ้น" The One คือ "สภาวะรู้"

    +++ คำสอนของ The Ra Material นั้นทำได้แค่ "บรรยายอาการให้ฟัง" เท่านั้น แต่ไม่สามารถ "ชี้มรรคให้เข้าถึงได้" ดังนั้นจึงเป็น "ศาสนาที่ไร้มรรค" ซึ่งจะตรงกับ 1. สิ้นศาสนา ที่จะสืบต่อมรรคแห่งการเข้าถึง 2. เกิดประลัยกัลป์ล้างโลก นั่นคืออาการของการ "สิ้นพุทธันดร" ของศาสนาพุทธเก่า (ตรงนี้เคยแย้ม ๆ ไว้ให้ใครบางคนแล้ว ในเรื่องของ ภาษาที่สาปสูญจากการถ่ายทอด)

    +++ จาก "จิต คือ พุทธะ" ของหลวงปู่ดูลย์ "พระพุทธเจ้าทั้งปวง และสัตว์โลกทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากเป็นเพียงจิตหนึ่ง นอกจากจิตหนึ่งนี้แล้ว ไม่มีอะไรตั้งอยู่เลย" (ตรงนี้ก็ "มีเพียงหนึ่งเดียว" เหมือนกัน)

    +++ ความรู้ต่าง ๆ เหล่านี้ให้ถือเป็น "รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม" ก็แล้วกัน นะครับ
     
  18. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ถูกต้องแล้วครับ

    +++ ใช่แล้วครับ เป็นสภาวะของใครของมัน แยกชั้นกันอยู่เป็นชั้น ๆ
     
  19. jadeprawit

    jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    สวัสดีค่ะ

    ช่วงนี้รู้สึกเฉยๆใครจะบ่นหรืออะไรก็เฉยไปหมด แต่ไม่มีทุกข์
    แค่เฉยๆ ความคิดแทบไม่มีตอนนอนก็ทำความรู้สึกให้ได้ทั่ว
    ทั้งตัวแป๊ปเดียวหลับอีกแล้ว แล้วไม่ค่อยฝัน แต่มีฝันนึงเกือบเดือนแล้วฝันตอนตี4 กว่าๆ อยู่ๆก็เห็นตัวเองกับแม่โดนแทงข้างหลัง วินาทีที่รู้สึกเจ็บก็เข้าสมาธิทันทีเหมือนกัน(งง เหมือนกันว่าทำ ทำไมหรือว่้ากลัวเจ็บก็ไม่รู้ ^ ^)
    แล้วก็ตื่นเลยค่ะ รู้สึกเจ็บที่หลังเหมือนโดนจริงเลยค่ะ
     
  20. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    สวัสดีค่ะ

    ช่วงนี้รู้สึกเฉยๆใครจะบ่นหรืออะไรก็เฉยไปหมด แต่ไม่มีทุกข์แค่เฉยๆ ความคิดแทบไม่มีตอนนอนก็ทำความรู้สึกให้ได้ทั่วทั้งตัวแป๊ปเดียวหลับอีกแล้ว แล้วไม่ค่อยฝัน

    +++ ยังอยู่ในช่วงของสติระดับ 3. "กำหนดรู้" ในโพสท์ที่ 5 ของหน้าแรก และ ช่วงนี้ ความคิดกับความฝันจะไม่ค่อยปรากฏ เพราะอยู่ในช่วงรอยต่อของ "อัปปนาสมาธิ" (ฌาน) เพียงแต่ยังพ้น นิวรณ์ตัวสุดท้าย คือ ถีนะมิทธะ (ง่วงซึม) ยังไม่ได้ แต่ 4 ตัวเบื้องต้น เรียกได้ว่า "ผ่านได้แล้ว"

    +++ วิธีผ่าน นิวรณ์ตัวสุดท้าย (ง่วง) นี้ ให้ทำในขณะที่ "ความรู้สึกทั้งตัว ยังมีอยู่" แล้วให้สังเกตุดูว่า "เรารู้ทุกอย่างเป็นอย่างดี" "ชัดเจน"

    +++ ให้อยู่กับอาการ "รู้ชัดเจน" ตรงนี้ เมื่อ "อยู่กับ รู้ชัดเจน" ได้เมื่อไร ก็จะเข้าสู่ระดับของการคร่อมสติอย่างคร่าว ๆ ของสติระดับ 3 กับ 5

    +++ หากร่างกาย (ตัว) หายไป ก็ไม่ต้องใสใจในขณะนี้ ให้เกาะอยู่กับอาการ "รู้ชัดเจน" เอาไว้อย่างเดียว

    +++ ตรงนี้คือ "อรูปฌาน" ที่เรียกว่า "วิญญาณัญจายตน" ซึ่งจะมีอาการ "รู้ แบบโดดเด่นเป็นเอก" หรือ มี "รู้ เด่นเป็นอารมณ์เดียว" ก็ได้

    +++ แม้ว่าจะยังไม่ใช่ "สภาวะรู้" ในขณะนี้ก็ตาม แต่มันก็เป็นสภาวะ "อยู่กับตน" (สติอันดับ 5) ที่สภาวะแห่งความเป็น "ตน" สามารถทำ "ปัฏฐาน" อยู่ใน "สภาวะรู้" ได้เป็นอย่างดี

    +++ สำหรับผู้ฝึกที่ยังปรารถนา "พุทธภูมิ" หรือเป็น "นิยตบุคคล" แล้ว ควรฝึกตรงนี้ไว้ให้ดี เพราะจะนำมาใช้ประโยชน์บนเส้นทาง พุทธภูมิ ได้มากกว่า อากาสา อากิญจัญ และ เนวสัญญา

    แต่มีฝันนึงเกือบเดือนแล้วฝันตอนตี4 กว่าๆ อยู่ๆก็เห็นตัวเองกับแม่โดนแทงข้างหลัง วินาทีที่รู้สึกเจ็บก็เข้าสมาธิทันทีเหมือนกัน(งง เหมือนกันว่าทำ ทำไมหรือว่้ากลัวเจ็บก็ไม่รู้ ^ ^)

    +++ "วินาทีที่รู้สึกเจ็บก็เข้าสมาธิทันทีเหมือนกัน" ตรงนี้ชี้ให้เห็นได้ว่า "การฝึกได้ซึมลึกลงไปสู่ระดับ สัญชาติญาณ ได้แล้ว"

    +++ และเป็นการแสดงให้เห็นได้ว่า "แม้แต่ในฝัน ก็ยังฝึกได้" ดังนั้น อีกไม่นานก็จะถึงระดับ "ไม่มีร่างกายก็ฝึกได้" ซึ่งตรงนี้แหละ คือ "หนทางแห่งการ ปิดอบาย ตัวจริง"

    +++ การ "ปิดอบาย" ที่แท้จริง "ต้องมีที่มาที่ไปอย่างถูกต้อง" สรรพสิ่ง "ขึ้นอยู่กับความเป็นจริง และ ทำได้จริง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ความเชื่อ" ตรงนี้ ขออนุโมทนาด้วยครับ

    แล้วก็ตื่นเลยค่ะ รู้สึกเจ็บที่หลังเหมือนโดนจริงเลยค่ะ

    +++ "การถอดกาย" ออกจากร่าง หาก "กายหนึ่งใด" ได้รับผลกระทบ ก็จะ "กระทบกายอื่น ตามไปด้วย"

    +++ ดังนั้น "ให้ทำความรู้สึกตัวให้ชัดเจน จนเป็นนิสัย" และยามใดที่ "ถอดกายออกไป ให้ทำการ เร่ง ผ่อน ตรึง แช่ ในระดับความรู้สึกที่พอเหมาะ" และ ใหม่ ๆ นี้ ให้ ปรับความรู้สึกตัวเป็นระยะ ๆ ไปเรื่อย ๆ

    +++ ตัวอย่าง "กายในมิติหนึ่ง ส่งผลมายังกายในอีกมิติหนึ่ง" ผมเคยโพสท์ไว้ในหัวข้อ "วิบาก ส่งผลทะลุมิติ" ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ นะครับ

    https://palungjit.org/threads/354142/page-12#post-8822372
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2019

แชร์หน้านี้

Loading...