ทรงเปล่งพระวาจาปรารถนาพุทธภูมิ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย มหาพรหมราชา, 20 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. มหาพรหมราชา

    มหาพรหมราชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +903
    .พระสาครจักรพรรดิราช

    เมื่อพระเจ้าอติเทวะสวรรคตแล้ว ได้ทรงท่องเที่ยวเกิดเป็นมนุษย์บ้าง เป็นเทวดาบ้าง นับพระชาติไม่ถ้วน กระทั่งถึงเวลาหนึ่งเป็นสุญญกัป ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ พระโพธิสัตว์ของเรามาเกิดเป็นมนุษย์ธรรมดา บรรพชาเป็นดาบสอยู่ในป่าหิมวันต์ เพียรภาวนาจนได้ปฐมฌาน ตายแล้วไปบังเกิดในพรหมโลก จุติจากพรหมโลกมาบังเกิดเป็นราชตระกูล ณ ธัญญวดีนคร ทรงพระนามว่า พระสาครจักรพรรดิราช เสวยราชสมบัติในทวีปทั้ง ๔ ครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ประชาชนอยู่ร่มเย็นเป็นสุขทั่วหน้า

    ในวันอุโบสถพระองค์ทรงถือศีลอุโบสถอยู่เนืองนิจ บุญจึงบันดาลให้สัตตรัตนะแก้ว ๗ ประการ บังเกิดขึ้นแก่พระองค์ ได้แก่ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว ขุนคลังแก้ว และขุนพลแก้ว

    เวลานั้นเองสมเด็จพระปุราณศากยมุนีโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญบารมีมาครบ ๑๖ อสงไขยแสนมหากัป เกิดในจักรพรรดิราชตระกูลเสวยโลกียสุข ในฆราวาสอยู่ห้าพันปี ทรงเบื่อหน่ายเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๘ เดือน จึงตรัสรู้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ขณะที่พระองค์ทรงแสดงพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตรตามพุทธประเพณี เป็นเหตุให้เกิดโกลาหล แผ่นดินไหวใหญ่ทั่วโลกธาตุ ทำให้จักรแก้วของพระเจ้าสาครจักรพรรดิพระโพธิสัตว์เคลื่อนตกจากที่ตั้ง

    ธรรมดาการที่จักรแก้วจะเคลื่อนจากที่ได้เอง มีสาเหตุอยู่ ๒ ประการ คือ

    ๑. จะมีอันตรายต่อพระชนม์ของพระเจ้าจักรพรรดิผู้เป็นเจ้าของ

    ๒. มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติขึ้นในโลก

    เหล่าโหราจารย์ตรวจดูแล้วลงมติว่า เป็นเพราะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบังเกิดขึ้น พระสาครจักรพรรดิราชทรงมีปีติโสมนัส ตรัสสั่งให้เตรียมเครื่องสักการะเป็นอันมาก พร้อมด้วยข้าราชบริพารเป็นขบวนยาวถึง ๑๒ โยชน์ มายังสำนึกพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถวายอภิวาทและทำการสักการบูชา ทรงสดับพระธรรมเทศนาแล้วยิ่งเพิ่มความปีติเลื่อมใส ตรัสสั่งให้สร้างเสนาสนะต่างๆ เช่น วิหาร กุฏิ ศาลา ฯลฯ อย่างละแสน ส่วนพระคันธกุฎีทำด้วยแก่นจันทร์อันเป็นไม้มีกลิ่นหอม

    ครั้นแล้วจึงถวายเป็นสหัสสทานแด่พระภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานพร้อมทรงเปล่งพระวาจาว่า ด้วยอานิสงส์ผลทานครั้งนี้ ขอให้พระองค์ได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต ให้มีพระนามว่า โคตมะ ดังเช่นพระนามของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

    พระปุราณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสเตือนพระทัยพระเจ้าสาครจักรพรรดิราชว่า การสร้างบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นยากลำบากมาก มีอุปสรรคหนักหนาสาหัส อุปมาแล้วเหมือนต้องเดินทางเท้าเปล่าไปบนเถ้าถ่านร้อนระอุจากฟากหนึ่งของจักรวาลไปยังอีกฟากหนึ่ง ซึ่งเป็นระยะทางยาวไกล หรือเหมือนเดินตะลุยเท้าเปล่าฝ่าถ่านเพลิงที่มีไฟลุกโชติช่วงข้ามไปอีกฟากหนึ่งของโลกธาตุ หรือเหมือนว่ายไปในน้ำทองแดงที่ร้อนระอุละลายเหลวระหว่างซอกภูเขาเหล็กที่ลุกเป็นไฟโพลงอยู่ ไม่รู้ดับ เรียงรายไปตลอดระยะทางข้ามไปอีกฟากหนึ่งของจักรวาล

    ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ จะต้องมีน้ำใจกล้าหาญทำตามดังที่อุปมานั้นได้ โดยมิอาลัยเลือดเนื้อและชีวิต จึงจะพอประสบความสำเร็จ

    พระเจ้าสาครจักรพรรดิราช แม้ได้สดับอุปมาต่างๆ ดังนี้แล้ว ก็ทรงยืนยันด้วยพระทัยตั้งมั่นเด็ดเดี่ยว ตรัสย้ำว่า แม้จะต้องบุกฝ่าผ่านอเวจีมหานรก พระองค์ก็จะเสด็จไปให้จงได้

    สมเด็จพระปุราณศากยมุนีโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นถึงความตั้งพระทัยมั่นคงดังนั้น จึงทรงพิจารณาไปในอนาคตังสญาณก็ทราบชัดว่า พระราชาผู้ยิ่งใหญ่นี้จะสำเร็จกิจสมพระหฤทัยในเวลาต่อไปอีก ๑๓ อสงไขยแสนกัป แต่เนื่องจากพระชาตินี้ยังมีธรรมสโมธานไม่บริบูรณ์ คือยังไม่ใช่บรรพชิต จึงมิได้ตรัสพยากรณ์ เพียงแต่ทรงขอให้พระเจ้าสาครจักรพรรดิราชทรงตั้งพระทัยปฏิบัติพุทธการธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ได้แก่การบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการ ทั้งขึ้นธรรมดา (ระดับต้น) ระดับกลาง และระดับสูงสุด เรียกว่าสมดึงสบารมี รวมทั้งบำเพ็ญปัญจมหาบริจาค คือบริจาคสิ่งสำคัญ ๕ ประการ มี ทรัพย์ บุตร ภรรยา กายและชีวิต เมื่อบำเพ็ญได้สมบูรณ์ครบถ้วนดังนี้แล้ว จึงจะสามารถสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้

    พระเจ้าสาครจักรพรรดิราชทรงปีติโสมนัสเป็นล้นพ้น ราวกับจะได้ตรัสรู้ในเวลาวันนั้น หรือรุ่งขึ้น ทรงสละจักรพรรดิสมบัติ กับรัตนะทั้ง ๗ ประการ ไว้ทะนุบำรุงพระศาสนาแล้วเสด็จออกบรรพชาศึกษาคันถธุระเชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก แล้วบำเพ็ญสมถภาวนาทำฌานอภิญญามิให้เสื่อม สิ้นพระชนม์แล้วไปเกิดในสุคติภพ

    ภพชาติต่อจากนั้น พระโพธิสัตว์ของเราทั้งหลาย ไม่เสื่อมคลายความเพียรที่ทรงตั้งพระทัยที่จะปฏิบัติเพื่อบรรลุพระสัพพัญญุตญาณแม้แต่พระชาติเดียว พระองค์ทรงบำเพ็ญอธิการ และเปล่งพระวาจาขอเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งบ้างในอนาคต ต่อพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่ทรงพบทุกพระชาติเป็นเวลายาวนานถึง ๙ อสงไขยกัป เป็นจำนวนพระพุทธเจ้าถึง ๓๘๗,๐๐๐ พระองค์

    สมัยต่อมาพระโพธิสัตว์ทรงเกิดในเวลาที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในมหากัปเดียวกัน ๔ พระองค์ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ตันหันกระ เมธังกระ สรณังกระ และทีปังกระ …

    ที่มา :: ธรรมะประจำวัน :: - ทรงเปล่งพระวาจาปรารถนาพุทธภูมิ และได้รับพุทธพยากรณ์ (ตอน ๑)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2014
  2. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ...ข้าพระพุทธเจ้า ขอกราบกรานแทบเบื้องพระยุคลบาท องค์สมเด็จพระสมณโคดมพุทธเจ้า ผู้ทรงมหากรุณาธิคุณ ชี้ทางปวงสัตว์สู่พระนิพพาน

    ... ด้วยบุญที่ข้าฯ นมัสการพระพุทธคุณ จงเป็นปัจจัยให้ได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระพุทธมหามุนีธัมมะสามีวิริยาธิกะสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคตกาล เพื่อปลดเปลื้องปวงสัตว์สู่พระนิพพาน

    ... ตราบใดที่ข้าพเจ้ายังเป็นผู้มีบารมียังอ่อน ยังจักต้องเร่ร่อนไปในชาติภพใดๆ ขอความท้อแท้เหนื่อยหน่ายคลายความเพียรในการสร้างพระโพธิญาณและการลาพุทธภูมิจงอย่าพึงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเลย นับตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ ฯ.

    ... ขอแสดงความเห็นนิดหนึ่งครับที่ว่า

    ... ผมว่าจำนวนพระพุทธเจ้ามากเกินไป ถ้าสัก ๓๘ องค์นี่ก็ค่อยพอฟังหน่อย เพราะในสมัยก่อนๆ พระพุทธเจ้าโดยมากเป็นวิริยาธิกะ และระยะห่างของกาลตรัสรู้นั้น บางองค์ห่างกันเป็นอสงไขย

    ... ดูตัวอย่างองค์พระปัจจุบัน ๔ อสงไขย แสนกัป พบพระพุทธเจ้า ๒๔ พระองค์ และหลังจากหมดศาสนาพระศรีอาริย์ จนถึงศาสนาพระสุมงคลพุทธเจ้า เป็นระยะเวลา ๕ อสงไขย ๕๐๐,๐๐๐ กัป มีพระพุทธเจ้าแค่ ๑๐ พระองค์ ขอทุกท่านโปรดพิจารณาด้วยครับ ผิดถูกประการใดกระผมขอรับผิดเพียงผู้เดียว
     
  3. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    จากเนื้อหา ที่ จขกท. นำมาลง

    เห็นได้ว่า การเปล่งวาจาปราถนาพุทธภูมิ เพื่อรับพยากรณ์ ในพระเจ้าสาครจักรพรรดิราช นั้น

    เป็นการกล่าว ที่อยู่ในฐาน ของมหากุศลจิต ดีพร้อม และกล่าวเฉพาะพระพักตร์พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นประธาน

    และเห็นได้ว่ามีปูทางสร้างกุศโลบายให้จิตมีกำลัง ด้วยการสร้างสหัสสทาน {(พันชนิด)
    (ตามเหตุปัจจัยของผู้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์)}

    แล้วเปล่งวาจาอธิษฐาน ด้วยความเบิกบานแช่มชื่น เป็นกุศลจิต ด้วย โสมนัสญาณสัมปยุต

    หรือ มหัคคตกุศลใดๆ ที่เป็นความแน่วแน่ มั่นคง ไร้ความลังเลสังสัยกังวล ไม่มั่นใจ ไม่ถูกนิวรณ์ครอบ

    ซึ่งจิตที่มีกำลัง ไม่จืดชืดแห้งเหี่ยว เหล่านี้ ย่อมต้องประสบผลสำเร็จ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2014
  4. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    อนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ ระยะเวลาไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับผู้ปรารถนาปฏิบัติสั่งสมบารมี มีความยินดีในการสั่งสมแล้วเห็นคุณและอานิสงส์กระทำโดยมีสติระลึกรู้ด้วยปัญญาย่อมเจริญได้ในธรรม ที่เป็นสิ่งที่ทำไห้ท้อใจ เรามองว่าเวลานั้นช่างยาวนานนักสำหรับสิ่งที่มุ่งหวังปรารถนา แต่ทางเดินไปด้วยใจที่ตั้งมั่นแล้วย่อมผ่านอุปสรรคไปได้ เปรียบเสมือนบุคคลผู้ที่ทำกิจการงานเพื่อสะสมหาทรัพย์ ย่อมกระทำทุกวิถีทางให้ได้มาได้โดยทรัพย์อันมากมาย ผู้ที่กระทำย่อมเล็งเห็นประโยชน์ในการทำงานทุกอย่างเพื่อให้ได้มาโดยทรัพย์นั้น
    แม้เราผู้เห็นอานิสงส์เป็นแรงบันดาลใจที่จะสะสมทรัพย์เราก็จะมุ่งมั่นหมั่นกระทำกิจการงานด้วยความมุ่งมั่นเป็นสัจจะอธิษฐานแล้วย่อมเข้าถึงคุณประโยชน์และอานิสงส์ที่กระทำนั้นเป็นการสะสมทรัพย์ภายในด้วยใจที่ม่งมั่นต่ออนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
     
  5. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2014
  6. wayokasin

    wayokasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +277
    ตัวข้าน้อยเอง ติดเล่นไปบ้าง ตกอยู่ภายใต้ ตัญหาบ้าง ราคะบ้าง (บ่อย) แต่อย่างน้อยขอให้สิ่ง ตั้งใจและปรารถนา อย่าได้เปลี่นนแปลง

    บางครั้งก็ลังเล ว่าเราจะไปได้ใกลแค่ไหน ทางเดินอันยาวนานแสนไกลนี้ มีบ้าง(แต่ไม่บ่อย) อยากตัดช่องน้อยแต่พอตัว นิพพานแค่เราพอแล้ว สุดท้ายก็ตัดใจไม่ลง เห็นคนที่เขาไม่รู้เรื่องบาป บุญอะไรเลย วันๆทำได้แค่หาเงินมาก ๆ และใช้ชีวิต สุข สนุกสนาน ในโลก ทำให้คิดว่าคนเหล่านี้จะเห็นธรรมได้เมื่อใด จะหลุดพ้นได้เมื่อใด หาเงินเก่งมาก ร่ำรวย ครองวัตถุในโลกได้มาก ชิ้น แต่เป็นปุถุชนเต็มขั้น แต่ภายใน กลับเป็นใบล่านเปล่าๆไร้แก่นสาร สำหรับพวกเขาแล้ว โลกนี้ เหมือนกับสวนสนุก ขนาดใหญ่ ยังมีอะไรให้ สนุกบันเทิงอีกมากมาย ความพ้นโลกจึงคิดว่าไม่จำเป็น ไม่ต้องหาทางดับทุกข์ จะหาไปทำไม ใช้ชีวิตให้มีความสุขก็พอแล้ว ไม่ต้องไปคิดมาก ...

    ทำให้ตกใจมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น. จึงคิดว่าไปคนเดียวซะดี มั้ง. แต่เมื่ออยู่ที่สูงและมองลงมา กลับรู้สึกว่า น่าสงสารมาก ควรจะมีผู้ชี้ทาง ที่ไม่ต้องมาเกิดอีก ให้กับเขาบ้าง เรามีโอกาสดีได้เจอของดี แต่คนอื่น ๆกลับไม่มีโอกาสรู้ :cool:

    ถ้าเราไปคนเดียวแล้ว หลุดพ้นอยู่ผู้เดียว และไม่สามารถฉุดช่วย โปรด ช่วยสอน ได้อีกต่อไป ทุกอย่างถูกตัดขาดแล้ว. ตัวเราหลุดพ้นแล้ว แต่คนมากมาย ยังติดอยู่ในโลก ออกไม่ได้ และเราทำอะไรไม่ได้อีก. เราคงเสียใจมาก พวกเขากำลังตกในทะเลทุกข์

    แน่นอนว่า คนที่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม มีอยู่นับแสน แต่สัตว์โลก มีเป็น ล้านคนที่บารมีเต็มแล้วและถึงพร้อมมากกว่าเราก็มีอยู่ บ้างครั้งคิดว่าไม่จำเป็นตัองมีเรา ก็ได้ มีคนที่รอช่วยสัตว์โลก อีกหลายคน :cool:

    แต่เราจะทนได้หรือ? พอมองลงมาแล้ว ช่วยใครไม่ได้เลย ต้องเห็นเขาทุกข์. ตาย เกิด ตาย. เกิด อยู่แบบนั้น :'(.

    แต่ก็ตัดใจไม่ลงสักที ถ้าเรายอมแค่ 1คน อดทนรอ. คนอีก นับ10000 นับแสน จะหลุดพ้นตามไปด้วยการเสียสละนี้ ก็ถือว่าถูกมาก คุ้มมาก
    ไม่ทราบ พระโพธิสัตว์ ท่านอื่น คิดเห็นเป็นประการใด
    บางที มันก็มีท้อไปบ้างในบาง อารมณ์ :'(
     

แชร์หน้านี้

Loading...