หลวงปู่ดู่ท่านให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องของการปฏิบัติสมาธิภาวนา ท่านว่า "ถ้าไม่เอา (ปฏิบัติ) เป็นเถ้าเสียดีกว่า" ในสมัยก่อนเมื่อตอนที่ศาลาปฏิบัติธรรมหน้ากุฏิท่านยังสร้างไม่เสร็จนั้น ท่านก็เมตตาให้ใช้ห้องส่วนตัวที่ท่านใช้จำวัด เป็นที่รับรองสานุศิษย์ และผู้สนใจได้ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งนับเป็นความเมตตาอย่างสูง สำหรับผู้ที่ไปกราบนมัสการท่านบ่อยๆ หรือมีโอกาสได้ฟังท่านสนทนาธรรม ก็คงได้เห็นลีลาการสอนของท่าน ที่จะโน้มน้าวผู้ฟังให้วกเข้าสู่การปรับปรุงแก้ไขตนเอง เช่น ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์วิพากษ์วิจารณ์คนนั้นคนนี้ ให้ท่านฟังในเชิงว่ากล่าว ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาและความยุ่งยาก แทนที่ท่านจะเออออไปตาม อันจะทำให้เรื่องยิ่งบานปลายออกไป ท่านกลับปรามว่า "เรื่องของคนอื่น เราไปแก้เขาไม่ได้ ที่แก้ได้คือตัวเรา แก้ข้างนอกเป็นเรื่องโลก แต่แก้ที่ตัวเราเป็นเรื่องธรรม" แม้ว่าหลวงปู่ดู่จะรับรองในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตให้ แต่สิ่งที่ท่านยกไว้เหนือกว่านั้นก็คือ การปฏิบัติ ดังจะเห็นได้จากคำพูดของท่านที่ว่า "เอาของจริงดีกว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ นี่แหละของแท้" จากคำพูดนี้จึงเสมือนเป็นการยืนยันว่า การปฏิบัติภาวนานี้แหละเป็นที่สุดของเครื่องรางของขลัง เพราะคนบางคน แม้แขวนพระที่ผู้ทรงคุณวิเศษอธิษฐานจิตให้ก็ตาม ก็ใช่ว่าจะรอดปลอดภัย อยู่ดีมีสุขไปทุกกรณี อย่างไรเสีย ทุกคนไม่อาจหลีกหนีวิบากกรรมที่ตนสร้างไว้ ดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คือ กรรม ดังนั้น จึงมีแต่พระสติ พระปัญญา ที่ฝึกฝน อบรมมาดีแล้วเท่านั้น ที่จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติรู้เท่าทัน และพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาและสิ่งกระทบต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตอย่างไม่ทุกข์ใจ ดุจว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเสมือนฤดูกาลที่ผ่านเข้ามาในชีวิต บางครั้งก็ร้อน บางครั้งก็หนาว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมดาโลก คำสอนของหลวงปู่ดู่จึงสรุปลงที่ การใช้ชีวิตอย่างคนไม่ประมาท นั่นหมายถึงว่า สิ่งที่จะต้องเป็นไปพร้อมๆ กันก็คือ ความพากเพียรที่ลงสู่ภาคปฏิบัติในมรรควิถี ที่เป็นสาระแห่งชีวิตของผู้ไม่ประมาท ดังที่ท่านพูดย้ำเสมอๆ ว่า "หมั่นทำเข้าไว้ๆ".... ศีลเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการปฏิบัติธรรมทุกอย่าง หลวงปู่มักจะเตือนเสมอว่าในขั้นต้นให้หมั่นสมาทานรักษาศีลให้ได้ แม้จะเป็นโลกียศีล รักษาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บริสุทธิ์บ้าง ไม่บริสุทธิ์บ้าง ก็ให้เพียงระวัง รักษาไป สำคัญที่เจตนาที่จะรักษาศีลไว้ และปัญญาที่คอยตรวจตราแก้ไขตน "เจตนาหัง ภิกขเว สีลัง วทามิ" ท่านว่าเจตนาเป็นตัวศีล "เจตนาหัง ภิกขเว ปุญญัง วทามิ" เจตนาเป็นตัวบุญ จึงขอให้พยายามสั่งสมบุญนี้ไว้ โดยอบรมศีลให้เกิดขึ้นที่จิตเรียกว่า เรารักษาศีล ส่วนจิตที่อบรมศีลดีแล้ว จนเป็นโลกุตรศีลเป็นศีลที่ก่อให้เกิดปัญญาในอริยมรรค อริยผลนี้จะคอยรักษาผู้ประพฤติปฏิบัติมิให้เสื่อมเสียหรือตกต่ำ ไปในทางที่ไม่ดีไม่งามนี้แลเรียกว่า ศีลรักษาเรา ที่มา : กายสิทธิ์ www.watthummuangna.com
บางคนบอกว่าปัญหาสังคมสมัยนี้ต้องร่วมมือกันแก้ แต่แท้ที่จริงควรแก้ที่ตัวเราเองต่างหาก เราแก้ได้ที่เรา ปัญหาก็ถูกจำกัด วง ไว้แก้ที่เราเท่านั้น ปัญหาจากใหญ่เลยเล็กลงถนัดตา ซึ้งเลยครับ อนุโมทนาครับ......
ขอกราบนมัสการหลวงปู่ดู่ ด้วยความเคารพ คำสอนหลวงปู่ที่ว่า เวลาเหลือน้อยแล้วให้รีบพากันปฏิบัติ นึกถึงเมื่อไหร่มันโดนใจให้ต้องเร่งความเพียรและทำให้มีกำลังใจในความเมตตาของหลวงปู่เสมอ
(f) อนุโมทนา สาธุ (*) กรรมก็เหมือนดั่ง"เงา"ที่ติดตามตัวเราอยู่ทุกหนทุกแห่ง ฉันใดก็ฉันนั้น เราไม่สามารถ หลบเลี่ยงหนี"กรรม"นี้ได้เลย นอกเสียจากรีบเร่งสร้างบุญบารมี คือ การหมั่นทำทาน รักษาศีล ภาวนาให้มากขึ้นจนหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย เพื่อที่กรรมที่ดีจะได้นำลิ่วก่อนที่กรรมชั่วจะตามมาทัน สาธุ!!!!(f)
ขออนุโมทนาบุญกับท่านผู้ตั้งกระทู้และทุกท่านที่อนุโมทนาครับ สาธุ... "เรื่องของคนอื่น เราไปแก้เขาไม่ได้ ที่แก้ได้คือตัวเรา แก้ข้างนอกเป็นเรื่องโลก แต่แก้ที่ตัวเราเป็นเรื่องธรรม"
เรื่องของคนอื่น เราไปแก้เขาไม่ได้ ที่แก้ได้คือตัวเรา แก้ข้างนอกเป็นเรื่องโลก แต่แก้ที่ตัวเราเป็นเรื่องธรรม คำนี้ทำให้ผมมีสติมากขึ้น หมั่นทำเข้าไว้ๆ คำนี้ทำให้ผมมีกำลังใจในการปฏิบัติ ถ้าเอ็งคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงเอ็ง ถ้าไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงข้า เป็นความเมตตาอย่างสูงส่ง ของหลวงปู่ดู่
หลวงปู่ท่านมีรอยสักเต็มเลยครับ ผมไม่เชื่อว่าหลวงปู่ก็เป็นพระกรรมฐานมุ่งตัดกิเลสเหมือนกัน อนุโมทนาบุญ ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบครับ สาธุ ๆ ๆ
ชี้แจงเรื่อง รอยสักของหลวงปู่ดู่ นะครับ สมันท่านบวช แรกๆท่านมุ่งหวังเรื่องไสยศาสตร์เพราะถ้าท่านสึกจะเอาไปแก้แค้น โจรที่มาปล้น โยมพ่อ-โยมแม่ แต่พอท่านสำเร็จแล้ว รู้ว่ามันไม่ใช้หนทางดับทุกข์ที่แท้จริงท่านก็เรื่องเน้นหนักด้านการ ปฏิบัติ นับแต่นั้นมา-จนสำเร็จมรรคผลแห่งนิพพานในที่สุด ผมรักท่านเหมือนเป็นพ่อคนนึง รักท่านเสมอ คิดถึงท่าน (หลวงปู่ทวดและหลวงปู่ดู่) อยู่ตลอด เป็น10ปีแล้ว ข้อให้ทุกๆคนเน้นด้านการ ปฎิบัตินะครับ ถ้าท้อ หลวงปู่บอกว่า ท่านทำมา60ปียังไม่ยอมเลย ท่านเป็นกำลังใจให้ทุกคนเสมอ อนุโมทนาครับ
ใช่ฮะ สมัยนั้นท่านมุ่งแก้แค้น .. .. .. ศิษย์ : ก็คือมันสะสมจนเต็มลิมิตของมันแล้ว มันก็ทำใจได้ตลอด หลวงตา : มันก็หยุด ไม่ต้องอธิษฐานก็ทำได้ หลวงปู่ดู่ท่านไม่ต้องอธิษฐาน ท่านบอก ชาตินี้ฉันนั่งอยู่กุฏิซักชาตินึง ท่านก็นั่งอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่ไปไหน .. บวช 21 .. 22 23 24 25 ไปธุดงค์ ประมาณอายุ 26 ก็อยู่กุฏิ ไม่ลงไปไหนเลย ไม่ได้ออกจากวัดเลย จนกว่าอายุ 85 86 ก็มรณภาพ ไม่ได้ไปไหนเลย ศิษย์ : คือการอธิษฐาน? หลวงตา : ใช่ คือคนมีกำลัง เวลานึก ก็ได้เลยไง ศิษย์ : แล้วหลวงตาครับ แล้วหลวงปู่อธิษฐานว่าไงครับ? หลวงตา : ท่านอธิษฐานไม่ออกจากวัดไง (หัวเราะ) ไม่ออกจากวัด ..ไม่ลงจากกุฏิด้วยนะ ..ไม่ลง ปีนึงลงครั้งนึง ลงไปที่โบสถ์ ถ้าเราทำได้ไหม เราทำได้ไหม? ศิษย์ : เบื่อแย่เลยนะ หลวงตา : ตายเลยสิ ดิ้นตายเลย ดิ้นตายแน่
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ พุทโธ โหมิ อะนาคะเต กาเล บุญบารมีทั้งหมดทั้งมวลที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญข้าพเจ้า ขออฐิษฐานเพื่อพระโพธิญานขอให้เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้า ได้สำเร็จซึ่งพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคตกาลนั้นเถิด
เรียนเชิญทุกท่านร่วมเข้าฟังการบรรยาย ถามตอบปัญหาธรรมในแนวทางพระโพธิสัตว์ หลวงปู่ดู่ โดยหลวงตาม้า รายละเอียดคลิ๊ก กำหนดการณ์ถ่ายทอดสดการตอบปัญหาธรรมของหลวงตาม้า ประจำเดือน มีนาคม 2555 อนุโมทนาสาธุ
พื้นฐาน _________________________________________________________________ ศีลเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการปฏิบัติธรรมทุกอย่าง! เอาของจริงดีกว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สระณัง คัจฉามิ นี่แหละของแท้! "เรื่องของคนอื่น เราไปแก้เขาไม่ได้ ที่แก้ได้คือตัวเรา แก้ข้างนอกเป็นเรื่องโลกแต่แก้ที่ตัวเราเป็นเรื่องธรรม" __________________________________________________________________ สามคาถานี้ ถูกใจกระผมมากจริงๆ ขอรับ สาธุ...ครับผม