จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]

    ที่มา FB คลื่นพิทักษ์ศาสนวงศ์​
     
  2. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]


    พุทธานุภาพ

    บรรดาท่านพุทธบริษัท จงอย่าวางใจ จงอย่าประมาทในชีวิต
    จงคิดว่าคุณของพระพุทธเจ้า คุณของพระธรรม คุณของพระสงฆ์ทั้ง ๓ ประการ จะสามารถทรงเราให้มีชีวิตอยู่ได้
    นี่กล่าวโดยเฉพาะ ถ้าเราสิ้นอายุขัย การนึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะทำให้เราพ้นทุกข์

    ฉะนั้น นับตั้งแต่นี้ต่อไป ตั้งใจไว้ว่า จนกว่าจะสิ้นปีที่เต็มไปด้วยความวิกฤต ทุกทิศของโลกจะเต็มไปด้วยความ เร่าร้อน
    เราจะยึดเอาคุณความดีของ องค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าไว้เป็นประจำ
    คือ คำภาวนาว่า "พุทโธ พุทโธ" เป็นปกติ
    ถ้าเป็นอย่างนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายจะมีความสุขในชีวิต คือ...


    จิตของท่านจะทรงสมาธิ อำนาจบารมีของพระพุทธเจ้า จะทำจิตใจของท่านให้เยือกเย็นมีความสุข อันตรายจะไม่เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย
    และด้วยอำนาจของ พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ แต่ถ้าชีวิตอายุขัยที่จะสิ้นไปเมื่อไร
    ความดีขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะบันดาลให้เรา
    พ้นอบายภูมิทั้ง ๔ ประการคือ ไม่เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน อย่างเลวที่สุด เราก็จะเป็นเทวดา
    ถ้าจิตใจมีสมาธิแรงกล้า เราจะเข้าถึงการเป็นพรหม

    ถ้าจิตของเราโดยนิยมไม่ยึดในขันธ์ห้า หรือว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา จิตเราเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหนเราจะไปที่นั่น เอาใจตรงนี้ยึด องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดานั่นเอง
    ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วพุทธบริษัททั้งหลายจะพ้นจากกิเลส จะเข้าถึงพระนิพพานได้

    โอวาทธรรม
    หลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ วัดท่าซุง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2014
  3. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [​IMG]

    HAPPY BIRTH DAY!

    หลายท่านอาจจะสงสัยว่าวันนี้วันเกิดใคร?
    6 เมษายน
    จริงๆ แล้วก็เป็นวันธรรมดาที่เคยผ่านมาและผ่านไปเหมือนทุกๆ วัน
    ที่เป็นเหมือนสายน้ำไม่เคยไหลย้อนกลับมา เวลาก็เช่นกัน
    แค่ผ่านไปวันต่อวันเท่านั้น มันไม่มีอะไรจะยั่งยืน

    แต่วันนี้เป็นวันพิเศษอีกวันนึงที่ใครหลายท่านอาจไม่ได้สนใจหรือไม่ได้มองเห็น
    นั่นคือ วันเกิดกระทู้ "จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ" แห่งนี้
    และขอทายว่าเจ้าของกระทู้ก็ไม่ได้สนใจเหมือนกัน (คิคิคิ)
    ก็อย่างที่บอกข้างต้นนั่นล่ะค่ะ เป็นแค่วันๆ นึง ไม่ได้สำคัญอะไร


    แต่นี่ก็ถือว่าครบรอบ 2 ปี ของกระทู้นี้
    จึงอยากจะขอกล่าวอะไรเพื่อเป็นการระลึกถึงผู้มีพระคุณทั้งหลาย
    อันได้แก่ผู้มีพระคุณสูงสุดอย่างไม่มีอะไรเปรียบได้
    คือ สมเด็จองค์ปฐม ท่านพ่อของลูก ท่านพ่อของใครหลายคน
    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระโคตมโคดม พระธรรม พระสงฆ์
    พระอริยสงฆ์ทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อสด หลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่
    และเทพ พรหม เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ทำนุบำรุงพระศาสนา
    ล้วนเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับลูกหลานชาวพุทธทุกคน

    พระท่านโปรดและเมตตาเหล่าสรรพสัตว์และลูกหลาน
    หาทางพ้นทุกข์และเกิดพระศาสนาขึ้นมา
    และนำพระธรรมนั้นมาสู่จิตใจมนุษย์
    ล้วนเป็นพระคุณอย่างสูงสุด
    จนกระทั่งพี่น้องสายบุญเราได้รับพระเมตตามา
    ที่ท่านพ่อ หลวงพ่อได้มาโปรด "จิตเกาะพระ"
    ให้เป็นการปฏิบัติธรรมประยุกต์ ฉบับฆราวาสให้ได้ลงมือทำ
    ลงมือฝึกจิตในชีวิตประจำวัน


    อย่างไรก็คงจะกล่าวอะไรได้ไม่หมด
    ครั้งนี้ก็ขอขอบพระคุณพี่ภู พี่เพ็ญ พี่แนท พี่เมศ
    จิตบุญทุกท่านที่ล้วนได้เมตตาสอนธรรมะให้แก่กัน
    ผลัดกันรับ ผลัดกันให้ สลับกันไป
    จนจิตเราทั้งหลายมีพัฒนาการมากขึ้นเรื่อยๆ

    และสำหรับหมูเองก็มีพัฒนาการเกือบจะครบ 2 ปีเต็มแล้ว
    (พรุ่งนี้วันที่ 7 เมษายน เป็นวันครบรอบที่จิตหมูยกมา 2 ปี)
    ก็รู้สึกว่าเราแก่กว่าเด็กทั่วไป
    ไม่ได้ว่าตัวเองดีกว่าใคร แต่เห็นหลายอย่าง
    ฝึกสติ ฝึกจิตมาก็พอควร เน้นแต่ดูจิตตนเท่านั้น
    และอยู่กับพระตลอด ก็ทำให้เบื่อทางโลกเข้าไปอีก
    ไม่ได้สนใจ ไม่ได้ยึดติดในชีวิตและร่างกายอะไร


    มีเรื่องราวหลายเรื่องที่ได้รับบทเรียนมาจากตนเองและคนรอบข้าง
    และจากจิตบุญด้วยกันก็ทำให้เห็นสภาวะจิตต่างๆ ของคนหลายระดับมากขึ้น
    เรารู้จัก เราเข้าใจ แล้วก็ปล่อยวาง
    ทุกอย่างมีพัฒนาการ ไม่ย่ำอยู่กับที่
    ไม่ได้ทะเยอทะยานแต่มุ่งมั่นที่จะพยายามและครองสติ
    หมั่นวิปัสสนาบ่อยๆ และรักพระสุดหัวใจ รักศีลสุดหัวใจ
    วันแรกที่ฝึกยังไง ก็ยังรักพระอยู่
    แต่ไม่เคยมีน้อยลง ทั้งพระและศีลที่รักษาไว้ในใจ
    มีแต่จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

    มีอุปสรรคเข้ามาวัดจิตแม้อายุยังน้อยแต่ก็เชื่อว่าขึ้นชื่อว่าเป็น "มนุษย์"
    ยังไงก็หนีทุกข์ไม่พ้น ไม่เลือกวัย ยังไงก็ต้องเจอเหมือนกัน
    แต่อยากจะบอกว่า "ใครมีสติรู้ทัน คนนั้นก็ทุกข์น้อย"
    ไม่ต้องรอเวลาให้แก่เฒ่าหรือจิตว่าง กายว่างก่อนค่อยมาดูจิตตนเอง
    วินาทีนี้เราอาราธนาพระมาสู่จิต มานำจิตเราได้ เราก็ควรทำนะคะ


    ธรรมะพูดได้ไม่หมดนะ แต่ขอเบรกก่อนดีกว่า
    อยากบอกว่า หมูยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหนนะคะ
    มีภารกิจมากมายที่ยังดูแลและช่วยเหลือผู้อื่น
    ทั้งทางตรงและทางอ้อม (ทางจิต) อยู่เสมอ
    พยายามพัฒนาระดับพรหมวิหาร สติ ปัญญา ฯลฯ ให้ได้ดีขึ้นเสมอ

    ขอฝากตรงนี้ไว้เป็นกำลังใจแก่จิตบุญทุกท่านและผู้มาใหม่ ผู้แอบอ่านทุกคน
    เคยทำแย่อะไรมาไว้เยอะมันก็เป็นแค่บุญกับบาป แยกกันแค่อดีต ปัจจุบัน
    วันนี้เริ่มต้นทำสิ่งดีๆ ได้เสมอนะคะ เราทุกคนยังมีโอกาสอยู่ตอนนี้
    อย่ารอเวลาอีกเลย เรามารักพระกันเถอะค่ะ


    น้อมพระมาสู่จิต ขอพระองค์นำทางเราให้เราพ้นทุกข์
    หมั่นเจริญสติ เพื่อรู้ทันอารมณ์ และทุกข์ทั้งหลาย
    หมั่นทรงพรหมวิหาร เพื่อชีวิตนี้จะได้อยู่ดีมีสุข ได้มอบเมตตาให้คนอื่น
    อยู่ในทางสายกลาง
    และที่สำคัญ "ไม่มีอะไรยากถ้าใจเราพร้อม"
    แต่ถ้าใจไม่พร้อม อะไรก็ทำไม่ได้ค่ะ ทั้งที่ความจริงคนเรามีสิทธิ์ทำสิ่งนี้กันได้ทุกคน ทุกเวลา

    โอกาสหน้าเจอกันใหม่... ไว้ว่างแล้วจะแวะมาอีกนะคะ
    รักนะ จุ๊บ จุ๊บบบบ



    ปล. พี่ภูสู้สู้นะคะ หมูยังอยู่นะคะ รอสร้างบ้านร่วมกับพี่ภูและจิตบุญทุกท่าน
    อีกไม่นานคงได้มีข่าวดีกันบ้าง แต่ช่วงนี้ต้องแผ่เมตตา
    ขอบารมีพระคุ้มครองช่วยชาติก่อน ไม่ว่าจะคิดเห็นอย่างไร
    แต่ใจเราชาวพุทธต้องมีเมตตาต่อกันนะคะ ^^
     
  4. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [​IMG]

    ลืมบอกบางอย่างที่สำคัญ

    "ขอเชิญชวนทุกท่านกำหนดจิตอาราธนาพระพุทธคุณแห่งพระรัตนตรัย
    นำโดยพระบารมีแห่งสมเด็จองค์ปฐม แผ่ไปให้ทุกดวงจิตทั่วสามโลกธาตุ
    และที่สำคัญในช่วงนี้คือ แผ่ไปให้คนไทยทุกดวงจิต
    ทั้งที่มีชีวิตอยู่และล่วงลับไปแล้ว ทั้งที่มีความเห็นต่างและเห็นพ้อง
    ขอให้พวกเราทั้งหลายมีดวงตาเห็นธรรม รักและเมตตากัน
    ขอทุกดวงจิตได้รับพลังบุญนี้ด้วยเทอญ"


    ร่วมกันส่งพลังบุญ ส่งพลังเย็นไปสู่จิตใจคนไทยทุกคนค่ะ
    ให้บ้านเมืองเราได้พัฒนา ได้เดินต่อไป
    ทุกคนจะได้ยิ้มให้กัน มอบความสุขให้กัน
    การพูดถึงการเมืองไทยครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนามาชวนกันพูดเรื่องการเมืองนะคะ
    แต่เราลูกพระ อะไรพอทำได้ก็ทำค่ะ อยากเห็นบ้านเมืองร่มเย็น

    และที่สำคัญ "ศีลธรรม" สำคัญที่สุด
    ขอทุกท่านคิดดี ทำดี มอบสิ่งดีๆ ให้กันและกันตลอดไปค่ะ
    กฏแห่งกรรมยังคงทำงานอยู่เสมอ ทำดีย่อมได้ดีมีแน่นอนค่ะ


    "ภัยพิบัติอะไรไม่น่ากลัวเท่าภัยพิบัติทางใจ"

    ปล. ก่อนส่งบุญไปให้ใคร อย่าลืมขอขมากรรมกันก่อนนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2014
  5. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]


    " จิตที่หลุดพ้นแล้ว "

    หลวงพ่อปราโมทย์ :เวลาหลุดพ้นเนี่ย จิตมันพรากออกไปจากขันธ์นะ ไม่ยึดถือไม่เกาะไม่เกี่ยวอะไรเลย จิตสว่างไสวเต็มโลกธาตุ ไม่มีขอบไม่มีเขตไม่มีจุดไม่มีดวง ไม่มีที่ตั้ง ไม่มีการไปไม่มีการมา ไม่มีไหลไปไหลมา ไม่มีเลย สว่าง สดชื่น เบิกบาน ผ่องใส โดยตัวของมันเอง (หมายถึง ไม่ต้องอาศัยเหตุอื่นมาทำให้จิตผ่องใสอีก เช่น ไม่ต้องอาศัยการเจริญสติ ไม่ต้องอาศัยการเจริญสมาธิ เป็นต้น – ผู้ถอด) อยู่ที่เราฝึกเอานะ

    เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น เพราะหลุดพ้นจึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว แล้วท่านจะต่อท้ายว่า ชาติคือความเกิดเนี่ย หมดสิ้นแล้ว กิจที่ต้องทำเพื่อความพ้นทุกข์เนี่ย ทำเสร็จแล้ว กิจอย่างอื่น ภาระอย่างอื่น ที่จะต้องปฏิบัติอีก ไม่มี คือบอกว่า ชาตสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ คือความหลุดพ้นอย่างนี้ ไม่มีอีก นะ นี่เป็นที่สุดที่พระสาวกทั้งหลายตามพระพุทธเจ้ามา ก็เข้ามาสู่ภาวะอันนี้เอง


    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช


    ที่มา FB Trader Hunter พบธรรม
     
  6. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    สาธุจ้ะ น้องหมูลูกหว้า อายุน้อยแต่จิตเข้มพิเศษนะจ๊ะหนู (k)
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ??? ...ยิ่งสร้างบุญ ยิ่งเจอปัญหา ยิ่งทุกข์หนัก... ???

    โยม : หลวงปู่ครับ ทำไมผมยิ่งทำบุญ ยิ่งปฏิบัติธรรม ยิ่งทำสมาธิ ก็เหมือนยิ่งทุกข์เหลือเกินครับ ทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาสุขภาพ ปัญหาการเงิน ไม่รู้อะไรประดังประเดเข้ามาตลอดครับผมหลวงปู่

    หลวงปู่ : เวลาคุณทำบุญ เวลาคุณปฏิบัติ มันกระทบกับเงินทองหรือเวลาปกติของคุณหรือเปล่า

    โยม : เปล่าครับผม เวลาผมทำบุญผมก็ไม่ได้ลำบาก เงินทองก็เป็นส่วนเหลือจากการเก็บจากการดูแลครอบครัวแล้ว การปฏิบัติของผมก็กระทำโดยไม่กระทบกระเทือนใคร พ่อแม่ พี่น้อง ลูกเมียก็อนุโมทนา แต่มันก็มีปัญหาเรื่องอื่น ๆ เข้ามาไม่ขาด

    หลวงปู่ : คุณ เวลาคุณปฏิบัติคุณก็ต้องการพระนิพพานใช่หรือเปล่า นิพพานก็ต้องหนีโลก ต้องเบื่อโลก ถ้ามันไม่มีปัญหาเข้ามาคุณจะหนีโลกได้อย่างไร ถ้าคุณยังหวังสุขในโลกนี้ นิพพานของคุณก็เป็นนิพพานหลอกตัวเองล่ะสิ
    โลกเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุด ปัญหาที่เข้ามาคือบทเรียน มารทั้งหลายคือครูของเรา เมื่อคุณปฏิบัติสูง ๆ ขึ้นไป ปัญหามันก็จะสูงขึ้นไปด้วย ปัญญาคุณแค่อนุบาลปัญหามันก็อนุบาล บทเรียนก็อนุบาล ครูก็ครูสอนอนุบาล
    แต่เมื่อคุณเรียนปริญญา ปัญญาระดับปริญญา ปัญหามันก็ต้องปริญญา บทเรียนก็บทเรียนปริญญา ครูก็ครูสอนปริญญา คุณเรียนปริญญา จะเอาข้อสอบเด็กน้อยอนุบาลมาสอบคุณ มันจะสมกับภูมิปัญญาคุณหรือ
    ปฏิบัติเพื่อแสวงหาปัญญา เมื่อปัญญาเราสูงขึ้น ปัญหามันก็สูงขึ้น บทเรียนมันก็ยากขึ้น มารมันก็เก่งขึ้น คุณสอบตกจะหาว่าครูออกข้อสอบยากหรือจะโทษว่าตนเองเตรียมตัวสอบไม่ดี
    คุณเอ้ย โลกมันสอนเรา บางทีก็สนุกสำราญ บางทีก็เศร้าโศก บางทีก็ทารุณโหดร้าย คุณต้องได้เรียนทุกบท คุณจะบอกว่าไม่ชอบวิชานี้ไม่เรียนมันไม่ได้
    เราชอบสุขเราเกลียดทุกข์ แต่เราก็ต้องเรียนทั้งสองอย่าง เมื่อคุณผ่านการสอบหนึ่งครั้ง คุณก็จะพัฒนาไปอีกขั้น
    บทเรียนบางบทมันอาจจะแพงไปสักหน่อยต้องแลกมาด้วยเงินทอง อวัยวะหรือแม้แต่ชีวิต แต่คุณอย่าลืมนะวิชาดีราคามันต้องแพง โลกสอนให้คุณรู้จักโลกในทุกรูปแบบทุกรสชาติ คุณจะได้เบื่อโลกหน่ายโลกอย่างแท้จริง นิพพานของคุณก็จะเป็นนิพพานจริง ๆ อย่าเพิ่งลาออกจากโรงเรียนกลางคันก็แล้วกัน คุณเชื่อเถอะว่าถนนเส้นนี้ผู้ปฏิบัติล้วนผ่านมาแล้วทุกคน ท่านเหล่านั้นก็เคยทุกข์อย่างคุณ ท่านยังผ่านไปได้ ให้เชื่อมั่นในคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอน และพระอริยสงฆ์ที่ท่านผ่านไปก่อน ให้เชื่อว่าท่านเหล่านั้นไม่หลอกเราแน่ เข้าใจนะ

    ธรรม..คำสอน..พระญาณวิสาลเถร
    หลวงปู่ไดโนเสาร์
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุ HBD
    แหม๊ พูดดีนะเรา น่าจะเป็นนักเขียน
    อย่าไปพูดไปเรื่อย ให้อยู่แต่เฉพาะ..ปัจจุบัน

    เธอพูดถูกแล้ว พี่ภูก็ลืมไปแย๊ววว มิได้สนใจอะไรแบบนั้น
    อยู่แต่ปัจจุบัน อยู่แต่ธรรม อยู่แต่บุญกุศล อยู่กับลมหายใจ
    และที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ อยู่แต่พระรัตนตรัย
    มีแว๊ปไหม ตอบว่ามี เพราะยังขันธ์๕ มีก็สักแต่ว่ามี เท่านั้น
    หาสาระมิได้ อย่าไปให้ความสำคัญกับสิ่งที่ มิใช่ จิตตน
    เพราะภายในจิตเป็นปรมัตถธรรม ส่วนนอกจิตเป็นธรรมสมมุติ
    เพราะฉะนั้น เลือกกันเองเด้อ ใครจะเอาของจริงย่อมได้ของจริงไปเท่านั้นเอง
    ใครมัวแต่เดินเล่น ท่องเที่ยวไปวันๆนึง ก็ตามใจ
    คิดอย่างเดียว ทำอย่างไร ให้จิตตนรอดก่อน หลุดพ้นก่อน
    ส่วนที่เหลือพอยังมีลมหายใจ หากมีกำลังใจมาก ก็เผื่อแผ่ชาวบ้านเขาบ้าง
    เมตตา สงเคราะห์กันเยอะๆ คิดแบบพระพุทธเจ้า พระอรหันต์กันบ้างเด้อ
    อะไรที่ควรสนใจหรือให้ความสำคัญ
    จิตทางธรรม จิตทางโลก ย่อมต่างกันเป็นธรรมดา
    เพราะคนทางโลกมีแค่ตาเนื้อเท่านั้น แต่คนทางธรรมนั้นมีทั้งตาเนื้อ ตาใน
    มันผิดกัน สติปัญญาก็ต่างกัน
    เพราะฉะนั้น วิชั่น การมองการณ์ไกลย่อมต่างกันไปด้วย
    เพราะปัญญาทางธรรมนั้น ย่อมมองเห็นไกลกว่า โดยเฉพาะเห็นความเลวตนเอง
    หากจิตใจเข้าหาธรรมได้แล้ว เขาไม่มองความดีหรือความชั่วคนอื่นหรอก
    ยิ่งบุคคลนั้น จะเอาดีทางมรรคผล ย่อมไม่ไปสนใจจริยาผู้อื่นหรือใครเขา
    มุ่งหน้าดูจิตตนจนใส จนแน่ใจว่าอยู่เหนือขันธ์ตนหรือยัง
    เราเป็นกิเลส กิเสเป็นเราอยู่ไหม
    เช้าค่ำ ทุกลมหายใจ คอยหมั่นดูแต่จิตตนเองเท่านั้นพอแร๊ะ
    เวลาจิตส่งออกนอก เราก็รู้ วาง เฉยเสีย อย่าเสียเวลาสนใจมัน
    เพราะนั่นคือ เจตสิกตนเอง บางวันตื่นมาเป็นบุญกุศล
    บางวันตื่นมาเป็นบาปเป็นอกุศล หรือ บางวัน เฉยๆ ไม่มีอารมณ์ใดๆ
    ทั้งหมดนี้ พระไม่ให้สนใจ เพราะมันเป็นธรรมชาติแห่งจิตเขา
    หากผู้ปฎิบัติมีสติปัญญามากพอ ก็จะรู้เท่าทันกับสิ่งเหล่านี้เอง
    พอรู้มากขึ้นไปๆแล้ว เด๊วจิตก็เลิกสนใจ นี่ไง เรียกว่า ปล่อยวาง
    การปล่อยเป็นหน้าที่ของจิตโดยตรง แต่จะปล่อยวางด้วยปัญญา
    หรือปล่อยวางด้วยระดับสติปัญญา ปัญญาญาณของผู้นั้น

    พอแร๊ะ เดี๋ยวเครื่องติด หาทางลงไม่เจอ
    โมทนาสาธุ ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม

    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง...

     
  9. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]
     
  10. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [​IMG]

    เวลาที่ปฏิบัติน่ะ ไม่ใช่มานั่งเงียบ ๆ นะ กลางวันทำงานก่อสร้างด้วย เรียนหนังสือด้วย นุงนังจิปาถะ ไม่ใช่นั่งเฉพาะไม่มีงานไม่มีการ แบบนี้พระพุทธเจ้าไม่ใช้ แบบที่เข้ากุฏิเจริญพระกรรมฐาน กินข้าวก็มีคนไปส่งข้าว ล้างชามไม่ได้ แบบนี้ไม่ใช่พระ พระพุทธเจ้าเองท่านก็ล้างบาตรเองเช็ดบาตรเอง ทำความสะอาดพื้นที่เอง

    คนที่หลับตาเก่งนาน ๆ จะนึกว่าจะได้กรรมฐานดี ฉันไม่เชื่อเพราะถ้าจะดีจริง ๆ มันต้องดีทั้งหลับตา ดีทั้งลืมตา ดีทั้งอยู่ในที่สงัด ดีทั้งอยู่ในที่เกลือกกลั้วไปด้วยประชาชน ดีทั้งที่เวลาร่างกายปกติ และก็ดีทั้งที่เวลาร่างกายไม่ปกติ อารมณ์ต้องดีทั้งในขณะที่เราฟังคำสรรเสริญ และก็ดีทั้งในขณะที่คนเขาด่าเรา อารมณ์ของเราจะต้องสม่ำเสมอกัน ไม่ขึ้นไม่ลง ใครเขาสรรเสริญก็เฉย ใครเขานินทาว่าร้ายก็เฉย อารมณ์เงียบสงัด เสียงเงียบสงัดเราก็เฉย เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจโวยวายเราก็เฉย ลงเฉยเสียหมดมันก็หมดเรื่องกัน


    อ้างอิงจากหนังสือโอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุงเล่ม ๑
     
  11. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    โอวาทธรรมจากพระภิกษุ รูปหนึ่ง...

    “แต่ละขันธ์ห้าย่อมต้องมีวิบากกรรมติดมา ไม่มี พ่อ แม่ ลูก...
    ทุกคนเกิดมาเพื่อเสวยกรรม วิบากนี้เขาจะตามมาขอชดใช้ให้เจ็บแสบ
    จะเจ็บแสบได้สมใจก็ต้องเกิดมาเป็นลูกอันเป็นที่รัก
    ความรู้สึกในความผูกพันนั้น คือพรหมวิหารธรรมที่มีต่อกัน
    แล้วต่างคนก็ต่างตาย ต่างสลายตัวไป ...
    ทุกคนล้วนขับรถกายคตา เพื่อมาเสวยกรรม เมื่อรถคันนี้พังก็จบ สกปรกก็ล้าง
    รถเสียก็ซ่อม น้ำมันหมดก็เติม เงินของเรามี ให้อยู่ในศีล ๕ จึงจะปลอดภัย
    ต้องเรียนวิชาการ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงกายคตานี้
    จิตเราไม่ต้องการขันธ์ ๕ อันเป็นทุกข์นี้อีก...เราจะไปพระนิพพาน” ...

    Cr..Fb Nong Bhornpita
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    กรรมฐานที่หลวงปู่ท่านเมตตาสอน

    ลูกขอน้อมจิตกราบแทบเท้าหลวงปู่ดู่ด้วยเศียรเกล้า..สาธุ

    (ตามลิงค์ข้างล่างนี้เลย)​

     
  13. ladylamb

    ladylamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +200
    สมเด็จองค์ปฐม.jpg
    ให้กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกให้มาก
    เพื่อเป็นการฝึกฝนจิตให้มีสติ-สัมปชัญญะทรงตัว
    กำลังใจที่จักปฏิบัติธรรมก็จักมั่นคงขึ้น
    ทุกอย่างอาศัยซึ่งกันและกันอยู่
    โดยถ้าหากคล่องในอานาปานัสสติกองเดียว
    ก็จักคุมกรรมฐานอีก ๓๙ กองได้หมด

    สมเด็จองค์ปฐม
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    คำสอน สมเด็จองค์ปฐม

    ให้พิจารณาขันธ์ ๕ ของตน และบุคคลอื่น ว่าในที่สุดก็ต้องตาย ขันธ์ ๕ มีแต่ความเสื่อม สกปรกหมด ถ้าหากไม่ชำระจิตให้สะอาดดีแล้ว ก็ต้องจุติสู่ภพสู่ชาติกันอีกต่อไป จักมานั่งรัก นั่งโกรธขันธ์ ๕ ของตนและบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์อันใด ขึ้นชื่อว่าขันธ์ ๕ มันไม่เที่ยง เป็นเพียงธาตุ ๔ มีอาการ ๓๒ เข้ามาประชุมกันชั่วครั้งชั่วคราว ขันธ์ ๕ ทุกรูปทุกนามเต็มไปด้วยความทุกข์ เต็มไปด้วยโทษ ยิ่งมัวเมาอยู่ในอารมณ์ราคะ ปฏิฆะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องกลับมาเกิด พบกับขันธ์ ๕ ที่เต็มไปด้วยโทษและทุกข์เช่นนี้อีก

    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
    รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน​
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    " พ ร ะ ใ น จิ ต "

    จะกราบ จะไหว้ ตอนไหน ก็สะดวกทั้งนั้น
    ไม่ว่าเราจะไปไหน อยู่ตรงไหน เราไม่ต้องแบกพระไปด้วย
    ถึงอยากแบกก็แบกไปไม่ได้ แต่พระในจิตเราตามไปทุกที
    ภาวนาเมื่อไหร่ ระลึกเมื่อไหร่ นึกเมื่อไหร่ ก็ถึงทันที
    อย่างนี้ จึงจะถือว่า กราบพระ ไหว้พระ ด้วยจิต ด้วยใจจริง
    พระมิได้อยู่นอกจิต แต่อยู่ในจิตเราตลอด
    อย่างนี้ จึงจะถือว่า จิตคือพระ พระคือจิต
    ทำไป ทำมา จิตเราก็จะกลายเป็นพระในที่สุด
    อย่างนี้ จึงถือว่า บวชจิต มิได้บวชกาย
    เมื่อจิตเราเป็นพระ เราไม่จำไปตามหาพระจากที่ใด

    เลิกคบจิตมนุษย์ คบจิตพระดีกว่า
    จิตมนุษย์เต็มไปด้วยกิเลสตัณหาฯ
    จิตพระเต็มไปด้วยความสงบสุขฯ

    ผู้ใดบวชแต่กาย มิได้บวชจิต
    จึงสวยงามแต่ภายนอก มนุษย์ชม!
    หากผู้ใดเน้นบวชจิตอย่างเดียว เทพพรหมสรรเสริญ!
    หากบวชแต่กาย มิได้บวชจิต
    ระวัง! ติดหนีสงฆ์
    เพราะบวชแต่กาย แต่จิตไม่สำรวม
    เมื่อจิตไม่สำรวม จิตจึงไปตั้งแต่บาปหรืออกุศล

    กายหายใจเข้าเป็นอ๊อกซิเจน หายใจออกเป็นคาร์บอนไดฯ
    หากจิตเป็นพระ หายใจเข้า-ออกเป็นพระ
    หากจิตเป็นพระ ก็รู้สำรวม เห็นทุกลมหายใจเป็นพระ เป็นธรรม
    แม้นกระทั่ง ลมหายใจก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆเรา แต่เป็นของกายหยาบ
    หมดลมคือตาย กายตาย จิตไม่ตาย ไปตามกายหรือตามลมหายใจ
    หากมองลึกหรือละเอียดยิ่งกว่านี้ แล้วจะเห็นอารมณ์ มิใช่ลมหยาบหรือละเอียด
    ยิ่งจิตเป็นสมาธิมาก นิ่งมาก ก็ยิ่งมองเห็นอารมณ์ ธรรมารมณ์หรือเจตสิกชัด
    หากมองเห็นชัด+ต่อเนื่อง เท่ากับเห็นธรรม เห็นสภาวธรรม คือการเห็นสภาวะจิต

    สรุปผู้ที่มองเห็นธรรมารมณ์ หรืออารมณ์จิตชัดเจน นั่นก็คือ สมาธิจิต
    เพราะคนที่เห็นธรรมารมณ์ หรืออารมณ์จิต นั่นก็คือ จิต นั่นเอง
    หากสมาธิจิตเกิดมาก เกิดต่อเนื่อง
    สมาธิจิตจักกลายเป็นจิตปัญญา คือตัวผู้รู้
    เมื่อจิตปัญญาเกิดต่อเนื่อง ย่อมมองเห็นอัตตาละเอียด คืออารมณ์จิต
    หากจิตปัญญามองเห็นอารมณ์ เห็นอัตตาละเอียดชัด
    จิตปัญญา(ตัวผู้รู้) จักวางตัวถูกรู้(จิตไปรู้) คืออารมณ์ คืออัตตาละเอียด

    เมื่อจิตปัญญา วางตัวถูกรู้(อารมณ์หรืออัตตาละเอียด)
    ต่อไปฯ จิตปัญญาจะวางจิตปัญญา(วางตัวรู้)
    ต่อไป เราก็รู้จัก คำว่า สักแต่ว่า สักแต่รู้ เท่านั้นเอง

    นี่คือ การวางอารมณ์จิต
    นี่คือ การวางตัวจิต
    นี่คือ การวางอัตตามานะอันละเอียดของตน
    นี่คือ ไม่ยึดในสังขารขันธ์ ไม่ยึดในวิญญาณขันธ์
    นี่คือ การอยู่เหนือขันธ์๕ตนเอง

    การอยู่เหนือกรรมทั้งปวง อยู่เหนือโลก
    เพราะฉะนั้น เราจะต้องอยู่เหนือขันธ์๕
    ผู้ที่หมดเวรหมดกรรม ก็คือ ผู้ที่ไม่มีทุกขเวทนาทางจิตใจ
    เพราะอยู่เหนือขันธ์๕(ตนเอง) ฯ

    ธรรมะ..การปล่อยวางกิเลสฯ หยาบกลางละเอียดและละเอียดยิ๊บๆ
    ก็จบเพียงเท่านี้ฯ

    ภูทยานฌาน
     
  16. thipong

    thipong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2013
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,673
    .
    .
    .สาธุๆๆ ชอบคำว่าเบื่อโลกมากครับ..
    ..แต่เบื่อของผม มันยังไกลห่างนิพพานนี่สิ
    ..แต่ยังผมก็จะพยายาม คลานๆ และก็คลานไปครับ..
    ..สาธุๆๆๆ
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 35 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 33 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    ภูทยานฌาน2, thipong

    สงกรานต์ปีนี้
    ขอให้ทุกท่านจงมีแต่ความสุข
    ทำแต่บุญกุศล
    เพราะมีอยู่สิ่งเดียว จะดลจิตให้เราพบกับสิ่งที่ดี
    ปลอดภัยในอนาคตข้างหน้า
    เพราะหลังสงกรานต์ไปแล้ว
    หากผู้ใดไม่เกาะบุญกุศล เกาะพระ เกาะธรรม
    ไม่สนใจศีลธรรม คำว่า อันตราย มักเข้าหาตนฯ
     
  18. thipong

    thipong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2013
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +1,673
    ..
    .พอดีเป็นอะไรมะรู้ กดอนุโมทนา กับเค้าแล้วก็จะมีเตือน
    .ว่าไม่ได้รับอนุญาต อะไรประมาณนั้น
    ..เลยบางเม้นก็กดไม่ได้
    ..ขออภัย
    ..
    .และขออนุโมทนาสาธุๆๆ กับทุกๆท่านที่นำธรรมะดีๆมาเผยแพร่..
    ..
    ..ถนนสายนิพพานนั้น จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย..
    ..ขอเพียงใจเราต้องเพียรพยายาม ฝึกฝนต่อไป..
    ..
    .ช้าหรือเร็ว เราก็จะไปให้ถึงครับ..
    ..
    .
    ..ผมขอปักธงไว้ก่อน...แระกันครับ..
    ..ไงๆก็อุ่นใจไว้ก่อน+5555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2014
  19. newwave1959

    newwave1959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +2,681
    [​IMG]




    จงอย่าเมตตาแบบโง่ๆ
    โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    พระพุทธเจ้า แบ่งคนไว้เป็น 4 พวก คือ

    1. อุคฆฏิตัญญู คนมีปัญญาดี

    2. วิปจิตัญญ ปัญญาต่ำมานิดหนึ่ง

    3. เนยยะ พอแนะนำได้ เมื่ออธิบายหลายๆ ครั้ง
    อันนี้คน 3 จำพวกนี้ พระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ

    4. ปทปรมะ เอาดีไม่ได้นี้ องค์สมเด็จพระจอมไตร
    ทรงเสด็จหลีก ไม่ทรงสั่งสอน จะถือว่า พระองค์
    ขาดเมตตาไม่ได้ ทั้งนี้ เพราะอะไร เพราะสอนเขา
    เขาไม่รับฟัง

    สำหรับพวกเราก็เหมือนกัน ถ้าจะแสดงเมตตาจิต
    ก็ดูเสียก่อนว่า คนประเภทนั้นเราควรจะเมตตาไหม
    แต่เห็นว่าแนะนำแล้ว ไม่ได้ผล ก็จงอย่าสงเคราะห์
    คนประเภทนั้น หลีกไปเสีย อย่างพระพุทธเจ้าทรงหลีก
    แต่ทว่าเขาไม่เลื่อมใส ในองค์สมเด็จ พระบรมสุคต
    ไม่เชื่อพระสัพพัญญู สมเด็จพระบรมครูก็ไม่ทรงสั่งสอน
    นี่ดูเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ใครไปใครมาก็เมตตาเสียดะ
    เมตตาโง่ๆ แบบนั้นจะสร้างความเดือดร้อน เหมือนกับ
    เราจะให้ของเขา เขาไม่รับ ไปให้เขาทำไม
    ไม่ต้องไปอ้อนวอน ไม่ ต้องไปแค่นเขาให้รับ

    และ อีกประการหนึ่ง วันเวลา กำหนดระเบียบวินัย
    เป็นของสำคัญ จงอย่าเมตตาคน เกินกว่าระเบียบวินัย
    ดูตัวอย่าง องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา
    มีพระมหากรุณา ไม่มีขอบเขต แต่องค์สมเด็จ
    พระบรมโลกเชษฐ ทรงวางวินัย ไว้ลงโทษพระ
    ลงโทษเณร ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า ถ้าไม่มี
    ระเบียบวินัย คนนั้น เราเมตตาไม่ได้
    เพราะเป็นคนเลว พระพุทธเจ้าทรงวางวินัย
    ไว้กี่พันข้อ 227 นี่มัน ยังไม่หมด ยังมี ส่วน
    อภิสมาจารบ้าง ยังส่วนธรรมะ บ้างที่พระองค์
    ทรงห้าม นี่เป็นอันว่า พระพุทธเจ้ามีพระมหา
    กรุณาธิคุณ ก็จริงแหล่ แต่ทว่า ทรงเลือก
    เอาแต่เฉพาะคนดีเท่านั้น

    Cr.BuddhaSattha

    *****************************


    ขอเจริญในธรรม ด้วยจิตคารวะ

    newwave1959

    ปาราเมศ จบ.14
     
  20. newwave1959

    newwave1959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +2,681
    [​IMG]

    อิทธิบาทสี่ ธรรมแห่งความสำเร็จในการทำงาน มี 4 ประการ คือ

    1. ฉันทะ ได้แก่ ความพึงพอใจในสิ่งที่ทำอยู่บุคคลควรรักงานรักเพื่อนร่วมงาน รักหมู่คณะ และสถาบัน เมื่อบุคคลมีความพอใจมีความรักในสิ่งที่ตนทำ สิ่งต่างๆที่ตนแสดงพฤติกรรมออกมาก็จะดีด้วย มนุษย์ควรให้ความรักแก่กัน ตั้งแต่รักกันภายในครอบครัว รักกันในกลุ่มงานและสังคม

    2. วิริยะ ได้แก่ ความเพียรพยายามการมีความขยัน อดทนมีมานะ บากบั่นจนประสบผลสำเร็จ ดังสุภาษิตที่ว่า มีความพยายามที่ไหนที่นั่นย่อมประสบความสำเร็จ เช่น ต้องการเรียนเก่ง นักศึกษาก็ต้องหมั่นท่องอ่านทำรายงาน ทำแบบฝึกหัด รับผิดชอบต่อการเรียนมีวินัย ความพยายามจะทำให้นักศึกษาสอบได้ดี

    3. จิตตะ ได้แก่ ความตั้งใจ การฝักใฝ่อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือการทำงานเอาใจใส่ต่องานที่ทำ มีความตั้งใจว่าจะทำทุกอย่างให้ดี ทำให้ได้ มีเจตนาแน่วแน่ทุกอย่างย่อมสำเร็จ

    4. วิมังสา ได้แก่ ความสุขุม รอบคอบพินิจพิจารณาสิ่งที่ทำด้วยปัญญา มีการตรวจตราอยู่สม่ำเสมอ เหมือนที่กล่าวว่ามีความฉลาดอย่าขาดเฉลียว หมายถึงการทำการใดๆ ให้รอบคอบมีความละเอียดลออในงานที่เราได้กระทำ

    Cr.Fb. พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    ***************************************************


    ขอเจริญในธรรม ด้วยจิตคารวะ

    newwave1959

    ปาราเมศ จบ.14
     

แชร์หน้านี้

Loading...