จิตไม่นิ่งชอบนึกแวปว่าครูบาอาจารย์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Pom moup, 26 ธันวาคม 2007.

  1. Pom moup

    Pom moup Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +51
    จิตไม่นิ่งชอบนึกแวปว่าครูบาอาจารย์ มีวิธีแก้ไขอย่างไร
     
  2. ดั่งจันทรา

    ดั่งจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +693
    แสดงว่าการปฏิบัติไปถูกทางแล้วครับ ช่วงนี้เรียกว่าเข้าสู่ช่วงมารสิงใจ เห็นอาจารย์ เห็นพระ เห็นพระพุทธรูปเห็นสิ่งดีๆอยากด่า อยากว่า อยากล่วงเกิน ให้ใช้ปัญญาอบรมจิตตนเองไปเรื่อยๆครับ สอนให้จิตรู้ว่าอะไรดี ไม่ดี
    ฝืนไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งมารก็พ่ายแพ้ เราก็มีชัย ที่สำคัญอย่าให้ใจตกลงไปเบื้องต่ำ และอย่าเป็นผู้ถอยหลังครับ อนุโมทนาสำหรับบุญกุศลนะครับ









    เชิญบูชาวัตถุพลังแสงทิพย์
    http://palungjit.org/showthread.php?t=105421
    เชิญร่วมสร้างองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา
    http://palungjit.org/showthread.php?t=105420
    อัตตนา โจทยัตตานัง
    จงกล่าวโทษโจษความผิดตนเองเสมอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2008
  3. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +39,008
    คงเกิดจากกิเลสมันพยามยามจะดึงเราไว้ไม่ให้ทำดี คงต้องพยายามอย่าส่งจิตออกนอก ถ้ารู้ตัวต้องรีบดับโดยเร็วและขอขมาครูบาอาจารย์ น่าจะพอช่วยได้ ผมก็มักเป็นบ่อยๆก่อนนี้(เพราะจิตมันชอบรู้มากจากสัญญาต่างๆ) ใครมีข้อเสนอแนะที่ดีช่วยแนะนำต่อด้วยครับ
     
  4. เถรี

    เถรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +6,511
    ถาม : แล้วอย่างการปฏิบัติ อย่างเรารู้สึกตัวเองระยะหลังนี่บางทีเวลาจับพระนี่ เราจะรู้สึกว่าอกุศลจิตเข้ามาบ่อยมาก เป็นเพราะว่านั่นคือจิตลึก ๆ ของเราที่.....?

    ตอบ : อันนั้นเรียก มารดลใจ ก็ได้ มาร ๕ ประเภทเขาพยายามขวางเราอยู่ตลอดเวลา เวลาไหนที่เราทำความดีใกล้จะถึงจุดที่เราต้องการ เขาจะพยายามเบี่ยงความสนใจเราไปสนใจอย่างอื่นแทน ดึงไปหา รัก โลภ โกรธ หลงแทน ดึงให้รู้สึกปรามาสพระรัตนตรัยแทน ถ้าหากว่าเราปรามาสพระรัตนตรัยปุ๊บเขาก็สบายใจแล้ว
    เพราะว่าบุคคลที่ปรามาสพระรัตนตรัย เข้าไม่ถึงความเป็นพระอริยเจ้าหลุดมือเขาไม่ได้ เรายังตกอยู่ในอำนาจเขาต่อไป เพราะฉะนั้นเขาพยายามที่จะทำให้เราเบนไปจากจุดที่เรากำลังจะเข้าถึง ถึงได้เคยบอกกับโยมหลายคนว่า ตอนที่ฟุ้งซ่านมาก ๆ ตอนนั้นเรากำลังใกล้ความดีที่สุด เขาก็เลยพยายามจะดึงให้เราฟุ้งซ่านเพื่อที่เราพ้นจากจุดนั้นไป
    ถ้าเราตั้งสติซักนิด ทบทวนย้อนหลังสักนิดหนึ่งว่าเราทำอะไรถึงมาถึงจุดนี้ จะสังเกตได้ว่าก่อนฟุ้งซ่านเราต้องกำลังใจดีมากเลย เพราะฉะนั้นทบทวนย้อนหลังไปซิว่าตอนที่ดี ๆ เพราะอะไรแล้วเราทำแบบนั้นต่อไปมันจะเข้าถึงได้ง่ายมาก เพราะมันเหมือนกับว่าเราอยู่ปากประตูแล้ว แต่เขาเบี่ยงเราไปให้เดินไปทางอื่นแทน
    เพราะฉะนั้นถึงเป็นการดลใจของมารก็จริง แต่เราก็ปรามาสพระรัตนตรัยด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจเหมือนกัน ถึงเขาจะดลใจให้ทำ แต่เราก็ทำไปแล้วด้วยตัวเขาเรา เพราะฉะนั้นเราต้องขอขมาพระรัตนตรัยอยู่ทุกครั้งที่เราจะทำความดี ไม่ว่าจะเป็นสวดมนต์ไหว้พระ ทำกรรมฐานอะไรก็ตามตั้งใจขอขมาพระซะก่อน มันจะตัดกรรมตัวนี้ไป เจ้าพวกนี้มันจะแกล้งอยู่ตลอดเวลาเป็นการทดสอบของเขาอย่างหนึ่ง หน้าที่ของเขาที่ทำอย่างนั้น หน้าที่ของเราคือหนีเขาให้พ้น ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง ไม่ต้องไปเป็นศัตรูกับใครหรอก

    ถาม : แล้วจะบาปหนักหรือเปล่า เวลาหนูกราบพระทีไรจะรู้สึกได้เลยว่า เหมือนมีความรู้สึกว่าจะปฏิบัติไม่ดีหรือเหมือนกับหนูจะเอาเท้าขึ้นมาซึ่ง ........(ไม่ชัด).............

    ตอบ : นั่นน่ะ ลักษณะอาการมันไม่ได้หนัก ไม่ได้หนาอะไรหรอก มันเป็นอาการที่เขาจะทำให้เราเป็นอย่างนั้น ก็บอกแล้วให้ตั้งใจขอขมาพระ พวกนี้มันสู้ลูกตื๊อไม่ได้หรอก เขาทำให้เราคิดอย่างนั้นได้ ปรามาสอยา่งนั้นได้ เราก็ตั้งใจขอขมาไปเรื่อย พอเรารู้ทันเขา ๆ ก็เลิก รู้ว่าวิธีนี้เล่นงานเราไม่ได้แล้ว เล่นท่าไหนก็ขอขมาตะบันลาดอย่างเดียว โทษก็ไม่เกิดขึ้นเขาก็เลิกไปเอง
    แต่ว่ามันก็ยุ่ง ๆ ทำให้เรากลุ้มใจอยู่ระยะหนึ่งเหมือนกัน พอรู้เราก็เลิกกลุ้มซะ เอ็งมีหน้าที่แกล้งก็แกล้งไป ข้ามีหน้าที่ขอขมาข้าก็ขอของข้ามันก็จบ ถ้าไม่เข้าถึงความดีเขาไม่แกล้งเราหรอกเสียเวลาเปล่า เขากลัวว่าเราจะหลุดมือเขา ๆ ก็เลยพยายามแกล้งเพื่อจะดึงเรากลับ แสดงว่าเริ่มเข้าถึงจุดของความดี ทบทวนไปว่าก่อนหน้านี้ทำยังไง แล้วก็ย้ำจุดนั้นบ่อย ๆ ทำบ่อย ๆ ย้ำแล้วย้ำอีกอย่าไปเบื่อ พอเราย้ำมาก ๆ เข้าเดี๋ยวมันก็เป็นของเราไปเอง


    จาก http://www.grathonbook.net/book/14.5.html
     
  5. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    ขอขมาโทษดะเลยครับ....

    ไอ้จิตนี่ไม่รักดีซะแล้ว จะไปว่าครูบาอาจารย์ได้ไง..

    แต่เราก็ดันห้ามมันไม่ได้อีกใช่ไหม .ซะงั้นแหละ
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ไม่ต้องแก้

    แค่รู้ว่าเกิด รู้ให้ทัน ยิ่งไวยิ่งทัน ก็ดีเอง

    ไม่ต้องไปเสียใจ โกรธอะไร ก็จิตเขาไม่ใช่เรา

    ไม่ใช่ของเรา มันก็ลั่นเปรี๊ยะประของมันไปเรื่อย

    เหมือนปรากฏการณ์ธรรมชาติ ฟ้าหม่นเมฆบังตัวตน ฟ้าก็แล๊บ
     
  7. dulachat

    dulachat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +63
    โดน!!สุดๆ
    ตัวผมเองมีความสงสัยมานานพอสมควรกับอาการแบบนี้
    ที่จริงผมได้พิจารณาว่ามันเป็นเพราะเหตุใด ทำไมถึงแวปปคิดไปอย่างนั้น
    จนมีคำตอบออกมาจากใจว่ามันเป็นจิตมาร ตอนแรกก็ยังไม่แน่ใจ จนมาอ่านกระทู้นี้ ก็ได้คำตอบที่ตรงกัน ที่จริงผมอยากจะถามเรื่องนี้กับพระที่รู้ แต่ด้วยความไม่สะดวกหลายๆอย่างจึงไม่ด้ถาม


    ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
     
  8. ขอมจำแลง

    ขอมจำแลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +1,274
    จิตพอเริ่มสะอาดมากขึ้นๆ กิเลสละเอียดต่างๆจะเริ่มเปลี่ยนหน้าตาเข้ามาทดสอบ..เป็นเรื่องปกติธรรมดา ทุกคนจะต้องพานพบ เมื่อจิตเข้าสู่สมาธิได้ต่อเนื่องไม่ขาดสาย ก็จะหายไปเอง หรือทรงอนุสติบางตัวได้ดีพอ เช่น ศีลานุสสติกรรมฐาน โดยเฉพาะในพระโสดาบันจะไม่มีการปรามาศพระรัตนไตรเลย
     
  9. อาหลี_99

    อาหลี_99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    744
    ค่าพลัง:
    +2,992
    จับตาดูมันไอความคิด หรือจิตที่ว่าคิดไปแล้วก้จบไปแล้ว จะแก้อย่างไรกับอดีตที่ไม่มีแล้ว จบไปแล้ว ถ้ารู้ว่าคิดด่าแล้วปลอยวางไป คิดด่า น้อง ด่าลุง ด่าป้า ด่าพระด่าเพื่อนรู้ปั๊ดปล่อยมานไป ยังจะเก็บมาคิด คิด คิด คิด คิด คิด คิด อ้าว คิดไม่หยุดเลยทุกข์ใจ วิ่งหาทางแก้ก็ต้องคิดอีกแก้ยังไง ทุกข์ ทุกข์ ทุกข์ ทุกข์ว่าด่าอาจารไปแล้ว คิดอีกทำไงดี ทำไงดีด่าไปแล้ว น้านรู้สึกไม่ดีที่คิดด่า แต่ก็ยังต้องคิดว่าด่าอยู่ เลยบวก++++บวกการด่าไปอีกโดยไม่รู้ตัวด่าทั้งตัวเองด่าทั้งอาจารง้อกำ ดันสร้างทุกข์ให้ตัวเอง ถ้ารู้ว่าด่าก็รู้ปล่อยวาง วาง วาง ปล่อยวาง วาง วาง
    ^^ปัจุบันอารม ต้นธาตุแห่งชีวิต^^

    ^ ^
     
  10. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ลองเข้าไปดูนะคะ เป็นเหมือนกันค่ะ

    http://larndham.net/index.php?showtopic=25033&st=0#top

    http://larndham.net/index.php?showtopic=22878&st=0#top

    และลองเข้าไปศึกษาที่ www.wimutti.net ดูนะคะ กำลังใช้วิธิดูจิตอยู่ค่ะ คิดดีก้อรู้ คิดไม่ดีก้อรู้ นะคะ

    บุญรักษาค่ะ
     
  11. ธนานุวัตร

    ธนานุวัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +968
    ผมก็เป็นเหมือนกันช่วงแรกๆที่เริ่มสนใจในเรื่องธรรมมะเริ่มปฏิบัติกรรมฐานไม่มีความรู้สึกอยากจะด่าเลย แต่มาช่วงนี้เริ่มด่าครูบาอาจารย์ขึ้นมา มันมาเป็นแว๊ปๆความคิดแบบนี้บางทีจิตเริ่มนิ่งหรือเริ่มมีสติเอาละมันมาอีกแล้ว แค่นั้นยังไม่พอ ยังลามไปด่าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย รู้สึกว่าตัวเรานี่ทำไมเลวอย่างนี้บางช่วงเริ่มรู้สึกอยากจะด่าขึ้นมาก็เลยต้องคอยดูมันคอยยับยั้งหาเรื่องอื่นคิดให้ลืมความอยากด่า บางทีก็ภาวนาพุทโธครับ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ บางทีด่าไปแล้วก็กลับมาด่าจิตตัวเองด้วยว่าด่าครูบาอาจารย์และองค์สมเด็จทำไม ทำไมจึงคิดแบบนี้ ไม่รู้เมื่อไหร่จะหลุดอาการแบบนี้สักที
     
  12. panuwat_cps

    panuwat_cps เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +433
    อนุโมทนาครับ ผมก็เป็นอย่างนี้มาเป็นแรมปี ซึ่งปัจจุบันก็เป็นอยู่เคยอ่านหัวข้อในลักษณะนี้พบว่าอาการแบบนี้จะเป็นไม่นาน แต่ก็แปลกของผมรู้สึกจะเป็นนานจนปัจจุบันก็ยังไม่หาย ทั้งที่เราก็นับถือพระรัตนะด้วยความตั้งมั่นอยู่แล้ว แต่ไอ้อาการแว๊บคิดนู่นคิดนี่ไปปรามาสก็เกิดขึ้นอยู่เสมอ ผมก็พยายามรู้เท่าทันมันพยายามข่มมัน แต่ก็ทำให้รู้สึกรำคาญตัวเองอยู่เหมือนกัน อย่างไรเสียเมื่อได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาซึ่งนับว่าเป็นสิ่งอยากในโลกแล้วก็จะพยายามสู้ให้ถึงที่สุด ผมขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่มีอาการอย่างเช่นผม และขอทุกท่านจงถึงพระนิพพานกันทุกคนตามที่ตนปรารถนาไว้

    (i)
    "โกหินาโถ ปโรสิยา" บุคคลอื่นใดใครเล่านักเป็นที่พึ่งได้
    "อัตตนา หิ สุทันเตนะ" ถ้าเราฝึกฝนตนของตนดีแล้วไซร์
    "ยังกิญจิ สมุทยธัมมัง" สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
    "สัพพันตัง นิโรธธัมมัง" สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับไปเป็นธรรมดา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2007
  13. แอบยิ้ม

    แอบยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +455
    ครูอาจารย์เปรียบดังทิศเบื้องขวาของเรา (เปรียบประดุจดังแขนขวา)
    พระพุทธเจ้าตรัสสอนผู้เป็นศิษย์ว่า ควรปฏิบัติต่อครูอารย์ ๕ ประการคือ....
    ๑. ด้วยการลุกขึ้นยืนต้อนรับ
    ๒. ด้วยการเข้าไปยืนคอยรับใช้
    ๓. ด้วยการเคารพเชื่อฟัง
    ๔. ด้วยการอุปัฏฐาก (คอยดูแลปรนนิบัติ)
    ๕. ด้วยการตั้งใจเล่าเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ
    ครูอาจารย์...ถึงอย่างไรก็เป็นครูอาจารย์
    มีบางคนพูดว่า....
    เป็นอาจารย์ หรือ เป็นศิษย์ เพียงวันเดียว...ก็เป็นไปจนตาย
    ถึงแม้ว่าบางครั้งเราอาจจะเห็นความย่อหย่อน หรือความบกพร่องแห่งคุณธรรมของท่านไปบ้าง
    แต่ก็ไม่ควรไปนึกตำหนิติเตียนท่าน เพราะจะทำให้จิตเราเศร้าหมองโดยไม่จำเป็น
    และเราจะแน่ใจได้ละหรือในเรื่องคุณธรรมของท่าน
    ดังเช่นมีเรื่องเล่าว่า....
    มีพระหลวงตาอาศัยเป็นศิษย์อยู่กับพระอรหันต์หนุ่มรูปหนึ่ง
    วันหนึ่งพระหลวงตาเกิดความสงสัย ถามพระอาจารย์ว่า
    "ท่านพระอาจารย์ครับ เราจะรู้ได้อย่างไรครับว่าใครเป็นพระอรหันต์ ?"
    "เออ...รู้ได้ยากนะหลวงตา มีพระหลวงตาบางองค์อาศัยอยู่ใกล้ชิดกับพระอรหันต์ตั้งเป็นเวลานาน ๆ ก็ยังไม่รู้เลยว่าท่านเป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์ท่านรู้ได้ยากอย่างนี้แหละ"
    เคยมีผู้เรียนถามพระอารย์ของผมว่า
    "ในครั้งพุทธกาล พอฟังธรรมจบก็สำเร็จเป็นพระอริยะกันมากมาย แต่ทำไมในปัจจุบันนี้ ฟังธรรมกันก็มาก แต่ทำไมไม่มีผู้สำเร็จเป็นพระอริยะเลย เจ้าคะ ?"
    "โยมรู้ได้อย่างไรล่ะ ว่าไม่มีใครสำเร็จเลย เพราะผู้ที่ท่านสำเร็จ ท่านก็ไม่บอกใคร ๆ หรอก ว่าท่านสำเร็จแล้ว หรือจะต้องให้ท่านติดป้ายประกาศไว้ที่หน้าอกว่า ฉันเป็นพระโสดาบันแล้วนะ โยมอย่าไปแสวงหาพระอริยะภายนอกเลย แสวงหาพระอริยะภายในตัวภายในใจเราดีกว่า....อย่าไปดูแคลนว่า ทำไมเค๊าถึงยังไม่เป็นพระอริยะ....ดูแคลนตัวเราดีกว่า "ทำไมเราถึงยังไม่เป็นพระอริยะกับเขาซักที"

    พระบาลีในมงคลสูตรว่า
    คาระโว จะ นิวาโต จะ ฯ
    ความเคารพนอบน้อมต่อครูอาจารย์ (รวมทั้งผู้ควรเคารพ) เป็นมงคลอันสูงสุด

    สาธุ....ขอน้อมกราบพระคุณครูบาอารย์ด้วยความเคารพอย่างสูง ฯ
     
  14. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +39,008
    มารไม่มีบารมีไม่แก่กล้า สาธุ ขออนุโมทนากับทุกความคิดเห็นครับ
     
  15. shesun

    shesun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +1,327
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้และผู้ตอบกระทู้ทุกท่านค่ะ เพิ่งรู้ว่ามีอาการอย่างนี้เหมือนกันหลายคน เมื่อก่อนกลุ้มใจมาก คิดว่าจิตเราหยาบกระด้างมาก จึงตำหนิครูบาอาจารย์ไปเรื่อย เคยตำหนิในใจแต่รู้สึกว่าเสียงดังมาก ครูบาอาจารย์ท่านก็คงได้ยิน ทั้งเราและครูบาอาจารย์ต่างผงะตกใจด้วยกันทั้งคู่ ปัจจุบันดีขึ้นแล้ว ใช้หลักที่หลายท่านแนะนำได้ผลค่ะ คือพอจิตตำหนิผุดขึ้นมา เราก็รู้ว่าขณะนี้จิตตำหนิเกิด เราก็รีบขอขมาในใจเดี๋ยวนั้นทันทีเลย เวลาสวดมนต์ไหว้พระก็ขอขมาอยู่เรื่อยๆ เดี๋ยวนี้จิตตำหนิอย่างนี้ไม่ค่อยเกิดแล้วค่ะ
     
  16. bunlert

    bunlert เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +820
    อนุโมทนา สาธุ..........

    สงสัยคงเป็นมาร ผจญ แน่แท้
     
  17. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ขออภัยนะ คุณอาจจะรู้วิธีแล้ว แต่ผมอ่านในนี้แล้วไม่ชัด เลยขอแสดงความเห็น

    ไม่ต้องไปตั้งท่าสู้อะไรเลยนะ ถ้ามันเกิด และรัลึกได้ว่า เกิด ก็หัวเราะเยาะมันไป แต่ไม่ใช่นึกขันตัวเองนะ เป็นการหัวเราะประมาณว่า เออ...แบบนี้ก็มี เออ....เอาอีกละ

    ถ้าทำได้แบบนี้ ตอนเกิดแว๊บ นี่อกุศล แต่ตอน ระลึกได้ว่าทำ นี้ก็ มหากุศล

    แล้วถ้าหัวเราะเยอะได้โดยไม่ได้ยินดี ยินร้าย เป็นอุเบกขาแบบกลางๆ อันนี้ก็ใกล้เห็นความเป็นจริง ไตรลักษณ์

    อย่าลืมนะ ไม่ต้องตั้งท่าอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องจ้อง ไม่ต้องจับ ไม่ต้องชก ไม่ต้องฉกให้ไว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2007
  18. golf135

    golf135 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +652
    อนุโมทนาคับ.. ตามประสบการณ์ส่วนตัวนะคับ แต่ก่อนก็เป็นคับ ร้ายกาจมาก แค่ยกมือจะพนมไหว้พระก็เอาแล้วคับ... ก็ขอคมาบ้างคับ บางทีนิดหน่อยก็ไม่ได้ทำอะไร ... แต่พอมานั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน นานๆเข้าก็จะทันจิตตัวเองคับ ตอนนี้ก็ยอมรับว่ามีบ้าง แต่น้อยมาก... แล้วไอ้ตอนที่มีก็คือ เวลามันจะมา เราก็จะทันมัน ระงับได้ทันทีคับ เหมือนแบบว่ายังพูด(คิด)ไม่ทันจบประโยค ก็หยุดได้ก่อน อะไรประมาณนั้นน่ะคับ ... ฝึกสมาธิไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คงดีเองนะคับ.. อันนี้เน้นตามที่ตัวผมเป็นนะคับ .. ผมก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอกคับ รอท่านที่ฝึกมากๆมาแล้วมาตอบต่อนะคับ ... ขอคุณพระรัตนตรัยคุ้มครองทุกท่านนะคับ
     
  19. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,166
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +29,754
    :) :) :) ธรรมดามากๆ ครับ :) :) :)


    ยื่งไปสนใจ เดือดเนื้อร้อนใจ หรือ อยากให้มันไม่มี

    มันยิ่ง อาละวาดหนัก....( ความอยากเป็นเหตุแห่งทุกข์)









    แนวทาง มีสามประการ

    1 คุณจับองค์ภาวนาต่อไป ( สมถะ) ตัวนั้นมันจะหน้าด้านด่าต่อก็ช่างมัน

    2 คุณ อาศัยวิปัสสนาล้วนๆ โดย กำหนดไปที่มันโดยตรง

    (แต่อย่าอยากให้มันดับเน้อ เป็นการสร้างตัณหาซ้อนเข้าไป ยิ่งยาก) ดูๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มันจะหน้าด้านไปถึงไหน

    3 คุณอาศัยสมถะผสมวิปัสสนา คือ

    กำหนดที่อาการแวบด่า ว่า " รู้หนอ" หรือ " ด่าหนอ"

    หรือ " จิตไม่ใช่เรา เราไม่ใช่จิต " ฯลฯ

    จนกว่ามันจะดับไปต่อหน้าต่อตา





    ปล. อย่าทำด้วยความอยาก :) (good)
     
  20. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,166
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +29,754
    อ้อ ลืมไป ขอขมาพระ ครูอาจารย์ บุพการี ฯลฯ ไปด้วยบ่อยๆ

    แม้นอกเวลาภาวนา คิดว่า อาจมีเศษกรรมเก่ามาบ้างที่ทำให้จิตส่วนหนึ่งเป็นอย่างนี้

    ....เอ้าขนาดนี้แล้ว เหลือแค่ ทำจริงๆแล้วครับ....ขอให้ก้าวหน้านะครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...