เมื่อหลวงปู่มั่นแก้สมาธิให้หลวงปู่เทสก์ว่า "ท่านอย่าให้จิตรวมเป็นภวังค์"

หลวงปู่เทสก์ :ที่ต้องตามหาท่านในครั้งนี้ด้วยมีจุดประสงค์อยากจะมาขอความกรุณาให้ท่านช่วยแก้อุบายภาวนาให้ เพราะกระผมได้คิดและได้ศึกษามามาก แล้วเห็นว่านอกจากอาจารย์แล้ว คงไม่มีใครแก้อุบายนี้ของกระผมได้แน่

หลวงปู่มั่น :ถ้าองค์ไหนดำเนินตามรอยของผมจนชำนิชำนาญมั่นคง องค์นั้นย่อมเจริญก้าวหน้า อย่างน้อยก็คงตัวอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง ถ้าองค์ไหนไม่ดำเนินตามรอยของผม องค์นั้นย่อมอยู่ไม่ทนนาน ต้องเสื่อมหรือสึกไป ผมเองหากมีภาระมากยุ่งกับหมู่คณะ การประกอบความเพียรไม่สม่ำเสมอ เพ่งพิจารณาในกายคตาไม่ละเอียด จิตใจก็ไม่ค่อยจะโปรดโปร่ง การพิจารณาอย่าให้จิตหนีออกนอกกายอันนี้ จะชัดเจนแจ่มแจ้งหรือไม่ก็อย่าได้ท้อถอย เพ่งพิจารณาอยู่ ณ ที่นี่ล่ะ จะพิจารณาให้เห็นเป็นอสุภะ หรือให้เห็นเป็นธาตุก็ได้ หรือจะพิจารณาให้เห็นเป็นขันธ์ หรือให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ได้ทั้งนั้น แต่ให้พิจารณาเพ่งลงเฉพาะในเรื่องนั้นจริงๆตลอดอิริยาบถทั้งสี่ แล้วมิใช่ว่าเห็นแล้วจะหยุดเสียเมื่อไร จะเห็นชัดหรือไม่ชัดก็พิจารณาอยู่อย่างนั้นแหละ เมื่อพิจารณาอันใดชัดเจนแจ่มแจ้งด้วยใจตนเองแล้ว สิ่งอื่นนอกจากนี้จะมาปรากฏชัดในที่เดียวดอก ท่านอย่าให้จิตมันรวมเข้าเป็นภวังค์ได้............


คัดลอกจากหนังสือกรรมฐานสี่สิบสมาธิแบบพระพุทธเจ้า สำนักพิมพ์ธรรมสภา

 

เทคนิควิธีการถ่ายทอดค่อนข้างคลอบคลุมหลากหลายแนวครับ..

 

ส่วนตัวเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว เคยฝันเห็นหลวงปู่มั่นท่านมาสอนธรรมะ (โปรดใช้วิจารณาญาณ เล่าประสบการณ์ให้ฟังเล่นๆ เพราะนิมิตก็คือนิมิต ความฝันก็คือความฝัน หาใช่ความจริงไม่ ตามทฤษฎีสาเหตุแห่งนิมิต และความฝันก็มีหลากประการ)

เหตุการณ์ในฝันคือ

ในฝันเห็นพระองค์หนึ่งผอมๆ ท่านบอกว่าท่านคือหลวงปู่มั่น แต่ส่วนตัวจิตเราไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ต้องพิสูจน์เสมอ ท่านเหมือนจะรู้ใจ ท่านเลยบอกว่า ท่านมีหลักฐานมายืนยันว่าเป็นท่านจริง...รู้สึกว่าจะเอาเอกสารทางพระสงฆ์ มีตราประทับทางสงฆ์ชัดเจนอะไรสักอย่างนี่แหละมีชื่อท่านในนั้น...แล้วก็บอกอะไรบางอย่าง(ไม่ขออนุญาตเล่าตรงนี้)...
หลังจากนั้นท่านก็หายไป แล้วในฝันก็เห็นภาพตัวเองซ้อนขึ้นมา เห็นมีเนื้อ 1 ก้อนอยู่ตรงหน้า เราเห็นก็หยิบมากินเลย ด้วยปกตินิสัยตอนนั้นที่เป็นคนใจร้อนมาก พอกินเข้าไปสักพัก ก็เกิดอาการปวดท้อง ท้องเดินขึ้นมา...ทรมานมากแทบจะตายได้เลย...แล้วได้ยินเสียงท่านสอนบอกว่า...”การจะทำอะไรก็แล้วแต่ มันต้องใช้เวลาทุกสิ่งทุกอย่างมีเวลาของมัน เนื้อสดที่ได้มานี้ โดยปกติเราต้องเอาไปหั่น จากนั้นเอาไปทำกับข้าวให้สุก ปรุงรส ตักใส่ถ้วยก่อน แล้วค่อยรับประทาน”
หลังจากตอนนั้นมา เราก็พยายามปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ที่สำคัญคืออยู่กับปัจจุบันได้ดีขึ้น พยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุดนั่นเองก็เข้าใจว่า คำสอนของท่าน(ในฝัน) กินใจเหลือเกินลึกเข้าไปอยู่ในจิต เป็นคำสอนสั้นๆ แต่ได้ใจความ และไม่ได้สอนพร่ำเพรื่อ
แต่เหตุการณ์แปลกมากอีกอย่างคือ หลังจากนั้น ไม่ถึงอาทิตย์ ไปทำธุระต่างจังหวัดทางอีสาน ก็มีคนแจกหนังสือรวบรวมธรรมะของท่าน 1 เล่มพอดี สาธุ สาธุ สาธุ __/\__

 

สาธุครับ